ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

พยัคฆราชถล่มมังกรดอย  2  ว่าด้วยเรื่องมิดะ

เริ่มโดย wattana2015, มกราคม 31, 2016, 03:46:39 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

wattana2015

พยัคฆราชถล่มมังกรดอย  2  BY  wattana 2015

รูปประกอบด้วยความอนุเคราะห์จากท่าน areja คุณแว่น ขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ครับ ทำให้งานแลดูอลังการมาก ^_^

พยัคฆราชถล่มมังกรดอย   ตอนที่  2 ว่าด้วยเรื่องมิดะ

ความเดิม

ซึ่งคราวนี้ก็ได้ผล พวกกองกำลังเป้าหมายก็พากันออกมามอบตัวแต่โดยดี พากันออกมาจากที่ซ่อนในหมู่บ้านชูมือเหนือศีรษะออกมารวมกลุ่มกันกลาง
ลานของหมู่บ้าน ส่วนชาวบ้านที่ถูกกระสุนลูกหลงก็พากันร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวด บ้างถูกยิงที่ขา ไหล่ หรือสะโพก อีกสิบนาทีต่อมากองกำลัง
ติดอาวุธ ก็ได้นำตัวเชลยฝ่ายผู้หลบหนีนั้นกลับไปทางด้านซอกเขาทางด้านตะวันตกหลังบ้านพร้อมนำหัวหน้าหมู่บ้านตามไปด้วย

สักพักก็ปล่อยผู้นำหมู่บ้านกลับมาในส่วนผู้ถูกลูกหลงบาดเจ็บและเสียชีวิตนั้น  หัวหน้ากองกำลังติดอาวุธยศชั้นนายพันได้มอบอาวุธปืนสองกระบอกพร้อมเครื่องกระสุนกลับมากับหัวหน้าหมู่บ้านให้นำไปขายและนำมาชดเชยให้ผู้ที่ถูกหลงบาดเจ็บล้มตายนั้น


................................

   ณ.ท้ายหมู่บ้านอีก้อนั้น หลังเหตุการณ์นองเลือดผ่านไปไม่นาน ชายหนุ่มผู้หนึ่งผมเผ้ารุงรังหนวดครึ้มยาวเฟื้อยถึงกลางอก รูปร่างลักษณะล่ำสันบึกบึนแข็งแรงเหมือนชาวดอยทั่วไป แต่งตัวด้วยเสื้อผ้ามอซอเก่าๆ เขาเล่าซูหรือนายเพชร  พยัคฆราชนั่นเอง ชายหนุ่มนั้นแฝงกายเข้ามาซ่อนอยู่ในหมู่บ้านอีก้อนี้ได้ร่วมๆปีกว่ามาแล้วอย่างสนิทสนมกลมกลืนกับชาวเผ่าอีก้อหรือที่พวกเขานั้นเรียกตัวเองกับคน ภายนอกว่าชาวอาข่า

เหตุเพราะเป็นชนเผ่าที่ไม่มีตัวหนังสือใช้ มีแต่ภาษาพูดมีแต่การสื่อสารผ่านบอกเล่าปากต่อปากของผู้อาวุโสในเผ่าเท่านั้น การจึงเป็นการง่ายที่เขาจะแทรกซึม เข้าอยู่อาศัยในเผ่าได้ไม่ยากนัก เล่าซูนั้นได้ยินเสียงความวุ่นวายมาแต่ไกลก่อนที่กองทหารกองกำลังติดอาวุธนั้นจะเข้ามาในหมู่บ้านอีก้อ ณ. ยอดดอยนี้แล้ว จากการที่เขาฝึกการอยู่ป่าจนชำนาญจึงประสาทไวกับเสียงแปลกๆผิดปกตินั้นเขาก็รีบหาที่ซ่อนตัวแล้ว   

โดยเขานั้นขุดหลุมหลบภัยของตนไว้ใต้ที่พักในบ้านที่เขาอาศัยอยู่ ชนิดที่ว่าเขาสามารถเข้าไปอาศัยหลุมนั้นหลบเหตุการณ์ดังวันนี้ได้โดยไม่เจ็บตัวอันใดเหมือนล่องหนทีเดียว เพราะเขาชำนาญสถานการณ์เช่นว่านี้ มากกว่าใครเพราะผ่านพบเจอมามาก ทั้งการร่วมปฏิบัติการทางการทหารในที่ต่างๆ

   เขาออกมาพบหัวหน้าบ้านที่กลับมาจากการติดตามไปส่งชุดกองกำลังติดอาวุธชุดนั้น ณ.ฝั่งชายแดนไทยพม่า หัวหน้าบ้านหรือที่ชาวพื้นที่สูงทางเหนือเรียกกันติดปากว่าป่อหลวง(พ่อหลวง=ผู้ใหญ่บ้าน) ป่อหลวงเล่าซือเพื่อที่จะช่วยเหลือพวกชาวบ้านหลังเหตุการณ์ความวุ่นวายนั้น ป่อหลวงเล่าซือนั้นแปลกใจที่เจ้าหนุ่มเล่าซูนั้นไม่ได้รับบาดเจ็บแม้แต่รอยขีดข่วนอันใด 

ทั้งที่คนอื่นในหมู่บ้านนั้นไม่เจ็บก็ตายจากเหตุที่ไม่สงบที่ผ่านมา แต่ก็ไม่ได้สอบถามอันใดเพราะเสียงคนเจ็บร้องระงมวุ่นวายไปทั่วหมู่บ้านอยู่ขณะนี้  แล้วพวกเขาก็ช่วยกันนำผู้บาดเจ็บจากลูกหลงขึ้นต่างม้าฬ่อ(ม้าต่าง)นำไปรักษายังสถานรักษาพยาบาลที่พื้นราบ

หลังจากนำคนเจ็บมาส่งที่สถานพยาบาลที่พื้นราบด้านล่าง เจ้าหนุ่มเล่าซูนั้นได้โอกาสไปหาซื้อของใช้ที่จำเป็น เขาบอกกับชาวอีก้อที่ลงจากดอย
มาด้วยกันว่าอย่างนั้น  จริงๆแล้วเขามีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงต่างหากนั่นคือ การส่งข่าวการแฝงตัวของเขาไปยังหน่วยเหนือโดยที่ไม่มีใครรู้ถึงสถาน
การณ์เรื่องยาเสพติดที่เขาแฝงตัวเข้ามาสืบนั่นเอง

สาวอีก้อหรืออาข่า

    นอกเรื่องกันนิดครับ เนื่องจากชาวอะข่า ไม่มีภาษาเขียน มีแต่ภาษาพูด การบอกเล่าปากต่อปากของผู้เฒ่า ต่อคนรุ่นหลังเป็นเรื่องสำคัญ การประชุม ตัดสินใจเรื่องต่างๆ การบอกประเพณีต่อคนรุ่นหลังจะใช้ลานแห่งนี้ หนุ่มสาวในหมู่บ้านช่วงกลางวันไปทำสวนทำไร่ ช่วงกลางคืนก็ใช้ที่แห่งนี้พบพูดคุยกัน นี่คือ วัฒนธรรมของพี่น้องชาวอะข่า ตามคำบอกเล่าของเขาครับ



ชอมิดะ หมายถึง หญิงสาวที่ยังไม่ได้แต่งงาน ส่วนหญิงที่แต่งงานแล้วเรียกว่า มิดะ จากการสอบถามพี่น้องชาวอะข่า ทราบว่า ไม่มีใครที่ทำหน้าที่สอนเรื่องเพศให้ใคร ไม่มีการเลือกคู่ได้หลายๆ คน ประเพณีของชาวอะข่าก็งดงามเหมือนประเพณีชาวไทยทั่วไป ไม่ได้มั่วเหมือนที่หลายๆ คนเข้าใจผิด

" หนุ่มสาวชาวอะข่าจะจีบกันด้วยการร้องเพลงอะข่า มีเนื้อให้ว่าเขายังโสด สาวไหนสนใจบ้าง หนุ่มๆจะร้องเพลงเวลาไปทำไร่ทำสวน สาวๆ ที่ได้ยินก็จะร้องเพลงตอบเป็นการจีบกัน ซึ่งบางครั้งเขาอาจไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อนก็ได้ " อะผ่า หนุ่มชาวชาวอะข่าเล่าให้นายสบายเข้าใจมากขึ้น(นำข้อความมาจากผู้ที่เช้าไปสัมผัสวิถีชีวิตของพี่น้องชาวอาข่ามาเล่าต่อครับ เรื่องน่ารู้ต้องทำความเข้าใจกันด้วยครับ )

     ในภาษาอาข่าหรืออีก้อไม่มีคำว่า มิดะ แต่มีคำที่ออกเสียงว่า หมี่ดะ ซึ่งหมายความถึงหญิงสาววัยแรกรุ่น เป็นสาวโสดยังไม่เคยผ่านการแต่งงานมีครอบครัวกับชายใดมาก่อน นิยามความงามของ หมี่ดะ ในสายตาของชายหนุ่มอาข่าในสังคมหมู่บ้านแต่เดิมนั้น คือความงามที่ว่าด้วยความเป็นเมียและแม่ที่ดี นั่นคือความอุดมสมบูรณ์พร้อมแห่งความเป็นเมียที่จะมีบุตรเพื่อสืบทอดตระกูลจากบรรพบุรุษของตนได้

ความสมบูรณ์แห่งความเป็นแม่คือความสามารถสำหรับงานหนักในการดูแลสามีและสมาชิกในครอบครัวทุกคนได้เป็นอย่างดี ดังนั้นหนุ่มอาข่าจึงมักจะเลือกหญิงสาวที่มีรูปร่างสมบูรณ์แข็งแรง ทำงานเก่งทั้งงานในเรือนและงานในไร่ หญิงสาวจึงมักจะพากันทำงานอย่างหนักเพื่ออวดให้เห็นคุณสมบัติที่เพียบพร้อมของตนในการที่จะต้องเป็นเมียและเป็นแม่ในอนาคต

เรื่องเพศสัมพันธ์ในสังคมชาวอาข่าเป็นเรื่องที่ชวนอาย หากจะนำมาพูดกล่าวถึงในที่สาธารณะ แต่ก็เป็นเรื่องชวนรู้ชวนลองในหมู่ชายวัยรุ่นวัยคะนองทั่วไป แต่การสอนให้เข้าใจเรื่องของความสัมพันธ์ทางเพศของชายหญิงนั้น จะมีการสอนกันผ่านบทเพลงในลานประเพณี( ภาษาอาข่าเรียกว่า แดข่อง แต่คนไทยนำมาแปลว่า ลานสาวกอด)

     ซึ่งหญิงชายจะมาร่วมกอดคอร้องเพลงกัน บางครั้งอาจมีคนเฒ่าคนแก่มาร่วมด้วยเพื่อสั่งสอนลูกหลานเป็นบทเพลงทางวัฒนธรรมต่างๆ การสอนผ่านบทร้องเป็นทำนองในงานแต่งงาน หรือการพูดคุยกันตามงานพิธีกรรมในโอกาสต่างๆ ส่วนใหญ่พ่อจะสอนลูกชาย แม่ก็จะสอนลูกสาว พี่ชายสอนน้องชาย พี่สาวสอนน้องสาว

ดังนั้นเรื่องราวด้านเพศสัมพันธ์ของชาวอาข่า( อีก้อ ) โดยเฉพาะที่ว่าด้วย มิดะ และ ลานสาวกอด นั้น จึงเป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียนสารคดีและบทเพลงเท่านั้น มิดะ ที่เป็นแม่ครูชำนาญโลกีย์สอนลีลารักแก่ชายหนุ่มนั้น จึงไม่เคยมีอยู่จริงในสังคมอาข่า หากมีแต่ หมี่ดะ ที่เป็นหญิงบริสุทธิ์ผู้เตรียมพร้อมต่อหน้าที่เมียและแม่ของตน

กะลาล่าเซอ ที่ไม่ใช่ ลานสาวกอด และ ลานสาวกอดที่ไม่ได้มีไว้กอดสาวแต่คือ แดข่อง ลานประเพณีที่ชายหญิงมาร่วมกันร้องเพลงเต้นรำขับกล่อมหมู่บ้านและผู้คนให้ซึมซับวิถีแห่งวัฒนธรรมอาข่า

     โลกทางวัฒนธรรมทางเพศของชาวอาข่าที่แท้จริงนั้นจึงมีความละเมียดละไมและกลิ่นอายความงดงามในฐานะมนุษย์ธรรมดาๆ กลุ่มหนึ่งอยู่อย่างเต็มเปี่ยม มิใช่สังคมอิสระทางเพศดังที่หลายๆคนเข้าใจ........

     เอาล่ะครับดราม่าหนักมาพอแล้วเข้าเรื่องของเรากันต่อดีกว่า............

.................................................................

    เจ้าหนุ่มเล่าซูนั้นได้โอกาสไปหาซื้อของใช้ที่จำเป็น เขาบอกกับชาวอีก้อที่ลงจากดอยมาด้วยกันว่าอย่างนั้น จริงๆแล้วเขามีจุดประสงค์อื่นแอบแฝงต่างหาก


                                                                                 รวมสาวม้งน่ารักๆ

     นั่นคือ  การส่งข่าวการแฝงตัวของเขาไปยังหน่วยเหนือโดยที่ไม่มีใครรู้ถึงสถานการณ์เรื่องยาเสพติดที่เขาแฝงตัวเข้ามาสืบนั่นเองทั้งยังรายงานเรื่องกองกำลังติดอาวุธที่เข้ามาเมื่อยามค่ำมืดที่ผ่านมานั้น ด้วยถึงสถานการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจในความสัมพันธ์ระหว่างกลุ่มติดอาวุธและบรรดามังกรดอยทุกเผ่าในช่วงนี้ ดูเหมือนมีความเคลื่อนไหวที่เริ่มน่าสงสัยจะมีส่วนเกี่ยวพันกับการลักลอบผลิตยาเสพติดมากขึ้นผิดปกติ

เย็นวันนั้นหลังจากเสร็จภารกิจแล้ว  เจ้าหนุ่มเล่าซูหรือนายเพชรของเราก็กลับขึ้นดอยสูงทันที เขาได้ซื้อของที่สำคัญกับการดำรงชีพติดตัวกลับไปหลายรายการ รวมทั้งของแห้งขึ้นม้าฬ่อกลับไปที่บ้านบนดอยที่อาศัยอยู่นั้น  บ้านอยู่ใกล้กับเล่าโทชายวัยกลางคนอายุราวห้าสิบกว่าๆ แต่ก็ยังเป็นคนที่แข็งแรงมากๆพอกับคนพื้นราบที่อายุในราว 35 ปี หรือช่วงอายุหนุ่มใหญ่ทีเดียว

เพราะความที่ไม่มีสิ่งอำนวย ความสะดวกใดๆจึงต้องทำมาหากินด้วยแรงกายทุกคนในเผ่าอีก้อนี้จึงหาคนที่เจ็บป่วยได้ไม่มาก ถ้าเจ้าตัวไม่ได้ข้องแวะกับพวกยานรกเช่น ฝิ่นหรือ กัญชาเสียก่อน แต่ก็หาได้ยากนักที่จะไม่มีผู้ใดบนดอยสูงแห่งงนี้ที่จะไม่ข้องแวะหรือเกี่ยวพันกับยาเสพติด พ่อเฒ่าเล่าโทก็เช่นกันติดฝิ่นตามเพื่อนบ้านในสังคมชาวอีก้อยุคนั้น   

ที่ยังห่างความเจริญหรือความศรีวิไลในเมือง พ่อเฒ่านั้นมีลูกสาววัยกระเตาะอยู่นางหนึ่ง เธอชื่อว่า โทเน้(ชนเผ่าอีก้อนั้นมีการตั้งชื่อเป็นคติกันตั้งแต่บรรพบุรุษจนถึงปัจจุบันว่า คำหลังชื่อบิดาจะกลายเป็นคำหน้าของชื่อบุตร ดังนี้เรื่อยลงมาตามแบบแผนการตั้งชื่อของอาข่าซึ่งยังทำกันอยู่จนทุกวันนี้) หน้าตาแฉล่มปากนิดจมูกหน่อยถือว่าน่ารักแบบสาวชนเผ่าทั่วไป 
       
     แม่หนูโทเน้นี้เธออายุราว 16 ปี เธอมักจะชอบมาเที่ยวที่บ้านเจ้าหนุ่มเล่าซูอยู่บ่อยๆ เรียกได้ว่ามาทุกวันและวันละหลายรอบ เล่าซูหรือนายเพชรของเราไม่ได้อยากยุ่งกับสาวน้อยนัก เนื่องจากกลัวผิดผีตามคติของชนเผ่าอีก้อหรืออาข่านั่นเอง แต่สาวน้อยไร้เดียงสานี้เธอยังค่อนข้างจะมีนิสัยของความเป็นเด็กอยู่ในต้วมากหน่อย

เลยชอบที่จะมาเล่นที่บ้านของเขาที่อยู่ติดกันหลังจากเสร็จงานในไร่กับพ่อและแม่ของเธอในแต่ละวัน

...........................................................................................

แม่หนูโทเน้นั้นชอบมาเล่นที่บ้านเล่าซูเสมอ  เพราะความที่เขานั้นมักมีขนมและของจุกจิกเล็กน้อย มาฝากยามที่เขานั้นลงไปทำธุระที่พื้นราบ เพราะเขานั้นมองสาวน้อยนั้นเหมือนน้องสาวที่น่ารัก แต่อยู่นานๆเข้าแม่หนูโทเน้เธอย่างเข้าวัยสาวก็เริ่มที่จะฉายแววความสวยมากขึ้นทุกวันมันทำให้เขาลำบากใจขึ้นทุกทีๆ
                     
ตอนแรกนั้นอาจไม่คิดอะไร แต่ความชิดใกล้นี่เริ่มทำให้เข้วขึ้นได้เหมือนกัน เช่นกันในวันนี้เมื่อสาวน้อยนั้นทราบว่าพี่เล่าซูกลับมาจากพื้นราบขึ้นมาบนดอยเธอก็มาเที่ยวเล่นที่บ้านของเขาเหมือนเคย

............................................

เอาละครับเหตุการณ์จะเป็นเช่นไร   มีอะไรเกิดขึ้นต่อกับสาวน้อยโทเน้  โปรดติดตามตอนต่อไปในเร็วๆนี้นะครับ

เผลอใส่ข้อมูลหนักๆเยอะไปหน่อยครับ   แต่ตอนหน้านี่เข้าแนวปกติแน่นอน  ติชมเนื้อหาได้นะครับ

ปล.รีพลายสวยๆเป็นกำลังใจและคอมเม้นต์ผลงานให้ผู้แต่งด้วยนะครับ  555+........

rubernanglong

 ::Ahoo::เพิ่งเจอ เลยตามอ่าน ก็ให้ข้อมูลที่ไม่เคยรับทราบ ชอบครับ