ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

อักขระวิเศษ บทที่10

เริ่มโดย joker socool, พฤศจิกายน 06, 2017, 12:18:54 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

xijikoh

เนื้อเรื่องเริ่มเข้มข้น ทั้งต้องง้อแฟน ทั้งต้องเก็บอักษร ขโมยตัวตนอีก

dick1050

เรื่องนี้ต้องตั้งใจอ่านๆแล้วต้องจดไว้ด้วยว่าได้ตัวอักษรอะไรมาแล้วบ้าง สนุกดีครับ กำลังรอดูว่าจะเปลี่ยนร่างอย่างไรกับใครที่ไหน
Make love Not War

A Space

น้องเหนิงก็ดุอยู่นะ แต่หยุดเขาไม่ได้จริงๆคนๆนี้

nakarinrodchura


nakarinrodchura

งานนี้ต้องง้อด้วยดุ้นวิเศษ

dedeath

ง้อด้วยดุ้นเต็มเงี่ยง ยสตน


Thanongsak

 ::YehYeh::เยี่ยมเบย
อ้างจาก: joker socool เมื่อ พฤศจิกายน 06, 2017, 12:18:54 ก่อนเที่ยง
เรื่องต่อไปนี้เป็นเรื่องแต่ง  บุคคลภายในเรื่องเป็นบุคคลในจินตนาการไม่ได้มีเค้าโครงจากเรื่องจริงแต่อย่างใด


ต้องขอบคุณคุณ testman ที่มาแนะนำให้ผมลงส่วนที่อัพเดทเพิ่มของบทที่ 9 ไว้ในบทที่ 10ครับ มีคำแนะนำอะไรสำหรับบทนี้กันอีกยินดีรับฟังและถ้าทำได้จะนำไปปรับปรุงครับ






บทที่9 ในส่วนของ 60 , 70 และ 100%



      แสงตะวันขึ้นจากขอบฟ้าเกือบเต็มดวงเมื่อผมลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความอ่อนเพลีย "เชี่ยเอ้ย! สายแล้วๆๆ  ไม่น่าดึกเลยกู"ผมสบถออกมาก่อนจะรีบเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนักศึกษา  ฉีดน้ำหอมแบบซักแห้งแล้วคว้ากระเป๋าออกจากห้องแถวโทรมๆวิ่งกระหืดกระหอบไปสุดซอย  โชคยังดีที่รถเมล์กำลังจะออกตัวผมเลยคว้าที่จับพุ่งขึ้นไปก่อนประตูจะปิดอย่างฉิวเฉียด...แม่งเอ้ย!  เหนื่อยแต่เช้าเลย...ผมรำพึงกับตัวเองก่อนจะควักเงินออกมาจายกระเป๋ารถเมล์อย่างยากลำบากกับสภาพคนแน่นๆในตอนสายแบบนี้


      "ฟู่ววว"ผมถอนหายใจ  พยายามทำตัวให้เหนื่อยน้อยที่สุดจะได้ไม่ต้องมีเหงื่อออกมาให้เหนียวเหนอะหนะเพราะแค่สภาพอัดกันเป็นปลากระป๋องแบบนี้มันก็ทรมานใจมากเกินพอแล้ว 


      ยังไม่ทันจะหายเหนื่อยดีผมก็เห็นใครคนหนึ่งยืนถัดจากผมไปข้างหน้าอยู่สองสามคน  ด้วยหุ่นที่คุ้นตาทำให้ผมรู้ทันทีว่าคนๆนั้นคือใครผมเลยจัดแจงค่อยๆแทรกตัวผ่านความแออัดเข้าไปอย่างยากลำบากจนคนข้างหน้าผมถึงกับมองมาแบบเคืองกับความไร้มารยาท  แต่ใครจะสนล่ะในเมื่อพี่แต้วยืนอยู่ข้างหน้านี่เองจะให้ไปยืนเบียดเสียดกับลุงๆป้าๆน่ะเหรอ  ขอมาเบียดกับเมียสาวคนสวยคนนี้ดีกว่า...เอ๊ะ!  หรือว่าจะทำอะไรมากกว่าเบียดดี...

         
      ผมนึกไปนึกมาอยู่ชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจแกล้งครูสาวให้ตกใจเล่นด้วยการจิ้มนิ้วชี้ไปยังชายโครงครูสาวเบาๆ "อย่าหันมาถ้าไม่อยากโดนเหล็กเสียบ"เสียงแหบพร่าที่ถูกดัดขึ้นกับการถูกนิ้วจิ้มเอวทำให้ครูสาวถึงกับสะดุ้งโหยงแต่ทำนิ่งไว้  นั่นยิ่งทำให้ผมได้ใจขึ้นไปอีก  "อยู่นิ่งๆอย่าโวยวายเดี๋ยวจะเจ็บตัว"ผมกำชับก่อนจะเลื่อนมืออีกข้างลงจากราวจับมาจับเอวเธอแทน


      พี่แต้วดูจะตื่นๆไม่น้อยถึงกับพยายามเบี่ยงสะโพกหลบแต่พอโดนผมกดนิ้วแรงขึ้นเลยต้องหยุดและปล่อยให้ผมค่อยๆลูบไล้บั้นท้ายงอนงามชวนเคลิ้มภายใต้กระโปรงพรีสสีดำสั้นแค่เข่า  "นิ่งๆไว้ขอแค่นิ้วพอ  แต่ถ้าโวยวายได้โดนเหล็กเสียบแน่" เสียงข่มขู่อันแหบพร่าของผมทำให้ครูสาวถึงกับตัวสั่นน้อยๆไม่กล้าแม้แต่จะขยับมันทำให้ผมยิ่งลูบคลึงบั้นท้ายงอนๆนั้นด้วยความย่ามใจก่อนจะล้วงมือหายเข้าไปใต้กระโปรง


      "!!!"

      พี่แต้วสะดุ้งกับสัมผัสมืออันหยาบกระด้างของผมที่ลูบไล้บนก้นเธอโดยมีแค่กางเกงในผ้าฝ้ายบางๆขวางไว้  ซึ่งผมไม่ได้รีบร้อนอะไรมากมายค่อยๆจับค่อยๆบีบก้นเนียนนิ่มนั่นช้าๆ  ป่ายมือลากผ่านร่องเนินเนื้อทีละน้อยให้เธอคุ้นชินอยู่สักพักก่อนจะเปลี่ยนเป็นวางนิ้วลงไปบนกรีบเนินอวบอูม


      พี่แต้วหนีบขาเข้าชิดกันในทันทีด้วยความหวาดกลัวแต่มีหรือจะพ้นมือผม  แค่ผมอาศัยจังหวะที่รถเบรคติดไฟแดงจนเราเซด้วยกันทั้งคู่  ตวัดเตะส้นเท้าเธอเบาๆให้แยกขาออกแล้วยืนสกัดขาไว้อย่างนั้นไม่ให้หุบได้ทุกอย่างก็เข้าทางผมหมด  ครูสาวจึงถูกผมถูไถนิ้วขึ้นลงช้าๆผ่านร่องแคมอันแฉะเยิ้มขึ้นมาถึงร่องก้นเรียกน้ำรักของเธอให้ออกมาเปียกลื่ยกางเกงในมาขึ้นเรื่อยๆ "ขอเข้าไปหน่อยนะ" ผมกระซิบเบาๆพอให้เธอได้ยินก่อนจะแหวกกางเกงในเยิ้มๆสอดนิ้วเข้าไปในร่องรักเปียกลื่นอย่างง่ายดายในทันที


      "อุ..."ครูสาวเผลอตัวอุทานเบาๆออกมาก่อนจะก้มหน้าลงข่มเสียงครางเอาไว้ระหว่างที่ถูกผมไชนิ้วเข้าไปเล่นสนุกในร่องสาวอย่างเมามันจนขาเธอสั่นพร้อมกับแรงตอดขมิบที่มีมากขึ้นและแน่นขึ้นเรื่อยๆ


      "แฉะมากแล้วนะ  ป้ายหน้าลงกันดีกว่า"ผมกระซิบแต่ผิดคิดเธอกลับส่ายหน้าช้าเหมือนจะปฎิเสธ  ผมเลยเอานิ้วจิ้มเอวเธแรงขึ้นอีก "จะลงดีๆหรือจะลงไปกองดีล่ะ" แต่คำขู่ผมกลับไม่ได้ผล  พี่แต้วกลับยิ่งขืนตัวหนีบขากลับอีกครั้งโดยไม่สนใจเลยว่านิ้วผมยังคาในร่องเธออยู่ "พี่แต้ว  ลงป้ายหน้ากันเถอะนะ  หันมาสิ"ผมกลับมาใช้เสียงปกติเรียกเธออีกครั้งพร้อมกับชักมือออกจากร่องสาวปล่อยให้เธอหันกลับมามอง  พอครูสาวเห็นว่าคนข้างหลังเธอเป็นใครก็ถึงกับเม้มปากถลึงตาใส่แม้ใบหน้าจะยังแดงก่ำอยู่ก็ตาม


      "เรานี่นะ!!"


      "ขอโทษน้า...ลงป้ายหน้ากันก่อนเถอะ"ผมขอแกมบังคับด้วยการจูงมือเธอฝ่าคนไปกดกริ่งรถเมล์  ไม่นานนักรถก็จอดสนิทปล่อยให้ผมลงโดยมีพี่แต้วตามมาแต่โดยดี


      "นี่ทำอะไรเนี่ยเกิดมีใครเห็นบนรถเมล์นั่นเราน่ะจะโดนนะ"


      "ห่วงเหรอ"ผมถามยิ้มๆแล้วจับมือพาเดินเข้าสวนสาธารณะหลังป้ายรถเมล์  พี่แต้วเดินตามผมมาต้อยๆอีกครั้งอย่างว่าง่าย


      "ห่วงสิถามได้"


      "เมื่อกี้ตอนชวนลงมาแล้วพี่ไม่ยอมลงผมดีใจมากเลยนะ  จะเก็บความสาวไว้ให้ผมคนเดียวใช่รึเปล่า"ผมรุกถามต่อจนครูสาวหน้าแดงก่ำ


      "พูดบ้าๆ  ห่วงลูกในท้องต่างหาก  ใครจะปล่อยให้ใครก็ไม่รู้มาทำให้ลูกพี่เจ็บล่ะ"


      "แล้วถ้าเป็นพ่อของลูกชวนล่ะพี่จะให้ทำมั้ย"ผมถามก่อนจะดึงมือเธอขึ้นมาจูบอย่างอ่อนโยนทำเอาครูสาวหน้าแดงถึงใบหูเม้มปากหลยตาเป็นระวิง


      "บ้า! เมื่อคืนแอบมาหาพี่แล้วยังไม่พออีกเหรอ"


      "ก้มีเมียสวยจะให้รู้จักพอได้ไงล่ะจริงมั้ย"ผมขโมยหอมแก้มเธออีกฟอดทำเอาครูสาวรีบเบี่ยงหน้าหลบ


      "ว้าย!  ตาบ้านี่เดี๋ยวคนอื่นเห็นหรอก"


      "งั้นเข้าห้องน้ำไปหอมกันคนจะได้ไม่เห็น"


      "ไม่เอาๆๆ"พี่แต้วรีบปฎิเสธแต่กลับไม่ได้ขัดขืนสักนิดเมื่อผมจูงเธอไปยังห้องน้ำหญิงภายในสวนสาธารณะ


      โขคดีที่เข้าไปแล้วยังไม่มีคนเข้ามาใช้ผมเลยเลือกไปเข้าห้องในสุด  ปิดประตูล็อคกลอนอย่างรวดเร็ว "ทีนี้ก็ไม่มีคนเห็นแล้วจริงมั้ย"ผมถาม  กอดครูคนสวยเข้ามาแนบชิดโย้มตัวเข้าไปหอมแก้มทั้งสองข้างฟอดแล้วฟอดเล่า "อืม...หอดดีจัง"


      "พอแล้วตาบ้า"พี่แต้วอมยิ้มขวยเขินภายในอ้อมกอด  เอามือสองข้างมายันอกผมไว้ "หอมพอรึยังจะได้ไปรอรถเมล์  นี่พี่จะสายแล้วนะ"


      "รู้อยู่ว่าผมพาเข้ามาทำอะไร"ผมกระซิบเสียงแหบโหยด้วยความต้องการล้ำลึก  พี่แต้วได้ฟังแล้วถึงกับเม้มปากน้อยๆก่อนจะถูกผมดันร่างเธอไปติดประตูแล้วตามไปประกบจูบขบเม้มแผ่วเบา


      ครูสาวไม่แม้แต่จะต่อต้านกลับยอมให้ผมขบเม้มริมฝีปากได้อย่างนุ่มนวลอ่อนโยนและค่อยๆเปิดปากส่งลิ้นออกมาหาผมเอง "อืมมมม  อืมมมม"เสียงครางในลำคอเราสองคนดังแผ่วเบาแต่พอที่จะให้เราได้ยิน  มันเหมือนเป็นเสียงกระตุ้นที่ทำให้มือเราทั้งสองคนเลื่อนลงมาช่วยกันปลดเข็มขัดแก้กางเกงผมลง


      "ครูแต้วระวังไปทำงานสายนะครับ"


      "ใครสนล่ะ  ทำแต้วอยากรับผิดชอบเลย"เธอจับเอ็นเนื้อแข็งเป็นอิสระค่อยๆรูดเปิดหัวถอกแดงก่ำออก  ก้มดูมันด้วยดวงตาหยาดเยิ้ม "ชอบสีนี้จัง  เห็นแล้วเสียวทุกทีเลย"เธอคุกเข่าลงแบบไม่สนใจสภาพพื้นห้องน้ำสักนิก  ริมฝีปากแดงด้วยลิปสติกค่อยๆอ้าอมท่อนเนื้อแข็งเข้าไปทั้งแท่งช้าๆ  ตวัดลิ้นเลียเคลือบน้ำลายให้ชุ่มโชก


      "อา...เป็นครูมาทำแบบนี้มันไม่เหมาะสมมั้งพี่  อูยย  เลียหัวแบบนี้ก็เสียวสิ...เมียจ๋า..."ผมครางออกมาด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย  แกล้งเรียกเมียให้สาวสวยตรงหว่างขามีอารมณ์ร่วมไปด้วยพร้อมกับใช้สองมือจิกหัวครูสาวที่มัดผมหางม้ารวบตึงให้โยกเข้าโยกออกเพื่อสร้างความเสียวให้มากขึ้นไปอีก "อา...ทั้งดูดทั้งเลียแบบนี้แหละใช่เลย  อา...แข็งจะแย่แล้วพอเถอะเมียจ๋า" ผมคลายมือออกจากผมที่เริ่มยุ่งเหยิงนิดๆปล่อยให้พี่แต้วได้คายท่อนเอ็นออกมาหอบหายใจนิดๆ


      "แคกๆ  ยาวเข้าไปในคอเลย  เมียเกือบอ้วกแหนะ"ครูสาวบ่น  ลุกขึเนดันผมให้นั่งลงบนฝาชักโครกก่อนจะอ้าขาขยับเข้าคร่อม  ในตำแหน่งนี้มันทำให้หน้าผมอยู่พอดีกับทรวงอกอูมอิ่ม  ซึ่งดูเหมือนเธอจะรู้ใจเพราะไม่ทันที่ผมจะได้ทำอะไรเธอก็ดึงหน้าผมเข้าซบกลางอกหอมกรุ่นทันที  แน่นอนว่าผมไม่มีทางปฎิเสธอยู่แล้วเลยยิ่งส่ายหน้าซุกไซ้กลางหว่างเต้าให้ครูสาวได้หลับตาครางอย่างเคลิบเคลิ้ม "อืมม  ดีจัง  เพิ่งเคยโดนแบบนี้เลยนะรู้มั้ย"

      
      "เต้าเมียทั้งนุ่มทั้งหอมมากเลย  คิดแล้วอยากให้ผัวของเมียไปทำงานเร็วๆจริงๆ"ผมเงยหน้าขึ้นรำพึงมองใบหน้าสวยที่ก้มลงมองผมกลับราวกับคุณแม่ผู้อบอุ่นอ่อนโยน  แต่ในระหว่างที่เรามองตาหวานซึ้งกันอยูมือผมก็ล้วงเข้าไปใต้กระโปรงเพื่อแหวกขอบกางเกงในครูสาวเปิดช่องทางเข้าสู่ปากร่องหยาดเยิ้มเรียบร้อย "นั่งลงมาที่รัก"


      พี่แต้วคลี่ยิ้มน้อยๆดูหวานล้ำ  ย่อตัวลงมาช้าๆให้เนินสาวอันบอบบางค่อยๆคลี่ตัวเปิดอ้ารับเอาเอ็นเนื้อแข็งเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในร่างกายเธอทีละนิด "...อุ...อูวว  อืมมม"เธอเงยหน้าขึ้นช้าๆหลับตาพริ้มและทิ้งน้ำหนักลงมากระทั่งแก่นกายจมหายเข้าไปในร่องเนื้อได้ทั้งแท่ง "ไม่ชินกับท่านี้สักที  ขอช้าๆนะเมียจุก"


      "ได้สิ"ผมยิ้มแสยะ  ก่อนจะปล่อยตัวปล่อยใจให้ครูสาวคนสวยเผยอริมฝีปากบดจูบและเดินเครื่องควบขี่อย่างเชื่องช้า "อืมมม  ข้างในตัวเมียมันอุ่นดีจัง...สบายควยผัวมากเลย"


      "อา...อา...ย-อย่าหยาบคายต่อหน้าลูกสิคะ  อา...ม-มัน...มันก็ทำเมียรู้สึกดีเหมือนกันนั่นแหละ  อา...เหมือนมัน ย-ยาวเข้ามาถึงสะดือเลย"


      "ของผัวที่บ้านยาวแบบนี้มั้ย"ผมถามระหว่างที่สองมือค่อยๆเลิกเสื้อและปลิ้นบราเธอออกไปด้วย


      "ย-อย่าพูดถึงเขาตอนนี้สิ  อูววว"พี่แต้วอุทาน  เลื่อนมือข้างหนึ่งขึ้นมากดหัวผมไว้นิ่ง  ปล่อยให้ทรวงอกกลมกลึงของว่าที่คุณแม่ถูกดูดเม้มด้วยอารมณ์รักคุกรุ่น "อา!  ย-อย่าเลียสิ ม-มันเสียวนะ อ๊ะ!!"ครูสาวหลุดปากอุทานออกมาก่อนจะยกมือขึ้นมาปิดปากตัวเองทัน  หน้านิ่วคิ้วขมวดกับการถูกฟันขบเน้นเบาๆที่ยอดอก  และยิ่งนิ่วหน้าก้มมองมากขึ้นอีกเมื่อผมไม่ยอมหยุดปาก  "อื้อ!!  อื้อ!!  อื้อ!!!"เธอจิกนิ้วเกร็งกับไหล่ผม  ส่ายหน้าไปมาราวกับต้องการจะห้าม  แต่ยิ่งถูกฟันแข็งๆขบคลึงเม็ดปทุมถันเธอกลับยิ่งส่ายเอวบดโยกหนักหน่วงขึ้นอีก  ยิ่งเพิ่มดีกรีความร้อนแรงขึ้นหลายเท่า  "อื้อ!!  อื้อ!!  อ๊ะ!!  อี๊ยยยย!!!"ครูสาวที่กำลังเด้งสะโพกโยกหนักอย่างเมามันถูกผมดึงมือทั้งสองข้างของเธอลงมาแนบร่างไม่ให้ปิดปากได้อีกและยังโยกเอวขึ้นกระแทกกลับจึงยิ่งทำให้ครูสาวคนสวยเชิดหน้าขึ้นร้องครางอย่างคนใกล้หลุดโลก


      "ร้องออกมาดังๆเลยเมียจ๋า  เรามาเสร็จพร้อมกันเลยนะที่รัก!"ผมคำรามลั่นพยายามยกเอวกระแทกรับบั้นท้ายงอนสวยแรงขึ้น  หนักขึ้นและถี่ขึ้นกระทั่งพี่แต้วทนกลั้นเสียงอีกต่อไปไม่ไหว


      "อ๊ะ!!  ผัว!!  อ๊ะ!!  อ๊ะ!!  อ๊ายยย!!!!!"พี่แต้วร้องลั่น  ทิ้งตัวลงอัดเนินเนื้อฉ่ำลงมารับเข้าไปสุดโคนเอ็น  ภายในกลีบสาวกระตุกตอดระรัวเรียกเอาน้ำกามคาวข้นให้ต้องพ่นออกมาจากอาวุธแข็งแกร่งเข้าสู่โพรงสวรรค์อันเป็นเป้าหมายอย่างมากมายเหลือล้น


      เรานิ่งซึมซับความซ่านสยิวกันอยู่ครู่สั้นๆก่อนจะผ่อนลมหายใจหอบหนักออกมาและค่อยๆกอดจูบกันอีกครั้งด้วยความแช่มชื่น


      "สายแล้วไม่มีสอนเหรอครับครูแต้ว"


      "แล้วที่สายนี่เพราะใครล่ะ..."ครูสาวกระตุกยิ้มมุมปากก่อนจะจูบประทับรอยลิปสติกกับแก้มผม "หมดแรงลุกเลยเนี่ย  ช่วยหน่อยได้มั้ย"


      "ได้สิ"ผมพยักหน้ายิ้มๆจับครูสาวยืนขึ้น  ถอนลำเอ็นที่ถูกดูดจนกลายเป็นสุญญากาศออก


บล็อค!!


      เสียงเบาแต่เร้าใจดังพอให้เราสองคนได้ยิน  พี่แต้วหน้าแดงก่ำมองค้อนและตีไหล่ผมเป็นเชิงตัดพ้อ "ตาบ้า...ปล่อยน้ำเข้ามาซะเยอะเลย  ไปซื้อผ้าอนามัยมาให้เลยนะ"


      "ได้เลยครับครูแต้ว  เดินไม่ไหวล่ะสิขาสั่นแบบนี้  นั่งพักก่อนนะเดี๋ยวไปซื้อมาให้"


      "พาไปส่งโรงเรียนด้วยนะ"


      "จ้าๆ"






      กว่าจะมาถึงมหาลัยก็เกือบ 10 โมง  แถมวิชาเช้าเรียน 9 โมง ถึงเที่ยงอีก  เท่ากับว่าผมมาสายไม่ทันคาบเช้าไปซะแล้ว  พอคิดได้อย่างนั้นผมเลยจำใจเดินเอื่อยๆไปทางห้องชมรม  หวังจะเข้าไปนั่งเล่นเพลินๆในห้องแอร์เย็นๆจนกว่าจะเที่ยงแล้วค่อยออกมาหาอะไรกินแล้วไปเรียนช่วงบ่ายแทน


      มาถึงห้องชมรมผมก็เข้าห้องส่วนตัวไปเอนตัวลงนั่งพักเหนื่อยทั้งจากอากาศที่ร้อนและอาการวิงเวียนนิดๆของคนเพิ่งเสียน้ำมาหยกๆ  กระทั่งค่อยรู้สึกผ่อนคลายขึ้นถึงตบหน้าตัวเองเบาๆ


      "ตื่นๆๆ  เฮ่ยตื่นสิวะ!!!"


เพี๊ยะ!!


      "โอ้ย!!"ผมสะดุ้งโหยง  ตื่นขึ้นมาด้วยอาการงงงวยกับความเจ็บปวดร้อนผ่าวบนแก้ม  สายตาผมค่อยๆรับข้อมูลจากสภาพรอบข้างอย่างงงๆก่อนสมองจะเริ่มทำงานอีกครั้ง "เชี่ย!! สายแล้ว"


...เออ  สายแล้ว  อยู่ ม.แล้ว  เอ็งน่ะตื่นสายข้าเลยพามา ม.เองเลย...


      "ว่าไงนะ!?!  นี่แกแอบใช้ร่างอีกแล้วเหรอ"


...นี่ช่วยนะเว่ย! ตื่นสายแล้วยังจะมาโวยวาย  แต่ข้าก็ตื่นสายเหมือนกันว่ะ  เข้าเรียนคาบเช้าไม่ทันแล้วเลยพามานั่งในนี้แทน...


      "...เออๆ  ขอโทษด้วยนะ  ขอบใจมากที่พามา ม.  ยังไงคาบเช้าก็ไม่ใช่วิชาสำคัญอะไรอยู่แล้วค่อยเข้าบ่ายๆก็ได้" ผมบอกออกไปอย่างไม่ค่อยรู้สึกซีเรียสนัก "แต่ช่วงนี้แปลกๆว่ะ  เพลียเป็นบ้าเลย"


...ก็เล่นสาวซะไม่ได้พักอย่างนี้  แถมบอกให้เก็บอักษรก็ไม่ค่อยจะไปหามาเพิ่มมันก็ต้องเพลียสิวะ...


      "แกนี่มันฮาว่ะ  อย่างกับว่าจะไปหาง่ายๆ...เออ  พูดถึงเรื่องนี้แล้วนึกขึ้นได้  เมื่อวานที่พูดเรื่องวิธีขโมยตัวตนนี่มันคือยังไงอธิบายมาหน่อยเถอะ"ผมถามไอ้ตัวแกงเกอร์ด้วยความสงสัย


...ก็อย่างที่เคยบอก  เดิมทีเหล่าคีพเปอร์คือพ่อมดผู้รักษาอักษรแห่งโลกอีกมิติที่ช่วยใช้ถ้อยคำสร้างโลกนี้ขึ้นมาให้น่าอยู่ยิ่งขึ้น  ในเมื่อเราเป็นพ่อมดเราก็ต้องใช้เวทย์ได้อยู่แล้ว...


      "อธิบายซะยืดเลย  เรื่องใช้เวทได้ไม่ได้ยังไงนั่นช่างมันเถอะ  เข้าเรื่องได้แล้ว  จะขโมยตัวตนใครได้  ในเมื่อตัวตนใครก็ตัวตนมันอยู่แล้ว  ให้ไปแทนที่คนอื่นแล้วให้คนอื่นมารับกรรมแทนแบบนี้ไม่เอาด้วยหรอกนะ"


...เรื่องนั้นเอ็งก็ตัดสินใจเอาเองสิวะ  ว่าจะขโมยตัวตนใคร  แต่บอกไว้ตรงนี้ให้เข้าใจเลยนะว่าตัวตนมันไม่ใช่อัตลักษณ์  ตัวตนคือการคงอยู่ของสิ่งของหรือบุคคลบนโลกนี้  แต่อัตลักษณ์คือสิ่งที่แสดงออกถึงความแตกต่างของตัวตนในคนหรือสิ่งของนั้นๆ  อย่างเอ็งที่ไม่มีตัวตน  ประวัติหรือข้อมูลเอ็งที่เป็นอัตลักษณ์ของเอ็งจะไม่สามารถแสดงออกมาให้คนอื่นเห็นได้  รวมทั้งร่างกายที่เป็นอัตลักษณ์ของเอ็งก็จะค่อยๆจางหายไปเพราะไม่มีตัวตนให้แสดงออกมาบนโลกใบนี้  เพราะงั้นไม่ว่าเอ็งจะไปขโมยตัวตนใครมา  ก็เหมือนเอ็งได้มีตัวตนเพื่อแสดงอีตลักษณ์ของเอ็งให้ชัดเจนขึ้นมาอีกครั้ง  เอ็งจะขโมยตัวคนใครมาก็ได้ไม่ได้หมายความว่าเอ็นต้องไปแทนที่คนนั้น...


      "งั้นถ้าขโมยตัวตนของโต๊ะหรือเก้าอี้มาแทนได้มั้นล่ะ"


...ข้าว่าข้าเคยอธิบายให้เอ็งฟังแล้วนะไอ้กะโหลกหนา  ตัวตนสิ่งไม่มีชีวิต  ขโมยมาใช้  เอ็นก็จะค่อยๆเป็นสิ่งไม่มีชีวิตไงล่ะ  แต่ถ้าเอ็งจะไปขโมยสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่คนมา  เอ็งก็จะมีตัวตนเหมือนสิ่งมีชีวิตที่เอ็งขโมยมา  สรุปนะ  ถ้าอยากเป็นคน  เอ็นต้องขโมยตัวตนของคนมาเท่านั้น  ข้าไม่อธิบายซ้ำแล้วนะ  หงุดหงิดโว้ย!...


      "เอาน่ะๆ  ใจเย็นๆก่อน" ผมรีบปลอบ  ก็อย่างว่าแหละนะคนมันสงสัยถ้าทำคนอธิบายได้แค่คนเดียวโกรธก็ไม่ได้คำตอบอื่นพอดีน่ะสิ "ไม่ถามเรื่องพวกนั้นแล้วโอเคมั้ย"


...งั้นก็ดี  เข้าเรื่องเลย  วิธีขโมยตัวตนที่เอ็งต้องเรียนและต้องเรียนให้รู้เรื่องด้วยเพราะข้ามีหน้าที่ปกป้องชีวิตเอ็งกับข้าไว้...





      จากนั้นแกงเกอร์ก็สอนเนเรื่องวิธีการขโมยตัวตน  พื้นฐานการใช้มนต์ของคีพเปอร์มีหลักใหญ่อยู่ 3 อย่างคือ


    1.วงเวทย์


    2.เวทย์


    3.ต้องเป็นผู้มีเลือดของผู้รักษาอักษร





      การร่ายเวทย์ไม่จำเป็นต้องใช้วงเวทย์เพียงให้เงื่อนไขของการใช้คาถานั้นๆตรงกับที่คาถาต้องการก็พอแต่วงเวทย์จำเป็นต้องร่ายเวทปลุกเพื่อให้วงเวทย์ทำงานไม่ว่าเงื่อนไขนั้นจะครบหรือไม่เพียงแค่เป้าหมายอยู่ในวงเวทย์ก็จะสำฤทธิ์ผล


      วงเวทย์จะมีหลายแบบหลายวิธีใช้แต่เวทที่ใช้ปลุกวงเวทจะมีเพียงคาถาเดียวคือ


      "ข้าขอน้อมอัญเขิญทวยเทพแห่งอักษรปลุกปลอบและปลดปล่อยอักขราเวทย์ให้เป็นอิสระจากพันธกาลด้วยเถิด"


      พอร่ายเวทย์เสร็จแล้วแค่เพ่งจิตไปยังวงเวทนั้น  จะอยู่ที่ไหนขอแค่ให้จำได้และรู้ว่าเป็นวงเวทอะไรมันก็จะทำงานทันที





      ผมฟังแกงเกอร์อธิบายแล้วออกจะมึนๆเหมือนโดนอัดข้อมูลจำนวนมากเข้าหัวในทีเดียวเลยต้องถามไอ้เจ้าอาจารย์ผู้กวนประสาทไปหน่อย "แล้วที่อธิบายมานี่มันสำคัญยังไงต้องจำอะไรบ้างเนี่ย"


...ที่ข้าสอนคืนพื้นฐานที่ต้องจำแต่เอาง่ายๆนะ  เอ็งต้องจำเวย์บทนี้บทเดียวเพื่อเอาไปปลุกวงเวทย์ที่ข้าจะสอนให้เขียน  จำแค่นั้นพอ  ถ้าจำไม่ได้อีกข้าคงหมดปัญญาช่ายแล้วล่ะ...


      "คาถามันยาวอยู่นะจะให้จำทีเดียวหมดได้ไง  พอจะมีหนังสือแนะนำมั้ย  แบบหนังสือเวทย์อะไรอย่างนี้น่ะ"


...เอ็งก็จดสิวะ  ตำราเวทย์อย่างที่เอ็งว่าน่ะไม่มีหรอกนะ  ความรู้มันถ่ายทอดกันทางสายเลือดคีพเปอร์เท่านั้นแหละ  และข้านี่แหละคือความรู้  คือตำราเวทย์ที่จะสอนเอ็ง  สรุปคือถ้าจำไม่ได้ไปหาอะไรจดซะ...


      "โอเคๆๆ  เดี๋ยวไปหากระดาษแป๊บ"ผมรีบหยิบ A4 ปึกนึงออกมาจากกระเป๋าจดตามที่มันสอนผมทันที


...จดแล้วท้องจำให้ขึ้นใจเร็วๆด้วยนะ  แค่คาถาบทเดียวอย่าช้านักเพราะข้าไม่มีเวลามาเอ้อระเหยกับเอ็งมากหรอกนะ  รีบๆจดข้าจะได้สอนเอ็งเขียนวงเวทย์ต่อ...


      "เออๆเสร็จแล้วๆ  ต่อเลย"


...งั้นจดแล้วจำให้ขึ้นใจนะ  วงเวทย์เป็นศาสตร์แห่งรูปร่างที่มีมายาวนานแล้ว  วงกลมคือความไม่สิ้นสุด  ความมหาศาลหรือก็คือการเพิ่มพลังให้อักษรที่ไม่ได้เปล่งถ้อยคำออกมาให้มีพลังเทียบเท่ากับการร่ายเวทย์ปกติ


      "ประมาณว่าเป็นวงจรทวีแรงดัน  เพิ่มโวล์ตของไฟฟ้าอะไรทำนองนั้นสินะ"


...อ่า...เอาเป็นว่าอย่างที่เอ็งเข้าใจง่ายๆนั่นแหละ  เรียกวงจรทวีแรงดันก็ได้  เพราะงั้นทุกครั้งที่วาดวงเวทย์ต้องมีวงกลมเป็นองค์ประกอบหลัก  เป็นสิ่งที่ล้อมกรอบเวทย์คาถาที่ต้องการจะให้แสดงผล  เข้าใจนะ...


      "อ่า  เข้าใจๆ"


...และที่ข้าบอกไว้ว่า  การใช้วงเวทย์ไม่ต้องสร้างเงื่อนไขให้ครบอย่างตอนร่ายคาถาก็เพราะเอ็งต้องเขียนเงื่อนไขทั้งหมดของคาถาเอาไว้ในวงเวทย์แล้ว  เงื่อนไขนั้นห้ามขาดเด็ดขาดแต่จะเขียนเกินก็ไม่ได้ไม่งั้นคาถาจะไม่เป็นผล...


      "ไอ้เงื่อนไขนี่มันคือยังไง  ไม่เห็นเข้าใจเลย"


...เออ  ข้าจะอธิบายอยู่นี่ไง  อย่างที่เอ็งโดนคาถาขโมยตัวตนมันมีเงื่อนไขคาถาว่า  คนที่จะร่ายคาถาต้องสร้างรอยแผลและดื่มเลือดของเป้าหมายเข้าไปก่อนจะร่ายคาถา  นั่นแหละเอ็งถึงจะโดนขโมยตัวตนได้  แต่ถ้าใช้วงเวทย์เอ็งต้องเขียนเงื่อนไขเช่นคำว่า  รอยแผล  เลือด  การกินดื่ม  อะไรประมาณนี้เพื่อให้ครบเงื่อนไขของคาถานี้...


      "อ้อ...อย่างนี้นี่เอง"ผมรีบจดกันลืมอย่างรวดเร็ว  อันที่จริงก็จดไม่ต่อยทันหรอกเพราะมันไม่รอผมเลยสักนิดแต่ก็พยายามจะจดให้หมดทุกคำ


...ที่สำคัญ  หลังจากที่เอ็งเขียนแล้ว  เอ็งต้องจำวงเวทย์ที่เอ็งเขียนให้ได้ว่าอยู่ที่ไหน  แค่จำได้หรือมองเห็นแล้วรู้ว่ามันคือวงเวทย์อะไรเอ็งก็สามารถสั่งให้มันทำงานเมื่อไหร่ก็ได้ตามแต่เอ็งจะพอใจ  แต่ถ้าเอ็งจำไม่ได้หรือไม่รู้ว่ามันคือวงเวทย์อะไร  ไม่ว่าเอ็งจะร่ายเวทย์ปลุกยังไงมันก็ไม่แสดงผลแน่นอน...


      "คือ...ต้องวาดวงเวทย์ให้ได้แล้วยังต้องจำคาถาปลุกวงเวทย์อีก  คือยากว่ะ  จะให้จำหมดได้ไงวะ"ผมเริ่มจะหมดกำลังใจจะเรียนรู้ต่อเพราะจะวาดวงเวทย์วงนึงต้องจำคาถาที่จะท่องให้ได้  จำเงื่อนไขให้ได้แถมยังต้องจำคาถาปลุกให้ได้อีก  สำหรับผมนี่มันอย่างกับต้องเรียนการเป็นพ่อมดด้วยวิธีลัดแบบไม่มีพื้นฐานเลยสักนิด ซึ่งแน่นอนว่าทำไม่ได้หรอก


...เอ็งนี่มันยุ่งยากจริง  เอาเป็นว่าลืมๆพื้นฐานไปให้หมดเลยแล้วกัน  แล้วให้ข้ายืมแขนเอ็งแป๊บ  ข้าจะวาดวงเวทย์สำเร็จรูปให้เอ็งดูแล้วหัดวาดให้เหมือนด้วยล่ะ  วงเวทย์ที่ข้าจะวาดข้าจะเขียนเวทย์ปลุกกำกับเข้าไปด้วยเพราะงั้นแค่เอ็งนึกถึงมันแล้วสั่งให้ทำงานมันก็จะทำงานทันทีไม่ต้องท่องคาถาอะไรให้ยุ่งยากละข้ารำคาญ...


      "มีแบบสำเร็จก็น่าจะรีบบอก  เอ้าเขียนให้ดูได้เลย"


...ก็ข้าไม่นึกว่าแค่พื้นฐานเอ็งจะจำไม่ได้นี่หว่า  เออช่างเหอะข้าผิดเองที่นึกว่าเอ็งจะสอนง่าย  เอาเป็นว่าเขียนให้เหมือนแล้วกัน...


      แกงเกอร์ใช้แขนของผมค่อยๆวาดวงเวทย์ขึ้นมาอย่างประณีตบนกระดาษ A4 แผ่นใหม่  ยังดีที่ผมยังมีหัวศิลปะอยู่บ้างเลยคิดว่าพอจะลอกๆเอาได้แต่ก็ถือว่าผมตัดสินใจถูกจริงๆที่ไม่คิดจะเรียนอะไรยุ่งยากแบบนี้เพราะอักษรที่มันเขียนไม่ใช่อักษรภาษาไทยหรืออังกฤษเลยสักนิด  มันดูเหมือนตัวขีดๆอย่างกับกิ่งไม้ยังไงอย่างนั้นมากกว่าแปลว่าถ้าผมคิดจะเรียนเขียนวงเวทย์ผมคงต้องเรียนภาษาอีกภาษาด้วยแน่


      วงเวทย์ที่สวยงามค่อยปรากฏขึ้นอย่างสวยงามพอดีกับแผ่นกระดาษดูชัดเจน  เรียบง่ายแต่ดูทรงพลัง  ผมออกจะประทับใจไม่น้อยกับสิ่งที่เห็นและได้แต่จ้องมองมันกระทั่งถูกเขียนจนเสร็จ "สวยดีนะ"


...และทรงพลังด้วย  เอาไปจำแล้วเขียนให้คล่องล่ะไอ้โง่  ข้าไม่ไหวล่ะขอตัวไปพักก่อนแล้วกัน...


      "ไอ้...ไอ้นี่!!" ผมได้แต่เคืองกับคำด่าของมัน  คิดแล้วหงุดหงิดจริงๆที่มัยออกมาที่ไรต้องคอยแขวะผมตลอดแต่ผมดันทำอะไรมันไม่ได้เลยสักนิด  คิดแล้วหงุดหงิดจริงๆ





ตรู๊ดดดด  ตรู๊ดดดดดด ตรู๊ดดดดดดด



      เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋า

      "ฮัลโหล  ว่าไงวะเคน"



      "ยังจะมีหน้ามาถามว่าว่าไงอีกเหรอ  ห่าไม่ยอมมาเข้าเรียนทั้งเช้าเลยนะมึงน่ะ  หายหัวบ่อยเลยนะพักนี้"


      "โทษทีกูตื่นสายว่ะเลยไปเรียนไม่ทัน  ว่าแต่เมื่อเช้ามีงานอะไรมั้ยวะ  นี่กูเพิ่งมาถึง ม."


      "ไม่มี  เหมือนเคยแหละ อ.บ่นๆแล้วก็เลิก  มึงอยู่ ม.แล้วใช่มั้ย  งั้นไปกินข้าวกันดีกว่า  พีดีกูมีข่าวดีจะบอกมึงด้วย"


      "ข่าวดีอะไรวะ"


      "เออน่ะ  รีบๆมาหากูมา  กูกำลังจะออกจากห้องแล้วเนี่ย"


      ผมวางสายแล้วรีบออกจ่กห้องชมรมไปหาไอเคน  พอมาถึงหน้าห้องเท่านั้นแหละผมเข้าใจทันทีเลยว่าข่าวดีที่มันจะบอกคืออะไร


      "อ้าวเฮ่ย!  มาพอดีเลยมึง"เคนยิ้มกว้าง  มีสาวสวยหุ่นเพรียวบางควงแขนอยู่ข้างตัวมัน "กูแนะนำให้รู้จัก  คนนี้แฟนกู  ชื่อจ๋อมแจ๋ม"


      "สวัสดีครับ"ผมทัก  ไม่นึกไม่ฝันว่าจะได้เห็นคนที่คลั่งใคล้น้องมายด์อย่างมันจะยอมตัดใจแล้วไปหาแฟนใหม่แต่ก็ต้องยอมรับแหละว่าแฟนมันสวยน่ากินจริงๆ "นี่มึงมีแฟนตั้งแต่เมื่อไหร่วะเนี่ย"


      "เพิ่งคบกันเมื่อวานนี่แหละ  ไงล่ะแฟนกูน่ารักล่ะสิ  ห้ามมองนะเว่ยคนนี้ของกู"เคนตบไหล่ผมเป็นเชิงหยอกก่อนจะหันไปหาแฟนมัน "ไปกินข้าวกันดีว่าครับแจ๋มเดี๋ยวเคนแนะนำคนอื่นให้รู้จักด้วย"


      "แนะนำ?"ผมถามมันงงๆ  นี่มันจะไปกินข้าวกับใครอีกเนี่ย


      "ต้องแนะนำสิวะก็กูจะไปกินข้าวกับพวกน้องมายด์ไง  มึงนี่แปลกคน  ทุกทีก็ไปกินข้าวเที่ยงกับพวกมายด์อยู่แล้วนี่หว่า"


      "คือว่า...วันนี้กู..."ผมชักไม่ค่อยแน่ใจกับเรื่องที่จะไปกินข้าวกับน้องมายด์เท่าไหร่หลังจากที่ได้สารภาพรักไป  มันทำให้ผมอึดอัดไม่น้อยเลยถ้าจะต้องไปกินข้าวกับสาวน้อยคนที่ผมเพิ่งสารภาพรักไป


      "มาอ้ำอึ้งอะไรของมืง  กูฝากน้องมายด์สั่งข้าวเผื่อไปแล้วไปกินกับกูนี่แหละ"ไอ้เคนตัดสินให้เรียบร้อย  สุดท้ายผมเลยโดนมันลากมานั่งกินกับกลุ่มน้องมายด์จนได้


      บนโต๊ะอาหารกลางโรงอาหารผมรู้สึกได้ถึงความอึดอัดเกินจะอธิบายแม้ว่าไอ้เคนจะชวนสาวๆให้เฮฮาไปกับการสนทนาไร้สาระเกี่ยวกับเรื่องของมันและแฟนแต่ผมรู้สึกได้ว่ามายด์ไม่ได้สนุกไปกับคำพูดของไอ้เคนเลยสักนิด  ตรงข้ามกลับนั่งยิ้มแหยๆให้มุกของมันไปทีแล้วรีบตักข้าวเข้าปากราวกับจะให้ช่วงเวลาบนโต๊ะอาหารนี้จบไปอย่างรวดเร็วซะอย่างนั้นซึ่งนั่นคงไม่ได้ต่างจากผมเท่าไหร่เพียงแค่ผมไม่ได้แสดงออกโจ่งแจ้งขนาดนั้นและคอยลอบดูมายด์อยู่ตลอดเวลาเท่านั้นเอง  และแม้ว่าบทสนทนาบนโต๊ะอาหารจะครื้นเครงสักแค่ไหนแต่ผมกลับไม่กล้าแม้แต่จะชวนมายด์คุยเลยสักนิด


      "นี่มายด์  เป็นอะไรเหรอดูไม่ร่าเริงตั้งแต่เมื่อวานแล้ว"น้องฝนเป็นคนแรกที่เอ่ยขึ้นพร้อมกับจับไหล่เพื่อนสาวเขย่าให้มายด์รู้ตัว


      "ป-เปล่านี่ฝน"


      "ฝนเห็นนะว่ามายด์แปลกไปน่ะ  เมื่อวานถามอะไรก็ไม่บอกสักคคำ  ไปเจออะไรมาเล่าได้นะ  พวกเราอยู่ข้างมายด์เสมอนะ"ฝนยังไม่วายปลอบเพื่อนสาวที่มีอาการซึมเซาต่อ


      "นั่นสิ  เมื่อวานไปเจออะไรมาไหนบอกว่าแค่ออกไปเดินเล่นเฉยๆไง  เห็นพอแกกลับมาแล้วเหมือนแกอึ้งๆอย่างกับไปตกใจอะไรมางั้นแหละ"เหนิงถามเพื่อนต่อด้วยความสงสัยทำให้ผมได้สติขึ้นมาว่าบนโต๊ะไม่ได้มีแค่ผมกับน้องมายด์แต่ยังมีแฟนสาวขี้หึงคนนี้อยู่ด้วยอีกคนทำให้ผมรีบปรับตัวให้กลับมาปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นทันที


      "เปล่าๆ  ไม่ต้องห่วงหรอก  แค่ช่วงนี้เพลียๆน่ะเดี๋ยวก็หาย"น้องมายด์รีบแก้ข่าว  กลับมาปั้นยิ้มร่าเริมสดใสให้เพื่อนได้เห็นอย่างเดิม  แต่ไม่ว่าใครมองก็รู้ว่าสาวน้อยหน้าหวานไม่ได้ร่าเริงสดใสอย่างที่แสดงออกเลยสักนิด


      "เอาน่ะน้องมายด์  อย่ากังวลไปเลย  ที่เครียดๆนี่เพราะกลัวโดยลักพาตัวไปอีกใช่มั้ย  หลังจากนี้ไม่ต้องห่วงเลย  มีพี่เคนคนนี้อยู่ทั้งคน  รับรองพี่ไม่ให้มายด์เจอไอ้พวกบ้ากามมาลักพาตัวไปอีกแน่นอน"มันตบอกตัวเองด้วยความมั่นใจทำเอาผมขำไม่น้อยกับท่าทางอวดเก่งของมัน  แต่ที่ฮากว่าคือ...


      "แล้วทำไมต้องออกตัวซะขนาดนี้ฮะ! เดี๋ยวเถอะ  มีแจ๋มแล้วยังจะไปทำเจ้าชู้กับน้องมายด์อีกนะ"เสียงจ๋องแจ๋มเอ็ดมันทันทีพร้อมกับบิดแขนหยิกมันด้วยความหมั่นใส้


      "โอ้ย!!ๆ เปล่าเจ้าชู้นะแจ๋ม  พี่น้องกันก็ต้องช่วยกันสิ  เค้าก็รักแจ๋มคนเดียวนั่นแหละจะหึงเค้าไปทำไมล่ะ  ต่อให้มีคนสวยกว่าน้องมายมายจีบเค้าก็ไม่ไปไหนหรอก"


      "แหวะ!!"สาวๆทั้งโต๊ะถึงกับคลื่นใส้กับคนมีความรักอย่างไอ้เคนทันที  ขนาดจ๋องแจ๋มยังตีไหล่มันแล้วยิ้มหน้าแดงด้วยความเขิน


      "บ้า!  เงียบไปเลยอีตานี่"


      ผมหัวเราะไปกับภาพหยอกเย้าของคนมีความรักแต่ในใจกลับไม่ได้รู้สึกรื่นเริงดีใจไปอย่างที่แสดงออกเลยสักนิด  ตรงกันข้ามกลับยิ่งรู้สึกกังวลมากขึ้นไปอีกกับทีท่าของมายด์ที่ดูจะอึดอัดใจเมื่ออยู่บนโต๊ะอาหารกับผม...นั่นอาจจะหมายความว่ามายด์ไม่ได้ชอบผมเลยสักนิดก็ได้  ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงมันก็อาจดีสำหรับผมที่ไม่ต้องรู้สึกผิดที่พลั้งปากสารภาพรักไปทั้งๆที่มีเหนิงอยู่ทั้งคนแล้วแต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกเจ็บไม่น้อยเหมือนกันเพราะน้องมายด์เป็นรักแรกของผมและเป็นคนที่ผมแอบปลื้มมาโดยตลอดตั้งแต่ที่สาวน้อยหน้าหวานคนนี้ได้ย่างเท้าเข้ามาในมหาลัย


      ระหว่างที่ผมอยู่ในห้วงความคิดนั้นผมรู้สึกได้ว่ามีใครคนหนึ่งกำลังใช้ขาสะกิดผมอยู่ใต้โต๊ะเรียกเอาสติผมกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว  พอหันมองคนที่นั่งตรงข้ามถึงได้รู้ว่าเหนิงกำลังจ้องผมอยู่อย่างนิ่งเงียบด้วยสีหน้าไม่พอใจอะไรบางอย่าง


      "ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะเดี๋ยวมา  ถ้ามาช้าฝากเก็บจานด้วยเลยนะ"เหนิงหันไปพูดกับแพรก่อนจะลุกเดินออกจากโต๊ะไปทั้งอย่างนั้นทำเอาคนทั้งโต๊ะถึงกับหยุดมองด้วยความแปลกใจนิดๆ


      "น้องเหนิงนี่หน้านิ่งตลอดเลยนะ  พี่ถามจริงชีวิตนี้เคยยิ้มให้พวกน้องเห็นกันบ้างมั้ยเนี่ย"เคนแซวทันทีเมื่อสาวหน้านิ่งเดินออกไปพ้นโรงอาหารทำเอาแฟนสาวของมันทุบอีกทีพร้อมกับดุที่มันแซวรุ่นน้อง


      ผมพอเดาได้ว่าเหนิงคงอยากคุยกับผมและคงไม่พอใจอะไรผมสักอย่างด้วยแต่จะให้ลุกไปเลยก็กลัวคนทั้งโต๊ะจะสงสัยเลยต้องนิ่งไว้ก่อนซึ่งทุกอย่างคงไม่พ้นสายตานักข่าวสาวประจำกลุ่มแน่ๆ


      แพรวามองจ้องผมเป็นเชิงดุก่อนจะพยักเพยิดนิดๆให้ผมรีบไปหาเหนิงเหมือนจะรู้อะไรบางอย่างที่ผมไม่รู้และมันคงเป็นเรื่องคอขาดบาดตายแน่ๆ  ผมเลยต้องรีบลุกตามด้วยความกังวล


      "เฮ้ย! เคน  กูลืมชีทวิชาตอนบ่ายไว้ที่บ้านว่ะ  กลับบ้านแป็บนะ  ไว้เจอกันในคาบเลย"


      "เออๆ  มาเรียนด้วยนะมึงอย่าขาดแบบคาบเช้าล่ะ  ได้ข่าวว่า อ.นพมาสอนแทน อ.จ๋าด้วย"


      "โอเคแล้วเจอกันในคาบ" ผมทิ้งท้ายก่อนจะลุกพรวดพราดออกมาจากโรงอาหาร  ออกมาถึงก็เห็นเหนิงยืนรออยู่มุมตึกก่อนแล้ว  พอเหนิงเห็นผมก็เดินลิ่วนำไปลานจอดรถทันที  ส่วนผมน่ะเหรอแน่นอนต้องเดินตามคนหน้าบูดไปต้อยๆอยู่แล้ว "เป็นอะไรไปเหรอเหนิง  บอกพี่หน่อยได้มั้ย"


      "เปล่านี่  แล้วตามมาทำไม" สาวหน้านิ่งพูดเสียงแข็งชวนขนลุกก่อนจะขึ้นรถไปนั่งฝั่งคนขับ  และแม้จะถามผมเป็นเชิงไล่แต่ก็ไม่ยอมออกรถจนผมขึ้นไปนั่งข้างๆนั่นแหละ...นี่แหละน้าที่เขาว่าผู้หญิงปากไม่ตรงกับใจ






      "ก็พี่เห็นเหนิงทำหน้าแบบนี้พี่ก็ต้องเป็นห่วงสิ"


      "แน่ใจนะว่าที่ตามมาเพราะห่วง  เห็นจ้องยัยมายด์ตลอดเลยไม่ใช่เหรอ"เหนิงพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบขึ้นกว่าเดิมไปอีกทำให้ผมทั้งกลัวทั้งขนลุกไม่น้อย  เหมือนกับเป็นเด็กที่ถูกแม่จับได้ว่าไปทำอะไรผิดมาก็ไม่ปาน "...พี่ยัง...รักยัยมายด์อยู่เหรอ"


      นั่นเป็นคำถามสุดท้ายก่อนที่เราสองคนจะปล่อยให้เสียงเครื่องยนต์ของรถเข้ามาดังก้องกระหึ่มท่ามกลางความเงียบ  ผมรู้ดีว่าถ้าตอบไปตามความจริงเหนิงคงโกรธมากแน่ๆแต่จะให้โกหกเหรอ...นั่นไม่ใช่ทางเลือกที่ดีเลยในเมื่อเหนิงสังเกตเห็นชัดๆว่าผมแอบมองน้องมายด์อยู่ตลอด  สรุปคือยังไงก็ควรพูดความจริงไปก่อนเผื่อโทษหนักจะได้เป็นเบาแต่มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะพูดความจริงซึ่งรู้อยู่เต็มอกว่ามันจะทำร้ายจิตใจสาวน้อยตรงหน้าอย่างแน่นอน


      รถยนต์หักเลี้ยวเข้ามาจอดในบริเวณตึกร้างที่ผมมาช่วยน้องมายด์ไว้จากการถูกฉุดเหมือนกับจะยิ่งตอกย้ำให้ผมพูดความจริงยังไงอย่างนั้น "ว่าไงพี่  ยังรักยัยมายด์อยู่ใช่มั้ย"


      "...ใช่  พี่ยังชอบมายด์อยู่"สัญชาตญาณบอกให้ผมยอมรับผิดแค่กึ่งเดียว  แทนที่จะพูกว่ารักผมเลยพูดว่าชอบแทนอย่างไม่ค่อยเต็มปากนัก


      "วันนี้พี่กับยัยมายด์ดูแปลกๆนะ  มีอะไรจะเล่าให้เหนิงฟังรึเปล่า"สาวห้าวหน้านิ่งหันมามองผมด้วยสายตาดุดันสร้างความอึดอัดให้ผมไม่น้อย  ยอมรับเลยว่ามันทำให้ผมคิดคำโกหกอะไรไม่ออกจริงๆ


      "เหนิง  พี่..."


      "พอแล้ว  เหนิงไม่อยากฟัง  ไม่อยากรู้ด้วยว่าพี่ไปทำอะไรกับยัยมายด์มา  แค่ตอบเหนิงมาสองอย่างพอ  พี่แอบคบกับยัยยมายด์อยู่ใช่มั้ย"


      "ไม่นะ  พี่ไม่ได้แอบคบกับมายด์แน่นอน  ...ถึงพี่จะยังชอบมายด์แต่พี่รับรองว่าไม่มีอะไรแบบนั้นแน่" ผมยืนยันหนักแน่น  รู้สึกโล่งใจไม่น้อยกับคำถามที่ได้ฟังเพราะอย่างน้อยผมกับมายด์เราไม่ได้มีอะไรมากกว่าพี่น้องกันจริงๆ


      "ก็ได้  เหนิงจะเชื่อพี่  แล้ว...เหนิงถามแค่คำเดียว  ระหว่างเหนิงกับมายด์พี่จะเลือกใคร?"สาวห้าวทำหน้าจริงจังราวกับว่าคำถามนี้มันจะชี้ชะตาผม  และสิ่งที่ทำให้ผมถึงกับใจหายคือ  สาวน้อยหน้านิ่งของผมค่อยๆมีนำตาหน่วงคลอขึ้นมาพร้อมกับขอบตาค่อยๆแดงก่ำขึ้นด้วย  นั่นมันทำให้ผมหัวใจกระตุกวูบ  ตระหนักได้ทันทีว่าผมได้ทำร้ายจิตใจของสาวน้อยคนนี้ไปมากเกินไปแล้ว  ผมกลับไปหลงไหลกับความรักลมๆแล้วของผมกับมายด์ทั้งที่มีคนตรงนี้อยู่ทั้งคน


      "...พี่ขอโทษนะที่ทำร้ายจิตใจเหนิงแต่ยังไงพี่ก็รักเหนิงนะ"


      "พี่จะไม่ทิ้งเหนิงไปคบกับยัยมายด์ใช่มั้ย"


      "พี่สัญญา  พี่จะไม่ทิ้งเหนิงแน่นอน  ไม่ว่าเหนิงจะถามกี่รอบพี่ก็รับรองว่าจะไม่ทิ้งเหนิงแน่  เรื่องที่เกิดมันแค่อารมณ์ชั่ววูบจริงๆและพี่จะไม่ทำอีกแล้ว"ผมแทบจะเอาหัวรับประกันกับเหนิงได้เลยว่าระหว่างผมกับมายด์จะไม่เกิดอะไรแบบนี้ขึ้นอีกด้วยความสงสารแฟนสาวคนนี้แต่อีกใจก็รู้สึกลำบากใจไม่น้อยที่แม้ว่ากับมายด์ผมจะไม่ยอมให้เกิดแต่กับคนอื่นที่ผมแอบนอกใจเหนิงไปก่อนหน้านี้ผมไม่สามารถบอกหรือยอมรับได้จริงๆว่ามันจะไม่เกิดขึ้นอีกในเมื่อสาวๆเหล่านั้นก็เป็นของผมไม่ต่างขากเหนิงเลยสักนิด


      "ถ้างั้นเหนิงถามได้มั้ยว่าเมื่อวานพี่ทำอะไร  ยัยมายด์ถึงแปลกไปแบบนี้"


      "พี่...พี่เจอมายด์ตอนกำลังออกตามหามายด์  แล้วเราก็ไปนั่นเล่นที่ร้านกาแฟนกัน  จากนั้นเพราะอะไรไม่รู้พี่ถึงได้...บอกว่าชอบมายด์ออกไป  พอมายด์ได้ยินแบบนั้นมันก็เป็นแบบนี้แหละ"


      "..."เหนิงเบิกตานิดนึงราวกับอึ้งกับเรื่องที่ผมเล่า  น้ำตาหยดน้อยๆค่อยๆไหลรินลงมาอาบสองข้างแก้มและค่อยมากขึ้นเรื่อยๆพร้อมกับเสียงสะอื้นไห้กับความเสียใจ "ถ้ายัยมายด์ตอบตกลงพี่คงจะทิ้งเหนิงไปแล้วใช่มั้ย  พี่ไม่ได้รักเหนิงแล้วใช่มั้ย"


      ผมพอจะรู้ว่าถ้าสารภาพความจริงเรื่องคงเกิดแน่แต่ขนาดว่าผมเตรียมใจมาแล้วพอเจออาการปล่อยโฮพร้อมกับคำพูดตัดพ้อผมก็ไปไม่ถูกเหมือนกัน  ได้แต่คดว่าจะทำยังไงให้เหนิงหยุดด้วยประสบการณ์การปลอบอันน้อยนิด  ผลเลยกลายเป็นว่าผมโอบดึงเหนิงเข้ามาจูบนิ่งแทนการพูดปลอบ


      เหนิงดิ้นอึกอักรัวกำปั้นทุบอกหนาครั้งแล้วครั้งเล่า  น้ำตาหยดน้อยๆที่อาบชุ่มแก้มพาลทำให้ผมรู้สึกเปียกชื้นไปด้วยแต่ยังไงผมก็ไม่มีทางปล่อยริมฝีปากสาวหมวยให้เป็นอิสระแน่  มันรู้สึกราวกับว่าถ้าผมถอนจูบออกตอนนี้มันจะให้ให้ผมเสียสาวน้อยตรงหน้าไปตลอดกาลยังไงอย่างนั้น


      "อื้อ!!  อึ...อือ  อืมมมมม"ยิ่งผมดึงรั้งร่างเพรียวบางเอาไว้นานสาวน้อยยิ่งค่อยๆหายพยศลงเรื่องๆ  มือสองข้างค่อยๆทุบช้าลงกระทั่งหยุดนิ่งอยู่บนอกผม  ริมฝีปากน้อยๆเผยอเปิดช้าๆเป็นโอกาสให้ผมสอดลิ้นเข้าไปทีละน้อยเพื่อหยั่งเชิง "อืมมม" เหนิงครางแผ่วเปิดปากให้กว้างขึ้นอีกนิดพร้อมทั้งส่งลิ้นเรียวบางหวานฉ่ำมาต้อนรับลิ้นผม


      ผมช้อนสะโพกสาวในชุดนักศึกษาทรงเออุ้มจากเบาะคนขับให้มานั่งคร่อมเผชิญหน้ากันบนตักก่อนจะปัดเส้นผมยาวเคลียไหล่ไปข้างหลังเพื่อปาดเช็ดน้ำตาบนแก้มนุ่ม "...พี่ไม่อยากเห็นน้ำตาเหนิงเลยรู้มั้ย  พี่รักเหนิงนะ  และมั่นใจได้เลยว่าพี่จะไม่ทิ้งเหนิงไปไหนแน่"


      เหนิงเม้มปากน้อยๆสบตาผมด้วยแววตาสดใสขึ้น "แล้วไปบอกชอบมายด์ทำไมล่ะ"


      "พี่จะได้ตัดใจจากมายด์ได้ไง  บอกให้ในใจพี่หายค้างคาไปเลยเพราะยังไงพี่ก็รู้ว่าพี่มีเหนิงเป็นตัวจริงของพี่อยู่แล้ว"ผมด้นสดไปทั้งอย่างนั้นแม้จะรู้สึกว่ามันดูแถไปนิดแต่สาวหมวยของผมดูจะไม่สนใจจะจับผิดเท่าไหร่


      สาวหมวยค่อยๆยิ้มกว้างขึ้นก่อนจะชี้นิ้วจิ้มมาบนอกผม"แล้วอย่าไปบอกชอบใครในกลุ่มเหนิงอีกนะ  กับคนอื่นยังพอให้อภัยแต่ถ้ากับเพื่อนเหนิงล่ะก็พี่จบไม่สวยแน่"


      พอเห็นเหนิงยิ้มออกผมเลยยิ้มออกมาบ้างด้วยความโล่งใจว่าในที่สุดก็เคลียจบสักที"พี่เข็ดแล้วจ้าแม่เสื่อ  พี่ไม่ทำอักแล้ว"


      "รู้ว่าเหนิงเอาจริงก็ดี" สาวหมวยจับแก้มทั้งสองข้างของผมไว้  ก้มเอาหน้าผากมาชนหน้าผาก  ส่งสายตาหวานปนซุกซนมาให้ "ก่อนมีเหนิงน่ะเจ้าชู้ยังไงเหนิงไม่สนหรอกแต่มีเหนิงแล้วงดหื่นกับคนอื่นะ"


      "แล้วหื่นกับเหนิงได้มั้ย"


      สาวหมวยยิ้มไม่ตอบ  เชิดหน้าผมขึ้นก่อนจะก้มลงประกบจูบหวานชื่นดุดัน  ลิ้นเล็กๆของแม่เสือสาวสอดตวัดหาลิ้นผมเพื่อรัดพันมันอย่างโหยหิว  สายตาซุกซนสานสายตากับผมราวกับจะบอกความต้องการที่มีออกมาให้ผมได้รับรู้ "...มีถุงมั้ย"  เสียงถามแหบพร่าจากปากหญิงสาวในตอนนี้มันช่างทรงเสน่ห์สำหรับผมมากเหลือเกิน  มันมากซะจนเจ้าท่อนล่างของผมแข็งไปหมด


      "ไม่มี"


      "...งั้นอย่าแตกข้างในนะ"เหนิงพูดราวกับถุงยางไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับเธอเลยสักนิดก่อนจะก้มมองเป้ากางเกงผมเพื่อรูดซิปเปิดดึงเอาแท่งเอ็นดำเมี่ยมขนาดเท่าข้องมือเด็กสาวออกมาสู่ภายนอก  ส่วนผมก็ไม่ยอมน้อยหน้าถลกชายกระโปรงทรงเอขึ้นถึงเอวก่อนจะแหวกขอบกางเกงในสีดำสนิทให้พ้นปากร่องอวบอูม  เหนิงโหย่งตัวขึ้นใช้มือจับท่อนเอ็นแข็งกลางหว่างขาช่วยนำทางให้หัวบานจรดจ่อกับปากร่องลื่นก่อนจะค่อยทิ้งน้ำหนักลงมาทีละน้อยให้ปากร่องฟิตแน่นได้เข้าห่อหุ้มหัวถอกทีละน้อย "อ-อูวววว เข้ามาแล้ว  ข-ของพี่เข้ามาข้างในเหนิงแล้ว"


      "อูยยย  ร่องฟิตกว่าเดิมรึเปล่าเนี่ยเหนิง  หรือว่าเพราะไม่สวมถุงมันถึงฝืด"ผมถามไปก็จับสะโพกอาหมวยช่วยดึงกดลงมาด้วยอีกแรง


      "ช-ช้าๆสิพี่เดี๋ยวของเหนิงพังหมด"สาวน้อยหน้านิ่งคราง  ก้มมองท่อนเนื้อของผมที่ค่อยๆถูกกลีบเนื้ออวบอิ่มบวมแดงกลืนกินแบบไม่วางตา


      "ก็เล่นใส่ทรงเอรัดๆมาขึ้นคร่อมแบบนี้ถึงไม่ใช่พี่ก็คงทนไม่ไหวล่ะ  เซ็กซี่แบบนี้พี่จะเย็ดให้บานเลย"


      "พ-พูดบ้าๆ  ซี๊ดดด"เหนิงหลับปี๋ตาเม้มกัดริมฝีปากแน่นก่อนจะตัดสินใจกดสะโพกทิ้งตัวลงรับเอาโคนเอ็นเข้าไปในร่างทั้งหมดทีเดียว "อูยยย  เหนิงไม่ไปขึ้นคร่อมของผู้ชายคนอื่นหรอกนะเหนิงจะขึ้นให้แต่พี่คนเดียวเท่านั้นแหละ" สาวหมวยบรรจงจูบหน้าผากผมอย่างนุ่มนวลก่อนจะคลี่ยิ้มออกมาน้อยๆ "คนอะไรยาวเข้าไปชนข้างในเหนิงเลย  ถ้าของเหนิงพังนะรับผิดชอบด้วย"


      "ไม่พังพี่ก็รับผิดชอบ"ผมเลื่อนมือจากสะโพกสาวหมวยขึ้นมาค่อยๆแกะกระดุมเสื้อนักศึกษาออกทีละเม็ดเพื่อรอเวลาให้ร่องรักอ่อนนุ่มได้ปรับขนาดเข้ากับเอ็นเนื้อและหลั่งชโลมเมือกลื่นออกมาให้มากกว่านี้ซะก่อนและดูเหมือนเหนิงจะรู้ว่าผมอยากให้พักยกชั่วคราวเช่นกัน "เมื่อกี้ไอ้เคนมันแซวว่าเหนิงหน้านิ่งตลอด  พี่อยากให้มันมาเห็นตอนนี้จังว่าเหนิงของพี่ยิ้มสวยแค่ไหน"


      "ทำมาพูดดี"สาวหมวยแก้มแดงแทบหุบยิ้มไม่อยู่


      "รู้มั้ยว่าตอนยิ้มเหนิงสวยมาก"ผมถามไปก็ค่อยๆแหวกเสื้อนักศึกษาออก  ดึงรั้งเอาบราเซียสีเนื้อขึ้นให้เนินอกกลมกลึงพอดีมือหลุดเป็นอิสระออกมาชูชันต่อหน้า


      "งั้นพี่ก็ควรจะดีใจนะที่ได้เห็นเหนิงยิ้มแค่คนเดียว  อุ๊ย!!  ตาบ้า"เหนิงอุทานด้วยความเสียวสยิวเมื่อทรงอกอวบอัดเต่งตึงถูกประกบดูด  สาวน้อยหลับตาลงแอ่นทรวงอกเข้าหามากขึ้นอีกนิด  รับแรงดูดเม้มเชื่องช้าชวนทรมานพร้อมกับส่งเสียงครางฮือๆเบาหวิว  สองมือโอบกอดรอบลำคอกดหัวเข้าซบแน่นกับเนินอกขาว  สะโพกน้อยๆเริ่มยกตัวขึ้นทีละน้อยก่อนจะทิ้งตัวลงมารับท่อนเอ็นเข้าไปมิดครั้งแล้วครั้งเล่า "อา... พี่เป็นของเหนิงแล้วนะ...อา...ห้ามมีใคร...อา...ที่ไหนอีก...อา...แม้แต่คนเดียว   อูว..."


      ในไม่ช้าเสียงครางแผ่วเบาก็ค่อยๆลอยละล่องปนเปกับเสียงเนื้อกระทบเนื้อของจังหวะรักอันหนักหน่วงท่ามกลางตึกร้างไร้ผู้คน  ผมหลับตาลงปล่อยทุกอย่างให้เป็นไปตามธรรมชาติ  ให้เอ็นเนื้อแข็งเขม็งได้ถูกกระตุ้นจากแรงตอดดูดภายในตัวสาวหมวยมากขึ้นมากขึ้น  สองมือช้อนก้อนเนื้อนุ่มของสองแก้มก้นเนียนราวกับแก้มเด็กเพื่อลดแรงกระแทกกระทั้นให้เบาลงในขณะที่ปากยังคงประกบดูดเม้มเม็ดประทุมถันสีชมพูอ่อนกลางอกทีละข้างด้วยความโหยหาราวกับไม่ได้ทำรักกับเรือนร่างนนี้มานานแสนนาน


      "อูววว  ส-เสียว  แฮก-แฮก  มันทำเหนิงเสียวไปหมด  พ-พี่ช่วยเหนิงด้วย  พี่...ซี๊ดดดด"สาวหมวยถึงกับตัวงอร้องแทบไม่เป็นภาษาเมื่อถูกผมเลื่อนมือกลับมาจับสะโพกอีกครั้งเพื่อช่วยดึงรั้งให้เหนิงกระแทกกระทั้นลงมาหนักหน่วงรุนแรงขึ้น  ใบหน้าสวยจึงเริ่มบิดเบี้ยวด้วยความเสียวซ่านเกินจะรับและตอบโต้ผมกลับด้วยแรงตอดรัดหนึบแน่น "ม-ไม่ไหวแล้ว  ไม่ไหวแล้ว! อี๊ยยยย"สาวหมวยตัวกระตุกทิ้งสะโพกลงมาอย่างแรงรับเอาท่อนเนื้อเข้าไปทั้งแท่งพร้อมกับกอดรัดผมไม่ให้ขยับด้วยร่างสั่นสะท้าน  ผลร้ายมันจึงตกมาที่ผมที่กำลังจะแตกเพราะแรงตอดแต่จะจอดทั้งอย่างนี้ไม่ได้เลยต้องอั้นเอาไว้สุดกำลัง    จับสะโพกนุ่มยกขึ้นให้มันหลุดเป็นอิสระอย่างฉิวเฉียด


ปรี๊ดดดดด  พรืดดดด  พรืดดดด


      เมือกกามคาวข้นพุ่งพ่นออกมาเป็นสายกลับเข้าไปในร่องแคมที่ปากทางเข้าปิดลงมาไม่สนิทก่อนจะฉีดรดเปรอะเปื้อนเต็มกางเกงในและหว่างขาขาว


      ผมปล่อยเหนิงกลับลงมานั่งบนตักด้วยความโล่งใจ "ฟูวววว  เกือบไปแล้ว"


      "..."สาวหมวยคลายกอดออกยังคงหอบหนัก  สายตาหวานเยิ้มจ้องผมด้วยใบหน้านิ่ง "แฮก-แฮก...ม-มันไม่ได้แตกข้างในเหนิงใช่มั้ย"


      "...พี่...พี่ว่ากินยาคุมกันไว้ก่อนดีกว่ามั้ย"ผมตอบไปอย่างนั้นเพราะไม่มั่นใจเหมือนกันว่าน้ำที่พ่นออกมามันเข้าไปข้างในเหนิงมากแค่ไหนแต่ที่แน่ๆคือผมชักออกมาทันแบบเฉียดฉิวจะเสียงพลังไปมากๆ


      "ถ้ารู้ว่าต้องกินยาคุมอย่างนี้ปล่อยให้แตกในดีกว่าจะได้ไม่เลอะเทอะ"สาวหมวยยิ้มน้อยๆด้วยแววตาซุกซน  ก้มหน้าลงมองเอ็นเนื้อกึ่งอ่อนกึ่งแข็งเปียกเยิ้มกลางหว่างขาก่อนจะคว้ามันไปรูดรีดเอาเมือกคาวภายในออกมารดบนกางเกงในผ้าลื่นสีดำ "น้ำเยอะแบบนี้เห็นแล้วหิวเลย"


      "ยังไม่พออีกเหรอเหนิง"ผมถามมองดูนาฬิกาบนคอนโซลรถแล้วอดเสียดายไม่ได้...ถ้ามีเวลามากกว่านี้อีกหน่อยคงได้เพลินกว่านี้แน่


      "ก็จะบ่ายแล้วไม่ใช่เหรอพี่  เวลาเข้าห้องน้ำไม่มีแบบนี้เหนิงก็ต้องช่วงล้างให้ด่วยปากสิ"


      "ของเราก็เลอะเต็มกางเกงในเลยนะ  อีกอย่าง...ไปหาซื้อยาคุมกันก่อนเถอะเดี๋ยวจะเข้าเรียนสาย"


      "ก็ได้"เหนิงทำหน้าเสียดายนิดๆก่อนจะจับเอ็นเนื้อผมเข้ากางเกงรูดซิปปิด "เลอะมือไปด้วยเลยเนี่ย"สาวหมวยบ่นยิ้มๆ


      เราสองคนจัดชุดกันแบบลวกๆให้พอเรียบร้อยก่อนที่เหนิงจะขับพาผมไปซื้อยาคุมมาให้  จากนั้นถึงมาส่งผมที่ตึกเรียน


      "กางเกงในเลอะขนาดนั้นไม่ถอดเหรอ"ผมถามเป็นครั้งสุกท้ายก่อนจะก้าวลงจากรถ


      "ให้เลอะน้ำพี่แล้วค่อยฉีดน้ำหอมเอายังดีกว่าปล่อยโล่งๆให้คนอื่นเห็นของเหนิงนะพี่"


      "ก็เราใส่ทั้งสั้นทั้งรัดทำไมล่ะ"


      "เพราะคนแถวนี้นั่นแหละเลยอยากใส่มาอวด"


      ผมได้แต่ยิ้มด้วยความรู้สึกอบอุ่นในใจกับคำพูดของเหนิงแล้วเปิดประตูก้าวเท้าลงมายังตึกเรียน...เฮ้อ! ในที่สุดก็หมดปัญหา  ชาตินี้ไม่ขอยุ่งวุ่นวายกับเพื่อนเหนิงอีกแล้ว...ผมรำพึงในใจแต่ไม่ทันได้โล่งใจเมื่อโทรศัพท์ผมกลับแจ้งเตือนข้อความจากแชตเฟสให้ผมต้องเปิดดู


'นี่ฝนนะคะ  ฝนอยากกินน้ำสลัดพี่แล้ว  พรุ่งนี้เช้าเอามาให้ได้มั้ยคะพี่'

               
///จบบทที่ 9:


ก่อนเข้านิยายมาสร้างบรรยากาศในผับกันหน่อยครับ


บทที่ 10


      ผมตื่นขึ้นมาในตอนเช้าตรู่  เช้ายิ่งกว่าทุกวันเพราะเช้าวันนี้ต้องไปหาฝนแต่เช้าเพื่อให้อาหารสูตรพิเศษกับสาวหน้าใสจอมเปิ่น


      "...ตื่นเช้าไปมั้ยวะเนี่ย  ตีห้าแบบนี้ไปถึงคงยังไม่มีใครมาเลยมั้ง"ผมหยิบโทรศัพท์มาดูแล้วบ่นด้วยความง่วงงุน "อะไรวะ  ไอเคนส่งอะไรมาในไลน์วะเนี่ย"ผมเห็นแจ้งเตือนไลน์ไอ้เคนแล้วอดสงสัยไม่ได้เพราะมันขึ้นแจ้งเตือนว่าผมได้รับวีดีโอกว่า 10 แจ้งเตือน  พอผมเปิดเข้าไปดูเท่านั้นแหละถึงกับตาสว่างทันที


      ...คลิปกูกับแจ๋ม  กูถ่ายมาฝากเผื่อมึงอยากดู...





      นั่นคือข้อความก่อนที่มันจะส่งคลิปมา  พอเปิดคลิปแรกไอ้หนูผมก็ถึงกับตั้งผงาดทันที


      ภายในคลิป  จ๋อมแจ๋มในชุดนักศึกษากดอัดคลิปแล้วกลับไปนั่งหันข้างเหยียดขายาวบนตักกอดจูบกับไอ้เคนอย่างเปิดเผยบนโซฟานุ่มสีเทาอ่อน


      "อืม....ให้อัดคลิปทำไมเหรอเคน"


      "จะอัดไปให้ไอ้ที่เคนแนะนำให้รู้จักวันนี้ดูน่ะ...เอ่อ...มันชื่ออะไรจำไม่ได้  แจ๋มนึกออกใช่มั้ยว่าคนไหน"


      "เคน!!!  อีตาบ้า  นึกว่าจะอัดไว้ดูกันสองคน  ปิดกล้อง...อุ!!"แจ๋มไม่ทันได้พูดจบไอ้เคนก็จับแฟนสาวบนตักมาจูบต่อพร้อมกับบีบปากให้เปิดแล้วสอดลิ้นล้วงลึกเข้าไปในช่องปากเล็กๆนั่น  สาวร่างบางดิ้นอึกอักได้ไม่นานกำปั้นที่ทุบอกมันก็ค่อยๆคลายออกเป็นวางมือนิ่งบนแผ่นอกแข็ง "อืมมมม"


      "เชื่อด้วยเหรอแจ๋ม"


      "อีตาบ้า  ตกใจหมดนึกว่าจะถ่ายไปให้คนอื่นดูจริงๆ"


      "พูดแบบนี้แล้วเสียวมั้ยล่ะ"มันถามยิ้มๆลูบไล้ท่อนขาเรียวขาวขึ้นมาถึงทรวงอกคับแน่นในชุดนักศึกษา  จ๋อมแจ๋มเม้มกัดริมฝีปาก  หรี่ตาปรือยั่วยวนด้วยสายตาไปพร้อมกับจับกุมมือหยาบใหญ่บนทรวงอกให้บีบเคล้นหนักหน่วงมากขึ้นอีก


      "ตอนนี้แฉะไปหมดแล้วล่ะเคน"


      "อยากให้มันดูเหรอ"


      "ก็ตื่นเต้นดีนะ"


      "งั้นลองคิดว่ากล้องคือมันแล้วดูดไอติมอุ่นให้มันดูหน่อยดีมั้ย"เคนเสนอ "ไปหยิบกล้องมาสิเดี๋ยวเคนถ่ายให้  แล้วแจ๋มแสดงให้มันดูให้เต็มที่เลยเป็นไง"


      "อืม...แค่คิดของแจ๋มก็เยิ้มไปหมดแล้วเคน"สาวสวยดาวเภสัชจูบเม้มริมฝีปากไอ้เคน  ทอดสายตาหวานเยิ้มให้ก่อนจะลุกมาหยิบกล้องแล้วภาพทุกอย่างก็ตัดไป...


      


      ...แค่เห็นคลิปแรกเอ็นเนื้อในกางเกงผมก็แข็งจนปวดไปหมดทำเอาผมอยากดูคลิปต่อไปทันทีเลยจริงๆแต่คิดได้ว่าขืนดูต่อผมได้เหนื่อยแน่  ไหนๆก็จะเหนื่อยแล้วคงต้องเหนื่อยให้คุ้มค่าเสียหน่อย  พอคิดแบบนั้นเลยไปหาขวดเปล่ามาเตรียมรองน้ำที่จะกระฉอกออกพร้อมกับเปิดคลิปต่อ...





      ...ในคลิป  สาวสวยร่างผอมเพรียวกำลังนั่งคุกเข่าต่อหน้าไอ้เคนที่อยู่ในสภาพเปลือยเปล่าไปเรียบร้อย  แจ๋มจับเอ็นเนื้อขนาดเต็มมือรูดถอกเปิดให้หัวบานแดงโผล่ออกมาพร้อมกับเงยหน้ามองกล้องด้วยรอยยิ้ม


      "ดูดีๆนะแจ๋มจะกินใส้กรอกเคนแล้ว  อ้ามม  อืมมม"ใบหน้าสวยๆก้มลงอ้าปากกว้างๆอมท่อนเอ็นเข้าไปทั้งแท่งได้อย่างง่ายดายก่อนจะโยกหัวขึ้นลงช้าๆและนุ่มนวล


      "อา...สมแล้วที่หัวดี  สอนใช้ปากไปครั้งเดียวจำได้หมด  เยี่ยมเลย...อูยยย  ปากก็นุ่มลิ้นก็  อา...นั่นแหละแจ๋ม  ใช้ปลายลิ้นเลียที่หัวนั่นแหละ  อ-อา  ใช่เลย  ในปากเลยนะแจ๋ม"


      "อืมมมม"เสียวสาวสวยครางตอบราวกับกำลังอร่อยกับเอ็นเนื้อมันสุดๆทำเอาผมเสียวซ่านต้องเร่งสาวท่อนเนื้อต่ออย่างได้อารมณ์  ยิ่งกล้องซูมหน้าแจ๋มตอนดูดเอ็นเนื้อขนาดพอๆกับของผมจนแก้มตอบมันยิ่งทำให้ผมจินตนาการไปไกลว่าแฟนเพื่อนคนนี้กำลังดูดของผมอยู่ก็ไม่ปาน


      "อา...แจ๋ม  ดูดหนักๆเลยเมียจ๋า  ผัวจะพ่นน้ำเข้าปากเมียให้หมดทุกหยดเลย"ผมคราง  ยิ่งดูแจ๋มทั้งดูดทั้งชักทั้งเล่นพวงไข่ไอ้เคนมันยิ่งทำให้ผมอยากจนอธิบายไม่ถูกแทบจะอยากลองจับแจ๋มมากระแทกท่อนเนื้อแข็งเขม็งใส่ปากกว้างๆสีชมพูระเรื่อนั่นจริงๆ


      เสียงครางจากปากไอ้เคนเร่งเร้าให้ดาวเภสัชสาวโยกหัวถี่ก่อนจะคายออกมาจับมันตั้งขึ้นแล้วเลียลากตั้งแต่พวงไข่ขึ้นไปถึงส่วนหัวบานช้าๆ "เจ้าตัวน้อยเคนสั่นไปหมดแล้วนะ  ปล่อยน้ำออกมาให้แจ๋มกินได้แล้ว"  ใบหน้าอันน่ารักสดใสเรียกร้องความต้องการอย่างเปิดเผยพร้อมกับเงยหน้าอ้าปากต่อหน้ากล้อง  จับโน้มท่อนเอ็นลงมาให้หัวบานจ่อปาก  รูดชักถี่แรง 


      "ซี๊ดดด  แจ๋ม  อูย  ซี๊ดดดด"เคนถึงกับส่งเสียงครางออกมาด้วยความทรมาน  กล้องในมือสั่นจนภาพเบลอแต่ยังพอเห็นได้ว่ามีเมือกข้นสีขุ่นขาวพ่นเป็นสายออกมากจากปลายหัวแดงอย่างแรงเลอะใบหน้าสวยๆตั้งแต่แก้ม  เบ้าตา  ขึ้นไปถึงหน้าผาก  ก่อนจะกดมันเข้าปากแล้วรูดเอาน้ำที่เหลือให้หยดย้อยลงไปฉ่ำเต็มลิ้น...


      ...ผมมองจอโทรศัพท์ดูแจ๋มอ้าปากโชว์เมือกคาวข้นข้างในต่อหน้ากล้องก่อนจะหุบปากเม้มกลืนลงคอไปทั้งหมดแล้วคลิปก็ตัดอีกครั้ง  ผมไม่จำเป็นต้องเปิดดูต่อเพราะในตอนนี้ขวดแก้วถูกเติมเต็มเรียบร้อยด้วยลูกๆนับล้านพร้อมกับน้ำเชื่อมกลูโคสขาวข้นพร้อมให้ฝนกินแทนน้ำสลัดเป็นที่เรียบร้อย  อีกทั้งเวลาก็ล่วงเลยมากว่าครึ่งชั่วโมงเกินกว่าที่ผมจะมานี่งดูชะตากรรมของแฟนไอ้เคนว่าจะเป็นยังไงต่อเลยลุกไปอาบน้ำแต่งตัวคว้ากระเป๋าออกจากห้องไป


      ผมมารอน้องฝนอยู่ภายในครัวของห้องชมรมอันเงียบเหงาได้ไม่นานนักสาวหน้าใสจอมเปิ่นก็เปิดประตูห้องชมรมเดินหิ้วถุงผักสลัดฮัมเพลงเข้ามาอย่างอารมณ์ดี


      "พี่มานานรึยังคะ  ฝนขอโทษนะคะที่ให้รอ"





      "ไม่เป็นไรพี่ก็เพิ่งมา  เตรียมผักมาแล้วใช้มั้ยจะได้ทำสลัดกันเลย"ผมลุกจัดแจงหยิบกะละมังเล็กมาเตรียมใส่ผัก  ฝนหยิบถุงผักสลัดออกมาฉีกเทลงไปก่อนจะหยิบขวดน้ำสลัดบริสุทธิ์เตรียมจะตามลงไป "เดี๋ยวๆๆ  นี่จะไม่ล้างผักก่อนเหรอฝน"


      "...ต้องล้างด้วยเหรอคะพี่"สาวหมวยทำหน้าเอ๋อๆเล่นเอาผมต้องส่ายหน้ายิ้มๆพลางถอนหายใจ  รู้สึกขำในความน่าเอ็นดูเอามากๆ


      "ก่อนทำอาหารทุกอย่างนั่นแหละ  ผักน่ะจะสกปรกหรือไม่สกปรกก็ต้องล้างเผื่อมีเศษฝุ่นเศษผงอะไรมันจะได้สะอาดก่อนกิน  นี่ถามจริงเคยทำอาหารมาก่อนรึเปล่า" ผมถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่ในใจ


      สาวน้อยส่ายหน้าทำตาบ้องแบ๊วชวนมองทำให้ผมอดขำไม่ได้ "ปกติคุณแม่ทำให้ฝนกินไม่ก็ป้าช้อยคนครัว...ฝนไม่เคยทำเองเลยค่ะ คุณแม่สั่งไม่ให้เข้าไปเล่นในครัวเลย  แหะๆๆ"


      "เป็นตัวป่วนในครัวน่ะสิแม่ถึงห้าม"ผมถามพลางหยิบผักในกะละมังใบเล็กไปล้างในซิงค์ให้พอสะอาดก่อนจะวางต่อหน้าฝน "เอ้าเสร็จแล้ว  ที่เหลือก็เทน้ำสลัดแล้วคลุก"


      ฝนจัดการเทน้ำสลัดข้นๆลงไปหมดกระปุกก่อนจะหยิบพายปาดคลุกเมือกสีขาวเยิ้มไปมาให้เคลือบทั่วใบผักสีเขียวสดให้ขุ่นหม่นเป็นสีหยก "ฝนแค่เคยทำไข่ดาวแล้วทำกระทะไหม้กับลืมปิดเตาเองนะคะไม่ได้ป่วนซะหน่อย"สาวน้อยแก้ตัวโดยไม่ได้รู้เลยว่าผมที่มองเธออยู่ข้างหลังกำลังรอชมฉากกินสลัดของเธออย่างใจจดใจจ่อ


      "นั่นแหละเรียกป่วน  ดีนะไม่ระเบิดเอา  แต่ไม่เป็นไรเดียวพี่สอนทำอาหารเองถ้าเราสนใจ"ผมแกล้งเนียนบีบไหล่ทั้งสองข้างของฝน...เอาตรงใจนี่คิดอกุศลอยากจับกดแม่สาวเปิ่นคนนี้แล้วอัดร่องสักยกเอาให้ได้ปล่อยน้ำสลัดสดๆเข้าไปเต็มหว่างขาแต่ยังเกรงใจเหนิงกับคำที่บอกว่าห้ามแตะต้องเพื่อนๆในกลุ่มเด็ดขาดผมเลยได้แต่คิดแต่ไม่ลงมือ


      "จริงนะคะ!  พี่เนี่ยใจดีมากเลย"สาวหมวยหันมายิ้มหน้าบาน  ท่าทางมีความสุขมากๆ  คงเพราะแม่ห้ามเข้าครัวล่ะมั้งพอผมอาสาจะสอนเรื่องในครัวให้ถึงได้ทำสีหน้าเหมือนเด็กน้อยได้ของเล่นใหม่อย่างนี้ "ทำน้ำสลัดให้ฝน  จะสอนฝนทำกับข้าวแถมยังช่วยฝนตอนนั้นอีก  ขอบคุณมากเลยนะคะที่ดีกับฝน" สาวหมวยหยุดมือลง "ตอนนั้นถ้าไม่ได้พี่ช่วยไว้ฝนจะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้"


      "คิดมากไปได้  ฝนไม่เป็นไรพี่ก็ดีใจแล้ว"ผมตบไหล่สาวน้อยเบาๆก่อนจะเลี่ยงฉากซึ้งไปนั่งฝั่งตรงข้าม  ส่งยิ้มให้สาวน้อยอีกครั้งเพื่อเรียกรอยยิ้มบนใบหน้าหวานๆให้กลับคืนมา "รีบๆกินได้แล้วเราน่ะ  เดี๋ยวเพื่อนเรามาเห็นพี่จะโดนสวดเอาว่าทำน้ำสลัดไม่แบ่งคนอื่น"


      "แล้วทำไมพี่ถึงไม่ทำน้ำสลัดให้มายด์กับพวกฝนกินกันให้หมดเลยล่ะคะ"สาวน้อยนั่งลงถามคำถามเข้าเป้าสุดๆเล่นเอาผมจุกพูดไม่ออกไม่รู้จะตอบว่ายังไง  จะตอบตรงๆว่าเพราะเหนิงห้ามเดี๋ยวจะพาลพาสาวเปิ่นสงสัยอีกเปล่าๆเลยเลี่ยงตอบแบบแถๆไปแล้วหวังเอาเองว่าน้องฝนคงจะไม่สงสัย


      "พี่ไม่ค่อยว่างน่ะ  ก็ถ้าพี่ทำให้พวกเรากินเดี๋ยวพวกเราก็มาขอให้พี่ทำให้อีก  แล้วน้ำสลัดของพี่มันมีขั้นตอนเยอะ  ทำยากพี่เลยคิดว่าถ้าต้องทำให้กินทุกคนสู้พี่ไม่ทำให้ใครกินเลยจะดีกว่าแต่กับฝนพี่จะยกเว้นให้ก็ได้แต่เราต้องแอบกินคนเดียวห้ามแบ่งใครนะ"


      "โห! พี่เนี่ยใจดีจัง  ถ้าฝนมีแฟนนะจะหาแบบพี่นี่แหละ  ดีกับฝนทุกอย่างแถมยังตามใจฝนด้วย"สาวหมวยพูดด้วยแววตาเป็นประกายราวกับเด็กน้อยวาดหวังถึงเจ้าชายในฝันชวนให้ผมขำไม่ได้แต่ต้องแอบกลั้นเอาไว้เพราะไม่อยากให้สาวเปิ่นรู้ตัว


      "งั้นไม่มาเป็นแฟนกับพี่ซะเลยล่ะ"ผมถามขำๆแต่สาวหมวยถึงกับหยุดเหม่อลอยกลับมามองหน้าผมด้วยพวงแก้มแดงซ่านไม่พูดไม่จา "หน้าแดงเลยนะเรา  พี่ล้อเล่น ฮ่าๆๆ"


      "พี่นี่นะ!"ฝนค้อนควักทำงอน "ไม่คุยกับพี่แล้ว  แกล้งฝนเรื่อยเลย  กินสลัดดีกว่า...ฮ่า!!  หอมน่ากินจัง"เธอยกกะละมังใส่สลัดผักขึ้นมาสูดกลิ่นใกล้ทำหน้าตาราวกับว่ามันสดชื่นหอมหวานยังไงอย่างนั้น  ส่วนผมน่ะเหรอ  ไม่ต้องบอกเลยว่าตอนนี้แข็งเอามากๆแทบอยากรูดซิปออกมาระบายให้รู้แล้วรู้รอดจริงๆ


      ฝนค่อยๆตักผักสลัดที่อาบเคลือบไปด้วยเมือกคาวข้นเข้าปากเคี้ยวช้าๆอย่างมีความสุขทีละคำจนเมือกคาวไหลเยิ้มจากมุมปากหยดย้อยลงมาเลอะเสื้อตรงเนินอกเป็นดวง  ส่วนผมได้แต่มองตาค้างพลางจินตนาการไปไกลถึงภาพสาวหน้าหมวยกำลังนั่งคุกเข่าเปลือเปล่าอวดโชว์เนินอกขาวสะอาดเต็มมือขณะกำลังรูดชักและเลียอมเอ็นเนื้อผมอย่างเอร็ดอร่อยก่อนจะรับน้ำรักไปเต็มหน้าเต็มปากด้วยสีหน้าเดียวกับตอนกินสลัดนี่...แค่คิดก็ฟินสุดๆแต่จะทำยังไงให้เป็นแบบนั้นในตอนนี้ผมยังไม่รู้เพราะอันที่จริงผมไม่กล้าขัดคำขู่ของแม่เสือเหนิงหรอก  ขืนมารู้เข้าทีหลังจะได้เป็นเรื่องใหญ่โตเอา


      "อร่อยจัง  น้ำสลัดทั้งข้นทั้งลื่นกลืนลงคอง่ายแบบนี้แถมกลิ่นออกคาวๆหอมๆแบบนี้ฝนไม่เคยเห็นที่ไหนเคยทำเลย  พี่สอนฝนทำได้มั้ยคะ  นะๆๆสอนฝนนะแล้วฝนจะไม่กวนพี่อีกเลย"


      "ก็สูตรพี่จะไปเหมือนที่เขาทำกันได้ไงล่ะ  ส่วนเรื่องจะให้สอนน่ะ  นี่สูตรลับประจำตระกูลพี่เลยนะถ้าฝนอยากรู้ก็ต้องมาเป็นแฟนพี่แล้วล่ะ"


      "โห...งั้นยอมเป็นแฟนวันนึงก็ได้  บอกฝนหน่อยนะๆๆ"สาวหมวยทำหน้าตาออดอ้อนอย่างน่ารักน่าชังยิ่งปลุกไอ้หนูผมให้แข็งจนอึดอัดไปอีก...ตาย  กูตายแน่แบบนี้...


      "เจ้าเล่ห์นะเรา  พอเลย  แกล้งคบแบบนี้พี่ไม่บอกหรอก"


      "ก็ได้..."


      "ก็ได้อะไร"ผมขนลุกซู่  ใจนึงอยากให้ฝนตกลงเป็นแฟนอยู่หรอกแต่อีกใจก็ยังไม่อยากแอบคบแล้วมีปัญหากับเหนิงทีหลัง  ผมเลยกะว่าถ้าฝนบอกจะคบก็คงต้องบอกให้เป็นพี่น้องกันไปก่อน


      "ก็พี่ต้องทำน้ำสลัดให้ฝนกินทุกวันไง"พลิกล็อค!!  ผมทั้งโล่งทั้งเสียดายนิดๆแต่ก็พอเดาได้นั่นแหละว่าว่าสวยไร้เดียงสาอย่างฝนคงยังรักยังคบกับใครไม่เป็นแหงๆ


      "ได้สิได้  พี่ทำแล้วต้องกินให้หมดด้วยล่ะ"ผมกำชับ


      


      หลังจากต้องตื่นมาเสียน้ำแต่เช้าแล้วต้องมานั่งดูฝนกินสลัดสุดเสียวผมก็ขอตัวไปนอนงีบฟุบกับโต๊ะอยู่ในห้องล้างรูปเก่าตามเคย  หลับไปนานแค่ไหนบอกไม่ได้แต่รู้ได้แค่ว่าความเสียวและความรู้สึกเปียกๆอุ่นๆที่เจ้าหนูของผมมันทำให้รู้สึกตัวตื่น  ความคิดแว๊บแรกของผมเลยคือน้องฝนแน่ๆที่กำลังดูดเอาๆเรียกน้ำผมให้ออกมาแบบนี้  มันทำให้ผมทั้งเสียวทั้งตกใจไปพร้อมๆกันถึงกับต้องรีบก้มลงไปดูหน้าคนใต้โต๊ะแต่พอเห็นคนที่กำลังดูดควยเล่นไข่ผมอย่างเพลิดเพลินอยู่ก็ถึงกับต้องยิ้มออกมา


      "เล่นพี่แต่เช้าเลยนะเหนิง"ผมแซวสาวหมวยที่กำลังโยกหัวดูดเลียพวงเอ็นรผมอย่างเอร็ดอร่อยไม่ยอมหยุดปากพลางจับผมดำมันเงาขยุ้มแน่นช่วยโยกไปด้วยอีกแรง "แอบมาทำแบบนี้กับพี่มันไม่ดีนะเหนิง  เดี๋ยวใครมาเห็นเข้าพอดี"





      เหนิงโยกหัวดูดเลียต่ออีกครู่สั้นๆก่อนจะขืนมือผมไว้เพื่อถอนปากออกจากเอ็นดุ้นใหญ่ชุ่มน้ำลาย "คนเขาคอแห้งก็ต้องหาน้ำกินสิพี่"


      "ใจคอจะกินให้พี่แห้งตายแบบไม่คุยกันก่อนเลยเหรอเหนิง"ผมเชยคางสาวหมวยขึ้นมาถามด้วยควมเอ็นดู  ใจเริ่มนึกอยากจะหยุดที่คนๆนี้ไปทั้งชีวิตเพราะถึงเหนิงจะหน้านึ่งดูไร้อารมณ์กับคนอื่นหรืออาจจะดูน่าเบื่อสำหรับใครหลายๆคนแต่เวลาอยู่กับผม  รอยยิ้ม  เสียงหัวเราะหรือแม้แต่เสียงครางของเหนิงมันทั้งสวยและเพราะจับใจผมเลยทีเดียว  แม้จะไม่ได้เป็นแม่วัวเหมือนอเล็กซ์แต่ก็เต็มไม้เต็มมือน่าจับ  แม้จะไม่ออดอ้อนไร้เดียงสาเหมือนขิมแต่ทุกสัมผัสจากปากเธอทำให้ผมต้องเสียวซ่าน  แม้จะไม่ได้หอมหวานชวนหลงไหลแบบพี่แต้วแต่ก็มีเสน่ห์ในแบบของตัวเองที่ทำให้ผมอยากลิ้มลองและทำเหนิงท้องไม่รู้กี่ครั้ง  และที่สำคัญแม้จะไม่ได้เป็นเลสแบบพี่กอล์ฟแต่ทุกครั้งที่อยู่ด้วยกันสาวห้าวคนนี้ใจถึงและใส่ใจทุกรายละเอียดของผมยิ่งกว่าพี่กอล์ฟซะอีก


      เหนิงยิ้มหวานค่อยๆมุดออกมาจากโต๊ะมาซบกอดคอผมแบบที่เรียกได้ว่าหน้าใกล้กันแค่ลมหายใจรด "เป็นแฟนกันแค่มองตากันก็รู้ใจแล้วยังจะต้องคุยอะไรอีกล่ะ"


      ผมสบตาแฟนสาว  มันมีประกายคุโชนอยู่ในดวงตาเร่าร้อนบ่งบอกชัดเจนว่าเธอกำลังต้องการอะไรจากผม "ยังไม่ได้ซื้อถุงนะ"


      "มียาคุมอยู่ไม่ใช่เหรอ"สาวหมวยหน้านิ่งกัดฟันเม้มริมฝีปากยั่วยวนด้วยแววตาซุกซนเจ้าเล่ห์  กระดิกนิ้วชี้ชวนให้ผมไฟลุกพรึบแทบจะทันที  ในตอนนี้ถึงจะรู้อยู่เต็มอกว่าถ้าแตกในเข้าไปคงได้เสียตัวอักษรแน่แต่ในเมื่อแฟนสาวของผมต้องการขนาดนี้...การได้ปล่อยข้างในก่อนไปเรียนมันก็คงจะดีไม่น้อย


      ผมแทบจะยอมพลีกายถวายอักษรให้เหนิง  ลุกขึ้นจับสาวห้าวผู้หลงติดในรสรักของผมให้นอนหงายลงบนโต๊ะตรงหน้า  "วันนี้ใส่พรีสมาเหรอ"ผมถามพลางจับกระโปรงอัดกลีบยาวถึงข้อเท้าถกขึ้นมากองบนหน้าท้อง

   
      เหนิงจับชายกระโปรงไว้ปล่อยให้ผมจัดการรูดกางเกงในสีฟ้าอ่อนลงไปกองบนพื้นพลางจ้องสบตาอย่างเร่าร้อน "ทรงเอเลอะขนาดนั้นคงใส่มาหรอก  น้ำใครก็ไม่รู้ข้นเต็มกระโปรงเลย"


      "ดีเพราะพี่หวง  แล้วจำไว้ด้วยนะถ้าใส่ทรงเอมาอีกพี่จะเอาให้เลอะทั้งข้างนอก...ทั้งข้างในเลย"ผมวนนิ้วรอบปากแคมตอนพูดว่าทั้งข้างนอกก่อนจะสอดกระทั้นเข้าไปภายในทั้งนิ้วทำเอาสาวหมวยถึงกับเชิดหน้าอ้าปากค้าง  เมือกรักค่อยๆไหลออกมาชุ่มแฉะนิ้วผมทีละน้อยแต่คงต้องหยุดนิ้วไว้แค่นี้ก่อนเพราะผมอยากทำอย่างอื่นกับเนินเนื้ออวบอัดนูนสวยนี้มากกว่า


      ผมจับท่อนขาเรียวขาวขึ้นยกพาดบ่าทั้งสองข้าง  คุกเข่าลงให้หน้าอยู่เสมอกับเนินหม้อนูนกว้างขวาง  ขนรอบๆไม่ได้ขึ้นคลุมมิดแค่พอมีบางๆทำให้ไม่ดูรกตา  กลีบยังคงเป็นสีชมพูสดสวยมันวาวน่ามองแม้ว่าปากแคมทั้งสองข้างจะปิดไม่สนิทแล้วก็ตาม "โดนแค่นิ้วนี่แฉะแล้วเหรอ"


      "แฉะตั้งแต่ดูดให้พี่แล้ว...จะทำอะไรก็เร็วเถอะเหนิงไม่ไหวแล้ว  อุ๊ย!!"สาวหมวยสะดุ้งโหยงกับสัมผัสจากลิ้นและใบหน้าผมที่ซบลงไปเลียกินน้ำทิพย์จากร่องหินอันอ่อนนุ่ม  เอวคอดสวยบิดส่ายช้าๆด้วยความทรมานแต่กลับไม่ยอมหลบหนีไปไหนแถมยังแอ่นหาปากผมเป็นระยะราวกับต้องการถูกทรมานยังไงอย่างนั้น "พ-พี่  เหนิงเสียว  อืออออ  ย-อย่าหยุดนะพี่"เสียงออดอ้อนอ่อนหวานดังระงมจากปาดสาวห้าว  ฝ่ามือทั้งสองข้างจับหัวผมไว้ไม่ให้ถอยหนีไปไหน  เสนอมาแบบนี้มีเหรอที่ผมจะไม่สนอง


      ผมยอมปล่อยให้เหนิงจับกดโดยดี  ซุกจมูกสูดกลิ่นสบู่หอมๆปนกลิ่นสาบสาวเข้ามาเต็มปอดพร้อมกับตวัดลิ้นเลียเล่นตรงติ่งแตดเรียกเอาน้ำทิพย์ให้ไหลชโลมลิ้นเป็นสาย  ยิ่งตวัดลิ้นเล่นมากเท่าไหร่สาวหมวยยิ่งส่งเสียงร้องครวญครางดังมากเท่านั้นจนผมชักเริ่มหวั่นๆว่าถ้าน้องชมรมเข้ามาในตอนนี้คงได้เจอหนังสดของผมเข้าแน่ๆ  แต่ไครล่ะจะทนไหวในเมื่อเนินเนื้ออันหอมหวานของแฟนมาอยู่ตรงหน้ามันก็ต้องยอมปล่อยเลยตามเลยให้เหนิงส่งเสียงร้องไปอย่างอิสระส่วนผมก็ค่อยๆห่อลิ้นแข็งๆตวัดฉกติ่งเสียวสลับกับแหย่แยงนิ้วเข้าไปในโพรงรักอันอบอุ่น


      "ซี๊ดดด  อูยยย  น-เหนิงไม่ไหวแล้วพี่  เหนิง-เหนิงจะเสร็จแล้ว!!!!!"สาวหมวยอุทานลั่นกดหัวผมแน่นจนจมูกผมอัดกับเนินหัวหน่าว  หายใจไม่ออกซ้ำยังตวัดสองขารัดซ้ำราวกับกลัวว่าผมจะดิ้นหลุดทำให้ผมต้องอ้าปากสูดเอาลมหายใจเข้าปอดแทนแต่เหมือนทุกอย่างถูกคำนวณเอาไว้  น้องเหนิงปลดปล่อยน้ำทิพย์อุ่นๆแตกซ่านกระเซ็นออกมาอย่างมากมายเข้าปากอาบเลอะเปียกชุ่มเต็มหน้าก่อนจะค่อยๆนอนแผ่หราหอบเหนื่อยเต็มกำลัง


      ผมค่อยๆแกะมือเหนิงออก  ลุกขึ้นมาโน้มจูบแฟนสาวบนโต๊ะด้วยความรัก  เหนิงยกนิ้วขึ้นแตะปากห้ามผม  ล้วงอีกมือหยิบเอาผ้าเช็ดหน้ามาซับน้ำแห่งความรักบนใบหน้าให้ผม "ดูสิเลอะเทอะหมดเลย"


      "ก็แฟนน้ำเยอะนี่"ผมกระซิบ  เม้มจูบริมฝีปากนุ่มแผ่วเบา "ตาพี่ปล่อยน้ำใส่เหนิงบ้างแล้วนะ"


      "ข้างในนะพี่เดี๋ยวกระโปรงเลอะ"


      "พูดจาแบบนั้ระวังพี่จะเสกเด็กเข้าท้องไม่รู้ด้วยนะ"ผมขู่คำรามในลำคอ  จับท่อนเอ็นแข็งจ่อถูร่องสาวเอาน้ำเมือกลื่นๆชโลมไล้หัวถอกก่อนจะค่อยๆดันมันเข้าไปทั้งลำอย่างง่ายดาย


      "อูยยยย  ส-เสกเลยสิ  เหนิงจะเป็นแม่ให้ลูกพี่เอง"


      คำพูดของเหนิงขณะถูกผมอัดกระแทกโคกเนื้อนูนขาวมันทำให้ผมอารมณ์ขึ้นสุดๆขนาดว่าอยากให้เหนิงท้องขึ้นมาจริงๆเลยทีเดียว  จากการโยกกระเด้าธรรมดามันจึงกลายเป็นการส่งเอวเข้าไปอัดกระแทกเน้นทุกดอกเพื่อเวลาถึงฝั่งผมจะได้กดเข้าไปให้สึกที่สุดเพื่อปลดปล่อยลูกๆนับล้านเข้าไปในท้องว่าที่คุณแม่


      "ซี๊ดดด  ท-ทำไมมันเข้าลึกกว่าทุกทีอย่างนี้  อูย  พ-พี่  อูยยย  เหนิงจะแตกอีกแล้วพี่"สาวหมวยร้องปากคอสั่น  สองมือจิกกำขอบโต๊ะทั้งสองข้างเพื่อระบายอารมณ์  แอ่นเนินสาวรับแรงบดกระแทกเน้นๆให้เสียวซ่านยิ่งขึ้นไปอีก "อูยยยยย"


      "อา!  เหนิง  ค-คราวนี้ปล่อยให้ท้องเลยนะ"ผมพูดตะกุกตะกักพยายามคุมอารมณ์ตัวเองไม่ให้เพลินไปกับแรงตอดมากกว่าปกติของแฟนสาว


      "ค่ะพี่  แรงๆเลยเหนิงรอเรียนจบไม่ไหวแล้ว  อูย  ซี๊ดดด  ใกล้แล้วผัวขา  เหนิงจะถึงแล้ว"


ตรู๊ดดดดดด  ตรู๊ดดดดดดดดด   ตรู๊ดดดดดดดดดดดด


      สาวหมวยกำลังจะเสร็จไปก่อนอย่างง่ายดายแต่กลับต้องมาสะดุดเพราะเสียงมือถือในกางเกงผม  ตอนแรกเราแทบไม่ใส่ใจกับมันสักนิดหวังจะกระแทกให้เสร็จสมใจก่อนค่อยว่ากันแต่ยิ่งนานเหนิงยิ่งดูหงุดหงิดจนหมดอารมณ์จะให้ผมกระแทกต่อ


      "ร-รับสายก่อนเถอะพี่เหนิงรำคาญ"สาวหมวยยันตัวขึ้นนั่งปล่อยให้เอ็นเนื้อแข็งเขม็งลื่นแฉะของผมหลุดออกเพื่อไม่ให้ผมได้กระแทกต่อผมเลยต้องล้วงหยิบโทรศัพท์ออกมาอย่างเซ็งๆแต่นั่นถือเป็นเรื่องผิดพลาดที่สุดในชีวิตเพราะชื่อสายเรียกเข้านั้นไม่ใช่ใครที่ไหน 'ไนท์ว่าที่ภรรยา' คือชื่อที่ขึ้นบนหน้าจอโทรศัพท์  ไม่ต้องสงสัยเลยว่าผมช็อคแค่ไหนกับการปล่อยให้หมอสาวเม็มชื่อใส่โทรศัพท์เองโดยม่ได้สนใจเช็คในตอนนั้นแถมในตอนนี้เหนิงยังเห็นเต็มๆด้วย  เรียกได้ว่าผมหมดคำจะแก้ตัวเลยจริงๆ


      ใบหน้าที่เพิ่งมีความสุขพร้อมทั้งส่งเสียงครางระริกไปเมื่อครู่ในตอนนี้กลับนิ่งเฉยราวกับรูปปั้นหินอันน่ากลัว  ดวงตาเรียวเล็กมีน้ำตาเอ่อเรื่อขึ้นมาคลอหน่วงอยู่ภายใน  เหนิงดันตัวผมออก  ลุกขึ้นยืนหยิบกางเกงในมาสวมช้าๆราวกับระเบิดไกอ่อนที่พร้อมจะลั่นจุดชนวนให้ระเบิดขึ้นมาได้ทุกเมื่อ


      "มันไม่ได้มีอะไรอย่างที่เหนิงคิดนะ  พี่กับหมอไนท์ไม่ได้คุยกันอีกเลยตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาลแล้วจริงๆนะ"ผมรีบละล่ำละลักพูดหวังว่าเหนิงจะรับฟังแต่ไม่เลย  มันกลับกลายเป็นว่าผมเองนี่แหละไปโง่จุดระเบิดลูกนี้เข้ากับมือตัวเองซะเอง


      "ขอโทษนะเหนิงกินข้าวไม่ได้กินหญ้า"


      "เหนิงพี่..."


      "คำพูดพี่เชื่ออะไรได้บ้างตอนนี้เหนิงไม่รู้แล้ว  พอเถอะเหนิงไม่อยากร้องไห้กับเรื่องนี้แล้ว"


      "แต่ว่า..."


      "จะคุยกับว่าที่เมียพี่ก็คุยไปสิ  พอทีจากนี้เราจบกัน!"เหนิงพูดโดยไม่แม้แต่จะหันกลับมามองผมเลยด้วยซ้ำ  นั่นยิ่งทำให้ผมเจ็บยิ่งกว่าการโดนมีดกรีดหัวใจซะอีก  ...โอเคผมยอมรับว่าที่ผ่านมานอกลู่นอกทางบ่อย  มีคนโน้นคนนี้แทบจะตลอดเวลาแต่ผมมั่นใจนะว่าพักนี้ผมไม่แม้แต่จะเก็บอักษรเพิ่มหรือไปมีอะไรกับใครนอกจากเหนิงเลยด้วยซ้ำ  ไม่รู้หรอกว่าผมรักเหนิงขนาดยอมทิ้งพลังอำนาจไปตั้งแต่เมื่อไหร่แต่ในตอนนี้ที่กำลังจะเสียเหนิงไปผมยอมรับเลยว่าผมรักเหนิงหมดหัวใจจริงๆ


      "เดี๋ยวสิเหนิง"ผมคว้าข้อมือเหนิงไว้  กำมันแน่นราวกับม่ามันฟางเส้นสุดท้ายแต่เธอกลับสะบัดมันให้หลุดออกอย่างไม่ไยดี  หันมองมองผมทั้งน้ำตารินก่อนจะพูดชัดๆต่อหน้าผม


      "ไม่คิดเลยนะว่าผู้ชายที่เหนิงรักทั้งหัวใจ  เห็นว่าเป็นคนดีจะเห็นเหนิงมีค่าคนของเล่นเอาไว้คั่นเวลา  พอแล้ว...เหนิงเจ็บพอแล้ว  แล้วรู้ไว้ด้วยนะสำหรับเหนิงการกระทำมันเสียงดังกว่าคำพูด"


      ประโยคสิดท้ายมันก้องดังในหัวให้ผมรู้สึกราวกับถูกค้อนทุบอย่างแรง  แต่ผมไม่ใช่พระเองเอ็มวีที่จะมานี่งใจสลายปล่อยให้เหนิงเดินไปเฉยๆ  ในเมื่อผมรู้ว่าหัวใจผมอยู่ที่ไหนถ้าจะยื้อผมจะยื้อให้สุด


      ผมดึงแขนเหนิงกลับเข้ามาในห้อง  กอดรัดเอวคอดกิ่วแน่นพร้อมกับประกบริมฝีปากจูบลงไปอย่างนุ่มนวลที่สุด...น่าเสียดายมันไม่เหมือนกับในหนังรักโรแมนติก  ผลกรรมมันลบล้างกับแค่จูบไม่ได้เสียงปึ๊กจากการแทงเข่าเข้ากลางขากับเสียงดังฉาดพร้อมกับใบหน้าผมที่สะบัดอย่างแรงจึงเป็นสิ่งต่อมาที่เกิดขึ้นก่อนเหนิงจะเดินออกไปทั้งอย่างนั้นปล่อยให้ผมนอนกองลงกับพื้น  ทั้งจุกทั้งเจ็บจนพูดไม่ออก  รู้สึกเคืองเหมือนกันที่หมอไนท์โทรมาตอนนี้ทั้งที่ร้อยวันพันปีไม่เคยแม้แต่จะโทรมาแต่ต้องยอมรับว่ามันเป็นความผิดผมเองที่เริ่มนอกใจเหนิงก่อน


...เอะอะโวยวายอะไรกันวะ  คนยิ่งง่วงๆอยู่...


      "เหนิง...ทิ้งชั้นไปแล้วว่ะ"


...เพราะอะไร  มันเกิดอะไรขึ้นตอนข้านอนไหนเล่ามาซิ...


      "ก็เพราะมีมึงไง  ทั้งหมดนี่ก็เพราะมึงที่ทำให้กูต้องมั่วคนอื่นไปทั่วอย่างนี้!!"ผมรู้สึกของขึ้นทั้งโกรธทั้งเคืองสุดๆกับการที่ต้องมีพลังบ้าๆนี่


...มาโทษกันแบบนี้ก็ไม่ถูกสิ  ข้าไม่ได้ป้อนคำหวานให้อีผู้หญิงพวกนั้นนะ  เอ็งเองไม่ใช่เหรอที่ทำและทำทุกอย่างด้วยตัวเอ็งเอง...


      "ก็ถ้าไม่ต้องรวบรวมอักษรพวกนี้..."


...ถามจริงๆเถอะเรื่องทั้งหมดมันเกิดเพราะเอ็งเองไม่ใช่เหรอ  ข้าดูความทรงจำตอนช้าเกิดมาในตัวเอ็งหมดแล้ว  ทั้งหมดก็เพราะเอ็งอยากได้สาวฝรั่งตาน้ำข้าวนั่นและตอบรับท่านชินเอง  มันไม่ใช่เพราะต้องรวบรวมอักษรหรอกแต่มันเป็นเอ็งเองที่เลือกทางนี้...


      ผมได้แต่เงียบเมื่อไอ้แกงเกอร์มันพูดแบบนี้...มันพูดมีเหตุผล  คงเพราะผมเองที่ปล่อยเลยตามเลย  หลงพลังจนเป็นแบบนี้  แต่ก็อย่างว่าแหละนะคนที่ไม่เคยป๊อปในหมู่สาวๆ  เป็นได้แค่เฟรนโซนมาตลอดตั้งแต่เด็กพอได้พลังที่ทำให้ตัวเองมีอำนาจกับจิตใจคนอื่นมันก็ต้อหลงระเริงเป็นธรรมดา...มันก็สมควรแล้วที่พอเจอความรักจริงๆเข้าแล้วมันจะพังไม่เป็นท่าเพราะความไม่รู้จักพอ


...เอาน่ะอย่าเศร้านักเลย  ในเมื่อเขาทิ้งเอ็งไปแล้วยังจะมาคร่ำครวญอ่ะไรให้เสียใจอีกวะ  เอ็งก็รู้ว่าศัตรูเอ็งไม่ได้มีแค่พวกคีพเปอร์ด้วยกันแต่ยังมีพวกรีดเดอร์อีกที่คอยตามหาเอ็ง  ยังไงซะถึงเอ็งจะเป็นคนดีไม่นอกใจอีนี่เอ็งก็ต้องเก็บอักษรเพื่อเอาชีวิตรอดอยู่ดี  ไหนจะเรื่องที่ตัวเอ็งกำลังจะหายไปอีก  ถามหน่อยเถอะถ้าอีนั่นรู้มันจะเข้าใจแล้วยอมให้เอ็งไปนอนกับคนอื่นไปขโมยตัวตนคนอื่นเหรอ  เอ็งคิดว่าคนขี้หึงไม่ฟังอะไรเลยแบบนั้นจะยอมรับเรื่องคอขาดบาดตายของเอ็งได้เหรอ...


      "แต่..."


...ข้ารู้ว่ามันยากที่เอ็งจะตัดใจจากคนที่เอ็งรักแต่ยังไงมันก็ต้องจบไม่สวยเข้าสักวัน  รับฟังเหตุผลข้าเถอะแล้วใช้มันทำใจให้ลืมซะ  ยิ่งเอ็นยอมรับมันได้เร็วเอ็งก็จะมีความสุขเร็ว  ข้าอยู่ข้างเอ็งเสมอนะไอ้เพื่อนยาก...


      คำพูดของแกงเกอร์ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้น...อย่างน้อยก็ทำให้ผมรู้สึกดีที่ยังมีใครสักคนอยู่เคียงข้างคอยปลอบเวลาที่ผมไม่สามารถบอกความจริงหรือเรื่องราวอะไรให้คนอื่นฟังได้ "ขอบใจนะเว่ยที่ปลอบ  ...กูจะจำคำพูดมึงไว้"


...สนิทหน่อยมาเรียกกูมึงเลยนะไอ้นี่  ลามปามเดี๋ยวปั๊ดตบ ฮ่าๆๆ...





      มื้อเที่ยงในวันนี้มันไม่น่าอภิรมย์เลยสักนิดสำหรับผม  ไม่ต้องเดากันให้เหนื่อยว่าเพราะอะไรในเมื่อมีน้องมายด์ที่ทำหน้าลำบากใจเมื่อเจอผมอยู่คนนึงแล้วแต่ในวันนี้ยังมีอีกคนที่ไม่แม้แต่จะชายตามองผมอีก...เรื่องมายด์ช่างมันเถอะเพราะในตอนนี้ผมสนใจเหนิงมากยิ่งกว่าใครบนโต๊ะซะอีกแต่ก็ได้แต่นิ่งเงียบไม่กล้าทัก  การกินข้าวทั้งอารมณ์แบบนี้มันจึงราวกับว่าผมตักตะกั่วเข้าปาก  ยิ่งกินยิ่งรู้สึกหนักอึ้งแม้ว่าน้องฝนกับน้องแพรจะดูร่าเริงเป็นปกติและไอ้เคนก็ยังคุยเฮฮาปาร์ตี้เหมือนเดิมก็ตาม  พอหมดพักเที่ยงผมจึงตัดสินใจโดดคาบบ่ายไปแอบนั่งหงอยอยู่ในห้องชมรมคนเดียวเพื่อทบทวนความผิดของตัวเองที่ทำให้เหนิงเสียใจได้ขนาดนี้


...นี่แหละนะรักมากก็ต้องเจ็บมากเป็นธรรมดา  ปกติพวกมนุษย์นี่พออกหักแล้วเขาไปทำอะไรที่ไหนเพื่อจะให้ได้ลืมกันวะเนี่ยข้าล่ะเบื่ออารมณ์เศร้าของเอ็งจริงๆ...


      "ที่กูยอมตัดใจจากมายด์  ที่กยอมทิ้งรักแรกของกูไปมันไม่ได้ช่วยให้เหนิงรู้เลยเหรอวะว่ากูรักเหนิงมากแค่ไหน"


...ข้าบอกไม่ได้หรอกนะว่าอารมณ์ผู้หญิงเป็นยังไงหรือคิดอะไร  แต่ในเมื่อเอ็งบอกว่าเอ็งพยายามเป็นคนดี  จะหยุดทุกอย่างเพื่ออีนี่แล้วมันมีแต่จะแย่ลง  ทำไมเอ็งไม่ปล่อยตัวเองให้สนุกกับชีวิตไห้สุดไปเลยล่ะวะ  ไหนๆดีไม่ได้ก็ใช้ชีวิตให้มันคุ้มที่ได้มีพลังแบบนี้ไปซะเลยสิจะได้ลืมๆเรื่องเศร้านี่ซะที...


      "อารมณ์นี้จะให้สนุกอะไรวะ  แค่คิดถึงหน้าเหนิงกูก็ไม่มีอารมณ์ไปคุยกับคนอื่นแล้ว"


...ให้ข้าแสดงให้เอ็งดูมั้ยล่ะ...


      "..."ผมนิ่งเงียบตัดสินใจชั่วขณะ  รู้ว่าที่มันพูดหมายความว่าอะไร  อันที่จริงเพิ่งอกหักมาแบบนี้ผมไม่อยากทำอะไรไม่อยากเจอใครเลยด้วยซ้ำ  ถ้าได้ไปนั่งสงบใจอยู่ในจิตใจตัวเองอย่างที่เคยเข้าไปในบ้านไอ้แกงเกอร์นั่นอีกสักครั้งก็คงดีเหมือนกัน "อยากทำอะไรก็ทำเถอะ  ตอนนี้กูไม่มีอารมณ์จะทำอะไรทั้งนั้นนั่นแหละ"


...งั้นสลับตัวกัน  แล้วเอ็งก็เลิกทำตัวเศร้าได้แล้ว  ดูข้าแล้วสนุกไปกับข้า  เดี๋ยวข้าจะถ่ายทอดความรู้สึกไปให้ข้างใน...


      ประตูห้องเปิดอ้าออกทำให้ผมตกใจ  กลัวว่าใครที่หน้าประตูจะได้ยินอะไรที่พูดคนเดียวไปเมื่อครู่แต่พอเห็นว่าแพรไม่ได้มีท่าทางสงสัยอะไรแถมยังเดินเข้ามานั่งหันข้างให้บนโต๊ะแล้วจ้องผมซะอีก


      "พี่มีอะไรกับยัยเหนิงเหรอ  เห็นมันหน้าบูดอย่างกับตูดลิงทั้งวันเลย"


      "นี่โดดเรียนมาเหรอ"


      "พี่ก็โดดนี่...ไม่ต้องนอกเรื่อง  ตอบมาว่ามีปัญหาอะไรกับเพื่อนแพร"


      "...พี่เลิกกับเหนิงแล้ว"ผมตอบเสียงเศร้า "ไม่สิเหนิงบอกเลิกพี่แล้ว  เมื่อเช้านี้เอง  พี่ไม่รู้แล้วว่าจะทำยังไงต่อไป"


      "แล้วมีปัญหาอะไรกัน  แพรพอจะช่วยอะไรได้บ้างมั้ยพี่"


      "มันซับซ้อนน่ะ  แต่แพรช่วยเรื่องนี้ไม่ได้หรอก"


      "ซับซ้อนอะไรไหนบอกแพรมาดิ  พี่ก็รู้ว่าปิดแพรไม่ได้หรอก"สาวหน้าหวานกอดอกรอฟังอย่างตั้งใจผมเลยได้แต่ยอมเปิดปากให้สาวจอมจุ้นฟัง


      "จำหมอที่รักษาพี่ตอนโดนงูกัดได้มั้ย"


      "...จำได้สิ  หมอหน้าหมวยๆหน่อยน่ะเหรอพี่  แล้วทำไมเหรอ"


      "ก็พี่ไปจีบเขาแล้วขอแลกเบอร์กันแล้วเขาก็พิมพ์ชื่อตอนเม็มเบอร์มาแบบนี้น่ะ"ผมหยิบโทรศัพท์ให้แพรดู  แม่นักข่าวสาวประธานชมรมข่าวหยิบไปดูแว๊บเดียวถึงกับหัวเราะ
   

      "ฮะๆๆ  สม  เป็นแพรมาเห็นแบบนี้ก็ทิ้งเหมือนกันแหละ  รู้งี้ไปปลอบเหนิงแทนดีกว่า"


      "เดี๋ยวสิแพร  ฟังพี่ก่อน"ผมรีบรั้งแพรไว้ไม่อยากให้แพรเข้าใจผมผิดไปอีกคน "พอออกจากโรงพยาบาลพี่ก็ไม่ได้คุยกับหมอเขาอีกเลยนะไม่เชื่อดูประวัติการโทรก็ได้  ตอนนี้พี่มีแค่เหนิงคนเดียวจริงๆ  แต่จู่ๆหมอเขาก็โทรมา...ตอนพี่กำลังไปได้ดีกับเหนิง..."


      "ก็สมควรอยู่ดีนั่นแหละ  ดันไปเจ้าชู้ก่อนเองนี่นา"


      "พี่รู้พี่ผิด  พี่เข้าใจที่เหนิงทิ้ง  พี่ถึงไม่ตื้อไม่เรียกร้องอะไรให้เหนิงกลับมาแต่ว่าแพร  พี่พยายามกลับตัวแล้วนะ"ผมก้มหน้ายอมรับชะตากรรม  รู้หรอกว่าแพรคงไม่เห็นใจแต่อย่างน้อยขอแค่สักคนที่รู้ว่าผมสำนึกผิดกับเรื่องที่ทำไปจริงๆ "พี่ไม่ได้บอกหรอกนะว่าเป็นคนดีแต่ตอนนี้ที่พี่มีคือเหนิงคนเดียวจริงๆ"


ตรู๊ดดดดดดด ตรู๊ดดดดดดดด  ตรู๊ดดดดดด


      เหมือนสวรรค์แกล้ง  สายเรียกเข้าจากหมอไนท์ดังขึ้นอีกครั้งในมือแพร  แพรหันมองผมราวกับยังเคลือบแคลงสงสัยอยู่ "ถ้าพี่พูดจริงงั้นแพรขอเปิดสปีคเกอร์ฟังด้วยนะ"


      "...แล้วแต่แพรเลย"


      แพรรับสายก่อนจะกดสปีคเกอร์ให้เสียงออกลำโพงโทรศัพท์  ในไม่ช้าเสียงหวานๆของหมอไนท์ก็ดังขึ้นมาจนได้


      "ดีใจจังเก่งรับสายแล้ว"


      "มีอะไรครับพี่หมอ"


      "ยังจะถามไนท์อีก  ได้เบอร์ไปไม่เคยโทรหากันเลยนะ"หมอสาวตัดพ้อต่อว่าผมผ่านโทรศัพท์ให้แพรซึ่งเป็นคณะลูกขุนตัดสินความผิดเพียงหนึ่งเดียวของผมได้ยินอย่างชัดเจน


      "ช่วงนี้ยุ่งๆน่ะครับ"


      "งั้นไม่เป็นไร  ไนท์โทรมาจะบอกว่าอีกเดือนนึงไนท์จะแต่งงานแล้วแฟนไนท์เลยไปหาหมอดู  ดูฤกษ์ดูยามแล้วหมอดูเขาทักมาว่าจะถูกสวมเขา...ช่วงนี้เราห่างกันสักพักนะเก่ง  ไนท์ไม่อยากให้แฟนรู้เรื่องนี้"


      "..."ผมหันไปมองแพรชั่วครู่ก่อนจะตัดสินใจพูดอะไรออกไปให้เด็ดขาดแสดงให้แพรได้เห็นไปเลยว่าผมไม่ได้คบ

dorsun

ระดับนี้น่าเอาไปสร้างหนังเลยนะครับ

wat2017


nkikuji


sarawut chanart


P555

คาดว่าคงได้กันครบกลุ่มแน่ๆเลยครับ

Panya Sripaks

น่าจะจัดให้ไปเลย ขอบคุณครับ

shotti