ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_ΜoNoTΩИ∑ ★★★

ตำนานเทพวายุ แนะนำ พี่กิ่ง พี่จันทร์ และ ทีมพยัคฆ์

เริ่มโดย ΜoNoTΩИ∑ ★★★, พฤศจิกายน 11, 2019, 08:34:20 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

ΜoNoTΩИ∑ ★★★

สวัสดีครับ เนื่องจากว่า 2 ตอนที่ผ่านมา มีตัวละครใหม่ๆ เพิ่มขึ้นมาหลายตัวจนหลายๆคน ตามไม่ทัน เพราะฉะนั้นกระทู้นี้ถือเป็นการติวก่อนที่จะลงเนื้อเรื่องตอนต่อไปนะครับ


ตัวละครหลักๆ อย่างเช่น

อิซานางิ ชิน
อิซานางิ ริน
อิซานางิ ริวกะ


หรือแม้แต่บรรดาสมาคมเมียๆ ทั้งหลาย ผมรวบรวมไว้กระทู้ตาม Link นี้แล้ว



https://xonly8.com/index.php?topic=215066.0


สามารถติดตามอ่านได้ครับ และแน่นอนว่าจะมีการปลดล็อคเรื่อยๆ ส่วนกระทู้นี้จะมาทำการแนะนำตัวละครใหม่ๆกันครับ กระทู้นี้จะไม่มีการซ่อนเนื้อหา

แต่ถ้าช่วยกันคอมเมนต์แสดงความคิดเห็น ก็จะดีใจมากๆครับ 555+


กระทู้นี้ผมได้ทดลองทำการโพสต์ไว้ 2 แบบ นั้นก็คือ การโพสต์แบบปกติ ใช้กับ Smart Phone หรือ ปกติที่ผมโพสต์

กับแบบที่สอง โพสต์แบบมุมมอง Pc นั่นก็คือ ถ้าอ่านกระทู้โดยใช้คอมพิมเตอร์โดยปกติ จะต้องกวดสายตาไปจนสุดจอ แต่ผมจะลองตัดย่อให้เหมือนเวอร์ชั่นมือถือดู

โดยที่จะอยู่ Reply2 หรือ คลิกที่นี่ https://xonly8.com/index.php?topic=224128.msg1463487#msg1463487


ยังไงก็ช่วยแสดงความคิดเห็นกันไว้ด้วยครับ


. . . . . . . . . .


-พี่กิ่ง กิ่งกนก

พี่กิ่งนั้นเป็นเลขาของพิกุล แม่บุญธรรมของพลอย  กิ่งนั้นเป็นหญิงสาวที่ดู Smart ฉลาด และ น่ามอง จริงอยู่ว่าเธออาจจะไม่ได้สวยแบบว่า ชวนให้เหลียวมอง แต่ถ้าได้ลองพูดคุย จะรู้ว่าเธอนั้น So nice มากๆ กิ่งนั้นจบปริญญาโท สาขาบัญชีมา นั่นจึงทำให้เธอได้รับเลือกจากพิกุลเพื่อมาทดสอบความสามารถเพื่อร่วมงานด้วยกัน แน่นอนว่ามีคนที่เกรดดีกว่า เรียนดีกว่ากิ่งมาทดสอบด้วย  แต่สิ่งที่ทำให้กิ่งได้รับเลือกมานั้น เพราะเธอเป็นนักกิจกรรมตัวยงของมหาวิทยาลัยด้วย



ต่างกับผู้เข้าทดสอบอีกคน ที่ผลการเรียนดีกว่า แต่ไม่มีผลงานด้านกิจกรรมอะไรเลย  พิกุลจึงเลือกกิ่งกนกเข้ามาเป็นเลขา โดยให้เหตุผลว่า  ชั้นไม่ได้จ้างเธอมาทำงานอย่างเดียว ถ้าชีวิตนี้ทำเป็นแต่งาน มันก็น่าเบื่อน่ะสิ่ และนับจากนั้นมากิ่งก็ทำงานให้พิกุลในตำแหน่งเลขามาตลอด  กิ่งนั้นยังมีอีกหน้าที่หนึ่งคือเป็นพี่เลี้ยงให้พลอย สอนนู่นสอนนี่เกี่ยวกับการทำงาน ถ้าเรื่องไหนที่พิกุลไม่สั่งห้ามไว้ กิ่งก็จะสอนพลอยแบบไม่มีกั๊ก เพราะเธอรู้ว่าพิกุลเจ้านายของเธอจะไม่สอนพลอยแน่ๆ



กิ่งก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำไมพิกุลถึงได้เคี่ยวเข็ญพลอยนัก แต่เธอก็รู้ว่าอย่างนึงว่าเจ้านายของเธอทำอะไรมักมีเหตุผลเสมอ และด้วยความน่ารัก ความน่าเอ็นดู รวมถึงนิสัยที่น่ารักของพลอย ทำให้กิ่งนั้นรักพลอยเหมือนน้องสาวคนนึงเลยทีเดียว พี่กิ่งมีคนมาชอบมาจีบเยอะมากๆ แต่ว่าเธอก็เปิดโอกาสให้วัชระคนเดียวเท่านั้น ซึ่งดูเหมือนว่าวัชระจะไม่รู้ตัวสักกะนิดเดียว


----------


-พี่จันทร์


พี่จันทร์เป็นชาวลพบุรีตั้งแต่กำเนิด แต่ว่าเมื่อจบมัธยม เธอก็ได้เข้ามากรุงเทพฯ เพื่อเรียนต่อมหาวิทยาลัย พ่อแม่ของพี่จันทร์นั้นแยกทางกันเมื่อตอนพี่จันทร์อายุได้ 16 แต่ท่านทั้ง 2 ก็ยังรับผิดชอบด้วยการส่งเสียเลี้ยงดูให้จันทร์ได้เรียนต่อ แม้จะไม่ขัดสนเรื่องเงินทอง แต่ก็ไม่สามารถใช้จับจ่ายใช้สอยอะไรได้มากนัก ตอนพี่จันทร์เรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ เธอก็ต้องทำงาน เล็กๆน้อยๆ งานพาร์ทไทม์เพื่อหาเงินมาใช้กิน ใช้จับจ่ายเล็กๆน้อยๆบ้าง


โชคดีที่ทางบ้านนั้นยังส่งค่าเทอมมาให้เธอได้ไม่ขาดตอน พี่จันทร์มีโอกาสได้ทำงานร้านไอศกรีมข้างซอยหอพัก ของมหาวิทยาลัย ทำให้เธอนั้นมีความคิดที่จะเปิดร้านเป็นของตัวเองหลังเรียนจบ ประจวบเหมาะกับเธอนั้นเรียนด้านมัณฑนศิลป์ ออกแบบภายใน พอดี เธอจึงได้ร่างแบบไว้ตั้งแต่ขึ้นปี 3 และเมื่อเรียนจบเธอก็กลับมายังลพบุรี ใช้เวลาครึ่งปีในการหาทำเลเหมาะและเปิดร้านนั่นเอง
พี่จันทร์ถือว่าเป็นผุ้ที่พระคุณอย่างสูงของพลอยอีกคนหนึ่ง เพราะในวันที่พลอยนั้นไร้หนทางไปต่อ ก็ได้พี่จันทร์นี่แหละที่เมตตารับเข้ามาทำงานทั้งๆที่อยู่แค่ม.4 เท่านั้น


นั่นเพราะพี่จันทร์เห็นอะไรบางอย่างในตัวพลอยที่บ่งบอกว่าเด็กคนนี้เป็นคนดี อีกทั้งเมื่อซักถามประวัติแล้ว พี่จันทร์ก็ได้รู้ว่าชีวิตของพลอยนั้นไม่ต่างจากเธอเลย เธอเองยังโชคดีกว่าเป็นร้อยเท่าพันธ์เท่า ที่ยังมีญาติมีพ่อแม่ แม้ว่าตอนนี้ท่านจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วก็ตาม และก็เป็นพี่จันทร์นี่แหละที่ให้เงินขวัญถุงกับพลอยมาอีก 2พันบาท ( พลอยฝากไว้กับพี่จันทร์ 2 พัน  และพี่จันทร์ก็ให้เพิ่มอีก 2 พัน )  เพื่อจะหนีเข้ากรุงเทพฯ ถ้าไม่มีเงินก้อนนั้นของพี่จันทร์พลอยก็คงแย่แน่ๆ


ปัจจุบันพี่จันทร์นั้น ขายอุปกรณ์ทั้งหมดในร้านให้ริวเรียบร้อย เนื่องจากเธอถูกแก๊งค์เงินกู้นอกระบบคุกคาม ตอนนี้พี่จันทร์ไปพักที่เซฟเฮ้าส์ในกรุงเทพฯแล้ว และดูเหมือนว่าในอนาคตไม่ช้า ก็กำลังจะมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นกับพี่จันทร์ด้วย


พี่จันทร์ปรากฏตัวครั้งแรก ใน Side story ของรุ้งพลอยครับ

.............................



ทีมพยัคฆ์


ว่าด้วยเรื่องทีมพยัคฆ์ ทีมพยัคฆ์นั้นเป็นทีมอารักษ์ขาพิเศษ ซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นด้วยความร่วมมือของรัฐบาลไทยและญี่ปุ่น มีหน้าที่หลักๆเลยนั่นก็คือ คอยอารักษ์ขาแขก VIP ของรัฐบาล ซึ่งแทบจะ 100%  นั้นจะเป็นแขกจากญี่ปุ่น พวกเขามีฝีมือในการต่อสู้ด้วยมือเปล่าขั้นสูงมากๆ อีกทั้งทักษะการใช้อาวุธประชิด และอาวุธปืนก็ไม่ธรรมดา ในทีมพยัคฆ์มีสมาชิกทั้งหมด 4 คน เป็นอดีตตำรวจปราบปราม 2 คน ( วัชระกับธาร ) และ อดีตทหารหน่วยรบพิเศษ 2 คน ( พฤกษ์กับพรต )



จริงอยู่ว่าพวกเขานั้นถูกจัดระดับฝีมือให้อยู่ใน Rank A+  มีฝีมือที่โดดเด่น แต่ก็ยังไม่อยู่ในสายตาผู้หลักผู้ใหญ่สักที เพราะพวกเขานั้นมองแต่พวกยอดฝีมือ ระดับ S เท่านั้น แต่เมื่อ 2 ปีก่อน ริวกะได้มาที่ไทยเพราะมีภารกิจบางอย่างที่ถูกฝ่ายรัฐบาลญี่ปุ่นไหว้วานมา เขาจึงเดินทางมาที่ไทยเพื่อรับทราบภารกิจ และ ได้ขอทำการคัดเลือกสมาชิกในทีมเอง แน่นอนว่าพวกระดับ Rank S ทั้งหลายถูกส่งเข้าร่วมคัดเลือก แม้พวกเขาจะได้ยินชื่อเสียงของริวกะมานาน แต่พอมาเจอตัวจริงพวกเขากับแอบมองด้วยแววตาที่เหยียดๆ เขาไม่เชื่อว่าไอ้หนุ่มอายุ 18 หน้าตาดูสำอางแบบนี้จะมีฝีมือจริงๆ 



แต่พวกเขาก็หัวเราะได้ไม่นาน ทหารฝีมือดี ตำรวจฝีมือเยี่ยม ระดับ Rank S จำนวนเกือบ 30 นาย ต่างก็ไม่มีใครสามารถเอาชนะริวกะในการต่อสู้ระยะประชิดได้สักคน นั่นจึงทำให้พวกเขาถึงกับพูดไม่ออก  1 รุม 30 ชัดๆ แน่นอนว่า วัชระ ธาร พฤกษ์ และ พรต ก็มาขอเข้าร่วมทดสอบด้วย และพวกเขาก็ลงไปนอนกองไม่ต่างจากพวก Rank S นั้น  แต่สิ่งที่พวกเขาทั้ง 4 นั้นแตกต่างจากพวกระดับสูง คือพวกเขาสู้ด้วยทุกอย่างที่มี ไม่ว่าจะโดนต่อย ไม่ว่าจะโดนเตะ ไม่ว่าจะโดนทุ่ม ตราบใดที่ยังไม่สลบพวกเขาก็ยังลุกขึ้นสู้กับริวกะเรื่อยๆ 



แน่นอนว่าฝีมือของพวกเขานั้นด้อยกว่า พวก Rank S อยู่1-2 ขั้น แต่เรื่องใจสู้พวกเขามีมากกว่าหลายเท่านัก ในขณะที่พวก Rank S โดนริวกะซัดทีสองทีก็ไม่กล้าสู้ แต่ว่าพวกเขา พวกที่ไม่มีใครเห็นค่ากลับลุกขึ้นสู้กับริวกะอย่างไม่เกรงกลัว แม้จะโดนหมัดเพียวๆซัดเข้าหน้าก็ตาม นั่นจึงทำให้ริวกะรู้สึกประทับใจ และให้โอกาสพวกเขาได้มาร่วมงานด้วย และเมื่อภารกิจเสร็จสิ้น รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศก็พอใจกับผลงานเป็นอย่างมากและได้ใช้เวลาเกือบ 1 เดือนในการประชุมหารือเรื่องการตั้งทีมพิเศษขึ้นมา จนสรุปได้ว่าทั้ง 2 ประเทศได้จับมือกันเพื่อจัดตั้งทีมพิเศษขึ้นมา โดยที่ทางไทยจะมีหน่วยพยัคฆ์ซึ่งทั้ง 4 คน ได้ถูกจัดแต่งตั้งให้อยู่ในทีมพยัคฆ์ เป็นทีมพิเศษที่ขึ้นตรงกับหน่วยงามความมั่นคงเท่านั้น วัชระถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นหัวหน้า โดยที่ไม่มีใครคัดค้านใดๆทั้งสิ้น 


, , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,


-•` สมาชิกทีมพยัคฆ์  `•-


วัชระ – หัวหน้าทีม


เป็นอดีตนายตำรวจ ยศร้อยเอก จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Top5 ของรุ่น เขาเป็นนายตำรวจหนุ่มสังกัดกองปราบปรามที่ไฟแรง ซื่อตรง และ ทำงานอย่างทุ่มเท แต่ถึงกระนั้นผลงานของเขาก็ยังไม่เข้าตาผู้หลักผู้ใหญ่สักที และประกอบกับเขาทนแรงกดดันที่จงใจบีบเขาออกจากตำแหน่งไม่ไหว จึงทำให้วัชระเกือบลาออกจากอาชีพตำรวจ แต่ด้วยความทีเขามีฝีมือระดับ A จึงทำให้มีคนติดต่อเพื่อให้ไปทำหน้าที่บอดี้การ์ดให้แขกต่างบ้านต่างเมือง เขาจึงอยากลองพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งในหน้าที่การงานใหม่ๆ แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่สามารถสร้างผลงานได้ดีเท่าไร เพราะงานที่ได้รับมอบหมายนั้นก็เป็นงานเล็กๆ งานสำคัญๆ พวกระดับ 5 ดาว หรือ ระดับ S จะได้รับไปซะส่วนใหญ่


จนวันหนึ่งที่เบื้องบนประกาศไว้ว่า มีภารกิจพิเศษโดยที่หัวหน้าทีมชุดนี้เป็น เด็กชาวญี่ปุ่น อายุ 18 ปี สิ่งที่ทำให้วัชระสนใจคือ เขาเป็นคนที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลญี่ปุ่น เห็นพ้องต้องกันว่าต้องเป็นคนนี้เท่านั้น นั่นก็คือภารกิจคุ้มกันนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นนั่นเอง วัชระเห็นว่าไหนๆเขาก็ไม่มีอะไรจะเสีย ลองไปดูก็ไม่เสียหลาย เพราะยังไงตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาก็เป็นได้ไก่รองบ่อนอยู่แล้ว ถึงคราวนี้จะไม่สมหวังก็ไม่เห็นเป็นอะไร และภาพที่เขาได้เห็นก็คือ คนที่มีฝีมือสูงกว่าเขา คนที่ถูกจัดให้อยู่ระดับ 5 ดาวหรือ  Rank S เกือบ 30 คน โดนเด็กอายุ 18 คนนั้นซัดจนลุกไม่ขึ้นแทบทุกคน ซึ่งตัวเขาเองก็เช่นกัน ไม่ว่าจะบุกยังไง ไม่ว่าจะใช้กลยุทธิ์แบบไหนก็ไม่สามารถเอาชนะเด็กคนนี้ได้เลย แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้เขาลุกขึ้นสู้ ลุกขึ้นสู้ และ ลุกขึ้นสู้ จนสุดท้ายตัวเขาก็หมดสติไป


เขาสลบไปถึง 2 วัน  และเมื่อฟื้นขึ้นมาเขาก็พบว่าการทดสอบได้จบลงไปแล้ว ผลสรุปคือ ผู้เข้าทดสอบระดับ S 30 คน ผู้เข้าทดสอบระดับ A อีก 10 คน ทุกคนโดนเด็กชายคนนั้นซัดจนหมดสภาพทุกคน วัชระกะไว้แล้วว่ายังไงเขาก็ไม่ผ่านการทดสอบ แต่เขาไม่นึกเสียใจเลย เขาได้ลองทำเต็มที่แล้ว เขาได้สู้เต็มที่แล้ว แต่หลังจากนั้น 1 เดือน ก็ได้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเดินทางมาหาเขา เพื่อแจ้งว่าตัว เขาได้เข้าร่วมทีมคุ้มกันนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เขาดีใจมากดีใจจนพูดไม่ออก และอีก 7 วันผ่านไป เขาก็เข้ามารายงานตัวยังอาคารของรัฐบาล ที่นี่เขาได้พบธาร เพื่อนร่วมรุ่นที่เขาทดสอบด้วยกัน และ มีอดีตนายทหารหน่วยกองกำลังพิเศษอีก 2 คน  พวกเป็นพวก 4 ดาวหรือระดับ A ทั้งหมด และนั่นจึงทำให้พวกเขาเกิดข้อสงสัยว่าทำไมพวกเขาถูกรับเลือก และเด็กหนุ่มคนนั้นก็ให้คำตอบว่า

" เหตุผลง่ายๆที่ผมเลือกพวกคุณ เพราะในบรรดาผู้เข้าทดสอบทั้ง 40 คน ผมจำหน้าพวกคุณได้ ผมต่อยพวกคุณมากที่สุด ผมเตะพวกคุณมากที่สุด ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกคุณลุกขึ้นมาบ่อยกว่าไอ้พวกแรงค์ S อะไรนั่นอีก ไอ้การจัดระดับอะไรนั้นสำหรับผมมันไม่สำคัญหรอก มันอยู่ที่ว่าใครสามารถยืนหยัดได้มากกว่ากัน ผมไม่ต้องการพวกระดับสูงที่ใจฝ่อหรอก ผมอยากได้คนที่สามารถยืนหยัดต่อสู้ได้แม้ไร้ซึ่งความหวัง ผมก็โดนบ่นๆมาเหมือนกันที่เลือกพวกคุณเข้ามา แต่ 7 วันต่อจากนี้ไป ก็ขอให้ทำงานพิสูจน์ตัวเองกันอย่างเต็มที่นะ เพราะมันจะเป็นผลดีต่อตัวพวกคุณเองในอนาคต "


เพียงแค่เขาพูดเท่านั้น วัชระก็ตัดสินใจยอมก้มหัวให้เขาทันทีโดยไม่มีข้อแม้ อายุน้อยกว่าแล้วไง เด็กกว่าแล้วไง เขาเป็นคนที่ให้โอกาส โอกาสที่พวกผู้หลักผู้ใหญ่ไม่เคยหยิบยื่นมาให้เลยด้วยซ้ำไป และหลังจากนั้น ทั้งวัชระ ธาร พฤกษ์ และ พรต ก็ได้ทำงานอารักขาอย่างสุดความสามารถ แม้จะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น แต่พวกเขาก็สามารถทำงานได้อย่างลุล่วงไปได้ด้วยดี และหลังจากที่เด็กชายคนนั้นกลับไปที่ญี่ปุ่นได้ไม่นาน พวกเขาทั้ง 4 ก็ถูกเรียกเข้าพบ ผลงานของพวกเขาถูกเอ่ยปากชมเป็นอย่างมาก ผลงานของพวกเขาเข้าตาสุดๆ และทีมที่ชื่อว่าทีมพยัคฆ์จึงได้ถูกจัดตั้งขึ้นมาหลังจากนั้นนั่นเอง วัชระเป็นคนที่เอาจริงเอาจังกับหน้าที่มากๆ อีกทั้งด้วยความที่มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าของทีมพยัคฆ์ เขาจึงทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับงาน งาน งาน  นั่นจึงทำให้เขาไม่ค่อยมีเวลาให้พี่กิ่งนัก  แม้จะถูกริวกะเตือนบ่อยๆ แต่พี่แกก็ลืม


........


ธาร –

ธารเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นเดียวกับวัชระ ธารนั้นโชคดีหน่อย ตรงที่เขาได้ทำงานใกล้บ้าน แต่เพราะใกล้บ้านนั่นแหละจึงทำให้เขานั่น เริ่มหมดศรัทธา แม้ว่าเขาจพะยายามทำงานหนักเท่าไร กวาดล้างจับกุมเท่าไร อาชญากรรมก็ไม่หมดไปสักที อีกทั้งเขาเสนออะไรไปก็ไม่เคยได้ผลตอบกลับมาสักอย่างจนนานไป นานไป นานไป ศรัทธาของเขาก็เริ่มหมด



เขาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า เขาทำทั้งหมดนี่ทำเพื่ออะไร ทั้งหมดที่เขาทำไป ทำไมผู้ใหญ่ไม่เห็นค่าเลย เขาไม่ได้หวังลาภยศอะไร เพียงแค่หวังอยากให้บ้านเกิดเขาดีขึ้นกว่านี้แค่นั้นเอง ธารนั้นลาออกจากการเป็นตำรวจในที่สุด แต่เขาก็ยังไม่เลิกความคิดที่อยากจะทำให้บ้านเกิดของเขาพัฒนาขึ้น เขาจึงเขาร่วมกับกลุ่มอาสาพิทักษ์ป่า และใช้ความรู้ความสามารถที่มีในการปกป้องและดูแลป่าในจังหวัดของเขานั่นเอง



และอีก4 เดือนต่อมาเขาก็ได้รับข่าวสารแบบเดียวกับวัชระนั่นเอง แรงจูงใจของธารก็คือ ค่าตอบแทน ถ้าเขาสามารถผ่านการทดสอบและได้เข้าร่วมทีมล่ะก็ หลังจากจบภารกิจเขาจะได้รับค่าตอบแทนจำนวนมาก และเขาจะเอาเงินส่วนนั้นมาพัฒนาป่า ที่เหมือนหัวใจหลักของจังหวัดเขานั่นเอง ธารเป็นคนที่รักจังหวัดบ้านเกิด ( หมู่บ้าน )แบบสุดโต่งเลยก็ว่าได้ เขามีหญิงสาวคนรักอยู่แล้วเป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆคนหนึ่ง นั่นจึงทำให้ธารต้องทุ่มเททุกอย่างให้กับงาน เพราะถ้างานดีเงินก็ดี ถ้าเงินดี เขาจะมีทุนทรัพย์ในการพัฒนาบ้านเกิดมากขึ้น ซึ่งเขาได้บอกเหตุผลนี้กับริวกะตรงๆในวันที่ถูกคัดเลือก ส่วนริวกะนั้นก็หัวเราะและพูดออกมาว่า


"  ไว้ถ้านายกับครอบครัวของนายอิ่มทิพย์แล้ว ค่อยมาบอกชั้นว่าจะทำงานฟรี  ทำงานน่ะใครเขาก็หวังค่าตอบแทนทั้งนั้น แต่ว่าชั้นอยากให้นายโฟกัสที่งานก่อนนะ ถ้างานมันออกมาดี ค่าตอบแทนที่ดีก็จะตามมา "





.......


พฤกษ์ และ พรต


สองคนนี้ทำงานอยู่หน่วยเดียวกัน คือ กองกำลังพิเศษทางน้ำ ทำงานเสี่ยงตายมากมายให้กับประเทศ แต่โชคร้ายที่พวกเขานั้นบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่จึงต้องออกจากภาระกิจ และสิ่งที่รอพวกเขาอย่าคือความจริงที่แสนโหดร้าย พวกเขาทั้งสอง ไม่เคยถูกเรียกใช้หรือปฏิบัติหน้าที่อีกเลย เพราะพวกเขาถูกเพื่อนร่วมรุ่นทั้งหมดโทษว่าเป็นเพราะพวกเขาทั้ง 2 คน ภารกิจจึงไม่สำเร็จทำให้เบื้องบนสั่งลงดาบมานั่นเอง จริงอยู่พฤกษ์และพรตไม่ได้ทำอย่างที่ถูกว่าร้าย



แต่ว่าเพื่อร่วมรุ่นทั้งหมดต่างก็พากันโยนความผิดให้ทั้งสอง ทั้งๆที่พวกเขาบาดเจ็บก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติการเสียอีก ทำให้พฤกษ์และพรต กลายเป็นจำเลยไปโดยปริยาย ทั้งคู่จึงได้ลาออกจากหน่วยรบพิเศษและมาทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยขั้นสูง ย้ำว่าขั้นสูง เพราะพวกเขาต้องคุ้มกันสถานที่สำคัญของประเทศ แต่ฝันร้ายก็ยังตามมาหลอกหลอกพวกเขาทั้งสอง เมื่อประวัติของพวกเขานั้นถูกแต่งเสริมเติมสีจนทำให้ความน่าเชื่อถือนั้นลดลงไปเรื่อยๆ



พวกเขาต้องก้มหน้าทำงานเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องต่อไปโดยที่ระยะเวลา 2 ปี แทบจะไม่มีความก้าวหน้าเลย แต่แล้ววันหนึ่งพวกเขาได้รับข่าวการคัดเลือกทีมคุ้มกันนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น พวกเขาก็ไม่รอช้าที่จะสมัคร เพราะว่ามันคือโอกาสที่พวกเขาจะได้พิสูจน์ว่าพวกเขาทั้ง 2 ยังมีคุณค่าอยู่ของพวกเขานั่นเอง   พฤกษ์และพรตนับถือใจที่ห้ามหาญของวัชระมากๆ ขนาดพวกเขาฝึกร่างกายมาแทบลากเลือด แต่พอโดนริวกะเล่นงานพวกเขาก็ลุกแทบไม่ไหว ต่างกับวัชระที่ลุกขึ้นสู้แล้ว สู้อีก สู้แล้วสูอีกจนสลบไป และพอการแต่งตั้งหัวหน้าทีม พงกเขาทั้ง 2 จึงไม่ปฏิเสธที่จะสนับสนุนวัชระอย่างเต็มใจ อีกทั้งพวกเขาทั้งสอง ก็ศรัทธาในตัวริวกะมากๆ เพราะริวกะได้ให้โอกาสคนที่ล้มเหลว คนที่มีประวัติไม่ดีแบบพวกเขาทั้งสองได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง


" อ๋อ พวกนายสองคนประวัติไม่ดีงั้นเหรอ  แล้วในโลกนี้มีใครที่ดีร้อยเปอร์เซ็นบ้างล่ะ โลกใบนี้มันสีเทาๆ พวกเราก็คนสีเทาๆ ต่อให้เอาสีขาวมาปกปิดไว้ ยังไงข้างในมันก็เทา ชั้นนี่ไงคนเทาๆ  ประวัติอะไรของพวกนายสองคนขั้นไม่สนใจหรอก ขอแค่พวกนายตั้งใจทำงานก็พอ "


นี่คือประโยคที่ริวกะบอกกับเขาทั้งสองในวันนั้น และพวกเขาก็ไม่มีวันลืม


พฤกษ์ และ พรต มีนิสัยค่อนข้างต่างกันสุดขั้ว พฤกษ์เป็นคนตรงๆ โผงผางทำอะไรคือต้องเดี๋ยวนั้น บัดนั้น ส่วนพรตเป็นคนใจเย็น คิดก่อนทำเสมอจนบางครั้งก็เฉื่อยชา แต่ทั้งคู่ก็ต่างใช้ข้อดีของตนเพื่อลบจุดด้อยของแต่ละคน พฤกษ์ใช้ความกระตือรือร้นของเขา เพื่อกระตุ้นพรตให้ตื่นตัวตลอดเวลา ส่วนพรตก็ใช้ความสุขุมของเขา ทำให้พฤกษ์รู้จักยับยั้งชั่งใจและไต่ตรองก่อนลงมือทำงาน



__________________________






นี่คือประวัติคราวๆ ของตัวละครที่ออกมาในตอนล่าสุดครับ คงจะช่วยให้หลายๆท่านหายงง ว่าใครเป็นใครอะไรยังไงนะครับต่อไปเป็นการทำความเข้าใจกันสักเล็กน้อยเกี่ยวกับตอนต่อไปที่จะลงนะครับ



1.   พระเอกของเรานั้น OP มากๆ มีพลังที่เหลือเชื่อ แต่ยังขาดประสบการณ์อย่างมาก ( เนื้อเรื่องหลักอายุ 20 เนื้อเรื่องของคิราระ อายุ 17 ) สมมติง่ายๆก็คือเหมือนในร่างกายมีพลังอยู่ 100% แต่ความสามารถในการเอามาใช้ หรือ ดึงศักยภาพมาใช้ ยังทำได้แค่ 60-70 % เท่านั้น



2. ริวกะเรียนเก่งมาก  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทำไมเรียนเก่ง มีแต่ Doctor รอบตัว ส่วนมากริวกะจะชอบไปเรีบนพิเศษกับ เนโกะมาตะซะมากกว่า โดยเขาจะไม่เรียนกับโรคุโรคุบิเลย เพราะว่าแอบอู้ไม่ได้




3. ส่วนมากภูติในบ้านของเราริวกะจะจบ ปริญญาเอกแทบทุกตน



จะมีบางจำพวกที่ไม่ได้เรียนหนังสือเช่น ภูติที่ไม่มีรูปลักษ์เช่น โคดามะ ฮิโตดาะ


และภูติที่กลัวผู้คนอย่าง เทนโจนาเมะ อาคะนาเมะ นั้นก็ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่ริวกะก็มักจะเอาหนังสือเข้ามานั่งอ่านในเขตภาวนาสถานบ่อยๆ เพื่อหวังว่าจะให้พวกมันนั้นได้มีความรู้พอที่จะอ่านออกเขียนได้บ้าง



ในบรรดาภูติสตรีในบ้านอิซานางิ ภูติมีสติปัญญามากที่สุด หรือฉลาดมากที่สุด คือ คิวบิกับทานูกิ นั่นเอง ส่วนฮิคารินั้นเรียกได้ว่า ฉลาดสู้บรรดา น้าๆ พี่ๆ ไม่ได้เลย ที่โหล่จ้า




จูกะ หรือ จูโรคุโมะ นั้นจบปริญญาตรี สาขาอุตสาหกรรมออกแบบสิ่งทอ และ แฟชั่น  เหตุผลที่จูกะยอมไปเรียนทั้งๆที่ไม่ค่อยชอบโลกภายนอกนั้นเพราะว่า อยากถักทอชุดสวยๆ ให้ริวกะใส่ ( น่าร๊ากก ) และแน่นอนว่าถ้าจูกะไปเรียน คนที่ต้องตามไปนั่นก็คือพี่คิสสึเนะนั่นเอง ส่วนมากเครื่องแบบที่ชิน ริน ริว ใส่ ชุดกิโมโนของทุกคนในบ้าน หรือแม้แต่เครื่องแบบของทีมฮายาเตะ คนที่ออกแบบก็คือจูกะนั่นเอง เรียกได้ว่าช่วงที่เรียนหนังสือนั้นเป็รอะไรที่จูกะลำบากมากๆ เธอไม่ชอบกลิ่นยุคปัจจุบัน เธอไม่ชอบคนพลุกพล่าน นั่นจึงทำให้เธอผลการเรียนของเธอไม่ค่อยดีนัก แค่ 3.50 เอง และนี่คือภาพตอนที่จูกะเรียนหนังสือ ( ในแบบที่คิดไว้ )






กัปปะจบแค่ ป.โท เท่านั้น เพราะเขาบอกว่าข้าขี้เกียจทำวิทยานิพนธ์ และคนที่ปวดหัวมากที่สุดคงไม่พ้นยามิเพื่อนสนิทนั่นเอง



4.   ตอนต่อไปจะมีชื่อ ทั้งญี่ปุ่นคันจิ  คำอ่าน และคำแปลครับ บางชื่อผมแต่งขึ้นใหม่ บางคำผมเอาจากอนิเมะมาใช้ ซึ่งจะแจ้งให้ทราบอีกทีครับ




5. ตอนหน้าจะเปิดตัวอาจารย์ และ อาจารย์หญิงของริวกะ ซึ่งถ้าใครที่ติดตามมาตลอด จะรู้ว่าผมแอบเฉลยไปตั้งนานแล้วว่าอาจารย์ของริวกะเป็นใคร



6. แถมๆรูปบรรดาสาวๆ ในบ้าน อิซานางิ ครับ


- พี่มิไร





•••••


พี่อั้ม






•••••

คิราระ







•••••


รุ้งพลอย






••••••



จูโรคุโม -  จูกะ







•••••

ฮิคาริ








พบกันใหม่กระทู้หน้า กับ ตำนานเทพวายุ Kirara Story ชื่อตอนว่า
" จักรพรรดิเพลิง "



ΜoNoTΩИ∑ ★★★

#1
กระทู้ทดลอง Post แบบ Pc



. . . . . . . . . .


-พี่กิ่ง กิ่งกนก


พี่กิ่งนั้นเป็นเลขาของพิกุล แม่บุญธรรมของพลอย  กิ่งนั้นเป็นหญิงสาวที่ดู Smart ฉลาด และ น่ามอง
จริงอยู่ว่าเธออาจจะไม่ได้สวยแบบว่า ชวนให้เหลียวมอง แต่ถ้าได้ลองพูดคุย จะรู้ว่าเธอนั้น So nice มากๆ
กิ่งนั้นจบปริญญาโท สาขาบัญชีมา นั่นจึงทำให้เธอได้รับเลือกจากพิกุลเพื่อมาทดสอบความสามารถเพื่อร่วมงานด้วยกัน
แน่นอนว่ามีคนที่เกรดดีกว่า เรียนดีกว่ากิ่งมาทดสอบด้วย  แต่สิ่งที่ทำให้กิ่งได้รับเลือกมานั้น เพราะเธอเป็นนักกิจกรรมตัวยงของมหาวิทยาลัยด้วย



ต่างกับผู้เข้าทดสอบอีกคน ที่ผลการเรียนดีกว่า แต่ไม่มีผลงานด้านกิจกรรมอะไรเลย 
พิกุลจึงเลือกกิ่งกนกเข้ามาเป็นเลขา โดยให้เหตุผลว่า 


" ชั้นไม่ได้จ้างเธอมาทำงานอย่างเดียว ถ้าชีวิตนี้ทำเป็นแต่งาน มันก็น่าเบื่อน่ะสิ่ "


และนับจากนั้นมากิ่งก็ทำงานให้พิกุลในตำแหน่งเลขามาตลอด 
กิ่งนั้นยังมีอีกหน้าที่หนึ่งคือเป็นพี่เลี้ยงให้พลอย
สอนนู่นสอนนี่เกี่ยวกับการทำงาน ถ้าเรื่องไหนที่พิกุลไม่สั่งห้ามไว้
กิ่งก็จะสอนพลอยแบบไม่มีกั๊ก เพราะเธอรู้ว่าพิกุลเจ้านายของเธอจะไม่สอนพลอยแน่ๆ



กิ่งก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำไมพิกุลถึงได้เคี่ยวเข็ญพลอยนัก
แต่เธอก็รู้ว่าอย่างนึงว่าเจ้านายของเธอทำอะไรมักมีเหตุผลเสมอ
และด้วยความน่ารัก ความน่าเอ็นดู รวมถึงนิสัยที่น่ารักของพลอย
ทำให้กิ่งนั้นรักพลอยเหมือนน้องสาวคนนึงเลยทีเดียว พี่กิ่งมีคนมาชอบมาจีบเยอะมากๆ
แต่ว่าเธอก็เปิดโอกาสให้วัชระคนเดียวเท่านั้น ซึ่งดูเหมือนว่าวัชระจะไม่รู้ตัวสักกะนิดเดียว



----------



-พี่จันทร์



พี่จันทร์เป็นชาวลพบุรีตั้งแต่กำเนิด แต่ว่าเมื่อจบมัธยม
เธอก็ได้เข้ามากรุงเทพฯ เพื่อเรียนต่อมหาวิทยาลัย
พ่อแม่ของพี่จันทร์นั้นแยกทางกันเมื่อตอนพี่จันทร์อายุได้ 16
แต่ท่านทั้ง 2 ก็ยังรับผิดชอบด้วยการส่งเสียเลี้ยงดูให้จันทร์ได้เรียนต่อ
แม้จะไม่ขัดสนเรื่องเงินทอง แต่ก็ไม่สามารถใช้จับจ่ายใช้สอยอะไรได้มากนัก
ตอนพี่จันทร์เรียนอยู่ที่กรุงเทพฯ เธอก็ต้องทำงาน เล็กๆน้อยๆ งานพาร์ทไทม์เพื่อหาเงินมาใช้กิน
ใช้จับจ่ายเล็กๆน้อยๆบ้าง และก็ถือว่าโชคดีที่ทางบ้านนั้นยังส่งค่าเทอมมาให้เธอได้ไม่ขาดตอน




พี่จันทร์มีโอกาสได้ทำงานร้านไอศกรีมข้างซอยหอพักของมหาวิทยาลัย
ทำให้เธอนั้นมีความคิดที่จะเปิดร้านเป็นของตัวเองหลังเรียนจบ
ประจวบเหมาะกับเธอนั้นเรียนด้านมัณฑนศิลป์ ออกแบบภายใน พอดี
เธอจึงได้ร่างแบบไว้ตั้งแต่ขึ้นปี 3 และเมื่อเรียนจบเธอก็กลับมายังลพบุรี
ใช้เวลาครึ่งปีในการหาทำเลเหมาะและเปิดร้านนั่นเอง
พี่จันทร์ถือว่าเป็นผุ้ที่พระคุณอย่างสูงของพลอยอีกคนหนึ่ง
เพราะในวันที่พลอยนั้นไร้หนทางไปต่อ ก็ได้พี่จันทร์นี่แหละที่เมตตารับเข้ามาทำงานทั้งๆที่อยู่แค่ม.4 เท่านั้น



นั่นเพราะพี่จันทร์เห็นอะไรบางอย่างในตัวพลอยที่บ่งบอกว่าเด็กคนนี้เป็นคนดี
อีกทั้งเมื่อซักถามประวัติแล้ว พี่จันทร์ก็ได้รู้ว่าชีวิตของพลอยนั้นไม่ต่างจากเธอเลย
เธอเองยังโชคดีกว่าเป็นร้อยเท่าพันธ์เท่า ที่ยังมีญาติมีพ่อแม่
แม้ว่าตอนนี้ท่านจะไม่ได้อยู่ด้วยกันแล้วก็ตาม และก็เป็นพี่จันทร์นี่แหละที่ให้เงินขวัญถุงกับพลอยมาอีก 2พันบาท
เพื่อจะหนีเข้ากรุงเทพฯ ถ้าไม่มีเงินก้อนนั้นของพี่จันทร์พลอยก็คงแย่แน่ๆ
( พลอยฝากไว้กับพี่จันทร์ 2 พัน  และพี่จันทร์ก็ให้เพิ่มอีก 2 พัน )



ปัจจุบันพี่จันทร์นั้น ขายอุปกรณ์ทั้งหมดในร้านให้ริวเรียบร้อย
เนื่องจากเธอถูกแก๊งค์เงินกู้นอกระบบคุกคาม ตอนนี้พี่จันทร์ไปพักที่เซฟเฮ้าส์ในกรุงเทพฯแล้ว
และดูเหมือนว่าในอนาคตไม่ช้า ก็กำลังจะมีเรื่องดีๆเกิดขึ้นกับพี่จันทร์ด้วย



พี่จันทร์ปรากฏตัวครั้งแรก ใน Side story ของรุ้งพลอยครับ



.......



- ทีมพยัคฆ์



ว่าด้วยเรื่องทีมพยัคฆ์ ทีมพยัคฆ์นั้นเป็นทีมอารักษ์ขาพิเศษ
ซึ่งถูกจัดตั้งขึ้นด้วยความร่วมมือของรัฐบาลไทยและญี่ปุ่น มีหน้าที่หลักๆเลยนั่นก็คือ
คอยอารักษ์ขาแขก VIP ของรัฐบาล ซึ่งแทบจะ 100%  นั้นจะเป็นแขกจากญี่ปุ่น
พวกเขามีฝีมือในการต่อสู้ด้วยมือเปล่าขั้นสูงมากๆ อีกทั้งทักษะการใช้อาวุธประชิด และอาวุธปืนก็ไม่ธรรมดา
ในทีมพยัคฆ์มีสมาชิกทั้งหมด 4 คน เป็นอดีตตำรวจปราบปราม 2 คน ( วัชระกับธาร ) และ อดีตทหารหน่วยรบพิเศษ 2 คน ( พฤกษ์กับพรต )




จริงอยู่ว่าพวกเขานั้นถูกจัดระดับฝีมือให้อยู่ใน Rank A+  มีฝีมือที่โดดเด่น
แต่ก็ยังไม่อยู่ในสายตาผู้หลักผู้ใหญ่สักที เพราะพวกเขานั้นมองแต่พวกยอดฝีมือ ระดับ S เท่านั้น
แต่เมื่อ 2 ปีก่อน ริวกะได้มาที่ไทยเพราะมีภารกิจบางอย่างที่ถูกฝ่ายรัฐบาลญี่ปุ่นไหว้วานมา
เขาจึงเดินทางมาที่ไทยเพื่อรับทราบภารกิจ และ ได้ขอทำการคัดเลือกสมาชิกในทีมเอง
แน่นอนว่าพวกระดับ Rank S ทั้งหลายถูกส่งเข้าร่วมคัดเลือก
แม้พวกเขาจะได้ยินชื่อเสียงของริวกะมานาน แต่พอมาเจอตัวจริงพวกเขากับแอบมองด้วยแววตาที่เหยียดๆ
เขาไม่เชื่อว่าไอ้หนุ่มอายุ 18 หน้าตาดูสำอางแบบนี้จะมีฝีมือจริงๆ 




แต่พวกเขาก็หัวเราะได้ไม่นาน ทหารฝีมือดี ตำรวจฝีมือเยี่ยม ระดับ Rank S จำนวนเกือบ 30 นาย
ต่างก็ไม่มีใครสามารถเอาชนะริวกะในการต่อสู้ระยะประชิดได้สักคน
นั่นจึงทำให้พวกเขาถึงกับพูดไม่ออก  1 รุม 30 ชัดๆ แน่นอนว่า วัชระ ธาร พฤกษ์ และ พรต ก็มาขอเข้าร่วมทดสอบด้วย
และพวกเขาก็ลงไปนอนกองไม่ต่างจากพวก Rank S นั้น 
แต่สิ่งที่พวกเขาทั้ง 4 นั้นแตกต่างจากพวกระดับสูง คือพวกเขาสู้ด้วยทุกอย่างที่มี
ไม่ว่าจะโดนต่อย ไม่ว่าจะโดนเตะ ไม่ว่าจะโดนทุ่ม ตราบใดที่ยังไม่สลบพวกเขาก็ยังลุกขึ้นสู้กับริวกะเรื่อยๆ 




แน่นอนว่าฝีมือของพวกเขานั้นด้อยกว่า พวก Rank S อยู่1-2 ขั้น
แต่เรื่องใจสู้พวกเขามีมากกว่าหลายเท่านัก ในขณะที่พวก Rank S โดนริวกะซัดทีสองทีก็ไม่กล้าสู้
แต่ว่าพวกเขา พวกที่ไม่มีใครเห็นค่ากลับลุกขึ้นสู้กับริวกะอย่างไม่เกรงกลัว
แม้จะโดนหมัดเพียวๆซัดเข้าหน้าก็ตาม นั่นจึงทำให้ริวกะรู้สึกประทับใจ และให้โอกาสพวกเขาได้มาร่วมงานด้วย
และเมื่อภารกิจเสร็จสิ้น รัฐบาลทั้ง 2 ประเทศก็พอใจกับผลงานเป็นอย่างมาก
และได้ใช้เวลาเกือบ 1 เดือนในการประชุมหารือเรื่องการตั้งทีมพิเศษขึ้นมา
จนสรุปได้ว่าทั้ง 2 ประเทศได้จับมือกันเพื่อจัดตั้งทีมพิเศษขึ้นมา โดยที่ทางไทยจะมีหน่วยพยัคฆ์ซึ่งทั้ง 4 คน
ได้ถูกจัดแต่งตั้งให้อยู่ในทีมพยัคฆ์ เป็นทีมพิเศษที่ขึ้นตรงกับหน่วยงามความมั่นคงเท่านั้น
วัชระถูกแต่งตั้งขึ้นเป็นหัวหน้า โดยที่ไม่มีใครคัดค้านใดๆทั้งสิ้น


, , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , , ,


-•` สมาชิกทีมพยัคฆ์  `•-



วัชระ – หัวหน้าทีม



เป็นอดีตนายตำรวจ ยศร้อยเอก จบโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Top5 ของรุ่น
เขาเป็นนายตำรวจหนุ่มสังกัดกองปราบปรามที่ไฟแรง ซื่อตรง และ ทำงานอย่างทุ่มเท
แต่ถึงกระนั้นผลงานของเขาก็ยังไม่เข้าตาผู้หลักผู้ใหญ่สักที
และประกอบกับเขาทนแรงกดดันที่จงใจบีบเขาออกจากตำแหน่งไม่ไหว
เขาจึงเกือบลาออกจากอาชีพตำรวจ แต่ด้วยความทีเขามีฝีมือระดับ A
จึงทำให้มีคนติดต่อเพื่อให้ไปทำหน้าที่บอดี้การ์ดให้แขกต่างบ้านต่างเมือง
เขาจึงอยากลองพิสูจน์ตัวเองอีกครั้งในหน้าที่การงานใหม่ๆ
แต่ถึงกระนั้นเขาก็ไม่สามารถสร้างผลงานได้ดีเท่าไร เพราะงานที่ได้รับมอบหมายนั้นก็เป็นงานเล็กๆ
งานสำคัญๆ พวกระดับ 5 ดาว หรือ ระดับ S จะได้รับไปซะส่วนใหญ่




จนวันหนึ่งที่เบื้องบนประกาศไว้ว่า มีภารกิจพิเศษโดยที่หัวหน้าทีมชุดนี้เป็น เด็กชาวญี่ปุ่น อายุ 18 ปี
สิ่งที่ทำให้วัชระสนใจคือ เขาเป็นคนที่รัฐบาลไทยและรัฐบาลญี่ปุ่น เห็นพ้องต้องกันว่าต้องเป็นคนนี้เท่านั้น
นั่นก็คือภารกิจคุ้มกันนายกรัฐมนตรีของญี่ปุ่นนั่นเอง วัชระเห็นว่าไหนๆเขาก็ไม่มีอะไรจะเสีย ลองไปดูก็ไม่เสียหลาย
เพราะยังไงตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาก็เป็นได้ไก่รองบ่อนอยู่แล้ว ถึงคราวนี้จะไม่สมหวังก็ไม่เห็นเป็นอะไร
และภาพที่เขาได้เห็นก็คือ คนที่มีฝีมือสูงกว่าเขา คนที่ถูกจัดให้อยู่ระดับ 5 ดาวหรือ  Rank S เกือบ 30 คน
โดนเด็กอายุ 18 คนนั้นซัดจนลุกไม่ขึ้นแทบทุกคน ซึ่งตัวเขาเองก็เช่นกัน ไม่ว่าจะบุกยังไง
ไม่ว่าจะใช้กลยุทธิ์แบบไหนก็ไม่สามารถเอาชนะเด็กคนนี้ได้เลย แต่เขาก็ไม่ยอมแพ้เขาลุกขึ้นสู้
ลุกขึ้นสู้ และ ลุกขึ้นสู้ จนสุดท้ายตัวเขาก็หมดสติไป




เขาสลบไปถึง 2 วัน  และเมื่อฟื้นขึ้นมาเขาก็พบว่าการทดสอบได้จบลงไปแล้ว ผลสรุปคือ
ผู้เข้าทดสอบระดับ S 30 คน ผู้เข้าทดสอบระดับ A อีก 10 คน
ทุกคนโดนเด็กชายคนนั้นซัดจนหมดสภาพทุกคน วัชระกะไว้แล้วว่ายังไงเขาก็ไม่ผ่านการทดสอบ
แต่เขาไม่นึกเสียใจเลย เขาได้ลองทำเต็มที่แล้ว เขาได้สู้เต็มที่แล้ว แต่หลังจากนั้น 1 เดือน
ก็ได้มีเจ้าหน้าที่ของรัฐบาลเดินทางมาหาเขา เพื่อแจ้งว่าตัวเขา
ได้เข้าร่วมทีมคุ้มกันนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เขาดีใจมากดีใจจนพูดไม่ออก
และอีก 7 วันผ่านไป เขาก็เข้ามารายงานตัวยังอาคารของรัฐบาล
ที่นี่เขาได้พบธาร เพื่อนร่วมรุ่นที่เขาทดสอบด้วยกัน และ มีอดีตนายทหารหน่วยกองกำลังพิเศษอีก 2 คน 
พวกเป็นพวก 4 ดาวหรือระดับ A ทั้งหมด และนั่นจึงทำให้พวกเขาเกิดข้อสงสัยว่าทำไมพวกเขาถูกรับเลือก
และเด็กหนุ่มคนนั้นก็ให้คำตอบว่า



" เหตุผลง่ายๆที่ผมเลือกพวกคุณ เพราะในบรรดาผู้เข้าทดสอบทั้ง 40 คน
ผมจำหน้าพวกคุณได้ ผมต่อยพวกคุณมากที่สุด ผมเตะพวกคุณมากที่สุด
ซึ่งนั่นหมายความว่าพวกคุณลุกขึ้นมาบ่อยกว่าไอ้พวกแรงค์ S อะไรนั่นอีก
ไอ้การจัดระดับอะไรนั้นสำหรับผมมันไม่สำคัญหรอก มันอยู่ที่ว่าใครสามารถยืนหยัดได้มากกว่ากัน
ผมไม่ต้องการพวกระดับสูงที่ใจฝ่อหรอก ผมอยากได้คนที่สามารถยืนหยัดต่อสู้ได้แม้ไร้ซึ่งความหวัง
ผมก็โดนบ่นๆมาเหมือนกันที่เลือกพวกคุณเข้ามา แต่ 7 วันต่อจากนี้ไป
ก็ขอให้ทำงานพิสูจน์ตัวเองกันอย่างเต็มที่นะ เพราะมันจะเป็นผลดีต่อตัวพวกคุณเองในอนาคต "




เพียงแค่เขาพูดเท่านั้น วัชระก็ตัดสินใจยอมก้มหัวให้เขาทันทีโดยไม่มีข้อแม้
อายุน้อยกว่าแล้วไง เด็กกว่าแล้วไง เขาเป็นคนที่ให้โอกาส โอกาสที่พวกผู้หลักผู้ใหญ่ไม่เคยหยิบยื่นมาให้เลยด้วยซ้ำไป
และหลังจากนั้น ทั้งวัชระ ธาร พฤกษ์ และ พรต ก็ได้ทำงานอารักขาอย่างสุดความสามารถ
แม้จะมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น แต่พวกเขาก็สามารถทำงานได้อย่างลุล่วงไปได้ด้วยดี
และหลังจากที่เด็กชายคนนั้นกลับไปที่ญี่ปุ่นได้ไม่นาน พวกเขาทั้ง 4 ก็ถูกเรียกเข้าพบ
ผลงานของพวกเขาถูกเอ่ยปากชมเป็นอย่างมาก ผลงานของพวกเขาเข้าตาสุดๆ
และทีมที่ชื่อว่าทีมพยัคฆ์จึงได้ถูกจัดตั้งขึ้นมาหลังจากนั้นนั่นเอง



วัชระเป็นคนที่เอาจริงเอาจังกับหน้าที่มากๆ อีกทั้งด้วยความที่มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าของทีมพยัคฆ์
เขาจึงทุ่มเทเวลาทั้งหมดให้กับงาน งาน งาน
นั่นจึงทำให้เขาไม่ค่อยมีเวลาให้พี่กิ่งนัก 
แม้จะถูกริวกะเตือนบ่อยๆ แต่พี่แกก็ลืมทุกที


........



ธาร –



ธารเป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจ รุ่นเดียวกับวัชระ ธารนั้นโชคดีหน่อย
ตรงที่เขาได้ทำงานใกล้บ้าน แต่เพราะใกล้บ้านนั่นแหละจึงทำให้เขานั่น
เริ่มหมดศรัทธา แม้ว่าเขาจพะยายามทำงานหนักเท่าไร กวาดล้างจับกุมเท่าไร
อาชญากรรมก็ไม่หมดไปสักที อีกทั้งเขาเสนออะไรไปก็ไม่เคยได้ผลตอบกลับมาสัก
อย่างจนนานไป นานไป นานไป ศรัทธาของเขาก็เริ่มหมด




เขาเริ่มตั้งคำถามกับตัวเองว่า เขาทำทั้งหมดนี่ทำเพื่ออะไร ทั้งหมดที่เขาทำไป
ทำไมผู้ใหญ่ไม่เห็นค่าเลย เขาไม่ได้หวังลาภยศอะไร เพียงแค่หวังอยากให้บ้านเกิดเขาดีขึ้นกว่านี้แค่นั้นเอง
ธารนั้นลาออกจากการเป็นตำรวจในที่สุด แต่เขาก็ยังไม่เลิกความคิดที่อยากจะทำให้บ้านเกิดของเขาพัฒนาขึ้น
เขาจึงเขาร่วมกับกลุ่มอาสาพิทักษ์ป่า และใช้ความรู้ความสามารถที่มีในการปกป้องและดูแลป่าในจังหวัดของเขานั่นเอง




และอีก4 เดือนต่อมาเขาก็ได้รับข่าวสารแบบเดียวกับวัชระนั่นเอง แรงจูงใจของธารก็คือ ค่าตอบแทน
ถ้าเขาสามารถผ่านการทดสอบและได้เข้าร่วมทีมล่ะก็ หลังจากจบภารกิจเขาจะได้รับค่าตอบแทนจำนวนมาก
และเขาจะเอาเงินส่วนนั้นมาพัฒนาป่า ที่เหมือนหัวใจหลักของจังหวัดเขานั่นเอง ธารเป็นคนที่รักจังหวัดบ้านเกิด ( หมู่บ้าน )
แบบสุดโต่งเลยก็ว่าได้ เขามีหญิงสาวคนรักอยู่แล้วเป็นสาวชาวบ้านธรรมดาๆคนหนึ่ง
นั่นจึงทำให้ธารต้องทุ่มเททุกอย่างให้กับงาน เพราะถ้างานดีเงินก็ดี ถ้าเงินดี
เขาจะมีทุนทรัพย์ในการพัฒนาบ้านเกิดมากขึ้น ซึ่งเขาได้บอกเหตุผลนี้กับริวกะตรงๆในวันที่ถูกคัดเลือก
ส่วนริวกะนั้นก็หัวเราะและพูดออกมาว่า



"  ไว้ถ้านายกับครอบครัวของนายอิ่มทิพย์แล้ว ค่อยมาบอกชั้นว่าจะทำงานฟรี 
ทำงานน่ะใครเขาก็หวังค่าตอบแทนทั้งนั้น แต่ว่าชั้นอยากให้นายโฟกัสที่งานก่อนนะ
ถ้างานมันออกมาดี ค่าตอบแทนที่สมน้ำสมเนื้อก็จะตามมา "





.......


พฤกษ์ และ พรต




สองคนนี้ทำงานอยู่หน่วยเดียวกัน คือ กองกำลังพิเศษทางน้ำ ทำงานเสี่ยงตายมากมายให้กับประเทศ
แต่โชคร้ายที่พวกเขานั้นบาดเจ็บจากการปฏิบัติหน้าที่จึงต้องออกจากภาระกิจ
และสิ่งที่รอพวกเขาอย่าคือความจริงที่แสนโหดร้าย พวกเขาทั้งสอง
ไม่เคยถูกเรียกใช้หรือปฏิบัติหน้าที่อีกเลย เพราะพวกเขาถูกเพื่อนร่วมรุ่นทั้งหมดโทษว่าเป็นเพราะพวกเขาทั้ง 2 คน
ภารกิจจึงไม่สำเร็จทำให้เบื้องบนสั่งลงดาบมานั่นเอง จริงอยู่พฤกษ์และพรตไม่ได้ทำอย่างที่ถูกว่าร้าย




แต่ว่าเพื่อร่วมรุ่นทั้งหมดต่างก็พากันโยนความผิดให้ทั้งสอง ทั้งๆที่พวกเขาบาดเจ็บก่อนที่จะเริ่มปฏิบัติการเสียอีก
ทำให้พฤกษ์และพรต กลายเป็นจำเลยไปโดยปริยาย ทั้งคู่จึงได้ลาออกจากหน่วยรบพิเศษ
และมาทำงานเป็นพนักงานรักษาความปลอดภัยขั้นสูง ย้ำว่าขั้นสูง เพราะพวกเขาต้องคุ้มกันสถานที่สำคัญของประเทศ
แต่ฝันร้ายก็ยังตามมาหลอกหลอกพวกเขาทั้งสอง เมื่อประวัติของพวกเขานั้นถูกแต่งเสริมเติมสีจนทำให้ความน่าเชื่อถือนั้นลดลงไปเรื่อยๆ




พวกเขาต้องก้มหน้าทำงานเพื่อเลี้ยงปากเลี้ยงท้องต่อไป
โดยที่ระยะเวลา 2 ปี แทบจะไม่มีความก้าวหน้าเลย แต่แล้ววันหนึ่งพวกเขาได้รับข่าวการคัดเลือกทีมคุ้มกันนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น
พวกเขาก็ไม่รอช้าที่จะสมัคร เพราะว่ามันคือโอกาสที่พวกเขาจะได้พิสูจน์ว่าพวกเขาทั้ง 2 ยังมีคุณค่าอยู่ของพวกเขานั่นเอง   
พฤกษ์และพรตนับถือใจที่ห้าวหาญของวัชระมากๆ ขนาดพวกเขาฝึกร่างกายมาแทบลากเลือด
แต่พอโดนริวกะเล่นงานพวกเขาก็ลุกแทบไม่ไหว ต่างกับวัชระที่ลุกขึ้นสู้แล้ว สู้อีก สู้แล้วสูอีกจนสลบไป
และพอการแต่งตั้งหัวหน้าทีม พงกเขาทั้ง 2 จึงไม่ปฏิเสธที่จะสนับสนุนวัชระอย่างเต็มใจ
อีกทั้งพวกเขาทั้งสอง ก็ศรัทธาในตัวริวกะมากๆ เพราะริวกะได้ให้โอกาสคนที่ล้มเหลว
คนที่มีประวัติไม่ดีแบบพวกเขาทั้งสองได้พิสูจน์ตัวเองอีกครั้ง



" อ๋อ พวกนายสองคนประวัติไม่ดีงั้นเหรอ  แล้วในโลกนี้มีใครที่ดีร้อยเปอร์เซ็นบ้างล่ะ
โลกใบนี้มันสีเทาๆ พวกเราก็คนสีเทาๆ ต่อให้เอาสีขาวมาปกปิดไว้ ยังไงข้างในมันก็เทา ชั้นก็คนเทาๆ 
ประวัติอะไรของพวกนายสองคนขั้นไม่สนใจหรอก ขอแค่พวกนายตั้งใจทำงานก็พอ "



นี่คือประโยคที่ริวกะบอกกับเขาทั้งสองในวันนั้น และพวกเขาก็ไม่มีวันลืม


พฤกษ์ และ พรต มีนิสัยค่อนข้างต่างกันสุดขั้ว พฤกษ์เป็นคนตรงๆ โผงผางทำอะไรคือต้องเดี๋ยวนั้น บัดนั้น
ส่วนพรตเป็นคนใจเย็น คิดก่อนทำเสมอจนบางครั้งก็เฉื่อยชา แต่ทั้งคู่ก็ต่างใช้ข้อดีของตนเพื่อลบจุดด้อยของแต่ละคน
พฤกษ์ใช้ความกระตือรือร้นของเขา เพื่อกระตุ้นพรตให้ตื่นตัวตลอดเวลา ส่วนพรตก็ใช้ความสุขุมของเขา
ทำให้พฤกษ์รู้จักยับยั้งชั่งใจและไต่ตรองก่อนลงมือทำงาน




__________________________







นี่คือประวัติคราวๆ ของตัวละครที่ออกมาในตอนล่าสุดครับ คงจะช่วยให้หลายๆท่านหายงง
ว่าใครเป็นใครอะไรยังไงนะครับต่อไปเป็นการทำความเข้าใจกันสักเล็กน้อยเกี่ยวกับตอนต่อไปที่จะลงนะครับ



1.   พระเอกของเรานั้น OP มากๆ มีพลังที่เหลือเชื่อ แต่ยังขาดประสบการณ์อย่างมาก
( เนื้อเรื่องหลักอายุ 20 เนื้อเรื่องของคิราระ อายุ 17 ) สมมติง่ายๆก็คือเหมือนในร่างกายมีพลังอยู่ 100%
แต่ความสามารถในการเอามาใช้ หรือ ดึงศักยภาพมาใช้ ยังทำได้แค่ 60-70 % เท่านั้น




2. ริวกะเรียนเก่งมาก  ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าทำไมเรียนเก่ง มีแต่ Doctor รอบตัว
ส่วนมากริวกะจะชอบไปเรีบนพิเศษกับ เนโกะมาตะซะมากกว่า
โดยเขาจะไม่เรียนกับโรคุโรคุบิเลย เพราะว่าแอบอู้ไม่ได้




3. ส่วนมากภูติในบ้านของเราริวกะจะจบ ปริญญาเอกแทบทุกตน




จะมีบางจำพวกที่ไม่ได้เรียนหนังสือเช่น ภูติที่ไม่มีรูปลักษ์เช่น โคดามะ ฮิโตดาะ



และภูติที่กลัวผู้คนอย่าง เทนโจนาเมะ อาคะนาเมะ นั้นก็ไม่ได้เรียนหนังสือ
แต่ริวกะก็มักจะเอาหนังสือเข้ามานั่งอ่านในเขตภาวนาสถานบ่อยๆ
เพื่อหวังว่าจะให้พวกมันนั้นได้มีความรู้พอที่จะอ่านออกเขียนได้บ้าง




ในบรรดาภูติสตรีในบ้านอิซานางิ ภูติมีสติปัญญามากที่สุด
หรือฉลาดมากที่สุด คือ คิวบิกับทานูกิ นั่นเอง ส่วนฮิคารินั้นเรียกได้ว่า
ฉลาดสู้บรรดา น้าๆ พี่ๆ ไม่ได้เลย ที่โหล่จ้า





จูกะ หรือ จูโรคุโมะ นั้นจบปริญญาตรี สาขาอุตสาหกรรมออกแบบสิ่งทอ และ แฟชั่น 
เหตุผลที่จูกะยอมไปเรียนทั้งๆที่ไม่ค่อยชอบโลกภายนอกนั้นเพราะว่า อยากถักทอชุดสวยๆ ให้ริวกะใส่ ( น่าร๊ากก )
และแน่นอนว่าถ้าจูกะไปเรียน คนที่ต้องตามไปนั่นก็คือพี่คิสสึเนะนั่นเอง
ส่วนมากเครื่องแบบที่ชิน ริน ริว ใส่ ชุดกิโมโนของทุกคนในบ้าน
หรือแม้แต่เครื่องแบบของทีมฮายาเตะ คนที่ออกแบบก็คือจูกะนั่นเอง
เรียกได้ว่าช่วงที่เรียนหนังสือนั้นเป็รอะไรที่จูกะลำบากมากๆ เธอไม่ชอบกลิ่นยุคปัจจุบัน
เธอไม่ชอบคนพลุกพล่าน นั่นจึงทำให้เธอผลการเรียนของเธอไม่ค่อยดีนัก แค่ 3.50 เอง
และนี่คือภาพตอนที่จูกะเรียนหนังสือ ( ในแบบที่คิดไว้ )






กัปปะจบแค่ ป.โท เท่านั้น เพราะเขาบอกว่าข้าขี้เกียจทำวิทยานิพนธ์
และคนที่ปวดหัวมากที่สุดคงไม่พ้นยามิเพื่อนสนิทนั่นเอง




4. ตอนต่อไปจะมีชื่อ ทั้งญี่ปุ่นคันจิ  คำอ่าน และคำแปลครับ บางชื่อผมแต่งขึ้นใหม่ บางคำผมเอาจากอนิเมะมาใช้ ซึ่งจะแจ้งให้ทราบอีกทีครับ




5. ตอนหน้าจะเปิดตัวอาจารย์ และ อาจารย์หญิงของริวกะ ซึ่งถ้าใครที่ติดตามมาตลอด จะรู้ว่าผมแอบเฉลยไปตั้งนานแล้วว่าอาจารย์ของริวกะเป็นใคร



6. แถมๆรูปบรรดาสาวๆ ในบ้าน อิซานางิ ครับ


- พี่มิไร






•••••


พี่อั้ม






•••••

คิราระ







•••••


รุ้งพลอย






••••••



จูโรคุโม -  จูกะ







•••••

ฮิคาริ








พบกันใหม่กระทู้หน้า กับ ตำนานเทพวายุ Kirara Story ชื่อตอนว่า
" จักรพรรดิเพลิง "


dopant


ΜoNoTΩИ∑ ★★★

#3
::Sobad:: ::Sobad:: ::Sobad:: ::Sobad::


Reply นี้ ขออภัย

tungbts

อ่าน​แล้ว​เข้าใจเนื้อเรื่องได้ง่ายครับ

yourbuddy

สาวๆ สวย และเก่งทุกคนเลย บ้านนี้แถวภูติยังจบปริญญาเอก

Wandit Iempan

พี่มิไร พี่อั้ม สวยและเซ็กซี่ถูกใจจริงๆ คนอื่นก็สวยนะแต่คนละแบบ มีรุ้งพลอยนี่ละที่พอผมสีแล้วดูไม่ค่อยจะเป็นสาวไทยน่ารักเหมือนจินตนาการ

neimuchan

จูกะ oppai loli ด้วยวุ้ย........

ไม่ เราต้องไม่เอนเอียงจากเทงงูอ้วน ฮิคาริ นามบ้าวาน
จริงๆแล้วมี ID เก่า แต่ดันจำ password mail เก่าไม่ได้เลยต้องสมัครใหม่ -*-

cd13579

ชอบเรื่องนี้นะ แต่ขัดใจความ op ของริวกะไปหน่อยอะ อันนี้บ่น

ป.ล. ขอเรื่องสั้น ฮิราริ ด้วยย
อันนีี้คำสั่ง
ป.ล่จันทร์จะได้กับหนุ่มในทีมพยัคฆ์รึเปล่่านะ ??
ใครหื้อใครซ่า ข้าแบนเรียบ

ชาญวุฒิ เนระภูสี

สาวบ้านนี้สวยเก่งกันทุกคนเลยโดยเฉพาะภูตจบตั้งปริญญากัน

pornpat tammalangka


bigbuff


พานิชย์ กะรัมย์

ขอขอบพระคุณมากๆๆเลยขอรับ
ภูติบ้านนี้มีแต่ตัวเก่งๆๆและสวยๆๆทั้งนั้นเลยนะขอรับ อิอิอิ

Csc It

นึกว่ามาไวเครมไวเหมือนตอนที่แล้วแต่จะนานแค่ใหนก้อจะรอ55อ่านสนุกมาก

po3821

ให้รายละเอียดตัวละครเหมือนกับว่าเอามาจากเรื่องจริงเลย เห็นภาพชัดเจน สอดแทรกข้อคิดได้ดี อ่านแล้วอินเลย ขอบคุณมากครับ