ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

เจิน สนทนาปัญหาครอบครัว (รีไรต์ จบในตอน)

เริ่มโดย footswitch, สิงหาคม 26, 2019, 11:12:09 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

footswitch

เจิน เรียนจบยังไม่ถึงปีผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายก็จับให้เราแต่งงานกันแล้วด้วยเหตุผลทางธุรกิจ ทั้งสองครอบครัวทำธุรกิจด้านเบเกอรี่ร่วมกันมานับหลายสิบปี พ่อของเจินรับสืบทอดสูตรขนมจากรุ่นสู่รุ่น ส่วนบ้านผมก็จะมีหน้าที่ทำตลาดส่งสินค้าวางขายไปทั่วประเทศ สองสามปีหลังนี้มีวางขายในร้านสะดวกซื้อด้วย

พ่อของเจินกับพ่อของผมร่วมหุ้นไปก็มองตากันไประแวงว่าใครจะโกงใครก่อนเป็นอย่างนี้มาตั้งแต่รับช่วงต่อ รอจนเจินเรียนจบจึงตัดปัญหาวงจรความไม่ไว้ใจสู่ขอดองกันให้สิ้นเรื่องสิ้นราวเป็นทองแผ่นเดียวกันไปซะเลย คราวนี้จะไม่ว่าใครจะโกงใครยังไงก็ตกอยู่เจินและผมอยู่ดี(ฉลาดเนอะ)

ผมทำงานเป็นวิศวกรในบริษัทด้านเน็ตเวิร์คแห่งหนึ่ง สาเหตุที่ไม่ทำงานกับที่บ้านเพราะความสัมพันธ์ส่วนตัวของผมกับพ่อไม่ค่อยจะลงรอยพูดจาไม่ถูกหูกันสักเท่าไหร่ แต่ถึงอย่างไรผมก็ไม่ทิ้งขว้าง ยังมองๆศึกษาให้รู้ไว้เพราะอย่างไรวันนึงก็ต้องรับช่วงมาทำต่อ แต่แล้ววันนั้นก็มาเร็วกว่าที่คิด ฉลองวันเกิดลูกสาวของผมครบหนึ่งขวบพ่อผมเขาจองห้องในภัตตาคารแห่งหนึ่งไว้เชิญญาติใกล้ชิดและเชิญทางบ้านเจินมาด้วยนับรวมสิบกว่าคนได้ ร้องเพลงอวยพรวันเกิดเป่าเทียนเรียบร้อยเป็นอันเสร็จพิธีอยู่ดีๆพ่อผมก็ประกาศพูดเสียงดังว่าเขาขอวางมือยกกิจการให้ผมทำต่อ ถึงเวลาที่จะรีไทร์อยู่บ้านเลี้ยงหลานเสียที พอได้ยินแบบนั้นพ่อเจินก็บ้าจี้ประกาศตามบ้างว่าจะรีไทร์เช่นกันยกโรงงานผลิตขนมให้ลูกสาว เราสองคนก็เลยต้องพร้อมใจกันลาออกจากงานประจำที่ทำกันอยู่โดยปริยายเพื่อมาดูแลกิจการ

ระหว่างผมกับเจินไม่ใช่การคลุมถุงชนเสียทีเดียวเพราะต่างคนก็เคยเห็นหน้ารู้สถานะกันมาตั้งแต่เด็ก เจินในมุมมองของผมเธอเป็นคนที่หยิ่งมากและก็สวยมากด้วย ที่ผมไปเจอพ่อที่โรงงานหลังเลิกเรียนก่อนเข้าบ้านทุกๆวันก็เพราะจะได้ทำเป็นเดินจุ๊ยไปมาให้เจินเห็นตอนนั่งทำทำการบ้านอยู่ในออฟฟิศ ซึ่งก็ไม่ค่อยได้ผลอะไรครับเพราะไม่เห็นว่าเธอจะมีทีท่าสนใจผมแต่อย่างใดชายตามองสักนิดยังไม่เคย



เจินเคยเปิดใจว่าเธอไม่ชอบครอบครัวทางบ้านผมที่ค้าขายเอาเปรียบบ้านเธอ ถึงว่าทำไมเจินถึงดูหยิ่งกับผมนัก แต่สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะเข้าใจว่าคงขัดที่บ้านไม่ได้แค่ขอให้ผมรู้ไว้ว่าผมจะได้ครอบครองเพียงแค่ร่างกาย ส่วนหัวใจของเธอนั้นไม่มีวันเสียล่ะ เธอรู้สึกทุกข์ทรมานใจมากมายขนาดไหนวัดจากน้ำตาที่ร่วงพรูได้ ผมเองก็นึกเซ็งๆอยู่เหมือนกัน

ตอนแรกผมก็นึกว่าเจินจะหยิ่งเฉพาะกับผมแค่นั้น แต่เมื่อได้มาอยู่ในชายคาเดียวกันเจอกันทุกวันผมก็พบว่าเธอหยิ่งผยองแทบจะกับทุกคน แม่ผมบอกว่าเป็นลักษณะนิสัยของพ่อเธอ ด้วยความที่นึกเห็นใจสงสารลูกสะใภ้อยู่เป็นทุนจึงค่อยๆกระแซะคุยด้วยเรื่อยๆ แม่บอกกับผมว่าจริงๆแล้วเนื้อแท้ของเธอเจินเป็นคนนิสัยใจคอกิริยามารยาทดี ขอให้ผมใจเย็นๆคิดเสียว่าอดทนเพื่อลูกสาว

เราต่างคนต่างรับสืบทอดกิจการของครอบครัวมาเต็มตัวเต็มมือระหว่างผมกับเจินก็ยิ่งห่างหมางเมินกันมากขึ้นยิ่งเรื่องทำการบ้านนี่ยิ่งไม่ต้องพูดถึง ก่อนที่เราจะมีลูกก็อาจมีบ้างที่ผมกรึ่มๆดื่มกับเพื่อนที่ทำงานแล้วกลับบ้านมาลงกับเธอ แต่พอรู้ว่าตั้งท้องเธอก็ไม่ยอมให้ผมยุ่งด้วยอีกเลยยิ่งหลังจากคลอดลูกสาวทีนี้ยิ่งหนัก เธอแยกห้องไปนอนกับแม่ที่มาอยู่ช่วยเลี้ยงหลานอย่างเป็นการถาวร

เล่ามาสักพักแล้วก็เหมือนเขียนระบายปัญหาชีวิตใครที่มีปัญหาใกล้เคียงกันคงพอจะเข้าใจ มีแว้บๆบ้างในห้วงความคิดว่า ปลายทางของเราทั้งสองคนอาจไม่ได้ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรคบกันยั่งยืนเหมือกับรุ่นพ่อแม่

....................

ช่วงหลังที่เจินแยกห้องไปนอนกับลูกและแม่ของเธอ ผมอยู่ในห้องคนเดียวเหงาๆเล่นคอมพ์เล่นเน็ตอะไรไปเรื่อยซึ่งก็ไม่พ้นเว็บอโคจรต่างๆ ดูแล้วก็ช่วยตัวเองก่อนนอนเป็นธรรมเนียมปฏิบัติทุกวันๆ วันนึงเจินออกปากบ่นเรื่องกองกระดาษทิชชู่ที่ผมทิ้งไว้ในถังขยะ ผมคิดว่าเจินน่าจะรู้ว่ามันคืออะไรรู้สึกอายมากเกิดมายังไม่เคยรู้สึกอับอายอะไรขนาดนี้ คาดเจินคงเอาไปคุยกับแม่เพราะอีกคืนนึงแม่ของเธอไล่ให้เธอกลับมานอนในห้องนอนกับผม

แต่ตอนนั้นในความรู้สึกของผมคือมันกลายเป็นรำคาญไปแล้ว อิสระมาตั้งหลายเดือนดูเว็บโป๊ชักว่าวเสร็จแล้วก็นอนกลับกลายมาต้องอึดอัดเพราะมีอีกคนอยู่ในห้อง ผมเล่นคอมพ์ดึกๆเจินก็บ่นจนต้องตัดรำคาญสัญญาว่าจะไม่เล่นแล้ว

ตอนนั้นผมติดเว็บพวกแอบถ่ายมาก มันเป็นอะไรแบบที่เปิดโลกใบใหม่สุดๆ พวกคลิปแอบถ่ายนักศึกษาสาวในห้องน้ำแอบถ่ายใต้กระโปรงเสียเงินสมัครสมาชิกหลายๆสำนักรวมกันก็หลายพันอยู่ ปล่อยตัวเองให้จมดิ่งลงลึกถึงขนาดสั่งเจ้ากล้องจิ๋วแอบถ่ายมาเก็บไว้ในลิ้นชักโต้ะทำงาน

....................

ตามหมายกำหนดการบริษัทขายน้ำหวานยี่ห้อดังจะมาทำกิจกรรมส่งเสริมการขายที่หน้าร้านขายปลีกของผม จำได้ว่าครั้งที่แล้วมีพริ้ตตี้สวยๆมาด้วยสองสามคนและเจ้าของผลิตภัณฑ์ชื่อพี่จูน เธออายุน่าจะสามสิบต้นแต่ยังสวยรูปร่างดีผิวขาวแบบสาวเชื้อสายจีน 

ผมแอบชอบพี่จูนตั้งแต่สมัยที่เธอแต่งตัวขมุกขมอมขับรถส่งของเอง กิจการขายส่งหัวน้ำหวานเข้มข้นดีขึ้นเรื่อยๆไม่ถึงสิบปีก็สามารถอัพกิจการกลายเป็นตัวแทนนำเข้าผลิตภัณฑ์ยี่ห้อดีๆจากต่างประเทศมาขายได้ แต่พอกิจการไปได้ดีพี่จูนก็หายหน้าไปกลายเป็นลูกน้องมาส่งของแทน จนกระทั่งปีที่แล้วที่พี่จูนกลับมาที่ร้านอีกครั้งพร้อมทีมถ่ายวิดีโอโปรโมทสินค้าทำการจัดกิจกรรมพิเศษในฐานะเจ้าของแบรนด์ เธอกลายเป็นสาวเซ็กซี่ในชุดแซกสั้น สเน่ห์ของสาวใหญ่เบิกบานสะพรั่งขนาดพ่อผมยังเอ่ยปากชมความสวย

ผมเอากล้องจิ๋วที่ซื้อมาเก็บดองอยู่ในลิ้นชักโต้ะขึ้นมาวางโทรบอกเจินว่าวันนี้จะกลับดึกขออยู่เคลียร์งานที่ร้าน พอลูกจ้างกลับหมดแล้วลองเอาเจ้ากล้องจิ๋วทดลองแอบวางมุมโน้นมุมนี้ในห้องน้ำ แค่นี้ก็ตื่นเต้นน้ำแทบจะแตกเล่าอย่างไม่อายเลยว่านั่งชักว่าวกับสัญญาณภาพห้องน้ำว่างเปล่าๆ หลับตาจินตนาการว่าจะมีใครเข้ามาใช้ห้องน้ำบ้าง พริ้ตตี้สวยๆรูปร่างดีๆพวกนั้นไม่รอดแน่ๆ เผลอๆฟลุ๊คๆอาจมีพี่จูนสาวสามสิบยังแจ๋วขวัญใจผมผ่านเข้ามาในกล้องอีกด้วย

พอน้ำแตกกระบวนความคิดก็คืนสู่ภาวะปกติกลับเป็นคนเต็มคน ความกระวนกระวายใจกลัวความผิดแทรกเข้ามาแทนที่ความหื่น สุดท้ายผมก็เก็บกล้องจิ๋วเข้าลิ้นชักอย่างเดิม ผมยังไม่พร้อมที่จะเผชิญกับความผิดพลาดที่นอกเหนือการควบคุม บอกตัวเองว่าอย่าริเลยดีกว่า อารมณ์คล้ายคนที่ไม่กล้าครอบครองอาวุธปืนเก็บไว้ในบ้านเพราะกลัวใจตัวเอง

ไหนจะพ่อแม่ผมไหนจะพ่อตาแม่ยายไหนจะลูกค้าคนรู้จัก สารพัดเหตุผลที่ทำให้มั่นใจได้ว่ามูลค่าความเสียวไม่คุ้มค่าเสี่ยงแน่ๆ คิดได้แบบนั้นก็กลับบ้านไปนอนตัวแข็งๆมืดๆเพราะบอกกับเจินไว้ว่าจะไม่เล่นคอมพ์แล้ว ส่วนเจินก็ยังคงถามคำตอบคำนอนตะแคงหันหลังให้ เธอแสดงทีท่ารังเกียจวีรเวรวีรกรรมกองกระดาษทิชชู่แห้งกรังให้ผมเห็นอย่างชัดเจน

....................

หลังจากงานจัดกิจกรรมของพี่จูนผ่านไปด้วยดีผมต้องขึ้นไปเชียงใหม่ทันทีเพื่อเจรจาเรื่องวางสินค้า เห็นข้อความเตือนทางโทรศัพท์เรื่องคลิปลามกแถมยังกำชับให้รีบดาวน์โหลดก่อนโดนลบก็ยิ่งร้อนใจ ตบะแตกทนไม่ไหวลุกขึ้นเปิดคอมพ์จัดมุมไม่ให้แสงไฟจากจอคอมพ์สว่างเข้าตาเจิน ไม่ลืมตรวจสอบว่าปิดเสียงเรียบร้อย เปิดดูตัวอย่างแล้วก็เลือกกดโหลดนั่งรอด้วยใจระทึกมองไปรอบๆไม่เห็นอะไรในความมืดเลยนอกจากไฟสีเขียวของเครื่องปรับอากาศ 

นั่งคลำเคล้นท่อนเนื้อแข็งโด่เด่ของตัวเองไปด้วยหลังจากที่ไม่ได้ชักว่าวมาหลายคืน โหลดไฟล์เสร็จเรียบร้อยก็รีบเปิดดูกำมือรูดขึ้นลงอย่างคุ้นเคย ใกล้จะถึงจุดหมายหันไปหยิบทิชชู่มารองรอไว้ไม่ให้เลอะเทอะ

          "ทำอะไรอ่ะ" เจินยันตัวขึ้นมานั่งมองเห็นใบหน้าหยิ่งๆในความมืดสลัว
          "เห้ย..!! เปล่า ไม่ได้ทำอะไร" ผมรีบเก็บเจ้าน้องชายลงกางเกงนอน เมือกสีขาวขุ่นข้นกระฉูดล้นทะลักเลอะเทอะ

ผมรีบลุกเดินเข้าห้องน้ำเช็ดทำความสะอาด นึกสังหรใจว่ายังไม่ได้ปิดหน้าจอคอมพ์รีบเดินกลับมาแต่ก็สายเกินไป เจินนั่งอยู่หน้าจอกำลังดูคลิปภาพแอบถ่ายภายในห้องน้ำหญิงที่เปิดคาอยู่ แสงสลัวกระทบน้ำตาพร่างพรูไหลลงมาเป็นสายอาบใบหน้า เจินกระโจนเปิดประตูกลับไปนอนที่ห้องลูกสาว ผมยืนนิ่งอยู่กับที่ในความมืดมองภาพคลิปที่เพิ่งโหลดเสร็จสดๆร้อนๆ

....................

ตื่นเช้าทั้งๆที่ไม่รู้ว่ากี่โมงยามถึงจะข่มตาให้หลับลงไปได้เพราะเสียงสตาร์ทรถไม่รู้ว่าเจินออกไปไหนตั้งแต่ยังไม่เจ็ดโมง เธอไม่เปิดโอกาสให้ผมอธิบายแต่ถึงจะมีโอกาสนั้นผมก็ไม่รู้จะอธิบายกับเธออย่างไรอยู่ดีถึงจะพ้นข้อหาไอ้โรคจิต ทั้งบ้านก็ว่างเปล่าแสดงว่าออกกันไปทั้งสามสาวสามวัย นึกใจหายวิ่งไปเปิดดูตู้เสื้อผ้าโล่งอกที่ข้าวของต่างๆของเจินยังอยู่

บ่ายวันนั้นตอนออกไปสนามบินเจินก็ยังไม่กลับเข้าบ้าน จะโทรไปตามก็ไม่รู้จะพูดอะไรยังไงอายก็อาย ที่ได้ชื่อว่าเป็นผัวเป็นเมียกันก็แค่ขึ้นไปนอนคร่อมแหย่ยึกๆยักๆนกกระจอกกินน้ำให้เสร็จๆไปอย่างงั้นๆ ความห่วยแตกของชีวิตคู่นี้ผมจะไม่ขอรับผิดไว้คนเดียว อย่างที่เคยบอกว่าเจินเป็นคนหยิ่ง เวลาอยากจะซุกไซ้คอขาวๆเจินก็จะทำเหมือนรำคาญ เลื่อนลงไปที่สองเต้าเล่นลิ้นดุนดันกับเม็ดยอดปทุมถันขนาดปลายนิ้วก้อยแป๊ปเดียวเจินก็จะบอกว่าจั๊กจี้ แค่ทำว่าจะเลื่อนหน้าหมายใจจะลงไปสำรวจพื้นที่สามเหลี่ยมภาคใต้เลื้อยลงยังไม่ถึงสะดือเลยเจินก็มีอันจะต้องร้องห้ามเอาไว้ก่อน เคยฝ่าฝืนไม่ทำตามอยากลองเปลี่ยนท่าโน้นท่านี้จนโดนด่าเป็นชุดว่าลามกวิตถาร

แล้วท่อนไม้สองท่อนสืบพันธ์ุกันจนมีลูกยังไงน่ะเหรอ ก็อย่างที่เล่า เจินจะนอนนิ่งๆแล้วก็บอกเร่งให้ผมรีบๆซอยจนเสร็จ แล้วเธอก็จะดึงกระดาษทิชชู่มาอุดขังน้ำเชื้อให้อยู่ในตัวเธอ หลับตานอนนิ่งๆตัวตรงๆอีกสิบห้านาทีเป็นอันว่าจบกิจกาม บทรักของเราห่วยแตกความสัมพันธ์ความใกล้ชิดของเราชีวิตของเราอนาคตของเราก็คงหนีไม่พ้นความห่วยแตกไปไหนได้ไกลนัก


....................

กลับมาจากเชียงใหม่ถึงบ้านแม่ของเจินถามว่ากินอะไรมาหรือยังผมก็ตอบว่าเรียบร้อยมาแล้ว แวะเล่นกับลูกสาววัยขวบกว่าสักพักแล้วก็ขอตัวขึ้นห้องนอน ตลอดเวลาตั้งแต่กลับมาถึงบ้านเจินไม่มองหน้าคล้ายผมไม่มีตัวตนอะไรแบบนั้น เธอคงจัดหมวดหมู่ผมเป็นพวกโรคจิตวิกลจริตน่ารังเกียจเป็นตัวอันตรายของสังคม ยิ่งคิดยิ่งหาทางออกให้ตัวเองไม่ได้ดีไปกว่าการขอล้มกระดานยุติภาพความฝัน คืนอิสระให้แก่กันด้วยการขอแยกทาง กะว่าเสร็จจากสรุปเรื่องลูกค้าทางเชียงใหม่เรียบร้อยผมจะคุยกับเจินอย่างจริงจัง

อาบน้ำสบายตัวเตรียมจะนอนก็หวนใจนึกถึงของชอบของติดใจขึ้นมา มีคลิปที่ยังไม่ได้ดูแต่ดันเกิดเหตุกับเจินเสียก่อน ด้วยความประมาทไม่กดล็อคลูกบิดเจินเปิดประตูเข้ามาเหมือนย้อนเหตุการณ์เดิม แต่คราวนี้ผมเปิดไฟสีขาวสว่างทั้งห้องแถมเจ้าท่อนเนื้อขนาดมาตรฐานชายไทยก็ยังป็นหลักฐานเด่นสง่าคาไม้คามือ เจินตกใจปิดปากกำลังจะเดินถอยออกจากห้องผมรีบกระโจนทั้งยังไม่ได้ใส่กางเกงไปดึงมือเธอไว้ไม่ให้หนี

          "เจินนั่งก่อน" ผมประคองจัดท่าให้เธอนั่งบนเก้าอี้ คลิปภาพเคลื่อนไหวกลับไปนิดนึง ในจอเป็นภาพแอบถ่ายผู้หญิงผิวขาวเนียนรูปร่างน่าฟัดกำลังอาบน้ำ เธอในภาพท่าทางผ่อนคลายบิดตัวไปมาคล้ายกำลังโพสท่าถ่ายรูปเสียว มือข้างนึงลูบคลำของสงวนของตัวเองเสียงครางเสียวเบาๆแทรกกับเสียงน้ำจากฝักบัวส่วนมืออีกข้างก็บีบบดเคล้นสองเต้าเนียนขาวของตัวเองไปด้วย

          "เอาของทุเรศแบบนี้เข้าบ้านทำไม!! ทั้งเจินแม่เจินแล้วยังลูกของเราก็ผู้หญิงทั้งนั้น แม่พี่ก็ผู้หญิงนะ !!"
         
          "คือพี่ไม่รู้จะอธิบายยังไง"
          "อธิบายบ้าอะไร!! อยากนักก็ไปเที่ยวอาบอบนวดสิ ทำตัวแบบนี้มันทุเรศรู้ตัวบ้างมั๊ย!!"

จากที่เคยคิดว่าจะคุยเรื่องของเราหลังจากเคลียร์งานเชียงใหม่แต่ดัดมีเรื่องเสียก่อนเลยถ้าจะจบก็ขอขอจบซะคืนนี้เลย ยังไงก็คงไม่ได้มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้อีกแล้ว

ผมสารภาพกับเจินตามตรงว่าผมเป็นคนที่ชอบอะไรแบบนี้มากตอนเด็กๆเคยแอบดูคนงานอาบน้ำอยู่เป็นปีๆ ไปโรงเรียนไปมหาลัยก็ชอบดูกางเกงในวับๆแวมๆตามโรงอาหารตามห้องสมุด บอกแม้กระทั่งว่าผมซื้อกล้องมาเพื่อแอบดูสาวๆพริ้ตตี้ที่จะมาทำกิจกรรมพิเศษที่ร้านแต่ก็เลิกล้มความตั้งใจไปเพราะไม่อยากให้มีปัญหาถึงลูกเมีย

ที่ไม่ไปเที่ยวหาความสุขเพราะรู้ตัวว่าเป็นคนเสร็จธุระไว น้ำอดน้ำทนว่ายยังไม่ทันครึ่งสระก็จมน้ำตายแล้วจะให้ไปนวดก็เสียดายตังค์ จัดการตัวเองน้ำแตกแล้วก็นอนเรียบง่ายสบายๆ ปัญหาเพียงแค่ที่รสนิยมของผมมันดูต่ำช้าสถุนโรคจิต

          "เจินดูก่อน" ผมยังพยายามประคับประคองอารมณ์เพราะเธอทำท่าจะลุกเมื่อผมกดเปิดคลิป
          "ดูบ้าอะไร!! เจินไม่ได้โรคจิตเหมือนพี่นะ!!"

ผมบีบไหล่ด้วยอารมณ์โกรธน้ำหนักมือจึงทำให้เจินคงรู้สึกได้ว่าไม่ควรหืออืออะไรกับผมมากนักในตอนนี้ ภาพผู้หญิงในจอตั้งแต่ระดับคอลงมาแอ่นบิดตัวเรือนขาเรียวยาวขาวบดรัดพันกันเหมือนงูเผือกสองตัว สองมือบดคลึงเนินสามเหลี่ยมเร็ว เสียงครางซื้ดเสียวหอบหายใจดังถี่ๆ เธอในภาพคงเสียวแทบทนไม่ไหวรูดตัวตามผนังห้องน้ำลงมานั่งแหกขาเป็รูปตัวเอ็มได้ระดับกับกล้องแอบถ่ายที่ซ่อนในกล่องผงซักฟอกพอดี

เจินตะลึงนิ่งมองภาพตัวเองเปลือยเปล่าใส่หมวกแก้ปสีแดง หน้าตาบูดเบี้ยวเหยเกสลับกับเชยคางซู้ดปากเสียวครางรับกับจังหวะสองที่นิ้วหายเข้าไปในร่องกลีบ เธอขยับเข้าออกเร็วๆจนได้ยินเสียงน้ำกระฉอกดังจั๊กๆ เจินถอดหมวกเปียกชุ่มน้ำมาลูบไล้ที่หัวนมอีกมือก็ยังเร่งจังหวะแบบไม่มีผ่อน

          ".. ปิดเหอะ นะ"
          "เจินดูสิ เมื่อกี๊พี่กำลังชักว่าวกับคลิปนี้แหละ ค่อยๆดูของแบบนี้อย่ากดฟอร์เวิร์ดต้องดูไปเรื่อยๆถึงจะได้อารมณ์" ผมสะกดใจให้เสียงราบเรียบไม่เจืออารมณ์โกรธ

          "พี่เอาคลิปลงเน็ตเหรอ เจินไหว้ล่ะเอาออกเถอะนะ"
          "ไม่ได้ลง เครื่องนี้ไม่ได้ต่อเน็ตปลอดภัยชัวร์ ถ้าต่อเน็ตต้องเครื่องโน้น.. เนี่ยดูสิ!! ถึงตอนนี้แล้วพี่โคตรชอบ เจินครางอย่างเสียวอ่ะดูดิ"

เธอในภาพเกร็งนิ้วสาวจังหวะถี่เร็วเสียงน้ำกระฉอกดังแบบไม่กลัวของตัวเองจะพัง หลับตาครางถี่ๆสลับซู้ดปากหลับตาพริ้มแลบลิ้นเลียริมฝีกปากรัวๆเหมือนกำลังละเลงเลียอะไรสักอย่างอย่างเมามันส์ เธอในภาพเอาหมวกสีแดงบดคลึงถูกับสองกลีบหว่างขาหนีบส่ายไปส่ายนอนหงายลงกับพื้นห้องน้ำหน้าตาเหยเกแอ่นเกร็งกระตุกร้องออกมาดังๆทั้งที่คงอยากจะกลั้นเอาไว้

เธอหอบหายใจหลับตาพริ้มอย่างสุขสมพิงผนังห้องน้ำมือยังลูบไล้เนินสามเหลี่ยมเบาๆ เจินใส่หมวกเปียกโชกใบนั้นไว้บนหัว

          "ใครถ่าย!!" เจินสบนัยตาก้าวร้าว
          "พี่ถ่ายเอง" ผมสารภาพว่าแอบถ่ายเมียตัวเองในช่วงระหว่างที่ไปเชียงใหม่
          "เดี๋ยวหลุดนะพี่ภพ!!" เจินหันมาทำหน้าตื่น
          "ไม่หลุดหรอก พี่แยกฮาร์ดดิสก์เก็บไว้ในเซฟ" ผมกดปุ่มชัทดาวน์เก็บโน้ตบุ้ตกับฮาร์ดดิสก์ภายนอกเข้าตู้เซฟ ผมจะไม่เอ่ยถามเธอเรื่องหมวกสีแดงนั่นเพราะไม่อยากก้าวก่ายความสุขส่วนตัว ใครก็มีมุมนี้ทั้งนั้นผมเข้าใจดี
   
          "แล้วมีอันอื่นอีกมั้ย !!" เราหยุดเงียบกันจนเจินกับผมเย็นลงทั้งคู่
          "มี.. พี่อยากลองแอบถ่ายแบบเค้าบ้างแต่กลัวตำรวจจับ ก็เลยแอบถ่ายเจินแทน 55"
   
          "ลบเถอะนะพี่ภพ เจินขอร้อง.. นะพี่ ลบให้เจินเถอะนะ"
          "ลบทำไม เก็บไว้ดูตอนแก่ๆสิ" ผมยิ้ม
          "ลบเหอะ ลบให้เจินนะเจินกลัวหลุด พูดจริงๆ นะ..กดตรงไหนอ่ะเดี๋ยวเจินกดเอง"
   
          "เจินกดลบไปพี่ก็กู้ข้อมูลคืนได้อยู่ดี"
          "งั้นเจินเขวี้ยงฮาร์ดดิสก์ทิ้งอ่ะ"
          "ทิ้งไปคนเก็บขยะเค้าก็กู้ข้อมูลได้ ง่ายจะตาย"

          "พี่จะเก็บไว้เพื่อแบ็คเมลเจินใช่มั้ย!!"
          "ไม่หรอก พี่จะเก็บไว้ชักว่าว ตั้งแต่คบกันมาพี่ไม่เคยเห็นเจินร้อนแรงแบบนี้เลย เก็บไว้เป็นที่ระทึกนะ" ผมปิดคอมพ์เก็บโน้ตบุ้คกับฮาร์ดดิสก์ในตู้เซฟรวมกับกล่องใส่ปืน เจินได้แต่มองตามไม่รู้จะทำอย่างไร

คืนนั้นเรานอนข้างกันเงียบๆไม่ได้มีใครพูดอะไร ผมรู้ว่าเจินยังไม่หลับ ที่ว่าจะบอกเลิกก็ยังไม่ได้พูด





....................

วันรุ่งขึ้นผมขับรถไปคุยกับลูกค้าแถวสมุทรปราการเจินโทรเข้ามาร้องไห้เสียงตื่น พยายามฟังจนได้ความว่าคนงานที่โรงงานโทรมาบอกว่าพ่อของเธอล้ม ผมรีบกด 1669 บอกว่าคนป่วยมีแนวโน้มจะมีอาการทางเส้นเลือดในสมอง อุ่นใจขึ้นมาหน่อยเมื่อเจ้าหน้าที่แจ้งว่าหน่วยแพทย์กู้ชีพมีแผนรองรับผู้ป่วยสโตรก สามารถฉีดยาบรรเทาอาการเบื้องต้นได้ พอดีสถานที่ที่ไปหาลูกค้าใกล้กับโรงงานของป๊าเจินจึงรีบเข้าไปและตามไปโรงพยาบาลตามลำดับ

          "ป๊าล่ะ" เจินถามทันทีที่ตามมาถึงโรงพยาบาลพร้อมกับแม่
          "ลูกล่ะ"
          "ฝากพี่แอนไว้ที่ร้าน ป๊าเป็นไงบ้าง"
   
          "เมื่อกี๊หมอเค้าออกมา เค้าว่าช่วงแรกๆอาจมีอาการทางคำพูดและก็พวกความจำระยะสั้น ถ้ากายภาพก็น่าจะกลับมาได้ในเวลาไม่เกินหกเดือน เส้นเลือดมันไม่ถึงกับแตกแค่อุดตันโชคดีที่มาถึงโรงพยาบาลเร็ว"
   
          "ขอบคุณพี่มากนะ เจินทำอะไรไม่ถูกแล้ว" เจินพนมมือไหว้ผมแล้วร้องไห้ ผมได้แต่โอบประคองลูบหลังปลอบเธอเบาๆ

          "ตอนนี้เจินต้องเข้มแข็งเป็นหลักให้แม่ ป๊าเค้ามาถึงโรงพยาบาลเร็วก็ไม่น่าเป็นห่วงอะไรมาก"
          "ถ้าไม่ได้พี่หนูก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน"
          "ไม่ใช่พี่หรอก ถ้าจะขอบคุณก็ต้องขอบคุณ 1669 เค้าเก่งจริงๆ"
          "ตอนนั้นแค่เลข 1669 เจินยังนึกไม่ออกเลย มันชาไปหมดทั้งตัว"
          "ถ้าเป็นพ่อแม่พี่พี่ก็ไม่รู้นะว่าจะนึกออกแบบนี้รึเปล่า ยังไงเจินก็ช่วยนึกก็แล้วกัน 1669"

ผมลูบหัวเมียสาวที่อยู่กันมาจนลูกสาวได้ขวบกว่าแล้วแต่เราเหมือนจะเพิ่งสนิทสนมสมกับคนที่อยู่ชายคาเดียวกันในวันนี้เอง ผมกุมมือเจินไว้ตลอดเวลาที่ฟังสรุปอาการแนวทางการรักษาการปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมและเสริมเครื่องพยุงตามมุมต่างๆภายในบ้านส่วนอาการของท่านตอนนี้ก็จัดว่าปลอดภัยอยู่โรงพยาบาลให้แน่ใจสักสี่ห้าวันก็พอ

หลังจากวันนั้นหน้าที่ในการเลี้ยงลูกสาววัยขวบกว่าก็กลับมาเป็นของผมอีกครั้งเพราะเจินและแม่ของเธอต้องไปอยู่ดูแลพ่อตาผมที่โรงพยาบาล นึกว่าจะเลี้ยงลูกเองได้กลับต้องโทรหาเมียแทบทุกชั่วโมงถามว่าไอ้นั่นไอ้โน่นเก็บไว้ตรงไหน เพราะที่ผ่านมาบอกตามตรงแบบไม่อายว่าแทบไม่ได้เลี้ยงลูกเองเลย ผมเอาลูกไปเลี้ยงในออฟฟิศที่ร้านด้วย ลูกน้องสาวๆรวมถึงน้องๆที่ช่วยขายหน้าร้านชั้นล่างพากันมารุมขอช่วยเลี้ยงกันใหญ่

....................

          "แอ่นแอนแอ๊น.. ดูสิว่าใครมาเยี่ยมอากง" ผมอุ้มลูกผลักประตูห้องพิเศษ
          "ตายแล้ว ภพ!! เอายัยเหมยมาโรงพยาบาลด้วยทำไมเชื้อโรคมันเยอะ" แม่ของเจินรีบมารับหลานไปอุ้ม
         
          "พามาเยี่ยมอากงไง เผื่ออากงจะจำหลานได้" ผมประคองแม่ของเจินที่อุ้มหลานอยู่เดินไปข้างๆเตียง

          "มึงพาเด็กมาโรงพยาบาลทำไม ปัญญาอ่อนเหรอ" ป๊าเปลี่ยนเสื้อผ้ารอตั้งแต่หกโมงเช้าเพราะหมออนุญาตให้กลับบ้านได้ในวันนี้
          "อากงจำได้มั้ย.. หลานชื่ออะไร" แม่เจินแกล้งถาม
          "จำได้สิ ..ห่า แต่อย่ามาถามเซ้าซี้ตอนนี้ได้มั้ยวะกูจำได้ก็แล้วกันน่า" ผมสังเกตุว่าอาการปากเบี้ยวผิดรูปเริ่มกลับมาเข้าที่เข้าบ้างแล้ว ส่วนอาการทางสมองเรื่องสรรหาคำด่าไม่น่าจะเสียหายแต่อย่างใด

เจินเดินขึ้นมาพร้อมกับใบเสร็จรับเงินค่าใช้จ่ายที่สูงเอาการยังดีที่เคยซื้อประกันสุขภาพไว้นานแล้วก็เพิ่งจะมีโอกาสได้ใช้ พอเห็นลูกสาวเจินก็โผเข้าไปขอเอามาอุ้มหอมแก้มซุกไซร้จนเหมยทำท่ารำคาญ ผมยื่นโทรศัพท์ให้พนักงานการเงินที่เดินตามเจินมาถ่ายรูปหมู่ให้หน่อย เดินเข้าไปยืนข้างหลังเจินโอบแขนกอดไว้ทั้งแม่ทั้งลูก เจินทิ้งน้ำหนักพิงพักในอ้อมแขนของผม

รูปนั้นผมโพสต์ลงไปในเฟสบุ้คมีคนกดไลค์เป็นร้อย ต่างแซวว่าผมกับเจินยิ้มทั้งน้ำตากันทั้งสองคน

....................
   
          "ภพ.. มึงอยู่ในห้องกับป๊าก่อน คนอื่นออกไปจากห้องให้หมด!! วันนี้กูจะบอกสูตรขนมไอ้ภพมัน" ป๊าพูดเสียงดัง   

          "อ่ะๆ เราออกไปกันก่อน พ่อตาลูกเขยเค้าจะรับมอบมรดกกัน" แม่ของเจินพูดยิ้มๆกวักมือเรียกเจินกับลูกให้เดินตามออกไปกันก่อน "นี่ขนาดแม่เค้ายังไม่เคยบอกเลยนะไอ้สูตรขนมอะไรของป๊าเอ็งเนี่ย"
   
          "แม่ แม่ .. เมื่อกี๊ป๊าเค้าจำชื่อพี่ภพได้!!" เจินอุ้มยัยเหมยเลิกคิ้วพูดด้วยความประหลาดใจ

....................

          "มึงตั้งใจจำให้ดีๆเพราะกูจะบอกรอบเดียว" พ่อของเจินสูดลมหายใจ "แต่ก่อนอื่นมึงต้องสัญญาก่อนว่ามึงห้ามบอกสูตรใคร ถ้ามึงรับสูตรกูไปแล้วแม้แต่ลูกเมียหรือพ่อแม่มึงก็จะให้รู้ไม่ได้ ในโลกนี้จะมีแค่กูกับมึงเท่านั้นที่รู้สูตร"   

          "เอ่อ.. ผมถ่ายวิดีโอไว้ได้มั้ยครับ เผื่อลืม.." ผมหยิบมือถือขึ้นมา
          "ห่าเอ๊ย..!! จำสิวะ!! สมัยก่อนมีไอ้ของอย่างงี้ซะที่ไหนล่ะ!!"
          "แต่เดี๋ยวนี้มันมีแล้วนี่ครับสะดวกดี หรือจะอัดแค่เสียงก็ได้นะป๊า" ถึงจะป่วยยังไงสายตาดุทรงพลังคู่นั้นก็ยังเตือนสติผมได้ว่ามึงอย่าทะลึ่งปีนเกลียว "อ่า อ่ะ.. ครับๆ จำก็ได้ครับ"

          "มึง..จำ!!!" ป๊าของเจินเน้นเสียงหลับตานึกนิ่งอยู่นาน ส่วนผมตั้งสติเตรียมสมองให้ว่างพร้อมจดจำ สูตรขนมที่ป๊าของผมเพียรพยายามแม้กระทั่งใช่เลห์กลโกงเท่าไหร่ก็ยังไม่เคยรู้เคล็ดลับของหุ้นส่วนสำคัญ

          "ไอ้.. ขาวๆที่มันเรียงๆเป็นหัวๆนี่มันอะไรวะ"
          "อะ.. อะไรนะครับ"
          "ขาวๆกลมๆอ่ะ กลิ่นแรงๆอ่ะ"
   
          "กระเทียมรึป่าวครับ"
          "เออ กระเทียมโลนึง" ป๊าหลับตานึกต่อในท่าเดิม "แล้วไอ้ที่หัวใหญ่กว่ากระเทียมขึ้นมาหน่อย ที่เปลือกบางๆล่ะ"
   
          "หอมหัวใหญ่ครับ"
          "เออ.. หอมหัวใหญ่ ไอ้ห่า!! นึกชื่อมันไม่ออกเว้ย กูรู้นะว่าอะไรแต่มันพูดไม่ออก แม่ง.. ใส่หอมด้วยกิโลนึง แล้ว.." ป๊าทำท่าจะนึกต่อ
   
          "เอ่อ.. ไปบอกที่บ้านได้มั้ยครับป๊า ขืนออกจากโรงพยาบาลช้าเดี๋ยวเค้าคิดเพิ่มอีกวันนะคับ"
          "อ้าว ไอ้ห่า!! งั้นไปดิ!!" พ่อของเจินแทบจะกระโดดลงจากเตียงคนไข้รีบเดินเซๆเอียงๆนำออกจากห้อง

....................

ฟ้าหลังฝนมักจะสดใสสวยงามเสมอ รู้สึกได้ถึงลมเย็นๆพัดพาเรื่องร้ายที่เกิดกับชีวิตผมมานานแรมหลายปีให้พ้นไป พ่อกับแม่ของผมเสนอว่าอยากจะให้พ่อกับแม่ของเจินไปอยู่เสียด้วยกันที่ประจวบบ้านเกิดเพราะที่นั่นครอบครัวผมทำสวนมะม่วงส่งออกเยอะหลายไร่อยู่เหมือนกัน และอยากจะพาหลานไปเลี้ยงอยู่ด้วยกันเพราะเป็นบ้านริมทะเลเงียบสงบอากาศดีเหมาะกับจินตนาการของเด็กๆและการพักฟื้นผ่อนใจของคนป่วย

....................

          "ทำไมแต่ก่อนเจินถึงรังเกียจพี่อ่ะ" อยู่ดีๆผมก็ถามขึ้นมาตอนเดินดูข้าวของสินค้าในห้างสรรพสินค้าชื่อดังรอเวลาดูหนังรอบสุดท้าย
          "รังเกียจ!! .. ตอนไหน" เจินจับเนื้อผ้าเสื้อยืดที่แขวนโชว์อยู่
          "ก็ทุกตอนอ่ะ"
          "ไม่เห็นรังเกียจเลย รังเกียจก็ต้องทำหน้าแบบ หยี.. แหยะ แหวะ แบบนั้นสิ"
          "ก็นั่นอ่ะ ชอบทำหน้าแบบนั้นเลย"
   
          "อ้าว เหรอ.. ไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย หน้าเจินตอนเฉยๆไม่ยิ้มก็เป็นแบบนั้นเองมั้ง คิดมากป่าว"

          "ก็ไม่เห็นจะมาคุยด้วยอะไรด้วยเลย พี่มาโรงงานแทบทุกวันเห็นแต่ทำการบ้านอยู่ในห้องออฟฟิศ"
          "ออกมาอ่อยผู้ชายแบบเค้าเรียก แร่ด..แล้วมั้ง" เจินเน้นเสียง
          "เออ ก็แบบมองบ้างอะไรบ้างก็ยังดี นี่ทำแบบไม่มีตัวตนเลยอ่ะ"
          "แล้วเห็นเจินนั่งทำการบ้านป่ะล่ะ"
          "เห็นดิ เห็นนั่งทำการบ้านอยู่ที่โต้ะทำงานในออฟฟิศทุกวันเลย"
          "ก็มานั่งให้เห็นแล้วไง เค้าทำการบ้านข้างบนก็ได้จะมานั่งทำในออฟฟิศให้เห็นทำไม"
          "อ้าว เหรอ.. "
   
          "คิดดูนะ ป๊าหนูเค้าชี้ให้ดูตั้งแต่เพิ่งขึ้นม.สี่อ่ะว่าเนี่ยผัวมึง โอ้ย.. จะบ้า" ผมปล่อยให้เจินเดินพูดไปคนเดียวเพราะเป็นโซนขายชุดชั้นในทำสัญญาณมือให้เธอเดินเลือกไปคนเดียว ระหว่างยืนรอก็กวาดสายตาดูอะไรไปเรื่อย ใกล้เวลาห้างปิดบรรดาลูกค้านักช้อปปิ้งเริ่มบางตา
   
          "แอะ!! มองจังนะคนนั้นอ่ะ น่ารักเนอะ" เจินเดินมาข้างหลังร้องทักจนผมสะดุ้ง
          "อ๋อ.. เปล่า มองไปงั้นแหละ แหะๆ"
          "ไปดูใกล้ๆมะ เดี๋ยวเจินพาเดินไปใกล้ๆ"
          "ไม่เอาหรอก บ้าเหรอแผนกชุดชั้นใน ไม่เอา!!" ผมฝืนแรงจูงมือของเจินไว้
          "อ้าว.. ไหนว่าโรคจิต"
          "สมัครเล่นน่ะ ยังไม่ใช่โรคจิตตัวจริง"
          "ไปดิ!! เดี๋ยวเจินพาไปดูใกล้ๆเลยน่ารักนะหุ่นดีเว่อร์อ่ะ ต้องเป็นดาราแน่ๆเลยสวยๆแบบนี้จะใส่ชุดชั้นในยังไงน้าา"
          "ไม่เอา.. พนักงานเค้ามองแล้วเดี๋ยวเค้าด่าเอา" ผมยิ่งลุกลี้ลุกลนก็เหมือนยิ่งโดนแกล้ง

          "ดูห่างๆก็ได้ป่ะ นี่มุมนี้ๆเห็นชัด โห..หุ่นดีเนอะ" เจินก้มๆเงยๆแอบมองผู้หญิงคนนั้นกำลังเลือกชุดชั้นในจากทางด้านหลัง "โหย.. เค้าเลือกจีสตริงด้วย พี่!!" เจินคงไม่เห็นผมที่กำลังส่ายหน้าอนาถใจอยู่ "เค้าไปห้องลองแล้วพี่ ตามๆ!!" 
   
          "ไม่เอา.. มานี่ วู้!!" ผมไม่แน่ใจว่าจริงๆแล้วเธอเพี้ยนหรือว่าแค่อยากแกล้งผมเล่นๆ

          "เจินซื้อตัวนี้ไปใส่ดิ"
          "หืย.. แบบนี้จะใส่ไปไหนได้" เจินมองดูชุดชั้นในเกือบจะซีทรูทั้งชิ้นล่างชิ้นบน
          "ถ้าไม่ซื้องั้นไปเลย!! ไปตรงโน้นดีกว่า" ผมรีบจูงมือเมียสาวที่เปลี่ยนจากคนเชิดหยิ่งกลายเป็นเพี้ยนๆงงๆยังไงชอบกล "เนี่ยเสื้อผ้าผู้หญิง เดินแผนกนี้เหอะ"

คุณแม่ยังสาวที่ครั้งนึงพูดได้เลยว่าเคยนึกเกลียดผู้หญิงคนนี้ เธอหยิ่งถือตัวผมยังจำท่ามองด้วยหางตาของเธอได้เพิ่งเข้าใจตอนนี้ว่าเธอเป็นสาวเข้าใจยาก เจินเดินเลือกดูเสื้อผ้าที่ส่วนใหญ่จะเป็นชุดเสื้อสูทกระโปรงทำงานไม่แตกต่างกับชุดที่เธอกำลังใส่มาดูหนังรอบดึกอยู่ตอนนี้
   
          "ตัวนี้สวยดี" ผมชวนเธอคุยเรื่อยเปื่อย
          "พี่ภพไม่ซื้ออะไรเหรอ ไว้ใส่ไปหาลูกค้า" เจินหันมามองหน้า
          "ฮึ.. ชุดทำงานเต็มตู้นี่ก็ผอมลงด้วย ข้าวปลาไม่ค่อยจะได้กิน"
          "เจินนี่เป็นเมียที่ไม่ได้เรื่องเลยเนอะ พี่ภพถึงได้ผอมลง"
          "เห้ย!! ไม่ใช่ ข้าวที่บ้านก็มีให้กินตลอดแหละ แต่บางทีกลับมาแล้วเจินกับลูกเข้าห้องไปแล้วพี่ก็ขี้เกียจกิน"

          "แล้วถ้ารู้ว่ากลับมาเจินก็เข้าห้องไปแล้วทำไมไม่ไปกินไปเที่ยวที่อื่นอ่ะ"
          "กินเหรอแต่ก่อนก็กินนะกับพวกไอ้จืดอ่ะ แต่พอเจินบ่นพี่ก็เลยเลิกกินกับพวกมัน" ผมหมายตาเสื้อแขนกุดผู้หญิงเนื้อผ้าบางเบา

          "ทำไมพี่ไม่ไปเที่ยวเหรอ.. อืม ขอใช้คำพูดตรงๆได้ป่ะ"
          "ได้สิ ทำไมเหรอ"
   
          "คือ ที่ไม่เที่ยวอ่ะบอกตรงๆนะ เงินสองสามพัน กลับมาช่วยตัวเองน้ำออกก็จบข่าวภาคค่ำแล้ว ตังค์อยู่ครบ" ผมยักคิ้ว
          "ทู่เรสสสส ทู่เรศศ ทู่เรสสสส ทู่เรสทู่เรสทู่เรสทู่เรสทู่เรสทู่เรส"
          "เจินนนนน!!" ผมเขย่าไหล่เธอจนหัวคลอนเรียกสติ "นี่ก็ถึงได้ถามก่อนไงว่าพูดได้รึเปล่า"
   
          "พูดด้ายยย แต่ก็อย่าแรงนักสิ เฮ้อ.. แต่ละอย่าง" เจินถอนหายใจส่ายหน้า
          "นี่เหมือนกำลังจีบกันใหม่ทำความรู้จักกันใหม่เลยเนอะ" ผมจับมือเธอเดินตามไปด้วยช้าๆ
          "ถ้าคิดจะจีบก็เอาแบบตัวตนจริงๆเลยนะ จะได้รู้ว่ารับได้รับไม่ได้แค่ไหน"

          "แล้วพี่ภพชอบผู้หญิงแต่งตัวแบบไหน" เจินหันมาถามหลังจากปล่อยเดทแอร์ไปซักพัก
          "ชอบแบบไหนอ่ะ ก็ชอบแบบตามกาละเทศะนะ"
          "เอาแบบชอบมองอ่ะ เห็นแล้วอึ้งตะลึงนิ่งไปเลยอ่ะ กางเกงยีนส์สั้นๆแบบผู้หญิงคนเมื่อกี๊เหรอ"
         
          "..พูดได้จริงเหรอ"
          "จริง ทีนี้ไม่ต้องถามแล้วนะอยากพูดก็พูดเลย จะได้รู้จักตัวจริงพ่อของลูกซักที"
          "พี่ฟังแล้วเหมือนขู่ว่ะและตอนนี้เจินก็เริ่มทำหน้าเฉยๆอีกแล้วด้วย หน้าโหดอ่ะ"
          "บ้าเหรอ ใครจะเก็กหน้าสวยแบ๊วยิ้มได้ตลอดวะ"
   
          "พี่ชอบผู้หญิงใส่ชุดชั้นใน ไม่ใส่อะไรเห็นก็เฉยๆนะชอบแบบใส่มากกว่า เคยแอบดูเกงในครูฝึกสอนด้วย"
          "โห ทุเรศมาก พี่ภพนี่ตอนเด็กมีแต่เรื่องอุบาทว์ๆเนอะ คุยกับพี่นี่ต้องทำใจก่อนเลยนะว่าจะได้ฟังได้ฟังเรื่องอะไรบ้าง"
          "อ่าว.. ไหนบอกว่าให้เปิดใจ"
          "เอาแบบชุดที่ใส่ออกนอกบ้านได้สิคร้าา ชุดชั้นในใครจะบ้าใส่ออกมาเดิน"
         
          "แล้วถ้าพี่ชอบแบบไหนแล้วเจินจะใส่เหรอ" แค่เนี้ยครับกะจู๋ผมก็แข็งอัดแน่นในกางเกงยีนส์แล้ว
          "เอาแบบคนธรรมดาใส่ได้ก็แล้วกันนะ" เหมือนเจินเริ่มรับรู้ชะตากรรม

          "ตัวนี้เลย.." ผมชี้เสื้อเนื้อผ้าบางเบาย้วยที่หมายตาไว้
          "พอเลย!! นั่นมันมุ้งแล้วมั้งไม่ใช่เสื้อหรอก โหย.. มุ้งตัวละสามพันแปด นี่ขนาดลดยี่สิบเปอร์เซ็นต์แล้วนะ" เจินทำเสียงกระซิบ
         
          "งั้นตัวนี้ ตัวนี้เลย" ผมเลือกเสื้อย้วยทรงเดียวกันแต่สีเข้มไม่ได้บางจ๋อยระดับโชว์แบบฮาร์ดคอร์เหมือนตัวเมื่อกี๊
          "คอเสื้อโอเคนะแต่ดูแขนดิ..กว้างอย่างกะสนามหลวงขืนใส่มีหวังนมออกมาโชว์ทั้งเต้า"
         
          "เออ ตัวนี้แหละ ใส่ตอนนี้เลยได้ป่ะ"
          "บ้าแล้วพี่คนเยอะแยะ แล้วใส่ตัวกับกระโปรงทำงานเนี่ยนะ" พนักงานขายเริ่มขยับมาใกล้ๆทั้งชั้นแทบจะเหลือเราเป็นลูกค้าเพียงสองคน

          "เหลืออีกสิบห้านาทีนะคะลูกค้า" พนักงานขายสาวเอ่ยเตือนเบาๆ
          "ครับๆ พอดีรอดูหนัง.. "
          "ถ้าดูหนังก็เดี๋ยวต้องขึ้นไปแล้วค่ะ"
          "เอ่อ ครับ งั้นรีบเลย พี่คนขายมีกระโปรงแบบสั้นมากๆมั้ยครับ สั้นๆเลยอ่ะ"
   
          "สั้นๆเลยเหรอคะ"
          "ครับ เอาสั้นที่สุดในร้านเลย"
          "ถ้าสั้นมากๆก็จะเป็นพวกกระโปรงยีนส์สั้น"
          "ครับ ใส่คู่กับเสื้อตัวนั้นที่ผู้หญิงคนนั้นเค้าถือไว้น่ะครับ"
   
          "อืม ต้องสั้นๆเลยเหรอคะ" พนักงานค้นดูที่ราวแขวน
          "สั้นครับ ขอสั้นที่สุดเลยราวไหนเดี๋ยวผมเลือกเองก็ได้ครับจะได้เร็วๆ"
   
          "ถ้าสั้นที่สุดก็เป็นกระโปรงยีนส์ค่ะ คุณผู้หญิงใส่เองมีไซส์พอดี"
          "แจ๋วเลย เจินอยากเลือกมั้ยเอาตัวไหน" เจินเพยิดหน้าเป็นสัญญาณว่าตามใจฝันมึงเลย
   
          "อ่ะ เวลาน้อย เอาตัวเนี้ย ลองดิ.. พี่ครับ ผมเข้าไปดูในห้องลองได้ป่ะ" พนักงานสาวโบกรีบมือห้ามว่าไม่ได้เด็ดขาด
         
          "รู้และว่าพี่ภพชอบผู้หญิงแต่งตัวสไตล์ไหน" เสียงดังออกมาจากห้องลองเสื้อ
          "สไตล์ไหน"
          "สก้อยไง.. สไตล์แว้นซ์สก้อย"
          "เห้ย.. สวยอ่ะ กลายเป็นคนละคนเลย พอดีนะ..ใส่เลย พี่ครับเอาสองตัวนี้เลย เสื้อผ้าชุดเก่าใส่ถุงไปก็แล้วกัน" ผมยื่นบัตรเครดิตให้คนขาย

          "บ้า!! ใส่ไม่ได้ ไปใส่ที่บ้านดิ คนเยอะ"
          "เยอะอะไรล่ะมีแค่เราเนี่ย ไปเหอะเดี๋ยวก็เข้าโรงหนังแล้ว"
          "มันเป็นเสื้อในแบบใส่ข้างในไม่ใช่ใส่โชว์ข้างนอก!!" ผมมองบราลายลูกไม้สีขาวโผล่ออกมาเกือบครึ่งเต้า

          "เอ่อ.. พี่มีกรรไกรที่ตัดพวกขากางเกงมั้ยครับ"
   
ผมรับกรรไกรจากพนักงานนั่งคุกเข่าบอกให้เจินยืนนิ่งๆหรี่ตาวัดกะระดับบรรจงขลิบตัดกระโปรงยีนส์ช้าๆเจินตกใจจะถอยหนีจนผมต้องร้องเตือนอีกครั้งเพราะอาจบาดเจ็บได้ รู้สึกถึงต้นขาขาวของเธอเกร็งสั่น หั่นเสร็จแล้วก็ถอยออกมาภูมิใจกับผลงานคืนกรรไกรกับพี่พนักงานขายหญิง

เจินใส่แจ็คเก็ตกันหนาวแบบมีฮูทตัวใหญ่โคร่งของผม เธอรูดซิบถึงคอชายเสื้อคลุมกระโปรงสั้นอวดเรียวขายาวขาว นี่ถ้ามีหมวกเบสบอลกับห้อยสร้อยคอใหญ่ๆอีกซักหน่อยคงคล้ายกับพวกสาวฮิปฮอปหมวยเอ็กซ์

          "ไหนโยว่ซิ"
          "ห่ะ.."
          "โยว่.. วอสซัป แหมน.." ผมทำมือล้อเลียนแต่เหมือนเจินจะไม่ตลกด้วย
          "สองตัวเกือบเจ็ดพันเนี่ยนะ"
          "รูดปื๊ดๆ ไม่แพงหรอก"
          "ไม่แพงได้ไง จะบัตรใครมันก็เงินทั้งนั้น!!"
          "อ้าว แต่ก็คุ้มนะไม่เคยเห็นเจินแต่งตัวแบบนี้มาก่อน"
          "นี่..รองเท้าแตะด้วย เข้ากั๊นเข้ากัน" เจินลืมตัวยกรองเท้าแตะคีบสูงจนเห็นกางเกงในสีขาว

          "เพิ่งเคยเห็นเจินใส่บราเป็นครั้งแรก"
          "ตลก.. "
          "จริง ก็เวลาอาบน้ำออกมาเจินก็ใส่ชุดนอนออกมาแล้ว นมอ่ะเคยเห็นแต่บราไม่เคยเห็น"
   
          "พี่!! เดี๋ยวก่อน!!" เจินหยุดเดินตัวเกร็งตอนกำลังจะถึงโรงหนัง มองผู้ชายที่ยืนอยู่คนเดียว

          "ทำไมอ่ะ"
          "รุ่นพี่ที่มหาลัย!!"
          "รุ่นพี่แล้วทำไมอ่ะ เดี๋ยวนะ.. หรือว่า.. คนนี้ใช่คนที่คุยในไลน์รึเปล่า" ผมทายถูกเพราะท่าทางเจ้าหมอนั่นมันก็หล่อเหลาเอาการ พอดีวันนั้นเจินลืมมือถือไว้ในรถแล้วมันขึ้นเตือนข้อความ
          "พี่ภพแอบดูมือถือเจินเหรอ"
          "ดู.. แต่เห็นแค่หน่อยนึงไม่ได้กดเข้าไปข้างใน แต่หลังๆนี่ชักบ่อยนะ เดี๋ยวนะ อ๋อ.. ให้พี่เดานะ นี่.. ใช่เจ้าของหมวกสวาทสีแดงใบนั้นรึเปล่าเนี่ย" ผมทำเสียงล้อเลียน
          "หมวกสวาทบ้าอะไรหมวกทีมบาสมหาลัยย่ะ เค้าให้เจินกับมือวันที่เค้ารับปริญญา"
          "อ๋อ หมวกแทนใจ ว่างั้น .. มิน่าล่ะถึงเขี่ยซะเสียวเลย"
          "ทุเรส ไอ้พี่ภพ ไหนบอกว่าจะไม่ล้อเรื่องนี้ไง!!" เจินหยิก เรียกว่าจิกแรงๆดีกว่า
   
          "โท้.. หล่อก็หล่อ มาดูหนังคนเดียวบ้าป่าว.."
          "พี่บอสเค้าก็ดูคนเดียวแบบนี้ประจำแหละ ถ้าแต่ก่อนจะดูด้วยกันก็ดูต้องรอบกลางวัน แต่ว่าห้ามป๊ารู้เลยเลยไม่งั้นตายแน่"

          "แล้วตอนนั้นทำไมเจินไม่บอกกับป๊าไปล่ะว่าเรามีแฟนอยู่แล้ว จะได้ไม่ต้องแต่งกับพี่"
          "แล้วทำไมพี่ภพไม่บอกป๊าพี่ล่ะจะได้ไม่ต้องแต่งกับเจิน"
          "อ๊าว.. ก็พี่ชอบเจินแล้วพี่จะบอกป๊าทำไมอ่ะ"

          "แล้วตอนบอกเลิกเค้าไม่โกรธเหรอ" ผมยืนซ้อนด้านหลังกอดไหล่เธอ
          "พี่บอสเค้าก็เสียใจนะแต่ก็บอกเค้าว่าเจินต้องแต่งงาน เรื่องแต่งงานตอนแรกเจินก็คิดว่าป๊าพูดเล่น ถ้ารู้ว่าจริงเค้ามาจีบเจินก็คงไม่ยุ่งหรอก"
   
          "ใครมาจีบ!! หนุ่มฮอตนักบาสมหาลัยเนี่ยนะจะมาจีบยัยหมวยหน้าหยิ่งตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงขนาดนี่"
          "พี่ภพ.. เจินนี่คนนะไม่ใช่เซเว่นถึงจะได้ยี่บสี่ ก็พี่เค้ามาจีบสิเอ้อ.."
          "อ้าว แบบนี้เราก็ผิดเต็มๆนะ มิน่า.. ข้อความที่มันส่งมาถึงได้ตัดพ้อน้อยใจพร่ำพรรณนาจังเลย"
          "พี่ภพดูมือถือเจินกี่ครั้งแล้วเนี่ย!!"

          "ตอนแรกพี่คิดว่าเจินมีคนอื่นก็นึกโกรธเหมือนกัน แต่พออ่านข้อความก็รู้นะว่าไม่ได้มีอะไรแค่ดรามาห่วงหากันอย่างเดียวเกาลี๊เกาหลีเศร้าเชียว อ่านแล้วพี่แม่งกลายเป็นตัวโกงเหี้ยๆไปเลยอ่ะ"
       
          "จะมาพูดตอนนี้ก็ไม่มีประโยชน์แล้วล่ะ"
          "ใช่.. มันสายไปแล้วแล้วเพราะกูไม่ยอมคืนเมียให้มึงแน่ๆ โคตรเท่โคตรหล่อขนาดนี้ยังไม่ได้แอ้มนางฟ้าเลยสู้พี่ก็ไม่ได้เนอะ" ผมหันมาพยักพเยิดกับเจิน

          "อืม.. อยากดูหนังกับเค้าอีกทีมั้ยล่ะ ไปแก้ไขบอกลาเค้าซะให้จบ"
   
          "นี่ทำเป็นใจดีเผื่อไว้ทีตัวเองรึเปล่าเนี่ย" เจินดักทางไว้ก่อน
          "มีที่ไหนล่ะ พี่ไม่ได้ลักกินขโมยกินของใครเหมือนพ่อสุดหล่อนักบาสมหาลัยแฟนเจินหรอก"
       
          "แล้วมีข้อแม้มั้ย" เจินหลิ่วตาถาม
          "มี"
          "ว่าแล้ว.. อะไรอ่ะข้อแม้"
          "พี่ขอยึดกระโปรงเจินไว้ก่อน"
          "บ้าแล้ว ให้ใส่แต่เกงในเนี่ยนะไม่เอาอ่ะ หน้าเจินยังมีนะยางอาย"
          "ตอนนี้มันก็ไม่เห็นต่างอะไรกันเลยแจ็คเก็ตมันก็คลุมมาจะถึงเข่าอยู่แล้ว" ผมถอยมาหรี่ตาดู "ถอดข้างในออกก็ไม่ดูไม่รู้หรอก"
   
          "นี่ถามจริงๆรู้มาก่อนป่ะเนี่ย ว่าเค้าจะมาดูหนังถึงได้ชวนมาเนี่ย"
          "เออ เมื่อตอนบ่ายมันลงไอจีว่าจะมาดูหนังรอบสุดท้ายรับสมัครคนดูด้วย พี่ก็เลยพาเจินมาสมัคร" เจินทำท่างงๆแต่ก็ยอมถือถุงเสื้อผ้าเดินไปเข้าห้องน้ำ

ผมยืนรอหัวใจเต้นแรงแทบจะหลุดออกมารอลุ้นผลงานที่เพิ่งอำนวยการสร้างเป็นเรื่องแรก ดาราสาวหน้าใหม่คงยังขัดเขินไม่ค่อยอินกับบาทบาทค่อยๆซอยเท้าก้าวสั้นๆหนีบๆดึงชายเสื้อเสื้อแจ็กเก็ตให้คลุมลงมามากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อปิดขาอ่อนขาวคลุมฮูทปิดบังศรีษะ

          "อ่ะ ถือว่าถูกต้องตามกติกา"
          "จากนี้.. ท่านผู้เข้าแข่งขันต้องเลือกแล้วละครับว่าอยากดูหนังกับใคร ระหว่าง..." ผมแกล้งทำเสียงใหญ่ๆเหมือนพิธีกรเวทีมวย
   
          "มุมแดง ไอ้โรคคคคจิต..เบเกอรี่ มุมน้ำเงินนน ไอ้หล่อยอดนักบาสขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่และกระเทยอดีตรักเก่าที่บ้านเกิดดดดดดด" เจินหัวเราะแห้งๆแบบอนาถใจ
          "บ้าป่ะเนี่ยถามจริง นักมวยอะไรทำไมชื่อยาวจัง"
          "อย่าดิ กำลังได้อารมณ์เลย" ผมเริ่มใหม่ "จะเลือกดูหนังกับใครครับสาวน้อย คิดให้ดีเพราะว่าจะต้องมีคนอกหักหนึ่งคนแน่นอนนนน..นน" (ทำเสียงเอคโค่ด้วยนะเวลาอ่าน)
   
          "ขอตัวช่วยค่ะ"
          "เฮ่ย.. มีตัวช่วยด้วยเหรอ ตัวช่วยอะไรครับ"
          "ขอโทรถามเพื่อนค่ะ"
          "ถามใครครับ เพื่อนชื่ออะไร"
          "ถามผัวค่ะ ผัวไม่รัก ผัวจะยอมให้ดิฉันไปดูหนังกับคนอื่น"
          "55 งั้นเชิญถามได้ครับสามสิบวินาที"
   
          "ถ้าเป็นพี่ พี่จะดูกับใคร"
          "ถ้าพี่เป็นพี่ หรือถ้าพี่เป็นเจิน คำตอบมันจะไม่เหมือนกันนะ"

          "พี่อยากให้หนูไปดูหนังกับคนอื่นจริงๆเหรอ"
          "เอางี้.. หลังจากนี้ถ้าถึงตรงไหนที่เจินรู้สึกว่าอยู่ในจุดที่เริ่มไม่สนุกแล้วหรือลำบากใจเจินก็บอกพี่แล้วกัน" ผมจับมือเธอ "พี่สัญญาว่าเราจะอยู่ดูลูกสาวเราเรียนจบมีแฟนมีครอบครัว เราจะบอกลูกว่าให้ฝังร่างของเราสองคนอยู่ข้างๆกัน"
         
          "นี่ปากใช่มั้ยเนี่ย อัปมงคลจริงๆเลย"
 
          "เอานะ ..แต่เดี๋ยวก่อน พี่ว่าเจินเอาฮูทลงเหอะมันดูตลกๆอ่ะ" เจินไม่ตอบรับแต่ยอมดึงฮุทคลุมศรีษะลงตามคำแนะนำ ผมดึงมือเธอให้เดินตามเข้าไปจังหวะเดียวกับที่พนักงานประกาศเรียกรอบหนัง



          "สวัสดีครับ" ผมเอ่ยทัก
          "สวัสดีครับ อ้าว.. จะ.. เจิน" เจินโบกมือทักทายเล็กๆ
         
          "พอดีผมไม่ชอบดูหนังแนวนี้น่ะครับแต่เจินเค้าอยากดู ฟิฟตี้ เฉด ออฟเกรย์.. อ่ะ ผมให้ตั๋วคุณเข้าช่วยไปดูเป็นเพื่อนเจินหน่อยสิ ฮันนีมูนซีทเลยนะ"
   
          "เดี๋ยวครับ.. เอ่อ.. คือ.. คุณคงเข้าใจอะไรผิด จริงๆผมส่งข้อความทักไปเฉยๆไม่มีอะไรหรอก ..ใช่ป่ะเจิน" หนุ่มนักบาสลุกลี้ลุกลน
   
          "พูดแบบนี้แสดงว่ารู้แล้วว่าผมเป็นใคร" ผมถาม
          "รู้ครับ"
   
          "เอาเถอะ คือผมก็ไม่มีอะไรจริงๆอ่านข้อความที่คุณคุยกับเจินแล้วผมก็รู้ว่าภรรยาผมไม่ได้เล่นด้วย แต่จะปล่อยไว้นานมันก็ไม่ใช่เรื่องดี คุณต้องเข้าใจว่าเจินกับผมมีลูกกันแล้ว เรื่องของคุณมันจบไปแล้ว"

          "เอ่อ.. พี่ครับ ผมมากับแฟนครับ แฟนผมเดินมาโน่นแล้วครับ คือเรื่องไลน์ผมขอโทษจริงๆสัญญาครับว่าจะไม่มีอีกแล้ว นะเจินนะ.. ไม่มีอีกแล้วครับพี่ .. เอ่อ.. พี่อย่าบอกแฟนผมเรื่องนี้ได้มั้ยครับ"

          "มีอะไรกันเหรอคะ อ้าวเจิน.." รุ่นพี่สาวสวยแสดงท่าทีประหลาดใจสุดๆ

          "สวัสดีค่ะพี่หนิม" เจินยกมือไหว้สวัสดี
          "สวยขึ้นรึเปล่าเราเนี่ยเรามากับแฟนเหรอ สวัสดีค่ะ" ผมกล่าวสวัสดีตอบ "ดูฟิฟตี้เฉดเหมือนกันรึเปล่าคะ เค้าเรียกเข้าโรงแล้วไปเหอะ ว่าแต่ข้างในมันหนาวนะจ้ะเจินใส่ซะสั้นเชียวไม่หนาวขาเหรอ" รุ่นพี่สาวตั้งข้อสังเกตุ

          "หนิม.. เอ่อ คือว่าผมปวดท้องมากเลย ไว้เราค่อยมาดูหนังกันวันหลังนะ" พี่บอสกุมท้องพลางบอกแฟนสาว
          "อ้าว.. แต่หนังจะเข้าแล้วนะ"
          "น่า.. ไปเหอะ เอาไว้ค่อยเจอกันนะเจิน สวัสดีครับพี่"
          "สวัสดีครับ" ผมมองตามเจ้าตัวใหญ่ใจป๊อดจูงมือแฟนสาวที่เดินตามไปอย่างงงๆ   

....................

          "แฟนเค้าเหรอ ..นึกว่าโสด"
          "รุ่นพี่คณะเจินเอง พี่หนิมหลีดงานบอลเลยนะ"
          "แล้วเค้าเป็นแฟนกันรึเปล่าล่ะ"
          "มาด้วยกันขนาดนี้ก็ต้องแฟนสิ" เจินตอบ

          "แล้วตอนเรียนก็แฟนกันเหรอ"
          "ก็ไม่รู้ คนเค้าก็แซวๆกันแหละ"
          "เจินคบกับเค้าทั้งที่รู้ว่าเค้ามีแฟนเนี่ยนะ"
          "พี่บอสเค้าก็มีแบบคุยหลายคน.."
          "เฮ้อ.. ไรวะ"

          "เค้าว่าเจินบ้าแน่ๆแต่งมาขนาดนี้" เจินเปรยเบาๆ
          "ร้อนป่ะ" แสงสว่างจากจอหนังนมคู่สวยของนางเอกในเรื่องสว่างวาบทาบใบหน้าเจิน
          "ร้อนบ้าไรหหนาวขาจะตาย"
          "รูดซิปออกมั้ย"
          "นมคับ รูดซิปออกนี่ก็นมจากเต้าล้วนๆเลยคับ นี่จะเดินกลับไปที่จอดรถยังไงยังไม่รู้เลยคับ" ทั้งเนื้อทั้งตัวของเธอมีแค่เสื้อแจ็คเก็ตกับกางเกงชั้นในตัวจิ๋ว

          "แต่แถวเราไม่มีคนเลยอ่ะ นิดนึง นะ"
          "โน่นคับ บนหัวคับ ห้องฉายหนังโผล่หัวมาก็เห็นแล้ว"

 



เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

pitoonpa


decha55

ใช้ความรูสึกแท้จริงแสดงออกมาอย่าเก็บไว้ จะได้รู้ว่า คู่ของเราจะรอดหรือล่ม

peddo

ชแบเรื่องนี้มานานมาก อยากอ่านเรื่อยๆครับ อินมาก อย่าว่าแต่ถูกจับแต่งเลยครับ แต่งกันเพราะรักยังมีสภาพคล้ายกันหลังลูกเกิด ตอนนี้ก็อาศัยทำแบบพี่ภพเลย อิอิ
หวังว่าจะลงเอยด้วยดี
ขอบคุณ​ครับ​

rewind99

อุตสาวางแผนมา...เขามากะแฟนซะงั้นจัดเองเลยพระเอก555

Anawat Por


mario


Phatsakorn Kamkom


zero009


Wandit Iempan

ผัวเมียคู่นี้เขาลืมเอาปากมาตั้งแต่แรกแล้ว กว่าจะรู้ใจกันก็คงลูกคนที่2-3ละมัง

Pm Nuttakan

ทุกปัญหามีทางแก้ขอแค่เปิดปากคุยกัน อ่านเพลินเลย เนื้อหาแน่น ขอบคุณมากครับ

Luka

บุคลิกแบบเจิน ถ้าจุดติดนี่หลุดเลยนะ

พร้อมตอบสนองแน่นอน

ชอบเรื่องแนวนี้มาก เปลี่ยนสาวเรียบร้อย เป็นสาวร้อน

Pigdavil

บทพิสวาทมีน้อย แต่ก็สนุกดี ว่าแต่เจิน ตัวตนที่แท้จริงเป็นยังไงกันแน่

Eberm


surasek