ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_KaohomLM

มนตรา สงคราม ความรัก ตอนที่ 60: เข้าหาและหลบหนี

เริ่มโดย KaohomLM, พฤษภาคม 06, 2024, 08:55:36 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

KaohomLM

   "สวัสดีค่ะ ชื่อเปรมฤดีนะคะ ชื่อเล่นชื่อว่าข้าวหอม อยู่ปีสามค่ะ" ข้าวหอมแนะนำตัว
   สายตายี่สิบสี่คู่มองเธอปริบ ๆ จริง ๆ ข้าวหอมน่าจะชินได้แล้ว กับที่คนมองความสวยของเธอด้วยความตกตะลึง แต่เธอก็ยังรู้สึกไม่สบายใจอยู่ดีเวลาเป็นแบบนี้ ปกติเธอชอบแอบหลบอยู่หลังห้องแล้วตั้งใจฟังอาจารย์สอนมากกว่า แต่ในวิชานี้เธอทำแบบนั้นไม่ได้จริง ๆ
   "อะ....เอ่อ....นักศึกษาที่เหลือแนะนำตัวต่อได้เลยค่ะ" อาจารย์เร่ง
   "คระ....ครับ....." หนุ่มร่างสูงจากกลุ่มหนึ่งชาย สี่หญิงที่คุยกันอยู่หน้าห้องเกาหัว เหมือนพยายามไล่ความงง "ชื่อชาคริตนะครับ เรียกคริตก็ได้ อยู่ปีสอง มาจากคณะวิทยาศาสตร์ครับ"
   "ชื่อน้ำฟ้าค่ะ ปีสอง คณะวิทยาศาสตร์เหมือนกันค่ะ" สาวแว่นที่ยืนข้าง ๆ หนุ่มร่างสูงพูด
   "เบญจคีตาค่ะ.....เรียกเบญก็ได้ค่ะ ปี 2 คณะวิทยาศาสตร์ค่ะ" สาวผมเปียแนะนำตัว ข้าวหอมจับจ้องเธอตาไม่กระพริบ
   "ขวัญเทวาค่ะ ชื่อเล่นชื่อไผ่หลิวนะคะ ปีสอง คณะบัญชีค่ะ" สาวร่างเตี้ยเล็กบอก
   "ราชณิญาค่ะ เรียกญาก็ได้ ปีหนึ่ง คณะสินกัมค่ะ" สาวร่างสูงผมยาวพูด
   เมื่อเห็นว่านักศึกษาแนะนำตัวกันครบแล้ว อาจารย์ก็พยักหน้า "ตอนนี้ ให้นักศึกษาจับคู่นะคะ ขอคู่ชายหญิงให้ครบก่อน แล้วค่อยจับหญิง-หญิงนะคะ"
   มีนักศึกษาชายมาลงเรียนแปดคน อีกสิบหกเป็นผู้หญิง ข้าวหอมไม่แปลกใจที่นักศึกษาชายเจ็ดจากแปดคน แม้แต่คนที่พาแฟนมาด้วย ต่างก็ตรงมาหาเธอทันที
   คนเดียวที่ไม่ได้เข้ามา คือน้องชาคริตคนนนั้น น่าจะเป็นเพราะเขาถูกผู้หญิงสี่คนนั้นล้อมอยู่
   "พี่ข้าวหอม คู่กับผมนะครับ"
   "มะ ไม่ ไม่เอาค่ะ" ข้ามหอมปฏิเสธ
   "น้องเจ๊....คู่กับพี่เถอะ"
   "แฟนพี่เค้ามองพี่ตาเขียวแล้วนะคะ"
   "ไม่เป็นไรครับ ได้เต้นกับน้องเจ๊ พี่ยอมเลิกกับแฟนเลย"
   "ที่พูดมานี่แฟนพี่ได้ยินนะคะ"
   "เจ๊ คู่กับผมเถอะ..."
   ข้าวหอมปฏิเสธอยู่นานกว่าพวกผู้ชายจะยอมไปคู่กับผู้หญิงคนอื่น ขณะที่ตัวเธอเองถอยไปหากลุ่มของชาคริตกับผู้หญิงสี่คน ดูเหมือนกลุ่มนั้นจะตกลงกันแล้ว และชาคริตจะคู่กับสาวร่างสูงจากคณะศิลปกรรมศาสตร์ เยี่ยมเลย
   "เอ่อ.....น้องผมเปียคะ" เธอพูดเบา ๆ "เต้นคู่กับพี่ไหมคะ"
   สาวผมเปียชำเลืองมองนายชาคริตด้วยสายตาอาลัยอาวรณ์ ก่อนจะหันกลับมาหาเธอ "ก็ได้ค่ะ"

   ผ่านไปหลายเดือนแล้วหลังจากที่พี่นทีซมซานกลับบ้านมาหาเธอด้วยกระดูกที่แตกละเอียดเกือบทั้งตัวและชุดเกราะที่เละเป็นเศษเหล็ก
   สาวผมเปียที่จับมือเธออยู่คนนี้เป็นคนทำ
   ข้าวหอมต้องเตือนตัวเองอยู่ตลอดว่าคนที่เธอกำลังพยายามตีสนิทอยู่นี้อันตรายแค่ไหน
   แต่ขณะเดียวกัน เขาก็บอกเธอว่า ผู้หญิงคนนี้ ถ้าสอนให้ควบคุมพลังของตัวเองได้ น่าจะเป็นคนดีที่นำมาใช้ประโยชน์ได้
   พี่นทีขอพักการเรียน โดยอ้างเหตุผลเรื่องวิทยานิพนธ์ที่ยังไม่พร้อม แล้วไปขังตัวเองอยู่บนเกาะสวรรค์มาหลายเดือนแล้ว ทำเอาเธอคิดถึงใจจะขาดอยู่แล้ว
   และก็ต้องตกเป็นภารกิจของเธอที่จะเข้าหาสาวผมเปียคนนี้
   โชคดี ที่สภาผู้พิทักษ์มีคนแฝงตัวอยู่ในฝ่ายบริหารของมหาวิทยาลัย เธอจึงไปขอดูประวัติได้ และพบว่าเทอมนี้สาวผมเปียที่ชื่อเบญจคีตาคนนี้มาลงเรียนในวิชาลีลาศเบื้องต้น เธอจึงตามมาลงด้วยทันที

   "พี่เจ๊เต้นเป็นผู้ชายนะคะ" สาวผมเปียบอกเมื่ออาจารย์เริ่มสอน "หนูจะฝึกเต้นแบบผู้หญิง จะได้ไปเต้นกับแฟนหนูได้"
   "โอเค ได้" ข้าวหอมตอบ "แล้วจะเรียกพี่ก็เรียกพี่ เรียกเจ๊ก็เรียกเจ๊ ไม่ต้องซ้อนสองคำก็ได้"
   
   "น้อง....ชื่อเบญใช่ไหมคะ" ข้าวหอมถามคู่เต้นหลังจากอาจารย์ให้พักได้ชั่วครู่
   "ค่ะ พี่เจ๊"
   "ชื่อจริงว่าเบญจคีตาเหรอ"
   "ค่ะ"
   "มาจาก เบญจา ที่แปลว่า ห้า กับ ตีตาที่แปลว่าเพลงใช่ไหม"
   "ค่ะ"
   "ชื่อแปลกนะ"
   "แหะ แหะ.....ค่ะ" สาวเบญหยักหน้า "แม่เคยเล่าให้ฟังว่า ตอนท้อง แม่ฝันว่าได้ยินเพลงแปลก ๆ ห้าเพลงทุกคืนเลยค่ะ ประหลาดเนอะ"
   ข้าวหอมพยักหน้า
   "หลังเลิกเรียนพี่ขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม"
   สาวเบญตาโต
   "คะ....คงไม่ได้ค่ะ วันนี้หนูมีนัดกับเพื่อนหลังเลิกเรียนค่ะ"

   หลังหมดเวลาวิชาลีลาศเบื้องต้น พวกนักศึกษาที่เรียนก็แยกย้ายกันไป ส่วนใหญ่มุ่งตรงกลับบ้าน เพราะเป็นคาบช่วงบ่ายใกล้เย็นแล้ว มีแต่คนที่มีกิจกรรมบางอย่างที่มหาวิทยาลัยจึงยังอยู่ ข้าวหอมถือโอกาสสะกดรอยตามกลุ่มของชาคริต ที่มุ่งตรงไปที่คณะศิลปกรรมศาสตร์
   "จริง ๆ พวกพี่ไม่ต้องรอหนูทุกวันก็ได้นะคะ" เสียงใส ๆ ของสาวปีหนึ่งคณะศิลปกรรมศาสตร์บอก "หนูทั้งเข้าห้องเชียร์ ทั้งซ้อมหลีด เสร็จดึกมากเลย เกรงใจพวกพี่ หนูเรียกแท็กซี่กลับเองก็ได้"
   "ไม่เป็นไรหรอก รอได้" ชาคริตบอก
   สาวผมเปียเหลียวหลังมามอง ข้าวหอมรีบกระโจนเข้าไปในพุ่มไม้
   "ใช่....เมื่อวาน ระหว่างรอน้องญา พี่กับพี่ชาคริต....." เสียงแหลม ๆ ของสาวร่างเตี้ยดังตามหลังเธอมา
   "ไผ่หลิว!!!!!"
   "ก็พี่ชาคริตทำจริงนี่นา!!!!"
   "ถึงว่า ตอนที่หายไปเมื่อวาน.....พวกนาย......."
   "วันนี้เรียนลีลาศเป็นไงบ้าง" ชาคริตรีบเปลี่ยนเรื่อง ข้าวหอมกระโจนจากพุ่มไม้หนึ่งไปอีกพุ่มไม้หนึ่งเพื่อตามติด จริง ๆ ใจเธออยากร่ายคาถาภาพลวงตามาก แต่พี่นทีเตือนมาแล้วเรื่องใช้เวทมนตร์ใกล้ ๆ สาวผมเปียคนนั้น
   "เค้าสอนลึกกว่าที่โรงเรียนนะคะ" ราชณิญาบอก
   "อืม จริง" ชาคริตพยักหน้า
   "อาทิตย์หน้านายคู่กับชั้นนะ ชาคริต"
   "ได้เลย น้ำฟ้า"
   "แต่หนูไม่ค่อยชินที่พี่เบญไม่ใช่คนสวยสุดในห้องอ่ะ" ราชณิญาบอก
   "เออ จริง" สาวแว่นพยักหน้า "ใครจะไปคิด ว่าจะได้มาเจอผู้หญิงที่สวยสุดในมหาลัยในวิชานี้"
   "พี่เค้ามาคู่กับเบญด้วยนี่" ชาคริตบอก
   "อือ....แต่......"
   "ทำไมเหรอ เบญ" สาวแว่นถาม
   "เราว่า.......พี่เค้ามีวาระซ่อนเร้นอะไรซักอย่าง"
   ข้าวหอมชะงัก
   "เราว่าเค้าจะจีบเราอ่า"
   อีบ้า!!!! ชั้นไม่ได้จะจีบแกซะหน่อย!!!!!!!!!!
   "ฮ๊ะ!!!!" สาวแว่นร้อง "เจ๊ข้าวหอมเป็นเลสเบี้ยนเหรอ!!!!!!"
   "ถึงว่าสิ" ไผ่หลิวบอก "คนพูดถึงพี่เค้ากันเยอะมากเลยนะ สวย แต่ไม่เคยสนใจผู้ชายคนไหน ที่แท้ก็อย่างนี้นี่เอง"
   หมดกัน หมดกัน ชื่อเสียงชั้น
   "ชาคริต เสียใจด้วย นายอดแล้วหล่ะ"
   "เราไม่ได้สนพี่เค้าซะหน่อย!!!!!"
   "ยัยเบญ แกก็ลองเล่นกับพี่เค้าหน่อยก็ได้ หลอกมาให้พี่ชาคริตแก้ทอม........"
   
   ความสัมพันธ์ของไอ้แก๊งค์นี้นี่มันยังไงกันนะ
   เป็นอะไรกันแน่ เพื่อนสนิทเหรอ แต่สามัญสำนึกของเธอบอกว่าต้องมีอะไรมากกว่านั้นแน่
   ข้าวหอมคืบคลานในพุ่มไม้ตามแก๊งค์หนึ่งหนุ่มสี่สาวต่อไป
   ให้ตายเถอะ เธอไม่ถนัดอะไรแบบนี้เลย ปกติเธอเป็นสายบู๊นะ พวกพี่เก่งต่างหากที่คอยรวบรวมข้อมูลให้
   แต่เธอกับพี่นทีก็ตกลงกันแล้ว ว่าเรื่องบทเพลงทั้งห้านี่รู้กันสองคนดีกว่า
   
   ไม่นาน ทั้งแก๊งค์สี่สาวหนึ่งหนุ่ม และข้าวหอมที่ตามสะกดรอยก็มาถึงคณะศิลปกรรมศาสตร์ ราชณิญาไปซ้อมหลีด ขณะที่สมาชิกแก๊งค์ที่เหลือนั่งคุยเล่นกันบนม้านั่งหน้าคณะ
   "เดี๋ยวหนูไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ" ไผ่หลิวบอกเพื่อน ๆ ก่อนจะลุกเดินจากไป
   ข้าวหอมถือโอกาสขยับเข้าไปในพุ่มไม้ที่ใกล้กลุ่มที่เธอตามสะกดรอยมากขึ้น
   "ชาคริต...เมื่อวานตอนนายหายไปกับไผ่หลิว นาย......." เสียงสาวแว่นดังมาให้เธอได้ยิน
   "ก็.....จริงแหละ" ชายหนุ่มพยักหน้าเบา ๆ
   "โห....ตรงไหน บอกมาเลย..."
   "ก็"
   "ฮั่นแน่!!!!"
   ข้าวหอมสะดุ้งโหยง เมื่อเสียงแหลม ๆ ดังขึ้นข้างหูเธอ
   "เจ๊ข้าวหอม หนูรู้นะว่าเจ๊แอบตามเรามาตั้งแต่ห้องเรียนลีลาศแล้ว" ไผ่หลิวบอก "รู้มะ เค้าว่ากันว่าเจ๊เป็นพวกเด็กเรียนจ๋า เรื่องรักไม่เคยสน ไม่นึกว่าเจ๊จะเป็นได้ถึงขนาดนี้นะ แต่ก็เข้าใจอยู่ ยัยผมเปียนั่นสวยจริง ๆ นั่นแหละ.........."
   คาถาลบความทรงจำ
   ไผ่หลิวเดินทำหน้ามึน ๆ กลับไปหาเพื่อน
   สาวผมเปียหันขวับมาทางพุ่งไม้ที่ข้าวหอมซ่อนตัวอยู่ทันที
   อุ๊บส์
   พลาดแล้ว ถึงเวลาถอยสินะ
   ข้าวหอมรีบมุดออกจากพุ่มไม้ในมุมที่หนุ่มสาวบนม้านั่งจะมองไม่เห็น แล้วรีบรุดมุ่งหน้าไปทางที่จอดรถ
   "หยุดก่อนค่ะ" เสียงเบา ๆ ร้องเรียกตามหลังเธอมา
   "น้องเบญ" ข้าวหอมหันไปหา
   "พี่เจ๊.......เมื่อกี้พี่เจ๊ทำอะไรเพื่อนหนูเหรอคะ"
   เสียงของเธอไม่ใช่โกรธ แต่ดูงุนงงและสนใจมาก
   "คือ....."
   "ที่พี่เจ๊บอกว่า อยากคุยกับหนู คือเรื่องนี้อย่างนั้นเหรอคะ สิ่งที่พี่ทำได้.......ที่หนูสัมผัสได้"
   ข้าวหอมพยักหน้า
    "งั้นตามมาทางนี้ค่ะ หนูรู้มุมที่จะคุยกันได้โดยไม่มีใครมาได้ยิน"

   "สรุปคือ.........." เบญมองมือตัวเอง "พี่เป็นผู้ใช้เวทมนตร์ แล้วหนูก็มีพลังเวทมนตร์แฝงอยู่ในตัวเหรอคะ"
   "ประมาณนั้นแหละ" ข้าวหอมบอก "แต่ตอนนี้ เรายังไม่รู้วิธีควบคุมมัน มันอาจจะเป็นอันตรายกับตัวเอง แล้วก็เป็นอันตรายกับคนอื่นด้วย"
   "แล้ว....พี่ก็เลยอยากจะสอนหนูเหรอคะ"
   "ก็.....ไม่เชิง....."  ข้าวหอมส่ายหน้า "พลังของเรามัน....ไม่เหมือนใคร พี่ว่าพี่ไม่มีความรู้พอจะสอนเราหรอก แต่.....แฟนนี่ เค้าน่าจะสอนเราได้"
   "อ้าวววว เค้าบอกกันว่าพี่เจ๊ไม่มีแฟน"
   "แค่ไม่ได้เปิดตัว" ข้าวหอมส่ายหน้า "แต่ แบบนี้แปลว่าเราเชื่อที่พี่พูดเหรอ"
   เบญจ้องตาเธอพักหนึ่งแล้วพยักหน้า "บางครั้งหนูก็เหมือนว่ารู้สึกอยู่ หนูแค่....บอกไม่ได้ว่ามันคืออะไร"
   "งั้น...." ข้าวหอมลองโบกมือ ร่ายคาถาเสกลูกไฟลูกเล็ก ๆ ออกมา "น้องเบญรู้สึกว่ามันเป็นยังไง"
   "หนู...." เบญมองที่ลูกไฟตาไม่กระพริบ "หนูรู้สึกถึง.............พลังบางอย่าง ล้อมรอบ เปลี่ยนแปลง ควบคุม.....หนู................"
   เบญสะบัดมือ ทันใดนั้น ลูกไฟของข้าวหอมก็ลอยไปอยู่ในมือเธอ ข้าวหอมรู้สึกได้ว่าเธอเสียการควบคุมของลูกไฟนั้นไปแล้ว
   "หนูว่าหนูควบคุมมันได้ค่ะ...." เบญพูดด้วยเสียงตื่นเต้น "แล้ว.......ถ้าหนูทำแบบนี้ลูกมันจะใหญ่ขึ้นใช่ไหม......"
   ลูกไฟค่อย ๆ ขยายขนาดจากเท่าไข่ไก่เป็นเท่าลูกบาสเก็ตบอล
   "ว๊าววววววววววว" สาวเบญร้อง ตาเป็นประกาย "มัน....สวยมาก......พลังงานที่ไหลวนอยู่รอบลูกไฟ.....พลังงานเวทมนตร์พวกนี้....แล้ว......มัน......................อ๋อ.....เข้าใจแล้ว คริคริคริคริคริ"
   ลูกไฟเวทมนตร์เปลี่ยนสีจากแดงเป็นเหลืองเป็นเขียวเป็นม่วง แล้วจึงเปลี่ยนรูปร่างเป็นเหมือนดอกไม้งามที่รายล้อมด้วยเกสรสีเขียวสะพรั่ง
   ข้าวหอมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเธอทำแบบนี้ได้ยังไง
   "แล้วถ้าหนูทำแบบนี้......." เบญกำมือ ดอกไม้เพลิงดับลง
   "คริคริคริ" เบญหัวเราะ "สนุกจังเลยค่ะ พี่เจ๊ลองเสกให้หนูดูอีกสักลูกได้ไหมคะ"
   ข้าวหอมทำตามที่สาวรุ่นน้องพูด
   "อา" เบญร้อง "หนูเข้าใจแล้ว"
   เธอดึงลูกไฟไปจากมือข้าวหอมอีกครั้ง แล้วแบ่งจากลูกเดียวออกเป็นหกเจ็ดลูก
   "ตอนเสกตอนแรกทำแบบนี้เอง"
   เข้าใจแล้ว ว่าทำไมพี่นทีถึงกลัวสาวน้อยคนนี้
   ในเวลาไม่ถึงสิบนาที เธอก้าวหน้าเกินผู้ใช้เวทมนตร์ที่ฝึกฝนมาเป็นปีได้แล้ว
   แต่นั่นแหละ จริง ๆ เธอไม่ได้ฝึกฝนอะไรนี่ เธอแค่.....มีพลังที่ควบคุมเวทมนตร์ทุกอย่างได้โดยไม่ต้องฝึกฝน ไม่ต้องเรียนรู้ แค่นั้น ซึ่งทำให้เธออันตรายมาก
   "มันเหมือนเพลงเลยนะคะ" เบญบอก "พลังที่ไหลเวียนอยู่รอบ ๆ ลูกไฟพวกนี้เนี่ย.....อืมมมมมม......ใช่ หนู.........หนูแทบจะได้ยินเสียงของมันได้ด้วยซ้ำ"
   สาวน้อยหลับตา ดื่มด่ำกับสัมผัสใหม่ที่ได้ค้นพบ มันช่าง.........................
   "อื๊ออออออออออ" เบญยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง
   "น้องเบญ เป็นอะไรคะ!!!"
   "หนู.....เคยใช้พลังนี้แล้วโดยไม่รู้ตัว"
   "หือ"
   "......ตอน........ก่อนจะเข้ามามหาลัย.....พ่อแม่บอกว่าจะให้เรียนที่บ้าน....หนูเลยร้องเพลงให้พ่อแม่ฟังบอกว่าหนูเหงาแค่ไหน........แต่จริง ๆ หนูใช้พลังนี้ไปโดยไม่รู้ตัว.......หนู....สะกดจิตพวกท่าน....พวกท่านเลยซื้อคอนโดให้ ปล่อยหนูมาเข้ามหาลัย.....แล้วก็ไม่ตามดูอีกเลย....."
   ดวงตาคู่งามเบิกกว้าง
   "แล้วก็......ตอนเล่นเปียโนกับชาคริต.....กับ.......กับร้องเพลงปลอบใจตัวเองให้เลิกรักชาคริต......."
   น้ำตาของเบญเริ่มไหล "หนู.......หนู.....ไม่รู้เลย........ว่าบังคับจิตใจคนอื่นโดยไม่รู้ตัว.................."
   "น้องเบญ...."
   "พี่เจ๊.....สอนให้หนูนะคะ หนูต้องควบคุมมันให้ได้ ต้องไม่ใช้ทำร้ายใครอีก"
   "ฮั่นแน่!!!!!" สาวสวยทั้งสองสะดุ้งโหยง เมื่อเสียงแหลม ๆ ดังขึ้น
   "นึกว่าหายไปไหน" ไผ่หลิวท้าวสะเอว "แอบมาจีบกับเจ๊ข้าวหอมอยู่นี่เอง ยัยผมเปีย....คอยดูนะ ชั้นจะฟ้องพี่ชาคริต...."
   คาถาลบความทรงจำ
   ไผ่หลิวเดินทำหน้ามึน ๆ กลับไปหาเพื่อน
   "คาถาลบความทรงจำเหรอคะ" เบญถาม ข้าวหอมพยักหน้า "ใช้บ่อย ๆ จะมีปัญหาอะไรไหมคะ"
   "วันละสองสามรอบก็ไม่มีอะไรหรอก แต่ถ้าลบบ่อย ๆ สิบยี่สิบรอบติดกันอาจจะทำให้เอ๋อได้"
   "งั้นไม่เป็นไรเลยค่ะ คนนี้เค้าเอ๋ออยู่แล้วค่ะ"

   ขณะเดียวกัน
   "พัศดีครับ มีอะไรมาให้ผมไหม" เด็กหนุ่มคนหนึ่งร้องถามจากหลังลูกกรง ใบหน้าและรูปร่างของมันดูเหมือนจะเป็นคนที่เคยอ้วนท้วนสมบูรณ์แต่กลับต้องมาซูบผอมลงอย่างรวดเร็ว ดวงตาแทบจะโปนออกมาจากแก้มตอบเมื่อมันเขม้นมองผู้คุมที่เดินเข้ามาพร้อมตะกร้าจดหมายและของที่ส่งออกมาจากภายนอก
   "มึงอีกแล้วเหรอ" พัศดีถาม "มึงไม่เบื่อบ้างเหรอ ส่งจดหมายออกไปครั้งละสอง สามฉบับแต่ไม่เคยได้กลับมาเลยเนี่ย"
   "เบื่อสิ ถึงต้องส่งจดหมายไปไง แม่ผมจะได้อุทธรณ์คดีแล้วเอาผมออกไปซักที"
   พัศดีแค่นเสียงหัวเราะ "กูว่าชีวิตนี้มึงไม่ได้ออกไปหรอก ศาลชั้นต้นตัดสินห้าร้อยกว่าปีไม่ใช่เหรอ"
   "ห้าสิบ" เด็กหนุ่มกัดฟันตอบ
   "ห้าสิบ เพราะกฎหมายมันบอกว่าห้ามเกินห้าสิบ ศาลก็เลยต้องบอกว่า ห้าร้อย ลดเหลือห้าสิบ" พัศดีบอก "แต่มึงก็เล่นซะหลายคดีเกิน เดี๋ยวครบห้าสิบจริงเค้าก็หาคดีให้มึงเพิ่มได้นั่นแหละ"
   พัศดีหยิบตะกร้ามาพลิกดู
   "อ้าว มีของมึงนี่หว่า เอ้า นี่"
   พัศดียื่นจดหมายฉบับเล็ก ๆ มาให้ เด็กหนุ่มรีบคว้าไว้แล้วเปิดดู
   เลิกส่งจดหมายมาได้แล้ว กูไม่เคยมีลูกเป็นโรคจิตแบบมึง
   ลายมือของแม่มันเขียนอยู่ชัดเจน
   "ไง แม่มึงจะยื่นอุทธรณ์เมื่อไหร่ ฮึ" พัศดีถามเยาะเมื่อเห็นสีหน้าเด็กหนุ่ม
   เด็กหนุ่มไม่ตอบ ขยี้จดหมายน้อยจนแหลกเป็นผุยผงคามือ ก่อนจะทรุดลงไปนั่งร้องไห้ที่พื้นห้องขัง
   หมดแล้ว โอกาสสุดท้ายของมัน ชีวิตมันคงไม่พ้นต้องตายในคุกนี้เป็นแน่
   ทั้งต้องถูกใช้แรงงานหนัก ทั้งอาหารที่กินแทบไม่ลง สภาพความเป็นอยู่ที่แสนโสมม ทุกอย่างล้วนแล้วแต่ตรงข้ามกับชีวิตแสนสบายเมื่อก่อน
   ทั้งยังถูกไอ้พวกนั้นเล่นตูดเกือบทุกวันอีก ไม่รู้กล้ามเนื้อหูรูดของมันจะกลับไปปิดเหมือนเดิมได้ไหม
   โอกาสสุดท้ายที่จะได้ออกก็หมดไปแล้ว
   ทำไมกูต้องมีแม่เฮงซวยแบบนี้ว๊ะ

   พัศดีเดินไปแจกจ่ายจดหมายจากทางบ้านให้นักโทษคนอื่น ทิ้งเด็กหนุ่มนั่งร้องไห้อยู่หน้าลูกกรงอย่างนั้น
   แต่ไม่ถึงนาที เสียงฝีเท้าก็ดึงให้มันเงยหน้าขึ้น
   ไม่ใช่เสียงย่ำเท้าหนัก ๆ ของพวกผู้คุม แต่เป็นเสียงที่มันไม่ได้ยินมานานมากแล้ว เสียงแต๊ก ๆ แผ่ว ๆ ของรองเท้าส้นสูง ที่มาหยุดที่หน้าลูกกรงห้องขังของมัน
   เด็กหนุ่มมองผ่านลูกกรงออกไป แล้วก็อ้าปากค้าง
   ผู้หญิง
   แล้วผู้หญิงเข้ามาในเรือนจำชายล้วนพิเศษที่คุ้มกันอย่างแน่นหนาแห่งนี้ได้ยังไงกันเนี่ย
   เข้ามาคนเดียว ไม่ได้มากับผู้คุม
   แถม..........ไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดาเสียด้วยสิ
   ผู้หญิงคนนี้สวย สวยจนเกินหน้าทุกคนที่เด็กหนุ่มเคยได้เห็นและได้จัดการมาก่อน ใบหน้าเรียวได้รูปดูจะทั้งอ่อนวัยและมีอายุไปพร้อมกัน เสื้อโค้ทยาวสีดำสนิทยาวตั้งแต่คอจรดพื้น
   "ชัย ใช่ไหม" เธอถามเด็กหนุ่ม มันพยักหน้า
   "ลูกศิษย์ของเสี่ยต้น" ชัยพยักหน้าอีก
   ลูกกรงเหล็กสีดำเปลี่ยนเป็นสีแดงด้วยความร้อนก่อนที่โลหะจะละลายหลอมเหลว ไอ้ชัยรีบกระโจนหนีจากโลหะเหลวร้อน ๆ ที่ไหลลงมาที่พื้น
   "ตามมา" ผู้หญิงคนนั้นบอก ก่อนจะเดินนำ ไม่ใช่ไปทางประตู แต่ลึกเข้าไปในเรือนจำ
   "ดะ เดี๋ยวก่อน...." ชัยระล่ำระลัก แต่หญิงสาวยังคงเดินต่อไป
   นี่เป็นทางเดียวที่มันจะมีโอกาสหลุดพ้นจากนรกบนดินแห่งนี้นี่นา
   ไอ้ชัยกระโดดข้ามบ่อโลหะเหลวแล้ววิ่งเหยาะ ๆ ตามหญิงสาวในชุดดำไป นักโทษจากในห้องขังอื่นมองออกมาและร้องโวยวายกันใหญ่
   "เดี๋ยวก่อนครับ คุณผู้หญิง" ไอ้ชัยเรียก เมื่อเดินผ่านห้องขังของไอ้โฮม หญิงสาวชุดดำหันหลังกลับมา
   "ไอ้คนนี้มันเคยเอาตูดผม คุณ................"
   หญิงสาวชุดดำชำเลืองไปในห้องขังที่ชัยชี้ พยักหน้าให้เด็กหนุ่มด้วยความเข้าอกเข้าใจ ลูกกรงเหล็กละลายลงไปเกือบหมดเหมือนที่เกิดกับห้องของไอ้ชัย เหลือไว้ซี่หนึ่ง ที่หลอมละลายแค่ด้านเดียว
   "เห้ยยยย ไอ้ชัย อะไรว๊ะ" ไอ้โฮมร้อง ก่อนที่ไอ้ชัยจะเอาแท่งเหล็กด้านที่หลอมละลายแทงเข้าไปในรูทวารหนักของมันเต็มแรง

   "ทั่นชัยยยยย ทั่นชัยยยยยยยย เอาผมไปด้วยยยยยย" เสียงร้องมาจากในอีกห้องขังหนึ่ง ที่ขังคู่นักศึกษาสองคนที่เพิ่งถูกจับมาเมื่อไม่กี่เดือนที่แล้ว ทั้งสองคนนี้ดีกับไอ้ชัยมากกว่านักโทษคนอื่น
   "ไอ้ตี๋ ไอ้เป็ด!!" ไอ้ชัยร้อง "คุณผู้หญิงครับ ช่วย................"
   ลูกกรงห้องขังหลอมละลายลงอีกครั้ง

   หญิงสาวปริศนาเดินนำชายหนุ่มทั้งสามไปถึงกำแพงตัน ๆ
   "เอ่อ....." ไอ้ชัยเอ่ยปาก แต่กำแพงตรงหน้าก็สลายเป็นฝุ่นผงไปต่อหน้าต่อตา
   อิสระ
   อิสระจริง ๆ  

พูดคุยกับผู้เขียน: ตอนนี้ เปิดตัวตัวละครใหม่เยอะหน่อยนะครับ ถึงจะเป็นตัวละครใหม่ที่ผู้อ่านบางคนอาจจะเคยรู้จักกันมาก่อนจากที่ไหนสักแห่งก็เถอะ
จริง ๆ ตอนนี้ เขียนถึงตอนที่ 63 แล้ว จะทยอยนำมาลงให้อ่านนะครับ
เรื่อง มนตรา สงคราม ความรักนี้ขอไม่มีภาพประกอบนะครับ หลาย ๆ อย่างใช้จินตนาการเอาเองดีกว่า
สุดท้ายเลย ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามผลงานมาโดยตลอดนะครับ

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

testman

เอาแล้ว ในที่สุดก็เอามา collab กันจริง ๆ น้องเบญจะวาดลวดลายได้ขนาดไหน แล้วชาคริตกับญา น้ำฟ้าจะมีบทไหม
ที่แน่ ๆ ไผ่หลิว เอ๋อเหมือนเดิม 5555


kalampee

แก๊งค์ไอ้ชัยได้ออกมาแล้ว สงสารสาวๆ ขึ้นมาทันที

peddo

น้องเบญมีพลังพิเศษจริงด้วย แต่จะสู้สาวสวยคนใหม่ได้ไหมนะ ชาคริตอาจจะสนใจเป็นเหตุให้ทีมแตกได้นะครับ ถ้าเบญยังไม่บรรลุวิชา

teerawatc

ดีใจครับ ที่ตัวร้ายจากนักเปิดซิงทั้ง 2 ภาคกลับมามีบทบาทอีก

หญิงสาวปริศนาเป็นใคร พานายชัยไปด้วยเพื่ออะไร หรือจะเอาไปทำหน้าที่แทนเสี่ยต้น

อยากอ่านต่อจริงๆ  รอตอนต่อไปนะครับ

ads_s7


cd13579

ใครหื้อใครซ่า ข้าแบนเรียบ

natt4556

ห๊ะ ข้ามมัลติเวิร์สมาจอยกันด้วยรึ สุดยอดดดดดด


napakon


swss2511



Terdsak_sk