ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

PHANTOM มฤตยูลวงร่าง | ตอนที่ 1 'ห้ามไว้ใจใคร' (Discontinued)

เริ่มโดย declangombley, ตุลาคม 07, 2020, 07:12:03 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

declangombley

PHANTOM | มฤตยูลวงร่าง

ตอนที่ 1 'ห้ามไว้ใจใคร'

Genre: Action, Sci-fi, Romance



   ...ปี ค.ศ. 2340 เทคโนโลยีได้วิวัฒล้ำหน้าไปไกลเกินกว่าที่มนุษย์เคยฝันถึง การเดินทางข้ามอวกาศกลายเป็นเพียงเหมือนตั๋วเครื่องบินโลว์คอส ตั้งแต่พวกเราค้นพบความลับในทฤษฏีสัมพันธภาพพิเศษ วิทยาการย้อนแรงโน้มถ่วง สสารขั้วลบ และ การสังเคราะห์พลังงานสสารมืด ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีส่งผลให้มนุษย์มีการเคลื่อนย้ายประชากรส่วนเกินจากดาวโลก ตั้งอาณานิคมบนดวงจันทร์และบนดวงดาวใกล้เคียงได้ด้วยความร่วมมือจากรัฐบาลโลก และ บริษัทเอกชนเจ้าของสิทธิบัตรเทคโนโลยีล้ำยุคเพียงหนึ่งเดียว 'เซอร์เจน คอร์ป (Surgen Corp)'  ทว่าเมื่อวันที่ 3 สิงหา ค.ศ. 2350 อาณานิคมไฮเทคบนดวงจันทร์ 'ลูน่า วัน (Lunar One)' กลับขาดการติดต่อดาวโลกไปเป็นเวลานานกว่าสองอาทิตย์โดยไม่ทราบสาเหตุ มีเพียงสัญญาณขอความช่วยเหลือ (SOS) จากระบบสื่อสารนำร่องความเร็วแสงบนฐานปฏิบัติการท่าอากาศยานอวกาศ ที่ส่งมาเมื่อสองวันก่อน... โดยมีข้อความแนบมาในไฟล์สัญญาณว่า

"ระเบิดมันทิ้งซะ !!"

ทางรัฐบาลโลกและเซอร์เจน คอร์ป เล็งเห็นถึงความผิดปกติ จึงได้ปรึกษาหารือกันถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น พวกเขาตัดสินใจรวบรวมบุคลากรระดับชั้นแนวหน้าจากภาคเอกชนและภาครัฐบาล เพื่อร่วมมือกันช่วยเหลือพลเรือน สำรวจสิ่งที่เกิดขึ้นบนดวงจันทร์ และทำการรีบูทระบบปฏิบัติการอาณานิคมให้กลับมาติดต่อดาวโลกได้ดังเดิม พวกเขาจะเดินทางพร้อมหน่วยปฏิบัติการพิเศษ ด้วย 'ยาน เอสเอส เรนจ์ (SS Range)'  วันที่ 5 สิงหา ค.ศ. 2350 ยานอวกาศ SS Range ได้เริ่มภารกิจกู้ภัย ออกเดินทางจากท่าอากาศยานเซอร์เจน คอร์ป มุ่งหน้าสู่อาณานิคมบนดวงจันทร์ พวกเขารวบรวมทีมผู้เชี่ยวชาญในหลากหลายแขนงเพื่อปฏิบัติงานร่วมกันจากภาครัฐและเอกชน ประกอบด้วยทีมวิศวกร นักวิทยาศาสตร์ แพทย์ และ นาวิกโกธินอวกาศ สังกัดหน่วยงานความมั่นคงโลก โชคดีที่ เอสเอส เรนจ์ เป็นยานหน่วยพิเศษที่มีขนาดกระทัดรัด นอกจากจะเดินทางได้อย่างสะดวกรวดเร็วแล้ว ยังเอื้อให้ลูกเรือได้มีเวลาทำความรู้จักกันพอหอมปากหอมคอ ท่ามกลางสถานการณ์เร่งด่วนกระชั้นชิดขนาดนี้...

"โปรดทราบ อีก 5 นาทีใกล้จะถึงท่าอากาศยานบน ลูน่า วัน กรุณาสำรวจทรัพย์สินมีค่าของท่าน และ..."

"เฮ้ กัปตันโช! นายเป็นนาวิกอวกาศนะ ไม่ใช่สจ๊วต แล้วอีกอย่าง นี่มันงานช้างระดับบิ๊ก แต่พวกเขาดันส่งพวกเรามาแค่ไม่กี่สิบคน"

"เอาน่า ก็ไม่อยากให้เครียดกัน ต้องมีมุขบ้างสิ หลวมๆเอาไว้ อย่าเครียด อย่า...โว้วๆๆ นั่นอะไรน่ะ !?"

ขณะกำลังเทียบท่าจอดยานบนดวงดาวสีขาวสะอาดตาสวยงามในเบื้องหน้า โชซึ่งกำลังเถียงกับแอนดี้ผู้ช่วยนักบินภายในยาน SS Range อยู่นั้น เกิดสังเกตเห็นลำแสงสีฟ้าประหลาดกระจายตัวออกมาจากบริเวณลานจอดเป็นจังหวะ พร้อมเสียงสัญญาณเตือนคลื่นอนุภาคแม่เหล็กไฟฟ้าพลันดังขึ้นทั่วยาน !

"ฉิบหาย !! คลื่นอีเอ็มพี!! (Electromagnetic Pulse: EMP) ทุกคนสวมชุดนิรภัย !! เรากำลังเสียออกซิเจน"

สัญญาณสีแดงแจ้งเตือนลูกเรือทางด้านห้องผู้โดยสาร พร้อมกับแรงกระตุกจากเครื่องยนต์ขับเคลื่อนที่จู่ๆแน่นิ่งดับสนิทไปพร้อมกับระบบคอมพิวเตอร์ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าประหลาดเมื่อสักครู่ เข้าทำลายระบบอิเล็กทรอนิกส์ทั้งหมดภายในตัวยานจนเป็นอัมพาต ทั้งไฟฟ้า ระบบนำร่องหยุดทำงาน รวมถึงระบบสตรีมควบคุมแรงโน้มถ่วงภายในยาน และ ระบบออกซิเจน!! ลูกเรือกว่าสิบชีวิตในตัวยาน ลอยตัวขึ้นเหนือพื้น กระเสือกกระสนออกแรงผลักกายพาร่างตนเข้าระบบสวมชุดนิรภัยอัตโนมัติในห้องควบคุมการบิน ภาพที่พวกเขาเห็นผ่านกระจกหน้าต่าง คือ พื้นผิวลานจอดบนดวงจันทร์กระชั้นชิดเข้ามาในทุกวินาที "ระบบต้านแรงเฉื่อยใช้ไม่ได้ !!" โชพยายามเคลื่อนคันโยกไปทางด้านหน้า ด้านหลังไปมาอย่างแรงราวกับจะหักมันออกจากแผงควบคุม ไม่มีการตอบสนองจากเครื่องยนต์อีกต่อไป ลูกเรือต่างหาที่มั่นเกาะแน่น หลับตานับถอยหลัง 5...4...3...2....

ลำตัวยานสูญเสียการควบคุมพุ่งเข้าลงกระแทกเข้ากับพื้นผิวลานจอดเข้าอย่างแรง จนลูกเรือบางส่วนที่เกาะเอาไว้ไม่แน่นพอ หลุดลอยจากที่มั่น กระแทกเข้ากับผนังยาน โชคดีที่อยู่ภายใต้สภาวะไร้แรงโน้มถ่วง อีกทั้งยังสวมชุดนิรภัย จึงไม่ได้รับบาดเจ็บใดๆจากแรงปะทะ...

ชายหนุ่มฟื้นขึ้นมาอีกครั้งพร้อมอาการงัวเงีย ระบบหน้าจอบนชุดนิรภัยแจ้งเตือนระดับออกซิเจนลดต่ำลงเหลือเพียงสิบเปอร์เซ็นต์เขามองไปรอบๆภายในห้องควบคุม ลูกเรือสิบคนที่เหลือรวมทั้งกัปตันยาน นอนแน่นิ่งไม่ได้สติอยู่บนพื้นยานจากแรงปะทะเมื่อสักครู่ เสียงแสงสัญญาณไฟสีแดงบนชุดนิรภัยสว่างวาบบนตัวลูกเรือ นั่นหมายถึงพวกเขาใกล้ขาดออกซิเจนเต็มที

"บ้าฉิบ !!"

เขาสังเกตว่าทุกคนไม่ได้ลอยตัวอยู่กลางอากาศ นั่นเพราะระบบสตรีมแรงโน้มถ่วงยังคงทำงานได้ปกติในท่าอากาศยานดวงจันทร์ และหากระบบสตรีมทำงาน ระบบสังเคราะห์ออกซิเจนภายในอาณานิคมย่อมต้องอยู่ในสภาวะสมบูรณ์เช่นเดียวกัน "โอเค...โอเค เปิดประตูนิรภัย สับคันโยกปิดประตูทางเข้าท่าจอด" ร่างสูงจัดระบบความคิดในสมองอย่างรวดเร็ว ท่ามกลางเสียงเตือนภัยออกซิเจน

ธีร์มุ่งหน้าไปที่ประตูนิรภัย ซึ่งล็อคสองชั้นเพื่อป้องกันรังสีในอวกาศ เขาสับสวิตช์คันโยกฉุกเฉิน บายพาร์สเปิดประตูนิรภัยด้วยมือเปล่า เมื่อออกไปข้างนอกยานได้แล้ว ประตูทางเข้าออกใหญ่ยังคงเปิดอ้าซ่าอยู่ในลานจอด ระบบสตรีมแรงโน้มถ่วงจึงทำงานได้ไม่เต็มที่ เขาเป็นวิศวกรที่ฉลาดพอจะใช้ประโยชน์จากภาวะสุญญากาศ กระโดดรวดเดียวขึ้นไปถึงหอบังคับการบิน สั่งโอเวอร์ไรด์ประตูเข้าออกใหญ่ทันที
เมื่อทุกอย่างกลับเข้าสู่การควบคุมได้อีกครั้ง พื้นที่ในลานจอดรวมถึงบริเวณศูนย์ท่าอากาศยานอวกาศ จึงไม่เป็นอันตรายอีกต่อไป ชายหนุ่มเปิดทางเข้าออกหลักของตัวยาน ให้ออกซิเจนลำเลียงขึ้นไป ลูกเรือทั้งหมดจึงรอดชีวิตอย่างหวุดหวิด...

"ธีร์ !! นึกแล้วว่าเชียว หนนี้ฉันติดค้างนายอีกแล้วนะ"


หญิงสาวในชุดนิรภัยสีดำโผเข้ากอดวิศวกรหนุ่มทันทีที่ฟื้นคืนสติจากภาวะขาดออกซิเจน ธีร์ทักทายตามประสาเพื่อนร่วมงานตามปกติ พิมพ์ถอดหมวกนิรภัยออก เผยใบหน้าคม ผมยาวน้ำตาลเข้มสลวยตัดกับเส้นผมสีดำแซมทองของชายหนุ่มร่างสูงในเบื้องหน้า เธอกล่าวขอบคุณเขาอีกครั้ง ก่อนจะทำหน้าที่แพทย์ประจำยาน เข้าช่วยเหลือดูแลลูกเรือรายอื่นๆ ซึ่งมีทั้ง นักวิทยาศาสตร์ วิศวกร และ นาวิกโยธินอวกาศ...

"โชคดีไม่มีชิ้นส่วนยานเสียหาย...แต่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ในยานเจ๊งบ๊งหมด" โช เอ่ยขึ้นขณะยืนวิเคราะห์สภาพยานทางด้านนอก

"นายคิดว่าใครเป็นคนยิงอีเอ็มพีใส่เรา ?" ธีร์ ถาม พลางหันไปมองดูลูกเรือคนอื่นๆขนของลงจากยาน

"ไม่รู้สิ แปลกมาก มันไม่ควรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ ไม่มีเหตุผลเลยจริงๆ อาจจะเป็นความผิดพลาดของระบบรักษาความปลอดภัยก็ได้"  โชยืนเท้าสะเอว กุมขมับ ก่อนจะพาธีร์เดินกลับเข้าไปในตัวยานอีกครั้ง เพื่อหาหนทางซ่อมระบบขับเคลื่อนให้กลับมาทำงานตามปกติ

"หรือไม่ก็คงเป็นเรื่องลึกลับ...อย่างว่าล่ะ ก็อาณานิคมนี้ดันสร้างขึ้นบนด้านมืดของดวงจันทร์"

ในฐานะหัวหน้าวิศวกรของเซอร์เจน ธีร์จึงต้องเข้าไปในห้องเครื่องยนต์ สำรวจความเสียหายของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เขาพบว่าฮาร์ดแวร์ส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในสภาพใช้งานได้ปกติ เพียงแต่ส่วนที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดเห็นจะเป็น 'เทอร์โมคอร์ (Thermo Core)' แกนกลางของขุมพลังงานปฏิสสารที่เสียอนุภาคไปบางส่วน ต้องทำการรีชาร์จประจุเข้าไปใหม่... 

"เป็นที่เทอร์โมคอร์ จริงๆด้วย งั้นจะเก็บเอาไว้ที่ตัวก่อนละกัน คงต้องหาทางเข้าไปในเมือง เอาไปชาร์จ เท่านั้นก็จบ" ธีร์ อธิบายให้โชฟัง ขณะดึงวัตถุทรงกลมขนาดเล็กเรืองแสงสีฟ้าออกมาจากเครื่องกลขนาดใหญ่

"พวกคุณจะทำอะไรน่ะ !! เฮ้ !! ตอบฉันมาสิ !!"

จู่ๆเสียงพิมพ์ก็ดังขึ้นมาจากนอกตัวยาน ธีร์และโช จึงรีบวิ่งออกมาดูสถานการณ์ ขณะลูกเรือแต่ละคนกำลังถูกหุ่นยนต์ตำรวจกว่าสามสิบตัวเข้าจับกุม ขณะ พิมพ์ยืนเถียงกับนางพยาบาลชุดสีขาวอย่างหงุดหงิด

"พวกเราไม่มีใครปนเปื้อนรังสี !! ฉันเช็คแล้ว นี่มันอะไรกัน ทำไมต้องเอาตำรวจมาลาก ถ้าแค่ปนเปื้อนรังสี !?"

"ใจเย็นๆสิคะ เป็นขั้นตอนของทางเราค่ะ" นางพยาบาลคนนั้นยิ้มบางๆ เอียงคอเล็กน้อยดูน่ารักแต่สำหรับพิมพ์ มันคือการกวนประสาท

"นี่คุณ ฉันเป็นหมอนะ ฉันเป็นคนของเซอร์เจน ทำไมฉันไม่เคยรู้ว่าขั้นตอนแบบนี้ บ้ากันไปใหญ่แล้ว !!"

"..." นางพยาบาลคนนั้นเงียบไป เธอไม่ตอบอะไร ได้แต่ยืนยิ้มเหมือนตุ๊กตา คุณหมอพิมพ์จึงยิ่งโกรธมากเข้าไปอีก

"จับตัวเธอไปด้วย..."

นางพยาบาลยืนยิ้มแล้วชี้ไปที่พิมพ์ หุ่นยนต์ตำรวจสองถึงสามตัว ปรี่เข้ามาจับกุมตัวเธอในทันที หญิงสาวหน้าซีดเผือก พยายามขัดขืนการจับกุมสุดแรงเกิดแต่ก็ไม่เป็นผล โชและธีร์ที่เพิ่งลงมาจากยานนั้นเห็นเหตุการณ์ประหลาดเข้ากับตา ธีร์เกิดผลีผลามจะเข้าไปช่วย แต่ด้วยประสบการณ์การเป็นนาวิกโยธินอวกาศ โชผลักธีร์ให้กลับเข้าไปซ่อนตัวริมผนังยาน บอกว่าตอนนี้ทุกอย่างผิดปกติอย่างแรง และมีเพียงพวกเขาสองคนเท่านั้นที่ยังรอดอยู่ตรงนี้ ขณะลูกเรือคนอื่นๆถูกจับกุมตัว เข้าไปทางด้านในศูนย์อากาศยาน

"เราต้องไปเอาปืนพลาสม่า จากห้องสัมภาระ มีแต่พวกเราเท่านั้นที่ไปช่วยพวกเขาได้..."

สิ้นเสียงร้องของพิมพ์ ประตูทางเข้าส่วนด้านในของศูนย์การบินปิดลง ธีร์และโชต่างสงบสติอารมณ์และความสับสนเอาไว้ข้างใน พวกเขาจำต้องถอดชุดนิรภัยออกเพื่อการเคลื่อนไหวที่สะดวก เหลือแต่เพียงเสื้อยืดแขนยาวสีดำและกางเกงสีเทาเข้ม พร้อมด้วยปืนเลเซอร์พลาสม่า ชนิดถ้ายิงโดนสิ่งมีชีวิตจะส่งผลให้สลบ แต่ถ้าหากยิงโดนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์จะให้ผลลัพท์เหมือนอีเอ็มพี...

"ผู้ชายเจ็ด ผู้หญิงหนึ่ง แยกตัวเธอไปทางปีกตะวันออก..."

"เธอจะทำบ้าอะไรพวกเรากันแน่ !?"

ขณะที่ธีร์และโชกำลังหาหนทางกลับเข้ามาช่วยลูกเรืออยู่นั้น นางพยาบาลหน้ายิ้มจัดแจงข้อมูลของพวกเขาบนหน้าจอแทปเล็ต ลูกเรือผู้ชายทุกคนถูกพาตัวไปตามทางสีขาวเดินด้านขวา พิมพ์ยังคงพยายามขัดขืน เช่นเดียวกับพวกเขา เธอเหลียวหันมองไปตามทางที่พวกผู้ชายถูกนำตัวไป มันเป็นเหมือนกับวอร์ดห้องพยาบาลจำนวนหลายสิบห้อง แต่ละห้องมีนางพยาบาลหน้าตาสะสวยยืนคุมเชิงอยู่พอดีกับจำนวนลูกเรือ...เธอสงสัยว่าพวกมันจะทำอะไรกับลูกเรือผู้ชายกันแน่ ?

ทางด้านปีกตะวันออกนั้นค่อนข้างห่างไกลจากวอร์ดฝั่งผู้ชาย ดูเหมือนว่าจะเป็นพื้นที่ในส่วนของห้องแล็ป ทุกอย่างเป็นสีขาวสะอาดตา มีนางพยาบาลหน้าตาสะสวย และ นักวิทยาศาสตร์ผู้ชายกำลังง่วนอยู่กับงานวิจัยบางอย่าง เธอสังเกตสิ่งผิดปกติว่าพวกเขาหลายคน มักจะอยู่รวมกันเป็นคู่ๆชาย-หญิง นางพยาบาลหลายคนยืนอ้อร้ออยู่กับชายหนุ่มในห้องแล็ป พวกเขากอดกัน หอมแก้มกัน และจูบกันอย่างรักใคร่ต่อหน้ากันและกันเหมือนไม่ใช่เรื่องน่าอายแต่อย่างใด...? พิมพ์หน้าแดงก่ำ รู้สึกกระอักกระอ่วนใจยังไงชอบกล เธอเข้าใจว่าวัฒนธรรมในโลกยุคใหม่นั้นเปิดกว้างกว่ายุคก่อนก็จริง แต่เท่าที่รู้จักโลกใบนี้มา สิ่งที่เธอเห็นนั้นมันผิดปกติเกินไป มันเป็นพฤติกรรมที่ค่อนข้างแปลกในสายตาเธอ

"พาเธอเข้าไปในแล็ป..." นางพยาบาลหยุดอยู่ตรงหน้าห้องๆหนึ่ง สั่งให้หุ่นยนต์ตำรวจพาพิมพ์เข้าไปกักตัวเอาไว้ในห้องแล็ปสีขาว พิมพ์ถูกขังเอาไว้ในนั้น มองลอดผ่านกระจกใส แล้วตะโกนก่นด่านางพยาบาลสารพัด แต่รอยยิ้มก็ไม่เคยเลือนลางไปจากใบหน้าสะสวยของนางพยาบาลคนนั้นเลยสักครั้ง เธอยังคงยิ้มและเอียงคอน่ารักเหมือนตุ๊กตา สร้างความรำคาญแก่สายตาพิมพ์เป็นที่สุด

"ฮิฮิ เมื่อเสร็จหลังจากนี้เธอจะขอบใจฉัน ขอให้มีความสุขกับชีวิตคู่นะคะ" นางพยาบาลคนดังกล่าวยิ้มน่ารัก เอียงคอ โบกมือบ๊ายบายพิมพ์ ขยิบตาขวาเล็กน้อย ก่อนจะเดินจากออกไป ทิ้งพิมพ์เอาไว้ในห้องแล็ปเพียงคนเดียว...พิมพ์ทั้งสับสนและหงุดหงิด เธอทำลายข้าวของภายในห้องแล็ป หยิบเก้าอี้ขึ้นมาฟาดประตูพยายามหลบหนีออกไป แต่ประตูห้องแล็ปสีขาวสะอาดนั้นหนาเกินกว่าจะทำลายได้ เธอน้ำตาไหลพราก ก้มลงคุกเข่าอยู่มุมห้องด้วยความอ่อนล้า...

"เป็นอะไรหรือเปล่าที่รัก ? เธอดูไม่ค่อยสบายเลยนะ"

ขณะที่หญิงสาวกำลังนั่งกอดเข่าอย่างสิ้นหวังอยู่นั้น ประตูห้องแล็ปเปิดออก ปรากฏชายหนุ่มในชุดเสื้อกาวน์สีขาวดูท่าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์หรือไม่ก็เป็นหมอ เดินเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม ผายมือออกพยายามจะเข้ามาหาเธอ "คุณเป็นใคร...มาช่วยฉันเหรอ ?"

"ใช่แล้วที่รัก ผมมาช่วยคุณจากความอ่อนล้าและความเศร้า มามะ ขอผมกอดคุณหน่อยสิ"

"เดี๋ยวนะ...ฉันว่าคุณแปลกๆ อย่าเข้ามาใกล้ฉันจะดีกว่า" พิมพ์สังหรณ์ใจแปลกๆ เธอลุกขึ้นยืน

"เอาน่าที่รัก รู้ไหมว่าการกอดน่ะ เป็นยาวิเศษ ทำให้คนเราหายจากความทุกข์ได้นะ"

"เราจะเป็นหนึ่งเดียวกันนะที่รัก..."

ผู้ชายคนนั้นเข้ามาใกล้เธอเรื่อยๆ ใบหน้ายิ้มแย้มผิดปกตินั้นทำให้พิมพ์ขนลุก หญิงสาวพยายามหลบหนีออกไปจากห้องแล็ป แต่นักวิทยาศาสตร์คนนั้นกลับเข้ามาโผเข้าสวมกอดเธอ เขาสูดกลิ่นหอมจากเรือนผม ไซร้ตามซอกคอเนียนสวยของเธออย่างไม่เกรงอกเกรงใจใดๆ

"กรี๊ดดดดด ไอ้บ้า แกจะทำอะไร !?"

"จ๊วบบบบ..." ร่างงามถูกจับกดอยู่กับพื้น สองแขนเรียวงามโดนจับชูขึ้นเหนือศีรษะ ขณะริมฝีปากประกบด้วยการจุมพิตจากชายแปลกหน้านิรนาม หญิงสาวดิ้นรนสะบัดไปมาแต่กลับสู้แรงชายหนุ่มไม่ได้เลย มันตั้งหน้าตั้งตาระดมจูบอย่างเร่าร้อน แล้วยังส่งลิ้นอุ่นๆเข้าโพรงปากอันอ่อนนุ่มของเธอ...

"ซีดดด...ที่รัก ที่รักใส่ชุดนักบินอวกาศทำไมกัน มันถอดยากนะรู้ไหม เดี๋ยวผมถอดให้ดีกว่านะ จะได้สบายตัว"

พิมพ์ใช้ฝ่ามือตบเข้าที่ใบหน้าชายคนนั้นอย่างแรงสองสี่ครั้ง แต่เขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะหยุดการกระทำอันมัวเมา ตั้งหน้าตั้งตาพยายามถอดชุดนิรภัยของเธอออก โชคดีที่ชุดนิรภัยค่อนข้างมีความปลอดภัยสูง จึงทำให้ถอดออกได้ยาก ซึ่งดูเหมือนว่าเธอจะยังพอมีแต้มต่ออยู่บ้าง แต่ก็ไม่เป็นดังนั้น...

จู่ๆหญิงสาวรู้สึกอ่อนเปลี้ยลงโดยไม่ทราบสาเหตุ เมื่อชายคนนั้นใช้มือลูบไล้ไปมาบนเรือนแก้มซ้าย เธอรู้สึกถึงไอเย็นประหลาด ความรู้สึกโหวงๆ หัวใจเต้นระรัว ขนลุกซู่ ร่างกายที่ดิ้นเร่าๆสะบัดขัดขืนไปมาเริ่มอ่อนกำลังลง แปรเปลี่ยนไปด้วยความรู้สึกเคลิบเคลิ้มราวกับจิตใจลอยละล่องอยู่กลางอากาศ

"อาาาา ที่รักของผม..." ชายคนนั้นยิ้มบางๆ สบสายตากับพิมพ์ด้วยความรักใคร่ ส่วนหญิงสาวเองจากที่ดิ้นรนต่อสู้เอาชีวิตรอด บัดนี้กลับสบสายตาจ้องมองกลับไปด้วยสเน่หาเช่นเดียวกัน จิตใจของเธอไม่อยู่กับเนื้อกับตัวอีกต่อไป พิมพ์หลับตาพริ้ม เผยอริมฝีปาก ให้ชายนิรนามโน้มใบหน้าลงมาประกบริมฝีปากอีกครั้ง...

เปรี้ยง !!!

เสียงประจุไฟฟ้าดังสนั่นแหวกตัดกลางอากาศ กระชากจิตใจพิมพ์ที่กำลังดำดิ่งสู่ห้วงภวังค์ ให้กลับมามีสติคืนอีกครั้ง ขณะชายนักวิทยาศาสตร์ประหลาดไม่ทันจะได้ร้องสักแอะ เขาก็ลงไปนอนแน่นิ่ง สลบอยู่กับพื้นสีขาวในห้องแล็ปในทันที พิมพ์ตกใจในเหตุการณ์ที่พลิกผันอย่างไม่คาดคิด เธอค่อยๆพยุงตัวขึ้น เงยหน้าขึ้นมองชายที่เข้ามาช่วยชีวิตเธอตรงหน้า...

"คุณจับคู่แล้วรึยัง !?" ชายปริศนานิรนามตะโกนถาม ขณะสองมือประคองจ่อปืนเลเซอร์กระบอกสีขาวนั้น เล็งเป้าพร้อมยิงต่อหน้าเธอ

"มะ...หมายความว่ายังไง ที่ว่าจับคู่ !?" พิมพ์สับสนในคำถาม สีหน้าของเธอเป็นกังวลชัดเจน ขณะพยายามถอดชุดนิรภัยออก

"ยินดีด้วย งั้นแสดงว่าคุณยังเป็นมนุษย์อยู่" ชายลึกลับในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกางเกงสแล็คสีดำ ขยิบตาขวา แล้วลดปืนลง

พิมพ์ถอดชุดนิรภัยออก เหลือไว้เพียงเสื้อเสว็ตเตอร์สีดำกางเกงขายาวอันเป็นชุดปฏิบัติการพิเศษสำหรับลูกเรือ SS Range หญิงสาวรีบพยุงร่างตนเองขึ้นจากพื้นห้องแล็ป แล้ววิ่งตามชายลึกลับคนนั้นไปอย่างรวดเร็ว บริเวณนอกห้องแล็ปนั้น ปรากฏร่างนักวิทยาศาสตร์และนางพยาบาลหลายสิบคนนอนฟุบสลบลงกับพื้น เธอรู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือชายคนนั้น พิมพ์เกิดความสงสัยเหลือเกินว่าเขาเป็นใครกันแน่...?

"พวกคุณมาทำบ้าอะไรกันที่นี่ !? ผมส่งสัญญาณเตือนไปที่โลกแล้วว่าให้ทำลายดาวนี้ทิ้ง ไม่ใช่ให้ตามมา !!"

"เฮ้ เดี๋ยวนะ ! คุณเองเหรอที่เป็นคนส่งสัญญาณ ? งั้นคุณก็เป็นคนของเซอร์เจนใช่ไหม !?"

ชายลึกลับหันมาสบถไม่พอใจ ขณะกำลังตั้งหน้าตั้งตาเก็บข้อมูลบางอย่างจากระบบคอมพิวเตอร์ในห้องแล็ปเข้าอุปกรณ์พกพา พิมพ์ตกใจที่ได้รู้ว่าชายคนตรงหน้านี้เองที่เป็นคนส่งสัญญาณให้ทางรัฐบาลโลกสั่งยิงอาวุธเลเซอร์ทำลายดวงจันทร์ ตอนนี้เธอสับสนไปหมด เหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วมากเกินไปเสียจนเธอตั้งตัวไม่ทัน แต่ ณ เวลานี้เรื่องข้อมูลต่างๆนั้นยังไม่สำคัญมากไปกว่า ชีวิตของลูกเรือที่เหลือทางฝั่งห้องพยาบาลปีกตะวันตก...เธอนึกกังวลใจว่าสมาชิกในทีมที่เหลือจะเป็นอย่างไร

"นี่คุณ ลูกเรือที่เหลือ อยู่อีกฝั่งนึง เราต้องไปช่วยพวกเขา !!" พิมพ์เดินตามอย่างกระชั้นชิด

"คุณกลับบ้านไปเถอะ พวกนั้นไม่รอดหรอก ป่านนี้เรียบร้อยหมดแล้วล่ะ..."

ร่างสูงตอบห้วนๆ ขณะใช้ปืนพลาสม่ายิงเข้าใส่แผงวงจรประตูห้องพยาบาล ซึ่งเปิดออกไปสู่ห้องโถงสีขาวขนาดใหญ่คล้ายบรรยากาศในโรงพยาบาล มีหุ่นยนต์ตำรวจยืนปิดล้อมบริเวณทางปีกตะวันตกอยู่สองตัว กรูกันเข้ามาหมายจับกุมตัวเขา แต่ชายลึกลับนั้นกลับยิงแม่นเป็นจับวาง พวกมันลงไปนอนนิ่งอยู่บนพื้นภายในระยะเวลาเพียงแค่ไม่กี่วินาที

"ไหนๆก็มาถึงตรงนี้แล้ว คุณอยากรู้ใช่ไหมว่าพวกมันทำอะไรกับลูกเรือคุณ ?"

ประตูสีขาวขนาดใหญ่เลื่อนอัตโนมัติ ปรากฏวอร์ดห้องพยาบาลในส่วนปีกตะวันตก ที่พิมพ์เดินผ่านเมื่อไม่นานมานี้ โชคดีที่ภายในบริเวณนั้นไม่มีใครอยู่เลย ชายหนุ่มที่ดูท่าทางจะรู้จักลู่ทางเป็นอย่างดี อาสาพาพิมพ์เข้าไปพบกับคำตอบด้วยสองตา...

"อาาาา ที่รัก ที่รักก เราเป็นของกันและกันแล้วนะ"

"อย่าทิ้งฉันไปนะ...สัญญาสิ...อืมมม"

พิมพ์และชายลึกลับได้ยินเสียงครวญครางกระเส่าทั้งชายและหญิงดังออกมาจากห้องพยาบาลจำนวน เจ็ดห้องฟังดูสยิวจนขนลุกซู่ หน้าแดงก่ำอย่างช่วยไม่ได้ เธอแอบเดินเข้าไปใกล้กับประตูสีขาวห้องๆหนึ่งอย่างช้าๆ เสียงครางสเน่หานั้นก็ยิ่งดังขึ้น ดังขึ้นในทุกฝีก้าว พิมพ์มองลอดผ่านกระจกใสบนบานประตูนั้นเข้าไปเห็นเหตุการณ์ด้านในเต็มสองตา...

นางพยาบาลหน้าตาจิ้มลิ้ม ผิวกายขาวเนียน หน้าอกเป็นกระเปาะน่าดูชม กำลังเปลือยกายคร่อมร่างชายหนุ่มหนึ่งในทีมวิศวกรของเซอร์เจน สองมือหนาชายหนุ่มลูกเรือลูบไล้ไปมาตามหนั่นเนื้อขาวอวบอัด บีบขยำเต้านมกระเปาะนั้นเหมือนกำลังขย้ำซาลาเปา หลับตาพริ้ม ปล่อยให้นางพยาบาลทำหน้าที่ขับเคลื่อนเนื้อเอวรูดท่อนเอ็นเหยื่อหนุ่มร่างกำยำนั้น ด้วยจังหวะลูกคลื่นขึ้นลงอย่างเชื่องช้า

ลีลาการยั่วทางกามารมณ์นั้นแทบไม่น่าเชื่อเลยว่าเป็นการกระทำของนางพยาบาลหน้าตาเรียบร้อยใสซื่อ เธอโน้มตัวลงประกบริมฝีปากกับเหยื่อสวาทอย่างเร่าร้อน พร่ำบอกรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า กระซิบใส่หูชายหนุ่มเบื้องหลังไม่หยุดหย่อน ขณะเนื้อเอวและแก้มก้นขยับไปมาพยายามกระตุ้นรีดเค้นน้ำเมล็ดพันธุ์กรรมเพศชายให้คัดหลั่งเข้าไปในมดลูกตนเอง ราวกับหมายมั่นกะให้ตั้งครรภ์ยังไงยังงั้น...

"นี่มันอะไรกันเนี่ย !? ทำไมพวกเขาถึง ??" พิมพ์ตาเบิกโพลง สองมือปิดปากด้วยกำลังช็อค

"ไม่ใช่พวกเขา...พวกมัน...พวกมันไม่ใช่มนุษย์...ไม่ใช่อีกแล้ว" ชายหนุ่มเสริมขึ้นด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว

"ไปกันเถอะ คุณช่วยพวกเขาไม่ทันแล้วล่ะ ลูกเรือคุณ พวกเขาเสร็จแล้ว...มันจบแล้ว"

ร่างสูงจับมือพิมพ์ที่กำลังช็อคจนพูดไม่ออก พาเดินออกไปจากห้องพยาบาลฝั่งปีกตะวันตก พิมพ์คะยั้นคะยอให้เขาร่วมมือพาเดินกลับสู่บริเวณลานจอดยาน เบย์สิบสอง เขาเห็นว่าเป็นโอกาสที่จะส่งเธอกลับบ้านเพื่อป้องกันตัวเธอจากที่นี่ ชายหนุ่มลึกลับจึงตกลงและบอกให้เธอนำทางเขาไปที่ยานเอสเอส เรนจ์โดยเร็วที่สุด...แน่นอนว่าเมื่อไปถึง พิมพ์กลับไม่พบโชกับธีร์ ลานจอดเงียบสนิท ไม่มีใครอยู่ที่นั่นสักคนเดียว ในตอนแรกหญิงสาวเกิดกังวลใจว่าเพื่อนร่วมทีมของเธอจะโดนพวกนางพยาบาลจับทำสามีไปแล้วเหมือนกับลูกเรือคนอื่นๆ แต่จากที่เห็นในห้องพยาบาล คนที่เป็นเหยื่อก็มีแค่เจ็ดรายเท่านั้น

"ธีร์กับโชหายไป...ฉันมั่นใจว่าพวกเขายังไม่โดน...เอ่อ...นั่นล่ะ"

"ว่าแต่ คุณชื่ออะไรเหรอ ? เป็นคนของเซอร์เจนเหมือนกันใช่หรือเปล่า ?" พิมพ์เอ่ยถาม ขณะทั้งสองเดินเข้าไปในตัวยาน ชายหนุ่มลึกลับมองหาบางสิ่งบางอย่างในห้องควบคุมพลังงาน เพื่อจัมพ์สตาร์ทระบบเครื่องยนต์ พิมพ์ที่เป็นแพทย์ ไม่ได้มีความรู้เรื่องเครื่องยนต์กลไก จึงทำหน้าที่ถือไฟฉายให้

"แทน...ผมชื่อ แทน และก็ใช่ ผมทำงานด้านพันธุวิศวกรรมในแล็ปของเซอร์เจน ที่ดวงจันทร์นี้ล่ะ"

"แล้วคุณทำหน้าที่อะไรที่เซอร์เจนล่ะ ?" แทนถามกลับบ้าง ขณะง่วนอยู่กับเตาปฏิกรณ์ปฏิสสาร

"วิศวพันธุกรรมเหรอ ? ฉันเป็นหมอน่ะ ก็ไม่ถนัดตีรันฟันแทงซะด้วยสิ" พิมพ์ตอบ พลางหรี่ตาจ้องมองใบหน้าเขาเขม็ง เธอคิดว่าเขาดูยังดูเป็นหนุ่มอายุน้อยเกินไปด้วยซ้ำที่จะทำงานวิจัยวิทยาศาสตร์ในอาณานิคมดวงจันทร์...เขาน่าจะอายุราวๆยี่สิบต้นๆ แต่ที่แน่นอนคือห่างจากเธอหลายปีทีเดียว

"งั้นเราก็คงคุยกันรู้เรื่อง...คุณคงสงสัยใช่ไหม ? พวกนั้นที่คุณเห็น...พวกเขาเคยเป็นมนุษย์ กระทั่งติดเชื้อไวรัสต่างดาว มันเป็นปรสิตต่างดาวที่มากับวัตถุโบราณที่พวกเราค้นพบตรงหลุมใจกลางด้านมืดของดวงจันทร์ นี่ล่ะสาเหตุที่ว่าทำไมพวกนักบินอวกาศในอดีตถึงไม่มีใครกล้ามาเหยียบด้านมืดของดวงจันทร์อีก"

"ไวรัส ? ไวรัสต่างดาวงั้นเหรอ !?"

"ใช่...จะว่าไปมันเหมือนเป็นเชื้อปรสิตมากกว่า มันเป็นปรสิตต่างดาวที่เมื่อมันเข้าไปในร่างกายมนุษย์ มันก็จะเข้ายึดครองก้านสมองและระบบประสาททั้งหมด เกิดการจัดระบบพันธุกรรมใหม่ คนๆนั้นก็จะกลายเป็นมนุษย์ต่างดาว ถึงแม้ภายนอกจะดูเหมือนกับมนุษย์ก็เถอะ"

"เชื้อปรสิตนั่น มันจะเปลี่ยนคนๆนั้น คุณจะไม่เป็นเหมือนเดิม คุณจะถูกควบคุมโดยจีโนมต่างดาว แน่นอนล่ะ มันมีตัวแม่ ตัวโฮส เป็นราชินีต่างดาวควบคุมพวกมันได้อีกที...คุณคงไม่อยากเจอตัวราชินีหรอกนะ"

"และคุณก็น่าจะรู้ดี ว่าธรรมชาติของไวรัส หรือเชื้อปรสิต เมื่อมันเข้าครอบครองร่างได้สมบูรณ์แล้ว ขั้นตอนต่อไปที่พวกมันต้องทำโดยธรรมชาติ โดยสัญชาตญาณตามทฤษฏี ชาร์ลส ดาร์วิน คืออะไร...?"

"การสืบพันธุ์...ปรับตัวและการขยายเผ่าพันธุ์" พิมพ์ตอบเสียงสั่น ขนลุกซู่ หน้าแดงก่ำ

"ใช่ เป้าหมายหลักของพวกมันคือ การหาคู่ที่เหมาะสม...เมื่อพวกมันเจอเนื้อคู่แล้ว ขั้นตอนต่อไปคือการจับทำให้เป็นคู่โดยสมบูรณ์ ความสามารถพิเศษของพวกต่างดาว คือ การกระจายฟีโรโมนที่สูงกว่ามนุษย์ทั่วไปถึงสี่ร้อยเปอร์เซ็นต์เมื่อคุณถูกพวกมันจับคู่แล้ว มันจะปล่อยไวรัสเข้าร่างกายของคู่รักด้วย ซึ่งนั่นจะเปลี่ยนตัวคุณไปตลอดกาล...แต่ข้อดีก็มีนะ นั่นก็คือ บิงโก ! คุณจะมีผัวหรือมีเมียที่รักเดียวใจเดียวและซื่อสัตย์กับคุณตลอดไปเช่นกัน คิดว่าคุ้มหรือเปล่าล่ะ ?"

"ฉันว่ามันฟังดูแปลกๆนะ จะว่าดีก็ดี จะว่าไม่ดีก็ไม่ดี..."

"ก็แล้วแต่คน ถ้าคุณมีภูมิคุ้มกัน ต่อให้คุณโดนจับคู่ไปแล้ว ไวรัสก็อาจจะทำอะไรคุณไม่ได้ คุณก็ไม่เปลี่ยน...แต่โอกาสน้อยมาก"

"ไอ้เวรเอ๊ย... เทอร์โมคอร์ หายไป แสดงว่าเพื่อนคุณคงมือบอนมาหยิบไปล่ะสิ"

"เยี่ยมไปเลย งั้นเราทุกคนก็ติดแหงกอยู่ที่นี่ ยินดีด้วย!!" แทนพูดจาประชดประชันอย่างหัวเสีย แล้วเดินออกมาจากตัวยานด้วยท่าทางยียวน พิมพ์เห็นดังนั้นจึงรีบเดินตามออกมา

"เฮ้ ! นี่คุณ มันยังไม่สายไปซะหน่อย ฉันว่าเพื่อนฉันคงยังไม่เสร็จสาวๆเอเลี่ยนหรอกนะ"

"ผมจะไปรู้ได้ไง ผมติดแหงกอยู่ที่นี่มาสองอาทิตย์ ต้องหลบๆซ่อนๆตัวอยู่ในศูนย์ท่าอากาศยาน ผมเข้าไปในตัวเมืองไม่ได้ด้วยซ้ำ ไอดีผมโดนระงับไปแล้ว ก็..." แทนนิ่งเงียบไปชั่วครู่  "ถ้าพวกมันได้ เทอร์โมคอร์ ไป มันจะใช้ยานคุณเดินทางกลับดาวโลก ไปแพร่เชื้อต่างดาว ทุกอย่างที่ผมทำมาทั้งหมดก็จะสูญเปล่า"

"ฉันจะช่วยคุณตามหาพวกเขา นั่นเป็นโอกาสที่เรายังมีอยู่..."

"ได้...ยังไงซะสถานการณ์ก็บังคับให้เป็นแบบนี้แต่แรกอยู่แล้วนิ"

"แต่ผมจะบอกอะไรคุณไว้อย่างนึงนะ ในตอนนี้ คุณเชื่อใจใครไม่ได้ทั้งนั้น ที่นี่...ทุกคน...คุณไม่รู้หรอกว่าใครเป็นต่างดาวและใครเป็นมนุษย์ พวกมันแนบเนียน และ ฉลาดเกินกว่าที่คุณจะตามพวกมันทัน"   แทนกล่าวกับพิมพ์ เขาตัดสินใจยื่นปืนพลาสม่าอีกกระบอกให้กับเธอเป็นอุปกรณ์ป้องกันตัว ในตอนนี้ดูเหมือนว่าชะตากรรมของโลกจะตกเป็นภาระของพวกเขาเสียแล้ว ในตอนแรกนั้นชายหนุ่มไม่อยากให้เธอต้องมาประสบพบเจอเรื่องประหลาดกับไวรัสต่างดาว แต่ในเมื่อยานอวกาศไร้ซึ่งพลังงานปฏิสสารแล้ว ทางเลือกจึงเหลือเพียงแค่ทางเดียวเท่านั้น...

"แล้วฉันจะไว้ใจคุณได้หรือเปล่า ?" พิมพ์เอ่ยถาม ขณะทดสอบเช็คลำแสงสีฟ้าบนกระบอกปืนเลเซอร์

"หน้าตาผมเหมือนเอเลี่ยนงั้นเหรอ !?"

...

"ที่นี่มันเกิดบ้าอะไรขึ้นกันแน่..."

โชก้มลงตรวจสอบชีพจรของนางพยาบาลที่นอนสลบเหมือดอยู่กับพื้นสีขาวสะอาด พวกเขายังมีชีวิตอยู่แต่แค่หลับไปชั่วขณะเพราะฤทธิ์ปะจุอนุภาคพลาสม่า นาวิกอวกาศผู้มีประสบการณ์อย่างเขารู้ได้ทันทีว่าเป็นอาวุธชนิดเดียวกับที่พวกเขาใช้กันในหน่วยงานรัฐบาลโลก เพียงแต่อยู่ที่ว่าใครเป็นคนยิงก็เท่านั้น...

"ชุดนิรภัยของพิมพ์ กองอยู่กับพื้นตรงนี้...แล้วก็มีไอ้บ้านี่นอนสลบอยู่ ? จะว่ายังไงดีล่ะ"

ธีร์เข้าไปสำรวจภายในห้องแล็ป เขากวาดสายตามองเก้าอี้และอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ที่แตกหักเสียหาย ข้าวของระเนระนาดลงกับพื้นเหมือนมีการต่อสู้หรือขัดขืนอะไรบางอย่างในห้อง ธีร์ขมวดคิ้ว หายใจไม่ทั่วท้องเท่าไหร่นัก เขารู้สึกเป็นห่วงพิมพ์ เพราะเห็นชุดนิรภัยถูกถอดออกแบบเร่งรีบ ถึงแม้จะเป็นกังวลแต่อย่างน้อยกว่าสามปีที่ทำงานร่วมกันที่เซอร์เจน คอร์ป เขารู้นิสัยเธอดีว่าไม่ใช่คนยอมใครง่ายๆ ธีร์สันนิษฐานได้ว่าพิมพ์ยังคงปลอดภัย...

"เวรจริงๆ งั้นอย่างแรกเราต้องรีบหาตัวเธอให้เจอ ส่วนลูกเรือคนอื่นๆก็หายไปไหนกันหมดไม่รู้"

"พิมพ์น่าจะยังปลอดภัยดี แต่พวกคนอื่นๆนี่ล่ะที่แปลกๆ ไม่เหลือร่องรอยอะไรเลย แม้แต่ชุดนิรภัย"

"ทางห้องพยาบาลฝั่งตะวันตกไม่มีใครอยู่เลย หุ่นยนต์ตำรวจก็โดนใครไม่รู้ยิงด้วยปืนพลาสม่า ฉันว่าเรื่องนี้ไม่ธรรมดา"

"ใช่...อุปกรณ์สื่อสารก็ติดต่อไม่ได้เลย ที่นี่แปลกมาก แต่ถึงยังไงเราก็ต้องเอา เทอร์โมคอร์ ไปชาร์จประจุใหม่ที่แล็ปของเซอร์เจน คอร์ปบนดวงจันทร์"
"...แต่เส้นทางเดียวจากที่นี่เข้าสู่ตัวเมือง คือ ไฮเปอร์ลิงค์ ฉันไม่แน่ใจว่ายูสเซอร์ไอดีของพวกเราจะใช้การได้หรือเปล่า"

"ฉันก็ไม่มั่นใจ ไฮเปอร์ลิงค์ มันก็แค่รถไฟระบบแรงโน้มถ่วงที่ทุกคนใช้กัน แต่วันนี้พวกเราดูเหมือนจะเป็นผู้ก่อการร้ายไปแล้วน่ะ"

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดด !!

เสียงร้องของหญิงสาวดังขึ้นจากทางด้านนอกของบริเวณห้องพยาบาล ธีร์และโชละจากการตรวจสอบสถานที่ พวกเขารีบวิ่งออกไปตามที่มาของเสียงหวังว่าจะเจอพิมพ์ "ใช่ พิมพ์รึเปล่าวะ !?" โชพึมพำ ขณะหยิบปืนเลเซอร์ขึ้นมาเตรียมพร้อมยิง

ทั้งสองวิ่งออกไปตามทางห้องพยาบาลฝั่งปีกตะวันออกอย่างรวดเร็ว ผ่านประตูทางเข้า-ออก หลายส่วนที่ถูกปลดล็อคไว้ตั้งแต่แรกก่อนพวกเขาจะเข้ามาด้วยอาวุธปืนพลาสม่า แต่นี่ไม่ใช่เวลาที่พวกเขาจะมานั่งพิจารณาว่าใครเป็นคนทำ...

"ปล่อยฉันนะ ปล่อยสิ โอ๊ยยย ฉันเจ็บนะ !!!"

เปรี้ยงง !!!

โชลั่นไกยิงกระสุนพลาสม่าเข้าใส่หุ่นยนต์ตำรวจสองนายที่ยืนคุมเชิงหญิงสาวปริศนาทางด้านหลังอย่างรวดเร็ว จนพวกมันสองตัวลงไปนอนกับพื้น ส่วนธีร์ยิงเข้าที่กลางหัวของหุ่นยนต์ตัวสุดท้ายที่กำลังล็อคแขนเธออยู่อย่างแม่นยำ ธีร์นึกขอบคุณตัวเองที่เคยดั้นด้นผ่านการเรียนยิงปืนป้องกันตัวมาบ้างสมัยมหาวิทยาลัย แต่ก็ไม่นึกมาก่อนเลยว่าสุดท้ายจะมาใช้ยิงหุ่นยนต์ผู้พิทักษ์สันติราษฏร์อย่างนี้...

"ฮือออ...ฮือออ เจ็บ เจ็บ..."

เธอคนนั้นลงไปนั่งพับลงบนพื้นทันทีที่เป็นอิสระจากหุ่นยนต์ตำรวจ หญิงสาวร่างเล็กในชุดเสื้อชีฟองสีชมพูเปิดไหล่นั้น สะอื้นไห้งอแงเป็นการใหญ่ ยกท่อนแขนขาวเรียวบางขึ้นมาลูบไล้ไปมา ขณะที่โชยังคงเล็งอาวุธปืนเลเซอร์ กวาดสายตาระวังภัยจากทางด้านอื่นให้ ธีร์เก็บปืนเลเซอร์แนบเข้าด้านหลังกางเกง แล้วรีบวิ่งเข้าไปพยุงร่างเล็กขึ้นจากกองพื้นด้วยความเป็นห่วง "ฮึก...ฮึกก ขอบคุณนะ..."

"เธอโอเคหรือเปล่า ? ไม่เป็นไรแล้วนะ ใจเย็นๆ" ด้วยส่วนสูงเพียงระดับอกของธีร์ ร่างสูงจับไหล่เธอไว้แน่นเพื่อปลอบโยนว่าเธอปลอดภัย วงหน้าขาวสวยหวาน จมูกโด่ง ริมฝีปากบางได้รูปเผยอเล็กน้อย ส่งสายตาน่าสงสารให้ชายหนุ่มผู้ดีอังกฤษรับรู้ ก่อนจะผลักดันร่างเพรียวบางของตนเอง เข้าสวมกอดธีร์อย่างแนบแน่น โดยที่เขาตั้งตัวแทบจะไม่ทันเลยด้วยซ้ำ แต่ธีร์เป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่ฉวยโอกาสแต๊ะอั๋งเธอ แม้จะได้สัมผัสผิวพรรณเมื่อชั่วครู่ เนื้อตัวสาวลึกลับคนนี้ทั้งขาวนิ่มและนุ่มสวยถูกสเปคเขา แต่ธีร์ก็มีสติพอจะปลอบโยนได้แค่ลูบศีรษะและเรือนผมยาวสลวยเธออย่างแผ่วเบาเท่านั้น... หญิงสาวลึกลับยังคงสวมกอดเขาต่อไป กระทั่งเสียงสะอื้นค่อยๆสงบลง...

"ธีร์ !! ตรงนี้ปลอดภัยแล้วล่ะ แล้วเธอ...โอเคใช่ไหม ?" โชหันขวับมาเห็นทั้งสองที่กำลังสวมกอดกันอย่างแนบแน่น เขาขมวดคิ้ว ทำหน้าแปลกใจเล็กน้อย ก่อนจะเก็บอาวุธปืนเลเซอร์แนบเข้าด้านหลังกางเกง...ชายหนุ่มรู้สึกเอะใจเล็กน้อยว่าทำไมผู้หญิงคนนี้ทำท่าเหมือนจงใจกอดธีร์ซะนาน ทั้งที่เพิ่งเจอกันครั้งแรก แต่เขาก็ไม่คิดอะไรมาก เข้าใจว่าเธออาจเสียขวัญ

"อะ...อื้อ...ไม่เป็นอะไรแล้วค่ะ แต่ยังเจ็บๆแขนอยู่เลย" เธอคนนั้นค่อยๆผละจากการสวมกอด พลางยกแขนขวาขึ้นลูบๆโชว์ให้ธีร์เห็นรอยแดงเป็นจ้ำเล็กน้อย ธีร์สังเกตเห็นสายตาเธอดูเศร้าสร้อยเป็นกังวล

"ไม่เป็นไรๆ เดี๋ยวสักพักก็คงหาย แล้ว...ทำไมเธอถูกพวกตำรวจจับล่ะ ? เกิดอะไรขึ้น ?" ธีร์ถาม

"ฉะ...ฉัน...ฉันก็ไม่ทราบเหมือนกันค่ะ ฉันจำได้แค่ว่าจะมาทำเรื่องขอขึ้นยานไปดาวโลก แล้วก็มีแสงแว็ปๆอะไรก็ไม่รู้ เท่านั้นล่ะค่ะ พอรู้ตัวอีกทีก็มายืนเอ๋อๆอยู่ในห้องพยาบาลแล้ว" เธอก้มหน้าตอบเสียงสั่นๆ มือซ้ายยังคงลูบแขนขวาไปมาไม่เลิก

"อีเอ็มพี...คลื่นแม่เหล็กนั่นไง มันอาจส่งผลต่อระบบประสาททำให้เธอเสียความทรงจำชั่วคราว" โชนึกสงสัย

"ก็เป็นไปได้...แต่โอเค ไม่เป็นไร ว่าแต่เธอจำชื่อตัวเองได้ไหม ?" ธีร์หลับตานิ่งพักนึง แล้วเอ่ยถาม

"ฉะ...ฉัน...ฮันนี่...ฉันชื่อฮันนี่ค่ะ" หญิงสาวปริศนายิ้มบางๆ หลบสายตาธีร์เล็กน้อยเหมือนเขินอาย


 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน
เลิกเขียน เลิกแต่ง พอๆ เบื่อว่ะ

633sqd

ต่างดาวชวนเสียว ::Grimace:: แนวเรื่องไม่ค่อยเจอแบบนี้ ส่วนมากจะอยู่ในโลก
เอาใจช่วยหมอพิมพ์กับสามหนุ่มให้รอดกลับโลกได้นะ

จักรภพ อุดมสิน

แนวแปลกใหม่ น่าสนใจมากๆเลยครับ ออกนอกโลกเลย

darter


swss2511


usman1963

เขียนแนวใหม่ๆแบบนี้ก็ดีนะครับ Sci-fi  จัดๆ น่าติดตามครับ กูเรื่องมาน่าอ่านดีครับ

phozis


Alligator

ต่างดาวหื่นขืนใจมนุษย์สาวเนื้อเรื่องน่าอ่านมากครับรายละเอียดแน่น

Starx


aun2519

 ::Dribbling::
เนื้อเรื่องสนุกมากครับ
แต่ยังงงอยู่เลย

♤judas♤

เป็นเชื้อไวรัสที่แปลกอาศัยร่างคนเพื่อขยายเผ่าพันธ์แถมยังกระจายกลิ่นฟีโรโมนได้อีกด้วย..ว่าแต่นายแทนรอดมาได้ไง แถมยังมีสาวปริศนาชืรอฮันนี่รอดอีกด้วย

C007za


GoDeRsOuL

หายไปนานเลยนะครับ คิดถึง ผมเองก็เพิ่งกลับมาเหมือนกัน
ว่าแต่เรื่องนี้คือเรื่องที่เคยลงแล้วถูกไหมครับ แต่เหมือนของเก่าๆ หายเกลี้ยง

วรวิท สาโท


MirrorAce