ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 13

เริ่มโดย เจตภูติ, มกราคม 30, 2021, 02:20:11 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

เจตภูติ

คุยกันก่อนอ่าน

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 13

บรรยากาศร้อนอบอ้าวของช่วงเวลาบ่ายบนชั้นบนของบ้านแม้จะมีลมพัดและร่มไม้พาดทับบ้างส่วนแต่ก็ช่วยให้อากาศเย็นลงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยิ่งในห้องที่เจษฎาใช้ทำพิธีนั้นปิดประตูมิดหน้าต่างชิด ซ้ำยังจุดธูปจุดเทียนควันลอยไปทั่วห้อง

เจณิตานอนอราบแขนแนบลำตัว ร่างกายรู้สึกร้อนวูบวาบ ใบหน้าชวนฝันหลับตาปี๋ จมูกโด่งเป็นสันผ่อนลมหายใจเข้าออกรุนแรง อยู่บนเสื่อกลางห้องอยู่ด้านหน้าเจษฎาที่นั่งพนมมือท่องบ่นคาถา ด้านตรงกันข้ามของเขามีโต๊ะทำพิธีว่างเครื่องเซ่นไหว้ตัั้งอยู่ติดผนัง

...แม่งขาวชิบหาย หน้าก็ดี หุ่นก็ดี ถึงว่าทำไมไอ้กำนันมันหลง...
เจษฎาลอบมองเรือนร่างเล็กกระทัดรัดแต่ได้สัดส่วนสวยงาม เนื้อที่เป้าของเขานั้นดันกางเกงผ้าขึ้นมาจนเห็นเป็นลำอย่างช่วยไม่ได้ด้วย จนทำให้เขาเกือบจะเผลอลืมร่ายคาถา

เจณิตานอนตัวสั่นอยู่รู้สึกว่าเจษฎาสวดมนต์ติดๆ ขัดๆ ก็หลี่ตาขึ้นมาเล็กน้อยเพื่อแอบดู แต่สายตาซุกซนก็ดันเหลือบไปเห็นท่อนเนื้อใหญ่ยาวที่ซุกตัวอยู่ภายในกางเกงผ้าก็ถึงกับใจหายวาบ จนต้องแอบกลืนน้ำลายลงคอไปอึกใหญ่ ประมาณการคร่าวๆ ไม่รู้ว่าความเป็นชายของเขาแข็งเต็มที่แล้วหรือยัง แต่ก็น่าจะยาวกว่ากำนันคู่ขาต่างวัยของเธอแน่นอน ก่อนที่จะหลับลงเหมือนเดิม ภาพเป้าที่ปูดนูนส่งผลให้หัวใจของเธอเต้นรัวแรงกว่าเดิม

"ยังไม่เสร็จพิธีอีกเหรอคะ อาจารย์ หนูว่ามันนานแล้วนะ" เจณิตาแกล้งทำเป็นประท้วงแก้เขิน กลัวเจษฎาจะรู้เรื่องที่เธอแอบดูเป้าของเขา

"เอ่อ...คะ...คุณหนู...ครับ" เจษฎาพูดจาติดขัด ด้วยคำถามของหญิงสาวเหมือนจะเริ่มรู้สึกถึงความผิดปรกติแล้ว ในสมองเริ่มมีเสียงความคิดมากมายวุ่นวายอยู่ในหัว ทั้งห้ามปรามและส่งเสริมให้เขาทำการบางอย่างกับเหยื่อสาว เพื่อเป็นการถ่วงเวลาจนเกิดอาการลังเลใจ เพราะบางวิธีก็อาจจะทำให้เหยื่อสาวโวยวายแล้วไปแจ้งความ ทุกอย่างที่เขาทำมาจะเสียเปล่า

"...คะ..." เจณิตาขานรับ ในใจมีคำถามว่าขาจะทำอะไรกับเธอต่อ ยังเผลอคิดต่อไปว่าถ้าเขาเกิดบ้ากามแล้วลงมือข่มขืนเธอขึ้นมาจะทำยังไง คิดไปก็รู้สึกว่าใบหน้าจะร้อนผ่าวขึ้นมา ที่ประหลาดก็คือเนินเนื้อที่ช่วงล่างกลับขับน้ำล่อลื่นออกมาโดยที่เธอไม่รู้ตัว

"คือว่าเจ้ากรรมนายเวรเขาบอกว่าทำแค่นี้มันไม่พอ เขาบอกว่าคุณหนูไม่ตั้งใจทำพิธี เขาจะเอาคุณหนูไปอยู่ด้วยนะครับ" เจษฎาทำเป็นหน้าเครียดพูดจาด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง ลองหยั่งเชิงด้วยขุูไปก่อน ลองดูท่าทีว่าเธอจะคล้อยตามเขาได้ขนาดไหน

"เอา...ไปอยู่ด้วย...นี่คือยังไงคะ" เจณิตาถามกลับแบบมีอาการมมึนงง

"เขาอยากให้คุณหนูตายนะครับ" เจษฎาขยายความด้วยเสียงเรียบ

"ร้ายแรงขนาดนั้นเลยเหรอคะ อาจารย์มีวิธีจะช่วยหนูไหมคะ อาจารย์จับมันใส่หม้อแล้วถ่วงน้ำไปเลยไม่ได้เหรอ" พอได้ยินคำว่าตายเจณิตาถึงกับสะติแตกเกิดความกลัวเข้ามากุมในหัวใจ

"ทำอย่างนั้นไม่ได้หรอก มันจะเป็นสร้างกรรมเพิ่ม เขายิ่งโกรธแล้วกรรมที่หนูทำกับเขาจะช่วยให้เขามีฤทธิ์มากกว่าเดิม ถึงตอนนั้นใครก็ช่วยไม่ได้แล้ว" เจษฎาแต่งเรื่องให้ดูน่ากลัวมากยิ่งขึ้นเป็นการขู่

"แล้วหนูจะต้องทำยังไงคะ" ด้วยคำขู่ของอาจารย์ยิ่งทำให้เจณิตาลนลานมากขึ้น

"เวรย่อมระงับด้วยการไม่จองเวร เราทำได้แค่ขอโทษ แล้วก็ขอร้องให้เขาให้อภัย หรือไม่ก็ยอมทำตามที่เขาต้องการ" เจษฎาเห็นว่าการขู่ได้ผลก็เริ่มชี้นำเข้าประเด็น

"ถ้ายอมทำตามหนูก็ตายนะสิ ใครจะไปยอม"

"งั้นอาจารย์ก็มีวิธีสุดท้าย แต่หนูจะต้องลงมือทำเองนะ"

"ทำอะไรเหรอคะ"

"คุณหนูจะต้อง...ต้องส่งความสุขไปให้เขา แล้วเขาจะไปสูสุขคติได้" เจษฎาอึกอักไม่ค่อยมั่นใจว่าคำพูดของเขาจะทำให้หญิงสาวหลงกลได้หรือไม่

"แล้วหนูจะให้ความสุขเขาได้ยังไงละคะ"

"ก็ยอมให้เขาเสพสังวาสด้วย..."

"ว่ายังไงนะคะ แล้วหนูจะไปมีอะไรกับเขาได้ยังไง เขาเป็นผี เป็นวิญญาณ หรือเป็นอะไรก็ไม่รู้ เขาไม่มีตัวตนนะคะ" เจณิตาทักท้วงแต่ความกลัวก็ทำให้เธอไม่กล้าเลกล้มพิธี แม้วิธีที่เขาเสนอจะดูไม่น่าเชื่อก็ตาม

"มีผ่านสื่อกลางก็ได้ครับ"

"หมายถึงอาจารย์เหรอคะ..."

"ใช่แล้วละ"

"...!!!..." หญิงสาวตะลึงกัยคำตอบจนพูดไม่ออก ยันกายลุกขึ้นมามองหน้าเจษฎาจ้องร่างเขาเขม็ง
เจษฎาค่อยๆ แกะกระดุมเสื้อออกที่เม็ดเผยให้เห็นรอยสักอักขระเลขยันต์ที่มีอยู่เต็มแผงอกเพิ่มความน่าเกรงขรามและความน่าเชื่อถือว่าเป็นผู้เชียวชาญด้านเวทย์วิทยา ให้กับหญิงสาวร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้าได้ใช้ประกอบการตัดสินใจ

"อาจารย์ถอดเสื้อทำไมคะ" เจณิตาจ้องมองลวดลายเหล่านั้นแสดงสีหน้าตื่นตาตื่นใจ เลือดในกายสูบฉีดแรง เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่ได้เห็นเห็นเรือนร่างของจอมขมังเวทย์ตัวเป็นๆ ไม่ใช่ภาพตามอินเตอร์เน็ตหรือในหนังในละคร ซึ่งรอยสักเหล่านี้ก็เหมือนจะมีมนต์ขลังน่าดึงดูดใจเธออย่างประหลาด

"ก็จะทำหน้าที่เป็นสื่อกลางไง หรือว่าคุณหนูไม่อยากทำ" เจษฎาเห็นสีหน้าลังเลใจของหญิงสาว ก็คิดไปว่าแผนการล่มไม่เป็นท่า จึงจัดการจะสวมเสื้อกลับเข้าที่เดิม

"ดะ...ดะ...เดี๋ยวค่ะ ทำค่ะ หนูจะ...ทำ" เจณิตาละล้ำละลัก เอื้อมมือไปจับมือจอมอาคมไว้เพื่อหยุดการกระทำ ก่อนจะส่งสายตาเหมือนกับจะอ้อนวอน

"งั้นคุณหนูก็ทำจิตใจให้สบายนะ" เจษฎาใช้สายตาดุดันจ้องมองไปยังเสื้อผ้าบางเฉียบที่แนบเนื้อตัวของหญิงสาวอยู่

"ค่ะ" เจณิตารับคำอย่างไม่สามารถใช้ความคิดตามสถาณการณ์ได้ทัน แม้คำพูดของชายตรงหน้าจะฟังดูไม่ค่อยเข้าท่า แต่ก็ยอมทำตามโดยไม่ได้ขัดข้อง เพราะในสมองมันโล่งไปหมด

"ลุกขึ้นมาสิ" เจษฎาลุกขึ้นยืนและสั่งหญิงสาวด้วยน้ำเสียงทุ่มกังวาลฟังแล้วเหมือนมีอำนาจสั่งการ

เจณิตายืนขึ้นตามคำสั่งขยับร่างเข้าไปหาร่างของเจษฎาอย่างว่าง่าย ใช้มือสัมผัสที่แผงอกอย่างนุ่มนวล ก่อนจะจ้องมองไปที่ใบหน้ามีหนวดคมเข้ม แล้วใช้มือเล็กนุ่มจับสาบเสื้อแล้วปลดมันออกจากตัว จากนั้นก็นั่งคุกเข่าเลื่อนมือมาจัดการกับอาภรณ์ส่วนล่าง สองมือขาวจัดการแก้ตะขอรูดซิบจัดดึงกางเกงและกางเกงชั้นในออกจากร่างเขาไปพร้อมๆ กับหันหน้าเลี่ยงไปทางอื่น ไมกล้ามองตรงเพราะยังคงมีความกระดากอายหลงเหลืออยู่

แต่เป็นท่อนเนื้อยาวใหญ่แข็งเกร็งต่างหากที่หลุดออกจากพันธนาการ แล้วดีดฟาดเข้าใส่แก้มขาวของเจณิตาอย่างจังจนเธอรู้สึกได้ นั้นทำให้เธออดไม่ได้ที่จะอยากรู้อยากเห็น เแล้วหันหน้าไปมองแล้วพบกับความจริงที่ยิ่งใหญ่ตรงหน้าเธอ มันช่างเป็นท่อนเนื้อของจริงที่ใหญ่ทีสุดเท่าที่เธอเคยเห็น ถึงความอวบอ้วนมันจะใหญ่กว่ากำนันไม่มาก แต่ก็ยาวกว่าพอดู แถมด้วยความแข็งที่ถ้าไม่มีหนังหุ้มไว้คงแข็งไม่ต่างจากสากหินเลยที่เดียว ยังไม่นับเส้นเลือดมากมายที่นูนขึ้นมาทั่วลำ

เจษฎาก้มลงมองดูหญิงสาวกำลังแอบกลืนน้ำลายเพื่อบรรเทาอาการแห้งผากของลำคอโดยไม่ให้เขาเห็นแต่ก็ซ่อนไม่มิด ก่อนที่เจณิตาจะหันขึ้นไปมองหน้าเข้มราวกับเป็นลูกแมวน้อยขอความเมตตาสงสาร แต่หมอผีกำมะลอก็พยักส่งสัญญาณให้เธอเริ่มลงมือกับของตรงหน้าได้แล้ว

เจณิตาเอื่อมมือที่สั่นไม่รู้ว่าสั่นกลัวหรือสั่นสู้ไปจับท่อนเนื้อเบาๆ รับรู้อุณหภูมิของผิวหนังที่อุ่นจนร้อนในความรู้สึกเธอ เธอเขย่ามันนิดหน่อยคล้ายจะทดสอบความแกร่ง ก่อนจะสาวตามลำยาวจนส่วนหัวโพล่ออกมาบายโล่ มีน้ำเหนียวมาจ่อตรงรูที่ส่วนปลาย ในใจทั้งกลัวทังอยากลอง

มือน้อยที่กำท่อนเนื้อแน่นสาวชักผิวหนังด้านนอกไปมา จมูกโด่งสูดกลิ่นคาวกามเข้าเต็มปอด ใบหน้าสวยเขยื้อนเข้าใกล้ส่วนหัวมากเข้าไปทุกที จนในที่สุดริมฝีปากบางก็ชนเข้ากับหัวบาน หญิงสาวสะดุ้งเหมือนตื่นจากผวังดึงศรีษะออกน้ำใส่เหนียวยืดติดจากปลายท่อจนถึงริมผีปาก ลิ้นเล็กนุ่มแลบออกมาเลียสัมผัสชิมรสโดยไม่รู้ตัว

เจษฎาจึงลูบไปที่เรือนผมดำเงางามเบาๆ ราวกับปลอบใจ ก่อนที่หญิงสาวจะกลับมาอ้าเลียเข้าใส่รูนั้นอีกครั้งอย่างเต็มใจโดยไม่ต้องใช้เสียงสั่ง ปากเล็กอ้าออกกว้างมากที่สุดเท่าที่กล้ามเนื้อบริเวณกามจะทำได้ ครอบอมเอาส่วนหัวถอกเข้าไปอย่างระมัดระวังไม่ให้ครูดกับฟัน ก่อนจะค่อยๆ กลืนดุ้นเขื่องลงไปที่นิดที่ละนิด ด้วยความยาวที่เธอไม่เคยพบเจอมาก่อนและเส้นเลือดที่ทำให้ทั้งลำมีผิวสัมผัสแตกต่างจากที่เคยเจอ ทำให้จิตในตอนนี้กระเจิดกระเจิงไปถึงไหนต่อไหน

ร่องสวาทของเจณิตาขับน้ำเหนียวออกมาเป็นระรอก คล้ายกับว่าร่างกายจะเตรียมความพร้อมรับมือสิ่งหนึ่งที่ใหญ่โตกว่าปกติ เธอรู้สึกขันยุบยิบจนต้องใช้นิ้วเรียวๆ ลงไปไปถูไถเพื่อลดความทรมานแต่ยิ่งทำยิ่งเหมือนกระตุ้นให้เกิดอาการตรงกันข้ามซะมากกว่า

หญิงสาวหน้าแดงระเรื่อด้วยลือดสูบฉีดแดง ริมฝีปากนุ่มรูดเข้าออกตามยาว ออกแรงดูดหนักๆ ท่อนเนื้อที่เหลือจากการใช้ปากก็ใช้มือนิ่มกำไว้ไม่รอบสาวเข้าออก บ้างก็หยุดการดูดกิน หันมาโลมเลียตั้งแต่หัวถึงโคน แล้วลากกลับจากโคนมาที่หัว พร้อมทั้งละเลงลิ้นเลียรอบขอบของหัวถอก เจณิตาตั้งใจใช้ปากสำเร็จความใคร่อย่างสุดฝีมือ แต่เหมือนชายทรงอาคมจะไม่สะทกสะท้านเท่าไหร่ นอกจากความใหญ่ยาวแล้วความอดทนของเขาก็มีมากไม่แพ้กัน

"ทำแค่นี้ไม่ทำให้เขามีความสุขได้หรอกนะคุณหนู ให้ผมช่วยละกันนะ" เจษฎาไม่รอคำตอบ ใช้มือกุมศรีษะของเจณิตาให้หยุดนิ่ง แล้วดันท่อนเนื้อเข้าใส่ที่ละนิด ใบหน้าเข้มขลังยิ้มพึงพอใจในรสสัมผัส ท่อนเนื้อทีขาดไปเพียงนิดหน่อยก็จะยาวแปดนิ้วก็ูกกดจมหายเข้าไปในใบหน้าสวยงดงดงามคล้ายดาราเกาหลีได้ทั้งลำ เขามองดูใบหน้าอึดอัดของหญิงสาวที่ตอนนี้มีแก่นกายของเขายึดแน่นลึกเข้าไปถึงคอหอยจนเธอหายใจไม่ออกจนต้องหลั่งน้ำตาและน้ำลายให้ไหลออกมาพร้อมๆ กัน

เจณิตาหลังจากถูกท่อนเนื้อปิดกันทางเดินหายใจอยู่ครู่หนึ่งจนทนไม่ไหว สมองที่คิดอะไรไม่ค่อยออกอยู่ก่อนหน้านี้เมื่อถูกทำให้อ๊อกซิเจนไปหล่อเลี้ยงได้ไม่เพียงพอยิ่งส่งผลให้สมองเธอนั้นเบลอมากขึ้นไปอีก แต่ร่างกายก็ยังตอบสนองโดยอัตโนมัติด้วยการทุบตีไปที่หน้าขาแกร่งหลายครั้ง

"แค่กๆ" เจณิตาไอดังหลังจากเจษฎายอมปล่อยให้เธอได้ถอนปากออกมาหายใจ

แต่เจษฎาก็ไม่ได้ปล่อยให้เธอพักนาน จัดการประครองปากเล็กมารับกระเด้าใส่ของท่อนเนื้ออีกหลายครั้ง ใช้งานปากของเธอไม่ต่างอะไรจากการกระเด้าใส่อวัยวะเพศ ทำให้ตอนนี้ทั้งปากและลำคอของเจณิตาเริ่มปรับสภาพรับการกระทำได้อย่างไม่มีติดขัด เริ่มรู้สึกเสียวไปทั้งช่องปากจนมีอารมณ์ร่วมอย่างประหลาด

"อูยยยย...เตรียมตัวรับน้ำให้ดีนะคุณหนู" เจษฎาขยับเอวแทงใส่ปากนิ่มเร็วรัวจนหญิงสาวแสดงสีหน้าทรมานแต่กลับไม่ได้ขัดขืนอะไรปล่อยให้หมอผีกำมะลอได้ทำตามที่ใจอยาก

"มาแล้ว...ออกมาแล้ว..." หนุ่มใหหญ่รั้งศรีษะหญิงสาวเข้ามากอดแน่นก่อนจะกระเด้งเอวเข้าใส่หนักสองสามครั้งแล้วกดแช่ไว้ ปลดปล่อยน้ำเหนียวขาวเข้าใส่ลำคอของเจณิตาแบบแทบจะฉีดเข้าใส่กระเพาะของเธอโดยตรงเพราะหญิงสาวนั้นตัวเล็กมาก ก่อนจะดึงท่อนเนื้อเปื้อน้ำลายน้ำกามเหนียวยืดออกมา

"อึก..อึก" เสียงเจณิตาที่กลืนน้ำกามที่บางส่วนบางส่วนตกค้างอยู่ในลำคอและช่องปาก ระบบความคิดที่ยังทำงานได้ไม่เต็มที่ก็ยังสงสัยในตัวเองว่าทำไมถึงไม่คลายมันออกไป อาจจะเป็นเพราะถูกจอมอาคมกำชับว่าให้ทำให้เจ้ากรรมนายเวรมีความสุขรึเปล่าเธอก็ยังไม่แน่ใจในตัวเอง

"กลืนเข้าไปหมดเลยเหรอ ดีมาก คุณหนูนี่ฉลาดจริงๆ " เจษฎาทิ้งตัวลงนั่งใช้มือสาวรูดท่อนเนื้อที่เปียกขุ่มไปน้ำลายจ้องมองร่างเปลื่อยที่เหมือนกำลังใช้ความคิด แต่ก็ยังใช้มือล้วงควักที่หว่างขาของตัวเองอยู่

"เสร็จแล้วเหรอคะ" เจณิตาหันไปมองหน้าอาจารย์คาถาส่งสายตาฉ่ำเยิ้มก่อนจะใช้นิ้วชี้เรียวสวยปาดเช็ดคราบน้ำกามที่เลอะอยู่มุมปาก แล้วใช้ปากสวยดูดน้ำที่ติดมากับนิ้วเข้าไปอย่างยั่วยวน

"ใช่ครับ เสร็จแล้ว"

"แต่หนูว่าทำให้เขามีความสุขแค่นี้มันจะยังไม่พอนะคะ เจ้ากรรมนายเวรอาจจะยังไม่พอใจ" หญิงสาวพูดจบก็ยืนขึ้นโชว์หุ่นสวยแล้วจัดการกับเสื้อและกางเกงสีขาวให้หลุดออกไปจากร่างกาย จากนั้นก็ปลดชุดชั้นในและกางเกงชั้นในสีดำออกมากองรวมกัน ยืนอวดเรือนร่างขาวผ่องไร้ไฝฝ้า ใช้แขนขวาบังสองเต้า และมือซ้ายปิดของสงวน

ด้วยรูปลักษณ์ภายนอกที่เต็มไปด้วยลายอักขระแปลกตาของเจษฎาและท่อนเนื้อที่ทั้งหนาทั้งยาว มันทำให้เจณิตาอยากรู้อยากลองว่าผู้ชายแบบนี้จะมีรสชาติเป็นอย่างไร ไม่ได้กังวลว่ากำนันจะรู้เรื่องหรือไม่ และคงจะไม่ผิดอะไรที่เธอจะหาความสนุกใส่ตัวบ้าง เพราะที่เธอยอมมีอะไรกับกำนันที่เป็นพ่อของเพื่อนสนิท ก็เพียงเพื่อผลประโยชน์ที่กำนันมอบให้ และอยากจะทดแทนบุญคุณที่กำนันเคยช่วยเหลือครอบครัวเธอตอนเดือดร้อนเท่านั้น ไม่ได้มีความรักใคร่หรือพิศวาทแต่อย่างใด ถ้ามีทางอื่นที่เธอจะไปได้ก็พร้อมที่จะเลิกทันที

"งั้นคุณหนูต้องปลุกมันเองแล้วละครับ" เจษฎาจ้องมองร่างขาวเนียนตรงหน้า มือแกร่งลูบท่อนเนื้อกำเกือบไม่รอบที่นุ่มลงไปนิดหน่อยแล้ว

"ก็ได้ค่ะ" หญิงสาวทิ้งร่างหมอบคลานลงไปที่ตักของเจษฎาใช้มือเรียวบรรจงจับท่อนเนื้ออย่างถะนุถนอมก่อนจะทำการปลุกให้มันมีชีวิตชีวาเหมือนก่อนหน้านี้โดยใช้ทั้งมือทั้งปาก

ระหว่างที่เจณิตากำลังลงมือเสริมความแกร่งให้กับท่อนเนื้อของเจษฎา มือหยาบก็ทำการลูบไล้ที่เรือนผมของหญิงสาวอย่าแผ่วเบา ก่อนจะลูบไปต่อที่แผ่นหลังเนียนไปจนถึงสะโพก แล้วไปจบลงที่บั้นท้ายกลม นิ้วหยาบก็ล้วงผ่าเข้าไปกลางร่องเปียกเหนียว ทั้งถูทั้งควักจนบั้นท้ายงามต้องส่ายไปมาหลบความเสียว ก่อนที่หญิงสาวจะกลืนเข้าไปลึกจนสุดคอ เพราะคิดว่าเขาน่าจะชอบเพราะการทำแบบนี้มันทำให้เขาเสร็จมาแล้วครั้งหนึ่ง

"อูยพอก่อนครับ คุณหนู เดี๋ยวจะออกซะก่อน" ส่วนหัวถอกสั่นหงึกๆ เหมือนได้สัมผัสที่ถูกใจ แต่ถ้ายังปล่อยให้การกระทำดำเนินต่อไปเขาอาจจะเสียน้ำที่สองก่อนจะได้ลิ้มรสอาหารจานหลัก

เจณิตาถอนปากอออกจากท่อนเนื้อทิ้งไว้แต่คราบน้ำลายเหนียวยืดไปทั่ว ก่อนจะใช้ลิ้นละเลงที่ส่วนหัวถอกต่ออีกนิดหน่อย ก่อนจะค่อยๆคืบคลานปีนป่ายขึ้นไปคร่อมอยู่บนตัวเจษฎาที่นั่งตั้งท่าพร้อมรับการกระทำ ซึ่งท่อนเนื้อของเขาก็พร้อมมากไม่ต่างกัน เมื่อหญิงสามารถขึ้นมานั่งอยู่บนหน้าขาของเจษฎาได้สำเร็จ ก็จัดแรงจับท่อนเนื้อให้จ่ตรงกับร่องสวาทแล้วส่ายเอวบดสองกลีบเนียนเข้ากับส่วนยอด

หญิงสาวค่อยๆ ทิ้งน้ำหนักลงใส่ที่ละนิด เพราะแค่ส่วนหัวที่แหวกผ่านปากช่องสวาทเข้ามาก็ทำเอาเจ็บแปลบขึ้นมาทันที เหมือนกับจะโดนเปิดซิงอีกครั้งก็ไม่ปาน

"โอ้ยยยย...อูยยยย...ซี๊ดดดด..." เจณิตาส่งเสียงระบายความเสียวและความเจ็บออกมา ก่อนจะกันฟันแน่นเพื่อเตรียมรับความรู้สึกที่เหลืออีกเกือบคืบ ความคับแน่นของช่องทางเนื้อนุ่มเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จากน้ำหนักที่ตัวของเธอที่กดลงให้ท่อนเนื้อทะลวงสวนขึ้นมา เส้นเลือดปูดโปนสัมผัสผนังเนื้อที่ไวต่อความรู้สึกสร้างการรับรู้แปลกใหม่ จนเธอรู้สึกเสียวสยิวและอึดอัดไปพร้อมๆ กัน

เหมือนสิ่งที่หญิงสาวกำลังทำชักช้าไม่ทันใจ สองมือใหหญ่ของเจษฎาวางจับไปที่เอวเล็กเนื้อนิ่มแล้วดึงเข้าหาตัวอย่างเร็ว โพรงสวาทของหยิงสาวก็ถูกแทรกเข้าไปจนช่องคลอดขยายออกเต็มที่จนเกือบจะฉีกขาด ส่วนหัวแหวกเข้าไปดันลึกจนสุดทางดันก้อนเนื้อด้านในให้ถอยหลังไป

"โอ้ยยยย...มันจูกกกก..." หญิงสาวร้องลั่นจนเจษฎาต้องใช้มือของเขาขึ้นมาปิดปากหญิงสาวกลัวจะมีคนได้ยิน แต่ไม่ได้ผลยังมีเสียงรอดออกมาอยู่ จนกระทั่งเจณิตาใช้ปากเล็กสวยกัดเข้าที่ผ่ามือที่ปิดปากเธออยู่อย่างแรงเสียงจึงได้เงียบลง

กลายเป็นเจษฎาซะเองที่ต้องกัดฟันเก็บเสียงร้องเพราะถูกกัดเข้าเต็มรัก เขารับรู้ได้ถึงฟันที่จมลึกเข้ามาในผิวกายแต่กลับไม่มีเลือดไหลออกมา ซึ่งเขาก็ยอมทนเพราะความกระชับแน่น และแรงตอดที่เหมือนจะรุนแรงไม้แพ้อริสาเลยแม้แต่น้อย

เจณิตาที่รับดุ้นเนื้อเขาไปเต็มลำจนเจ็บจุกและสะใจในคราวเดียวกัน ไม่คิดว่าร่างเล็กๆ  ของเธอจะสามารถรับมันเข้าไปได้ทั้งหมด เธอกัดมือของเจษฎาแน่นอยู่ครู่หนึ่ง จนเริ่มรู้สึกผ่อนคลาย ก็ค่อยๆ อ้าปากออกเมื่อความเสียวเริ่มมีมากกว่าความเจ็บจุก สะโพกสวยก็เริ่มส่ายร่อนเบาๆ เร่งระดับความเสียวให้มากขึ้น สองแขนเรียวโอบคล้องคอชายผิวเข้มดึงเข้าหาเต้านมสวย

เจษฎาก็อ้าปากงับเข้าที่หัวข้างหนึ่งดูดเลียขบกัดอย่างสนุกปาก เต้าอีกข้างก็ใช้มือนวดเคล้นบีบบี้ มืออีกข้างก็จับที่เอวคอดขยับโยกให้จังหวะ ก่อนที่ร่างเล็กขาวจะขย่มเข้าใส่แรงขึ้นจนเกิดเสียงเนื้อกระทบกันดังระงมแข่งกับเสียงครางสวยไปทั่วห้องอย่างไม่กลัวใครได้ยิน ซึ่งห้องสี่เหลี่ยมนี้ก็เก็บเสียงได้พอสมควร

สองมือของเจณิตาผลักล่างเจษฎาให้ลงไปนอนรราบ แล้วจัดท่าตัวเองให้นั่งยองๆ ก่อนจะโหมแรงกระแทกกลีบเนื้อเข้าใส่แบบขึ้นสุดลงสุด ตามใจปราถนาโดยใช้สองมือน้อยค้ำยันไปที่หน้าอกแกร่งที่เต็มไปด้วยลวดลาย ช่องสวาทบีบรัดซึมซับความเสียวจากแก่นกายแข็งที่มีมีผิวขรุขระเพราะเสี้นเลือดปูดใหญ่หลายเส้น

"ซี๊ดดดด...มันดีมากเลยอาจารย์ ของอาจารย์นี่สุดยอดจริงๆ...อูยยย...เสียวววว..." หญิงสาวชมเชยท่อนเนื้อไม่ขาดปาก เพราะมันดีกว่าผู้ชายที่เธอเคยผ่านมาจริงๆ นี่ขนาดเขายังไม่ได้บรรเลงลวดลายอะไรใส่เธอมันยังเสียวมากมายขนาดนี้ ถ้าปล่อยให้เขาเป็นฝ่ายทำเธอคงสำลักความเสียวตายแน่นอน

"อูยยยย...อาจารย์...หนูจะแตกแล้ว...แตกแล้ว..." หญิงสาวขย่มเอามันอยู่ฝ่ายเดียวชิงไปถึงฝั่งเสียก่อน กลีบสวยบดแน่นกับโหนกท่อนเนื้อจนแทบจะรวมเป็นเนื้อเดียวกัน ร่างกายกระตุกรัว สองมือกุมหน้าอกตัวเองบีบแน่นจนเกือบจะแหลกเหลวคามือ ดวงตาเบิกกว้าง อ้าปากหวอ น้ำลายไหลยืดเป็นทาง

เจษฎาใช้มือรับร่างที่เกร็งจนสุดแล้วอ่อนตัวลงทับร่างของเขาอย่างนุ่มนวล แล้วกอดไว้หลวมๆ ใบหน้าซุกไวร้ไปที่ซอกคอ สูดดมความหอมของเรือนร่าง ปล่อยให้เจณิตาได้พักเหนื่อยจากการออกแรงขย่มร่างมาเป็นเวลาพักใหญ่

ชายร่างผอมขยับร่างถอนท่อนเนื้ออกจาช่องสวาทที่กำลังดูดตอดออกอย่างยากลำบากเพราะความคับแคบ แล้วพาร่างอ่อนระทวยลงไปนอนหงายบนเสื่อที่ใช้ทำพิธี หญิงสาวที่เสร็จสมอย่างรุนแรงไร้การต่อต้านไม่ว่าเขาจะจับเธอให้อยู่ในท่วงท่าเช่นไร

"คุณหนูยังไหวไหมครับ" เจษฎาก้มลงกระซิบถามส่งลมหายใจอุ่นกระทบเข้าใบหูจนหญิงสาวสยิวกาย สองมือหยาบก็ดันหัวเข่าของเจณิตาให้แบะออกเปิดทางให้ท่อนเนื้ออุ่นๆ วางพาดไปร่องแฉะและบดเอวใส่

"ค่ะ...อูยยยย..." สิ้นเสียงของเจณิตา ท่อนเนื้อแข็งแกร่งก็แทงพลวดเดียวเข้าหมดลำแบบที่เธอยังไม่ทันได้เตรียมตัวเตรียมใจ ดวงตาคู่สวยเบิกโพลง เจ็บจุกจนน้ำตาเล็ด เสียวจี๊ดจนเธอเสียน้ำไปอีกหนึ่งครั้งด้วยการสอดใส่เพียงครั้งเดียว ร่างกายของเธอเกร็งกระตุกกอดรัดร่างผ่อมแกร่งสั่นรุนแรงไม่ต่างจากครั้งที่แล้ว

คราวนี้เจษฎาไม่ปล่อยให้เธอได้พักหลังจากชิงถึงจุดยอดเหมือนก่อนหน้านี้ เข้าลงเอวกระแทกใส่ไม่สนใจสองแขนสองขาเล็กขาวสวยที่รัดร่างเข้าไว้แน่นในตอนนี้ การทิ่มทะลวงของท่อนเนื้อใหญ่ยาวเป็นไปอย่างหนักหน่วง ปากหนาเข้าประกบกับปากบางไม่เปิดโอกาสให้หญิงสาวได้ร้องขอความเห็นใจ หรือผ่อนลมระบายความเสียว ทุกท่วงท่าการแทงทำเอาเธอกือบจะไปถึงจุดหมายอยู่หลายครั้ง แต่พอช่องสวาทบีบรัดตัวเป็นสัญญาณเจษฎาก็หยุดเอวแล้วใช้สองมือส่งไปเล่นงานส่วนอื่นแทนเช่นหน้าอกหรือบั้นท้าย

"อูยยย...อาจารย์หยุดทำไม...จะถึงอยู่แล้ว...คิคิ..." เจณิตารีบส่งเสียงท้วงติงทันทีที่มีโอกาสเมื่อริมฝีปากของเจษฎาย้ายไปขบใบหูบ้าง เลียซอกคอบ้าง บางครั้งก็ลงลิ้นใส่รักแร้เนียนของเธอจนเธอจั๊กจี้จนหลุดมีรอยยิ้มแล้วหัวเราะออกมา

ไม่มีเสียงตอบกลับจากเจษฎา เมื่อเห็นว่าเธอคลายเสียวลงมานิดหน่อยเขาก็ซอยเอวทำแบบเดิมอีกหลายครั้ง จนเธอต้องร้องขอให้เขาช่วยให้เธอหลุดพ้นจากวงจรความสุขที่แสนทรมานนี้เสียที

"อาจารย์ให้หนูแตกเถอะ...หนูจะไม่ไหวแล้ว...เสียวจนจะหัวใจวายตายอยู่แล้ว..." หญิงสาวขอร้องอย่างไร้อายเพียงแค่ส่งเธอข้ามฝั่งได้ไม่ว่าจะเป็นอะไรเธอก็ยอม

"ก็ได้งั้นมาเสร็จพร้อมกันนะ" เจษฎายิ้มเยาะอยู่ในใจ อย่างน้อยลีลาสวาทของเขาก็ใช้ได้กับเธอคนนี้ เสียดายเพียงแต่ไม่ได้เตรียมตัวเก็บภาพไว้ใช้ประโยชน์ เขาจึงไม่เหลือทางเลือกต้องทำให้เธอติดใจรสชาติความเสียวเพียงเท่านั้น

"ค่ะ..ที่รัก..." หญิงสาวสะติกระเจิดกระเจิงหลุดปากเรียกเจษฎาราวกับเป็นคนรักกันอย่างเต็มปากเต็มคำ

เจษฎาได้ยินเข้าก็ได้ขำอยู่ในใจว่าเป็นได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ แต่ก็ไม่ได้สนใจมากนัก สมาธิส่วนใหญ่ไปจดจ่อกับช่องสวาทมากกว่า เอวแกร่งเริ่มทำงานหนักคราวนี้จ้วงแทงเข้าใส่หนักหน่วงรุนแรง และถี่ยิบ

"อ๊าาาาา...แตกแล้ว...แตกแล้ว" เจณิตาร้องเสียงหลงแสดงอาการถึงจุดยอดหนักหน่วงกว่าก่อนหน้านี้ ทั้งแขนทั้งขาเกร็งกอดเจษฎาแน่น ท่อนล่างกระดกเข้าใส่หนอกเนื้อไม่หยุดสองมือจิกเข้าที่หลังมีลายไม่ปล่อย ซึ่งเจษฎาก็ไม่หยุดเหมือนกันเขารุกเข้าใส่อย่างต่อเนื่องและยาวนาน จนเธอร้องบอกถึงจุดหมายสลับกับเสียงครางต่อเนื่องอีกหลายครั้งจนเสียงแห้ง

ไม่กี่อึดใจเจษฎาก็มีมวลน้ำทะลักขึ้นมาตามท่อจ่อที่จะพ้นออกมา เขาจัดการโหมเด้าเข้าใส่หนักเน้นๆ อีกหลายครั้งจนสองกลีบที่รับหน้าที่รับแรงกระแทกนั้นบวมแดง ก่อนจะปล่อยมวลน้ำเข้าใส่ร่องเสียวของเจณิตาหลายระรอก  ร่องรูสวาทขมิบตอดดูรับน้ำเหนียวที่เธอรู้สึกเหมือนกับถูกฉีดด้วยน้ำจากสายยางดับเพลิงเข้าไปจนเต็มท้องน้อย ร่างสวยก็กระตุกเกร็งตาเหลือก พยายามจะร้องระบายความเสียวแต่ปากก็ถูกเจษฎาประกบเอาไว้จนทำได้แค่ส่งเสียงร้องอู้อี้ ก่อนที่เขาจะดึงร่างตัวเองออกมาจากการกอดรัดของหญิงสาวที่กอดเขาแน่นราวกับอยากให้เขาเป็นส่วนหนึ่งของร่างกาย

เจษฎาที่ลุกเดินไปใส่กางเกงหันไปดูเจณิตานอนตัวสั่น หายใจเหนื่อยหอบเหมือนกำลังจะขาดใจตาย ถ่างขาโชว์กลีบเนื้ออ้ากลวงข้างในมีน้ำกามขาวข้นอัดแน่นและกำลังค่อยๆ ไหลย้อนออกมา อย่างสาแก่ใจ แม้ในใจอยากจะต่ออีกซักรอบแต่ถ้าเขาทำจริงคงต้องให้เธอค้างที่นี่เพราะน่าจะกลับไม่ไหวแน่นอน ซึ่งนั้นคงจะทำให้มีข่าวลือที่ไม่ค่อยมีปรโยชน์กับเขาสักเท่าไหร่
..................................................


"ฮู้ว...โชคดีที่กลับมาทัน แล้วเจ้าของร้านคนสวยไปไหนแล้วละพี่" อ๊อดที่รีบกลับมาจากการทำภารกิจ ถอนหายใจแรงอย่างโล่งใจที่มาได้ทันเวลา ระหว่างคุยกับเจษฎาที่หน้าห้องทำพิธี ก่อนจะจัดการเก็บกุญแจบ้านใส่กระเป๋าของเจ้าของร้านสาว

"พิธีเพิ่งเสร็จกำลังอาบน้ำอยู่" เจษฎายกขวดน้ำขึ้นดื่มมดับกระหาย ใบหน้าและร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อจนเสื้อเปียกเป็นวงใหญ่

"อาบน้ำทำไม" อ๊อดหรี่ตามองเจษฎาอย่างสงสัยในสภาพภายนอกที่ดูแปลกๆ ของเขา

"ก็ในห้องมันร้อนเหงื่อเลยออกเยอะ แล้วก็พรมน้ำมนต์นิดหน่อย" เจษฎาสะบัดอกเสื้อไล่ความร้อนไปด้วยระหว่างพูดและทำเป็นหาอะไรทำแก้เขิน

"ว่าแต่มัวทำอะไรอยู่ ทำไมมาช้าจัง งานมันยากขนาดนั้นเลยเหรอ" เจษฎาเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าอ๊อดมาช้ากว่าที่ตกลงกันไว้ จึงหันมาถามเพื่อตรวจสอบความเรียบร้อย

"ใช่พี่...กว่าจะเอาลงได้ น้ำเกือบหมดตัว" อ๊อดหลบตาตอบเสียงอ้อมแอ้มอยู่ในคอเหมือนอยากจะบอกความจริงแต่ยังไม่กล้า

"หา ว่าไงนะ" เจษฎาขอฟังคำตอบอีกครั้งเพราะเสียงอ๊อดมันเบาจนได้ยินไม่ถนัด

"ไม่มีอะไรพี่ งานเรียบร้อยดี แค่อุปกรณ์มันผิดพลาดนิดหน่อย" อ๊อดที่ปกติไม่ค่อยจะปิบังอะไรกับเจษฎา จำใจต้องโกหกเพราะอยากอยากจะเก็บเรื่องที่เขาพลาดพลั้งใช้ยาผิดตัวจนเรื่องเลยเถิดจนเกือบจะทำให้แผนล่ม

"ว่าแต่พี่เถอะ ทำยังไงถึงถ่วงเวลาได้นานเชียว" อ๊อดทำเป็นถามกลับเพื่อกลบเกลื่อนเรื่องเกินเลยที่เขาเพิ่งจะทำไป

"เปล่า...ไม่ได้ทำอะไร" เจษฎาตอบไปแบบเฉไฉเพราะไม่รู้จะอธิบายกับอ๊อดยังไงดี กับเหตุการณ์ภายในห้องพิธี

ด้วยความที่ทั้งคู่เคยใช้ชีวิตใกล้ชิดกันชนิดว่าอยู่ด้วยกันเกือบจะยี่สิบสี่ชั่วโมงต่อวันมาหลายปีในเรือนจำ ซึ่งนั้นทำให้ทั้งคู่จับพิรุธซึ่งกันและกันได้ เพียงแต่ไม่รู้ว่าปิดบังเรื่องอะไรอยู่เพียงเท่านั้นเอง แต่ก็มองข้ามเรื่องนี้ไปเพราะความเชื่อใจว่าคนทั้งคู่จะไม่สร้างปัญหาให้อีกฝ่ายแน่นอน
..................................................


"ปลา...ปลา เป็นอะไรรึเปล่า" เจณิตาที่กว่าจะพาร่างเหนื่อยออ่อนออกมาจากสำนักอาจารย์เจษมาถึงบ้านได้ก็เป็นเวลาเกือบบ่ายสามโมง พอมาถึงบ้านมาพบว่าเกวลีนอนเปิดเครื่องปรับอากาศเย็นสบายอยู่ในห้องนอนของเธอตั้งแต่หัววันซึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องปกติ แม้เพื่อนเธอจะเคยมาค้างด้วยหลายครั้งก็ตาม แถมใบหน้าสวยที่หลับอยู่ก็มีร่องรอยของความอิดโรย แต่ปากสวยกลับมีรอยยิ้มทั้งๆ ที่หลับอยู่อย่างประหลาด ก็อดที่ไม่ได้ที่เธอจะต้องปลุกให้เพื่อนรักตื่นขึ้นมาคุยกัน

"...แกมาทำ...อะไรที่ห้องฉันเนี้ย...เจนิส..." เกวลีงัวเงียตื่นขึ้นมาปรือตามองไปทั่วห้องอย่างยากลำบาก แต่ก็ดูไม่ค่อยมีสติคล้ายคนละเมอความทรงจำสบสันปนเปกันไปหมด ก่อนจะหันกลับมามองหน้าเพื่อนสนิทที่กำลังเขย่าร่างของเธออยู่

"จะบ้าเหรอฉันสิต้องถามแก ทำไมถึงมานอนที่ห้องฉันได้" เจณิตาท้วงขึ้นมาอย่างประหลาดใจ กับอาการเบลอๆ งงๆ จนน่าสงสัยของเพื่อนสาว

"อ้าวนี่ห้องแกหรอกเหรอ...แล้วฉันมานอนที่นี่ได้ไง...อืม...นึกออกแล้วฉันจำได้คร่าวๆ ว่าจะเข้ามาเอาเอกสารในห้อง แล้วก็รู้สึกมึนหัวแล้วก็เผลอหลับไป หลังจานั้นก็จำอะไรไม่ได้เลย" เกวลีกุมศรีษะพยายามยันกายขึ้นนั่งพิงหัวเตียงอย่างยากลำบาก

"แปลกแหะ แกไม่สบายรึเปล่า" เจณิตาจับไปตามเนื้อตามตัวของเกวลี ก่อนจะวางฝ่ามือไว้บนหน้าผากของเพื่อนเธอ

"อืม...ไม่รู้สิ แต่ปวดไปทั้งตัวเลย ปวดหัวด้วย แต่ว่าเหมือนฉันจะฝันแปลกๆ" เกวลีแสดงสีหนาเหยเก ปวดตามตัวเมื่อโดนเพื่อนสัมผัส โดยเฉพาะบริเวณท้องน้อยและรอบๆ ที่เจ็บทะ้งที่ยังไม่มีใครไปแตะ แต่กลับอมยิ้มเขินอายเมือนึกถึงความฝันก่อนหน้านี้

"แปลกยังไงเหรอ เอาดีๆ นะ ฉันเริ่มจะกลัวแล้วเนี้ย" สาวตัวเล็กเริ่มจะรู้สึกไม่ดีและเป้นกังวลกับอาการประหลาดของเพื่อนรักเสียแล้ว

"เอ่ออออ...คือมัน...มัน..." เกวลีรู้สึกกระดากอายไม่รู้จะเล่าอย่างไรดี ที่มานอนฝันถึงเรื่องลามกอยู่ในห้องของเพื่อน แถมคนที่อยู่ในฝันของเธอยังเป็นวิศวัทรุ่นพี่หนุ่มสุดหล่อที่เธอแอบชอบมาตั้งแต่สมัยเรียนเสียอีก

"ช่างมันเถอะมันก็แค่ความฝันไม่เล่าให้ฟังก็ไม่เป็นไรหรอก"

"ว่าแต่แกไปไหนมา ปล่อยให้น้องมันดูร้านคนเดียว" เกวลีพอตั้งสติก็ยังไม่วายจะห่วงร้านที่เธอเป็นหุ้นส่วนอยู่

"ธุระทั่วไปนะ ไม่ต้องสนใจหรอก" เจณิตาบอกปัดไปปิดบังความจริงที่เธอเสียท่าให้จอมขมังเวทย์

"แต่แกดูเหนื่อยๆ นะ" เกวลีมองสำรวจไปทั่วใบหน้าและเรือนร่างของเพื่อนสาวที่มีสภาพเหมือนคนเสียน้ำไปกับการกับออกกำลังกายอย่างหนัก ถึงแววตาของเพื่อนสนิทจะดูสบายดีก็ตาม

"ช่างมันเถอะ ถ้างั้นคืนนี้ค้างที่นี้ละกัน เดี๋ยวฉันโทรไปบอกที่บ้านแกให้ แกนอนต่อเถอะ เดี๋ยวฉันไปต้มข้าวมาให้กิน" เจณิตารีบตัดบทก่อนจะโดนซักไซ้ไปมากกว่านี้แล้วจะเผลอแสดงพิรุธออกมาให้เห็น

"ขอบใจมากนะ เพื่อนรัก" เกวลีโผเข้ากอดร่างสาวร่างเล็กอย่างรักใคร่ทั้งๆ ปวดตัวอยู่

"อือ... ไม่ต้องมาอ้อนเลย" เจณิตาลูบหัวเพื่อนตอบ ก่อนจะออกไปทำอาหารค้ำ
..................................................


"ไม่คิดเลยว่านอกจากมันจะไม่ได้หนีไป ยังมาเปิดสำนักตั้งตัวเป็นอาจารย์ใบ้หวยอีก เรากระทืบมันเบาไปรึไงวะ" รตนเปิดประเด็นเรื่องจอมคาถาอาคมคนใหม่ของอำเภอที่กำลังเป็นที่พูดถึงกันทั่วไปในตอนนี้ ขึ้นกลางโต๊ะอาหารในผับแอนด์เรสเตอรองก์ร้านประจำที่พวกเขามักมานั่งกินดื่มกันบ่อยๆ

"นั้นนะสิ แถมยังไปช่วยเสี่ยกวงไว้อีก เมื่อไม่กี่วันก่อนมีคนเห็นคนไอ้เสี่ยกวงเอารถมารับมันให้ไปหาถึงบ้านเลยนะ ถ้าทางไอ้เสี่ยนั้นจะนับถือกันน่าดู" ภาณุเสริมเพิ่มเติมข้อมูล พร้อมทั้งส่งแก้วเครื่องดื่มสีเหลืองอำพันส่งให้คนที่นั่งร่วมโต๊ะทีละคน

"ว่ายังไงนะ ไอ้นั่นมันไปคุยกับเสี่ยกวงที่บ้านอย่างนั้นเหรอ" วิศวัททักขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตกใจ

"ใช่ ทำไมเหรอ" รตนหันไปตามเสียงรู้สึกว่าวิศวัทจะตื่นตูมเกินเหตุ

"แล้วทำไมเพิ่งมาบอก" วิศวัทจ้องหน้ารตนราวกับเขาทำความผิดร้ายแรง

"กูไม่ได้มีหน้าที่ต้องมารายงานมึงนี่หว่า" รตนไม่ได้สนใจอารมณ์ของชายหน้าหล่อ ซ้ำยังพูดจากวนประสาทเข้าใส่

"ว่ายังไงนะ" วิศวัทจ้องหน้าเหมือนจะเอาเรื่อง

"...อย่าเพิ่งทะเลาะกัน" พี่ใหญ่ของกลุ่มอย่างพงษ์ศักดิ์จำเป็นต้องออกปากปรามทั้งคู่ไว้ ก่อนจะเกิดเรื่องวุ่นวาย

"ก็นายหญิงบอกว่ามันกระจอก ทำอะไรไม่ได้ไงครับ" ภาณุพยายามแก้ไขสถานการณ์ไม่ให้เลวร้าย ด้วยการพูดทีเล่นทีจริง

"ไม่ต้องมาย้อนเลย ถ้ามันคนเดียวนะก็คงไม่เป็นไร แต่นี้มันไปรวมหัวกับเสี่ยกวงแล้ว มันคงจะวางแผนอะไรไว้แล้วนะสิ" วิศวัทยังคงอารมณ์คุกรุ่น แต่ก็พยายามจะทำใจเย็น

"...แบบนี้มันคงจะหาทางเล่นงานพวกเราใช่ไหม" พงษ์ศักดิ์ถามด้วยเสียงเรียบ

"ก็น่าจะใช่พี่ แล้วยิ่งเสี่ยกวงมันลอบยิงอีก มันต้องพุ่งเป้ามาที่กำนันกับนายหญิงแน่ พวกเราเองก็คงต้องคอยระวังตัวให้มากขึ้น" วิศวัทที่ใจเย็นลงแล้วแนะนำ ซึ่งภาณุและพงษ์ศักดิ์ก็พยักหน้าเห็นด้วย

"มึงปอดแหกเกินไปรึเปล่าวะ ใจมดจริงเชียว ฮาฮา" รตนหัวเราะชอบใจไม่ได้สนใจคำเตือนของคนที่เขาไม่ชอบหน้าสักเท่าไหร่

"ห้าวๆ อย่างมึงนะตายมากี่คนแล้ว" วิศวัทตอกกลับ

"มึงลองพูดอีกทีสิ" รตนเหมือนถูกหยามหน้าลุกขึ้นจับขวดเครื่องดื่มตั้งท่าจะบุกเข้าไปเอาเลือดหัวชายหน้าตาดีออกมาล้างเท้า

"........." พงษ์ศักดิ์เอื้อมมือไปจับแขนรตนไว้ แล้วดึงให้เขานั่งลงสงบใจ ด้วยความเกรงใจ รตนก็ต้องจำใจนั่งนิ่งไม่มองหน้าวิศวัทแม้จะยังมีโทสะอยู่ ท่าทีของพงษ์ศักดิ์ก็ส่งผลให้ให้วิศวัทหยุดการตอบโต้ไปเช่นกัน

"แล้วพวกเราจะเอายังไงกันดี เล่นมันก่อนเลยดีไหม" ภาณุเสนอความเห็นแบบไม่ได้จริงจังเท่าไหร่นัก เพราะเขารู้ดีว่าทุกอย่างต้องให้นายหญิงของเขาเป็นตัดสินใจ

"ยังไม่ต้องทำอะไรหรอก ช่วงชาวบ้านกำลังศรัทธา ขืนมันเป็นอะไรขึ้นมาจะเป็นเรื่องใหญ่ นายหญิงเขาชอบทำอะไรเงียบๆ เดี๋ยวฉันไปรายงานเรื่องนี้กับนายหญิงเอง" วิศวัทให้ความเห็นที่ทุกคนน่าจะเห็นด้วยซึ่งก็เป็นจริงตามนั้น

"...เอาอย่างนั้นก็ดีเหมือนกัน" พงษ์พุดสรุปหน้านิ่ง
..................................................

 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

จรัญ บุญชู

ดวงดีและวางแผนเยี่ยมมาก...ล้อมกรอบทุกจุด...ตัวการใหญ่น่าจะรอดยาก

surway2532

โจทย์เก่าก้อรุ้ที่อยุ่เจษแล้วว่าทำอะไรอยุ่ ที่นี้เจษจะเดินเกมไปทางไหนนะรึจะยุให้เค้าตีกันเองแน่ๆ

kupong

เริ่มแผนการขั้นต่อไปกันแล้ว จะทำยังไงต่อน่าติดตามครับ

ชายชรา

เริ่มอิจฉาอาจารย์เจษแล้วเป็นไปตามแผนการทุกอย่างรอลุ้นตอนต่อไปครับมาไวๆครับ

kidzero

ตอแหลเก่งที่พี่ทั้งน้องเลยนะสองคนนี้ แต่สุดท้ายก็คือได้ทั้งคู่ 555555 เท่ากับตอนนี้สาวที่ออกมาในเรื่องที่ยังอยู่รอดปลอดภัยก็ลูกสาวเสี่ยกวงคนเดียวแล้วสินะ

pp1659

งานนี้พี่เจษเราเจอสึกหนักแน่นครับ

oddsk

ยุให้เขาตีกันมันจะทันการณ์ไหมครับ

myzzr

วิธีนี้เองถึงได้ถ่วงเวลาได้นานนัก

Theman368


bangsan

เจนิสตาเจอของเจษเข้าไปรับรองติดใจแน่ๆดีไม่ดีเดียวเป็นสายให้เจษไว้แก้แค้นอีกคน

dawdom


x99

โดนอาจารย์เข้าไปเป็นไง นอนหอยสั่นเลย 


hart