ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_nato87

รวมเรื่องสั้นโคตรอีโรติกของนาย Nato87 : เพื่อน...กูรักลูกสาวมึงว่ะ ตอนที่ 6

เริ่มโดย nato87, กันยายน 11, 2019, 04:13:53 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

คุณคิดว่าเรื่องนี้ "ใครเป็นคนผิด" ครับ?

คุณจอม เจนรบ - ที่ไม่ยอมหักห้ามใจไม่ให้คิดไปไกลกับน้องปลาลูกสาวเพื่อน จนทำให้เรื่องราวมันเลยเถิดไปไกล
ภาค ภาคภูมิ - ที่เคยแย่งแฟนเพื่อนไปแล้วเมื่อในอดีต แล้วยังคิดกีดกันความรักระหว่างเพื่อนรักและลูกสาวอีก
เปิ้ล ปิยะวรรณ - ถ้าคุณเปิ้ลในวัยสาวไม่คิดเปลี่ยนใจจากจอมไปหาภาค บางทีเรื่องราววุ่นวายอาจไม่เกิดขึ้น
ปลา ปวีณา - เธอผิดที่คิดกับลุงจอมมากกว่าคำว่าญาติผู้ใหญ่ และทำตามอำเภอใจ จนทำให้เกิดเรื่องราววุ่นวาย

nato87

พูดคุยก่อนอ่าน : ติดตามกันต่อกับตอนที่ 6 นะครับ ตอนนี้ไม่มีฉากเลิฟซีนนะ ขอสงวนฉากนี้ไว้เฉพาะคนที่ซื้อฉบับเต็มนะครับ

อ่านเสร็จแล้วอยากถามทุกท่านว่า ความเห็นของคุณ คุณคิดว่าเรื่องอีรุงตุงนังที่เกิดขึ้นกับคนทั้งสี่ เจนรบ ภาคภูมิ ปิยะวรรณ และ ปวีณา ใครคือคนผิดครับ


#######################################

เจนรบยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไปตามปกติ และเขาพยายามจัดสรรเวลาในการคบหากับปวีณา ด้วยความตั้งใจว่าสักวันหนึ่งถ้าถึงเวลาเหมาะสม เขาจะเดินทางไปเชียงใหม่ เพื่อสู่ขอปวีณากับภาคภูมิและปิยะวรรณที่เป็นเพื่อนและแฟนเก่าของเขา

หนุ่มใหญ่ดูสดชื่นมากขึ้น จนถูกลูกน้องแซวว่าเขากำลังมีความรัก เจนรบได้แต่ยิ้มตอบ ไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะยังอยากให้เวลาเป็นเครื่องตัดสิน แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ตอนนี้หัวใจของเขามีแต่น้องปลาเท่านั้น เวลาว่าง ทั้งคู่ก็พูดคุยกันทางไลน์ พอเสาร์-อาทิตย์ ถ้ามีโอกาส เจนรบและปวีณาก็นัดพบกันเพื่อไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ และบางครั้งปวีณาก็ไปนอนค้างที่บ้านของเจนรบอีกด้วย



"เราจะต้องหลบซ่อนสถานะของเราสองคนแบบนี้อีกนานไหมคะลุงจอม?" ปวีณาเอ่ยปากถามเจนรบ

"อีกไม่นานหรอกจ๊ะ" เจนรบตอบ "ถ้าหนูเรียนจบเมื่อไร ลุงจะไปสู่ขอหนูกับไอ้ภาคและเปิ้ลนะ แล้วมาทำงานกับลุงนะ ลุงอยากมีเลขาส่วนตัวอยู่พอดีเลย"

"ลุงก็!!!" ปวีณายิ้มเขิน "หนูคงช่วยอะไรลุงไม่ได้หรอก หนูไม่ได้เก่งแบบลุง"

"เชื่อลุงเถอะ ลุงว่าหนูช่วยลุงได้มากแน่" เจนรบยิ้มหวาน "หนูเป็นคนเก่ง เพียบพร้อมทั้งหน้าตา ความรู้ และความสามารถแบบนี้ นะจ๊ะ มาเป็นเลขาส่วนตัว มาเป็นแม่ศรีเรือนของลุงนะจ๊ะน้องปลา"

"ค่ะ..." ปวีณายิ้มหวานจนเห็นแผงฟันขาว เจนรบก็โอบศีรษะของสาวน้อยแล้วจูบกลางหน้าผากของเธออย่างมีความสุข

เป็นคำสัญญาที่เจนรบให้กับปวีณา ว่าทั้งคู่จะต้องได้อยู่ร่วมกันอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าอะไรมันไม่ได้ดูง่ายดายอย่างที่คาดฝัน เพราะปวีณาเองก็ถูกคาดหวังจากพ่อและแม่ว่าอยากให้เธอไปเรียนต่อที่เมืองนอกเมืองนาเพื่อให้กลับมาช่วยงานธุรกิจที่บ้านในอนาคต

และแล้วสิ่งที่เจนรบกลัวก็เริ่มก่อตัว เมื่อภาคภูมิและปิยะวรรณกำลังสงสัยในความสัมพันธ์ของเจนรบและปวีณา จากการที่มีคนรู้จักไปเจอทั้งคู่เดินด้วยกันที่ห้างสรรพสินค้า ภาคภูมิไม่ใช่คนโง่ เขาเคยแย่งปิยะวรรณมาจากเจนรบ ดังนั้นเขาจึงกลัวว่าสักวันหนึ่ง เจนรบอาจคิดเอาคืนเขาและปิยะวรรณอยู่ก็ได้

หลังจากเหตุการณ์ที่ห้างสรรพสินค้าราวสองอาทิตย์ ภาคภูมิที่เคลียร์ธุระส่วนตัวที่เชียงใหม่เสร็จ ได้ตัดสินใจเดินทางลงมาที่กรุงเทพเพียงคนเดียว โดยมีเพียงแค่ปิยะวรรณเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ ส่วนหนึ่งเพราะภาคภูมิต้องการแน่ใจว่าเจนรบกับปวีณากำลังแอบคบหากันจริงหรือไม่

หลังจากเดินทางมาถึงสนามบินดอนเมือง ภาคภูมิโทรศัพท์หาเจนรบ เพื่อขอนัดพบตามภาษาเพื่อนฝูง แต่ความจริงแล้วมันมีอะไรมากกว่านั้น จากหลักฐานที่นักสืบส่งมาให้ มีแนวโน้มว่าเจนรบกับปวีณามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันจริง

"ฮัลโหล ไอ้จอม สบายดีไหมมึง?"

"เออ สบายดี มีอะไรวะไอ้ภาค?"

"กูลงมาทำธุระที่กรุงเทพ มึงว่างป่ะ กูมีอะไรอยากจะคุยกับมึงหน่อย"

"เรื่องอะไรของมึงวะไอ้ภาค?" เจนรบถาม

"เรื่องสำคัญบางอย่าง กูอยากจะพูดกับมึงเป็นการส่วนตัว" ภาคภูมิตอบไปตามตรง จนเจนรบรู้สึกได้ว่ามันคงเป็นเรื่องสำคัญ "กูอยากคุยกับมึงให้เร็วที่สุด"

แล้วเจนรบก็ตอบตกลง ว่าจะมาเจอกันที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งแถวห้าแยกลาดพร้าว ภาคภูมิที่มาถึงก่อนนั่งละเลียดกาแฟระหว่างรอเจนรบตามมาสมทบที่หลัง

"ไงไอ้ภาค มีอะไรกับกูวะ?" เจนรบเดินสะพายกระเป๋าหนังสีดำมาทักทายเพื่อนรักที่กำลังนั่งละเลียดกาแฟอยู่ชั้นบนของห้างสรรพสินค้าดัง

"นั่งก่อนซิวะไอ้จอม" ภาคภูมิวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ "อยากดื่มอะไรก็สั่งมา กูมีเรื่องที่จะต้องคุยกับมึงเป็นการส่วนตัวเยอะพอสมควร"

"ขอเอรสเปรสโซ่ครับ" เจนรบสั่งเครื่องดื่มกับบริกร

"ชอบดื่มอะไรเข้ม ๆ ตลอดเลยนะมึง" ภาคภูมิยิ้ม

"มีอะไรก็ว่ามาซิไอ้ภาค" เจนรบถาม "มึงมีเรื่องสำคัญอะไรจะคุยกับกู"

"เดี๋ยวก่อนซิ กูอยากคุยเรื่องอื่นก่อน" ภาคภูมิตอบ "เป็นไงบ้าง ชีวิตมึงช่วงนี้ โอเคไหม?"

"ก็เรื่อย ๆ ว่ะ" ทนายความพยักหน้า หนุ่มใหญ่เริ่มรู้สึกว่าภาคภูมิต้องมีอะไรบางอย่างเก็บซ่อนอยู่ในใจอย่างแน่นอน

พอบริกรเอากาแฟมาเสิร์ฟให้เจนรบบนโต๊ะแล้ว ภาคภูมิก็ให้เพื่อนรักได้ละเลียดรสชาติเข้มข้นของกาแฟ ก่อนที่จะเริ่มเปิดประเด็นสำคัญ

"เอาละ กูว่ากูต้องเริ่มเปิดประเด็นแล้ว" ภาคภูมิประสานมือเข้าด้วยกันบนโต๊ะ "ไอ้จอม กูอยากจะคุยเรื่องนี้กับมึงมาก เป็นเรื่องสำคัญที่กูต้องพูดกับมึง และนี่คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่กูจะพูดเรื่องนี้"

"เรื่องอะไรของมึงไอ้ภาค?" เจนรบร่นคิ้ว

"เรื่องลูกสาวกู"

"กูบอกแล้วไง กูกับหนูปลาไม่ได้มีอะไรกัน มึงเข้าใจผิดแล้ว"

"มึงยังจะโกหกกูอีกเหรอไอ้จอม" ภาคภูมิย้อนถาม "เมื่อสามสิบปีก่อน กูยอมรับว่ากูผิด ที่ไปแย่งเปิ้ลมาจากมึง ถึงเปิ้ลจะบอกว่าตัวเองเป็นคนปันใจมาจากมึงเอง กูอยากให้มึงพูดออกมาตามตรง ไม่ต้องมาโกหกกัน ถ้ามึงยังเห็นว่ากูเป็นเพื่อนอยู่"

"กูไม่คุยเรื่องนี้ว่ะไอ้ภาค" เจนรบพยายามปฏิเสธ

"มึงต้องพูดว่ะไอ้จอม!!" ภาคภูมิขึ้นเสียง จนลูกค้าโต๊ะอื่นหันมามอง นักธุรกิจจากภาคเหนือจึงได้ลดโทนเสียงให้เบาลงอีกหน่อย "กูมีหลักฐานว่ามึงกับลูกสาวกูอยู่ด้วยกันสองต่อสอง เลิกเอาความเป็นทนายมาคุยกับกูซะไอ้จอม เอาความเป็นลูกผู้ชาย เป็นสุภาพบุรุษมาคุยกันดีกว่า"

แล้วภาคภูมิก็หยิบเอาภาพถ่ายของเจนรบและปวีณาจากกระเป๋าสะพายขึ้นมาวางบนโต๊ะ ภาพเหล่านั้นทำให้เจนรบหน้าถอดสีด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าภาคภูมิจะรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเขาและปวีณา

"ไอ้ภาค..." เจนรบส่งรูปภาพคืนให้เพื่อนรัก "กูขอโทษ มาถึงจุดนี้กูคงปฏิเสธอะไรไม่ได้อีกแล้ว"

"ทำไมมึงทำแบบนี้วะไอ้จอม?" ภาคภูมิย้อนถามถึงศีลธรรมในตัวของเจนรบ "นั่นมันลูกสาวกูนะ ลูกปลาเป็นลูกสาวกูกับเปิ้ล มึงทำแบบนี้ เพราะมึงต้องการล้างแค้นกูกับเปิ้ลใช่ไหม?"

"ไม่ใช่อย่างนั้น..." เจนรบตอบ "กูกับน้องปลารักกัน"

"กูกับน้องปลารักกันเหรอ?" ภาคภูมิแสยะยิ้ม "มึงนี่กล้าพูดนะไอ้จอม นั่นลูกสาวกู น้องปลายังเด็ก ยังไม่มีวิจารณญาณพอที่จะตัดสินว่าเรื่องไหนเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม แต่มึง มึงเป็นผู้ใหญ่ มึงทำแบบนี้กับลูกสาวกูเหรอ!!!"

"กูขอโทษเพื่อน" เจนรบหมดสภาพที่จะต่อสู้ "กูรักลูกสาวมึงว่ะ ไอ้ภาค"

"รักลูกสาวกู..." ภาคภูมิจ้องหน้าเจนรบตาขวาง "ก็เลยเอาลูกสาวกูเป็นเมียว่างั้น"

"กู...กูไม่รู้จะพูดอะไรวะไอ้ภาค" ทนายความสารภาพ "แต่กู กูรักน้องปลาจริง ๆ กูยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง กูสัญญาว่ากูจะดูแลน้องปลาให้ดีที่สุด"

"ก็ยังดี..." ภาคภูมิเอนตัวพิงเก้าอี้ "ที่มึงกล้ายอมรับความจริงแบบลูกผู้ชาย แต่กูคงยอมให้มึงกับน้องปลารักกันไม่ได้ว่ะ กูทำใจไม่ได้ที่อยู่ดี ๆ จะมีเพื่อนรักเป็นลูกเขย มึงเข้าใจความรู้สึกกูตรงนี้ใช่ไหม?"

"กูเข้าใจ..." เจนรบถอนหายใจ "ยังไงมึงกับเปิ้ลคงไม่มีวันยอมรับเรื่องนี้ได้"



'ไอ้จอม ลูกสาวกูปีนี้อายุ 20 อีกไม่กี่ปีข้างหน้า น้องปลาจะเรียนจบและต้องไปเรียนต่อปริญญาโทที่เมืองนอก กูอยากให้ลูกสาวกูมีอนาคตที่ดี และได้เจอผู้ชายที่เหมาะสม ทั้งความรู้ วัยวุฒิ และฐานะ" ภาคภูมิอธิบาย "มึงเป็นคนดีนะไอ้จอม กูมั่นใจว่ามึงน่ะจะดูแลลูกสาวกูได้ แต่ปัญหาคือ มึงเป็นเพื่อนกู แล้วมึงกับกูตอนนี้อายุเท่าไร อีกสิบปีข้างหน้าลูกสาวกูจะมีอายุ 30 เธอจะเป็นสาวสวยสะพรั่ง แต่กูกับมึงจะมีอายุ 62 เราจะเป็นเพียงแค่ไอ้แก่ที่หมดสภาพ มึงไม่คิดว่ามันเห็นแก่ตัวเหรอวะ ที่น้องปลาต้องมาดูแลคนแก่อย่างมึง กูอยากให้สาวของกูได้เจอคนที่ดีและหนุ่มแน่นกว่านี้ แล้วมึงลองคิดดูนะไอ้จอม ถ้าเกิดมึงกับน้องปลามีลูกด้วยกัน มึงไม่สงสารลูกมึงที่เกิดมาเหรอวะ? มึงจะมีเวลาอยู่บนโลกกับน้องปลาและลูกของมึงอีกกี่ปี? กูไม่รู้มึงคิดยังไงนะ แต่กูยอมให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นไม่ได้"

"พูดอีกก็ถูกอีก..." เจนรบยอมรับ "กูไม่มีอะไรจะโต้แย้ง"

"ก็ดี..." ภาคภูมิหยิบน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มแก้กระหาย "งั้นกูขอเลยนะไอ้จอม เลิกติดต่อกับลูกสาวกูตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ถ้ามึงยังไม่เลิก เราคงได้เห็นดีกัน"

ภาคภูมิลุกขึ้นหยิบกระเป๋าสะพาย ก่อนเดินไปจ่ายเงินที่หน้าเคาน์เตอร์ หนุ่มใหญ่นักธุรกิจจากภาคเหนือหันมาพูดบางอย่างกับเจนรบ

"กูพูดทุกอย่างเคลียร์แล้ว หวังว่ามึงคงเข้าใจ" ภาคภูมินิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง "แล้วกูก็หวังว่ากูกับมึงคงไม่เจอหน้ากันอีกนะ"

เจนรบได้แต่นั่งเงียบครุ่นคิดถึงสิ่งที่ภาคภูมิพูด ทุกอย่างมันก็จริงในมุมของไอ้ภาคมัน เจนรบคิด เป็นเขาเองที่ผิดเอง ที่ไม่หักห้ามใจให้มากกว่านี้ จนพาตัวเองและน้องปลามายืนในจุดนี้ ถ้าแบบนั้นแล้ว บางทีเขาคงต้องแก้ไขในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ทั้งหมดไม่ใช่เพราะใคร แต่เพื่อน้องปลานั่นเอง

ในคืนนั้น เจนรบได้พูดคุยกับปวีณาทางโทรศัพท์ ตอนแรกเขาเองก็อยากจะตัดการติดต่อจากเด็กสาว เพียงแต่เขาประเมินสถานการณ์ดูแล้ว คงเป็นไปไม่ได้ เพราะลูกปลาสามารถมาหาเขาได้ ณ ที่ทำงาน และเพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องราวมันบานปลาย เจนรบจึงตัดสินใจเปิดใจคุยกับปวีณาอย่างตรงไปตรงมาในคืนนั้น

"ลุงคิดว่าเราจำเป็นต้องคุยกันอย่างตรงไปตรงมาแล้วล่ะนะปลา...."

"ลุงจอมหมายความว่ายังไงคะ?" ปวีณาถาม "ปลางงไปหมดแล้ว"

'ลุงคิดว่าเราเลิกกันเถอะ" เจนรบตอบ

"อะไรนะ?" น้ำเสียงของสาวน้อยเริ่มสั่นเครือ "ลุง...ลุงพูดอะไรของลุง?"

"เราเลิกกันเถอะ อย่ามาติดต่อพบเจอกันอีก" เจนรบจำใจต้องพูดทั้งน้ำตา

"ไม่จริง!! นี่ไม่ใช่สิ่งที่ลุงอยากจะพูดออกมา มันต้องมีอะไรบางอย่างแน่ ๆ ที่หนูไม่รู้" ปวีณาตอบ "เรื่องพ่อกับแม่หนูใช่ไหมคะลุงจอม?"

"มันไม่เกี่ยวกับไอ้ภาคและก็เปิ้ล" ทนายความตอบทั้งน้ำตา "ลุงแค่เบื่อ ลุงเบื่อหนูแล้วปลา ลุงเบื่อหนูเต็มทนแล้ว!!! ที่ผ่านมาลุงแค่แกล้งทำว่ารักหนูไปแบบนั้นแหละ อย่ามายุ่งกับชีวิตลุงอีก ลุงมันแก่แล้ว หูตามันกำลังจะฝ้าฟาง เด็กสาวอย่างหนูไม่ควรมาเสียเวลากับลุง!!"

"เหรอคะ? ที่ผ่านมาลุงแค่แกล้งทำว่ารักปลาใช่ไหม? " เสียงสะอื้นของปวีณาดังเล็ดลอดออกมาจากลำโพงโทรศัพท์ของเจนรบ "หนูว่ามันต้องเกี่ยวกับพ่อและแม่ของหนูแน่ ๆ ลุงจอม ลุงไม่ต้องมาโกหกหรอก ถ้าลุงอยากจะเลิกก็บอกมาตรง ๆ เถอะ ไม่ต้องมาทำเป็นอ้อมค้อม!!"

"ลุงจำเป็นต้องทำนะปลา" น้ำเสียงของเจนรบเริ่มสั่นเครือ "ลุงอยากให้หนูได้มีอนาคตที่ดี"

"ทำไมคนนั้นคนนี้ต้องมาตัดสินอนาคตหนูด้วย ทั้งพ่อกับแม่ และตอนนี้ก็เป็นลุงอีกคน!!" ปวีณาตัดพ้อ "ความสุขของหนูคือการได้อยู่กับลุง ได้ดูแลลุง แต่ในเมื่อลุงไม่ต้องการปลาอีกต่อไป ก็ได้ค่ะ ปลาจะไปจากชีวิตลุงเอง!!"

แล้วปวีณาก็กดตัดสายเจนรบทิ้งทั้งน้ำตา หนุ่มใหญ่และสาวน้อยต่างปล่อยโฮออกมาด้วยหัวใจที่แตกสลาย

"ลุงรักปลานะ/หนูรักลุงจอม" ทั้งคู่ต่างพูดในสิ่งที่หัวใจตนเรียกร้อง ในวันที่ความรักต้องห้ามนี้จบลง

................

หลายเดือนผ่านไปหลังจากเหตุการณ์วันนั้น เจนรบก็กลับมาเป็นหนุ่มใหญ่ที่เคร่งขรึมและจริงจังไปเสียทุกอย่างอีกครั้ง ในขณะที่ปวีณาก็กลับไปตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือ ตอนนี้เธอขึ้นสู่ชั้นปีที่สาม ของคณะนิเทศศาสตร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้นปวีณาก็จบการศึกษา ภาคภูมิรู้สึกพึงพอใจมาก ที่เจนรบทำตามที่ตนเองร้องขอ เว้นเสียแต่ปิยะวรรณ ที่สังเกตว่าลูกสาวคนเล็กของบ้านดูเศร้าสร้อยและชอบเหม่อลอยเสมอ



"คิดอะไรอยู่เหรอจ๊ะลูกแม่?" ปิยะวรรณเดินเขามาถามความรู้สึกของลูกสาวที่ยืนเหม่ออยู่ริมระเบียงบ้าน

"ก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปตามเรื่องค่ะ" ปวีณาหันไปยิ้ม

"เหรอจ๊ะ? ไม่ใช่ว่าคิดถึงหนุ่มคนไหนที่กรุงเทพหรอกเหรอ?" ปิยะวรรณแกล้งแยบถามเล่น

"ไม่มีหรอกค่ะแม่..." ปวีณาตอบ "หนูยังไม่คิดเรื่องแฟน"

"ดีแล้วจ๊ะลูกแม่" ปิยะวรรณโอบกอดลูกสาวด้วยความรัก เธอรู้มาจากปากของภาคภูมิที่เป็นสามีว่าเขาไปคุยเรื่องนี้กับเจนรบด้วยตัวเอง แน่นอนว่าปิยะวรรณก็เห็นด้วยกับสิ่งที่ภาคภูมิเสนอให้เจนรบ แต่บางครั้งปิยะวรรณก็อดสงสารลูกสาวไม่ได้ และอาจจะรวมไปถึงตัวเจนรบด้วยเช่นกัน

ปิยะวรรณรู้ดีว่าตัวเองมีส่วนผิด เพราะปันใจไปหาภาคภูมิ จนทำให้คนที่มีความรักจริงอย่างเจนรบต้องช้ำใจ และเลือกที่จะครองตนเป็นโสดอยู่นานถึง 30 ปี บางทีถ้าเจนรบได้เจอกับผู้หญิงที่ดีคนอื่น เธออาจจะยินดีไปกับอดีตคนรักเก่า แต่นี่กลับเป็นปวีณา ลูกสาวของเธอและภาคภูมิ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้

"แม่คะ หนูถามอะไรหน่อยได้ไหม?" ปวีณาหันไปมองหน้าปิยะวรรณ

"อะไรจ๊ะลูก?" ปิยะวรรณยิ้มหวานให้ลูกสาว

"แม่รักพ่อเพราะอะไรคะ?" คำถามนี้ทำเอารอยยิ้มของปิยะวรรณเหือดหายไปอย่างรวดเร็ว

"ปลา..." อดีตดาวคณะอักษรศาสตร์เรียกชื่อลูกสาวด้วยความตกใจ "ถามอะไรของลูกเนี่ย?"

"หนูแค่อยากรู้ว่าแม่รักพ่อเพราะอะไร?" ปวีณาย้ำคำถามอีกครั้ง "บอกหนูหน่อยได้ไหมคะแม่"

"เพราะพ่อของหนูเป็นคนดี" ปิยะวรรณตอบ

"แค่นั้นเองเหรอคะ?" ปวีณาถาม "หนูแค่สงสัยว่า การที่แม่เปลี่ยนใจจากลุงจอมมารักพ่อ มันน่าจะมีเหตุผลอะไรที่มากกว่าการที่พ่อเป็นคนดี เพราะหนูคิดว่าลุงจอมเองก็เป็นคนดีไม่ต่างจากพ่อเลย"

"ปลา..." คำพูดของลูกสาวทำให้ปิยะวรรณถึงกับหน้าซีดเผือก สาวใหญ่ควรจะตอบลูกสาวแบบไหนดีนะ

ย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ตอนที่ปิยะวรรณยังเป็นสาวสวยประจำคณะอักษรศาสตร์ เธอคบหากับเจนรบที่เป็นเดือนคณะนิติศาสตร์ ทั้งคู่เป็นคู่รักตัวอย่างที่ทุกคนในมหาวิทยาลัยชื่นชมด้วยความหล่อและสวยบวกกับความสามารถ ทำให้ทุกคนคาดหวังว่าเจนรบและปิยะวรรณจะได้แต่งงานกันหลังเรียนจบ แต่สายตาของปิยะวรรณกลับไม่ได้มองแค่เจนรบเพียงคนเดียว สายตาของหญิงสาวแบ่งปันไปยังภาคภูมิ ที่แอบมองเธออยู่ไม่ไกล โดยที่เจนรบไม่มีทางรู้ตัว

ปิยะวรรณไม่ชอบเวลาที่เจนรบยืนสูบบุหรี่ เธอเกลียดผู้ชายสูบบุหรี่ เพราะพ่อของเธอเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด หญิงสาวพยายามห้ามแฟนหนุ่ม แต่กลับถูกปฎิเสธกลับมาอย่างไม่มีเยื้อไย

"ก็เราเป็นผู้ชายอ่ะเปิ้ล ผู้ชายก็ต้องกินเหล้าสูบบุหรี่บ้างซิ เวลาผู้ชายเข้าสังคมกันมันก็ต้องมีบ้างเถอะ"

"แล้วภาคล่ะ ภาคก็เป็นผู้ชาย เปิ้ลไม่เห็นภาคสูบบุหรี่เลย อย่างมากก็กินแค่เหล้าเวลาเข้าสังคม"

"นั่นมันไอ้ภาค ไม่ใช้จอมสักหน่อย" เจนรบปฎิเสธอย่างไม่มีเยื้อไย จนทำให้ปิยะวรรณอดรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง

และบางครั้ง ปิยะวรรณก็อยากให้เจนรบมีมุมอ่อนโยน โรแมนติกบ้าง เวลาที่ภาคภูมิหยิบกีต้าร์ขึ้นมาร้องเพลงเล่น หญิงสาวรู้สึกว่าภาคภูมิดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด ในขณะที่เจนรบกลับนั่งเคร่งเครียดกับตำราเรียนกฎหมายมากเกินไป จนทำให้บางครั้งเขาก็ไม่มีเวลาเอาใจแฟนสาวเท่าที่ควร

"ภาคเล่นกีต้าร์เก่งเนอะจอม" ปิยะวรรณหันไปมองภาคภูมิที่ยืนเล่นกีต้าร์ในงานโอเพ้นท์เฮ้าส์ของมหาวิทยาลัย "จอมน่าจะหัดร้องหัดเล่นกีต้าร์บ้างนะ"

"ไม่เอาอ่ะเจ็บนิ้ว แล้วก็ไม่รู้จะหัดไปเพื่ออะไรด้วย" เจนรบปฎิเสธอย่างไม่มีเยื้อไย "เราอยากเอาเวลามาอ่านหนังสือทบทวนตำรามากกว่า เราตั้งใจว่าจะตั้งใจเรียนแล้วจบมาเป็นทนาย เพื่อจะได้ดูแลเปิ้ลไง เปิ้ลว่าไม่ดีกว่าเหรอ?"

"อืม..." ปิยะวรรณได้แต่ถอนหายใจ เธออยากให้เจนรบมีมุมโรแมนติกแบบภาคภูมิบ้าง

สำหรับปิยะวรรณแล้ว เธอคิดว่าภาคภูมิดูมีเสน่ห์มากกว่าเจนรบ ภาคภูมิอาจไม่ได้มีผลการเรียนโดดเด่นเท่าเจนรบก็จริง แต่ในด้านกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นกีฬาหรือดนตรี ภาคภูมิเหนือกว่าเจนรบอย่างเห็นได้ชัด




ตัดมาที่ปัจจุบัน ปิยะวรรณคิดทบทวนเรื่องราวในอดีต เพื่อเรียบเรียงหาคำตอบที่ดีที่สุดให้แก่ลูกสาวที่ยือฟังอยู่

"แม่จะตอบให้ก็ได้" ปิยะวรรณยิ้ม เธอเอื้อมแขนจับไหล่ของลูกสาว "สาเหตุที่แม่เลือกพ่อ แทนที่จะเป็นลุงจอม เพราะอะไรรู้ไหม?"

"เพราะอะไรค่ะ?" ปวีณาตั้งอกตั้งใจฟังคำตอบของแม่

"เพราะพ่อของลูกดูอ่อนโยนและผ่อนคลายกว่าลุงจอมยังไงล่ะ" ปิยะวรรณตอบ "ลุงจอมน่ะเป็นผู้ชายที่ดีมากเลยนะ เพียงแต่แม่รู้สึกว่าการอยู่กับลุงจอม สำหรับแม่มันอึดอัดเกินไป เพราะจอมเป็นคนที่คาดหวังกับทุกสิ่งทุกอย่างไว้สูงมาก จนแม่ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะดีพอที่จะตอบสนองต่อความต้องการของลุงจอมได้"

"งั้นเหรอคะ?" ปวีณาพยักหน้า เธอรู้สึกคล้อยตามในสิ่งที่แม่ของเธอพูด เพราะตลอดเวลาที่เธออยู่กับลุงจอม เธอรู้สึกว่าลุงจอมดูจริงจังและซีเรียสจนเกินไป ถึงแม้ภายหลังเจนรบจะดูผ่อนคลายลงเวลาอยู่กับเธอก็ตาม

"แม่เองก็รู้สึกเสียใจนะ ที่เป็นคนหักอกลุงจอมมาหาพ่อของลูก" ปิยะวรรณสารภาพตามตรง "แต่ความรักมันก็แบบนี้ บางครั้งผู้หญิงเราไม่ได้ต้องการรักผู้ชายที่ดีที่สุด แต่เราแค่ต้องการรักคนที่เข้าใจในสิ่งที่เราเป็นมากที่สุด อยู่แล้วสบายใจที่สุด ก็เท่านั้นเอง"

"คุยอะไรกันอยู่เหรอสองสาว?" ภาคภูมิที่แอบยืนฟังเข้ามาแทรกขัดจังหวะ "เปิ้ล ปลา พ่อว่าเย็นนี้เราไปหาของอะไรอร่อย ๆ กินกันดีไหม?"

"คุณ!? มาตอนไหนเนี่ย?" ปิยะวรรณตกใจที่ภาคภูมิปรากฏตัวโดยไม่ให้สุ่มให้เสียง

"ก็ได้สักพักแล้ว" ภาคภูมิยิ้ม "แอบฟังสองสาวนินทาพ่ออยู่น่ะ"

"นิสัยไม่ดีเลยนะคุณ!!" ปิยะวรรณค้อนใส่ภาคภูมิผู้เป็นสามีที่เดินเข้ามากอดเธอจากด้านหลัง "ไม่ต้องมาประจบเลย!!"

"มาเถอะสองสาว ไปหาข้าวเย็นกินกันข้างนอกบ้าง เปลี่ยนบรรยากาศ" ภาคภูมิยิ้มหวาน "นะ พ่อหิวแล้ว ไปกันเถอะ"

สำหรับปวีณาแล้ว ภาคภูมิอาจดูเป็นพ่อที่เข้มงวด แต่ความจริงแล้วเขาคือแฟมิลี่แมน ที่ดูแลปิยะวรรณและเธอเป็นอย่างดี แทบเรียกได้ว่าภาคภูมิไม่เคยทำให้แม่ของเธอต้องเสียใจเลยแม้แต่น้อย

บางทีก็คงเป็นอย่างที่แม่เธอพูดนั่นแหละ ผู้หญิงไม่ได้รักใครสักคนที่เขาเป็นคนดี แต่รักเพราะอยู่กับเขาและสบายใจ อยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขกว่า เธอคิดว่าหากแม่ของเธออยู่กับลุงจอม เธอคงไม่ได้เกิด และแม่ของเธอคงไม่มีความสุขเท่ากับที่อยู่กับพ่อของเธออย่างภาคภูมิ

................

ภาคภูมิพาปิยะวรรณและปวีณามากินข้าวที่ร้านภัตตาคารหรูย่านใจกลางเมืองเชียงใหม่ ขากลับปวีณาขออาสาเป็นคนขับรถให้ จนสร้างความแปลกใจให้ภาคภูมิและปิยะวรรณเป็นอย่างมาก

"ไปแอบฝึกหัดขับรถตอนไหนเหรอ?" ภาคภูมิถามลูกสาวอย่างอารมณ์ดี แต่ความจริงเขาพอเดาออกอยู่แล้วว่าเจนรบเป็นคนสอนขับรถให้

"หัดกันเพื่อนค่ะ" ปวีณาตอบ เธอโกหกเพราะคิดว่าพ่อของเธอยังไม่รู้ความจริง ภาคภูมิยิ้มให้ลูกสาว และเริ่มเกริ่นถึงเรื่องอนาคตทางการศึกษาของปวีณา

"อีกหนึ่งปีก็จะจบปริญญาตรีแล้วซินะปลา" ภาคภูมิเอ่ยปาก "ตัดสินใจหรือยังว่าจะไปเรียนต่อที่ไหน?"

"อเมริกาค่ะ" ปวีณาตอบ "หนูอยากไปเรียนที่อเมริกา"

"ดีแล้ว" นักธุรกิจรีสอร์ตพยักหน้า "พ่อกับแม่รอคอยความสำเร็จของลูกอยู่นะ"

ปวีณายิ้มรับ ขณะกำลังก้มหน้าก้มตากินมื้อเย็นต่อไป ปิยะวรรณทขมวดคิ้วใส่ภาคภูมิ เพราะไม่เห็นด้วยที่สามีไปชวนลูกคุยเรื่องซีเรียสแบบนี้ตอนมื้อเย็น
ความจริงแล้วภาคภูมิเองก็หวังดีกับปวีณา เพียงแต่เขาต้องการมั่นใจว่าลูกสาวของเขากับเจนรบจะห่างกันด้วยระยะทาง เพราะนักสืบแอบมารายงานว่าพบความเคลื่อนไหวของทั้งคู่ที่เหมือนยังอาลัยอาวรณ์กันอยู่ ครั้งหนึ่งปวีณาเคยเดินทางไปที่สำนักงานทนายความของเจนรบ แต่เจนรบติดธุระด้านนอก ทั้งสองเลยไม่ได้เจอกัน ส่วนเจนรบเอง ก็เคยแอบแวะมาที่หน้ามหาวิทยาลัย เพื่อดักเจอหนูปลา เพียงแต่เจนรบเลือกที่จะไม่ปรากฏตัว เพราะไม่อยากให้เด็กสาวลำบากใจ

................

"คือคุณจะมาทำตัวหัวหมอแบบนี้ไม่ได้นะ การที่เจ้าบ้านไม่ได้มาดูแลที่ดิน ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะมาอ้างสิทธิให้อีกฝ่ายมาเปิดทางภาระจำยอม คุณก่อสร้างตึกหันมาทางที่ดินของอีกฝ่าย ทั้งที่หน้าบ้านคุณติดถนนใหญ่ ผมมองว่าคุณมีเจตนาไม่บริสุทธิ์"

เจนรบออกโรงว่าความให้ฝ่ายโจทย์ในชั้นศาลอย่างออกรส หลังจากที่ฝ่ายจำเลยพยายามรุกล้ำที่ดินของอีกฝ่าย โดยอ้างว่าตนเองไม่มีเส้นทางออกสู่ถนนใหญ่

"ทนายเจนรบ คุณไม่มีสิทธิ์มาว่ากล่าวหาลูกความผมนะครับ!!!" ทนายความฝ่ายจำเลยลุกขึ้นมากลางศาล

"ผมไม่ได้กล่าวหา ผมพูดตามข้อเท็จจริง!!" เจนรบโต้แย้ง "ศาลที่เคารพครับ ลูกความของผมเคยทำเรื่องขอรังวัดที่ดินไปแล้วเมื่อสองปีก่อน แน่นอนว่าทางฝ่ายโจทย์ได้มีการบันทึกภาพมุดที่แบ่งเขตที่ดินไว้แล้ว คือฝ่ายจำเลยจะมาอ้างว่าฝ่ายโจทย์ไม่มาดูแลที่ดินคงเป็นไปไม่ได้"

เจนรบเดินหน้าว่าความให้ฝ่ายโจทย์จนได้รับชัยชนะอย่างงดงาม ก่อนหน้านั้นทนายฝ่ายจำเลยเคยพยายามเจรจากับเขาเพื่อหาทางออกร่วมกัน เพราะเขาไม่อยากเสียประวัติเพราะแพ้คดี และฝ่ายจำเลยเองก็ลงทุนไปมากกับอพาร์ทเมนต์ที่สร้างขึ้นมา แต่เจนรบเลือกปฏิเสธกลับไป เพราะเขาไม่สามารถทรยศต่อลูกความและอาชีพของเขาได้

"คุณกำลังทำให้เรื่องง่ายกลายเป็นเรื่องยากนะเจนรบ" ทนายความฝ่ายจำเลยยืนเผชิญหน้ากับเจนรบ หลังศาลมีคำสั่งตัดสินให้ฝ่ายโจทย์เป็นผู้ชนะ "ความจริงเรื่องนี้เราน่าจะหาทางออกร่วมกันได้โดยไม่มีใครต้องแพ้"

"คุณมาเป็นทนายความ เพราะสนแค่เรื่องแพ้ชนะหรอกเหรอ?" เจนรบในชุดครุยทนายหันไปถาม "แต่สำหรับผม ผมไม่ใช่ ผมมาเป็นทนาย เพื่อช่วยเหลือคนยากจนและยืนหยัดเพื่อความถูกต้อง ขอโทษนะ อุดมการณ์ของผมกับคุณมันต่างกัน"

เจนรบเดินหน้าต่อสู้เพื่อความยุติธรรมจนได้รับคำยกย่องจากชาวบ้าน และในระหว่างที่เขากำลังขับรถกลับจากชลบุรีมุ่งตรงสู่กรุงเทพอยู่นั้น ก็ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อมีชายลึกลับขับรถบิ๊กไบค์มาประกบรถยนต์ของเขาที่กำลังแล่นอยู่บนถนนบางนา-ตราด

ด้วยสัญชาติญาณ เจนรบรู้ดีว่าชายลึกลับสองคนนั้นมีเจตนาร้าย เขาก็เลยหักพวงมาลัยหวังชนกับรถบิ๊กไบค์ของมือปืน ที่พยายามหักหลบ จนก่อให้เกิดหนังแอ็คชั่นไล่ล่าบนถนนบางนา – ตราด

"เก่งนักใช่ไหมมึง!?" มือปืนที่ซ้อนท้ายควักปืน 9 มม. ขึ้นมาแล้วกระหน่ำยิงใส่กระจกท้ายรถ เจนรบเห็นท่าไม่ดีเลยพยายามหักหลบซิกแซก กระจกหลังรถของเจนรบแตกจากกระสุนปืน

"บ้าเอ้ย!!!" เจนรบพยายามควบคุมพวงมาลัยรถ เขารู้สึกเจ็บแปล๊บตรงบริเวณไหลซ้าย ที่เกิดจากกระสุนปืนถาก และด้วยความเร็วของตัวรถที่มากเกินไป เลยทำให้รถเสียหลักตกลงไปคูน้ำข้างทาง

มือปืนรีบเร่งรถหนี เพราะเห็นตำรวจที่แวะซื้อกาแฟกินอยู่แถวปั้มกำลังเรียกกำลังเสริม เป็นอันว่าเจนรบรอดตายอย่างหวุดหวิด

"โอย...ช่วยด้วย" เจนรบในสภาพบอบช้ำสุดขีดพยายามร้องขอความช่วยเหลือ ก่อนที่สติสัมปชัญญะของเขาจะขาดหายไป ภาพในอดีตสมัยที่เขายังเป็นนักศึกษาย้อนกลับมา ภาคภูมิ ปิยะวรรณ พ่อและแม่ของเขา และภาพสุดท้ายก่อนที่เจนรบจะหมดสติไป ก็คือภาพของปวีณา เด็กสาวผู้เป็นเจ้าของหัวใจของเจนรบนั่นเอง

................

ปวีณาและก๊วนเพื่อนกำลังกินข้าวเที่ยงในโรงอาหารอย่างเอร็ดอร่อย และพูดคุยกันด้วยเรื่องทั่วไปอย่างออกรส

"นี่ปลา ถ้าแกเรียนจบ แกจะเอาไงต่อกับชีวิตอ่ะ?"

"ชั้นว่าชั้นจะไปเรียนต่อที่อเมริกา" ปวีณาตอบ

"โหดีวะ ชั้นก็ว่าจะไปเรียนต่อที่อเมริกาเหมือนกัน ว่าแต่แกจะไปเรียนต่อในรัฐไหนวะ?"

"แคลิฟอร์เนีย" ลูกปลาตอบ "พอดีว่าป้าชั้นได้กรีนการ์ดเปิดร้านอาหารไทยที่แอลเอ พ่อชั้นเลยจะฝากให้ชั้นไปทำงานกับป้าที่นั่นด้วย"

"ดีว่ะแก มีญาติที่อเมริกา ชีวิตจะได้ง่ายขึ้น" เพื่อนสาวของปวีณายิ้ม ก่อนสายตาของเธอเหลือบไปเห็นข่าวด่วนบนโทรทัศน์ "เฮ้ย...นั่นมันทนายเจนรบนี่หว่า"

"มีรายงานด่วนเข้ามานะครับว่าตอนนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกิ่งอำเภอบางเสาธงได้รับแจ้งเหตุมีรถยนต์คว่ำตรงบริเวณถนนบางนาตราด กิโลเมตรที่ 20 เมื่อตำรวจรุดไปยังที่เกิดเหตุก็พบกับรถยนต์สีดำพลิกคว่ำอยู่ตรงคูน้ำข้างทาง เมื่อตรวจสอบก็พบร่องรอยกระสุนตรงท้ายรถของคุณเจนรบ ที่เป็นทนายความขวัญใจคนจน โดยมีรายงานจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าคุณเจนรบที่เป็นคนขับได้รับบาดเจ็บสาหัส"

"ลุงจอม...." ปวีณาถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อทราบว่านั่นเป็นข่าวของลุงจอม ที่ขาดการติดต่อจากเธอไปนานหลายเดือน

"ตอนนี้ทนายเจนรบได้ถูกส่งตัวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ขออนุญาตไม่เปิดเผยชื่อนะครับ เพื่อความปลอดภัยของคุณเจนรบเอง โดยตำรวจสันนิษฐานว่าเหตุเกิดจากความขัดแย้งของคู่กรณีที่เสียผลประโยชน์จากการว่าความอย่างตรงไปตรงมาของทนายเจนรบนั่นเอง"

พอได้ยินแบบนั้น ปวีณาเลยลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วหยิบจานไปเก็บ จนเพื่อน ๆ ของเธอสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น

"คลาสบ่ายชั้นไม่เข้านะ ชั้นต้องไปทำธุระข้างนอก" ปวีณาตัดสินใจแน่วแน่ว่าเธอต้องไปหาลุงจอมให้ได้ ไม่ว่าจะทำยังไงก็ตาม จนเพื่อนพ้องของปวีณาตกใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่

โปรดติดตามตอนต่อไป
ฝากติดตามเพจเฟสบุ๊คของผมด้วยนะครับ

https://web.facebook.com/Nato87.The.Storyteller



xonly-1786

ขอบคุณมากครับ ถึงไม่เรื่องอย่างว่า ก็อ่านได้เข้าใจ เข้าถึงอย่างมากเลยครับ



กำพล


Keng


Alligator

ต้องช้ำใจจากคนรักไม่พอยังโดนกระหน่ำยิงอีกพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกน่าสงสารลุงจอม

××Mon××

น่าเห็นใจความรักของทั้งคู่นะ พ่อแม่เค้าก็ทำถูกในมุมของเค้า ทีนี้ก็อยู่ที่คนสองคนจะตัดสินใจอนาคตของตัวเอง ยังไงก็สงสารเจนรบอยู่ดี


vongola10

ตอนโหวดอยากโหวดเปิ้ลด้วย แต่โหวดได้คนเดียวเลยเลือกภาค ความจริงถ้าในอดีตไม่มีเรื่องภาค เปิ้ล ปลาก้ออาจเป็นลูกของจอม และเรื่องราวเหล่านี้คงไม่เกิดขึ้น



vongola10