ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ความรักของนพ (ภาคต่อของ ราคะ ตัณหา ความใคร่) 5 (จบ)

เริ่มโดย twintower, มีนาคม 25, 2017, 07:29:10 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

twintower

แต่ตอนบ่ายๆวันเสาร์นพได้นัดเจอกับเพลงเพราะรู้ว่าเธอมีบินช่วงเช้า นพนัดเจอที่ร้านอาหารที่เพลงเคยพานพมาทานข้าว  สีหน้าของเพลงนั้นดูไม่สู้ดีเท่าไหร่นักแต่นพที่มาถึงก่อนเห็นเธอที่อยู่ในชุดฟอร์มแอร์โฮสเตสลากกระเป๋าเข้ามาด้วยจึงถามไปว่า

"เอ้าทำไมเอากระเป๋ามาด้วยครับ"

"เพลงให้เพื่อนมาส่งคะ  แม่ยืมรถเพลงไปใช้"

"งั้นเพลงส่งกระเป๋ามาครับนพเอาไปเก็บให้ที่รถก่อนจะได้ไม่เกะกะ"

นพพูดจบก็เดินไปรับกระเป๋าจากเธอก่อนเดินเอาไปเก็บให้ที่รถโดยหญิงสาวไม่พูดอะไรจนนพเดินกลับมาแล้วหลังจากที่สั่งอาหารนพหยิบถุงที่อยู่ข้างๆแล้วยื่นให้กับเธอแล้วพูดว่า

"ของฝากครับ  นพนึกไม่ออกว่าจะซื้ออะไรดี แต่คิดว่านี่เหมาะกับเพลงครับ"

เธอดูยินดีอย่างยิ่งที่นพนำของฝากมาให้เธอเป็นโลชั่นที่ใช้บำรุงผิว นพบอกว่า

"นพรู้ว่าพวกแอร์ฯต้องใช้เครื่องบำรุงผิวเพราะอยู่ในกับความสูงตลอด   มันทำให้ผิวแห้งได้"

"ขอบคุณคะที่ยังนึกถึงเพลง ไม่ลืมเพลง"

"ไม่ลืมครับ อย่างที่บอกนพไม่ได้โกรธเพลงไงครับ"

"คะขอบคุณคะนพแล้วนี่ นพคะ  สุขสันต์วันเกิดย้อนหลังนะคะ"

เธอพูดขึ้นหลังจากนพพูดจบพร้อมยื่นกล่องที่ห่อของขวัญที่ขนาดพอเหมาะกับมือให้นพ นพยื่นมือไปรับพร้อมกล่าวขอบคุณหญิงสาวได้บอกว่าให้แกะกล่องของขวัญได้เลย นพทำตามคำขอของเธอ พอแกะมาก็พบกับนาฬิกาที่กันน้ำได้แล้วหญิงสาวบอกว่า

"เพลงมีเวลาหาของขวัญวันเกิดให้นพน้อยมากคะ  แต่คงถูกใจนพนะคะ"

เธอพูดมาด้วยน้ำเสียงเบาๆ มันเป็นจริงอย่างที่เธอพูด เพลงแทบจะไม่มีเวลาคิดว่าจะหาอะไรให้เป็นของขวัญเกิดให้กับชายหนุ่ม เธอเลยตัดสินใจซื้อนาฬิกาให้เพราะใจจริงเธออยากหาของที่มีคุณค่ามากกว่านี้เพื่อให้นพนึกถึงเธอเวลาที่นำมาใช้ แล้วเธอตัดสินใจที่จะบอกเรื่องของเธอให้นพรู้

"นพคะ เพลงมีเรื่องจะบอก"

"อะไรหรือครับ"

"คือเพลงจะย้ายงานคะ  เพลงได้งานใหม่ที่สายการบินของญี่ปุ่นคะ"

นพนั้นรู้สึกตกใจไปชั่วขณะแต่ก็ปรับความรู้สึกได้ทัน ก่อนถามไปว่า

"แล้วเอ่อ เพลงจะไปเริ่มเมื่อไหร่ครับ "

"อีก เดือนเศษๆคะ"

"งั้นก็ต้องบอกว่า ดีใจด้วยครับ งานใหม่รายได้สูงขึ้น สวัสดิการดีขึ้น"

"ขอบคุณคะ แล้วนพไม่ถามหน่อยหรือคะว่าทำไมเพลงถึงย้ายที่ทำงาน"

นพนิ่งไปชั่วครู่ก่อนบอกไปว่า

"ไม่ดีกว่าครับ  เพราะถ้ามันเป็นเหตุผลที่ดีก็จะเกิดความรู้สึกดีๆต่อนพ  แต่ถ้ามันเป็นเหตุผลที่ไม่ดีมันอาจจะทำให้นพมีความรู้สึกที่ผิด ที่ไม่ดีติดตัวไปครับ เพราะนพคิดว่าคนที่ไปหาสิ่งที่ดีๆให้กับชีวิตต้องมีเหตุผลที่ดีครับ"

เพลงพยักหน้าอย่างเข้าใจ เธอนั้นได้ไปสมัครและไปสัมภาษณ์ไปก่อนหน้านี้พอสมควร แต่เธอยังสองจิตสองใจว่าถ้าเกิดทางสายการบินของญี่ปุ่นรับเธอเข้าทำงานเธอจะไปดีหรือไม่  เพราะเธอนั้นห่วงเรื่องของเธอกับนพ แต่หลังจากเหตุการณ์ที่ร้านอาหารวันนั้นแล้ว   เธอรู้ดีว่าเรื่องของเธอกับนพมันคงเป็นไปไม่ได้  ถึงชายหนุ่มจะบอกว่าไม่โกรธแต่เป็นใครจะไม่รู้สึกที่อีกฝ่ายทำตัวแบบนั้น ควงผู้ชายอีกคนมาเพื่อจะเยาะเย้ย   แต่สุดท้ายมันไม่ใช่ ทำให้เธอตัดสินใจทันทีเมื่อผลการสัมภาษณ์ออกมาว่าเธอผ่าน   จะทำให้เธอห่างจากนพเพื่อทำใจเพราะการใช้ชีวิตส่วนใหญ่จะอยู่ที่ญี่ปุ่นมากกว่าเมืองไทย

"คะเพลงเข้าใจ"

น้ำเสียงของเธอเริมสั่นเครือ นพจับมือของเธอมากุมเหมือนปลอบใจ ทั้งคู่ต่างนั่งทานอาหารด้วยความเงียบจนออกจากร้านอาหาร นพเดินพาหญิงสาวไปที่รถแต่เธอพูดก่อนถึงรถว่า

"นพคะ  เพลงกลับแท็กซี่ก็ได้คะจะไม่ต้องรบกวนนพ"

นพส่ายหน้าก่อนตอบมาว่า

"นพไปส่งเพลงครับ"

หญิงสาวแอบยิ้มออกมาก่อนเดินตามไปที่รถ พอก้าวขึ้นรถเธอถามนพว่า

"อ้าววันนี้เอาคันนี้มาหรือคะเพลงไม่เคยเห็น"

"ครับ  วันนี้เอารถคุณแม่มาครับ"

พอรถออกถนนใหญ่ เธอตัดสินใจเอนศีรษะไปซบที่ไหล่ของนพทันที ทำเอานพบอกมาด้วยเสียงปรามๆว่า

"เพลงครับ"

"นะคะนพ  อีกหน่อยไหล่ข้างนี้เพลงคงไม่มีโอกาสได้ซบอีกแล้ว อย่างน้อยช่วงเวลาที่เหลืออยู่ขอโอกาสให้เพลงแม้จะเป็นแค่เสี้ยววินาทีก็ได้คะนพ"

ด้วยน้ำเสียงที่ออดอ้อนและขอร้องของหญิงสาวทำให้นพจำใจปล่อยให้เธอซบที่ไหล่ก่อนที่เธอจะบอกต่อมาว่า

"นพขาวันนี้อยู่กับเพลงนะคะ ขอร้องละนะคะคนดีของเพลง"

หญิงสาวพูดขึ้นพร้อมเบียดกายให้แนบชิดยิ่งขึ้น เมื่อเห็นชายหนุ่มยังเงียบอยู่เธอเงยหน้าขึ้นไปหอมแก้มนพเบาๆ  เพียงเท่านี้ทำให้ตบะของนพแตกทันที  จากที่ต้องการแค่ไปส่งเพื่อทำหน้าที่ของสุภาพบุรุษคนหนึ่ง  แต่จากสิ่งที่เย้ายวนในขณะนี้ไม่ว่าจะเป็นกลิ่นกายที่หอมกรุ่น   หน้าอกที่เต่งตึงที่เบียดชิดต้นแขนทำให้ชายหนุ่มตอบรับ โดยที่หญิงสาวแอบยิ้มอย่างพอใจ เพราะตั้งแต่เธอรู้ว่านพนัดเจอ เธอจึงตัดสินใจที่ไม่ขับรถไปทำงาน  และทุกอย่างเป็นไปตามที่เธอหวังไว้ที่ทำให้ชายหนุ่มทำตามเมื่อเจอความออดอ้อนของเธอ  เพลงนั้นเช่าคอนโดไว้ใกล้สนามบินห้องหนึ่ง  เธอเตรียมไว้ถ้าเธอเลิกงานดึกและกลับบ้านไม่ไหวเธอจะมานอนพักที่คอนโดที่เธอเช่าไว้ และเมื่อทุกอย่างเป็นตามความต้องการของเธอ หญิงสาวบอกทางไปคอนโดของเธอ ซึ่งตลอดทางเธอซบไหล่นพตลอดทาง

พอไปถึงคอนโดหลังจากที่จอดรถที่ลานจอดด้านหน้าทั้งคู่พากันเดินเข้าไปตัวอาคารแต่นพขอแวะเข้ามินิมาร์ทเพื่อไปซื้อถุงยางโดยหญิงสาวยืนรออยู่ทางเข้า และได้พาเดินเข้าไปลิฟท์ไปชั้นที่เธอพักอยู่พอออกจากลิฟท์เพลงจับมือของนพให้มาคล้องที่เอวแล้วพาเดินไปที่ห้อง พอเข้าไปในห้องเธอจัดการล็อคประตูห้อง พอหันมาเจอนพเธอเอามือคล้องรอบคอก่อนดึงหน้านพให้โน้นลงมาแล้วหอมแก้มทั้งสองข้างก่อนบอกว่า

"ขอบคุณนะคะนพที่ยอมทำตามใจเพลงอีกครั้ง"

แล้วเธอเป็นฝ่ายจูบชายหนุ่มก่อน โดยเธอตั้งใจที่จะมอบความสุขให้กับนพอย่างเต็มที่ซึ่งอาจจะเป็นครั้งสุดท้ายของเธอกับนพก็ได้   ลิ้นทั้งคู่เกี่ยวพันไปมาจน ก่อนที่ใบหน้าของนพจะเลื่อนไปซุกไซร้ตามซอกคอของเธอไปมา  ชายเสื้อตัวในที่อยู่ในกระโปรงถูกดึงออก มือของนพล้วงผ่านชายเสื้อไปผ่านยกทรงเข้าไปเกาะกุมเนื้อแท้ของหน้าอกที่เต่งตึงพร้อมบี้ไปที่หัวนม หญิงสาวครางออกมาด้วยความเสียวแต่ก็เงียบเมื่อปากของนพมาทาบอีกครั้ง  เธอรับการจูบของนพอย่างเร่าร้อนและดูดดื่ม  พร้อมแอ่นกายรับการถูกลูบคลำหน้าอก  แล้วนพพลิกร่างเธอให้หันหน้าเข้าหาผนังแล้วบอกว่า
"เพลงครับเอามือยันผนังครับ"

เธอทำตามอย่างสงสัยแต่พอใบหูกับซอกคอถูกไซร้ไปมา ทำเอาเธอครางอีกครั้งพร้อมรับรู้ถึงความแข็งที่มาดันตรงก้นของเธอ และเธอหายสงสัย เมื่อมือของนพล้วงเข้าไปในกระโปรงดึงกางเกงในพร้อมถุงน่องเธอลงมากองตรงข้อเท้าทั้งๆที่เธอยังไม่ถอดรองเท้า ทำเอาหญิงสาวร้องออกมาว่า

"นพขา ไปที่เตียงเถอะคะ"

นพไม่ตอบอะไร แต่ถลกประโปรงเธอขึ้น ก่อนบอกให้เธอยกขาขึ้นก่อนจะปลดกางเกงในกับถุงน่องของเธอโยนไปที่เตียง เพลงเอามือยันผนังและแอ่นก้นขึ้นเพราะรู้ว่าต้องโดนอะไรต่อ  เพราะที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็นแฟนเก่าเธอ ไม่เคยจับเธอเย็ดท่านี้มาก่อน  เพลงกางขาออกโดยอัตโนมัติ กระโปรงเธอถูกรวบขึ้นมาตรงเอวนพเอามือลูบไปที่ขนหมอยของเธอและล้วงเข้าไปในรูหีที่เริ่มชุ่มชื้นทำเอาเพลงสะดุ้งออกมาและยิ่งครางเข้าไปใหญ่เมื่อนิ้วของนพไปสะกิดที่แตดของเธอ  จนนพจัดการกับกางเกงตัวเอง  และสวมถุงยางไปที่ควย และเอาไปจ่อรูหีที่เจ้าของแอ่นมาให้อย่างเต็มใจ  นพเอามือจับที่เอวของหญิงสาวแล้วค่อยๆดันควยเข้าไปเพราะจำได้ว่าช่องทางรักของเพลงนั้นยังกระชับแน่นอยู่พอสมควร นพดันควยเข้าไปท่ามกลางเสียงสูดปากของเจ้าของรูหี  นพดันเข้าไปจนสุดและเริ่มกระเด้าไปมา  โดยหญิงสาวส่ายรับเพราะบทรักแบบนี้มันสร้างความแปลกใหม่ให้กับเธอทั้งที่เสื้อผ้ายังถอดไม่หมด และท่ารักที่เธอไม่เคยเจอมาก่อนอย่างมากก็ท่าด็อกกี้ เธอแอ่นรับการกระเด้าของชายหนุ่มที่กระเด้าอย่างต่อเนื่องช้าสลับเร็ว มีแต่เสียงครางที่แผ่วเบาของหญิงสาวที่ฟังแล้วรู้ว่าเธอกำลังสุขสมกับการทำรักในท่านี้และยิ่งครางถี่ขึ้นเมื่อชายหนุ่มเร่งจังหวะขึ้น

"นพขาโอ้วๆๆๆๆๆ เร่งหน่อยคะอูยยยยยยย  อีกนิด โอ้ววววถึงแล้วคะที่รัก"

ตัวเธอบิดเกร็งไปมา พร้อมกับนพดันตัวเข้ามาจนสุด ก่อนจะไปโผซบที่หลังเธอพร้อมกอดเธอไว้แน่น จมูกซุกไซร้ไปที่แก้มของเธอ พอหญิงสาวตั้งสติได้ เธอเอียงแก้มให้นพหอมอีกครั้งพร้อมบอกว่า

"คนบ้า เพลงไม่ทันตั้งตัวเลยนะคะนี่"

"ชอบหรือเปล่าละครับ"

"ไม่บอก"

เธอตอบพร้อมเอียงหน้ามารับการจูบของนพก่อนที่ทั้งคู่จะช่วยกันถอดเสื้อผ้าแล้วเดินจูงมือไปที่ห้องน้ำ ซึ่งต่างฝ่ายต่างช่วยกันล้างตัวถูสบู่ และพร้อมการการแลกจูบอย่างดูดดื่ม หญิงสาวปล่อยให้ชายหนุ่มลูบคลำหน้าอกของเธอด้วยความเต็มใจมีบางครั้งที่เธอกดคอของนพให้มาดูดดื่มที่เต้านมของเธอ จนช่วยกันเช็ดตัวและนพอุ้มเธอที่ร่างเปล่าเปลือยเช่นกันมาจากห้องน้ำก่อนบรรจงวางบนเตียง นพเดินไปเปิดแอร์ก่อนแล้วถึงกลับมาหาเธอที่เตียง  เพลงโผเข้าหาตัวชายหนุ่มทันทีเธอต้องการตักตวงความสุขจากนพให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้

ปากทั้งคู่ทาบกันอีกครั้ง แล้วเพลงดันหัวของนพให้ไปที่เต้านมคู่งามของเธออีก ชายหนุ่มสนองตอบด้วยการดูดดื่มไปมาทั้งสองเต้า แล้วถึงลงไปเบื้องล่างกลางตัว ก่อนจะลงลิ้นที่โคกหีของหญิงจนเธอครวญครางไม่หยุด  ก่อนที่จะมาถึงท่า 69 ที่เพลงจะใช้ปากบรรเลงกับควยของนพ อย่างเต็มที่และมาจบตรงที่หญิงสาวเป็นฝ่ายขย่มนพจนไปถึงสวรรค์อีกหนหนึ่ง ทำให้ทั้งคู่ต่างหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย  และก่อนที่จะอำลานพฝากรักให้กับหญิงสาวด้วยท่าด็อกกี้ ทำเอาเธอสมใจถึงที่สุดกับบทรักในครั้งนี้ และระหว่างทางที่นพขับรถไปส่งเธอที่บ้านหญิงสาวซบไหล่นพตลอดทาง และนพบอกว่าวันที่เธอเดินทางไปญี่ปุ่นนพจะมาส่งเธอที่สนามบิน หญิงสาวได้แต่ยิ้มรับ  พอถึงบ้านเธออำลาชายหนุ่มด้วยการหอมแก้มแรงๆและลงจากรถโดยที่นพไม่รู้ว่าพอเธอเข้าไปในห้องนอน เพลงร้องไห้ออกมาอย่างไม่หยุด เพราะเธอรู้ว่านี่คงจะเป็นความสุขครั้งสุดท้ายของเธอกับนพ

ซึ่งมันตรงกับความรู้สึกของนพที่ตลอดทางที่ขับรถกลับบ้าน  นพรู้ดีว่าตัวเองนั้นไม่ได้รักเพลงเลย น่าจะมาจากอะไรหลายๆอย่างที่เพลงทำมา ไม่ว่าเรื่องการแสดงความเป็นเจ้าของนพรวมถึงการกระทำที่ประชดนพทำให้นพรู้ว่า เพลงนั้นไม่เหมาะกับตนเองแน่นอน  ทั้งๆที่เธอเป็นผู้หญิงที่สวยและอ่อนหวานเอาใจเก่งแต่บางครั้งมันล้ำเส้นที่นพขีดไว้มามากเกินไป นพก็อดสงสารเธอไม่ได้กับสิ่งที่เธอมอบให้กับตนเอง

จนผ่านไป 2 อาทิตย์เศษๆ นพมารู้อีกทีว่าเพลงได้ไปญี่ปุ่นแล้วโดยเธอส่งข้อความมาหานพว่า

"นพขา  เพลงไปญี่ปุ่นแล้วนะคะเพลงไม่อยากให้นพมาส่งคะ เพราะเพลงรู้ว่าเพลงต้องเสียน้ำตาให้กับคนที่เพลงรักแน่นอน เพลงอยากไปด้วยใจที่เข้มแข็งคะไม่ใช่ไปด้วยน้ำตา  ขอให้เรื่องที่ผ่านมาเป็นความทรงจำที่ดีของเราทั้งคู่นะคะนพ  เพลงมีอะไรที่จะบอกนพหลายอย่างแต่คิดว่าคำนี้มันเหมาะที่สุดกับเราทั้งสองคนคะ "เพราะมีวาสนาจึงได้พานพบ  เพราะไร้วาสนาจึงได้ลาจาก"  ขอให้โชคดีนะคะนพ รักนพสุดหัวใจคะ"

พออ่านจบนพนั้นถึงกับซึมก่อนจะพึมพำว่า

"ขอโทษนะครับเพลง ที่นพมอบความรักให้กับเพลงไม่ได้  ขอให้เพลงไปเจอคนที่ดีกว่านพครับ"

แต่ตนเองพิมพ์ข้อความกลับไปว่า

"โชคดีนะครับ เพลง กลับมาเมืองไทยเมื่อไหร่บอกนพด้วยครับ"

แต่ช่วงเวลาระหว่างนั้น ความสัมพันธ์ของนพกับหมอแววนั้นไม่คืบหน้าไปเท่าที่ควรเพราะเป็นที่ตัวของนพเองที่ไม่ยอมเปิดใจให้หมอแววเท่าที่ควร  ส่วนฐานั้นทุกอย่างยังเหมือนเดิมนพกดไลท์ให้เธอทางโซเซี่ยลแต่ไม่ค่อยได้พุดคุยกันเท่าไหร่นักเพราะต่างฝ่ายต่างสงวนท่าที  แถมนพยังไม่กล้าถามน้องสาวตัวเองในเรื่องของฐากับแฟนทำให้ทุกอย่างมันคาราคาซัง  แต่แล้วถึงค่ำวันเสาร์  ฐานั้นเห็นรูปที่หมอแววโพสภาพที่เธอนั่งอยู่ในร้านอาหารบนดาดฟ้าตึกของโรงแรมหรูที่ฐาเคยไปทานข้าวกับแฟนเก่าตอนวันวาเลนไทน์  โดยภาพนั้นแท็กมาที่นพพร้อมข้อความว่า

"บ้านนอกเข้ากรุงมาอบรมโรคเมืองร้อน 1อาทิตย์ คะ  มีเจ้าภาพใจดีพาเลี้ยงข้าวกลางแสงจันทร์ ดีที่ฝนไม่ตกค่า"

ทำเอาเธอรู้สึกหงุดหงิด  แต่อีกไม่นานก็มีอีกภาพที่หมอแววแท็กไปที่นพกับตูนเป็นภาพที่เธอถ่ายคู่กับตูนพร้อมข้อความ


"คุยกันมาตั้งนานพึ่งเจอตัวจริง น่ารักกว่าในรูปแถมคุยเก่งซะด้วย มิน่าคุณพี่ถึงตามใจตลอดคะ #ภาพสวยจากช่างภาพมืออาชีพ"

ทำเอาเธอโล่งใจขึ้นมาทันทีเพราะรู้ว่ามีเพื่อนของเธอไปด้วยแต่ก็ไม่วายแอบส่งไลน์ไปหาเพื่อนบอกว่าถึงบ้านแล้วให้โทรหาด้วยจนตูนกลับไปถึงบ้านและโทรเล่าให้เพื่อนฟัง เพราะรู้ว่าเพื่อนอยากรู้ ตูนบอกว่าหมอแววมาอบรมที่กรุงเทพ 1อาทิตย์ หมอแววพักที่บ้านอาของเธอ  ตูนรู้เลยเป็นฝ่ายชวนเธอไปทานข้าวเพราะอยากเจอตัวจริง และเป็นตูนที่เลือกร้านอาหารก่อนจะปิดท้ายว่า

"ก็เท่านี้ไม่มีอะไรหรอก พี่เค้าก็น่ารักดีนะ"

ตูนอธิบายแบบกลางๆเพราะเธอไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของพี่ชายเธอกับเพื่อนเธอไปถึงไหนเพราะต่างสงวนทีท่ากันทั้งคู่หลังจากวางสายตูนก็คิดไปว่า

"ก็แล้วแต่นะอยู่ที่ทั้งสองคนนี้แล้วว่าจะทำยังไงต่อไป"

เพราะเธอดูออกว่าหมอแววนั้นชอบพี่ชายเธอแน่นอนจากการแสดงออกในวันนี้ แต่นพกลับดูเฉยๆมากกว่า จนตูนเดาไม่ออกว่านพชอบใครกันแน่หลังจากนั้นนพกลับไปทำงานที่สุราษฎร์เหมือนเดิมจนถึงเย็นวันศุกร์หลังจากที่นพกลับมาถึงบ้านระหว่างที่ทุกคนนั่งทานข้าวเย็นกันพร้อมหน้า นพที่ดูเงียบๆไปตั้งแต่กลับมาถึงบ้านได้ยินคุณแม่บอกมาว่า

"คุณนพ พรุ่งนี้คุณนพไปงานแต่งงานของลูกสาวเพื่อนคุณแม่แทนคุณแม่นะลูก"

"งานใครครับคุณแม่"

ชายหนุ่มถามด้วยน้ำเสียงเนือยๆ พอผู้เป็นแม่เอ่ยชื่อนพทำหน้าแบบสงสัยจนน้องสาวช่วยอธิบายว่าเป็นเจ้าของร้านเพชรเหมือนคุณแม่ นพเลยถามกลับไปว่า

"แล้วคุณแม่ไม่ไปละครับ"

"พรุ่งนี้เช้าพ่อกับคุณแม่จะไปงานตอนยกขันหมากก่อนจ๊ะส่วนตอนค่ำพ่อกับคุณแม่ต้องไปอีกงานจ๊ะ  เพื่อนของต้นแต่งงาน เค้าเชิญพ่อไปเป็นประธาน คุณแม่ก็ต้องไปด้วย คุณแม่บอกเพื่อนไปแล้วจะให้คุณนพไปแทนตอนงานเลี้ยงนะลูกเค้าจำคุณนพได้ไม่ต้องกังวลอะไร"

นพพยักหน้าก่อนมองไปที่น้องสาวที่นั่งตรงข้ามพร้อมบอกไปว่า

"งั้นพรุ่งนี้ตูนไปกับพี่หน่อยสิ"

"ใสเจีย เสียใจเค้าไปกับพ่อกับแม่ เจ้าสาวงานนี้เค้ารู้จัก  คุณนพไปคนเดียวคะ  ไม่ยอมมีแฟนก็แบบนี้ต้องฉายเดี่ยวสมน้ำหน้า"

ผู้เป็นแม่ทำหน้าแบบปรามลูกสาวก่อนบอกต่อมาว่า

"คุณนพให้โชติขับรถให้ไปให้ดีไหมลูก  คุณนพจะไม่ต้องเหนื่อย"

"ไม่เป็นไรครับ นพขับเองดีกว่าให้พี่โชติพักเถอะวันหยุดจะได้อยู่กับครอบครัว แล้วไปกันยังไงครับนี่ เพราะงานนี้พี่โจ้ต้องไปด้วยอยู่แล้วนี่ครับรถคันเดียวไม่พอแน่นอน"

โจ้ที่นพพูดถึงคือตำรวจติดตามพ่อของนพเป็นรุ่นพี่ของต้นและสนิทสนมกับครอบครัวนี้เป็นอย่างดี

"พ่อขออัลพาร์ดไปแล้ว ต้นกับใจไปเจอกันที่งาน"

นพพยักหน้าอย่างรับรู้แต่คุณแม่ก็ได้ถามลูกชายว่า

"คุณนพ ว่าอัลพาร์ดดีไหมลูกคุณแม่ชักสนใจแล้วสิ"

"ก็ดีครับคุณแม่ นั่งสบายดี เหยียดแข้งเหยียดขาได้สบาย นั่งไกลๆก็ดีนะครับ คุณแม่ก็ไม่ต้องขับเองพี่โชติขับให้"

ผู้เป็นแม่หันไปบอกกับพ่อทันที

"ว่าไงคุณ  ลูกเห็นด้วยนี่ ชั้นบอกแล้ว"

"โอเค โอเค  งั้นคุณบอกเซลล์ให้มาคุยได้เลย แหมทำเป็นถามคุณนพก่อน"

นพถามพ่อต่อทันที

"คุณแม่อยากได้หรือครับพ่อ"

"ทำนองนั้น วันก่อนไปงานกับพ่อนั่งแล้วติดใจเลยอยากได้  แต่จะขอความเห็นคุณนพก่อน แต่ก็ไม่เป็นไรลูกรถญี่ปุ่น ไงลูก"

พอพ่อพูดจบทำเอาเสียงหัวเราะของสามพี่น้องดังลั่นห้อง  โดยใจที่ไม่รู้เรื่องทำหน้างงๆ ก่อนจะหันไปมองหน้าสามีที่กำลังหัวเราะจนหน้าแดง  แม้กระทั่งผู้แม่ยังอมยิ้มออกมา

"อะไรหรือต้นทำไมถึงขำกันขนาดนี้"

"อ้อ ตัวเองยังไม่รู้เรื่องนี้งั้นต้นเล่าให้ฟัง  คืองี้"

นายตำรวจหนุ่มพูดพร้อมรอยยิ้มแล้วมองไปที่พ่อกับแม่

"ตอนนั้นคุณนพของคุณแม่สอบติดวิศวะ  คุณแม่ก็เลยจะให้รางวัลที่สอบติดคือจะซื้อรถให้ แม่เลยไปบอกพ่อว่าจะซื้อรถให้นพ พ่อก็ถามว่ารถอะไร แม่ก็ตอบว่าซื้อรถญี่ปุ่นให้คุณนพ  พ่อก็พยักหน้า  แต่วันต่อมาพ่อเห็นโบวชัวร์เล็กซัสอยู่บนโต๊ะ"

พ่อพูดต่อทันที

"พ่อก็โวยทันทีลูกอายุยังไม่ถึง 20 ซื้อเล็กซัสให้ มันไม่เหมาะ แต่ก็ต้องยอมแถมยังออกค่าน้ำมันให้  เพราะคุณแม่เค้ายืนยันจะซื้อให้ แถมการันตีความประพฤติลูกรัก ทำไมจะซื้อไม่ได้ ลูกชั้น ชั้นเลี้ยงมาชั้นรู้ดี มันเลยมีที่มาของคำว่ารถญี่ปุ่น"

ทำเอาใจหัวเราะไม่หยุดพร้อมพยักหน้า แต่นพก็บอกว่า

"พูดถึงเล็กซัสก็เสียดายไม่หาย ขับดีจริงๆ แต่ดีที่เจ้าของใหม่เอาใจใส่ดูแลอย่างดีสภาพยังป๊องส์อยู่เลย"

"พี่โชติใช่ไหมนพ"

"ครับพี่ใจ  พี่โชติซื้อต่อในราคาถูกเหมือนได้เปล่าแต่นพก็ดีใจนะ ที่ไปอยู่กับคนรักรถ  พี่โชติดูแลอย่างดี"

แต่ตูนก็หาจังหวะแหย่พี่ชายคนกลางต่อทันที

"ใช่คะเปลี่ยนจากญี่ปุ่นเป็นเยอรมัน จากเสียดายเลยไม่เสียดาย  แต่ก็ขับคนเดียวตลอดคะ พรุ่งนี้ก็ขับคนเดียว ไปคนเดียว ไม่ยอมมีแฟนสม"

ชายหนุ่มย่นจมูกให้น้องสาวแถมพี่สะใภ้ที่รู้ความในใจบอกมาว่า

"มันก็จริงอย่างที่ตูนพูดนะนพ  ปล่อยเวลาไปเนิ่นนานมันจะไม่ดีนะ"

นพยิ้มๆแต่ไม่ตอบอะไรก้มหน้าก้มตากินข้าวและคุยกับพี่ชายโดยที่น้องสาวและพี่สะใภ้ลอบมองตากันแต่ไม่พ้นการสังเกตจากผู้เป็นแม่  จนเย็นวันรุ่งขึ้นนพใช้รถของพ่อไปงานแต่งงานและออกจากบ้านไปก่อนเพราะสถานที่จัดงานอยู่ไกลและรถติดโดยที่น้องสาวบอกที่พี่ชายจะขับรถออกไปว่า

"ขับรถดีๆ นะมันไกล  แถมไม่มีคนขับให้  รถนำก็ไม่มี บายยยยยย สมน้ำหน้าฉายเดี่ยว"

จนไปถึงงาน  เพื่อนของคุณแม่ที่เป็นมารดาของเจ้าสาวได้เดินมารับทันทีที่นพออกจากลิฟท์  นพนั้นพอคุ้นหน้ากันอยู่ พร้อมกล่าวขอโทษแทนคุณแม่ที่มาร่วมงานเลี้ยงไม่ได้ก่อนจะมอบซองและไปลงชื่อ  เจ้าภาพนั้นพยายามรับรองนพอย่างเต็มที่ เพราะเกรงใจบารมีของผู้เป็นพ่อแม้จะเป็นเพื่อนในวงการขายเพชรเช่นเดียวกับคุณแม่  เป็นงานเลี้ยงแบบค็อกเทล  แต่นพกับตูนนั้นไม่รู้ว่างานแต่งงานนี้ บริษัทพี่สาวของฐาเป็นออแกไนซ์และเจ้าบ่าวก็รู้จักกับฐา  ทำให้เธอมาร่วมงานทั้งในฐานะแขกและมาควบคุมงาน

ถึงแม่เจ้าสาวจะให้ลูกสาวคนเล็กที่เป็นน้องสาวของเจ้าสาวมารับรองและเป็นเพื่อนคุยแต่ก็ไม่นานเท่าไหร่เพราะต้องไปรับแขก    นพนั้นยืนดูอะไรไปรอบๆเพียงคนเดียวเพราะไม่รู้จักใครเลย แต่หารู้ไม่ว่ามีสายตาคู่หนึ่งมองมาที่ตัวเอง ฐานั่นเองแต่เธอยังปลีกเวลาที่จะเดินมาทักชายหนุ่มที่สร้างปมปัญหาในหัวใจของเธอไม่ได้  ตอนแรกเธอนึกว่าคุณแม่ของนพจะมาเองเพราะรู้ว่าเป็นเพื่อนกัน แต่พอเห็นชายหนุ่มเข้ามาในงานทำเอาเธอแอบดีใจ แต่พอพิธีบนเวทีเริ่มไปได้สักพัก  นพถือโอกาสปลีกตัวออกมาอย่างเงียบๆ

ฐานั้นมัวแต่คอยดูพิธีการบนเวทีแต่หันมาอีกทีชายหนุ่มหายไปแล้ว เธอพยายามมองหาแต่หาไม่เจอ  พอพิธีบนเวทีเสร็จแล้วเธอถือโอกาสโทรหานพทันที เธอรอสายอยู่ครู่หนึ่งนพถึงรับสาย

"ครับฐา"

"พี่นพอยู่ไหนคะ  ฐามองไม่เห็น"

"อะไรนะครับ"

"คือฐาเห็นพี่นพมางานแต่งงานนะคะและงานนี้ บริษัทพี่ฐาจัดงานให้คะ"

"อืม  คือพี่ออกมาแล้วนะครับกำลังขับรถกลับบ้านครับ  ยืนอยู่คนเดียวไม่รู้จักใครเลยกลับดีกว่า"

"อ้าวหรือคะ  งั้นไม่เป็นไรคะพี่แล้วเราค่อยคุยกัน  ฐาติดงานพอดี"

"ครับ"

หลังจากวางสายทั้งคู่มีปฏิกิริยาที่ไม่แตกต่างกันเท่าไหร่ นพถึงกับหงุดหงิดที่พึ่งรู้ว่าฐามางานนี้ด้วย และตัวเองกลับมาก่อนเลยไม่ได้เจอกัน แต่ฝ่ายหญิงสาวกลับคิดไปว่านพหลบหน้าเธอ  เพราะเธอคิดไปเองว่านพน่าจะรู้แล้วว่าใครเป็นคนรับจัดงานนี้เธอพยายามระงับความหงุดหงิดเพราะต้องดูแลงานต่อ พร้อมกับความคิดของฐาที่ว่า

"ทำไมต้องหลบหน้าเราด้วย  ไม่เข้าใจ"

นพนั้นขับรถเข้าบ้านพร้อมกับเสียงเห่ารับของบูมกับบอม ทำให้ชายหนุ่มที่ถือถุงพลาสติกมาทั้งสองมือ แวะไปทักทายทั้งคู่ที่กรงก่อนจะเดินเข้าบ้าน ที่แม่บ้านกำลังรีบเดินออกมาหา

"ทำไมกลับเร็วจังคุณนพ  แล้วถืออะไรมาคะ มาน้าปานช่วยถือ"

นพส่งให้ก่อนเดินเข้าไปในบ้านและบอกว่า

"โจ๊กกับบัวลอยน้ำขิงนะครับ  นพซื้อมาฝากทุกคนด้วย โจ๊กร้านโปรดพ่อนะครับแล้วทาโร่สองแพ็คของบอมกับบูมครับ"

"แล้วทำไมกลับเร็วจังละคะ"

"ไม่รู้จะคุยกับใครครับ  ไม่รู้จักใครเลย  พอได้จังหวะเลยกลับดีกว่า  โจ๊กกับบัวลอยมีของน้าปานกับพวกเด็กๆด้วยนะครับ  นพซื้อมาเยอะ"

"คะขอบคุณคะ  เดี๋ยวน้าปานจัดการเองคะ  คุณนพจะทานเลยไหมคะ"

"ดีเหมือนกันครับ นพซื้อมาเผื่อมื้อเช้าด้วยนะครับ น้าปานเตรียมให้พ่อด้วยดีกว่า  เพราะพ่อกินแน่นอนร้านโปรด  ส่วนคุณแม่ไม่กินแน่กลัวอ้วนคงเป็นมื้อเช้า แต่อาจทานบัวลอย แต่ตูนนพไม่แน่ใจ เผื่อไว้ก่อนก็ได้ครับ  แล้วลูกน้องพ่อละครับมีใครบ้าง"

"มีคุณโจ้คะ แล้วคนขับรถกับคนขับมอเตอร์ไซด์นำ"

"ไม่มีรถวิทยุนำอีกคันนะครับ  แล้วมอเตอร์ไซด์คุ้มกันไม่มีนะครับ"

"ไม่ค่ะมีเท่านี้  อย่าลืมสิคะคุณแม่ไปด้วยถ้าไปเยอะแบบนั้นมีโมโห"

"งั้นรบกวนน้าปาน แบ่งโจ๊กกับบัวลอยให้พี่โจ้  3ถุง พ่อแม่ลูกคนละถุง  ส่วนตำรวจอีก 2คน คนละ 2ถุงแล้วกันครับ"

แม่บ้านรับคำก่อนเดินถือถุงไปที่ครัว  นพถอดสูทออกแล้วเอาไปพาดบนเก้าอี้ก่อนเดินไปที่ห้องอาหารและปล่อยตัวเองให้จมกับความคิดหลังจากนั่ง  จนแม่บ้านเดินถือถาดที่ใส่ชามเข้ามาจนเธอเดินเข้าไปใกล้ๆนพยังไม่หันมามอง พอเธอวางชามใส่โจ๊กตรงหน้าทำให้ชายหนุ่มรู้สึกตัว  แม่บ้านที่เลี้ยงนพมาแต่เล็กแต่น้อยรู้ทันทีว่าชายหนุ่มมีอะไรบางอย่างรบกวนภายในจิตใจ จึงเดินไปนั่งตรงข้ามแล้วถามด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนว่า

"นพเป็นอะไรหรือเปล่าลูก น้าปานดูออกนะว่านพไม่สดชื่นมาหลายเดือนแล้วนะลูก"

นพเงยหน้ามองแม่บ้านและยิ้มให้และรู้ว่าถ้ามีการเรียกแบบนี้คือต้องเป็นห่วงขนาดหนัก นพถอนหายใจแล้วบอกไปว่า

"ถ้าบอกไม่มีอะไรก็ไม่ใช่ เพราะยังไงน้าปานก็รู้อยู่ดี นพไม่กล้าโกหกคนที่เลี้ยงนพมาแต่เล็กๆหรอครับ  คนที่ดูแลนพตอนที่คุณแม่ไปทำงาน  คนที่คอยปลอบนพโอ๋นพตอนถูกคุณแม่ดุหรือถูกตี คนที่โอ๋นพตอนถูกฉีดยา คนที่คอยดุพี่ต้นตอนจะแกล้งนพหลังจากไปฉีดยา"

"ใช่สิคะ คุณนพเอาใครซะที่ไหนเวลาโดนคุณแม่ดุโดนตีก็ร้องหาปาน หาปานอย่างเดียว"

เธอตอบด้วยใบหน้าที่ยิ้มออกมา ก่อนนึกถึงตอนที่เธอดูแลเด็กน้อยคนนี้ด้วยความสงสารเพราะรู้ว่ากำพร้าแม่  เธอกับคุณแม่ของนพเฝ้าคอยทะนุถนอมจนเป็นชายหนุ่มถึงทุกวันนี้  และนพก็ตอบมาว่า

"นั่นนะสิครับ ไม่เคยร้องหาพ่อ ร้องหาแต่น้าปานหรือเป็นเพราะน้าปานอุ้มนพก่อนพ่อจะอุ้ม พ่อยังพูดอยู่ถึงทุกวันนี้เลยนะครับ วันที่นพเกิดตอนพยาบาลเอานพมาให้แม่ที่เตียง  คุณแม่ที่มาเยี่ยมก็อุ้มนพเป็นคนแรกแล้วส่งต่อให้เพื่อนๆจนมาถึงน้าปาน แล้วพ่อเป็นคนสุดท้าย คุณแม่บอกว่ากลัวพ่อมือสกปรกยังไม่ล้างมือเลยไม่ให้อุ้มก่อนใคร"

ทำเอาเธอหัวเราะเมื่อนึกถึงวันนั้นที่คุณผู้หญิงพาเธอไปเยี่ยมเพื่อนที่พึ่งคลอดลูกและเป็นคนอุ้มเด็กน้อยคนนี้เป็นคนแรกจนกลายมาเป็นคุณแม่ในอนาคตแต่เธอถามไปว่า

"ยังไม่บอกน้าปานเลยคะ ว่าเป็นอะไร"

"น้าปานว่าไหมครับ  บางเรื่องที่เราเคยเก็บเอามาคิดเก็บมาพะวง เก็บมาถวิลหา  จนเราบอกตัวเองว่าสักวันเรื่องนี้มันจะค่อยๆหายไปเมื่อเวลาผ่าน แต่พอเอาเข้าจริงๆมันไม่ใช่ มันกลับยิ่งฝังแน่นเข้าไปทุกวัน มันอาจจะมีบางช่วงที่เรายุ่งกับงานหรือเรื่องอื่นๆ  ทำให้เราลืมหรือไม่สนใจแต่ในที่สุดมันก็กลับมาวนอยู่ในใจของเราอีก"

"งั้นก็ต้องเป็นเรื่องของหัวใจ"

"อาจจะใช่ครับ  มันอาจเริ่มจากที่นพอยู่ดีๆมีความรู้สึกอยากหาใครสักคนมาเป็นเพื่อนคู่คิด ใครสักคนที่เดินไปกับเรา เพราะตลอดเวลาที่ผ่านมา นพมีแต่การเรียนกับการทำงานเท่านั้น นพไม่เคยมีใครที่จะมาเป็นคนรู้ใจนพหรือนพไปรู้ใจเค้าจนถึงวันนี้ นพก็ไม่แน่ใจตัวเองว่า คนๆนั้นใช่สำหรับนพหรือเปล่า  เพราะตอนแรกนพพยายามบอกว่าเป็นแค่การหลงรูปโฉมภายนอกเท่านั้น แต่แล้วไม่ใช่ นพก็บอกตัวเองไม่ได้เพราะอะไร"

ชายหนุ่มบอกไปแบบนั้นเพราะรู้แน่ว่าแม้บ้านคงรู้ความนัยอะไรแน่นอนเพราะคุณแม่คงนำเรื่องของตนเองไปปรึกษาแม่บ้านที่เปรียบเสมือนเป็นเลขาคู่ใจอีกคนที่รู้ใจกันเป็นอย่างดีตั้งแต่วัยสาว แต่เธอตอบมาว่า

"งั้นน้าปานก็ไม่รู้ว่าคนไหนนะคะถ้าคนที่เป็นแอร์โฮสเตสที่หนูตูนเคยเล่าให้ฟังละคะ"

"เพลงเค้าไปตามทางที่เค้าเลือกแล้วครับน้าปาน  จริงๆเพลงเป็นคนที่ดีสมบูรณ์แบบทุกอย่าง  สวยก็สวยเอาใจก็เก่งแต่นพรู้ดีว่า ถ้าเราคบกันเป็นแฟนนั้นไม่ยืดแน่นอนครับ  เป็นเพื่อนจะดีที่สุดครับ"

"แล้วคุณหมอแววละคะ"

"หมอแววหรือครับ  นั่นนะสิครับ นพว่าทุกอย่างของเค้าคือคนที่เป็นสเปค นพเลยนะครับ ทั้งนิสัยทั้งหน้าตา ทั้งการวางตัว การเอาใจที่มีขอบเขต เค้ารู้วิธีที่จะคุยกับนพ แต่"

"แต่อะไรหรือคะ"

"นพไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่า ทำไมนพยังไม่เปิดใจให้หมอแววหรือมันยังไม่ถึงเวลาหรือเค้ายังไม่ใช่สำหรับนพครับ  น้าปาน นพคิดเรื่องนี้มาตลอดเหมือนกัน   หรือมันมาจากนพมีคนคอยเอาใจมาตั้งแต่เด็กๆจนถึงทุกวันนี้ นพเลยไม่อยากให้มาเอาใจอีก  แต่ก็อีกนั่นแหละนพเอาใจคนอื่นไม่เป็น"

"งั้นคุณนพก็มีคนอยู่ในใจแล้วสิแต่ประการหลังน้าปานเถียงคะ  คุณนพนะหรือคะเอาใจคนไม่เป็น  แล้วทุกวันนี้ที่คุณนพทำละคะ  หนูตูนอยากได้อะไร คุณนพซื้อให้ คุณพ่อคุณแม่ชอบอะไร  คุณนพทำแบบนั้น วันเทศกาลอะไรคุณนพไม่เคยสนใจเพราะสำหรับคุณนพทุกวันมันคือวันสำคัญของทุกคนอยู่แล้วนี่คะ ใครละคะตั้งแต่เรียนอนุบาลพอกลับถึงบ้านเกือบทุกวัน น้าปานนพมีขนมมาฝาก  น้าปานวันนี้มีผลไม้มาฝาก วันเกิดน้าปานใครละคะตื่นแต่เช้ามาช่วยน้าปานใส่บาตรตั้งแต่เด็กๆ แล้วหลังวันเกิดก็มีของขวัญน้าปานมาให้ทุกปี"

"อืมหรือครับนพว่ามันปกตินะสำหรับคนในครอบครัว นพแทบไม่เคยสนใจวันสำคัญของใครๆหรือวันเทศกาลเลย วาเลนไทน์เค้าต้องพาแฟนหรือคนที่ชอบไปนั่งร้านที่โรแมนติก มีช่อดอกไม้ให้นพก็ไม่สน  แต่นพก็ไม่รู้ว่าจะเอายังต่อไปครับมันดูค้างๆคาๆ อยากจะเดินหน้าก็ไม่กล้า  อยากจะหยุดหัวใจมันก็ไม่อยากหยุด นพอยากที่จะคบกับใครก็คบคนเดียวครับ อนาคตเป็นแบบไหนว่ากันอีกที จะไปคบแบบเผื่อเลือกมันไม่ใช่นิสัยของนพครับ"

ทำเอาเธอยิ้มออกมาก่อนจะตอบกลับชายหนุ่มที่เธอรักเหมือนลูกว่า

"น้าปานคงจะช่วยนพไม่ได้มากนักหรอกลูก  เพราะเรื่องนี้มันเป็นเรื่องหัวใจของนพเอง  นพจะเลือกแบบไหนมันขึ้นอยู่ที่ตัวนพจะตัดสินใจ  อย่างปล่อยให้ค้างคา  เพราะบางครั้งอีกคนเค้าก็อาจจะรอเราไม่ไหวก็นะ น้าฝากให้นพคิดนะลูก"

"คงอย่างนั้นนะครับ แต่อาจต้องใช้เวลาเล็กน้อย  แต่ถ้านพอกหัก น้าปานต้องโอ๋นพนะครับ"

"ไม่ต้องห่วงคะเรื่องนี้โอ๋เรื่องปลอบนี่น้าปานถนัด  ขนาดเด็กคนหนึ่งโมโหขัดใจพ่อขึ้นมาคว้าเอาวิทยุพ่อเขวี้ยงกระเด็น จนโดนคุณแม่ตี  ต้องวิ่งมากอดขาน้าปานน้ำหูน้ำตาไหลหน้าก็แดงด้วยความโกรธ น้าปานยังปลอบให้หัวเราะได้เลยนี่คะหนูตูนก็เหมือนกันโดนตีปุ๊บ  เรียกน้าปานขาทุกที"

นพหัวเราะที่แม่บ้านยังจำวีรกรรมของตนเองในวัยเด็กได้ก่อนบอกไปว่า

"นั่นสินะ  ถ้าบ้านเราไม่มีซุปเปอร์แม่บ้านอย่างน้าปานจะอยู่กันยังไง  ทั้งดูแลค่าใช้จ่ายในบ้าน ช่วยคุณแม่ดูออเดอร์เพชร ช่วยตรวจสอบบัญชีช่วยดูเช็คสั่งจ่ายของร้านเพชรก่อนให้คุณแม่ดู แถมภาษาอังกฤษก็คล่อง นพจะมีปัญหาหัวใจน้าปานช่วยโอ๋ ช่วยปลอบ เอาหมามาเลี้ยงก็ไม่พ้นมือน้าปานจะไม่ให้เรียกซุปเปอร์แม่บ้านได้ยังไง"

ชายหนุ่มพูดพร้อมเสียงหัวเราะของทั้งคู่ แล้วเสียงเห่ารับของบอมกับบูมก็ดัง ก่อนมีเสียงรถเลี้ยวเข้ามาทั้งคู่ลุกขึ้นยืนแล้วชะโงกหน้าไปทางหน้าต่างเห็นไฟสีแดงกระพริบตรงประตูรั้ว ก็ทำให้รู้ว่าพ่อกับคุณแม่กลับมาแล้ว นพเลยบอกกับแม่บ้านว่า

"รบกวนน้าปานเอาของที่เตรียมไว้มาเลยครับ  นพจะไปดักพี่โจ้ก่อน"

"ค่ะได้คะ  น้าจัดไว้แล้ว"

นพรับเดินไปที่ประตูส่วนแม่บ้านเดินไปห้องครัว และเห็นพ่อกับคุณแม่และน้องสาวพร้อมผู้ชายในชุดสูทที่ยืนตรงประตูเข้าบ้าน นพเรียกทันที

"พี่โจ้ครับ  พี่โจ้รอก่อน"

"ครับนพว่าไงครับ"

"นพมีของฝากครับ  นะน้าปานมาพอดี"

นพพูดพร้อมยื่นมือไปรับถุงพลาสติกที่แม่บ้านเตรียมไว้แล้ว

"ถุงใหญ่ของพี่โจ้นะครับ โจ๊กกับบัวลอยน้ำขิง 3 ถุง  ครบ3 คนพ่อแม่ลูก   ส่วนอีก 2ถุงนี้นพฝากให้ตำรวจที่ขับรถตู้กับตำรวจที่ขับมอเตอร์ไซด์นำด้วยครับพี่"

"ขอบคุณมากครับนพ  พี่จัดการให้เองครับ"

นพส่งยิ้มก่อนที่พ่อจะบอกว่า

"โอเค โจ้เจอกันเช้าวันจันทร์ ขอบคุณมาก"

นายตำรวจติดตามชิดเท้าตรงก่อนโค้งให้พ่อกับคุณแม่

"ครับท่าน  พี่ไปก่อนนะนพตูน"

พูดจบเดินกลับไปที่รถตู้ที่จอดรออยู่ ทั้งหมดยืนมองจนรถเลี้ยวออกไป  นพหันมาพูดกับพ่อว่า

"โจ๊กร้านโปรดพ่อนะครับนพซื้อมาฝากทุกคน  รวมมื้อเช้าพรุ่งนี้ด้วยครับ มีบัวลอยน้ำขิงด้วยนะครับ  ร้านที่คุณแม่ชอบทาน"

"โอ้ดีๆๆๆ งั้น ปานจัดมาเลย"

"ค่ะได้คะท่าน"

ก่อนจะมีเสียงหวานๆของตูนบอกต่อมาว่า

"น้าปานขา  เผื่อตูนด้วยนะคะ"

"จ้าได้จ้าน้าเตรียมไว้แล้ว  คุณผู้หญิงละคะ"

"ตูนเดี๋ยวก็อ้วนหรอกลูก  ที่งานก็กินเยอะแล้ว  ชั้นเอาบัวลอยก็พอนะปาน"

แม่บ้านยิ้มรับ ก่อนที่จะเดินไปห้องครัว ส่วนที่เหลือเดินไปห้องอาหาร โดยระหว่างที่เดินน้องสาวตอบแม่ไปว่า

"อ้วนอะไร ตูนพาบอมกับบูมวิ่งก็ลดแล้วคะ  ว่าแล้วไปดูในครัวก่อนดีกว่าจะได้ช่วยน้าปาน"

พูดจบหันมาย่นจมูกให้พี่ชายก่อนวิ่งตามแม่บ้านไป  พอนพเข้าไปห้องอาหารผู้เป็นแม่ที่นั่งตรงข้ามถามมาว่า

"คุณนพเพื่อนคุณแม่โทรมาขอโทษ ที่รับรองคุณนพไม่ดีพอ เพราะมองมาอีกทีคุณนพก็กลับไปแล้ว เลยไม่มีใครมาส่ง"

"โธ่คุณแม่ครับ นพต้องเป็นฝ่ายขอโทษเค้ามากว่า  เพราะตอนที่นพกลับนพหาเค้าไม่เจอ นพต่างหากที่เสียมารยาทกลับมาก่อน"

"แล้วทำไมกลับก่อนละลูก"

ผู้เป็นพ่อถามขึ้นมา

"ไม่รู้จะคุยกับใครครับพ่อ ตอนแรกลูกสาวคนเล็กเค้ามารับรองนะครับ  แต่นพบอกให้เค้าไปรับแขกเหอะเพราะแขกเยอะ และหลังจากนั้นนพก็ยืนใบ้มองซ้ายมองขวา ก่อนจะปลีกตัวมาครับ"

"รู้งี้ชั้นไปกับลูกดีกว่า คุณไปกับตูน"

คุณแม่พึมพำออกมาแต่ก่อนที่พ่อจะตอบอะไรแม่บ้านก็ยกถาดที่มีชามใส่โจ๊ก 2ชาม มาเสิร์ฟให้บนโต๊ะพร้อมกับตูนที่ถือถาดใบเล็กและมีชามใบย่อม 4ชามบนถาดมาและเสิร์ฟให้ผู้เป็นแม่คนแรกแล้วบอกว่า

"คุณแม่ขา  บัวลอยน้ำขิงร้อนๆค่า  ตูนอุ่นให้เองนะคะ"

หลังจากน้าปานเสริฟเรียบร้อยแล้วผู้เป็นพ่อได้อนุญาตให้ออกไปได้ แล้วตูนที่นั่งตรงข้ามนพก็บอกพี่ชายมาด้วยเสียงอ่อนหวานว่า

"คุณนพขา ได้ข่าวว่ากลับมาก่อนหรือคะ"

"อือ"

"ฐาเค้าก็โทรมาหาตูน นะค้า "

ทำเอาพี่ชายชะงักไปนิดนึงก่อนที่ตักโจ๊กกินต่อโดยไม่รู้ว่าคุณแม่สังเกตอาการอยู่ก่อนจะถามน้องสาวไปว่า

"แล้วตูนรู้ก่อนหรือเปล่าละว่างานแต่งนี้ บริษัทของฐาเค้าทำให้นะ"

"ไม่รู้ค้า ตูนไม่รู้  ถ้ารู้ก็บอกพี่นพแล้วค้า"

"ก็นั่นสิใครจะไปรู้"

พี่ชายงึมงันตอบก่อนจะเลื่อนชามโจ๊กออกไปและดึงชามบัวลอยมาแทน แต่น้องสาวก็พูดอ้อนๆอีกว่า

"พี่นพ ตูนเห็นทาโร่ในครัว ของใครอะ"

"บอมกับบูม"

"ดีจังเค้าจะได้ไม่ต้องซื้อ แต่พรุ่งนี้ บอมกับบูมต้องไปให้หมอตรวจสุขภาพนะพี่นพ"

"แล้วไง"

"ไปกับเค้าหน่อยสิ"

"ไม่หมาของตัวเองพาไปเองสิ"

"ฮู่ย  ตัวมันใหญ่แล้วตูนไม่คนเดียวไม่ไหวนะๆๆๆๆ  พี่โชติก็ต้องไปกับแม่ มีแจกทุนของสมาคมแม่บ้านตำรวจ"

"ไม่ไปจะตื่นสายจะว่ายน้ำ"

"แม่ดูพี่นพสิ"

เธอเริ่มทำเสียงกระเง้ากระงอดใส่พี่ชายที่ดูเหมือนไม่สนใจแต่ก่อนที่ผู้เป็นแม่จะพูดอะไร  พ่อก็บอกมาว่า

"ตูนไปกับพ่อก็ได้นี่ลูก ให้พี่เค้าได้พักบ้าง  ถ้านพไปกับตูนกว่าจะกลับมาแป็บเดียวก็ต้องไปสนามบินอีกแล้ว ให้พี่เค้าพักเหอะ"

"พ่อน่ารักจังเลย  ดีกว่าคนใจดำ แบร่ ใจดำ"

พี่ชายไม่ตอบอะไรจนกินเสร็จแล้วบอกกับคุณแม่ว่าจะขอตัวไปอาบน้ำก่อนแล้วเดินออกจากห้องอาหารทันทีโดยที่น้องสาวแลบลิ้นตาม ผู้เป็นแม่เลยหยิกให้อย่างเบาๆ

"นี่เอาแต่ใจเกินไป  ให้พี่เค้าพักบ้าง งานเค้าก็หนักอยู่แล้ว ยังมาเอาแต่ใจ"

"คุณแม่อะ ตูนแค่แหย่พี่เค้าเท่านั้น หน้าบูดหยั่งกะตูดไก่ต้องแหย่ อิอิ  โอ๊ยเจ็บ  น้าปานขาแม่หยิกตูน"

ผู้เป็นแม่ถึงกับส่ายหัวหลังจากหยิกแรงๆไปที่ลูกสาวคนเล็กอีกทีด้วยความหมั่นไส้  แต่หลังจากที่ตูนขึ้นห้องแล้วเธอโทรหาเพื่อนทันทีแล้วบอกว่า ไม่มีใครรู้ว่าฐารับจัดงานแต่งงานนี้ให้ ทำเอาหญิงสาวถึงหายกังวลไปได้บ้างแต่ฐาก็ถามเพื่อนต่อไปว่า

"ตูนชุดแป้งกับครีมรองพื้นนะที่เธอฝากซื้อนะได้มาแล้วนะ จะให้เราเอาไปให้เมื่อไหร่"

"พรุ่งนี้ก็ได้ถ้าเธอสะดวก  ถ้าไม่สะดวกก็เดี๋ยวเราจะไปรับเอง"

"แล้วพรุ่งนี้เธอว่างกี่โมงละ"

"10 โมง 11โมงไปแล้ว ตอนเช้าเรากับพ่อจะพาไอ้ 2 แสบไปให้หมอตรวจก่อน"

"อ้าวทำไมต้องกวนพ่อด้วยละ"

"พี่ชายเราใจดำไม่ยอมไปด้วย บอกให้ไปด้วยก็บอกว่า จะตื่นสายจะว่ายน้ำ ใจดำ"

ฐาได้แต่หัวเราะ ก่อนจะบอกว่าพรุ่งนี้เจอกันแล้ววางสาย แต่ตูนนั้นพูดต่อหลังจากวางสายไปแล้วว่า

"มาก่อนก็ได้นะฐาเราไม่ว่า  ไม่งั้นไม่ได้คุยกันสักที"

จนตอนเช้านพตื่นมายังเห็นน้องสาวกับพ่อนั่งกินโจ๊กกันอยู่  แต่คุณแม่ออกไปงานแล้ว  ตูนยังไม่วายบ่นพี่ชายว่าใจดำแต่นพก็จูงฮักกี้ทั้ง 2ตัวไปขึ้นรถของพ่อ ที่เบาะหลัง ก่อนจะชี้หน้าไปที่ทั้งสองตัวนี่นั่งอย่างเรียบร้อยบนเบาะว่า

"อย่าซนนะ ห้ามตะกุยเบาะ นี่รถของพ่อนะ นั่งเฉยๆ รู้หรือเปล่า  ถ้าดื้อจะเอาไปปล่อย"

ทั้งคู่เห่าเหมือนรับคำสั่งของนพ โดยที่พ่อยืนหัวเราะก่อนเข้าไปนั่งตรงคนขับ  ส่วนเจ้าของหมาหันมาแลบลิ้นให้พี่ชายก่อนขึ้นรถไป  นพเดินเข้าไปในบ้านก่อนจะขอกินโจ๊กจากน้าปานแล้วนั่งพักสักครู่หลังจากกินเสร็จก่อนจะเดินไปเปลี่ยนชุด  นพลองเอาชุดที่ตัวเองไปเรียนดำน้ำมาใส่เพื่อว่ายน้ำ  แต่ระหว่างที่ว่ายนพไม่รู้ว่าฐาได้ขับรถเข้ามาพอเธอลงจากรถ แม่บ้านรีบวิ่งมารับก่อนบอกว่า     ตูนนั้นไปข้างนอกกับพ่อ  อยู่แต่นพที่ว่ายน้ำอยู่หญิงสาวจึงบอกไปว่า

"งั้นฐาเดินไปคุยกับพี่นพก่อนก็ได้คะ  ฐานัดตูนไว้แล้วแต่มาก่อนเวลา"

"ก็ได้คะ  งั้นน้าปานเอาน้ำไปให้ที่ศาลานะคะ"

"ไม่ต้องดีกว่าคะน้าปาน  ไว้ที่ห้องรับแขกก็ได้คะ ขอบคุณคะ"

พูดจบเธอเดินไปที่สระว่ายน้ำทันทีและยืนดูชายหนุ่มที่ก้มหน้าก้มตาว่ายน้ำโดยไม่สนใจอะไร  จนนพว่ายครบ10รอบและว่ายมาที่ขอบสระ  ฐาเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวที่พาดไว้บนเก้าอี้ก่อนจะยื่นให้นพที่ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาและกำลังขึ้นมานั่งตรงบันไดสระน้ำ ตอนแรกนพนึกว่าเป็นน้องสาวที่ยื่นผ้าเช็ดตัวให้ นพยื่นมือไปรับ  แต่พอได้กลิ่นน้ำหอมจากร่างที่ยื่นผ้าเช็ดตัวทำให้นพเหลียวหน้าไปมองพร้อมถอดแว่นตาว่ายน้ำออก

"อ้าวฐา"

"รับสิคะพี่นพ ฐาเมื่อยนะ"

"ขอบคุณครับ"

นพยื่นมือไปรับ ก่อนเอาผ้ามาเช็ดหน้าเช็ดผมและหายใจยาวๆ ก่อนที่จะหันไปบอกร่างของหญิงสาวที่ยืนกอดอดมองอยู่ว่า

"พี่ยังไม่ได้บอกเลยว่าแว่นตาสวยมากครับ ขอบคุณมาก"

"ค่ะ"

เธอเน้นเสียงก่อนพูดต่อว่า

"ไม่เป็นไรคะพี่ มันก็แค่เกือบเดือนไปแล้วนี่คะ"

นพยิ้มๆเพราะรู้ดีว่าหญิงสาวประชดแต่บอกต่อไปว่า

"มาหาตูนหรือไง"

"ค่ะ เอาเครื่องสำอางมาให้ตูน  ไม่งั้นก็ไม่ได้มาคะ"

แต่ก่อนที่นพจะพูดอะไรต่อ  ฐาได้ถามขึ้นมาทันทีว่า

"พี่นพหลบหน้าฐาหรือคะ"

นพอมยิ้มแล้วหันไปมองหน้าของหญิงสาวอีกครั้ง

"ทำไมคิดแบบนั้นละ"

"คือ การกระทำของพี่นพ เหมือนไม่อยากเจอฐาเลย"

"ถ้าเป็นเรื่องเมื่อคืน พี่ไม่รู้จริงๆว่าฐาอยู่ในงาน  พี่ก็ไม่รู้จักใครในงานด้วย"

แต่พอเธอจะพูดอะไรต่อ พ่อกับตูนก็กลับมาพอดี  ทำให้เธอต้องเดินไปหาเพื่อนที่ส่งเสียงเรียก นพมองตามไปก่อนจะตัดสินใจลงไปว่ายน้ำอีกครั้งแต่ตอบกลับหญิงสาวไปในความคิดว่า

"หลบหน้าซะะที่ไหน แต่ไม่รู้จริงๆนี่ว่าไปงานด้วย"
 

แต่ฐานั้นได้กลับทันทีหลังจากเอาของให้เพื่อนแล้วโดยบอกว่ามีงานต้องไปทำต่อทำเอาตูนพึมพัมว่า


"เฮ้อแล้วเมื่อไหร่จะได้คุยกันวะนี่คู่นี้ "


ใจจริงฐาอยากจะอยู่ต่อ  แต่เกิดความรู้สึกหมั่นไส้นพขึ้นมา ที่ทำท่าเหมือนเฉยเมย ทั้งๆที่เธอแกล้งทำเป็นไม่พอใจ แต่เจ้าตัวกลับทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรขึ้นมา เธอเลยขอตัวกลับก่อน  แต่หลังจากนั้นนพกลับไปทำงานต่อแล้วทุกอย่างก็เหมือนเดิม ในรอบ 2 อาทิตย์นพได้แต่กดไลท์ในเฟฐบุ๊กหรือIG ของฐาอย่างเดียวๆ นานๆถึงได้พิมพ์ข้อความลงไป  ฐาก็ได้แต่กดไลท์ตอนที่พี่น้องล้งเล้งกันผ่นเฟซบุ๊กเรื่องบอมกับบูม  โดยบางครั้งหมอแววเข้ามาร่วมด้วย จนเช้าวันอาทิตย์  นพที่พึ่งว่ายน้ำเสร็จกำลังเดินขึ้นห้องได้หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วเห็นว่าใน IG ของฐานั้นเธอโพสภาพอาหารที่บรรจุในถุงพลาสติกเรียบร้อยพร้อมดอกไม้ธูปเทียนที่วางอยู่บนถาด และมีคำบรรยายว่า

"วันเกิดคุณพ่อคะ เลยมาทำบุญตักบาตรด้วยกันทั้งครอบครัวที่อยุธยา"

นพกดไลท์แต่ไม่พิมพ์ข้อความอะไรลงไป ซึ่งหญิงสาวเห็นทันทีว่าชายหนุ่มกดไลท์ให้ จนช่วงเที่ยงกว่าๆระหว่างที่เธอพึ่งกลับถึงบ้าน  ฐาได้โทรหานพเพราะเธออยากเจอนพก่อนที่จะกลับสุราษฎร์ จึงโทรหาทันที แต่เป็นจังหวะที่นพกำลังเอาโทรศัพท์มาปิดเพราะเตรียมจะขึ้นเครื่องกลับสุราษฎร์ ชายหนุ่มจึงได้รับสายทันที

"ครับฐา"

"วันนี้พี่นพกลับสุราษฎร์กี่โมงคะ"

"กำลังจะขึ้นเครื่องครับ"

"อ้าววันนี้กลับเร็วจัง"

"คือพี่จะกลับไปล้างรถนะครับ  รถพี่เขลอะมาก เลยกลับเร็วครับ ฐามีอะไรหรือเปล่าครับ"

"เอ่อ  ไม่มีคะพี่  ไม่เป็นไร คะ  เดินทางปลอดภัยนะคะ"

"ครับ ขอบคุณครับ"

หลังจากวางสายหญิงสาวหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนจะคิดไปว่า

"นัดคุณหมอทานข้าวเย็นหรือเปล่า นี่แต่เอาเรื่องล้างรถมาอ้าง"

แต่พอตอนเย็นเธอได้เห็นนพกดไลท์แล้วเข้าไปแสดงความคิดเห็นของหมอแววซึ่งเธอได้โพสภาพอาหารและภาพคนในครอบครัวเธอพร้อมคำบรรยายว่า

"วันหยุดมาทานข้าวกับครอบครัวคะ พี่สาวใจดีเป็นเจ้ามือ"

และนพเข้าไปโพสข้อความว่า

"อาหารน่าทานจังครับ"

"ก็ชวนแล้วไม่มาเองนี่คะ"

"นพพึ่งล้างรถเสร็จครับ"

ทำให้ฐารู้ว่านพไม่ได้โกหกเธอ และความหงุดหงิดที่มีต่อนพมันได้หายไปในทันที จนเย็นวันศุกร์ นพกลับมาถึงบ้านและระหว่างที่นั่งทานข้าวกับครอบครัวกันอยู่นั้น นพที่เงียบมาตลอดก็บอกกับคุณแม่ว่า

"คุณแม่ครับ  นพต้องย้ายกลับมา กรุงเทพแล้วนะครับ

ข่าวนี้สร้างความดีใจให้กับผู้เป็นแม่อย่างมาก

"เมื่อไหร่ลูก"

"เดือนหน้าครับคำสั่งพึ่งออกวันนี้  กลับมาประจำสำนักงานใหญ่อย่างที่นพเคยบอกไว้  แต่นพต้องไปอบรมที่เยอรมันก่อน เดือนเศษๆนะครับคุณแม่"

"ก็ดีนี่ลูก คุณแม่จะได้ไม่ต้องห่วง"

คราวนี้ผู้เป็นพ่อพูดขึ้นมา ทำเอาน้องสาวหูผึ่งขึ้นมาก่อนถามว่า

"พี่นพจะไปเยอรมันอีกหรือ"

พี่ชายตอบอย่างรู้ทัน

"แค่เดือนเดียวไม่ต้องคิดถึง"

"ก็มันใกล้ๆกับวันเกิดเค้าไง  เค้าอยากไปดูวิหารที่โคโลญน์"

"ไม่ ทำงานต่อไปวันลาหมดแล้วนี่"

"เชอะ"

"แต่คุณแม่ครับนพคิดจะเรียนต่อปริญญาโทอีกสักใบแล้วนะครับกลับมากรุงเทพก็น่าจะมีเวลาเรียน"

"แล้วนพจะเรียนที่ไหน    พี่จะได้หาข้อมูลให้จะเรียนที่เดียวกับที่พี่เคยเรียนหรือเปล่า"

ต้นได้ถามน้องชาย

"ก็ดีครับพี่  แต่นพยังคิดไม่ออกว่าจะเรียนอะไรดี  จะเรียนวิศวะต่ออีกใบต่อก็ขี้เกียจแล้ว  แต่จะไปทางอื่นก็ไม่ถนัดกลัวไม่จบ"

"ลองค่อยๆคิดดูยังพอมีเวลา"

พี่ชายตอบมาก่อนที่น้องสาวจะต่อทันที

"จิตวิทยาสิคะพี่  ไม่ก็ปรัชญาเหมาะกับพี่นพที่สุดในตอนนี้"

"ดูก่อน  แต่ถ้าเรียนตอนเย็นก็ดีเหมือนกันนะ"

ทำเอาผู้เป็นแม่เปรยๆออกมาว่า

"ดีจังเนอะ  จบโทจากเมืองนอกก็ไปทำงานไกลบ้านตลอดพอจะย้ายกลับมาก็ อยากจะเรียนตอนเย็น  จะกินข้าวเย็นกับคุณแม่ทุกวันก็ไม่เคยเลยต้องรอถึงวันศุกร์ถึงจะได้กินข้าวพร้อมหน้า"

นพหัวเราะออกมาก่อนบอกว่า

"งั้นโอเคครับคุณแม่  นพเลือกเรียนวันเสาร์อาทิตย์ครับ"

"แหมรีบเปลี่ยนเลยนะพี่"

"ไม่ได้เดี๋ยวไม่มีคนจ่ายเงินค่าเทอมให้"

ทำเอาผู้เป็นแม่ยิ้มออกมาเมื่อลูกชายพูดเอาใจหลังจากนั้นนพทุกคนก็พูดคุยกับนพเรื่องที่จะย้ายกลับ แต่นพยังดูไม่สดชื่นเท่าไหร่ จนต้นกับใจกลับไปแล้ว  นพที่เดินมาเล่นกับ ฮักกี้ทั้งสองตัวที่สนามหน้าบ้าน  และน้องสาวได้เดินตามมาก่อนถามว่า

"พี่นพ แล้วที่พี่นพจะย้ายกลับมานี่พี่แววรู้หรือยัง"

"คงรู้แล้วมั้ง เพราะมีติดประกาศที่โรงงาน และคนมาแทนพี่ก็ทำงานอยู่ที่นั่นแล้ว"

"พี่นพยังไม่ได้บอกหรือไง"

"พี่ก็พึ่งรู้วันนี้ก่อนกลับนั่นแหละ เลยยังไม่ได้คุยกับแวว"

"แล้วพี่นพจะทำยังไงต่อไปละ"

"ก็ทำงานไง จะให้ทำอะไร  หรือให้มาช่วยคุณแม่ขายเพชร"

"กวนนะตูนถามตรงๆ"

"ก็ไม่ทำยังไง เค้าก็ต้องเข้าใจสิมันเป็นงานของพี่"

"แต่"

"แต่อะไรอีกละ"

"ไม่แต่และ งั้นถามตรงๆ ตูนขี้เกียจคิดไปเองแล้ว  พี่นพชอบฐาหรือเปล่า ห้ามกวน ให้ตอบตรงๆ  ไม่งั้นเค้างอนจริงๆด้วย"

"ก็เค้ามีแฟนแล้ว"

"เค้าเลิกกับแฟนตั้งนานแล้วตั้งแต่ก่อนพี่เยอรมันอีก"

"อ้าวเหรอ  แล้วจะให้พี่ทำยังไงละ"

"ตอบคำถามตูนก่อนสิ"

"อืมมมมมมมม คือพี่บอกตรงๆนะ  ฐาเป็นคนสวย เป็นคนมีชื่อเสียงคนรู้จัก แต่พี่ไม่ใช่ไง ถึงจะชอบก็ได้แต่มองอย่างเงียบๆ พี่มันฤาษีเฝ้าถ้ำ หนอนหนังสือ  แต่ฐานั้นเค้าต้องเข้าสังคม ต้องทำตัวให้มีกิจกรรม  เพราะมันเกี่ยวกับงานของเค้า  และอย่างพี่ละ  พี่เป็นของพี่แบบนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว คนหนึ่งต้องอยู่กับแสงไฟท่ามกลางสายตาของคนอื่นๆ  แต่อีกคนชอบจะอยู่เงียบๆ  ไปไหนไม่ต้องมีคนมอง  แล้วแบบนี้มันจะไปกันได้หรือเปล่าละ"

"ไม่เห็นเกี่ยวกันเท่าไหร่เลย  ก็ปรับตัวเข้าหากันสิ  หรือถ้าพี่ไม่ชอบแบบฐา  แบบพี่แววก็เหมาะกับสินะ  สวยน่ารักเอาใจเก่ง รู้วิธีเอาใจพี่  ใช่ไหมละ"

"ก็แล้วแต่"

"พี่นพอะ"

น้องสาวร้องออกมาอย่างขัดใจ ที่พี่ชายตอบแบบนี้

"ทำไม"

"เดี๋ยวแห้วแล้วจะรู้สึก  ยายฐานะคนจีบล้นบ้านล้นเมือง  ทั้งไฮโซ ทั้งดารา  ทั้งนายแบบ ทำเฉยๆแบบนี้ก็อดไมรู้นะ"

"ก็คงนั้น  ก็พี่มันคนจืดๆนี่  แถมโดนว่า ใจดำอีก "

"เชอะ งอนแล้ว  ไม่พูดด้วยแล้ว"

พูดจบน้องสาวก็สะบัดหน้าเดินกลับเข้าบ้านปล่อยให้พี่ชายยืนเล่นกับฮักกี้ทั้งสองตัว  แต่ก่อนเข้าบ้านเธอยังแอบหันมามองก็เห็นพี่ชายเล่นกับฮักกี้โดยเหมือนไม่สนว่าพูดอะไรไปกับเธอ พอเดินเข้ามาในบ้านเห็นผู้เป็นแม่กำลังคุยกับแม่บ้านอยู่และเมื่อเห็นใบหน้าของตูนแม่บ้านได้ถามว่า

"ทะเลาะอะไรกับพี่มาอีกละคะหนูตูน"

"เบื่อค่ะ น้าปาน เบื่อคะ เบื่อคนปากแข็ง ไม่ได้ดั่งใจ  ถามอย่างตอบอย่าง เบื่อๆๆๆ"

"แล้วพี่เค้าทำอะไรให้ละตูน"

"ขัดใจคะ แม่   คุณนพของคุณแม่ขัดใจ เพี้ยงกินแห้วที่เถอะ  เชอะ ไปนอนดีกว่าคนใจดำเชอะ"

พูดจบสะบัดหน้าเดินขี้นบันได โดยปล่อยให้ผู้เป็นแม่กับแม่บ้านมองตามด้วยความ งงกับสิ่งที่ลูกสาวบ่น

"อะไรของเค้าอีกนี่"

ผู้เป็นแม่พึมพำออกมาแต่แม่บ้านหรือเลขาคู่ใจบอกมาว่า

"ปล่อยเธอเถอะคะ  คุณนพคงไปขัดใจเข้าให้"

ผู้เป็นแม่พยักหน้าแล้วส่ายหัวไปมาก่อนจะคุยกับแม่บ้านต่อ ส่วนนพนั้นถึงจะทำกิริยาไม่สนใจอะไร แต่ในใจนั้นมันกลับคิดไปอีกอย่างมันสับสนไปหมดแต่พยามที่จะฝืนเล่นกับเจ้าฮักกี้ทั้งสองตัวต่อไปแต่ไม่วายคิดไปว่า

"แล้วเราจะทำยังไงต่อไปดีวะนี่ ใจนึงก็อยากจะคุย  แต่อีกใจก็ไม่กล้าที่จะคุย"


ก่อนที่จะพาเจ้าฮักกี้ทั้งสองตัวกลับไปที่กรงแล้วเดินเข้าบ้านขึ้นไปนั่งจมกับความมืดพร้อมกับความคิดที่สับสนในห้องนอนจนนพกลับไปทำงานที่สุราษฎร์แล้วเตรียมเรื่องคืนห้องพัก โดยหมอแววนั้นรู้ว่าเวลาของเธอกับนพนั้นได้หมดลงแล้วเพราะถ้านพกลับไปอยู่กรุงเทพทุกอย่างที่เธอทำมามันก็จะสลายไปด้วย  เธอพยายามทำใจให้เข้มแข็ง เธออยากให้มีเวลาของเธอกับนพมากกว่านี้  เพราะเธอยังหวังว่าจะก้าวข้ามเส้นที่นพขีดไว้หรือนพเป็นฝ่ายทลายกำแพงออกมาหาเธอเองแต่ในเมื่อชายหนุ่มต้องย้ายกลับในเร็วๆนี้   มันคงยากที่จะทำให้นพเปิดใจให้เธอ

เธอทำได้แต่เพียงแสดงความยินดีกับตำแหน่งใหม่พร้อมคำอวยพร จนวันก่อนที่นพจะกลับ 1 วัน  เธอได้ขอเป็นฝ่ายเลี้ยงส่งนพและก่อนที่จะแยกจากกันเธอขอร้องว่า ก่อนนพจะกลับให้มาหาเธอที่โรงพยาบาลก่อน นพรับคำแต่โดยดีจนเช้าวันศุกร์ ช่วงสายๆนพได้ขับรถมาหาเธอที่โรงพยาบาล หลังจากที่โทรหา รอไม่นานเท่าไหร่หมอแววที่อยู่ในเสื้อกาวน์ได้เดินมาหานพที่ลานจอดรถ เธอพยามฝืนยิ้มให้ นพได้พูดขึ้นมาว่า

"นพไปก่อนนะครับแวว  ขอบคุณสำหรับทุกเรื่อง"

"เช่นกันคะนพ"

"แต่เราสองคนไม่ได้ลาจากกันถาวรนะครับแวว  นพยังต้องไปๆมาๆ ที่นี่ตลอดหลังจากกลับจากเยอรมันแล้ว"

"เข้าใจคะนพ  แววถึงไม่บอกว่าให้นพโชคดีไงคะ เรายังเจอกันอีก แม้จะไม่เกือบทุกวันเหมือนที่ผ่านมา  ไปเถอะคะนพ  อีกไกลกว่าจะถึงบ้าน คุณแม่จะห่วง ขับรถดีๆนะคะแล้วเจอกันใหม่คะนพ"

"งั้นนพไปก่อนนะครับ "

ชายหนุ่มยิ้มให้ก่อนจะเดินกลับไปที่รถ  หมอแววนั้นอยากจะโผเข้าไปกอดชายหนุ่มมาก  เธอพยายามสะกดกั้นอารมณ์ไม่ให้ร้องไห้ออกมา ทำไมเธอจะไม่เสียใจตลอดเวลาที่ผ่านมา นพนั้นเป็นสุภาพบุรุษสำหรับเธอจริงๆ  ไม่เคยล่วงเกินเธอแม้โอกาสจะอำนวย  นพให้เกียรติเธอเสมอ เธอยืนมองจนรถของนพเลี้ยวออกจากโรงพยาบาลและรู้ตัวว่าขอบตานั้นมีน้ำอุ่นๆอยู่ที่ขอบตา เธอพยามสกัดกั้นอย่างเต็มที่ก่อนจะเอานิ้วมาเช็ดพร้อมนึกว่า

"บางครั้งคนที่เขารักเรา เราก็ไม่ได้รักเขา แต่บางคน คนที่เรารักเขา เขาก็ไม่ได้รักเรา"


นพนั้นรู้ดีมาตลอดว่าหญิงสาวคิดยังไงกับตัวเอง  แต่นพเพิ่งมามั่นใจตัวเองไม่นานมานี้ว่าเป็นเพราะฐา ที่ตัวเองแอบชอบตั้งแต่ที่เจอกันวันแรกแล้วทำให้ไม่เปิดใจกับคนอื่นๆ   แต่นพนั้นคิดมาตลอดว่าตนเองแอบชอบฐาแต่เพียงข้างเดียวยิ่งรู้ว่าฐามีแฟนแล้ว ทำให้นพเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจมาตลอดเพราะไม่อยากเป็นมือที่ 3เข้าไปยุ่งเกี่ยว แถมเรื่องการใช้ชีวิตที่ค่อนข้างแตกต่างกันเหมือนที่เคยบอกไว้กับน้องสาว  แต่พอรู้ว่าฐาได้เลิกกับแฟนแล้วนพก็ไม่เข้าใจตัวเองว่าทำไมจิตใจมันกลับเฉยชากับเรื่องนี้ ทั้งๆตอนที่รู้ว่าฐามีแฟนแล้ว ทำเอาตัวเองนั้นถึงกับนอนไม่หลับ  โดยที่ก่อนหน้านี้2-3วันนพไม่รู้ว่าเรื่องของตัวเองได้ถูกคุณแม่นำไปปรึกษากับพี่สะใภ้และแม่บ้าน

"เฮ้อปาน  เอายังไงดี  กับคุณนพ  อาการก็ไม่ดีขึ้นเท่าไหร่ ตอนไปเที่ยวก็ดูสดชื่นขึ้นมาหน่อยกลับมาก็ซึมๆเหมือนเดิม ชั้นละกลุ้มใจ"

"โธ่คุณผู้หญิง  ก็อย่างที่ปานเล่าให้ฟังนะคะเรื่องที่เธอเล่าให้ฟังวันนั้น"

"แล้วตกลงเค้าไปแอบชอบใครกันแน่นี่ "

ลูกสะใภ้เป็นคนตอบไปว่า

"นพเค้าเป็นคนเก็บอารมณ์ เก่งนะคะคุณแม่ แต่ใจว่าคุณแม่เดาออกว่านพชอบใครอยู่  แต่เจ้าตัวคงไม่กล้าไปคุยด้วย คงมาจากนิสัยของเค้านะคะ"

"นี่ไง  เป็นเพราะปาน ทำให้ลูกชั้นเป็นแบบนี้ เป็นคนขี้อาย เก็บตัว"

"แนะมาโทษปาน ใช่สิค้า ตอนคุณนพเด็กๆก็บอกปานไว้เลยว่าถ้าคุณนพถูกดุถูกตี ปานเธอต้องปลอบต้องโอ๋ทันทีนะ อย่าให้ร้องไห้  ใครสั่งปานละคะ"

"เอ้าถ้าชั้นปลอบ ลูกก็จะไม่เชื่อชั้นนะสิ ต้องให้เธอปลอบ  แต่แปลกใจว่าทำไมอยู่ดีๆจากคนที่ไม่เคยมีแฟนมาก่อน ก็จู่ๆมีผู้หญิงมาสนใจ2-3 คน"

"นั่นนะสิคะ  ปานก็อยากรู้"

"คุณแม่กับน้าปานมองข้ามอะไรไปหรือเปล่าคะ"

"ไม่นะคะคุณใจ  น้าปานนึกไม่ออก"

"ก็นี่ไงละคะ คนใกล้ตัวมักมองไม่ออก  นพนะถ้าใครไม่รู้จักนิสัยที่แท้จริงก็ถูกมองข้ามตลอด  หน้าตาเค้าก็ไม่โดดเด่น ถ้าเทียบกับต้น  ต้นจะดึงดูดกว่าเยอะถ้าดูจากหน้าตา"

ผู้เป็นแม่คิดไปตามคำพูดของลูกสะใภ้ ซึ่งมันก็จริงที่ลูกชายคนโตได้เค้าหน้าที่หล่อเหลาจากอดีตสามีของเธอที่เลิกรากันไปมาเกือบทั้งหมดก่อนจะพยักหน้าให้ลูกสะใภ้พูดต่อ

"แต่นพเราก็รู้ๆกัน เค้าจะเงียบๆขี้อาย  ไม่ออกหน้า งานต่างๆก็ไม่ชอบให้ถูกถ่ายรูป ใครถามก็ยิ้มอย่างเดียว ใครๆก็เลยไม่ค่อยสนใจ  แต่ถ้าใครได้มาเห็นสิ่งที่นพทำกับคุณแม่และคนในครอบครัวสิคะ ใครจะไม่ประทับใจ ขนาดใจเห็นหนแรกยังรู้สึกได้เลย  และถ้าเป็นสาวๆคนอื่นมาเห็นหรือได้ยินจะไม่หลงหรือคะ คุณแม่ทั้งการแสดงออกที่ดูเป็นธรรมชาติการพูดจาที่มีทั้งลูกอ้อนทั้งความอ่อนหวานความขี้เล่น   ใครเห็นใครก็ต้องประทับใจคะ  หรือแค่ได้ยินเสียงเวลาพูดกับคุณแม่ก็อาจจะทำให้หลงโดยไม่รู้ตัว  อาจจะอยากให้นพมาทำแบบนี้กับตัวเองบ้าง  เพราะสิ่งพวกนี้นพทำมาตลอดจนเป็นนิสัยเป็นความเคยชิน เค้าทำโดยไม่เขินไม่ว่าจะอยู่ต่อหน้าใคร ผู้ชายที่โตแล้วแสดงความรักกับคุณแม่แบบนี้หาได้ยากคะ  แต่นพทำได้รวมถึงความละเอียดอ่อนต่างๆในตัวของเค้า  แต่เราเป็นคนใกล้ตัวเลยมองข้าม ใจคิดว่าเป็นแบบนี้ไงคะคุณแม่กับน้าปาน"

ผู้หญิงวัยไม่ต่างกัน2คนนั่งมองหน้าพร้อมคิดกับคำพูดของผู้เป็นสะใภ้ แต่ผู้เป็นแม่ก็หวนไปนึกถึงตอนก่อนที่เธอจะแต่งงานกับพ่อของนพ   ที่ทั้งพ่อกับแม่เธอแอบบอกมาว่า  นพนั้นคงเป็นลูกเธอจริงๆแต่ไปอาศัยท้องเพื่อนเธอเกิดแต่ในที่สุดก็กลับมาเป็นลูกของเธอ  นี่เป็นส่วนนึงที่อาจทำให้เธอรักนพยิ่งกว่าแก้วตาดวงใจ ยิ่งนพมีปัญหาไม่สบายใจยิ่งทำให้เธอนั้นห่วงลูกคนนี้มากขึ้น จนผู้เป็นแม่พูดออกมาว่า

"อืมก็จริงนะ  เราอาจจะมองข้ามไป  แม่ก็เป็นคนสอนให้เค้าทำแบบนี้ตั้งแต่เด็กๆเพราะจะได้เป็นความผูกพันของแม่กับคุณนพ  จนเค้าทำเป็นนิสัย นึกถึงตอนที่เค้าเรียนอนุบาลได้มั้ง  ตอนนั้นแม่ท้องตูนได้ 2เดือนแล้ว พอเค้ากลับจากโรงเรียนมาถึงร้านเพชรก็เข้ามากอดมาหอมเราเลย  ต้นเริ่มโตแล้วก็แค่ไหว้แล้วเดินไปหลังร้าน  แต่คุณนพไม่ได้เค้าต้องมาคลอเคลียกับเราพักใหญ่ วันนั้นมีลูกค้าเป็นคุณหญิงเค้ามาดูเพชร ก็สองจิตสองใจอยู่ว่าจะซื้อหรือไม่ซื้อดี  คุณนพเค้าก็เข้ามาหาแม่ จนแม่ต้องอุ้มมานั่งตัก ลูกค้าคงเห็นความน่ารัก เค้าเลยถามไปว่าช่วยคุณแม่ขายเพชรได้หรือเปล่า  คุณนพก็ตอบแบบอายๆว่าไม่ได้ ลูกค้าก็ถามต่อไปอีก แล้วถ้าจะให้ช่วยคุณแม่ขายละจะต้องทำยังไง  เค้าก็ก้มหน้าแบบอายๆนะแล้วก็พูดแบบที่แม่เคยพูดเชียร์ให้ลูกค้าซื้อนะเค้าจำได้แม่น  คุณหญิงเค้าก็ถามเลยว่าใครสอนให้พูด คุณนพบอกว่า ไม่มีใครสอนเค้าจำได้จากตอนคุณแม่พูด เท่านั้นแหละซื้อเลย เกือบ 7หมื่นจ่ายสด แถมให้รางวัลคุณนพอีก 500 บาท แกบอกว่าแกประทับใจตั้งแต่เข้ามากอดมาหอมแม่แล้ว  หาได้ยากสำหรับเด็กผู้ชาย  "

"ขนาดนั้นเลยหรือคะคุณแม่"

"ใช่ แต่เค้าทำเอาแม่น้ำตาแทบไหลนะ เงิน 500 นั่นนะเค้ายื่นให้แม่แล้วบอกว่า ให้แม่เก็บไว้จะได้ซื้อของขวัญให้น้องที่กำลังจะเกิดมา"

"ใช่คะวันนั้นพอกลับมาถึงบ้านก็เดินมาหาน้าปานแล้วบอกว่า น้าปานวันนี้นพช่วยคุณแม่ขายเพชรด้วยก่อนจะเอาขนมมาให้วันนั้นดูเหมือนจะเป็นทองหยอดหรือไงนี่มาให้  เพราะตั้งแต่เด็กๆ พอกลับมาถึงบ้านจะเดินมาหาแล้วบอกว่า  น้าปานขนม น้าปานผลไม้  นพเอามาฝาก  เราช่วยกันสอนช่วยกันปลูกฝังเค้า ทำให้ทำจนกลายเป็นความเคยชิน เลยเป็นความอ่อนโยนเอาใจใส่ทุกคนในบ้านโดยที่คนนอกไม่รู้  นึกว่าคุณนพเป็นคนเอาแต่ใจเพราะถูกโอ๋ เป็นลูกแหง่ แถมเป็นเด็กขี้อายอีก"

น้าปานเป็นพูดต่อจากผู้เป็นมารดา


"ก็นั่นนะสินะ  หลายๆอย่างเรามองข้ามเพราะเราเป็นคนสอนเค้าเอง แต่ก็นั่นแหละ  เค้าโตแล้วเรื่องพวกนี้คุณนพต้องเลือกต้องตัดสินใจเองว่า หัวใจของเค้าเลือกใคร แม่อย่างชั้นก็ได้แต่ดูและให้คำปรึกษาเท่านั้น"


ผู้เป็นแม่พูดออกมาด้วยความรู้สึกจากใจถึงลูกชายสุดที่รัก   จนมาถึงวันที่นพกลับมาถึงบ้าน ช่วงค่ำทันทีที่จอดรถ  นพนั้นโทรบอกหมอแววทันทีว่าตนเองมาถึงบ้านเพราะหมอแววโทรมาบอกว่าถ้าถึงบ้านขอให้โทรบอกเธอด้วย เพราะใจเธอนั้นยังห่วงหาถึงนพตลอด ก่อนจะเดินไปเล่นกับเจ้าฮักกี้ทั้งสองตัวที่เห่ารับจากในกรง  ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านที่ผู้เป็นแม่มายืนรอลูกชายอยู่ นพทำทุกอย่างด้วยความเคยชินทั้งกอดทั้งหอม ก่อนคุณแม่จะพาเดินไปที่ห้องรับแขก

"มาทันเวลาพอดี  รอพ่อแป็บนึงอยู่ในห้องทำงาน ติดสายโทรศัพท์อยู่นายโทรมา กระเป๋าละลูก"

"อยู่ในรถครับ  นพขี้เกียจลากมาเอาไว้ก่อน"

พูดจบก็หันไปยิ้มให้พี่ชายกับพี่สะใภ้ ส่วนน้องสาวแลบลิ้นหลอกแล้วก้มหน้าไปเล่นโทรศัพท์ต่อ ส่วนพี่ชายได้ถามถึง ทีวีกับเครื่องใช้ไฟฟ้าอื่นๆ  นพได้ตอบไปว่า

"ทีวีกับไมโครเวฟ ให้ลุง รปภ.ไปครับ  แกดีใจใหญ่เลยให้ศีลให้พร ส่วน กระติกต้มน้ำร้อนให้แม่บ้านที่โรงงานครับ"

"เสียดายโทรทัศน์"

น้องสาวพูดขึ้นมา พี่ชายตอบทันที

"ทำไม จะเอามาให้บอมกับบูมดูหรือไง  ที่บ้านมีกี่เครื่องแล้วให้คนอื่นยังมีประโยชน์กว่าเยอะดีกว่าเอามาทิ้งไว้ที่นี่  เป็นภาระน้าปานอีก"

"เชอะ ใจดำ"

น้องสาวที่ยังงอนพี่ชายไม่เลิกจากเรื่องในวันนั้นพูดตอบพร้อมแลบลิ้นให้อีกครั้ง  แต่ก่อนที่พี่ชายจะแหย่อะไรต่อ ผู้เป็นพ่อได้เดินเข้ามาในห้องพร้อมบอกว่า

"อ้าวมาถึงแล้วหรือลูก  เร็วดีนี่ ไปกินข้าวกัน"

นพไหว้ผู้เป็นพ่อก่อนจะเดินตามกันไปที่ห้องอาหาร ซึ่งตลอดเวลาที่ทานอาหารนพไม่รู้ว่าถูกคุณแม่กับพี่สะใภ้ลอบสังเกตอาการอยู่ตลอด  จนนพขึ้นไปบนห้องก่อนจะเปิดคอมเอารูปหมอแววที่ตนเองถ่ายไว้มาดูแล้วบอกไปว่า

"ขอโทษอีกครั้งนะครับแวว ที่นพไม่เปิดใจให้แวว  นพหวังว่าแววคงจะได้เจอคนที่เหมาะสมกับแววในเร็ววันนี้  แต่ตัวนพเองก็ยังรู้ไม่ว่าจะทำยังไงต่อไปเลยครับ"

จนตอนเช้า นพที่ตื่นแต่เช้าได้เดินไปเอาจักรยานโดยไม่สนใจน้องสาว ที่กำลังปล่อยเจ้าฮักกี้ทั้งคู่ออกจากกรง

"พี่นพพพพพพพพ ไปหนายย"

ตูนร้องเรียกพี่ชายที่กำลังขึ้นจักรยาน

"ไปตลาด"

"เค้าไปด้วยรอก่อน "

พูดจบเธอวิ่งไปหาพี่ชายแล้วกระโดดซ้อนท้ายทันที ก่อนหันไปดุเจ้าฮักกี้ที่วิ่งตาม  พร้อมเรียกให้น้าปานเรียก บอมกับบูมไว้ก่อน   แล้วเมื่อถึงประตูสาวใช้ที่ยืนกวาดใบไม้รีบวิ่งมาเปิดประตูให้แล้วขี่จักรยานออกจากบ้าน โดยผู้เป็นแม่มองตามไปก่อนจะถามแม่บ้านที่กำลังเดินเข้ามาในบ้านว่า

"พี่น้องเค้าไปไหนกัน"

"น่ากลัวจะไปตลาดคะ"

"แต่แหมลูกสาวชั้นนี่จริงๆ โทรศัพท์ก็อยู่บนโต๊ะไม่ได้เอาไปด้วย ไม่รู้มีตังส์ไปด้วยหรือเปล่า"

"โธ่พี่ชายคงจัดการให้นะคะถ้าคุณตูนอยากได้อะไร"

"ไม่รู้จักโต  กวนคุณนพตลอด"

แม่บ้านได้ยิ้มๆไม่ตอบอะไรแต่ระหว่างทางไปที่ไป นพได้หันมาบ่นน้องสาวที่นั่งซ้อนท้ายอยู่ว่า

"ตูนตัวหนัก"

"หนักที่ไหน เบาจะตาย  อย่ามาบ่น จะไปซื้ออะไรละ"

"หมูปิ้ง"

แต่พี่ชายที่ปั่นจักรยานอยู่ โดยไม่รู้ว่า น้องสาวย่นหน้าแลบลิ้นเข้าให้  พอไปถึงตลาด นพเอาจักรยานไปจอดตรงทางเข้า ตำรวจจราจรสูงอายุที่ยืนโบกรถอยู่ใกล้ๆรีบเดินเข้ามาทันทีเพราะรู้ว่าลูกของเจ้านาย  ตูนจึงพูดทันทีด้วยเสียงอันอ่อนหวาน

"คุณอาขา  ฝากรถแป็บนะคะ ไม่นาน"

"ครับคุณตูน"

นพยิ้มให้ก่อนเดินเข้าไปในตลาด โดยมีน้องสาวตามไปติดๆ ซึ่งพ่อค้าแม่ค้าต่างรู้จักหญิงสาวเกือบทั้งนั้น  เพราะหลายๆคนจะเห็นภาพที่ชินตาตั้งแต่ตูนยังเด็กๆ ที่จะมาตลาดพร้อมผู้เป็นแม่ไม่ก็แม่บ้าน ด้วยนิสัยที่ไม่ถือตัวแถมช่างพูด ทำให้เธอสนิทกับพ่อค้าแม่ค้าหลายคนในตลาดนี้  จนเดินผ่านร้านปาท่องโก๋ เธอดึงแขนพี่ชายก่อนบอกว่า

"พี่นพ ซื้อปาท่องโก๋ไปให้พ่อด้วยสิ  พ่อชอบร้านนี้ "

ทำเอาพี่ชายต้องเดินตามน้องสาวไปที่ร้านเธอสั่งทันที


"ปาท่องโก๋ 30 ตัวนะคะลุง น้ำเต้าหู้ 10 ถุง ไมใส่เครื่อง และแยกเอาอีก 5ตัว น้ำเต้าหู้ใส่ทุกอย่าง 1ถุงนะคะ"

คนขายรีบทำตามแต่เธอบอกพี่ชายว่า

"พี่นพ ขอโทรศัพท์หน่อยสิ  ตูนใม่ได้เอามา จะโทรบอกพ่อ"

นพส่งโทรศัพท์ให้น้องสาวแต่เธอก็บอกว่า

"ปลดล็อกหน้าจอด้วยสิ"

นพเอานิ้วมือสแกนที่หน้าจอ ก่อนที่จะเดินไปสั่งหมูปิ้งที่ร้านอยู่ไม่ห่างกัน โดยที่ตัวเองลืมอะไรบางอย่างไปสนิท  เพราะหน้าจอนั้นเป็นรูปของฐา ที่เธอได้ถ่ายไว้ตอนไปเที่ยวภูเก็ตเป็นภาพที่ถ่ายย้อนแสง ตูนเห็นแบบนี้ก็ยิ้มออกมาก่อนพึมพำว่า

"คนปากแข็ง"

แล้วเธอโทรหาพ่อเป็นจังหวะที่พี่ชายเดินกลับมาทันได้ยินเธอพูดว่า

"พ่อขาอย่าพึ่งชงกาแฟนะคะ  ตูนกำลังซื้อปาท่องโก๋ไปฝากนะคะ"

พูดจบเธอก็ยื่นโทรศัพท์คืนพี่ชายแล้วบอกว่า

"ค่าปาท่องโก๋พี่นพ"

"อ้าวไหนบอกว่าตูนซื้อไปฝาก"

"เค้าไม่ได้เอาเงินมาจ่ายสิจ่าย"

นพแกล้งทำหน้ามุ่ยก่อนกระหยิบเงินส่งให้น้องสาวแล้วรับถึงปาท่องโก๋มาถือ ก่อนกลับไปรับหมูปิ้งที่สั่งไว้ แล้วเดินกลับมา แต่น้องสาวยังไม่ยอมกลับชวนพี่ชายซื้อของกินอีก 2-3 อย่างก่อนที่จะกลับบ้าน  แล้วนำเอาปาท่องโก๋กับน้ำเต้าหู้ที่ซื้อแยกเอามาฝากตำรวจจราจรที่ยืนอยู่ใกล้จักรยานซึ่งพี่ชายก็ฝากข้าวเหนียวหมูปิ้งที่ซื้อมาให้ด้วยโดยที่เธอพูดกับตำรวจว่า

"ขอบคุณคะที่ช่วยดูรถ นี่ของฝากคะมื้อเช้าปาท่องโก๋น้ำเต้าหู้มื้อกลางวันข้าวเหนียวหมูปิ้ง"


เท่านี้ก็ทำเอาคนรับนั้นซึ้งในน้ำใจเพราะพี่น้องคู่นี้มาทีไรตนเองได้ของฝากทุกครั้ง  ก่อนที่ทั้งคู่จะกลับบ้าน แต่นพไม่รู้ว่า น้องสาวนั้นอารมณ์ดีขึ้นเยอะหลังจากที่เห็นภาพหน้าจอโทรศัพท์ของพี่ชาย พอถึงบ้านเธอรีบเอาปาท่องโก๋ที่แยกใส่จานไปให้ผู้เป็นพ่อทันทีพร้อมน้ำเต้าหู้อีก 3แก้ว  โดยพ่อกับแม่นั่งคุยกันที่ห้องรับแขก ส่วนของกินที่ซื้อมาไปให้น้าปานเป็นคนจัดการแล้วตูนพูดกับพ่อว่า

"พ่อขาปาท่องโก๋คะ  ตูนซื้อมาฝากค้า"

"ขอบใจลูก  ตูนซื้อแล้วเงินใครละลูก"

"นั่นอีกประเด็นคะพ่อ  ถ้าตูนไม่ไป พ่อก็ไม่ได้กินปาท่องโก๋กับกาแฟ  แม่ก็ไม่ได้กินน้ำเต้าหู้  เพราะคุณนพของคุณแม่จะไปซื้อหมูปิ้งอย่างเดียวคะ  แล้วนี่ไปไหนละ  ตูนเอาน้ำเต้าหู้มาเผื่อพี่นพด้วย"

"แม่ก็ยังไม่เห็นคุณนพเข้ามานะ"

"สงสัยเอาหมูปิ้งให้บอมกับบูมแน่นอน  เมื่อกี้ตูนเห็นพี่เค้าดึงออกมา 3-4 ไม้ ก่อนให้ตูนเข้าบ้าน"


พูดจบตูนรีบเดินมาที่หน้าบ้าน และภาพที่เธอเห็นคือ บูมกับบอมที่นั่งอย่างเรียบร้อยรอกินหมูปิ้งจากมือของนพที่ป้อนให้ทำเอาเธอวิ่งเข้าไปในบ้านแล้วเอาโทรศัพท์ของเธอมาถ่ายคลิป ก่อนจะโพสไปว่า

"ดูมันทีเราป้อน  มันไม่เคยเรียบร้อยแบบนี้เลย  คนอื่นป้อนมันเรียบร้อยตลอด #ไอ้หมาทรยศ"

ซึ่งไม่นานนักหมอแววโพสมาทันทีว่า

"ดูเรียบร้อยจังเลยค่าน้องตูน"

"คะพี่  ทีพี่นพป้อนเรียบร้อยทุกครั้ง สั่งให้ทำอะไรก็ทำ ทีตูนมันตะกาย"

แล้วนพที่พึ่งป้อนหมูปิ้งให้ทั้งสองตัวเสร็จ หยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาดูและเห็นที่น้องสาวโพส  ตนเองจึงโพสภาพต่อ สองภาพแรกเป็นภาพที่พ่อกับแม่นพป้อนขนมให้ ฮักกี้ทั้งสองตัว และอีกภาพเป็นภาพน้าปานกำลังป้อม และภาพที่ต้นกับใจช่วยกันป้อน ซึ่งทุกภาพ ทั้งสองตัวจะไม่นั่งก็ยืนรออย่างเรียบร้อยส่วนภาพสุดท้ายเป็นภาพที่ ทั้งสองตัวกำลังตะกายตูนที่กำลังป้อนขนมอยู่  พร้อมข้อความว่า

"ดูเอาเองก็แล้วกันครับแวว"

ทำเอาหมอแววที่นั่งดูหัวเราะออกมาก่อนตอบไปว่า

"น่ารักออกคะนพ"

"ใช่ๆๆๆๆ พี่แวว ไปดุมันมันก็กลัวสิ  ไม่เหมือนตูน  มันไม่เคยกลัว สั่งอะไรก็ไม่ค่อยทำ ยกเว้นมีของกินมันถึงทำตามขนาดวันนั้นพาไปหาหมอกับพ่อ  พี่นพสั่งมันห้ามซนมันก็ไม่ซนเลยนั่งเรียบร้อย หงอยเพราะรู้ไปหาหมอ พาลงไปที่ร้านก็เดินตามพ่อไปโดยดี ไม่มีอาการอะไร ตอนกลับก็ดี๊ด๊าแต่ไม่กล้าตะกาย แต่พอตูนมันไม่เคยกลัวสั่งอะไรก็ไม่เชื่อ ดุมันก็ไม่กลัวคนอื่นดุ นี่หางตกหูลู่ไปข้างหลัง  ตูนดุมันกระดิกหางใส่แถมเถียงด้วย"

แต่ฐานั้นกดไลท์อย่างเดียวหลังจากที่เห็นภาพ  เพราะในช่วงที่ผ่านมาเธองานค่อนข้างเยอะเลยไม่ได้คุยกับนพตั้งแต่วันที่เธอโทรหานพ จากนั้นทั้งคู่ก็ไม่ได้คุยกันอีกเลยเพราะดูเหมือนว่าต่างฝ่ายต่างสงวนท่าทีของตนเอง  ฐานั้นยังไมรู้ว่านพย้ายกลับมาที่กรุงเทพแล้ว เพราะเธอกับตูนก็ไม่ได้คุยกันเลย แต่พอตอนเย็นวันนั้น ระว่างที่น้องสาวนั่งดูทีวีกับผู้เป็นแม่อยู่โดยพ่อนั้นไปออกไปทำงาน  ตูนเห็นนพ เดินสะพายเป้ลงมาพร้อมถือกระเป๋ากล้อง ผู้เป็นแม่เห็นลูกชายเดินลงมาก็ส่งยิ้มให้เหมือนจะรู้อะไรอยู่แล้วแต่น้องสาวรีบทักออกมา

"อ้าวเฮ้ย  ไปไหน อีกไม่กี่วันก็จะไปเยอรมันแล้ว"

"ไปเชียงคาน วันลาเหลือใช้ให้หมด  กลับมาแล้วค่อยไปเยอรมันต่อ"

พี่ชายพูดด้วยน้ำเสียงยั่ว

"ไปด้วยสิ เค้าไปด้วย  แม่รู้หรือยังแม่ดูสิพี่นพหนีเที่ยว"

"แม่รู้แล้วคุณนพบอกแม่หลายวันแล้ว บอกว่าอยากหาที่พักผ่อนแบบเงียบๆ  แม่ก็เลยแนะนำให้คุณนพไปเชียงคาน"

"เค้าไม่ยอม  แล้วไปกี่วัน "

"กลับวันพุธ เป็นวันหยุดพอดี  พฤหัสก็บินไปเยอรมัน"

พี่ชายทำหน้าแบบยั่วๆผิดกับน้องสาวที่หน้าง้ำแต่แม่กับไม่สนใจลูกสาวถามลูกชายไปว่า

"แล้วคุณนพไปยังไง  คุณแม่ไปส่งให้เอาไหม"

"นพเรียกแท็กซี่แล้วครับ ไม่กวนคุณแม่  ไปหมอชิตแล้วขับรถลำบากกว่าจะเข้าจะออก ไม่ต้องห่วงครับ"

"ไหงไป หมอชิตละพี่"

"ลองเปลี่ยนแนวเที่ยวดู อยากนั่งรถทัวร์บ้าง  ไปถึงนั่นก็เช้า  เข้าห้องพักเราก็ออกเที่ยวถ่ายรูป  หน้านี้มันไม่ใช่หน้าท่องเที่ยวด้วยคนน้อยอยากไปเที่ยวแบบเงียบๆบ้าง"

เป็นจังหวะที่แม่บ้านเดินเข้ามาบอกว่า

"คุณนพคะ รถมาแล้วคะ"

"งั้นนพไปก่อนนะครับคุณแม่น้าปาน"

ชายหนุ่มหอมแก้มผู้เป็นแม่ ก่อนหันมาบอกน้องสาวว่า

"พี่ไปแบบเงียบๆนะ  อย่าแท็กอะไรละมีอะไรให้โทรไปนะ พี่จะไม่เข้าเฟซกับ IG เลย"

น้องสาวตอบไปว่า

"ย่ะหนีเราเที่ยว เพี้ยงฝนตกตลอด ตามสบายเชอะ  ของฝากด้วย งอนแล้ว"

ชายหนุ่มส่งยิ้มให้ก่อนเดินออกไป ตูนได้หันมามองผู้เป็นแม่ก่อนที่แม่จะบอกว่า

"พี่เค้าอยากไปคิดอะไรคนเดียวเงียบๆมั้งลูก  อย่าไปกวนพี่เค้าเลย  พ่อกับแม่เป็นคนแนะนำเค้าเองให้ไปที่เชียงคาน"

"ตูนก็หวังว่าพี่เค้าคงจะชัดเจนอะไรบางอย่างก่อนไปเยอรมันนะคะแม่"

นพนั้นไปเที่ยวอย่างเงียบจริงๆ  ไม่มีการเคลื่อนไหวในโซเซี่ยลเลย มีแต่โทรมาหาคุณแม่เท่านั้น จนฐานั้นสงสัยว่านพหายไปไหนเพราะนพไม่เข้ามากดไลท์รูปที่เธอโพสลงไปเลย ตลอดเวลาเธอครุ่นคิดถึงเรื่องของนพอยู่พอสมควร ซึ่งเธอรู้ว่า แอร์โฮสเตสที่ชื่อเพลงนั้นได้ออกห่างจากชีวิตของนพไปแล้ว  เพราะข้อความและภาพที่เธอโพสคุยกับนพทำให้ฐารู้ว่าเพลงนั้นย้ายไปทำงานที่ญี่ปุ่นแล้ว มีแต่หมอแววที่ยังคุยกันอยู่  แค่ในคืนสุดท้ายก่อนที่นพจะกลับจากเชียงคานเธอตัดสินใจโทรหาเพื่อนเธอและตูนนั้นได้ถามฐาตรงๆว่า

"ฐานี่เราพูดในฐานะน้องสาวพี่นพนะ  เราอยากรู้ว่าเธอคิดยังไงกับพี่นพ"

ฐาเงียบไปชั่วขณะก่อนตอบว่า

"เราก็บอกเธอตรงๆนะ  เรานั้นก็เริ่มสนใจพี่นพตั้งแต่ที่เจอกันวันนั้นที่บ้านของเธอแล้ว  เธอคงรู้นะว่าเพราะอะไรที่ทำให้เราสนใจ แต่ตอนนั้นเราคบกับอีกคนอยู่ จนถึงทุกวันนี้ แต่พี่นพกลับทำท่าไม่สนใจอะไรเราเท่าไหร่เลย"

"ก็พี่ชายเราขี้อายไงเค้าก็รู้นะว่าเธอเลิกกับแฟนแล้ว  แต่เราก็รู้ว่าเค้าไม่กล้าที่จะจีบเธอ มันก็เลยค้างคากันแบบนี้  เราแนะนำนะว่าถ้าอยากจะให้พี่นพเปิดใจ   เธอก็ลองไปพูดกับเค้าก่อน พี่ชายเราก็สนใจเธอมานานแล้วแต่เก็บอาการอยู่  ที่ผ่านมาเราก็ได้แต่คาดเดาเรื่องของพี่นพกับเธอมาตลอดนะ   แต่เราก็มั่นใจว่าพี่ชายเราก็สนใจเธอแต่อย่างที่บอกเค้าเก็บอาการไม่บอกใคร  เค้าไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน  เธอก็น่าจะรู้นี่ว่ารูปที่เธอโพสทุกรูปเค้าติดตามตลอดกดไลท์ให้ทุกครั้ง  ขนาดเราเป็นน้องสาว เค้ายังไม่ทำแบบนี้เลย  เธอลองคิดดูแล้วกันนะ  เพราะมะรืนเค้าก็ไปเยอรมันแล้ว ไปอบรมเดือนกว่าๆ   เธออยากจะปล่อยให้มันค้างคาใจของทั้งสองฝ่ายไว้อย่างนี้ก็ตามใจนะ  เราบอกได้แค่นี้ เพราะเราถือเป็นเรื่องส่วนตัว"

ตูนนั้นเว้นระยะไว้ชั่วขณะก่อนบอกต่อว่า

"ตั้งแต่เราโตขึ้นมาเราไม่เคยพี่นพมีแฟนหรือคบกับใครเลยนะฐา  ชีวิตเค้ามีแต่การเรียนเท่านั้นจบมาก็บ้างานนี่อยากจะเรียนต่อโทอีกใบแล้ว  เค้าทำทุกอย่างเพื่อให้คุณแม่พอใจที่สุด จนใครๆมองว่าพี่นพเป็นลูกแหง่"

"แต่เราไม่เคยมองพี่เค้าแบบนั้นนะตูนแล้วคนอื่นละตูน  เราหมายคนที่เป็นแอร์ฯกับเป็นหมอ"

"ใช่เราก็คิดว่าแบบนั้นไม่งั้นเธอคงไม่สนพี่ชายเราหรอก ส่วนคนที่เป็นแอร์ฯนะก็ไปทำงานที่ญี่ปุ่นแล้ว  ส่วนพี่แววนั้นพี่นพเค้าก็บอกว่าเป็นแค่เพื่อนนะ  แล้วเค้าเคยคุยกับน้าปานด้วยถ้าเค้าอยากจะคบใครเค้าจะขอคบแค่คนเดียวไม่คบเผื่อเลือกแล้วอีกอย่างเค้าย้ายกลับมากรุงเทพแล้ว"

ฐานิ่งคิดไปชั่วขณะถึงเรื่องที่เธอเคยถูกพระอาจารย์ที่นับถือทักมาว่าดวงของเธอนั้นอาจจะต้องเสียของบางอย่างออกไปแต่อาจจะได้ของที่มีคุณค่ามากกว่ามาทดแทน   แต่ของชิ้นนี้ต้องใช้ความพยามยามถึงจะได้มา  แต่ถ้าเธอไม่อยากได้ก็ไม่เป็นไรถ้าปล่อยไปก็จะมีคนอื่นที่เหมาะสมได้ไปครอบครองแทน  แต่มันต้องขึ้นกับตัวของเธอเองและพรหมลิขิตด้วย  ทำให้ฐาเหมือนจะตัดสินใจอะไรบางอย่างก่อนจะถามเพื่อนไปว่า

"แล้วพี่นพอยู่ไหนะตูนแล้วเห็นเค้าหายไป2-3 วันแล้ว"

"ไปปลีกวิเวกอยู่เชียงคานนะ เค้าบอกแม่ว่าเค้าอยากไปคิดอะไรแบบเงียบๆนะ  พ่อกับแม่เลยแนะนำให้ไปที่นั่น"

"โอเคขอบใจมากจ้า"

"อย่าบอกนะว่าเธอจะไป  เราว่าเธอโทรไปคุยก่อนดีกว่า"

"อย่างที่เธอบอกนะปล่อยไว้มันก็ค้างคา  ยิ่งพี่ชายเธอบทจะไม่พูดก็ไม่พูดเลย แถมโยกโย้เก่งด้วยต้องไปคุยกับตัว"

"เฮ้ย  มันไกลนะ"

"ไม่เป็นไร เราขับรถไหว"

"เอ่อ  เอางั้นก็ได้  แต่เธอโทรมาหาเราเป็นระยะ นะเราเป็นห่วง"

ฐารับคำก่อนจะถามตูนว่านพพักอยู่ที่ไหน  คืนนั้นเธอเลิกนัดทั้งหมดที่เธอมีก่อนจะตัดสินนอนพักผ่อนสัก2-3 ชั่วโมง จนเที่ยงคืนเศษๆ เธอได้ขับรถออกจากบ้าน  เพื่อไปเชียงคาน ไปหาคนที่ทำให้เธอเกิดปัญหาหัวใจขึ้นมา  โดยเธอโทรคุยกับตูนเป็นระยะแต่กำชับว่าอย่าพึ่งบอกนพ ว่าเธอไปหา เพราะเธออยากจะคุยกับนพให้รู้เรื่องโดยที่นพไม่ตั้งตัว ไม่อย่างนั้นเธอกลัวชายหนุ่มจะทำกับเธอเหมือนที่ผ่านมา จนช่วงสายๆของวันต่อมาเธอขับรถถึงเชียงคานแม้ส่วนใหญ่ฐาจะขับไม่เร็วมากนักแต่เธอก็ไม่พักเลย นอกจากแวะเติมน้ำมัน

เธอใช้ GPS พร้อมถามทางคนที่เดินผ่านเพื่อไปที่พักของนพ  จนเธอไปถึง ฐาลงจากรถและเตรียมจะกดโทรศัพท์หานพ  เธอได้ยินเสียงกระดิ่งจักรยาน พอเธอหันไปมอง นพนั่นเองที่ปั่นจักรยานตรงมาหาเธอ  นพนั้นใส่แว่นตากันแดดและสะพายกล้อง ก่อนที่จะมาจอดจักรยานใกล้เธอพร้อมกับการหอบเล็กน้อย นพเอามือเช็ดเหงื่อก่อนจะพึมพำมาว่า

"โอ๊ยปั่นแทบตาย"

ก่อนที่นพจะถอดแว่นตาแล้วมาเก็บที่กระเป๋าเสื้อโปโล ทำให้ฐาเห็นว่าเป็นแว่นที่เธอซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด ทั้งคู่ต่างสบตากัน แล้วเป็นฝ่ายฐาที่พูดก่อนว่า

"ดูพี่นพไม่แปลกใจเลยที่เห็นฐา"

"ตูนเค้าโทรมาบอกพี่"

เธอทำหน้าแบบไม่พอใจก่อนพึมพำว่า

"ยายตูนนะยายตูนบอกว่าไม่ให้บอก"

ทำให้นพพูดมาว่า

"อย่าว่าตูนเลย  อย่าลืมลิเค้าเป็นน้องสาวพี่และเป็นเพื่อนฐาเค้าก็ต้องห่วงเป็นธรรมดา เค้าโทรมาบอกพี่ก่อน  พี่เห็นรถฐาแล้วแต่โทรศัพท์พี่แบตหมดพอดี  เลยโทรบอกไม่ได้ ปั่นจักรยานตามมาแทบแย่  ฐา โทรบอกตูนก่อนก็ได้ว่าเจอพี่แล้ว  เค้าจะได้ไม่ห่วง"

ฐาย่นหน้าให้ชายหนุ่มก่อนโทรหาเพื่อนเธอซึ่งนพได้ยินเธอพูดว่า ถึงแล้วจ๊ะ  เจอกันแล้ว ก่อนฐาจะวางสาย แล้วนพบอกว่า

"มาขับรถมาไกลๆเหนื่อยแย่  คงจะหิวไปหาอะไรกินก่อนแล้วสายๆค่อยกลับ"

ชายหนุ่มพูดแล้วทำท่าจะเดินจูงจักรยานไป ทำให้หญิงสาวที่อารมณ์เริ่มเดือดเพราะดูทีท่าแล้ว นพเหมือนจะไม่มีปฏิกิริยาอะไรที่เห็นเธอขับรถมาหา ทำให้เธอบอกว่า

"พี่นพ จะไม่ถามสักคำเลยหรือไงคะว่าฐาลงทุนขับรถมาหาพี่ทำไม"

"ก็เดี๋ยวค่อยถามก็ได้ เห็นขับรถมาเหนื่อยๆ"

"พี่นพมันใช่เรื่องเล่นๆนะ  เรื่องของเราพี่นพจะปล่อยให้ค้างคาแบบนี้หรือคะ  ถ้าพี่นพบอกว่าไม่สนใจฐา  ฐาจะได้เข้าใจจะได้ทำตัวถูก จะได้เลิกกังวลซะที"

"งั้นฐาแน่ใจแล้วหรือว่าจะมาคบกับพี่  คนที่เอาใจใครไม่เป็นไม่สนวันเทศกาล ชอบใช้ชีวิตเงียบๆ  ผิดกับฐาที่ต้องใช้ชีวิตกับสังคมอีกแบบหนึ่ง"

"พี่พนเลิกปิดตัวเองเถอะคะฐารู้ว่าพี่เป็นคนแบบไหนซ่อนอะไรอยู่ แต่พี่ไม่แสดงออกให้คนนอกครอบครัวพี่เห็น  กำแพงที่ก่อไว้นะถ้าใครเค้าไม่อดทนพอเค้าก็จะไม่สนใจพี่นพอีกต่อไปนะคะ"

"อืมนั่นสินะ งั้นฐารับพี่ได้นะ  วันวาเลนไทน์พี่ก็อาจไม่หวาน  วันเกิดฐาพี่อาจทำเฉยๆ ช่อดอกไม้สักช่ออาจไม่เคยได้พี่เอาใจคนไม่เป็นด้วย"

"พี่นพอย่ากวนสิคะ เราพูดกันตรงๆพูดกันดีๆเถอะคะพี่"

"มีเพาเวอร์แบงค์ติดมาหรือเปล่า"

นพถามเธอโดยยังไม่ตอบคำถาม ฐาค้อนให้ก่อนจะหันไปหยิบของที่ชายหนุ่มต้องการพร้อมสายชาร์ท ซึ่งทั้งคู่ใช้โทรศัพท์แบบเดียวกัน  นพรับมาก่อนจะเปิดเครื่องซึ่งใช้เวลาพอสมควร ก่อนจะส่งโทรศัพท์ของตนให้หญิงสาวแล้วบอกว่า 

"คำตอบอยู่ตรงหน้าจอพี่นะฐา"

หญิงสาวรับโทรศัพท์ของนพมาดู ก่อนที่หน้าเธอจะเริ่มแดงแล้วบ่นอุบอิบก่อนจะส่งโทรศัพท์คืนให้นพ

"เอารูปเค้ามาเป็นหน้าจอ ไม่เห็นขอก่อนเลย"

"พี่ให้คำตอบแล้วนะ  ไปหาอะไรกินกัน"

"แล้วพี่ไม่ถามฐาก่อนหรือคะ"

"จะถามทำไมละ  ฐาอุตส่าห์ขับรถมาขนาดนี้แล้ว  เป็นใครจะไม่ดีใจพี่ดีใจตั้งแต่ตูนโทรบอกแล้วว่าฐาขับรถมาหาพี่ที่นี่"

หญิงสาวก้มหน้าก่อนบอกไปว่า

"ไม่รู้จะโดนใบสั่งหรือเปล่า บางช่วงก็เหยียบเกือบ 200 "

"กลัวอะไรถ้าโดน พี่ให้พ่อเคลียร์ให้"

"แหมไหนบอกว่าไม่ชอบใช้บารมีพ่อไงคะ"

"นานๆใช้ทีไม่เป็นไรหรอก ไปหาอะไรกินแล้วพักสักหน่อยขากลับพี่ขับให้ ฐาจะได้หลับ แต่รถสปอร์ตนี่ขับยากหรือเปล่าไม่รู้สิ  แต่ดีนะที่ยังไม่ไปจองตั๋วรถกลับบ้าน"

"แหมพี่นพก็"


"แต่ฐาครับพี่บอกไว้ก่อนบางเรื่องในสังคมของฐาพี่อาจไม่เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย บางครั้งพี่อาจจะแค่ขอเป็นคนไปรับไปส่งฐาเท่านั้น  ส่วนเรื่องที่เราจะคบกันก็แล้วแต่ฐานะว่าจะทำยังไง  แต่พี่ก็เป็นของพี่อยู่แล้ว"


"คะพี่  ฐาเข้าใจเอาเป็นว่าฐาคงไม่เปิดเผยจนกว่าพี่นพจะพร้อม  แต่บางครั้งบางงานพี่นพก็คงไม่ปล่อยให้ฐาไปคนเดียวนะคะ  แต่ฐาขออะไรพี่ 2 อย่างนะคะพี่"

"อะไรครับ"


"เรื่องแรก พี่นพมีอะไรถ้ามันเกี่ยวกับเราขอให้บอกฐา อย่าเก็บไว้คนเดียว อีกเรื่องถ้าพี่รับปากหรือให้สัญญากับฐาแล้วฐาขอให้พี่ทำตาม  อย่าผิดคำพูดนะคะ"

"ได้สิครับ"

"ขอบคุณคะพี่นพ"

"งั้นไปกันเหอะพี่หิวแล้วหรือฐาไม่หิว"

"แล้วถ้าวันนี้ ฐาไม่มาหาพี่ละคะ พี่นพจะทำยังไง"

นพยิ้มออกมาก่อนตอบหญิงสาวที่ยืนตรงหน้าว่า

"ตั้งแต่พี่มาถึงนี่ที่ พี่คิดทบทวนหลายๆเรื่อง แล้วพี่ตั้งใจว่า พี่ไปถึงเยอรมันก่อนแล้วพี่จะโทรมาคุยกับฐาว่าฐาจะคบกับพี่หรือเปล่า  ถ้าฐาตอบว่าไม่  พี่ก็ใช้เวลาที่เหลือในเยอรมันในการเยียวยาจิตใจของพี่  ถ้าฐาตอบว่ายอมที่จะคบกับพี่ เท่ากับว่าพี่จะอบรมที่เยอรมันด้วยความสุขของหัวใจ"

ทำเอาหญิงสาวยิ้มออกมาอีกครั้งก่อนถามไปว่า

"อีกเรื่องคะ  ไปเยอรมันคราวนี้  ติดต่อฐาบ้างนะคะ  ไม่ใช่เงียบหายไปเลยไม่ต้องโทรหรือวีดีโอคอลก็ได้คะ จะส่งข้อความทางเฟซหรือไลน์ได้ทั้งนั้นนะคะพี่"

"ได้ครับ"

"ขอบคุณอีกครั้งคะพี่นพ งั้นไปรถฐาก็ได้คะพี่"

"ให้รถพักเหอะ  ไหนๆมาถึงเมืองเงียบๆแล้ว  ซ้อนจักรยานพี่ไปดีกว่า  กินเสร็จแล้วพี่จะได้พาฐาไปถ่ายรูปริมโขงพี่มาที่นี่ตระเวนถ่ายรูปไปหลายที่แล้วแต่ขาดนางแบบ"


"ฐาโทรมแบบนี้นะหรือคะพี่"


"ก็ไม่เห็นเป็นไร  ฐาเคยบอกพี่เองไม่ใช่หรือว่าอยากให้พี่ถ่ายให้  ส่วนถ้าถ่ายให้แล้วฐาจะเอาไปโพสหรือเปล่าก็ตามใจฐาไปครับ"

หญิงสาวย่นหน้าให้พร้อมรอยยิ้ม  ส่วนนพสวมแว่นตากันแดดแล้วขึ้นไปนั่งบนจักรยานหญิงสาวไปนั่งซ้อนท้ายโดยนั่งตะแคงข้างก่อนที่นพจะขี่จักรยานไป  เธอหยิบเอาโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วยกขึ้นมาถ่ายภาพตัวเองที่กำลังยิ้มให้โดยติดที่แผ่นหลังของของนพ ก่อนจะโพสใน IG พร้อมข้อความที่ว่า

"เชื่อในพรหมลิขิตไหมคะที่ผ่านมาฐาเชื่อตลอด  แต่บางครั้งถ้าเรารอแต่พรหมลิขิตมันอาจจะเนิ่นนานไปจนอาจทำให้บางอย่างหลุดลอย  แต่ถ้าเราเป็นคนลิขิตเองเราอาจจะได้บางสิ่งที่ดีสิ่งที่หัวใจเรารอคอย โดยไม่ต้องรอนานหรือปล่อยให้หลุดมือ  อนาคตเป็นอย่างไรเราไม่มีวันรู้แต่เราจะทำให้ดีที่สุดกับสิ่งที่ดีที่เราได้ค้นหาจนเจอ เพราะเราไม่ได้บังเอิญเจอกันหรอก  เรามีวาสนาร่วมกันเลยมาเจอกัน"


ตูนที่นั่งดู IG ของเพื่อนอยู่กับพี่สะใภ้  ที่บังเอิญต้นพาภรรยามาค้างที่บ้านตั้งแต่เมื่อคืน  ทั้งคู่ต่างมองหน้ากันแล้วยิ้มพร้อมๆกันที่เห็นภาพนี้ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินออกหาผู้เป็นแม่ ที่กำลังป้อนขนมให้บอมกับบูมอยู่บนสนามหน้าบ้าน

"แม่ขาดูอะไรนี่สิ"

ผู้เป็นแม่หันมามองก่อนจะหยิบแว่นจากกระเป๋าเสื้อแล้วหันไปบอก ฮักกี้ทั้งสอง

"ทาโร่หมดแล้วลูก ไปลูกไปหาพ่อกับพี่ก่อนไป"

เมื่อเห็นบอมกับบูมยังยืนเอียงคอมองผู้เป็นแม่จึงเรียกไปทางสามีว่า

"คุณคะเรียกบอมกับบูมไปทีคะ ลูกมีเรื่องจะคุยกับชั้น"

ผู้เป็นพ่อผิวปากเรียกฮักกี้ทันทีทั้งคู่เห่ารับก่อนที่จะวิ่งไปหาพ่อกับต้นที่เดินดูต้นไม้อยู่ริมรั้วแล้วเธอรับโทรศัพท์จากลูกสาวพร้อมดูภาพในโทรศัพท์ก่อนอ่านข้อความแล้วเงยหน้ามามองลูกสาวกับลูกสะใภ้ด้วยสีหน้าที่ปกติก่อนบอกว่า

"ภาพนี้ก็ฐาน่ารักดีนี่ แล้วเขียนดีซะด้วย"

ทำเอาทั้งคู่แปลกใจก่อนที่ตูนจะถามผู้เป็นแม่ว่า

"ดูแม่ไม่แปลกใจเลย"

"ทำไมต้องแปลกใจ  ฐานั่งซ้อนท้ายจักรยานที่คุณนพเป็นคนขี่ เห็นเสื้อแม่ก็รู้แล้วเสื้อคุณนพตัวนี้แม่ซื้อให้เอง"

"แล้วทำไมดูเหมือนคุณแม่จะรู้อะไรมาบ้างแล้ว"

คราวนี้ใจเป็นคนถามแต่แม่สามีอมยิ้มเล็กน้อยก่อนตอบไปยังลูกสาวและลูกสะใภ้ว่า

"ก็ไม่รู้อะไรหรอก  เพียงแต่ว่าวันสองวันนี้แม่แอบเอาดวงของทั้งคู่ไปให้พระอาจารย์ที่แม่นับถือ 2 รูปให้ช่วยดู ท่านก็ดูออกมาตรงกันบอกว่า คุณนพกับฐานะเป็นเนื้อคู่กัน  แต่อยู่ที่ว่าทั้งคู่จะมาเป็นแฟนกันหรือเปล่า ถ้าเค้าไม่สนใจก็ต่างคนต่างไป  เพราะคุณนพยังมีอีกคนรออยู่ แต่ถ้าทั้งคู่คิดจะคบกันก็เป็นคู่แท้เลยละ  ดวงสมพงษ์กันมาก"

ตูนถึงกับ งงที่ผู้เป็นแมบอกมาแบบนี้ก่อนถามไปว่า


"แม่ทำแบบนี้เลยหรือคะแล้วแม่รู้วันเกิดฐาได้ยังไงคะ"

"แหมก็ google สิจ๊ะ แล้วแม่ก็ไม่รู้จะไปพึ่งใครแล้วนี่ จะไปยุ่งก็ไม่ได้ก็ต้องหาที่พึ่งแบบนี้  พอรู้เข้าก็คลายความกังวลไปได้เยอะแต่อย่าไปบอกคุณนพเรื่องนี้นะ  เดี๋ยวงอนแม่อีก"

ลูกสะใภ้กับลูกสาวมองหน้ากันแล้วหัวเราะกับสิ่งที่มารดาเล่าให้ฟัง โดยที่ทั้งคู่ไม่ทันสังเกตเห็นผู้เป็นแม่มองขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับความคิดที่ส่งไปถึงเพื่อนที่ล่วงลับไปว่า

"เธอคงรู้แล้วสินะว่าลูกของเราจะมีแฟนแล้ว ส่วนที่เหลือก็เป็นเรื่องของเค้าทั้งสองคน  แต่ยังไงเธอก็เอาใจช่วยเหมือนชั้นนะ ลูกเราจะได้มีความสุข"


****จากผู้เขียน****

จบแบบ Happy นะครับตามคำขู่เอ๊ยคำขอ แต่สารภาพว่าเปลี่ยนตอนจบครับเลยทำให้รอกันนานครับ คือตอนแรกเขียนไว้แบบนี้ครับ

-วันที่นพกลับาจากสุราษฎร์จะมากรุงเทพ ตูนโทรไปบอกนพว่าฐานั่งเครื่องบินไปหา นพไปรับที่สนามบิน ทั้งคู่ก็พูดคุยกันจนตกลงจะเริ่มคบกันเป็นแฟน และฐานั่งรถกลับกรุงเทพฯพร้อมนพ  พร้อมโพสภาพตัวเลงลง IG และคำบรรยายแบบเดียวกัน  แต่ถ้าจบแบบนี้ทำร้ายจิตใจหมอแววมากไป คืออีกคนพึ่งน้ำตาตกในแต่อีกคู่กำลังมีตวามสุขเลยเปลี่ยนเป็นอีกแบบ

-อีกแบบคือ นพไปเที่ยวสมุยก่อนกลับ กรุงเทพฯแล้วฐานั่งเครื่องไปหา ทุกอย่างก็คล้ายๆกัน แต่มันดูทื่อๆไปหน่อยและอยู่ใกล้หมอแววด้วย

เลยเปลี่ยนเป็นแบบที่ 3 ดูโรแมนติกขึ้นนิดนึงและอยู่ห่างจากหมอแววด้วย


ขอบคุณที่ติดตามและขอบคุณทุกกำลังใจนะครับ

Twin Tower

kaithai

ถ้าเรารอแต่พรหมลิขิตมันอาจจะเนิ่นนานไปจนอาจทำให้บางอย่างหลุดลอย  แต่ถ้าเราเป็นคนลิขิตเองเราอาจจะได้บางสิ่งที่ดีสิ่งที่หัวใจเรารอคอย โดยไม่ต้องรอนานหรือปล่อยให้หลุดมือ

เพื่อนๆคิดเหมือนกันไหม

เพราะเราไม่ได้บังเอิญเจอกันหรอก  เรามีวาสนาร่วมกันเลยมาเจอกัน
เจอเรื่องดีๆ จากนักเขียนที่ยอดเยี่ยม ขอบคุณมากครับ คุณ twintower




................................................

ใครจะอ่านผลงานทุกตอนในห้องนี้ ถ้าทำตามกติกา-เงื่อนไขนี้ไม่ได้ แล้วรีพลายมักง่ายผ่านไปที หรือ รีพลาย ขอบคุณครับ,ขอบคุณ,
ขอบคุณค่ะ,ติดตามครับ,สนุกมากครับ,ติดตามต่อ.
อะไรประมาณนี้ จะแบนเลยนะ ขอบคุณมากๆครับ ก็ไม่ต้อง thank,
thank you,thx
ขี้หมาหลายแหล เหล่านี้ก็อย่าให้เห็น จัดรูดแบนไปยาวๆถ้าเจอ นี่เป็นข้อตกลงไว่ก่อนอ่านระหว่างเจ้าของงาน กับสมาชิก ::Angry::
ถ้า รีพลายผิดเงื่อนไขมาหรือ โชว์พาล์วอยู่มานาน โชว์เก๋า โชว์สด โชว์เกรียน ทำมึนลองมาจะแบนเลย เพื่อสมาชิกอีกส่วนที่พร้อมทำตามกติกา
::Cheeky:: เพราะไม่เช่นนั้น รีพลายคุณอาจทำให้ สมาชิกที่ปฏิบัติตามพลอยอดอ่านไปด้วย ฉะนั้นไม่แน่ใจ อย่าพิมพ์เอามักง่ายมั่วๆ..
ถ้าคิดว่า กฏนี้มันยากก็ไปหาที่อื่นเสพนะ อย่าเข้ามาใช้มาอ่านงานที่ห้องนี้ อ๋อ ใครโดน pm เตือนถ้ายังมึนจะแบนจาก 6 เดือนเป็น 1 ปี. .


กฎที่วางนี่ไม่ได้เขียนเอา ฮา เนอะ แบนจริงใครอยู่นานแล้วคงรู้จัก แว่น ดี..คิดว่า ฉัน
แบนจริงหรือเตือนเอาสนุกเล่นๆ..อย่าๆลอง เดี๋ยวจะเสียความรู้สึกด้วยรีพลายคุณเอง
ทำตามเงื่อนไข ยากอะไร หรือ จะโชว์เกรียน..เตือน,ขอร้อง,ขอความร่วมมือ
แล้วเมื่อไม่รักษาสิทธิ์-ประโยชน์คุณเอง ก็แบนไปใช้เวปอื่น.
.


................................................................................................................

godspeed116

จบแบบฟีลกู้ดมากๆเลยครับ
ประโยคนี้กินใจสุดๆครับ

บางครั้งถ้าเรารอแต่พรหมลิขิตมันอาจจะเนิ่นนานไปจนอาจทำให้บางอย่างหลุดลอย  แต่ถ้าเราเป็นคนลิขิตเองเราอาจจะได้บางสิ่งที่ดีสิ่งที่หัวใจเรารอคอย โดยไม่ต้องรอนานหรือปล่อยให้หลุดมือ  อนาคตเป็นอย่างไรเราไม่มีวันรู้แต่เราจะทำให้ดีที่สุดกับสิ่งที่ดีที่เราได้ค้นหาจนเจอ เพราะเราไม่ได้บังเอิญเจอกันหรอก  เรามีวาสนาร่วมกันเลยมาเจอกัน"

ขอบคุณคุณ ตึกคู่ มากๆเลยครับสำหรับอีกหนึ่งเรื่องดีๆ
ขอบคุณครับ  ::Thankyou::

peat

ลุ้นจนเหนื่อยเลย..
แต่สุดท้ายก็จบกันแบบhappyอย่างที่แอบหวังไว้..
แต่แหม..
ตัดจบเลย..
ยังไม่มีบทเลิฟซีนของพระเอก-นางเอกเลย..
(มีตอนพิเศษอีกซักตอนนะท่าน..)

navy868

กว่าจะลงเอยกันได้ด้วยดี ลุ้นกันเหนื่อยเลย พระเอกเราก็ทื่อจังเลย ::Doubt::

tacklove

"เพราะมีวาสนาจึงได้พานพบ  เพราะไร้วาสนาจึงได้ลาจาก" น่าสงสารเจ้าของความคิดนี้จังเนาะ อุตส่าห์ทุ่มเท รอคอยอย่างใจเย็น สุดท้ายแล้วไม่ใช่เธอ แต่ก็ยังดีที่เป็นการจากด้วยความเข้าใจในฐานะเพื่อน ดีกว่าการจากลาเพราะทิฏฐิและความดื้อรั้น จะเอาแต่ได้ฝ่ายเดียว

elviswhat

ฟินไปเลยครับ สมหวังทั้งนพกับฐาตอนแรกคิดว่าจะลงเอยกับหมอแวว ซะแล้ว

naitoom

โอ้ว...ในที่สุด Happy Ending
เชียร์ ฐา มาตั้งแต่ต้น ยังคิดอยู่เลยว่า ไม่พูดแล้วจะได้เหรอ ต่างคนต่างเงียบ
นึกว่า นพ จะได้กับหมอซะแล้ว แต่เพราะบุพเพสันนิวาส ทำให้มาจบเอาที่ฐา

tanavong

อิ่มใจ หลับสบายะครับคืนนี้ ไม่อ่านเรื่องอื่นต่อละเดี๋ยวจะเสียฟีล
ชอบจบแบบตอนนี้ละครับ
เสียดายว่านพกับฐา คุยกันน้อยไปหน่อย ที่ลงเอยกันได้เพราะบุพเพ แท้ๆเลย
สงสารแต่ก็หมอแวว แต่เธอก็เข้มแข็งดี คงเป็นคู่กันชาติหน้าละเนอะ ชาตินี้ลงล๊อคที่ฐาไป
ขอบคุณที่แต่งเรื่องดีๆถ้อยคำสละสลวยให้ได้อ่านกันครับ

tetete

จะมัวแต่รอคงไม่มีอะไรดีขึ้น อยากได้อะไรก็ต้องลุยให้เต็มที่สมหวังหรือผิดหวังค่อยว่ากัน ยินดีกับนพและฐาด้วย

biochem

สบายใจละครับ จบแบบนี้ บางครั้งคนรักของเราอาจจะเป็นใครก็ไม่รู้ที่ผ่านเข้ามาแค่แวบเดียว แต่เราลืมเค้าไม่ได้อีกเลยตลอดชีวิต


ปล. คิดถึงเชียงคานนะ หลังๆ บรรยากาศย่ำแย่ไปนิดนึง คนเยอะจนน่าเบื่อ ขนาดไม่ใช่ฤดูท่องเที่ยว

azerothx

   "ถ้าเรารอแต่พรหมลิขิตมันอาจจะเนิ่นนานไปจนอาจทำให้บางอย่างหลุดลอย  แต่ถ้าเราเป็นคนลิขิตเองเราอาจจะได้บางสิ่งที่ดีสิ่งที่หัวใจเรารอคอย โดยไม่ต้องรอนานหรือปล่อยให้หลุดมือ" ชอบประโยคนี้มาก เพราะบางคนเอาแต่รอโดยไม่ทำอะไรเลย ทำให้พลาดโอกาศดีๆ ไป

premz

 เรื่องนี้ทำให้เห็นว่าคนเรากว่าจะรักกันได้มันไม่ง่ายเลย มีคนสมหวังก็ย่อมมีคนผิดหวัง ตอนจบก็ซึ่งดีครับ สำนวนดีมาก หวังว่าจะเขียนงานดีให้ได้อ่านกันอีกนะครับ ขอบคุณครับ

somc217

เรื่องนี้เนื้อหาอ่านแล้ว สนุกได้อารมณ์ อ่านแล้วเพลินดี
ชอบครับ
ขอบคุณมาก

dikky

ในที่าดก็จบแบบที่ นายนพมีความสุขสมหวังกับฐาแฟนสาว ขอบคุณครับ