ชื่อของแคนนั้นมาปรากฏให้เห็นหลังจากที่บัญชาเริ่มสืบได้และส่งข้อมูลมาให้ประพาส ประพาสจึงเริ่มสืบประวัติของแคนเพิ่มเติมแต่ไม่ได้ข้อมูลมากเท่าไหร่นักแต่ทั้งคู่นั้นมารายงานให้นุ่มนิ่มทราบ เธอจึงติดต่อไปที่อดิศรซึ่งทนายความคนดังซึ่งอดิศรบอกจำชื่อไม่ได้แต่จะลองสอบถามจากดาบณรงค์ดู ซึ่งทำให้รู้เรื่องเพิ่มขึ้น เธอกับประพาสและมุกดาจึงให้อดิศรเรียกดาบณรงค์มาพบเธอที่สำนักงานทนายความของอิศรที่เชียงราย ภายในห้องประชุมของสำนักงานทนายความที่ใหญ่โตหรูหรา ทุกคนนั่งอยู่บนเก้าอี้ ภาพของแคนที่อยู่ในชุดคอมมานโดติดอยู่บนกระดาน นุ่นนิ่มที่นั่งอยู่ตรงหัวโต๊ะได้พูดขึ้นมา
"เอาละคะ เรื่องนี้นิ่มอยากเริ่มที่คุณอดิศรก่อนคะ"
เธอพูดแล้วมองไปที่ด้านขวามือที่ทนายความนั่งอยู่ไม่ห่าง อดิศรขยับตัวอย่างอึดอัดแล้วขยับแว่นตาก่อนจะพูดขึ้น
"เอาละครับเรื่องนี้ผมบอกตรงๆว่าผมจำไม่ได้เลยเพราะไม่ได้เป็นคดีครับ จนคุณประพาสกับคุณบัญชาโทรมาถามทำให้ผมนึกขึ้นได้ครับ เท่าที่จำได้คือวันนั้นเหน่งที่เป็นคนของกำนันถูกเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.จับกุมข้อหาทำร้ายร่างกายนะครับ มีคนของกำนันโทรมาหาผมให้ไปทำเรื่องประกันตัวที่โรงพัก เพราะเหน่งตอนนั้นมีคดีพกพาอาวุธเถื่อนอยู่ แต่แล้วไม่มีการแจ้งข้อหาเพราะทางผู้กำกับไกล่เกลี่ยไม่ให้ทางเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.เอาเรื่องครับ แต่ก่อนจะกลับผมเห็นกำนันนั้นมีปากเสียงกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส. คนนั้นครับแต่พูดกันเสียงไม่ดังเลยไม่รู้ว่าเรื่องอะไรแต่เห็นได้ชัดว่ากำนันโกรธมากครับเดินหน้าแดงกล่ำลงจากโรงพัก และผมมารู้ภายหลังว่าเคยมีเรื่องกันมาก่อน"
"แล้วพ่อไม่ได้ให้ทางคุณอดิศรสืบเรื่องเจ้าหน้าที่คนนั้นเพิ่มเติมหรือคะ"
นุ่มนิ่มนั้นถามต่อทันที ซึ่งอดิศรส่ายหน้าก่อนจะตอบ
"ไม่ครับ ผมมารู้ว่าทางกำนันได้ให้ทนายความอีกทีมหนึ่งเป็นคนสืบประวัติ ตรงนี้อย่างที่ผมเคยเรียนคุณนิ่มว่า กำนันนั้นใช้งานคนเยอะให้เพื่อแต่ละส่วนรู้เรื่องน้อยที่สุดงานใครงานมัน อย่างทีมทนายความนี่มีใช้อยู่หลายสิบคนครับ ทำให้เรื่องนี้ผมถึงจำไม่ค่อยได้ครับ"
"เอาละคะ เราพักตรงนี้ไว้ก่อน เพราะนิ่มมีเรื่องจะถามคุณอีกหลายเรื่อง ต่อไปเชิญที่ดาบณรงค์คะ"
สายตาเธอมองไปที่ซ้ายมือที่ชายวัย 50 เศษรูปร่างกำยำที่หัวล้านเกือบทั้งหัวและไว้หนวดนั่งอยู่เกือบท้ายโต๊ะประชุม ชายคนนั้นมองมาที่เธอด้วยสายตาที่เธอรู้ดีว่าหมายถึงอะไรแต่เพราะงานทำให้เธอสะกดความขยะแขยงไว้ภายใต้สีหน้าที่เรียบเฉยเพื่อบ่งบอกให้รู้ว่าเธอเป็นคนจ่ายเงินให้ดาบณรงค์ทำงานให้
"เอาละครับเรื่องนี้มันเกิดมานานร่วม 30 ปีแล้ว ผมจำได้ดีเพราะตอนนั้นผมเป็นตำรวจใหม่ๆ"
ดาบณรงค์เล่ารายละเอียดที่ตนเองรู้ให้ฟัง ซึ่งนุ่มนิ่มนั้นพอรู้สาเหตุเธอกำมือแน่น เมื่อรู้ความชั่วร้ายของจิตที่ทำกับครอบครัวนั้นและพ่อของเธอต้องมาช่วยเหลือ แต่ต้นเหตุมันมาจากคำสั่งของพ่อเธอที่ต้องการที่ดิน แต่เมื่อถึงขนาดนี้แล้วมันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว และเป้าหมายของเธอต้องเดินหน้าต่อไป เธอฟังจนจบจึงถามต่อ
"แล้วหลังจากนั้นอีกนานไหมคะที่ดาบโดนย้าย ทั้งๆที่คดีปิดไปแล้ว"
"เกือบปีครับ มีการตั้งกรรมการสอบอยู่แต่เอาผิดอะไรไม่ได้ แต่ผมก็ไม่รู้สาเหตุลึกๆนะครับที่ทำไมจู่ๆผู้ใหญ่ถึงเกิดสนใจขึ้นมา ทำให้โดนย้ายกันหลายคน ทั้งๆที่ผมไม่ได้เกี่ยวข้องกับสำนวนอะไร แต่เป็น 1 ในตำรวจที่ไปตรวจสอบที่เกิดเหตุครับ แต่ผมยอมรับตรงๆว่ามีตำรวจในโรงพักหลายคนได้รับคำสั่งจากกำนันมาว่าถ้าเจอหลักฐานสำคัญให้ทำลายทันที"
"แล้วคดีก็หมดอายุความไปแล้วด้วย"
"ใช่ครับคุณนิ่ม แต่ผมมารู้ว่าตอนที่ท่านพิชญ์ขึ้นเป็นผู้บังคับการกองปราบได้นำสำนวนคดีโอนย้ายไปที่กองปราบครับ แต่ทำอะไรไม่ได้ครับ"
"ทำไม ผบ.ตร.ถึงสนใจคดีนี้"
เธอรำพึงขึ้นมาแล้วมองไปที่ประพาสที่นั่งไม่ห่างจากเธอ แล้วบอกไปที่ประพาส
"คุณประพาสช่วยเล่าให้นิ่มฟังอีกครั้งคะ"
ประพาสพยักหน้าเพราะรู้ว่าเธอหมายถึงอะไร
"ข้อมูลที่ผมได้มาหลังจากที่ได้ชื่อนี้มาจากคุณบัญชาแล้ว ล่าสุดคือเมื่อไม่นานมานี้ ผู้การพีรพลพึ่งได้รับเลื่อนยศเป็นกรณีพิเศษจากร้อยตำรวจโทมาเป็นพันตำรวจเอกครับ ตามข่าวคือท่านพิชญ์เป็นคนเสนอเองหลังจากขึ้นเป็น ผบ.ตร. แต่ไม่มีใครรู้สาเหตุที่แท้จริงว่าทำไมถึงได้เลื่อนยศแบบนี้ทั้งๆที่เจ้าตัวไม่ได้เป็นตำรวจแล้ว ส่วนเรื่องก็เป็นตามที่ดาบณรงค์บอกครับ ผู้การเป็นหลานของครอบครัวที่ถูกฆ่าลุงกับพ่อนั้นเป็นฝาแฝดกัน ผู้การพีรพลมีพื้นเพเป็นคนเชียงรายครับ เป็นนักเรียนนายร้อยตำรวจรุ่นเดียวกันกับผู้กองธงรบ ทั้งคู่เป็นเพื่อนสนิทกันครับพอจบมาได้เข้ามาอยู่กองปราบและเข้าคัดเลือกเข้าไปอยู่ที่หน่วยคอมมานโด ต่อจากนั้นได้ย้ายมาอยู่ป.ป.ส.ครับ เป็นเจ้าหน้าที่หน่วยปฏิบัติการพิเศษ เข้ามามีส่วนร่วมด้วยก็ตอนที่คุณอดิศรบอกครับ ตามด้วยการเข้าจับกุมยาเสพติดของเครือข่ายของคุณสาธิตครับ"
เธอพยักหน้าเพราะข้อมูลตรงนี้ประพาสได้รายงานกับเธอไปแล้ว ก่อนที่ประพาสจะพูดต่อ
"ข้อมูลที่ผมได้เพิ่มเติมมาหลังจากนั้นก็คือ ผู้การพีรพลนั้นถือว่าเป็นสุดยอดฝีมือคนหนึ่งครับ แกเป็นหัวหน้าชุดซุ่มยิงตอนเป็นคอมมานโด และตอนนี้ได้เป็น 1ในทีมปฏิบัติการพิเศษของศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติ และเป็นครูฝึกชุดซุ่มยิงให้พวกหน่วยปฏิบัติการพิเศษของตำรวจและทหารด้วยครับ"
นุ่มนิ่มเม้มปากเล็กน้อยจริงๆข้อมูลตรงนี้เธอไม่สนใจเท่าไหร่ แต่สำหรับประพาสนั้นสำคัญมากแล้วหันไปถามที่มุกดา
"มุกว่าไง"
"อย่างที่เคยบอกคะ มุกเคยเข้าอบรมตอนสมัยที่ผู้การแคนเป็นผู้หมวดอยู่ เขามาสอนเรื่องการยิงปืนสั้นทางยุทธวิธีให้กับพวกหน่วยรักษาความปลอดภัยบุคคลสำคัญคะ ยอมรับเลยว่าเป็นคนที่ยิงปืนแม่นมากคะ ใครไปยิงแข่งนี้แพ้ทุกรายคะ"
พอบอดี้การ์ดสาวรายงานเสร็จเธอหันไปถามที่ประพาสต่อ
"ตรงนี้คิดว่ายังไงคะ สำหรับที่นายรูปหล่อคนนี้เป็นเพื่อนกับธงรบคิดว่าเขารู้เรื่องที่ธงรบแฝงตัวเป็นสายด้วยหรือไม่"
ประพาสก้มดูสมุดที่ตนเองจดบันทึกอยู่แล้วตอบนุ่มนิ่ม
"ไม่น่าจะใช่ครับ เพราะดูจากไทม์ไลน์แล้ว ช่วงเวลาที่ผู้กองธงรบแฝงตัวนั้นผู้การพีรพลไปฝึกที่สหรัฐครับ แต่ผมมีประเด็นสงสัยอยู่ตรงนี้และคุยกับมุกดาแล้ว แต่มันยังหาคำตอบไม่ได้ครับ คือปกติการไปอบรมหลักสูตรต่างๆนั้นต่อให้ไปฝึกซีลมันก็ใช้เวลาไม่เกิน 1 ปี แต่นี่ผู้การไปฝึกถึง 3 ปีจะว่าไปเรียนปริญญาโทก็ไม่ใช่ ก่อนจะกลับมาเมืองไทยและเข้าร่วมการทำงานในคดีของกำนันกับคุณสาธิตด้วย"
"แล้วเรื่องนี้สืบยากขนาดไหนคะ"
"ยากมากครับ เพราะเป็นความลับชั้นสูง"
"งั้นตรงนี้เราพักไว้ก่อน ทีนี้นิ่มอยากลองถามพวกคุณว่า เพราะอะไรที่ทำไมจู่ๆนายคนนี้ถึงโผล่มาแถมยังมีเรื่องกับพ่ออีก คิดว่าจงใจหรือบังเอิญ เพราะเราก็รู้กันอยู่ก่อนหน้านั้นที่มีการจับกุมเฮโรอีนและฆ่าเปายุ่นตายคาถนนโดยหน่วยรบพิเศษ ถ้าเรามองว่าทาง ป.ป.ส.ส่งคนมาสืบคดีก็ได้ แต่ทำไมต้องเป็นนายคนนี้หรือเจ้าตัวจงใจมาเพราะมีเรื่องกับพ่อมาก่อน เลยมาก่อกวน"
ทั้งณรงค์และประพาสต่างแสดงความเห็นออกมาหลายอย่างแต่ประพาสนั้นยังไม่บอกนุ่มนิ่มอีกเรื่องที่ตนเองตั้งข้อสงสัยอยู่ว่าแคนอาจจะมีส่วนร่วมกับหน่วยรบพิเศษในการเข้าไปทำลายโรงงานและสังหารกำนันน้อม แต่จะมีส่วนแค่ไหนตรงนี้ประพาสไม่แน่ใจเพราะไม่มีข้อมูลจึงยังไม่บอกไปที่นุ่มนิ่มก่อนที่เธอจะถามไปยังดาบณรงค์
"ดาบคะมันมีเรื่องที่นุ่มนิ่มสงสัยอยู่เรื่องคดีที่ดาบเล่าว่าถูกโอนไปที่กองปราบ และนายคนนี้อยู่กองปราบด้วย ถ้าเป็นดาบ ดาบจะค้นคดีขึ้นมาอีกหรือเปล่า"
"เป็นไปได้ครับ แต่มันทำอะไรไม่ได้แล้วเพราะคดีหมดอายุความ"
"ดาบพอจะเคยได้ยินชื่อเขามาก่อนหรือเปล่าคะ"
"ไม่เคยครับ มันคนละหน่วยงานยิ่งเป็นตำรวจไม่นานด้วย แต่ผมลองจะหาข้อมูลจากพวกเพื่อนๆที่เคยอยู่กองปราบดูครับ"
เธอพยักหน้าแต่ไม่พูดอะไรต่อ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าตำรวจคนนี้มาเข้าร่วมงานกับเธออย่างง่ายดายเพราะอะไรถ้าไม่ใช่เรื่องเงิน เธอไม่ชอบบุคลิกตั้งแต่เจอกันครั้งแรกแล้วถึงจะบอกว่าเป็นตำรวจสายสืบแต่ดาบณรงค์จะเหมือนตำรวจยุคเก่าๆที่ชอบแต่งตัวให้คนรู้ว่าตนเองคือตำรวจนอกเครื่องแบบใส่เสื้อแจ๊กเก็ตตัวใหญ่ๆม้วนแขนแต่ชอบทำให้ซองปืนโผล่ออกมาหรือไม่ก็ถือวิทยุสื่อสารให้คนเห็น ยิ่งแววตาที่บ่งบอกว่าเป็นคนกลับกลอก และมองเธออย่างหื่นกระหายทำให้นุ่มนิ่มยิ่งขยะแขยงแต่เธอยังต้องพึ่งพาดาบตำรวจคนนี้อยู่เลยเลยต้องทำเป็นไม่สนใจและเลี่ยงที่จะเจอหน้ามาตลอดถ้าไม่จำเป็น เธอมองไปที่รูปของแคนอีกรูปที่อยู่วางตรงหน้าและเกือบจะเผลอตัวเอามือไปลูบที่หน้าของแคนในรูปถ่ายแต่คิดได้ทันจึงทำเป็นหยิบรูปขึ้นแล้วถามไปที่บอดี้การ์ดสาว
"ตอนมุกไปอบรมนี่พอจะดูออกไหมว่าเขาเป็นคนยังไง"
"ก็ไม่มีอะไรผิดปกติคะ เป็นครูฝึกที่ดีถ่ายทอดคำพูดออกมาให้ฟังแล้วเข้าใจคะ"
พอเห็นทุกคนไม่พูดอะไรออกมาอีกเธอจึงกล่าวสรุป
"เอาละคะ นี่คืออีก 1 โจทย์ที่ต้องหารายละเอียดมาเพิ่มอีก เพราะดูๆแล้วน่าจะเป็นคนสำคัญอีกคนหนึ่งพอๆกับธงรบ นิ่มติดใจเหมือนกับคุณประพาสเรื่องการเลื่อนยศทำไมถึงกระโดดเร็วขนาดนี้แถมไม่ได้เป็นตำรวจแล้วด้วย แล้วเรื่องที่เคยมีปัญหากับพ่อของนิ่มตรงนี้มันจะเป็นประเด็นอะไรด้วยหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นคงไม่กล้าท้าทายพ่อของนิ่มต่อหน้าคนอื่นๆ เอาละคะขอบคุณมาก คุณอดิศรคะนิ่มมีเรื่องจะปรึกษาด้วย"
"ได้ครับงั้นเชิญไปที่ห้องทำงานของผมครับ"
ทนายความบอกกับเธอ และก่อนที่เธอจะเดินออกจากห้องเธอได้ยินเสียงจากดาบณรงค์บอกไปที่ประพาส
"หมวดพอดีผมมีคนที่จะมาช่วยงานหมวดอีกคน"
เธอไม่หันไปมองแต่เดินตามอดิศรออกไปที่ห้องทำงานปล่อยให้มุกดาอยู่ในห้องประชุม ภายในห้องทำงานของอดิศรหลังจากที่เธอนั่งลงบนเก้าอี้ อดิศรที่นั่งลงด้านตรงข้ามได้เอ่ยขึ้นมาก่อน
"ถ้าคุณนิ่มจะโทษผมเรื่องผู้กองธงรบ ผมต้องขออภัยด้วยครับที่ไม่บอกแต่แรกผมไม่ขอแก้ตัวครับ แต่ถ้าจะถามเหตุผลว่าทำไมผมไม่บอกแต่แรก ผมสารภาพเลยครับว่าลืมนึกไป เพราะเรื่องของผู้กองนั้นผมแทบจะจำไม่ได้จริง ต้องมานั่งไล่นึกกันเพราะเรื่องมันแดงหลังจากคุณสาธิตตาย"
"คุณอดิศรเคยเจอกับธงรบหรือเปล่าละคะ"
นุ่มนิ่มถามโดยทำเป็นไม่สนใจเรื่องที่อดิศรพูด
"ไม่เคยครับ"
"ส่วนผู้การพีรพลละคะที่คุณอดิศรเห็นเป็นยังไงบ้าง"
"เท่าที่จำได้นะครับ หน้าแกนิ่งมาก แต่จ้องกำนันไม่วางตา ขนาดเหน่งที่เป็นคู่กรณีแกแทบไม่ใส่ใจเลย"
"เรื่องที่เกิดขึ้นตอนนั้นคุณอดิศรพอจะรู้รายละเอียดมากกว่าที่ดาบณรงค์เล่าหรือเปล่า"
"ไม่ครับ ผมแทบจะไม่รู้อะไรเลย ผมเริ่มมาทำงานให้กำนันช่วงที่ท่านพิชญ์ขึ้นเป็นผู้การกองปราบครับ"
"เอาละคะงั้นเรื่องนี้พักไว้ก่อน ส่วนเรื่องที่นิ่มจะคุยอีกคือเรื่องของอาเทพกับพี่จิ๋วนะคะ นิ่มรู้ว่าคุณบัญชากำลังสืบหาว่าพี่จิ๋วไปอยู่ที่ไหน ส่วนอาเทพนั้นอยู่ที่แม่สอด นิ่มอยากให้คุณอดิศรหาทางติดต่อไปที่อาเทพคะ บอกเขาว่านิ่มอยากคุยด้วย ถ้าเขาตกลงนิ่มจะไปหาเขาเองคะ เพราะ 2 คนนี้น่าจะเป็นจิ๊กซอร์สำคัญ"
อดิศรพยักหน้าก่อนที่นุ่มนิ่มจะถามต่อ
"แล้วช่วงที่ทั้งคู่ถูกจับคุณอดิศรมีไปคุยกับ 2 คนนี่หรือเปล่าคะ"
"มีครับ ผมเสนอว่าความทั้งคู่ฟรีๆด้วย เพราะยังไงก็คนคุ้นเคยกัน แต่ทั้งคู่ปฏิเสธครับ คุณจิ๋วแกไปหาทนายความของแกเองส่วนคุณเทพนั้นแกบอกว่าแกยอมรับผิดทุกเรื่องครับไม่คิดจะต่อสู้เหมือนกับแกจะปลงๆแล้ว มีแต่ทนายอาสาที่ว่าความให้แต่คุณเทพแกรับสารภาพตั้งแต่ชั้นสอบสวนแล้วพอไปถึงศาลก็ให้การตามเดิมครับ และผมลองดูสำนวนที่ส่งฟ้องแล้วทางตำรวจทำสำนวนไว้อ่อนมาก คงจะตกลงกันก่อนศาลเลยปราณีลดโทษให้และคุณเทพเองก็คงทำตัวดีจนได้รับการอภัยโทษ ส่วนคุณจิ๋วผมดูจากสำนวนแล้วเธอรับสารภาพในชั้นศาลเรื่องนี้รายละเอียดผมเองก็ไม่รู้ว่ามีการไปตกลงกับอัยการก่อนหรือเปล่านะครับ โทษที่ได้รับไม่หนักเท่าที่ผมคิด"
"คุณคิดว่าทั้งสองนี้จะหักหลังพ่อของนิ่มหรือเปล่า"
อดิศรนั้นครุ่นคิดอยู่นานพอสมควรก่อนจะตอบ
"เท่าที่ผมรู้จักทั้งสองคนนี้ คงยากครับ อย่างคุณจิ๋วนั้นดูแลเรื่องเงินของกำนันมาตลอดและซื่อสัตย์ต่อกำนันมากไม่เคยคดโกง ส่วนคุณเทพนั้นก็เป็นคนที่ไว้ใจได้คนหนึ่งครับ ถ้าไม่จนตรอกจริงๆคงยากที่จะหักหลังครับ แต่ตอนนั้นกำนันก็ตายไปแล้วไม่มีใครที่จะคอยช่วยเหลือพวกที่ถูกจับต่างคนต่างขวนขวายช่วยตัวเอง"
นุ่มนิ่มถอนหายใจยาวๆ
"เรื่องนี้ขอให้เป็นจริงเถอะคะ แต่นิ่มอยากฟังรายละเอียดจากปากของทั้งสองอีกทีคะแล้วค่อยมาไตร่ตรองอีกที"
เธอพูดทิ้งท้าย พอกลับมาถึงกรุงเทพประพาสได้บอกกับนุ่นนิ่มว่า
"คุณนิ่มครับ ผมอยากจะบอกว่าผมต้องขอโทษคุณนิ่มแทนพี่จิตเรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของลุงผู้การพีรพลมันเลวร้ายกว่าที่ผมจะรับได้จริงๆครับ และผมเข้าใจด้วยว่าทำไมกำนันถึงต้องช่วย ถึงกำนันอยากจะได้ที่ตรงนั้นจริงๆแต่พี่จิตก็ไม่ควรทำแบบนี้"
"มันกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว เรื่องมันผ่านมานานแล้วคะ แต่นิ่มจะไม่หยุดเรื่องนี้และตรงนี้มันอาจเป็นสาเหตุสำคัญก็ได้คะเราต้องสืบให้แน่ชัด"
เธอตอบประพาสไปทั้งๆที่ใจเธอนั้นสั่น พอกลับถึงบ้านเธอเข้าห้องนอนทันทีแล้วร้องไห้ออกมาไม่หยุด เธอเข้าใจหัวอกผู้หญิงดีที่ถูกข่มขืนนั้นเป็นยังไง ที่ผ่านๆมานุ่มนิ่มเองก็ไม่ชอบใจจิตเท่าไหร่นักเพราะสายตาของจิตที่มองมาที่เธอตอนช่วงที่เธอกลับมาเยี่ยมบ้านที่เมืองไทย มันบ่งบอกถึงความเจ้าชู้ได้อย่างดีแต่จิตคงไม่กล้าที่จะทำอะไร ผิดกับเทพที่ดูสุภาพและให้ความเคารพสุภาพนอบน้อมกับเธอแม้เธอจะเด็กกว่ามาก
หลังจากนั้นอีก 2 อาทิตย์เศษ นุ่มนิ่มได้ไปหาเทพที่แม่สอดโดยพาลิซ่ากับมุกดาไปด้วยหลังจากที่อดิศรนั้นติดต่อกับเทพได้ซึ่งเทพยินดีที่จะพบกับเธอจากตอนแรกที่เทพจะไปหาเธอที่สำนักงานทนายความของอดิศรเองแต่นุ่มนิ่มไม่อยากรบกวนเทพ เธอตั้งใจจะไปหาเอง พวกเธอเช่ารถขับจากเชียงใหม่ บ้านของเทพนั้นอยู่ห่างจากตัวอำเภอพอสมควรทำให้ไปถึงจุดหมายช่วงบ่ายๆบ้านของเทพนั้นหาไม่ยากซึ่งทางเทพได้บอกเส้นทางอย่างละเอียดมาให้ และได้โทรสอบถามตลอดทำให้นุ่มนิ่มเดินทางได้สะดวก จนก่อนจะเข้าหมู่บ้านเทพได้มารอรับเธอตรงทางเข้าและขับรถนำไปจนถึงบ้าน
บ้านของเทพเป็นบ้านครึ่งไม้ครึ่งปูน 2 ชั้น ดูร่มรื่นและมีรั้วรอบขอบชิด นุ่มนิ่มรีบยกมือไหว้เทพทันทีที่ลงจากรถพร้อมแนะนำมุกดากับลิซ่าให้รู้จักก่อนจะพากันเข้าบ้าน ภายในบ้านที่ตกแต่งอย่างเรียบง่าย หลังจากที่ภรรยาของเทพนำน้ำมาให้ก่อนจะเดินออกไปจากบริเวณที่ใช้รับแขก นุ่มนิ่มได้ทักขึ้นก่อน
"อาเทพสบายดีนะคะ"
"ตามสภาพครับคุณนิ่ม แต่ก่อนอื่นผมเสียใจเรื่องกำนันกับแม่ใหญ่ด้วยนะครับ ตอนนั้นผมไม่มีโอกาสไปร่วมงานจริงๆ หลังจากออกจากคุกแล้วผมถึงมีโอกาสทำบุญไปให้ครับ"
"ขอบคุณอาเทพมากคะ"
นุ่มนิ่มยิ้มรับแบบเศร้าๆ เพราะรู้อีกฝ่ายพูดความจริงต่างคุยกันเรื่องทั่วๆไปกันครู่หนึ่งก่อนที่นุ่มนิ่มจะเริ่มเข้าเรื่อง
"อาเทพคะ คงรู้นะคะว่านิ่มมาอาเทพทำไม"
"ทราบครับ คุณนิ่มคงอยากทราบจากปากของผม ว่าเกิดอะไรขึ้นกับกำนัน ผมยินดีเล่าให้ฟังครับ"
เทพเริ่มเล่าให้ฟังตั้งแต่ตอนที่เดินทางออกจากโกดังและแยกกับกำนันเพราะตนเองต้องควบคุมการขนยาเสพติดเข้าไทยด้วยการเดินเท้าเพื่อมาที่รีสอร์ท ส่วนกำนันนั้นคุมการขนยาเสพติดทางรถและพักที่ฝั่งพม่าก่อนจะแอบเดินทางเข้าไทยในตอนเช้าแต่ทางรีสอร์ทถูกตำรวจบุกจับก่อนเทพนั้นหลบหนีมาได้ทัน และตระเวนหลบตำรวจอยู่แถบรอยต่อของเชียงใหม่ ลำพูน ลำปาง เพื่อฟังข่าวพอรู้ว่ากำนันนั้นหลบหนีไปได้จึงติดต่อไป หลังจากที่นัดกันเรียบร้อยโดนกำนันบอกให้เทพมาพบที่คาสิโนเพื่อจะได้หนีไปอยู่ที่โรงงานด้วย และทำให้เทพรู้จากกำนันว่าโกดังถูกทำลายแล้วและจิตนั้นถูกฆ่าตายไปด้วย แต่ก่อนที่เทพจะแอบข้ามไปฝั่งพม่าได้มีการโทรไปหากำนันอีกครั้งซึ่งกำนันบอกว่ากำลังเดินทางมา และพอเทพมาถึงใกล้ๆคาสิโนมีการติดต่อหากำนันแต่ไม่สามารถติดต่อกำนันได้อีกเลย เทพรออยู่จนค่ำเมื่อเห็นกำนันไม่มาจึงหลบหนีกลับมาที่ฝั่งไทย จนได้ข่าวว่าโรงงานถูกทำลายพร้อมข่าวลือว่ากำนันนั้นตายไปแล้ว เทพจึงติดต่อกับตำรวจที่รู้จักเพื่อขอเข้ามอบตัว
"ช่วงนั้นผมแทบไม่กล้าติดต่อใครครับ มือถือก็ไม่ได้เปิดตลอดเพราะกลัวตำรวจตามจากคลื่นได้ครับ ผมแอบไปซื้อซิมเติมเงินมาใช้ พอรู้ว่าโรงงานถูกทำลายกำนันคงไม่รอดผมจึงตัดสินใจมอบตัว แต่ยังมีความหวังว่ากำนันยังรอดเพราะถ้ากำนันยังอยู่ยังไงก็มีเงินทุนสู้คดีตามที่กำนันเคยบอกไว้ แต่ในที่สุดกำนันไม่รอด ผมเลยถอดใจไม่รู้จะสู้คดีได้ยังไงเงินทุนก็ไม่มีแถมมีคดีพกปืนไม่มีใบอนุญาตอีกด้วย ผมเลยต้องจำใจรับสารภาพครับเพราะรู้ว่าสู้ไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะทางตำรวจเอาหลักฐานมาให้ดูยังไงก็ไม่รอดครับ"
เรื่องพวกนี้เทพได้เตรียมไว้นานแล้วเพราะรู้ดีว่ายังไงสักวันต้องมีคนมาถาม ซึ่งทางรองสุพจน์และรองพิชญ์ในตอนนั้นได้ให้คำแนะนำกับเทพก่อนจะทำสำนวนส่งฟ้องศาล และทุกอย่างเป็นไปตามที่ตกลงคือเทพรับโทษไม่นานและพอพ้นโทษทางพล.ต.อ.พิชญ์ได้ให้เงินมาก้อนหนึ่งและเทพมีเงินเก็บอยู่พอสมควรจึงพาครอบครัวมาตั้งตัวทำไร่ที่แม่สอดซึ่งที่ดินนั้นเป็นของทางพ่อตาเทพแต่ถูกปล่อยให้ร้างไว้นานแล้ว เทพนั้นเข้าใจดีว่าที่นุ่มนิ่มมาหาก็เพราะอยากรู้รายละเอียดเรื่องของพ่อเธอ แต่มีอะไรบางอย่างที่เทพนั้นสงสัย ส่วนนุ่มนิ่มนั้นไม่สงสัยอะไรเธอมองไปที่มุกดากับลิซ่าแล้วถอนหายใจเบาๆ แต่เทพนั้นไม่รู้ว่าเสียงของตัวเองถูกบันทึกในเครื่องบันทึกเสียงขนาดจิ๋วที่อยู่กับลิซ่า ส่วนมุกดานั้นเปิดสปีกเกอร์ของโทรศัพท์มือถือที่ปลายสายคือประพาสที่นั่งฟังอย่างเงียบๆที่สำนักงาน เพื่อจะวิเคราะห์ว่าเทพพูดจริงขนาดไหนและต้องการเก็บรายละเอียดทั้งหมดในการสืบเรื่องใครฆ่ากำนัน
"ตรงนี้นิ่มพอจะเข้าใจคะ ทุกคนก็เคว้งกันไปหมด แล้วนิ่มอยากถามเพิ่มคะ อาเทพรู้จักคนชื่อธงรบหรือเปล่าคะ"
เทพถอนหายใจออกมาก่อนจะพยักหน้า
"รู้ครับแต่คุณนิ่มคงรู้แล้วเขาคือใคร"
"คะ นิ่มอยากฟังจากมุมของอาคะ"
"ผมบอกตรงๆนะครับ ตอนที่คุณสาธิตส่งผู้กองมาช่วยงาน ผู้กองช่วยงานกำนันได้อย่างดีครับ มีคำแนะนำดีๆออกมาจนไม่มีใครสงสัย"
"แล้วพ่อเองก็ไม่สงสัยเลยหรือไงคะ ทั้งที่รู้ว่าเขาเป็นตำรวจมาก่อน"
"อย่างแรกคือคุณสาธิตรับรอง และทางคุณสาธิตกับกำนันก็แอบมีการทดสอบผู้กองธงรบอยู่หลายครั้งแต่ไม่มีพิรุธให้เห็นครับ ผมเองก็เชื่อใจครับถึงจะเป็นคนไม่ค่อยพูดเท่าไหร่นัก นิสัยดูจะรักสันโดษไม่ค่อยสุงสิงกับใครครับ แต่ตอนนั้นข้อมูลที่ได้มาทำให้การขนยากับของผิดกฎหมายแทบจะไม่ถูกจับได้เลยครับ ถึงจะมีบ้างแต่เป็นรายเล็กๆครับ เราคาดกันไม่ถึง ผมมารู้ก็ตอนอยู่ในคุกครับว่าผู้กองคือสายตำรวจ มีแต่พี่จิตครับที่ดูจะไม่ค่อยไว้ใจเพราะเห็นว่าถึงอดีตนายตำรวจและเป็นลูกของพลเอกธงชัยครับ ผมรู้ว่าพี่จิตจับตาดูผู้กองอยู่ตลอดแต่ไม่มีพิรุธออกมาให้เห็นเลยครับ"
"ส่วนเรื่องที่เปายุ่นถูกฆ่าละคะ"
นุ่มนิ่มถามต่อ ซึ่งเทพเล่าให้ฟังตามจริง เพราะตอนนี้มีตนเป็นเพียงคนเดียวในเหตุการณ์ที่ยังมีชีวิตรอดอยู่
"อาเทพเห็นคลิปนั่นด้วยใช่ไหมคะ"
นุ่มนิ่มหมายถึงคลิปตอนที่ปทุมโดนยิงตายหลังจากที่ฟังเทพเล่าให้ฟัง
"ครับ เพราะคลิปนั่นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กำนันต้องยอมทำตามที่ตำรวจบอก"
เธอเงียบไปชั่วขณะเพื่อคิดแล้วถามต่อ
"เรื่องเปายุ่นนี้คนชื่อธงรบรู้เรื่องหรือเปล่าคะ"
เทพทำเป็นนิ่งคิดแล้วตอบไปว่า
"ไม่น่าจะรู้ครับ เพราะตอนนั้นผู้กองกลับไปกรุงเทพแล้วครับ อย่างที่ผมได้บอกไว้ว่าการฆ่าเปายุ่นมีการเตรียมการไว้ล่วงหน้าแล้วครับ ทีมที่ลงมือก็ไม่ธรรมดาครับ"
"คุณเทพคิดว่าทีมนั้นเป็นคนไทยหรือต่างชาติคะ"
ครั้งนี้มุกดาเป็นคนถาม
"ที่ผมได้ยินพวกนี้พูดเป็นภาษาไทยครับมีพูดกับพวกผมด้วย แต่มีภาษาอังกฤษปนอยู่บ้างรับถึงผมจะพังไม่รู้เรื่องแต่เดาว่าเป็นการใช้รหัสในการสื่อสารทางวิทยุครับ"
นุ่มนิ่มนั้นไม่รู้เรื่องนี้เทพไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด เพราะวันนั้นก่อนเดินทาง ปทุมได้มาบอกกับเทพว่าได้โทรให้ธงรบช่วยเรื่องหาข้อมูลการตั้งด่านของตำรวจแต่ธงรบไม่มีข้อมูลให้ เพราะปทุมห่วงญาติที่มีศักดิ์เป็นน้องชายที่อยู่ในรถคุ้มกันเปายุ่น แต่เทพรู้ดีว่าเรื่องนี่ตนเองไม่ควรพูดออกไป ไม่อย่างนั้นมันอาจจะยืดเยื้อไปกว่านี้ แต่นุ่มนิ่มนั้นถามต่อ
"ทีนี้แล้วหลังจากนั้นเรื่องที่ป.ป.ส.จับตัวคนของพ่อที่ชื่อเหน่งไปโรงพักละคะ"
"เรื่องนั้นจริงๆผมเองก็มารู้ทีหลังครับวันนั้นมีพี่จิตกับกำนันไปโรงพักครับผมไม่ได้ไปด้วย"
"แล้วเรื่องที่เกิดก่อนหน้านั้นละคะ อาเทพพอจะรู้เรื่องหรือเปล่าเรื่องที่พ่อกว้านซื้อที่ดินเพื่อทำรีสอร์ท"
"มันก่อนหน้าที่ผมจะมาอยู่กับกำนันครับ ผมเองก็ไม่รู้เรื่องอะไรมากนักและก็ไม่กล้าถามพี่จิตว่ามันมีที่มาอย่างไร"
"งั้นอาเทพรู้จักผู้ชายคนนี้หรือเปล่าคะ"
รูปถ่ายของแคนถูกส่งจากมุกดาที่เตรียมไว้ไปให้เทพ ซึ่งเทพรับมาพิจารณาอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะตอบ
"ตอนแรกผมไม่รู้จักชื่อครับแต่เคยเห็นตอนที่ถูกสอบปากคำครับ ผู้ชายคนนี้มานั่งฟังอยู่ด้วยแต่ไม่พูดอะไรเลยครับนั่งจดบันทึกอย่างเดียว"
"เขาเป็นคนคนเดียวกันที่ทะเลาะกับพ่อบนโรงพักคะ"
"เรื่องนี้ผมพอจะปะติดปะต่อเองได้แล้วครับ ผมเองก็เคยแอบไปถามพี่โพธิ์เพราะหลังจากที่กำนันกับพี่จิตเจอกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ส.ที่โรงพักแล้วกำนันสั่งให้มีการสืบประวัติผู้หมวดพีรพลทันทีครับ วันนั้นพอกลับมาถึงที่รีสอร์ทกำนันดูจะหัวเสียมาก พี่จิตเองก็ดูเครียดๆครับ มีการประชุมกันเรื่องนี้ครับ ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะหาที่มาที่ไปเลยไปถามอดีตผู้ใหญ่บ้านที่ชื่อโพธิ์ครับ แกอยู่ในหมู่บ้านที่อยู่ไม่ห่างจากรีสอร์ทและวันนั้นผู้หมวดไปทักทายแกครับ มันเลยเกิดเรื่องที่ทำให้เหน่งโดนจับ ผมไปคุยกับแกเลยทำให้รู้เรื่องเพิ่มขึ้นครับ"
เทพเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของลุงแคนให้นุ่มนิ่มฟังอีกครั้งซึ่งเรื่องมันตรงกับที่ดาบณรงค์เล่าให้ฟังแต่มันเป็นอีกมุมหนึ่งที่เธอไม่เคยรู้ ทั้งเรื่องที่พ่อประกาศไม่ให้ครอบครัวของแคนห้ามมาเหยียบที่เชียงราย เรื่องการบังคับให้ขายที่ ทำให้เธอพยายามสะกดอารมณ์อย่างมากและฟังเทพเล่าต่อ
"ตอนนั้นพี่โพธิ์เองก็บอกผมแกก็รู้สึกผิดครับที่เป็นคนไปเจรจากับพ่อของผู้หมวด แต่ทำอะไรมากไม่ได้เพราะยังไงกำนันน้อมเองก็ช่วยเหลือแกมาเยอะ และตอนนี้ผมก็ได้ข่าวว่าแกเองก็สุขภาพไม่ค่อยดีครับหลังจากที่เกิดเรื่องกับกำนัน ตัวพี่โพธิ์เองก็กลายเป็นคนเก็บตัวไม่ค่อยมาพบปะผู้คนครับ"
"คะ แล้วหลังจากนั้นพ่อทำยังไงต่อคะกับเจ้าหน้าที่ป.ป.ส.คนนี้"
"กำนันกับพี่จิตเองก็มีวางแผนไว้เหมือนกันครับ เพราะรู้ว่างานนี้จะถูกกัดไม่ปล่อยแน่"
"นิ่มติดใจตรงนี้คะอาเทพ ทำไมตอนนั้นพ่อถึงไม่หยุดเรื่องขนยาเสพติดทั้งๆที่รู้ว่ากำลังถูกจับตามองมีคน ของ ป.ป.ส.ไปด้อมๆมองๆแถวๆรีสอร์ท มันไม่มีคนห้ามหรือไงคะ"
"คุณนิ่มก็น่าจะรู้ดีนะครับว่ากำนันนิสัยเป็นคนแบบไหน ตอนประชุมกันผมเองก็ทักท้วงไปแล้วและแกก็รับฟัง แต่สุดท้ายแกตัดสินใจที่จะเสี่ยงครับหลังจากที่คุณสาธิตชวนบอกว่าจะซื้อยาบ้าจากแก แกบอกว่าลองเสี่ยงดูเพราะทางตำรวจเองก็คงไม่คาดคิดวาแกจะกล้าเสี่ยงและที่สำคัญแกเองก็บอกย้ำหลายครั้งว่าแกจะขนยาเสพติดอีกไม่กี่ครั้งก่อนที่ท่านพิชญ์จะขึ้นเป็น ผบ.ตร.ครับ กำนันรู้ดีว่าถ้าท่านพิชญ์เป็น ผบ.ตร.เมื่อไหร่คงโดนจับตามองอย่างใกล้ชิดครับแกตั้งใจจะหยุดในช่วงนั้นครับ แต่ในที่สุดก็เป็นอย่างที่เห็นครับ"
"เท่ากับพ่อรู้ตัวอยู่เหมือนกัน"
"ใช่ครับ เพราะหลังจากที่เปายุ่นโดนฆ่าแกกำชับให้พวกผมคอยระวังตัวให้มากขึ้นให้เฝ้าดูรอบว่ามีใครมาด้อมๆมองแถวรีสอร์ทแถมยังให้ช่วยกันดูอีกว่ามีโดรนมาบินอยู่เหนือบริเวณรีสอร์ทด้วยหรือเปล่า แต่ทุกอย่างมันเป็นคราวเคราะห์ด้วยละครับผมมารู้ว่าทางตำรวจเองก็วางแผนอยู่แล้วครับ แต่พอดีมีคดีของเหน่งที่ไปฆ่าคนที่ยิงคำรณ ตำรวจเลยใช้ข้ออ้างในการบุกจับเหน่งที่รีสอร์ทครับ"
เทพเว้นระยะไว้ครู่หนึ่งก่อนจะเล่าต่อ
"ที่ผมบอกว่าตำรวจวางแผนไว้แล้วเพราะตอนที่ถูกสอบสวนทางตำรวจเอาภาพถ่ายมาให้ผมดูเป็นหลักฐานและผมเองก็สาๆอยู่ว่าตอนที่ขนยาเข้ามาทำไมมันสะดวกผิดปกติ มีรูปของผมที่เดินไปกับขบวนขนยาจนไปถึงรถที่มาจอดรอครับ ตำรวจมีภาพจนไปถึงรีสอร์ทครับ อีกขบวนก็เหมือนกันที่กำนันคอยดูแลมีภาพตั้งแต่ผ่านด่านครับแถมภาพถ่ายดาวเทียมของโกดังกับโรงงานที่ถูกทำลายครับ ผมเลยไม่รู้ว่าจะต่อสู้คดียังไง เพราะมั่นใจว่ากำนันคงไม่รอดครับเหมือนกับพี่จิตที่ถูกฆ่าตายคาโกดัง แต่ถ้าคุณนิ่มถามว่าเป็นฝีมือฝ่ายไหนที่ทำลายโกดังกับโรงงาน ผมตอบไม่ได้ครับ ผมเคยถามไปทางตำรวจที่มาสอบสวนก็ไม่ได้คำตอบที่แน่ชัดครับ"
"อาเทพคิดว่าพ่อตายไปกับพวกว้าแดงที่โรงงานหรือเปล่าคะ"
"ผมคิดว่าแบบนั้น เพราะมันคงเกิดขึ้นหลังจากที่ผมโทรคุยกับกำนันได้ไม่นานเท่าไหร่"
เธอนิ่งเงียบพร้อมใช้ความคิดเพราะท่าทีของเทพนั้นปกติมาก อาจะเป็นไปได้ที่เทพไม่รู้อะไรมากไปกว่านี้เพราะดูแล้วเทพค่อนข้างจะเชื่อว่ากำนันตายไปกับพวกว้าแดงที่โรงงาน เลยตัดสินใจไม่เล่าเรื่องที่เธอได้รู้มาเพราะเห็นว่าไม่มีประโยชน์อะไรขึ้นมาก่อนจะถามอีกเรื่อง
"อาเทพพอจะจำได้ใช่ไหมคะที่ตอนนั้นพ่อมีจับคนให้ไปช่วยตรวจสอบคุณภาพยาเสพติด"
"ใช่ครับ ผมรู้ว่าเป็นแฟนของหลานแม่ใหญ่ แต่ผมไม่เจอเธอครับ กำนันให้เธออยู่กับคุณจิ๋วในโกดังอย่างเดียวครับ แต่ผมก็ไม่รู้รายละเอียดเพิ่มเติมครับ เพราะที่คุณจิ๋วรอดเธอก็ต้องรอดด้วย"
นุ่มนิ่มนิ่งคิดมันคงจะจริงเพราะคาดคั้นไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาเพราะเทพไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์คงไม่รู้เรื่องจริงๆเธอเลยเปลี่ยนเรื่องคุยเพราะคิดว่าเธอได้รู้เรื่องพอสมควรแล้ว
"บ้านนี้อยู่กันกี่คนคะอาเทพ"
"5 ครับ ผมกับเมีย ลูกชายลูกสะใภ้และหลานครับ นี่คงหลับอยู่ครับปกติผมก็ไปทำสวนกับลูกชายลูกสะใภ้เมียผมจะเป็นคนดูตัวเล็กครับ ที่ดินนี้ก็เป็นของพ่อตาผมครับ พอแกกับแม่ยายผมเสียก็ไม่มีใครทำต่อผมกับลูกเลยมาช่วยกันสานต่อครับ"
เทพบอกด้วยสีหน้าที่แสดงถึงความภูมิใจเมื่อเอ่ยถึงครอบครัว นุ่มนิ่มคุยเรื่องนี้อีก23-ประโยคแล้วถามเทพอีกเรื่อง
"อาเทพคะที่ปากทางเข้าหมู่บ้านนิ่มเห็นสะพานแขวนทางซ้ายมือตรงนั้นสวยมากเลยนะคะ"
"อ้อสะพานนั่นจะข้ามไปอีกหมู่บ้านหนึ่งนะครับ เมื่อก่อนที่ผมจะมาอยู่ไม่ได้เป็นสะพานแขวนหรอกครับเป็นสะพานธรรมดานี่ละแต่พอหน้าน้ำนี่ น้ำป่าจากภูเขาจะมาแรงมากครับพัดทำเอาตอม่อพังไปไม่รู้กี่ครั้งเพราะบางทีจะมีพวกไม้ท่อนใหญ่ลอยมาด้วยนะครับ ทางอำเภอเลยเปลี่ยนเป็นสร้างสะพานแขวนแทนจะได้ไม่กังวลเรื่องน้ำป่าครับ เช้าๆตรงนั้นจะสวยมาก แต่จะใช้เป็นจุดท่องเที่ยวคงลำบากครับ เพราะแถวนี้ไม่มีอะไรเป็นจุดขายครับ ชาวบ้านก็ทำสวนทำไร่ทำนากันหมดครับ"
ที่เธอถามเพราะตอนที่เข้ามาเธอเห็นแล้วรู้สึกชอบมาก บริเวณนั้นดูเป็นธรรมชาติอย่างมากเธอคุยกับเทพอีก2-3เรื่องก่อนจะลากลับ
"ขอบคุณอาเทพมากนะคะ ทำให้นิ่มพอจะรู้เรื่องของพ่อเพิ่มเติมจากเดิม"
ไม่เป็นไรครับ"
เทพกล่าวก่อนจะเดินไปส่งแขกทั้ง 3คน พร้อมนำผลไม้ในสวนให้ได้ด้วยทำให้นุ่มนิ่มดีใจอย่างมากกล่าวขอบคุณไม่หยุดและก่อนที่นุ่มนิ่มจะขึ้นรถเทพได้บอกกับเธอ
"คุณนิ่มครับ อย่าหาว่าผมสอนอะไรเลยนะครับ ถือว่าฟังจากปากคนแก่คนหนึ่ง ผมว่าเรื่องไหนที่มันผ่านไปแล้วบางเรื่องคุณนิ่มก็ควรจะปล่อยวางไปบ้างนะครับถึงเรื่องของกำนันจะทำให้คุณนิ่มสะเทือนใจมากผมรู้ครับว่ากำนันรักคุณนิ่มมากกว่าลูกคนอื่น แต่ยังไงคุณนิ่มยังมีคุณน้อยกับพระนนอยู่นะครับ คุณนิ่มควรใช้ชีวิตอย่างสงบจะดีที่สุด ผมเชื่อว่ากำนันคงจะมีทรัพย์สินให้คุณนิ่มใช้ชีวิตได้อย่างสบาย เรื่องที่ผ่านๆมามันแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วครับ และคนก็ลืมกันไปหมดแล้ว อย่ามัวแต่มุ่งคิดเรื่องพวกนั้นเลยครับ เชื่อผมเถอะครับ ผมขอร้อง"
เธอรู้ดีว่าเทพนั้นเตือนสติเธอ มันทำให้เธอสองจิตสองใจอยู่เหมือนกันจะกล่าวขอบคุณ
"ขอบพระคุณอามากคะ นิ่มลาก่อนนะคะ"
"ครับ เดินทางปลอดภัยครับถ้าสงสัยตรงจะโทรมาถามเพิ่มก็ได้นะครับ ผมอาจะตกหล่นไปก็ได้"
เธอยิ้มให้เทพอย่างเศร้าๆก่อนจะขึ้นรถ เทพมองดูรถที่วิ่งออกไปจนสุดสายตาแล้วถอนหายใจเบาๆ พอเดินเข้าไปในบ้านได้พบกับภรรยาที่กำลังอุ้มหลานที่พึ่งตื่นนอน
"ว่ายังไงบ้างพี่"
"ก็อย่างที่คิดคุณนิ่มอยากรู้เรื่องของกำนัน แต่กลัวอยู่อย่าง กลัวเธอจะเจริญรอยตามพ่อ"
เทพตอบพร้อมความหวั่นใจ จากที่นุ่มนิ่มมาพบในวันนี้ มีหลายอย่างที่คนมีประสบการณ์อย่างเทพนั้นสะดุดใจ เทพดูออกว่ามุกดานั้นคือบอดี้การ์ดอย่างแน่นอน ทำไมนุ่มนิ่มต้องมีคนคุ้มกัน การติดต่อจากอดิศรที่มีคำพูดหลายๆอย่างชวนให้คิดเพราะตอนแรกๆที่คุยทางอดิศรเหมือนจะชวนให้ไปทำงานด้วย แต่พอสอบถามทางอดิศรก็ไม่ได้ให้รายละเอียดเพียงแต่บอกว่าถ้าสนใจนุ่มนิ่มจะไปคุยเอง ซึ่งเทพได้ปฏิเสธไปทันทีโดยว่าไม่อยากทิ้งงานเรื่องทำสวนลูกชายทำคนเดียว และการพูดคุยวันนี้เทพกลัวว่านุ่มนิ่มกำลังจะเจริญรอยตามพ่อและอาจจะมีจุดจบเหมือนพ่อเพราะเธอทำด้วยความแค้นไม่อย่างนั้นเธอคงไม่ลงทุนหาข้อมูลถึงขนาดนี้
ฝ่ายนุ่มนิ่มหลังจากที่ขับรถออกไป เธอถามไปที่มุกดาที่เป็นคนขับรถ
"คุณประพาสว่ายังไงบ้างละ"
เธอถามเพราะรู้ว่าทันทีที่เข้ารถมุกดารีบคุยกับประพาสทันทีก่อนจะวางสาย
"คุณประพาสบอกว่าอยากฟังเทปที่ลิซ่าอัดไว้อีกทีคะ ถึงจะนำมารวบรวมกับข้อมูลที่มีอยู่ แล้วคุณนิ่มคิดว่ายังไงคะ"
"อย่างที่นิ่มเคยบอก ตอนนั้นอาเทพคงจะจนปัญญาจริงๆพอรู้ว่าพ่อตาย ไม่มีใครที่จะช่วยเหลือเลยต้องรับสารภาพ"
"แต่ลิซ่าติดใจเรื่องบ้านเรื่องที่คะ อย่างบ้านนี้ก็ดูออกว่าพอจะมีฐานะ"
นุ่มนิ่มหัวเราะแล้วตอบไปที่เลขาที่นั่งอยู่ด้านหน้า
"ไม่ต้องแปลกใจหรอก พ่อบอกว่าในบรรดาลูกน้องของพ่อนะ อาเทพเป็นคนรู้จักใช้เงินมากที่สุด รายได้ที่ได้จากพ่อในแต่ละเดือนก็ไม่น้อย แต่อาเทพไม่ฟุ่มเฟือยไม่เล่นการพนัน เลยมีเงินเก็บเยอะ บ้านกับที่ดินขนาดนี้ในกรุงเทพมันแพงแต่ต่างจังหวัดก็ไม่เท่าไหร่ และที่ดินก็เป็นของพ่อตา รถกระบะที่ใช้ก็เป็นรถเก่านะไม่ใช่รถใหม่"
"แล้วตกลงคุณนิ่มจะว่ายังไงคะ"
"ก็ไม่ว่าอะไร นิ่มไม่ติดใจวันนี้นิ่มก็ไม่ได้มาจับผิด ตั้งใจจะมาหาข้อมูลเพิ่มเท่านั้นและก็ได้ไปพอสมควร และก็คิดถูกแล้วละที่ไม่ควรดึงอาเทพมาทำงานด้วยแกเลือกทางทำมาหากินที่สงบแล้ว แล้วปล่อยให้แกใช้ชีวิตแบบนี้ต่อไปเถอะ"
จากตอนแรกที่เธอคิดจะชวนเทพมาทำงานด้วย เพราะเทพนั้นมีประสบการณ์มากแต่พอเธอได้เจอแล้วนุ่มนิ่มเปลี่ยนใจทันที มันเป็นไปอย่างที่เธอพูดเทพนั้นควรจะใช้ชีวิตอย่างสงบและคงไม่มาทำงานให้เธออย่างแน่นอน
"คุณประพาสคงพูดไม่ออกกับเรื่องพี่ชายของแก"
ลิซ่าเป็นคนพูดเพราะที่ได้ฟังมาเธอเองก็เกลียดกับพฤติกรรมของจิตอย่างยิ่ง แต่นุ่มนิ่มไม่พูดอะไรออกมาเพราะกลัวจะมีปัญหาในทีมงาน แผนที่เธอวางไว้มันจะต้องมีปัญหาน้อยที่สุด ความขัดแย้งของทีมงานต้องเป็นเรื่องงานเท่านั้น ถ้าเธอพุดเห็นด้วยมันอาจจะเป็นประเด็นที่ทำให้ลิซ่าขาดความเชื่อมั่นในตัวประพาส เธอจึงใช้วิธีนิ่งเฉยจนรถมาถึงบริเวณสะพานแขวนเธอบอกให้มุกดาแวะก่อน ทันทีที่รถจอดนุ่มนิ่มรีบลงจากรถแล้วเดินไปที่สะพานทันที พอถึงเชิงสะพานเธอมองไปรอบๆ บรรยากาศมันช่างดูร่มรื่นจริงๆ ถ้าเป็นตอนเช้าคงจะสวยอย่างที่เทพบอก เธอเดินไปตรงกลางสะพานที่สูงจากลำธารเบื้องล่างพอสมควรโดยลิซ่ากับมุกดาเดินตามไปไม่ห่างทั้งสามคนต่างชื่นชอบกับบรรยากาศรอบด้านจนนุ่มนิ่มเอ่ยขึ้นมา
"สวยจริงๆ "
ทั้งสามสาวต่างชื่นชมบรรยากาศอยู่ครู่ใหญ่ก่อนจะเดินทางกลับไปที่เชียงใหม่ ซึ่งนุ่มนิ่มตัดสินใจพักที่เชียงใหม่ 1 คืนเพราะไหนจะมาทั้งทีและทุกคนต่างอ่อนเพลียจากการเดินทางและที่สำคัญคือการเปลี่ยนบรรยากาศในการระเริงสวาทของทั้ง 3คน ในคืนนั้นภายในห้องพักหรู ร่างเปลือยของทั้งสามสาวต่างนัวเนียกันอยู่บนเตียงมุกดากำลังแลกจูบกับเจ้านายสาวอย่างดูดดื่มโดยมีลิซ่าคลอเคลียทั้งคู่สลับไปมา จนมุกดาดันร่างของนุ่มนิ่มลงไปนอนบนตียง จมูกของบอดี้การ์ดสาวได้ไล่ลงมาไซร้ที่ซอกคอของเจ้านายสาวเพื่อเพิ่มความเสียวก่อนจะเลื่อนลงมาที่เต้านมอันอวบอิ่มหัวนมสีน้ำตาลที่บานขยายถูกเธอใช้ลิ้นแตะสลับไปมาทั้งสองเต้าก่อนจะใช้ปากครอบ นุ่มนิ่มนั้นส่งเสียงครางไม่ได้เพราะปากของเธอกำลังประกบกับลิซ่าอยู่ จนลิซ่าเลื่อนหน้าลงมาที่เต้านมโดยอีกข้างมุกดากำลังดูดดื่มอยู่ ทั้งสองสาวต่างแบ่งกันดูดนมปลุกอารมณ์สวาทของเจ้านายสาวสวยคนละเต้า แล้วลิซ่านำนิ้วของเธอไปเขี่ยที่โคกหีของเจ้านายก่อนจะล้วงเข้าไป ทำเอานุ่มนิ่มครางออกมาไม่ขาดเสียง ส่วนลิซ่ากับมุกดาเงยหน้าจากเต้าคู่งามแล้วเอาปากประกบกันทันทีทั้งคู่ต่างแลกลิ้นกันอย่างดุเดือด
จนนุ่มนิ่มดึงร่างของเลขาลงมานอนข้างๆแล้วเธอพลิกตัวขึ้นไปนอนทับ ใบหน้าของนุ่มนิ่มฝังไปเต้านมของลิซ่าหัวนมสีทับทิมถูกเธอดูดดื่มสลับไปมาส่วนแผ่นหลังที่ขาวโพลนของเธอถูกมุกดาพรมจูบไปทั่วแผ่นหลัง ลิซ่ากดไหล่ของนุ่มนิ่มให้ลงไปที่โคกหีของเธอ และนุ่มนิ่มไม่รอช้าใช้ลิ้นตวัดเข้าไปในร่องหีที่ชุ่มชิ้น ส่วนก้นของเธอนั้นยกสูงขึ้น มุกดานั้นสนองตอบเจ้านายสาวทันที เธอเลื่อนหน้าไปที่ก้นของนุ่มนิ่มแล้วกัดไปเบาๆที่เนื้ออันแน่นทั้งสองข้างแล้วฝังจมูกไปที่ร่องหีอันชื้นแฉะลิ้นเธอกวาดเข้าไปในรูหีของนุ่มนิ่ม ที่เจ้าของกำลังใช้ลิ้นกับนิ้วสร้างความเสียวให้กับเลขาสาวที่นอนอ้าขารองรับ
ลิซ่านั้นครวญครางไม่หยุด ส่วนนุ่มนิ่มนั้นยกก้นสูงขึ้นเพื่อรองรับลิ้นจากบอดี้การ์ดสาว มีบางครั้งที่เผลอตัวส่ายก้นไปมา จนทั้งเธอกับลิซ่าต่างทนไม่ไหวไปถึงจุดหมายไล่ๆกัน นุ่มนิ่มพลอกตัวไปนอนข้างๆเลขาสาวพร้อมกับหายใจถี่ๆ ก่อนจะหันไปบอกกับมุกดา
"มุกเธอต่อกับลิซ่าก่อนนะ นิ่มขอพักก่อน"
มุกดาเลื่อนตัวมาอยู่ร่างของลิซ่า แล้วนำหน้าอกไปจ่อที่ปากของลิซ่าซึ่งอีกฝ่ายสนองตอบทันทีนมขนาดพอดีตัวของอดีตนายทหารสาวถูกลิซ่าดูดสลับไปมาพร้อมกับการกัดเบาๆ
"อูยยย สิซ่าดีคะแบบนั้นละ แรงๆกว่านี้ก็ได้"
มุกดาปล่อยให้ลิซ่าใช้ปากเล่นสนุกกับเต้านมทั้งสองข้างก่อนจะเลื่อนตัวเอาปากมาประกบ ทั้งสองสาวต่างแลกจูบกันอย่างดูดดื่ม พร้อมกับนมที่ทาบกันสนิทเช่นเดียวกับท่อนล่างที่โคกหีของทั้งคู่นั้นเริ่มขยับสีกันไปมาโดยนุ่มนิ่มนอนมองสองสาวระเริงสวาทกันอย่างเต็มที่ จนทั้งคู่เปลี่ยนไปนอนตะแคง พร้อมใช้นิ้วของตนเองล้วงเข้าไปในรูหีของอีกฝ่าย เสียงครวญครางของทั้งคู่ทำให้นุ่มอดใจไม่ไหว เธอขยับตัวเข้าไปประกบด้านหลังของมุกดาที่อยู่ใกล้เธอ มือเธอลูบคลำไปที่ก้นของบอดี้การ์ดสาวแล้วขยำไปแรงๆก่อนจะเบียดตัวเข้ามาชิดพร้อมเอาโคกหีสีไปมากับก้นของมุกดา ทำให้มุกดาเปลี่ยนมานอนหงายเพื่อจะใช้นิ้วมือทั้งสองข้างล้วงไปที่รูหีของทั้งสาวที่นอนประกบเธออยู่ ส่วนท่อนล่างของมุกดานั้นถูกนิ้วของลิซ่าล้วงหีอยู่และนมทั้งสองเต้าถูกมือของนุ่มนิ่มลูบคลำขยำไปมาจนทั้ง 3สาวไปถึงสวรรค์ในเวลาไล่ๆกัน ก่อนที่ทั้ง 3จะหลับไปด้วยความเหนื่อยอ่อนทั้งจากการเดินทางและบทสวาทที่เร่าร้อน
ถึงตอนนี้นุ่มนิ่มที่นั่งอยู่หน้าโน๊ตบุ๊คโดยร่างยังเปลือยอยู่ได้ นึกย้อนไปถึงวันที่ไปเจอเทพ หลังจากนั้นตลอด 3ปีเศษๆที่ผ่านมาข้อมูลของแคนนั้นมีเข้ามาพอสมควรแต่เป็นข้อมูลพื้นฐานเท่านั้น เหมือนกับข้อมูลของธงรบที่กลับมาจากสหรัฐและแต่งงานมีครอบครัวที่สมบูรณ์ จนถึงวันนี้เธอรู้ดีว่าประพาสนั้นยังไม่กล้าที่จะบอกเธอว่าแคนอยู่ในทีมที่ฆ่าพ่อของเธอหรือไม่เพราะไม่มีข้อมูลที่น่าเชื่อถือ ประเด็นที่เธอเก็บความสงสัยตลอดมาหลังจากที่กลับจากหมู่บ้านกระเหรี่ยงคือ คน 2 คน ที่ห้อยตัวขึ้นเฮลิคอปเตอร์ไป เธอรู้ว่าประพาสกับมุกดาก็สงสัยในประเด็นนี้เพราะประวัติของแคนนั้นไม่ธรรมดาในเรื่องของการฝึกและการเข้าร่วมในชุดปฏิบัติการของศูนย์รักษาความปลอดภัยแห่งชาติและศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายสากล ภายนอกเธอทำเป็นไม่สนใจในเรื่องนี้แต่ลึกแล้วเธอนั้นหาข้อมูลมาตลอด จนได้มาเห็นฝีมือของแคนเมื่อวันก่อนตามแผนการที่ประพาสวางไว้ แต่บังเอิญมีแคนเข้ามาร่วมเหนือความคาดหมายทำให้ประพาสสั่งไปยังลูกน้องเตรียมไว้ให้ถ่ายคลิปเพื่อบันทึกเหตุการณ์ให้เปลี่ยนไปเน้นถ่ายไปที่แคน จนถึงจุดที่เกิดเหตุ แต่ทุกอย่างผิดแผนการไปพอสมควรเพราะไม่มีใครคาดคิดว่าในรถที่แคนนั่งมาจะมีการเตรียมการไว้แล้วพร้อมมีอาวุธหนัก จากเป้าหมายที่ตั้งไว้คือการวางแผนล่อให้ตำรวจมาจับการซื้อขายเฮโรอีนและตั้งใจที่จะฆ่าตำรวจที่มาจับกุมให้ตายทั้งหมดเพื่อเป็นการประกาศให้รู้ว่าไม่กลัวพวกตำรวจ แต่พอเจอการโต้กลับของทีมปฏิบัติการพิเศษ ป.ป.ส.ภายใต้การนำของแคนทำให้แผนการไม่เป็นไปตามที่ตั้งไว้ แต่ทำให้เห็นฝีมือของแคนที่ประพาสบอกไว้ว่าจะประมาทไม่ได้
นุ่มนิ่มหยิบซองเอกสารที่วางอยู่ใกล้ๆโน๊ตบุ๊คแล้วหยิบรูปของแคนที่อยู่ในชุดของหน่วยปฏิบัติการพิเศษของศูนย์ต่อต้านการก่อการร้ายสากล มันเป็นภาพที่หาได้ยากมากแต่ประพาสใช้ความสามารถที่รู้จักคนหลายคนที่เกี่ยวข้องกับหน่วยงานนี้จนได้ภาพมา เธอมองไปที่รูปแล้วอดประหลาดใจตัวเองไม่ได้ว่าทำไมถึงให้ความสนใจกับแคนเป็นพิเศษตั้งแต่เห็นรูปครั้งแรก เธอตอบตัวเองไม่ได้ว่าเพราะอะไร นอกจากใบหน้าที่หล่อเหลาแล้วสิ่งที่สะดุดตาเธอมากคือแววตาที่ดูเด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่น จนเธออดไม่ได้ที่จะเอามือไปแตะตรงใบหน้าแล้วถอนหายใจเบาๆ ยิ่งวันนี้แคนยังย้อนกลับไปดูที่เกิดเหตุอีกด้วย สิ่งที่เทพบอกเธอในวันนั้นมันก้องอยู่ในสมองเธอตลอด มันจริงอย่างเทพบอกแต่ในเมื่อเธอตัดสินใจแล้วมันถอยหลังไม่ได้จนถลำลึกมาถึงทุกวันนี้ ก่อนที่เธอจะนึกย้อนไปถึงวันที่เจอกับจิ๋ว
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน
นิ่มนี่มีเลือดของกำนันเต็มตัวเลย...น่าจะเดินมาถูกทางแล้วที่สนใจเรื่องของแคนและธงรบ
มีโอกาสมากๆที่แคนกับนุ่มนิ่มจะมาลงเอยรักกันในตอนจบของเรื่องนี้คงพีคน่าดู
หายไปนานเลยและแล้วก็มาน้องนิ่มไม่ธรรมดาเลยสืบจนใกล้เคียงความจริงแล้วติดตามครับ
นุ่มนิ่มเรียนจบอะไรมานะ ทำไมจึงสืบสานงานกำนันต่อ หาเรื่องสู่จุดจบเหมือนพ่อทำไม
นุ่มนิ่ม ก้าวมาไกลเกินกว่าที่จะถอย ชะตาชีวิตที่เลือกผิดเอง สวสารๆจริงๆ
ตอนนี้รอนานเลยนะครับ เนื้อหาเข็มข้นเหมือนเดิม ดูลักษณะแล้วนิ่มคงหาทางรู้จักกับแคน แต่ถึงรู้จักคงสืบอะไรจากตัวไม่ได้หรอกเรื่องทุกเรื่องเป็นความลับที่เจ้าหน้าที่จะไม่เล่าให้ใครฟังแม้แต่พ่อแม่ คงต้องดูฝีมือนิ่มว่าจะสืบหาได้อย่างไร และจะแก้แค้นยังไง
ต้องได้กันแล้วปูมาขนาดนี้ นุ่มนิ่มจะลงทุนไปตีสนิทกับแคนเอง จนห้ามตัวห้ามใจไม่ไหวหรือเปล่า
นิ่มจะเดินตามรอยของพ่อ ก็ระวังแคนไว้ด้วยนะ เพราะแคนก็รู้ตัวแล้วเหมือนกัน
เปลี่ยนแค้นกลายเป็นรักได้รึเปล่าครับเนี่ย นิ่มเองก็ไม่ได้เลวขนาดนั้นนะครับ
อาจจะเป็นแรงรักแรงแค้น ทั้งรักมากและแค้นมาก แต่กลัวจริงๆ ว่าจะมีการหักมุมตอนจบ
นุ่มนิ่มนี่ว่าที่นางเอกหรึเปล่านะ น่าฉงฉัย.. ขอบคุณมากครับ
นุ่มนิ่มอยู่ในอาการทั้งรักทั้งแค้น หลงใหลแคนแบบไม่รู้ตัว บทจบคงเศร้าน่าดู
แค้นอย่างคุณนิ่ม เก็บข้อมูลคู่ต่อสู้ได้ละเอียดดีครับ อยากรู้ฝั่งคุณแคนบ้าง ไม่รู้จะปะติปะต่อเรื่องราวได้หรือยัง
ผู้การแคนรู้สึกว่าจะรับประทานแห้วตลอดเลยนะขอรับ เชียร์ไม่ขึ้นเลยขอรับ อิอิอิ
ความแค้นอยู่เหนือทุกสิ่ง ไม่คำนึงถึงผลที่ตามมา ดังที่ลูกสาวอดีตกำนันทำอยู่ แต่จะสำเร็จตามเป้าหมายหรือไม่ ต้องติดตาม และแคนจะหาตัวคนค้ายาได้โดยวิธีไหน น่าติดตาม
::Me?::
นิ่มจะเข้าทำนอง รักในรอยแค้น เมื่อคนที่หลงรัด กับกลายเป็นคนที่ฆ่าพ่อ นิ่มจะหยุดยั้งแบบไหน แต่ที่แน่ๆ ตั้งแต่ภาค1จนถึงภาค2 ต้อนนี้ พ่อยอเชาย แคน ยังไม่มีบทอิโรติกกับสาวไหนเลย ลุ้นกันต่อไป ว่า จะเป็นต้อนไหน แต่ถ้าไปออกที่นิ่ม นี่ดราม่าเลย
นุ่มนิ่มเป็นคนรอบคอบและเจ้าคิดเจ้าแค้น สงสัยพระเอกเราคงจะเจอคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อเข้าแล้ว
คู่นี่คงไม่แคล้วต้องมีการตายกันข้างแน่นอน ถึงดูเหมือนนุ่มนิ่มจะหลงๆแคนก็ตาม
หมดรุ่นพ่อมีมาต่อรุ่นลูกแต่เหมือนลูกจะโดนแคนจัดการความสาวซะก่อนหรือเปล่า