ก่อนเริ่มเรื่อง บางคนอาจจะรอ อาถรรพ์ปลัดขิก ตอนที่ 11 อยู่ แต่ก็คงต้องสารภาพว่าจนถึงตอนโพสเรื่องนี้ ก็ยังไม่ได้ลงมือเขียนเลย
พอถึงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็ว่าจะเริ่มลงมือ แต่ก็อย่างที่ผมเคยบอกไว้นั่นแหละ ถ้ายังไม่อยากเขียนคิดยังไงก็คิดไม่ออก
เอายังไงดีละทีนี้ ก็เลยตัดสินใจงัดเรื่องที่เขียนดองๆไว้มาตบแต่งใหม่ออกมาขัดตาทัพดีกว่า ไหนๆก็จะลงแล้วก็เลยตั้ง
ชื่อเป็น ชุดเรื่องสั้นคันอารมณ์ ซะเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 1 แล้วก็คงมี 2 3 4 มาเรื่อยๆ เวลาเบื่อหน่ายจากเรื่องหลัก
ก็ลองอ่านดูแล้วช่วยติชมหน่อยนะครับ หวังว่าคงให้ความสำราญบานกระเจี๊ยวของท่านไม่มากก็น้อย-------------
ณ. ปราสาทศรีจัมปา จังหวัดสุรินทร์ นักศึกษาคณะโบราณคดีของมหาวิทยาลัยศิลปากรกลุ่มหนึ่ง กำลังนั่งฟังเลคเชอร์
ภาคสนามอยู่บนทุ่งหญ้าเขียวขจีที่ตัดไว้จนสั้นอย่างเรียบร้อย เบื้องหลังอาจารย์สาวสวยที่กำลังยืนอธิบายประวัติ
และความเป็นมาของปราสาทอยู่นั้น คือซากปรักหักพังของหน้าปราสาทที่คงเหลืออยู่ ตัวเรือนปราสาทและความยิ่งใหญ่
ของมันในอดีต เหลือเพียงเศษซากของฐานรากวางอยู่เป็นแนว พอเป็นประจักษ์พยานว่ามันได้เคยตั้งอยู่ ณ.ที่นี้
พลพีระ นักศึกษาหนุ่มปี 3 จับใจความจากถ้อยคำที่อาจารย์ จิรา อาจารย์ประจำภาควิชาโบราณคดี ได้ว่า
ปราสาทศรีจัมปานี้ สร้างขึ้นในอาณาเขตของอาณาจักรอิศานปุระ หรือ อาณาจักรเจนละ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็คือประเทศกัมพูชา
และดินแดนภาคอีสานตอนใต้ของประเทศไทย ในแผ่นดินที่พระเจ้าภววรมันเสด็จขึ้นครองราชย์
แผ่นดินในสมัยพระองค์มีสงครามภายในเกิดขึ้นอยู่เนืองๆ และถูกแบ่งแยกออกเป็น 2 ส่วน คืออาณาจักรเจนละบก
และอาณาจักรเจนละน้ำ แต่พระองค์ก็ยังคงศรัทธาต่อศาสนาอย่างหนักแน่น
พระองค์เป็นนับถือศาสนาฮินดู ลัทธิไศวะ และทะนุบำรุงให้ความเคารพต่อพราหมณ์ของลัทธิเป็นอย่างยิ่ง
ลัทธิไศวะนับถือศิวะเทพเป็นเทพเจ้าสูงสุดเพียงองค์เดียว และมีรูปศิวลึงค์เป็นที่สักการะแทนองค์ศิวะเทพ
จึงมักมีการค้นพบรูปเคารพศิวลึงค์ตามโบราณสถานต่างๆที่ขุดพบ แม้ประชาราษฏรในสมัยของพระองค์ก็ล้วน
แต่เคร่งครัดในลัทธิไศวะ มีรูปเคารพศิวลึงค์ติดตัวอยู่ทั่วทุกตัวคน
พระเจ้าภววรมันทรงอภิเษกสมรสกับเจ้านางศรีลาวัลญ์ พระธิดาแห่งเมืองอมเรนทรปุระ และมีพระราชธิดาที่มีพระสิริโฉม
งดงามจนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วทุกสารทิศ ในวันที่พระนางถือกำเนิด ได้เกิดสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น นั่นก็คือมวลบุปผานาๆพันธ์
ในราชอาณาจักรพากันออกดอกและเบ่งบานไปทุกต้น ส่งกลิ่นหอมระรื่น ตลบอบอวลไปทั่วทั้งราชอาณาจักร
พระเจ้าภววรมันมันจึงให้พระนามพระธิดาของพระองค์ว่า สุคนธอัปสร
(https://www.img.in.th/images/de536ee00f6bdc69aac3db728cbc1765.jpg)
พระธิดาสุคนธอัปสรทรงมีกลิ่นหอมออกมาจากพระวรกายมาแต่กำเนิด ยิ่งเมื่อเจริญพระชันษาเข้าสู่วัยแรกรุ่น
กลิ่นหอมแห่งพระวรกายก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น จนหากแม้นบรุษใดแม้ได้สบพระพักตร์ และได้สัมผัสกลิ่น
จากวรกายของนางเข้านาสิกประสาท บุรุษผู้นั้นก็จะบังเกิดจิตสิเหน่หานึกรักในตัวพระนางจนลุ่มหลง
พระเจ้าภววรมันทรงหวงแหนพระธิดาพระองค์นี้เป็นยิ่งนัก จึงได้ตรัสสั่งให้สร้างประสาทสำหรับพระราชธิดาโดยเฉพาะ
โดยมีนางในและข้าทาสบริวารที่เป็นหญิงล้วนทั้งหมดคอยปรนนิบัติ และห้ามบรุษเพศทุกคนเข้าใกล้
อาณาบริเวณปราสาทโดยเด็ดขาด ทำให้พระราชธิดาไม่คุ้นเคยกับบุรุษเพศ และไม่เคยรับรู้เลยว่า บุรุษเพศนั้น
แตกต่างจากสตรีเช่นไร ปราสาทที่เจ้าหญิงสุคนธอัปสรใช้เป็นที่ประทับก็คือ ปราสาทศรีจัมปา นี่เอง
ยังมีเกร็ดประวัติศาสตร์เล่าว่า กิตติศัพท์ความงามและกลิ่นหอมของพระวรกายนี้ เลื่องลือไปถึงเจ้าต่างเมืองรอบนอก
อาณาขันธสีมา จนในครั้งหนึ่งเจ้าต่างเมืองเหล่านั้น พากันเดินทางมาเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีต่อพระเจ้าภววรมัน
แต่เหตุจูงใจอันแท้จริงแล้วมาจากใคร่จะได้ยลโฉมและสัมผัสกลิ่นแห่งพระวรกายของพระธิดาด้วยกันทั้งสิ้น
ครั้นเจ้าต่างเมืองเหล่านั้นถวายเครื่องราชบรรณาการแด่พระองค์แล้ว ก็พากันทูลขอพระราชโอกาสยลโฉม
พระธิดาสุคนธอัปสรกันโดยพร้อมหน้า แม้พระเจ้าภววรมันจะทรงพยายามบ่ายเบี่ยงเช่นใด แต่เจ้าต่างเมือง
เหล่านั้นก็พากันทูลอ้อนวอนขอ จนพระองค์เห็นว่าหากยังทรงปฏิเสธก็อาจทำให้เสียราชไมตรีอันดีต่อเจ้าต่างเมืองเหล่านั้น
ทั้งอาจยังให้เกิดเป็นชนวนสงครามสืบต่อไป พระองค์จึงตรัสรับสั่งเรียกพระธิดาให้เสด็จมายังท้องพระโรง
ครั้นองค์พระธิดาเสด็จมาถึง กลิ่นหอมแห่งพระวรกายก็ฟุ้งกระจายไปทั่วท้องพระโรง จนเจ้าต่างเมืองและข้าราชบริวาร
ที่เป็นบรุษเพศต่างตะลึงงันในงาม และบังเกิดสิเหน่หาต่อพระนางด้วยกันทั้งสิ้น เจ้าต่างเมืองพระองค์หนึ่งลุ่มหลงพระนาง
จนถึงกับบังอาจทูลขอพระธิดาไปเป็นนางห้ามแห่งตน ทั้งๆที่เจ้าต่างเมืองพระองค์นั้นมีมเหสีอยู่แล้ว จากนั้นเจ้าต่างเมืององค์อื่นๆ
ก็พากันทูลขอตามอย่างเซ็งแซ่ ทำให้พระเจ้าภววรมันทรงกริ้วเป็นอย่างมาก ตรัสขับไล่เจ้าต่างเมืองเหล่านั้นออกจาก
เขตพระราชฐานโดยทันที
พออาจารย์จิราเล่าจบ พล นักศึกษาหนุ่มที่นั่งฟังอยู่อย่างตั้งใจ ก็ยกมือขึ้น พร้อมกับเอ่ยถาม
"อาจารย์ครับ เรื่องเจ้าหญิงสุคนธอัปสรเนี่ย เป็นบันทึกประวัติศาสตร์จริงๆ หรือนิทานครับ"
เพื่อนๆที่นั่งอยู่ใกล้ๆ พอได้ยินพลเอ่ยถาม ก็พากันหันมามอง รวมทั้งสหชาติเพื่อนที่สนิทที่สุดของพล
"ทำไมวะ...ไอ้พล...มึงอยากดมกลิ่นเจ้าหญิงฯมากเลยเหรอวะ กูว่าอย่างมึงไม่ต้องดมหรอก แค่นี้มึงก็หื่นจะแย่อยู่แล้วล่ะม้างงง"
สิ้นเสียงของชาติ นักศึกษาทุกคนรวมทั้งอาจารย์จิรา ก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างครื้นเครง แล้วอาจารย์จิราก็พูดขึ้นว่า
"เรื่องของเจ้าหญิงสุคนธอัปสร เป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันมารุ่นต่อรุ่น จะว่าไปมันก็เหมือนนิทานปรัมปรา นั่นแหละ อย่าคิดมากเลยพล"
แต่พลมีความรู้สึกผูกพันธ์กับเรื่องราวที่ได้ฟังเป็นอย่างมาก จนแม้ว่าเขาได้กลับจากการออกภาคสนามในครั้งนั้นแล้ว
เรื่องราวของเจ้าหญิงสุคนธอัปสรก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขา
จนในวันหนึ่งขณะที่เขากำลังแปลบทความที่สำเนามาจากภาษาขอมบนแผ่นศิลา ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรโบราณแห่งนี้
จนผล็อยหลับไป ก็บังเกิดเป็นภาพเลือนลางในความฝัน ว่าเขาได้เดินทางไปยังปราสาทศรีจัมปาอีกครั้ง แต่ภาพของปราสาทในครั้งนี้
กลับสวยสดงดงาม และยิ่งใหญ่อลังการเหมือนกับว่าพึ่งถูกสร้างขึ้นมาใหม่ๆ เขาก้าวเท้าเดินเข้ามา แล้วหยุดยืนนิ่งอยู่ที่หน้าลานปราสาท
อันเงียบสนิทไร้ผู้คน และคิดที่จะย่างเท้าเข้าไปยังส่วนในของปราสาท แต่ก็ชะงักเท้าไว้แล้วหันหน้ากลับมายัง แท่งโลหะอันมีส่วนปลาย
กลมมนสีดำสนิทที่โผล่พ้นมาจากผืนดิน สีที่แต้มแต่งเติมเป็นขีดขวาง และกลีบดอกไม้ที่รายล้อมอยู่ ทำให้พลรู้ในทันทีว่านั่นคือ
ศิวลึงค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งไศวะนิกาย
พลตรงเข้าไปแล้วน้อมกายลงกระทำสักการะต่อรูปศิวลึงค์นั้น แล้วกล่าวความต้องการในใจของเขาออกมา
"ข้าแต่ ศิวลึงค์แห่งองค์ศิวะเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ หากเรื่องราวแห่งเจ้าหญิงสุคนธอัปสรมีอยู่จริง ขอจงให้ข้าได้พบ ได้เห็น ได้รู้จัก
พระนางด้วยเถิด"
แล้วพลก็พนมมือหลับตานิ่งอยู่เช่นนั้น
แต่แล้วเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น จนทำให้พลสะดุ้งตื่นแล้วคว้ามันมารับสายอย่างเหนื่อยหน่าย
"ฮัลโหล"
"ไอ้พล....เย็นนี้กูไปบ้านมึงนะ...แดกเหล้ากัน"
"เนื่องในวโรกาสอะไรของมึงวะ"
"วโรกาสที่ พณฯท่านชาติ อยากแดกว่ะ อากาศมันครึ้มๆดี กูซื้อเหล้ากับกับแกล้มไว้พร้อมแล้ว รอหน่อยนะ"
เย็นวันนั้นชายหนุ่มสองคนที่เป็นเพื่อนสนิทกัน ก็จัดการตั้งโต๊ะหลังบ้านเช่าของพล ที่มีวิวเป็นท้องนากว้างจากที่ดิน
ที่ปล่อยให้เช่าระยะยาวของเจ้าของบ้าน อากาศที่ขมุกขมัวและมีลมเย็นเอื่อยๆ ทำให้เหล้าที่ชาติเตรียมมา 1 ขวดเต็มๆ
พร่องลงไปอย่างรวดเร็ว
"ไอ้พล กูมาคิดๆดูนะ มึงกับกูเนี่ยไม่โง่ก็บ้าว่ะ เสือกเลือกมาเรียนโบราณคดี"
"ทำไมวะ...มึงจะโง่ก็โง่ไปคนเดียว ไม่ต้องเอากูไปเกี่ยวด้วย"
"เอ๊า.....ก็จบไปจะไปทำมาหาแดกอะไรวะ โบราณสถาน โบราณวัตถุบ้านเรา แม่งก็ไม่มีอะไรให้ต้องรักษา
เพราะมันชิบหายไปหมดแล้ว"
"เฮ้ย...ไม่จริงหรอก กูว่าประเทศเรายังมีของดีๆอีกเยอะที่ยังไม่ถูกค้นพบ เรียนจบเมื่อไหร่กูจะทำตัวเป็นอินเดียน่าโจนส์เว้ย"
"ถุยย!....ไอ้หน้าโจรสิไม่ว่า ถ้าจบมามึงไม่ได้รับราชการ รับรองไม่มีแดกเป็นโจรแน่ๆ"
"แต่กูก็รักที่จะเรียน ที่จะทำงานทางนี้นะเว้ย "
"ไหนมึงบอกกูหน่อยซิ ทำไมมึงถึงชอบวะ"
"มันสร้างจินตนาการว่ะ สิ่งปรักหักพัง ร่องรอยที่เหลือทิ้งไว้จากอดีต มันสร้างความอยากรู้อยากเห็น จนกูรู้สึกตื่นเต้นที่จะค้นคว้า
อย่างเรื่องปราสาทศรีจัมปา ที่อาจารย์จิรา เล่าให้ฟังเนี่ย..... มึงว่าไหมว่ามัน.....น่าสนใจมากกกก.......แผล้บๆๆ"
พลพูดขึ้นมาพร้อมกับทำหน้าหื่นแล้วเลียลิ้นออกมารอบริมฝีปาก จนชาติยกเท้าถีบออกไปที่เก้าอี้ที่พลนั่งอยู่
"โธ่.....กูก็ฟังตั้งนาน ที่แท้มึงก็อยากดมกลิ่นเจ้าหญิง ....แหม...ไอ้บ้าหม้อเอ้ย....."
"มึงอะว่าแต่กู ตัวมึงอ่ะสุดหื่นเลย เวลาอาจารย์จิราเลคเชอร์ มึงอ่ะจ้องแกตาเป็นมันเลย กูเห็นนะเว้ย"
เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของเพื่อนรักทั้งสอง ดังอยู่ไม่ขาดระยะระหว่างการสนทนากัน จนในตอนหนึ่งพลก็เอ่ยกับชาติขึ้นว่า
"ไอ้ชาติ กูอยากไป ปราสาทศรีจัมปา อีกซักครั้ง มึงไปเป็นเพื่อนกูหน่อยนะ"
ชาติมองหน้าเพื่อนรัก เหมือนจะให้แน่ใจว่าพลเล่นมุกหรือเปล่า แต่พอเห็นหน้าที่จริงจังของพลก็เริ่มสงสัย"
"เฮ้ยย...พล....มึงเอาจริงเหรอเนี่ย.......จะไปทำไมวะ"
"กูอยากพิสูจน์อะไรบางอย่างว่ะ นะ...มึงไปเป็นเพื่อนกูหน่อยนะ"
ชาติเห็นท่าทีของเพื่อนรัก ก็รู้ว่ามันเอาจริงแน่ๆ ก็เลยตอบรับไปอย่างรำคาญ
"เออๆๆๆ.....จะไปเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน....บอกไว้ก่อนนะเว้ย....ทั้งค่ารถค่ากินมึงออกล้วนๆ"
"เออ .....เสาร์นี้เลยแล้วกัน"
-------------
แล้ววันที่พลนัดหมายไว้ก็มาถึง พลจัดของที่จำเป็นลงกระเป๋าสะพายของเขา จนรู้สึกว่ามันยัดแน่นจนตุงไปหมด
แต่แล้วเขาก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าสะพายของชาติ ที่ลืมเอาไว้เมื่อตอนมากินเหล้าที่บ้านในสองวันก่อน
เขาเห็นว่ากระเป๋าของชาติใบใหญ่ดี จึงคิดที่จะใช้กระเป๋าของชาติแทน แต่พอเขาคว้ากระเป๋าออกมาเปิดดู
ก็ต้องปล่อยเสียงหัวเราะก้ากออกมา เพราะนอกจากถุงยางหลายสิบอันแล้ว ก็ยังมี ไวเบรเตอร์ รูปร่างเหมือน
กับที่ใช้ในหนัง AV ไม่มีผิดเพี้ยน
"ฮ่าๆๆๆๆๆ.......ไอ้เหี้ยชาติ จังไรจริงๆเลยมึงนี่ จะพกไว้ทำไมวะ"
พลจับไวเบรเตอร์นั้นยัดใส่ไว้ในกระเป๋าของชาติตามเดิม แล้วเอาข้าวของของเขาถ่ายใส่ลงไปในกระเป๋าของชาติด้วย
จากนั้นก็สะพายใส่หลังเดินทางไปยังสถานีขนส่งตามที่นัดไว้กับชาติ
รถทัวร์ออกจากสถานีขนส่งในช่วงเช้า จนถึงจังหวัดสุรินทร์ก็เกือบจะเที่ยง ทั้งคู่แวะกินข้าวกลางวันที่สถานีขนส่ง
แล้วเหมารถสองแถวให้ไปส่งยังปราสาทศรีจัมปา พอไปถึง ชาติก็ลงจากรถด้วยอาการกระปกกระเปลี้ย แล้วเริ่มบ่นขึ้น
"โอยยย...ทั้งเหนื่อย....ทั้งร้อน......ถึงแล้ว...มึงจะทำอะไรก็ทำ กูไปหาที่งีบก่อนล่ะ เมื่อยชิบหาย"
"เฮ้ย...เดี๋ยวซิวะชาติ ช่วยกูก่อน มานี่ มึงมากับกูก่อน"
พลลากตัวชาติเดินเข้าไปยังบริเวณด้านหน้าของซากปราสาท แล้วตรงไปยืนนิ่งห่างจากประตูปราสาทราว 10 ก้าว
เขาเพ่งมองอย่างพิจารณาไปรอบตัว แล้วก้มหน้าเดินจากจุดที่ยืนอยู่ไปที่หน้าปราสาท พร้อมกับทำปากขมุบขมิบ
เหมือนกำลังนับก้าว พอถึงหน้าประตูปราสาท เขาก็หันกลับ แล้วเดินไปยังจุดเดิมทำปากขมุบขมิบแบบเดิมอีกครั้ง
จนชาติรู้สึกสงสัย
"มึงทำห่าอะไรของมึงวะพล..........แล้วมึงลากกูมาทำอะไรเนี่ย"
"ชาติ...มึงช่วยดูต้นทางให้กูหน่อย "
"ดูต้นทาง....ดูทำไม...มึงจะทำอะไร"
พลดึงเสียมพับออกมาจากกระเป๋าสะพายของเขาแล้วกางออก
"เฮ้ยๆๆๆ.....ไอ้พล.....มึงจะทำเหี้ยไรวะเนี่ย.....เก็บเลยมึง....เก็บเดี๋ยวนี้เลย หาคุกซะแล้วไหมล่ะ"
"เฮ้ยชาติ กูฝัน......แม่งเหมือนจริงมากๆ ตรงจุดนี้แหละที่เป็นที่ตั้งของศิวลึงค์ที่กูเห็นในฝัน ที่กูชวนมึงมาวันนี้
ก็เพื่อจะพิสูจน์ว่า สิ่งที่กูเห็นมันเป็นของจริงหรือเปล่า ช่วยกูหน่อยวะ ดูต้นทางให้กูหน่อย"
ชาติส่ายหน้าไม่เอาด้วย แต่พลก็อ้อนวอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนในที่สุดเขาก็ใจอ่อนยอมเฝ้าดูต้นทางให้
พลเดินไปวัดจำนวนก้าวอีกครั้งว่าตำแหน่งที่จะขุด เป็นตำแหน่งเดียวกับที่เขาเห็นในความฝัน และเมื่อแน่ใจแล้ว
เขาก็ดันปลายเสียมฝังลึกลงไปทันที
ครั้งแล้ว ครั้งเล่าที่ปลายเสียมทิ่มแทงลงไปยังพื้นดิน จนเกิดเป็นหลุ่มลึกราวสองฟุต พลจึงวางเสียมลง แล้วใช้มือ
กอบเอาดินขึ้นมาวางกองที่ปากหลุม
"ไอ้พล...พอได้แล้ว เดี๋ยวก็ซวยกันหมดหรอก มึงจะหาอะไรของมึงกันแน่วะ"
"กูว่าศิวลึงค์ในฝันต้องพยายามบอกอะไรกูแน่ๆ"
พลพูดทั้งๆที่มือของเขายังคงกอบดินขึ้นจากหลุม และแล้วเขาก็รู้สึกว่า มือของเขาสัมผัสกับสิ่งที่เรียบลื่นสิ่งหนึ่งเข้า
พลรีบปัดเศษดินออกจากบริเวณนั้นจนเกลี้ยง และมองเห็นเจ้าสิ่งนั้นมีลักษณะเป็นวงกลมโค้งนูนจมอยู่ในดิน
พลคว้าเสียมมาแล้วพยายามแซะเอาสิ่งนั้นขึ้นมาจากดิน จนในที่สุดเขาก็ดึงมันขึ้นมาเป็นผลสำเร็จ
มันคือเศษซากโลหะที่ผุกร่อนและมีคราบดำๆเกาะอยู่อย่างเกรอะกรัง เขาจึงล้วงเอาค้อนเล็กๆในกระเป๋าสะพายมาเคาะลงเบาๆ
ที่แผ่นโลหะนั้น เสียงค้อนกระทบกับแผ่นโลหะเกิดเป็นเสียงดังกังวานใสคล้ายเสียงของระฆัง พลเคาะอยู่ครู่หนึ่งคราบสีดำ
ที่เกาะกินแผ่นโลหะนั้นก็เริ่มกระเทาะออกเผยให้เห็นเนื้อแท้สีมันวาวของมัน ยิ่งพลเห็นมันค่อยๆแสดงเนื้อในของมันออกมา
เขาก็ยิ่งเคาะลงไปอย่างดีใจจนถ้วนทั่วแผ่นโลหะนั้น และในที่สุดมันก็เผยโฉมที่แท้จริงของมันออกมา ว่ามันก็คือ
เศษเสี้ยวของส่วนโค้งมนแห่งศิวลึงค์โบราณนั่นเอง
เขายิ้มออกมาอย่างยินดี แล้วนำเศษซากของศิวลึงค์โบราณมาพิจารณาอย่างใกล้ชิดจนมองเห็นตัวอักษรขอมที่จารึกเป็นวงกลม
รายรอบซากศิวลึงค์นั้น เขาเพ่งมองมันแล้วพยายามอ่านออกเสียงออกมาทีละตัว ๆ จนหมดสิ้นข้อความ
ทันใดนั้น ชาติก็ส่งเสียงร้องขึ้นอย่างตกใจ
" ไอ้พล พ่อมึงมาแล้ว เร็ว...วิ่ง ! "
ชาติวิ่งเข้ามาหาพล แล้วติดตามมาด้วยผู้ชายในชุดสีกากีอีกสองคน แต่แล้วชาติก็หยุดชะงักอย่างตกตะลึง เมื่อเขาเห็นแสงสว่าง
วาบขึ้นแล้วแผ่ซ่านออกมารอบตัวของพล มันเจิดจ้าเสียจนเขาต้องหยีตาแล้วใช้สองมือบังหน้าของเขาเอาไว้
จนเมื่อรู้สึกว่าแสงสว่างจ้านั้นดับวูบลงแล้ว เขาก็ลดมือลง แต่...ไม่มีร่างของพลอยู่ ณ จุดนั้นแล้ว
ชาติเหลียวซ้ายแลขวามองหาเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง
"ไอ้พล......มึงอยู่ไหน.........ไอ้พล........"
---------
พลรู้สึกมึนงง เหมือนร่างของเขากำลังล่องลอยอยู่ในที่อันเวิ้งว้าง แล้วร่วงหล่นลงมาอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่ง
ร่างของเขานอนหงายอยู่กับพื้นที่ปูด้วยผ้าสีแดงสด บรรยากาศโดยรอบมีแต่กลิ่นควันไฟปะปนกับกลิ่นหอม
ของดอกไม้ เขาสะบัดความมึนงงออกไปแล้วมองไปโดยรอบอย่างแตกตื่น
"นี่มันที่ไหนกัน....กูมาอยู่ที่ได้ไงวะเนี่ย"
แต่แล้วเสียงเข้มแข็งก้องกังวานเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ด้วยภาษาที่เขาไม่คุ้นเคย
"พราหม์วราหะ นี่ละหรือตัวแทนแห่งองค์ศิวะเทพที่ท่านอัญเชิญมา"
เสียงก้องกังวานนั้น พลพอฟังออกว่าเป็นภาษาขอมโบราณ ดังออกมาจากผู้ที่อยู่ไกลออกไปเบื้องหน้าของเขา
แต่แล้วเขาก็พึ่งรู้สึกตัวว่า ที่ข้างกายของเขามีชายชราชุดขาวไว้เครายาวยืนอยู่ ชายชราคนนั้นยกมือพนมไว้ที่อก
แล้วเอ่ยตอบเสียงอันทรงอำนาจที่เขาได้ยินเมื่อสักครู่ว่า
"บุรุษท่านนี้ ปรากฏร่างขึ้นต่อหน้าองค์ศิวลึงค์หลังจากที่ข้าพระบาททำพิธีเสร็จสิ้น คงจะเป็นอื่นใดมิได้
นอกจากตัวแทนที่องค์ศิวะเทพประทานมาเป็นแน่แท้พระเจ้าข้า"
"แล้วเหตุใด ตัวแทนแห่งศิวะเทพจึงมิใช่พราหมณ์เฉกเช่นท่านเล่า บุรุษผู้นี้สวมใส่อาภรณ์แปลกประหลาด
ทั้งยังมีเส้นเกศาที่สั้นเกรียน หาใช่ผู้ที่อยู่ในวรรณะพราหมณ์เป็นแน่แท้"
พลหันไปมองดูต้นเสียงอันทรงอำนาจที่อยู่ต่อหน้าเขา แล้วก็ถึงกับตกใจจนเข่าแทบทรุด เพราะเขาผู้นั้นนั่งอยู่บนแท่นที่สูง
จากระดับพื้นดินอย่างงามสง่า ใบหน้าดูเคร่งขรึมดุดัน สวมใส่มงกุฏที่มียอดสูงสีทองสุกอร่าม แม้ลำตัวจะเปลือยเปล่า
แต่ก็มีทับทรวงที่มีอัญมณีสีน้ำเงินเข้มเม็ดใหญ่ประดับอยู่กลางอก คาดด้วยสร้อยสังวาลย์ระยิบระยับงามจับตา ซึ่งเขารู้อยู่แก่ใจว่า
มันคือเครื่องทรงของกษัตริย์ขอมโบราณชัดๆ
พลหันไปมองดูโดยรอบด้วยท่าทีที่แตกตื่น ก็พบว่ารอบตัวเขาก็มีแต่ผู้คนที่ล้วนแต่งกายประหลาด ปานประหนึ่งถอดออกมา
จากข้อเขียนของหนังสือประวัติศาสตร์ขอม เขาทั้งงุนงงสงสัยและคิดว่าเพื่อนๆคงวางแผนแกล้งเขา
"เฮ้ย...อะไรวะเนี่ย....เลิกแกล้งกูได้แล้ว....กูกลัว...กูยอมแล้ว"
ชายชราที่แต่งกายเป็นนักบวชนุ่งห่มผ้าสีขาว มุ่นมวยผมสีขาวโพลนทั้งศีรษะก้าวเดินเข้ามาหาเขา
แล้วเอ่ยถามด้วยภาษาขอมว่า
"ท่านจะบอกกล่าวสิ่งใด เราไม่ล่วงรู้ภาษาของท่าน"
พลค่อนข้างแน่ใจแล้วว่า นี่ไม่ใช่การแกล้งของเหล่าเพื่อนๆตัวแสบของเขาแน่ๆ เพราะทั้งภาษาและการแต่งกายของคนที่นี่
มันบ่งบอกอย่างแน่ชัดว่าเป็นวัฒนธรรมของขอมโบราณอย่างไม่ผิดเพี้ยน พลทั้งตกใจ ทั้งหวาดกลัว แล้วก็ฝืนใจพูดภาษาขอม
ที่ร่ำเรียนมาอย่างงูๆปลาๆออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ
"นี่คือที่ใด และทะ...ทะ...ท่านคือผู้ใด"
นักบวชชรา ยิ้มออกมาเล็กน้อยที่ได้ยินพลพูดภาษาที่ตนเองเข้าใจออกมา
"นี่คือดินแดนแห่งอาณาจักรอิศานปุระ ข้าคือ พราหมณ์วราหะ และนั่นคือ องค์เหนือหัวของอาณาจักรแห่งนี้
พระนามว่า พระเจ้าภววรมัน"
พราหมณ์วราหะ แนะนำตัวเองแล้วผายมือไปยังบรุษที่นั่งอยู่บนแท่นสูง พร้อมกับยกมือพนมไว้ที่อก ทำให้พลหันมองไป
แล้วสบพระเนตรกับ พระเจ้าภววรมัน แววตาอันทรงอำนาจแห่งพระองค์ทำให้เขายกมือพนมทำความเคารพดุจเดียวกับ
พราหมณ์วราหะ
ทันใดนั้นเอง พระเจ้าภววรมัน ก็ส่งพระสุรเสียงดังกังวานขึ้น
"ท่่านคือตัวแทนที่องค์ศิวเทพส่งมาเพื่อทำพิธิให้กับธิดาของเราใช่หรือไม่"
พอพลได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจเบิกตากว้าง คิดอยู่แต่ในใจคนเดียว
"ตายห่าแล้วกู.......นี่มันขอมโบราณจริงๆด้วย........เอาไงดีวะ....อะไรหว่าตัวแทนศิวะเทพ....
ถ้าบอกไปว่าไม่ใช่....จะทำอะไรกูไหมเนี่ย.........."
แล้วพลก็ตัดสินใจพูดออกไป ด้วยเกรงว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับตัวเอง
"ใช่แล้วฝ่าพระบาท ข้าคือพราหมณ์พลพีระ มาตามคำบัญชาแห่งองค์ศิวะเทพ"
สิ้นคำของพล ก็เกิดเสียงฮือฮาของกลุ่มคนที่รายล้อมอยู่ จนในที่สุด พราหมณ์วราหะก็พูดขึ้น
"ทุกปี ที่ข้าเพียรทำพิธีพลีแด่องค์ศิวะเทพ เพื่อให้องค์ศิวะเสด็จมาทำพิธีให้กับพระราชธิดา ตั้งแต่พระองค์มีพระชันษา
สิบสี่ จนบัดนี้พระธิดามีวัยล่วงเข้าสู่ สิบแปดพระชันษา แล้วพระองค์ก็ส่งผู้ที่เหมาะสมมาทำพิธีให้กับพระธิดาแล้ว
ในวันนี้ โอววว...ศิวเทพ.....ข้ามีความยินดียิ่งนัก"
พลเห็นพราหมณ์เฒ่า มีท่าทีที่น้อมน้อมต่อตนเอง ก็ยืนขึ้น ฝืนทำท่าเป็นพราหมณ์ผู้ทรงภูมิ แล้วคิดอยู่ภายในใจว่า
"เอาวะ ...รับๆไปก่อนแล้วค่อยหาทางหนีทีไล่....ในเมื่อเล่นแล้ว....ต้องเล่นให้เนียน...เป็นไงเป็นกันวะ"
แล้วพลก็พูดกับพราหมณ์วราหะด้วยภาษาขอมที่พอพูดได้อย่างกระท่อนกระแท่น ว่า
"พิธีอะไรกันเล่า....ท่านวราหะ"
พราหมณ์วราหะจ้องหน้าพลนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า
"ใยท่านจึงแสร้งทำเป็นไม่รู้ ก็ข้าวิงวอนต่อศิวะเทพให้มาทำพิธี เบิกพรหมจรรย์ให้กับพระธิดาอย่างไรเล่า"
พอได้ยินชื่อพิธี พลก็ตกใจจนเผลอทวนคำออกมาเสียงดังลั่น
"หา!......พิธีเบิกพรหมจรรย์"
พระเจ้าภววรมัน ทรงประทับนั่งรอคอยพราหมณ์วราหะ พูดคุยอยู่กับพลอยู่เป็นเวลานาน จึงส่งพระสุรเสียงขึ้น
"ท่านพราหมณ์ทั้งสอง เราจะเริ่มพิธีกันได้หรือยัง"
พอพราหมณ์วราหะได้ยินเจ้าเหนือหัวรับสั่ง ก็พนมมือถวายบังคม แล้วจูงมือพลเดินตรงไปยังเสลี่ยงที่ถูกตกแต่งไว้อย่างงดงาม
พลลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วโน้มตัวมุดเข้าไปในเสลี่ยง ทันใดเสียงสังข์ก็ถูกเป่านำขึ้น พร้อมกับบทสวดสรรเสริญองค์พระศิวะดังคลอติดตาม
ไปตลอดทางที่เสลี่ยงดำเนินเคลื่อนที่ไป
ขบวนนำโดยพราหมณ์จำนวนหนึ่ง ติดตามด้วยเสลี่ยงของพรามณ์วราหะ และพล และท้ายสุด เป็นเสลี่ยงพระที่นั่งขององค์เหนือหัว
เพียงครู่เสลี่ยงนั้นก็หยุดลงแล้วลดระดับลงสู่พื้น เมื่อเสลี่ยงถูกวางลงก็เหมือนเป็นสัญญาณโดยไม่ต้องบอกกล่าว
ว่าเขาจะต้องออกมายังภายนอก พลโผล่หัวออกมาแล้วโน้มตัวออกจากเสลี่ยงมายืนเด่นอยู่ที่หน้าปราสาทแห่งหนึ่ง
ซึ่งบริเวณทางเข้าถูกโรยไว้ด้วยดอกไม้บูชา เขาแลเห็นพราหมณ์วราหะยืนรอคอยอยู่แล้ว ที่หน้าทางเข้าปราสาท
ซึ่งถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม
"นี่คือปราสาทที่ประทับของพระธิดา ขอเชิญท่านประกอบพิธีตามที่องค์ศิวะเทพบัญชามาเถิด"
พลไม่รู้จะเริ่มต้นอย่่างไร จึงตัดสินใจที่จะหลอกถามพราหมณ์วราหะให้หายสงสัย โดยแกล้งทำเป็นมีท่าทีขึงขัง ถามขึ้นว่า
"ท่านพราหมณ์ องค์พระธิดามีพระนามว่า เจ้าหญิงสุคนธอัปสรใช่หรือไม่"
พราหมณ์วราหะ พอได้ยินพลเอ่ยชื่อเจ้าหญิงออกมาทั้งที่ตนเองยังมิได้บอกกล่าว ก็ตาโต ยิ้มออกมาพร้อมกับพยักหน้าช้าๆ อย่างมั่นใจ
ว่าเขาคือ องค์ตัวแทนแห่ง ศิวเทพ โดยแท้
"พระองค์ทรงมีพระศิริโฉมงดงาม และมีกลิ่นหอมออกมาจากพระวรกาย จนแม้แต่ท่านเองก็อดมิได้
ที่จะเกิดสิเหน่หาต่อพระองค์ใช่หรือไม่"
คราวนี้พราหมณ์วราหะ ยิ้มออกมาอย่างยินดี พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า
"ใช่แล้ว....ท่านพลพีระ เพราะเหตุนี้ เราจึงทำพิธีพลีพระธิดาแด่องค์ศิวะเทพ องค์ศิวะเทพจึงประทานท่านมาทำพิธีเบิกพรหมจรรย์
ให้แก่พระธิดาอย่างไรเล่า"
พอพลได้ยินอย่างนั้นก็ลอบยิ้มแล้วคิดกระหยิ่มอยู่ภายในใจ
"หึๆๆๆ.....อยู่ดีๆ ก็จะได้เบิกพรหมจรรย์เจ้าหญิงซะแล้ว....บุญอะไรของกูวะเนี่ย ในโชคร้าย มันก็มีโชคดีอยู่เหมือนกัน"
แต่แล้วพลก็ยังไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นดังที่เขาคิด จึงแกล้งพูดหลอกล่อให้พราหมณ์วราหะบอกกล่าวสิ่งที่อยากรู้ออกมา
พลทำทีเป็นยืดอก สีหน้าเคร่งขรึม แล้วพูดขึ้นว่า
"ท่านวราหะ ก่อนที่เราจะเริ่มพิธี เราต้องการทราบว่าท่านได้เตรียมการแห่งพิธีเบิกพรหมจรรย์ได้ถูกต้องหรือไม่
ขอท่านจงลำดับขั้นตอนแห่งพิธีให้เราฟังว่าตรงต่อความต้องการแห่งองค์ศิวเทพหรือไม่"
พราหมณ์วราหะเป็นพราหมณ์อาวุโสแห่งอาณาจักร และรู้พิธีการทั้งปวงเป็นอย่างดี พอได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มที่จะได้แสดง
ภูมิรู้แห่งตน
"ได้สิ ...ท่านพลพีระ สตรีทุกนางในนิกายไศวะ จะต้องผ่านพิธีเบิกพรหมจรรย์เมื่อย่างเข้าสู่วัยสาว เพื่อเป็นการถวาย
ความบริสุทธิ์แด่องค์ศิวะเทพ ซึ่งกระทำโดยพราหมณ์ผู้ทรงภูมิรู้ มิเช่นนั้นจะเกิดอัปมงคลแก่นางผู้นั้น พิธีเบิกพรหมจรรย์
กระทำโดยนำองค์ศิวลึงค์มาเข้าพิธีอัญเชิญอำนาจแห่งศิวเทพ แล้วนำไปสอดใส่ในโยนีของนางผู้นั้น โดยห้ามมิให้นางผู้นั้น
ออกมาจากห้องที่ทำพิธีเป็นเวลาหนึ่งคืน เฉกเช่นว่านางได้ถวายตัวต่อศิวะเจ้าแล้ว"
พอพลได้ยินดังนั้นก็รู้สึกผิดหวัง แล้วคิดอยู่ภายในใจ
"อ้าว...ไม่ได้ใช้กระเจี๊ยวจริงๆเหรอ....ไม่น่าเลย"
แล้วพลก็เอ่ยถามต่อพราหมณ์วราหะขึ้นอีก
"ท่านเองก็เป็นพราหมณ์อันทรงภูมิ เหตุใดท่านจึงไม่ทำพิธีให้แก่พระธิดาด้วยตนเองเล่า"
พราหมณ์วราหะ ก้มหน้าลงอย่างละอาย แล้วถอนใจก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก
"ท่านพลพีระ ตะบะของข้ายังไม่แก่กล้าพอ ข้า...ข้ายังหวั่นไหวต่อศิริโฉมของพระนางอยู่"
แล้วพราหมณ์วราหะก็เชื้อเชิญให้พลเข้าไปยังปรัมพิธีที่หน้าปราสาท เพื่ออัญเชิญอำนาจแห่งศิวเทพ
ลงสู่องค์ศิวลึงค์
"ท่านพลพีระ แล้วองค์ศิวะลึงค์ของท่านอยู่ที่ใดเล่า เหตุใดจึงมินำออกมาเข้าพิธี"
พลจ้องหน้าพราหมณ์เฒ่านิ่ง แล้วหันไปยังเบื้องหลังเหลือบเห็นพระพักตร์ขององค์เหนือหัวที่กำลังจ้องมองมายังตน
ก็คิดหาทางออกอย่างเร่งรีบ
"ท่านวราหะ ท่านมิได้จัดเตรียมองค์ศิวลึงค์ไว้ให้ข้ารึ"
"ท่านเอ่ยออกมาเช่นนี้ได้อย่างไร พราหมณ์ทุกคนต้องมีองค์ศิวลึงค์ประจำตัว ข้าจะไปจัดเตรียมให้ท่านได้อย่างไรเล่า"
พอพราหมณ์เฒ่าพูดเช่นนั้น พลก็ตกใจจนหน้าซีด คิดหาหนทางแก้ไขสถานการณ์ในทันที
แต่แล้วพลก็นึกสิ่งหนึ่งขึ้นมาได้ เขาจึงล้วงมือลงไปในกระเป๋าสะพาย หยิบไวเบรเตอร์ของชาติออกมา
พอพราหมณ์เฒ่าเห็น ไวเบรเตอร์ที่พลล้วงออกมาก็ถึงกับตกใจในรูปทรงของมัน
"โอ้ววว....เหตุใดศิวลึงค์ของท่านจึงมีรูปทรงแปลกประหลาดถึงเพียงนี้"
ไม่เพียงแต่พราหมณ์วราหะเท่านั้น แม้แต่องค์เหนือหัว และข้าราชบริพารที่อยู่ในที่นั้น ก็พากันแตกตื่นใจส่งเสียงพึมพำ
ไปทั่วบริเวณ
พลคิดจะทำให้องค์เหนือหัว และผู้คนที่รายล้อมอยู่มีศรัทธาต่อตัวเขา จึงนั่งลงหน้าปรัมพิธี ใช้สองมือโอบกำไวเบรเตอร์ไว้
แล้วกล่าวต่อพราหมณ์วราหะว่า
"ข้าจะสวดสรรเสริญศิวะเจ้า อัญเชิญอำนาจแห่งพระองค์ให้มาสถิตย์อยู่ในศิวลึงค์ของข้านี้"
พลปิดตาลงทำท่วงท่าเคร่งขรึม คล้ายกับร่ายบทสวด เพียงครู่เขาก็ใช้นิ้วกดปุ่มให้ไวเบรเตอร์ให้ทำงาน
ไวเบรเตอร์สีมันวาว ขนาด 8 นิ้ว สั่นกระพือจนเกิดเสียง พร้อมกับส่ายหมุนไปรอบตัวอย่างเห็นได้ชัด สร้างความประหลาดใจ
ให้กับองค์เหนือหัวและข้าราชบริพารที่รายล้อมจนจ้องมองนิ่งค้างไปตามๆกัน ครั้นพอได้สติ พราหมณ์วราหะก็กล่าวเสียง
นมัสการพระศิวะจนดังก้องไปทั่วบริเวณ
"โอม...นมัสศิวะ.....โอม....นมัสศิวะ"
แล้วเหล่าข้าราขบริพารที่รายล้อมอยู่ ต่างก็เปล่งเสียงตามโดยพร้อมกัน
ขณะนี้ทุกคนในอาณาจักรแห่งนี้เชื่ออย่างจริงใจแล้วว่า พราหมณ์พลพีระเป็นตัวแทนที่องค์ศิวะเทพส่งมาโดยแท้
พลมองไปโดยรอบเห็นผู้คนจ้องมองเขาด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความเคารพศรัทธา ก็ภูมิใจที่แผนของเขาเป็นผลสำเร็จ
"ท่านวราหะ เราพร้อมที่จะทำพิธีให้กับพระธิดาแล้ว"
พราหมณ์วราหะยกมือพนมให้ความเคารพต่อ พล แล้วเดินนำขึ้นไปเปิดประตูให้พลเข้าไปยังภายในตัวปราสาท
โดยที่ตนเองยืนรออยู่ที่หน้าประตูนั้น ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก กลิ่นหอมระรื่นอ่อนๆก็โชยมาต้องจมูกเขา
พลหลับตายืนรับสัมผัสจากกลิ่นนั้นอย่างดื่มด่ำ จนพราหมณ์วราหะพูดเตือนขึ้น
"ท่านพลพีระ ก่อนที่ท่านจะก้าวเข้าไป ข้าขอเตือนท่านว่า อย่าได้เผลอไผลไปกับกลิ่นแห่งพระวรกายของพระธิดาเป็นอันขาด
มิเช่นนั้น ท่านอาจกระทำการอันเป็นล่วงเกินจนพระธิดาทรงกริ้ว ท่านคงไม่พ้นพระราชอาญาเป็นแน่"
พลกลับมามีสติขึ้นทันที เขายืดตัวตรงแล้วก้าวเท้าเข้าไปยังส่วนใน กวาดตามองไปโดยรอบ จนเสียงบานประตูประกบกัน
ปิดสนิทที่ด้านหลังของเขา พลเดินเข้าไปสำรวจยังภายในอันเป็นพื้นที่โปร่งโล่ง ที่ประกอบไปด้วยเสาขนาดใหญ่ที่ถูกตกแต่งรายรอบ
ไปด้วยลวดลายอันวิจิตร ยิ่งเดินลึกเข้าไป กลิ่นหอมระรื่นจนชวนให้ความเป็นชายของเขาตื่นตัวก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น จนเขาเดินผ่าน
ผนังกั้นล่วงเข้ามายังปราสาทส่วนใน
และที่นั้นนั่นเองที่เขาได้พบกับพระราชธิดาอันเป็นต้นกำเนิดแห่งกลิ่นที่หอมระรื่นชวนดอมดมนั้น พระองค์ทรงประทับนั่งอยู่บนตั่ง
สวมใส่อาภรณ์เครื่องทรงอันงามสง่า พระเกศาดำขลับถูกรวบตึงจนมองเห็นพระนลาฏกว้างนูน พระขนงโค้งงามรับกับดวงเนตรหวาน
ดูงดงามยิ่งนัก พลนิ่งตะลึงสบตากับเจ้าหญิงที่เขาฝันว่าจะได้ยลโฉมพระองค์จริงๆสักครั้งจนตาค้าง แล้วพร่ำเพ้ออยู่ภายในใจ
(https://www.img.in.th/images/da385996ea3dcedeee687f5153d4bc79.jpg)
"โอ้ววว...นี่หรือ เจ้าหญิงสุคนธอัปสร ช่างงดงามอะไรเช่นนี้ โอวว...ข้าหลงรักพระองค์เข้าแล้ว"
เจ้าหญิงสุคนธอัปสร ทอดพระเนตรมายังผู้ที่ลุกล้ำเข้ามายังที่รโหฐานแห่งองค์ แล้วพระโอษฐ์งามอวบอิ่มก็เผยอขึ้นเปล่งวาจาออกมา
"ท่านคือผู้ใดรึ...เหตุใดจึงล่วงล้ำเข้ามายังที่แห่งเรา"
สุรเสียงอ่อนหวาน ทำให้พลได้สติคืนกลับมา เขายกมือที่กำไวเบรเตอร์ขึ้นพนม ทำความเคารพต่อเจ้าหญิงฯ
"ข้าพระบาทคือ พราหมณ์พลพีระ ตัวแทนแห่งองค์ศิวะเทพ เข้ามาเพื่อทำพิธีต่อพระองค์ ตามพระบัญชาขององค์เหนือหัวพะย่ะค่ะ"
"พราหมณ์รึ เหตุใดจึงสวมใส่อาภรณ์ประหลาดเช่นนี้ เรามิเคยเห็นมาก่อน แล้วเหตุใดจึงมิเป็นท่านวราหะ "
"ท่านวราหะทำพิธีเชิญข้าพระบาทต่อองค์ศิวะเทพ ให้มาทำพิธีนี้ตามบัญชาแห่งองค์เหนือหัวพะย่ะค่ะ"
"อัอ...กระนั้นรึ...แล้วสิ่งที่อยู่ในมือของท่านคือสิ่งใด"
พล แบมือให้พระธิดามองเห็นมันชัดๆ แล้วเอ่ยขึ้น
"นี่คือศิวลึงค์ของข้าพระบาท พะย่ะค่ะ "
เจ้าหญิงสุคนธอัปสร เพ่งมองดูสิ่งที่อยู่ในมือของพล ด้วยพระพักตร์ที่เป็นกังวล
"ศิวลึงค์อันใดของท่าน ใยจึงมีรูปร่างประหลาด และใหญ่โตเช่นนี้.........เอ่อ......เอ่ออ...แล้วมันจะทำให้เราเจ็บหรือไม่"
พลเห็นสีพระพักตร์ของเจ้าหญิงสุคนธอัปสร ก็อดยิ้มไม่ได้ แล้วพูดตอบโต้ด้วยความกระหยิ่มใจว่า
"ไม่เลยพระองค์ แต่มันจะทำให้พระองค์ถูกพระทัยเป็นที่ยิ่ง พระองค์พร้อมที่จะทำพิธีแล้วหรือยัง พะย่ะค่ะ"
เจ้าหญิงสุคนธอัปสร ถอนพระทัยยาวทอดหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น
"แล้วเราต้องทำอย่างไรบ้างเล่า ท่านพราหมณ์ เราไม่ต้องการทำพิธีนี้เลย แต่พระบิดาทรงบังคับเรา"
พลลอบยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วคิดใช้แผนเดิมให้พระธิดาเชื่อในตัวเขา
"ข้าพระบาท จะทำพิธีอัญเชิญอำนาจแห่งองค์ศิวะเทพเข้าสู่ศิวลึงค์นี้ ขอพระองค์ทรงเปลื้องพระภูษาได้เลย พะย่ะค่ะ"
เจ้าหญิงสุคนธอัปสร นั่งนิ่งไม่ยอมเปลื้องพระภูษา พลจึงแกล้งหลับตาคล้ายกำลังทำพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้เจ้าหญิง
บังเกิดเกิดความศรัทธาและเชื่อถือ แล้วก็ลอบใช้นิ้วกดปุ่มให้ไวเบรเตอร์ทำงาน เจ้าแท่งหฤหรรษ์ในมือของพลก็แกว่งไกว
วนไปมาคล้ายกับมันมีชีวิต จนเจ้าหญิงสุคนธอัปสรจ้องมองดูด้วยความตื่นตระหนก ความเคารพศรัทธาที่มีต่อองค์ศิวเทพทำให้เจ้าหญิง
ยกมือกระทำสักการะต่อไวเบรเตอร์ในมือของพลอย่างนอบน้อมทันที
แล้วพลก็ลืมตาขึ้น กล่าวต่อเจ้าหญิงฯด้วยท่าทีที่เคร่งขรึมว่า
"เหตุใดพระองค์จึงยังไม่เปลื้องพระภูษาอีก องค์ศิวะเทพเสด็จมายังตัวแทนแห่งพระองค์แล้วนะ พะย่ะค่ะ"
เจ้าหญิงสุคนธอัปสร ทรงยืนขึ้นอย่างไม่เต็มใจนัก แล้วจึงเริ่มคลายพระปั้นเหน่งออก ดวงเนตรงามของพระนางจ้องมองมาที่พล
แล้วหยุดมือลง
"ท่านเอาแต่จ้องมองเขม็งเช่นนี้ เราจะเปลื้องออกได้อย่างไรเล่า"
(https://www.img.in.th/images/7ec878ad8f6ea60cffd57bf2e1695cb0.jpg)
พลรู้สึกทั้งขัดใจทั้งขัดอารมณ์ กลิ่นหอมของเจ้าหญิงก่อกวนอารมณ์ของเขาจนแทบจะอยากจะเข้าไปถอดให้อยู่แล้ว
"เช่นนั้นพระองค์ทรงเอนพระวรกายแล้วหลับพระเนตรเถิดพะย่ะค่ะ ปล่อยให้ข้าพระองค์กระทำให้เองจะดีกว่า"
เจ้าหญิงสุคนธอัปสร ทรงคิดตามที่พลเสนอ หากพระองค์ไม่รับรู้เสียแล้ว ปล่อยให้พิธีดำเนินไปจนเสร็จสิ้น ความกระดากอาย
ก็คงจะไม่มีต่อพระองค์ จึงทรงเอนพระวรกายลงบนแท่นแล้วหลับพระเนตรจนสนิท ห้อยพระบาททั้งสองลงมาจากแท่นบรรทม
พลแสดงออกทางสีหน้าอย่างเต็มที่ เมื่อเห็นเจ้าหญิงฯหลับพระเนตรลงแล้ว มือทั้งสองที่เอื้อมไปยังขอบพระภูษาแสดงอาการสั่นเทา
ด้วยความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาทั้งสองของพลจ้องมองไปยังจุดที่เขาหมายตาไว้จนเบิกโพลง
มุ่นพระภูษาถูกคลายคลี่ออกจนหลวม แล้วดึงลงมาจนกองไว้ที่ข้อพระบาท เผยให้เห็นเนินพระโยนีนูนเด่นขาวผุดผ่อง ประดับด้วย
เส้นพระโลมชาติดำขลับอ่อนละเอียดเรียงตัวอย่างงดงาม พลจ้องมองเนินพระโยนีอันงดงามแล้วทรุดร่างลงคุกเข่า มือข้างหนึ่งถือ
ไวเบรเตอร์แต่ดวงตากลับจ้องมองเรือนพระวรกายส่วนล่างที่เปลือยเปล่าอย่างไม่วางตา
เขาไม่อยากจะใช้ไวเบรเตอร์ไปรบกวนเรือนร่างอันงดงามของพระนางเลยแม้แต่น้อย แต่เขาต้องการที่จะซุกไซ้ใบหน้า
เข้าไปเชยชมดอมดมความหอมหวานให้สาแก่ใจของเขามากกว่า พลเหลือบตาขึ้นมองพักตร์ของเจ้าหญิงฯ เห็นยังทรงปิดดวงเนตรสนิทอยู่
เขาจึงยื่นใบหน้าเข้าไปจนเกือบสัมผัสเรือนร่างแห่งวรองค์ แล้วสูดดมกลิ่นอันหอมหวลที่กรุ่นออกมาตั้งแต่เรียวพระอูรุทั้งสองจนถึง
เนินพระโยนีอันโคกนูน ตามการเรียกร้องจากที่อัดอั้นอยู่ภายใน
"ท่านพราหมณ์ ท่านกระทำสิ่งใดอยู่ เหตุใดจึงมิเร่งลงมือกระทำพิธี"
เจ้าหญิงเปล่งพระสุรเสียงออกมาทั้งๆที่ยังหลับเนตรอยู่
พลได้ยินดังนั้นก็ตัดสินใจใช้มือแยกเรียวพระอูรุให้อ้ากว้างจนสองกลีบบุปผาแยกออกจากกัน เผยให้เห็นช่องพระโยนีสีชมพูระเรื่อ
แล้วยื่นส่วนหัวของไวเบรเตอร์จ่อลงไปทันที
"โอ๊ะ...ท่านพราหมณ์"
เจ้าหญิงสะดุ้งพระวรกายพร้อมกับยกหัตย์ขึ้นอย่างตกพระทัย พลเปิดไวเบรเตอร์ให้สั่นในระดับต่ำสุด แล้วเลื่อนส่วนหัวของมัน
ไล่ไปตามร่องหลืบ พร้อมกับค่อยๆดันเข้าไปทีละน้อย เจ้าหญิงขมวดพระขนงกัดพระทนต์นิ่ง พลเห็นเช่นนั้นก็เกรงว่าเจ้าหญิง
จะทรงเจ็บ จึงตัดสินใจเอ่ยออกมาว่า
"เพื่อมิให้พระองค์รู้สึกเจ็บ ขอทรงอนุญาตให้ข้าพระองค์ใช้มือสัมผัสด้วยเถิด พะย่ะค่ะ"
เจ้าหญิงทรงขยับพระพักตร์เป็นเชิงอนุญาต ทั้งที่ยังหลับเนตรอยู่ พลจึงยิ้มออกมาด้วยความสมใจแล้วยื่นมือเข้าไปสัมผัส
เนินนูนโยนีของเจ้าหญิงฯอย่างแผ่วเบา แล้วเกาะกุมเนินนูนของเจ้าหญิงฯไว้ในอุ้งมือของเขาพร้อมกับทาบทับนิ้วกลางกดลง
ไปในช่องแห่งพระโยนี
ทั้งกลิ่นแห่งพระวรกาย ทั้งรูปโฉมอันงดงามและรสสัมผัสอันนุ่มละมุนมือ ทำให้พลเกิดอารมณ์แห่งความต้องการจนแทบจะบ้าคลั่ง
ท่อนเอ็นของเขาแข็งตัวจนคับแน่นไปหมด จนต้องใช้มืออีกข้างปลดตะขอกางเกงให้คลายออก นิ้วมือของพลแหวกเส้นพระโลมชาติล่วงล้ำ
เข้าไปยังภายในร่องหลืบจนสัมผัสเข้ากับติ่งแห่งพระโยนีแล้วหมุนวนอย่างแผ่วเบา
เจ้าหญิงสุคนธอัปสร เผยอโอษฐ์ออกเล็กน้อย แล้วเริ่มส่ายบั้นพระองค์ด้วยความรู้สึกวาบหวามพระทัยในรสสัมผัสของนิ้วมือพราหมณ์หนุ่ม
จนพระองค์เริ่มรู้สึกต้องการให้ มือของพราหมณ์ลงน้ำหนักมากขึ้นจนถึงกับยกบั้นพระองค์ลอยขึ้นอย่างลืมองค์
พลเห็นพระอาการของเจ้าหญิงฯ ก็ยิ่งคิดที่จะแกล้งให้พระนางมีความต้องการยิ่งขึ้นไปอีก จึงแหย่ไวเบรเตอร์จี้เข้าไปที่ติ่งแห่งพระโยนีนั้น
เจ้าหญิงฯถึงกับสะดุ้งพระวรกายอย่างแรง แล้วบิดองค์พร้อมกับส่งพระสุรเสียงร่ำร้อง ออกมา
"โอ๊ววว.............โอ๊วววววว......................โอ๊ววววววว....."
พลเร่งไวเบรเตอร์ให้สั่นอย่างสุดแรงแล้วจึ้วนลงไปยังร่องหลืบโยนีของพระนางอย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งทำให้เจ้าหญิงสุคนธอัปสร
ทรงรู้สึกเสียวกระสันต์ที่ร่องพระโยนีเป็นอย่างยิ่ง บั้นพระองค์ลอยส่ายไม่ติดพื้น ส่งพระสุรเสียงร่ำร้องครวญครางไม่ขาดโอษฐ์
"อ๊ายยยย........อ๊ายยยยยยยย.........อ๊ายยยยยยย............"
ยิ่งพลเห็นพระนางส่ายร่อนบั้นพระองค์ พร้อมกับร่ำร้องพระสุรเสียงเช่นนั้น ความอดทนอดกลั้นของเขาก็สิ้นสุดลง
ความคิดวูบหนึ่งแล่นเข้ามาในหัว เกิดเป็นคำพูดที่หลุดจากปากออกมาโดยไม่ยั้งคิด
"โอวว...พระนาง องค์ศิวะเทพจะเข้าสถิตย์ในร่างของข้าพระองค์แล้ว พระองค์มีพระประสงค์จะเบิกพรหมจรรย์ของพระนาง
ด้วยองค์เอง.....โอววว..."
ทันใดนั้นพลก็สะบัดไวเบรเตอร์ออกจากมือ ทำทีเป็นตัวสั่นอยู่ครู่หนึ่งแล้วยืนขึ้น เพ่งมองไปยังเจ้าหญิงฯที่ตอนนี้
ลืมพระเนตรขึ้นมาจ้องมองด้วยความตื่นตระหนก
"สุคนธอัปสร เราคือ ศิวะ เจ้ายังไม่สักการะเราอีกรึ"
เจ้าหญิงสุคนธอัปสร มีพระชันษาเพียงสิบแปด ไม่เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของพล ก็ยันร่างลุกขึ้นกระทำวันทาโดยทันที
พลเห็นเจ้าหญิงฯ เชื่อเขาอย่างสนิทใจ ก็เริ่มถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแต่ตัวล่อนจ้อน แล้วเริ่มแผนการทันที
"สุคนธอัปสร เราจะเริ่มทำพิธีให้เจ้า อย่างแรกเจ้าจงรับเอาลึงค์แห่งเราเข้าไว้ในโอษฐ์ของเจ้า ณ บัดนี้"
เจ้าหญิงสุคนธอัปสร เบิกพระเนตรกว้าง แล้วส่งสายพระเนตรไปยังลำเอ็นที่กำลังชี้แข็งออกมาอย่างยืดยาวของพล
"แต่....แต่...ลึงค์นั่นเป็นของพราหมณ์ผู้นี้มิใช่หรือเพคะ"
"เราเป็นเทพเจ้าแห่งสามโลก แม้สถิตย์อยู่ที่ใด ที่นั่นก็เป็นเรา เจ้าอย่าได้มีข้อเคลือบแคลงเลย"
แล้วพลก็ก้าวเท้าไปยืนอยู่ตรงเบื้องพระพักตร์ของเจ้าหญิงฯ ด้วยความต้องการที่อัดอั้นอย่างที่สุด
เจ้าหญิงสุคนธอัปสร เหลือบสายพระเนตรมองไปยังใบหน้าของศิวะเทพจอมปลอม แล้วลดองค์จนพระพักตร์อยู่ในระดับเดียวกับ
แท่งเอ็นของพลอย่างฝืนพระทัย ก่อนที่จะเผยอโอษฐ์งามจดจ่อไปที่ปลายลำเอ็นของพล
พลไม่รอช้ารีบดันท่อนเอ็นของเขาสวนเข้าไปในโอษฐ์งามของเจ้าหญิงฯทันที
"โอ้วววว.........."
พลอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงครางออกมาอย่างสาแก่อารมณ์ เมื่อสัมผัสถึงช่องโอษฐ์อันนุ่มนวลอบอุ่น ที่โอบรัดรอบแท่งเอ็นของเขา
แล้วเผลอไผลใช้สองมือยึดจับเศียรแห่งพระนางเอาไว้ พร้อมกับดันท่อนเอ็นให้ผลุบเข้าผลุบออกที่โอษฐ์ของพระนาง
"ซี๊ดดดดดดดดดดด...........เสียวดีจริงๆเลยเว้ยปากของเจ้าหญิงเนี่ย.....อ้าาาา......"
เจ้าหญิงฯ ทรงพยายามอดทนด้วยเกรงว่าองค์ศิวะจะพิโรธ ปล่อยให้พลกระแทกแท่งเอ็นผลุบเข้าผลุบออกจากโอษฐ์งามของนาง
เอาตามอำเภอใจ แต่เนื่องจากพลอดกลั้นต่อความต้องการมาเป็นเวลานาน เพียงได้รับสัมผัสอันนุ่มนวลจากโอษฐ์ของพระนาง
เพียงไม่นาน จังหวะหนึ่งเขาก็ส่งแท่งเอ็นเข้าไปลึกเข้าไปจนเกือบถึงลำพระศอแล้วแช่ค้างนิ่งเอาไว้
"โอ๊ะ...โอ๊ะ.....แตกแล้ว......โอ้วววววววววว............"
น้ำรักขาวขุ่นแตกทะลักพุ่งออกมาจากปลายลำเอ็น ล่วงล้ำลงสู่ลำคอของพระนางจนทรงสำลัก พลได้สติรีบถอนลำเอ็นออกมาจาก
โอษฐ์งาม ทันใดนั้นน้ำรักสีขาวขุ่นก็ล้นทะลักติดตามออกมาจากโอษฐ์แห่งนาง
"สุคนธอัปสร จงกลืนกินน้ำแห่งลึงค์ของเราลงไป "
พลไม่เข้าใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่ากล้าพูดออกไปได้อย่างไร แต่ถึงอย่างไรเขาก็ได้พูดออกมาแล้ว จึงมีแต่ต้องปั้นสีหน้าให้ดูสมจริง
เจ้าหญิงสุคนธอัปสร จึงทรงปิดริมพระโอษฐ์มิให้น้ำรักของพลไหลกลับออกมา แล้วกลืนกินลงไปตามคำแห่งศิวะเทพจอมปลอม
จนพลเห็นแล้วก็อดที่ภาคภูมิใจเสียไม่ได้ แต่แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่า เขายังไม่ได้ทำพิธีเปิดพรหมจรรย์จนเสร็จสิ้นก็น้ำแตกไปก่อนซะแล้ว
จึงคิดหาวิธีถ่วงเวลาให้ลำเอ็นของเขากลับมามีความพร้อมอีกครั้ง
"สุคนธอัปสร เจ้าจงนอนลง เราจะทำพิธีขั้นต่อไป"
พอพระนางเอนร่างลงตามคำสั่ง พลก็จับข้อพระบาททั้งสองแหกอ้าออกแล้วเอื้อมมือไปหยิบไวเบรเตอร์จ่อลงไปที่โยนีแห่งพระนางอีกครั้ง
เจ้าหญิงสุคนธอัปสร ก็ถึงกับแอ่นบั้นพระองค์ด้วยความซ่านเสียว พร้อมกับส่งพระสุรเสียงคร่ำครวญขึ้นอีกครั้ง
"อ๊ายยยย........อ๊ายยยยยยยย.........อ๊ายยยยยยย............"
ยิ่งผ่านไปนานขึ้น ร่องพระโยนีก็เริ่มชุ่มชื้นมากขึ้นเรื่อยๆ ดุจดังสุรเสียงครวญครางด้วยความกระสันต์ซ่านเสียวที่บังเกิดขึ้นแก่พระองค์
เป็นคราแรก ก็ดังขึ้นด้วยเช่นกัน
สุรเสียงที่ร่ำร้องคล้ายดั่งพระองค์กำลังเจ็บปวด แต่หางสุรเสียงกลับแหบพร่า ส่ายบั้นพระองค์ร่อนไปมาอย่างไม่หยุดหย่อน
พลเห็นพระนางมีอาการเช่นนั้น ก็ยิ่งหมั่นเขี้ยวยิ่งจี้ไวเบรเตอร์เน้นเข้าไปที่ติ่งโยนีของพระนางหนักแน่นยิ่งขึ้น
"อ๊ายยย.....อ๊ายยยย.......พอก่อนเถิดท่านศิวะเทพ.....อ๊ายยยย....หม่อมฉันจะไม่ไหวแล้วเพคะ ...อูยยยย.....เสียวเหลิอเกินเพคะ
ฮูยยยย..........อ๊ายยยย..........อ๊ายยยย..........อ๊ายยยย.......พอ..พอ...หยุดก่อน.."
แต่แล้วบั้นพระองค์นั้นก็ยกสูงแล้วนิ่งค้าง ปลดปล่อยพระบังคนเบาพุ่งแตกกระจายออกเป็นฝอยด้วยความซ่านเสียว
"....โอ๊ะ....โอ๊ะ....โอ้ววววววววววว....."
พระนางเคลิบเคลิ้มกับความสุขอันเป็นสุดยอดที่พึ่งเคยพานพบ พระวรกายสั่นกระตุกอย่างมิอาจควบคุม
แล้วจึงแผ่พระวรกายลงราบอย่างเหนื่อยอ่อน พลไม่รอช้าอีกต่อไป แท่งเอ็นของเขากลับมาแข็งแล้วพยักหัวหงึกๆ
เหมือนกับจะบอกว่ามันพร้อมแล้ว
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน
ย้อนอดีตฟันเจ้าหญิง
ตำนานเจอเกรียนหลอกหัวปั่น น่าสงสาร
แนวต่างโลกที่แสนจะกิ๋บเก๋ ใช้ประวัติศาสตร์มาปนๆบ้าง จินตนาการบ้าง หื่นๆ บ้าง ชอบแนวนี้มากครับ จินตนาการบรรเจิดดีจริงๆ
เอาไวเบรเตอร์ บูชาแทนเลยนะ
สนุกดีครับ แล้วจะเบิกทวารที่เหลือด้วยมั้ยเนี่ย
ผมอยากดมรักแร้เจ้าหญิงครับ ::Angry::
ตอนแรกว่าจะไม่แต่พอเห็นภาพประกอบเท่านั้นแหละ ::Bloody:: ::JubuJubu::
เรื่องนี้แต่งดีมาก สนุกดีมีเชื่อมเรื่องผ่าน vibrater ด้วย
ชอบเรื่องแบบนี้เป็นที่สุด พระเอกยุคปัจจุบันหลุดไปในอดีต ใช้ความฉลาดปี้ดะ
::DookDig::
คนยุคก่อนเจอของเล่นยุคใหม่มีเคลิ้ม
ชอบแนวย้อยอดีต สนุกดีครับ
เจ้าหญิงเจอของเล่นยุคนี้ไปถึงกับสั่นเลย
แนวย้อนอดีตทะลุมิติกำลังมาแรงเลย น่าจะจัดยาวๆ เปิดฮาเร็มเลยนะครับ
สวรรค์ชั้นเจ็ด แต่จะรอดไหมเนีย
ตำนานเจ้าหญิงในอดีต
ขอคารวะ ท่านเทพดิลโด้ขอรับ ทั้งเสียวทั้งขำ เก่งมากครับ ที่ผูกเรื่องเข้ากันได้เป๊ะมาก
น่าติดตามสุดๆ
•====================================•
○ 17/3/2561 ○
คอมเมน ผิดเงื่อนไขการพิมพ์ตอบห้อง ผู้ประพันธ์บอร์ด เคยโดนแบน กรกฎาคม 20, 2016
(https://www1.wi.to/2018/03/17/4909f97662b6536cdf87fccf4f5e2ee2.jpg)
ไม่ปรับปรุง ตอบสั้นๆเกินก็เยอะ งั้นแบบนี้ง่ายกว่า แบนตลอดชีพ{ 17/3/2561}
•===============================================•
https://xonly8.com/index.php?topic=191926.msg773464#msg773464
เเนวเรืื่องเเบบนี้เเหละที่รอคอยผมก็ชอบนะโบราณคดีติดตรงที่สอบไม่ติดนิล่ะ
เจ้าหญิงโดนหลอกเลย
นี่ถ้าตัวจริงมาโพล่ตอนทำพิธีนี่ฮาเลยนะครับ
เจอของโลกปัจจุบันถึงน้ำแตกเลยนะเจ้าหญิง ::HoHo:: เจ้าพลนี้ร้ายไม่เบา
เข้าใจคิดไวเบรเตอร์แทนศิวลึงค์
แล้วท่านพลพีระจะทำยังไงต่อ ถ้าได้เจ้าหญิงแล้วจะออกจากที่แห่งนี้ยังไงล่ะ...ขอบคุณครับ
สุดยอดเหนือคำบรรยาย ขอบเรื่องแนวนี้มาก ขอบคุณที่แบ่งปัน
สุดท้ายพบว่า สลบฝันไปเอง
เนื้อเรื่องแปลกดีครับ แถมเจอเกรียนย้อนยุคกับอุปกรณ์เสียวไฮเทค คนโบราณโดนหรอกหมดเลย ::Cheeky::
ขนาดย้อนเวลายังพกไปอีกสุดยอ
สุดยอดจินตนาการครับ ศิวลึงค์ดับไวเบรเตอร์ เป็นการเขื่อมโลกเก่าและใหม่ที่แยบยลมาก แถมมีการให้ดื่มน้ำจากองค์เทพอีก สะใจกันไปเลย ว่สแต่ภาพประกอบนี้ได้จากไหนอ่ะครับ พอจะตามไปดูอีกได้ไหมครับ ขอบมากครับ
เอาไวเบรเตอร์ บูชาแทนเลยนะ
เจ้าหญิงเจอของเล่นยุคนี้ไปถึงกับสั่นเลย
แนวนี้สุดยอดครับท่าน ย้อนอดีตได้เจ้าหญิงเจ้านาง มาบ่อยๆนะครับท่าน
เรื่องราวน่าติดตาม เจ้าหญิงขอม ทำพิธี แบบนี้ ไม่รอดแน่ รอติดตามตอนที่ 2 ต่อครับ
มาแนวนี้แปลกดีครับ ได้รสชาดอีกแบบ
ถ้าได้กลับสู่ยุคปัจจุบันอย่าลืมเอาไวบัสเตอร์กลับด้วยนะเดี๋ยวเป็นข่าวใหญ่ขุดพบไวบัสเตอร์โบราณ
นายพลของเราจได้พ่อตาเป็นคนไนอดีตก้อย่าไห้ความแตกละกัน
โห ถึงกับย้อนอดีตไปจัดเจ้าหญิงเลยเหรอ น่าสนจัยๆรอติดตามตอนต่อไปนะครับเจ้านาย
ขอแนวนี้ครับชอบมากถ้าเต้าหญิงจะโดนรุมด้วยครับ
ชอบแนวนี้เนื้อเรื่องน่าสนใจมากครับ
ขอบคุณมากครับ ผู้เขียนทำการบ้านเรื่องรายละเอียดของเรื่องมาดีเช่นเคย และ เชื่อมโยง item สำคัญ เข้ากับเรื่องได้อย่างยอดเยี่ยมครับ ผมว่างานนี้น่าจะดังนะครับ
เจอศิวลึงค์สั่นได้ เจ้าหญิงถึงกับเอวลอยเลย
เจอของเล่นยุคใหม่เข้าไป เจ้าหญิงถึงกะไปไม่เป็น
จินตนาการสุดยอดมากครับ เจ้าหญิงกับไวเบรเตอร์ 555 ::WowWow::
แอบอิจฉาพลมากกก
นับเป็นวาสนาของหนุ่มพล หรืออาจจะเป็นเนื้อคู่กันมาก่อน องค์พระศิวะเลยดลบันดาลให้หนุ่มพลย้อนอดีตไปเป็นผู้เบิกพรหมจรรย์ของเจ้าหญิง ตามที่พราหมณ์ทำพิธีขอตัวแทนของพระองค์ คริคริ
พระเอกยุคปัจจุบันย้อนอดีตไปเปิดซิงเจ้าหญิงชวนติดตาม
เนื้อเรื่องแนวใหม่น่าติดตามดีครับ ขอบคุณมากๆ
เรื่องราวน่าติดตาม คำศัพย์สมจริงมากครับ
เนียนเลยนะ พระศิวะ เลยองค์หญิงแบบเนียนๆ
::Glad::องค์หญิงจะไปลองของจริงๆไหมนะ
มาแนวขอมโบราณเลยนะครับ อ่านแล้วต้องแปลเป็นไทยอีกทีในบางคำ สนุกดีครับ
เจอรุ่นใหม่เข้าให้แล้ว รุ่นเก่าเอาอยู่ไหม ขอบคุณครับ
เจ้าหญิงเจอของดีแล้ว ขอบคุณมาก ::Confident::
เป็นเรื่องราวแบบแนวที่ชอบเลยน่ะเนี่ย แต่งจริงจังเถอะครับ อย่าคั่นเวลาเลย ขอบคุณครับ
ข้อมูลแน่น ราชศัพท์สุดยอด แหวกแนวด้วย แต่ก็เร้าใจจริงๆ
โอ้ย ฮามาก จากไว้บรเตอร์พอไปยุคขอมโบราณกลายเป็นศิวะลึงค์ซะงั้น
เนื้อเรื่องน่าสนใจและกำลังได้ที่เลย ย้อนเวลาไปหาอดีต
แนวย้อนเวลาก็สนุกดีนะครับ
แล้วพลจะกลับไปอย่างไร
หรือจะต้องใช้ความรู้ยุคใหม่ช่วยเจ้าหญิงของเราต่อ
แล้วความผูกพันที่มีจะเกี่ยวยังไง
น่าติดตามครับ
::Ahh::เจออย่างนี้ก็ลืมบ้่นเกิดสิครับ
งานนี้ ไม่ต้องรบกวนองค์ศิวะหรอก
ใช้แต่ลึงค์อย่างเดียวก็พอ ::NoNo::
ขอบคุณมากๆครับ
สงสัยแต่ทีแรกแล้วเอาไบรเด้อไปด้วยทำไม องค์หญิงติดใจแน่ๆ
เล่นคำได้สวยมากเลยครับ
อิจฉาจริงๆ
เปิดองค์หญิงด้วย เจอของสมัยองค์หญิงติดใจแน่ๆ
เจอของเล่นสมัยใหม่เข้าไป ติดใจแน่ๆองค์หญิง
เจ้าหญิงซื่อจังเรย เสร็จพระเอกเราซะงั้น
อ่านตอนแรก ไม่คิดว่าจะย้อนกลับไปทั้งของด้วย ถ้าเจออย่างนี้คนสมัยก่อน เจอหลอกแน่นอน
ขอบคุณครับ...พระธิดาสุคนธอัปสร..เจอศิวลึงค์ยุคปัจจุบัน..ถึงกับหมดแรง
เจ้าหญิงคงติดใจจนได้อภิเษกสมรสแน่งานนี้
น่าจะมีตอนต่อนะครับเสียวดีครับ
เจ้าหญิงสวยเเบบเน้ ไม่กลับโลกปัจจุบันละ อยู่ยาวโลด
เจ้าหญิงสวยมากอยากได้มั้ง อยากหลุดเข้าไปแทนจัง
ท่านพล เบาๆนะหญิงไม่เคย
เจอของแปลกใหม่เข้าไป ถึงกลับสิ้นขัตติยะกันเลยทีเดียว
สนุกดีครับ แต่งย้อนประวัติศาสตร์ ผูกเรื่องเข้ากับปัจจุบัน..ได้เนียนมากครับ
คนในรูปหน้าคุ้นๆ แต่ก็ได้อารมณ์ไปอีกแบบ ชอบเนื้อเรื่องครับสนุกดี ::DookDig:: ::DookDig:: ::DookDig:: ::DookDig:: ::DookDig::
สนุกมาก ๆ
มีสตอรี่ เป็นเรื่องเป็นราวดี
เรื่องก็ยังคงไม่พ้นปลัดขิกนะครับ555 สนุกเหมือนเดิมครับ
ผู้แต่งช่างมีจินตนาการเหลือล้ำ่งนักข้าน้อยขอกราบ
เจาะเวลามาหาเธอ อะไรจะโชคดีปานนี้ ยอดจริงๆ
ทำเนื้อเรื่องได้น่าติดตามมากครับ เห็นภาพเลย ผลงานดีๆรอติดตามต่อครับ
แนวย้อนยุค เนี่ยชอบมากครับ
::HeyHey::เจ้าหญิงเจอของในยุคนี้ติดใจแน่ๆ
เจอมุขนี้เข้าไปเจ้าหญิงตามหนุ่มพลไม่ทันแน่ๆ งานนี้หวานหมู เจ้าหญิงไม่รอดมือพลแน่นอน
พล พลพีระ นายแน่มาก แก้สถานการณ์จนได้ของดี ขอให้ได้จนถึงสวรรค์ด้ยเถอะ
น่าสนใจน่าจะมีการ ครอสโอเวอร์ แน่ๆ
เจอแบบนี้พลยังอยากจะกลับมา สู่โลกอนาคตอีกมั้ย
เนื้อเรื่องสนุกดีครับ น่าติดตาม
สุดยอดครับ เจาะเวลาย้อนอดีตกับไวเบรเตอร์คู่ใจ
แปลกใหม่ดีครับ สพหรับแนวย้อนเวลา
อยากรู้ว่าแล้วพระเอกจะกลับมาปัจจุบันรึเปล่า
กำลังอยากอ่านแนวนี้เลยครับ
ตอน 2 3 4 ที่ว่านี่แนวเดียวกันไหมครับ
::HoHo::ข้าขอชาบูองเทพไวเบรเตอร์555
เจ้าหญิงเจอลีลารักในโลกปัจจุบันคงติดใจ แต่ถ้าแบตหมดจะทำยังไงดีนะ
การใช้ภาษาสุดยอดจริงๆครับ ขอบคุณมากครับ
ย้อนยุคปนเสียว สนุกครับ
โชคดีเรยครับ มีของวิเศษติดกระเป๋าไป เจ้าหญิง ตื่นเต้นเรยครับ
มาแนวแปลกเลย เเต่ก็ขอบคุณครับ
เจ้าหญิงจะติดใจศิวลึงค์แห่งอนาคตไหมนะ
ระวังแบตหมด จะอดสนุกนะ ::DookDig::
มาแนวทะลุมิติ แปลกดีครับ
เนื้อหาก็ดี อ่านสนุกครับ
แนวแปลกใหม่สนุกสุดมันส์
•====================================•
○ 27/3/2561 ○
คอมเมน ผิดเงื่อนไขการพิมพ์ตอบห้อง ผู้ประพันธ์บอร์ด
แบน 6 เดือน { 27/3/2561 ~27/9/2561 }
•===============================================•
https://xonly8.com/index.php?topic=194794.msg813091#msg813091
ขอบคุณมากๆครับท่านผู้ประพันธ์แนวเนื้อเรื่องแบบนี้ไม่ค่อยมีผู้ประพันธ์นะครับจับเอาประวัติศาสตร์กับปัจจุบันผูกเรื่องเข้าด้วยกันสุดยอดมากคนับ
เนื้อเรื่องดี+รูปสวยมากครับ
ชอบแนวนี้มากครับ แฟนตาซีย้อนยุค
เจ้าหญิงเคลิ้มเสียแล้ว โดนเจ้าพล จับทลวงพรหมจรรย์ ต้องติดตาม
เปลี่ยนแนวดีครับ พระเอกนี่ถ้าใจไม่รัก คงทำไม่ได้ขนาดนี้นะผมว่า อิอิ
แปลก แหวกแนวมากครับ จินตนาการกว้างไกลมาก
โอ้วว ไรต์ ปั้นอักษรเก่งขึ้นทุกทีๆ เเล้วนะครับ ::HoHo::
หน้าจะติดของเล่นไปให้เยอะกว่านี้ จะได้ครบสูตร
ถือว่าเติมแต่งจินตได้ดีเลยครับ เอาไปต่อยอดได้
นางในวรรคดีเจอกับหนุ่มปัจจุบัน
555 เจอจู๋ปลอมพร้อมเม็ดรอบๆ
เจอแบบสั่นได้เข้าไป ถึงกับดิ้นเลย
ขอบคุณครับ พลนี่ดวงดีจริง
แท่งจู๋ปลอมเลยกลายเป็นของศักดิ์สิทธิ์เลยครับ เนื้อเรื่องสนุกมากครับ
เนียนเลยนะไอ้พล ว่าแต่ตอนจบจะเป็นแบบไหน ลุ้นๆ
ย้นเวลาไปเปิดซิงเจ้าหญิงเลยหรือ ร้ายนักเทียว
เป็นเรื่องสั้นที่ถูกใจมากเลยครับ ย้อนอดีตจนจินตนาการถึงเจ้าหญิงได้เลย
แนวย้อนยุคนี้ทางเลย
แหวกแนวแปลกใหม่ดีคับ เจ๋งเลยคับ
ไม่น่าเชื่อ ของเล่นก็มีประโยชน์ เหมือนกัน ต้องหามาไว้บ้างละ อิอิ. รอติดตามต่อไปครับ
สนุกจริงๆครับตอนนี้
•============ ::Cheeky::===============•
★ผู้ประพันธ์บอร์ด ภาคทัณฑ์
~ 9/3/2561 มักง่ายมาเป็นแพ๊ตเทิร์นนะรีพลายคุณ เอาๆ เตือนเบาๆ
ลองพักใช้ซะ 2 เดือน{ 9/3/2561 ~9/5/2561 } ปรับปรุงไม่ได้คราวหน้ายาว..
•=======================================•
https://xonly8.com/index.php?topic=193217.msg786640#msg786640
https://xonly8.com/index.php?topic=190269.msg732542#msg732542
ศิวลึงค์ยุค 2018 ไหมล่ะองค์หญิง 5555
เปิดเรื่องมาก็ได้ฟันเจ้าหญิงเลยนะ
ตื้ดดดดดดๆ เทพสิวะลิงค์มาแล้ววววว พระศิวะคงจัดให้สมใจละ
ป.ล. รูปประกอบชวนหิวโหยมาก
สุดยอดครับ เยี่ยมทั้งเนื้องเรื่องและภาษา ::Glad::
มันช่างรุ้นดีแท้กับองค์หญิง
ขอบคุณครับ ชอบแนวแบบนี้มากเลยครับ
ฮาลั่นกับ ศิวะลิงก์ เลยผม ::WowWow::
กำ หลงเจ้าหญิงถึงขนาดเดินทางไปอดีตเพื่อเอาเจ้าหญิงเลย 555 อยากให้ทำได้จริงจังเลย
ย้อนเวลาสู่อดีต เพื่อทำพิธีเปิดซิงเจ้าหญิงตามความเชื่อของคนยุคก่อน สุดยอดครับ
โอ้โห เรื่องเสียวศัพท์สูง ขอบคุณครับ
ปลอมเป็นองค์เทพซะเนียนเลยนะ องค์หญิงไม่ทรงกริ้วกลับชอบซะด้วยเนี่ยสิ แนวนี้แหวกแนวดี ชอบครับ ขอติดตามยาวๆเลย 👍🏻
อยากจะย้อนเวลากลับไปได้บ้างจริงๆครับ
เจอเบิกโยนีด้วยไวเบเตอร์ ทันสมัยสุดๆ
มาแนวย้อนเวลา เพื่อไปฟันหญิงโดยแท้
แต่เล่นใหญ่ เล่นกันถึงเจ้าหญิงเลยทีเดียว แถมสวยด้วย อิอิ
ชอบมากครับแนวนี้ เจ้าหญิงสวยด้วย ขอบคุณไรท์เตอร์นะครับ สำหรับเรื่องราวดีๆ :)
สุดยอดมากเลยท่าน จินตนาการบันเจิดมาก
แนวต่างโลกมาแล้ว. สนุกมากครับ
คิดเลยว่าถ้าไม่บังเอิญเอาไวเบรเตอมานี่ซวยแน่
เจาะเวลามาฟันหญิง ชอบเลย
เจ้าหญิงจะโดนทำพธีกี่รอบนะสงสัยจะแอบติดใจศิวะลึงของพ่อพรามห์ชะละ
รอคอยแนวย้อนอดีตมานาน
ชอบอ่านแบบมีพล็อทแบบนี้มากๆครับ ได้ลุ้นกว่าเยอะเลย
ตำนานมาเจอคนหื่นคนเกรียนเข้า คงจะหลงกันบาน แถมเป็นเจ้าหญิงวัย18ด้วย
สนุกมากครับ ย้อนเวลาเก่ากับใหม่เจอกัน สบายพลเลย ชอบแนวนี้ครับไรต์ ขอบคุณมากครับ
ภาพประกอบมันได้
ทำพิธีทั้งคืนเลยป่าว เบิกทั้ง 3 ทาง ขอบคุณครับ ::Hmmm:: ::Hmmm::
คงต้องกลับไปเรียนโบราณคดี เผื่อจะโชคดีแบบพลบ้าง
พี่พลครับ รีบๆตื่นนะครับ รอบแรกที่ปาก รอบล่างจัดปากล่างเลย
เจอศิวลึงค์จริงแทนพระศิวลึงค์แล้วเจ้าหญิงเอ้ย
::YehYeh:: ท่านศิวะพล ฉลาดหลักแหลมแท้ เอาตัวรอดแถมได้มาร่วมรักกัเจ้าหญิงอีก เป็นบุญเหลือเกิน
เจ้าหญิงสงสัยจะติดใจ ศิวลึงของไอ้พล แน่ๆ
เจาะเวลาหาฟันสาว
ฝันหรือจริงอย่างนี้ไม่สนใจแล้ว มีศิวลึงค์เทพมาด้วย
อยากอ่านเรื่องประมาณนี้มานานแล้ว นี่นับว่าเป็นเรื่องแรก
ย้อนอดีต น่าสนใจครับ จะได้กลับมาไหมเนี่ย
เบิกพรหมจรรย์ พิธีนี้มีจริงหรือเปล่าครับ ประพันธ์ได้อารมณ์หลายอย่างครับลุ้นไปด้วยเสียวไปด้วย สนุกไม่แพ้ อาถรรพ์เลยครับ ขอบคุณครับที่แบ่งปันเรื่องราวดีๆ ครับ
จะกลับบ้านยังไงละทีนี้ มาแล้วกลับไม่ได้ฮาเลยนะ
มาแนวจักรๆวงๆ เหมือนพวกเทพ3ฤดู 555
หื่นจนได้ดีสินะ แล้วจะกลับยังไง หรือฝันไป
น่าจะมีหลายๆตอนนะ สนุกดี
บ้างครั้งถ้าตันเรื่องเก่าก็ลองหาแนวทางไหม่แบบนี้ก็ดีคับ
เป็นเรื่องสั้นที่ไม่คั่นอารมณ์แต่เค้นอารมณ์มากกว่า ชอบมากครับ
อยากย้อนเวลาแบบไอ้พลบ้างจริง ๆ
อุเหม่ !!! เจ้ามนุษย์ใจทรามมมม หยาบหยามเกียรติเรา เอาไม่ยั้งเลยนะมะรึงงงงง ::Shy:: ::Shy::
คำราชาศัพย์เพียบเลยแปลแทบไม่ทัน
แนวย้อนยุคขอมแบบนี้แปลกแต่่สนุกดีครับ แต่คำราชาศัพฑืบางตัวก็งงๆ เหมือนกัน ได้แต่่เดาๆเอา
ย้อยเวลามาหาเสียว ของแท้ น่าจะมีต่อนะคับ
ขอบคุณในน้ำใจคับ เจอแค่คำราชาศัพท์แบบนี้ไม่เรียกว่าคั่นแล้วคับทุ่มเทมากกว่า
เจ้าหญิงโดนจัดหนักแน่เสียตัวแล้วว
แต่งแนวแบบนี้ได้ ต้องใช้ความรู้ความสามารถและจินตนาการอย่างยิ่ง
นับถือและขอบคุณครับ
แหงกแนวมากเหมือนดูหนังไซไฟ เซ็กเลยรอผลงานอีกนะครับ
มาแนวอิงประวัติศาสตร์ แถมข้ามกาลเวลาอีกพร้อมได้เจ้าหญิง น่าสนใจมากครับ
แจ่มฝุดๆ เขียนได้มีจินตนาการสุดๆ เรื่องคั่นเวลาสนุกๆแบบนี้ รออ่านเสมอนะครับ ขอบคุณครับ
แนวนี้สนุกมากครับ โดนใจตลอดเลยชอบติดตามเรื่องแนวนี้ครับ
โอ้ เปลี่ยนมาเป็นแนวย้อยยุค ภาษาที่ใช้ก็แตกต่างจากเดิม ทำให้มีความรู้สึกคล้อยตามกับบรรยากาศของเรื่องจริงๆ
คนยุคปัจจุบัน ได้กลับไปสู่ยุคเก่า เอาตัวสั่นไปใช้ ทำให้ยุคเก่าน่าจะติดใจ แล้วได้ฟันสาวยุคเก่าเยอะแน่เลย
แบบนี้เค้าเรียกว่า ได้ดีเพราะเพื่อนเลยนะพล ถ้าชาติไม่ใส่(ไอ้นั้น)ไว้ให้ในกระเป๋า ป่านนี้คงถูกสั่งประหารไปแล้ว ::HeyHey::
ใช้ภาษาสวยดีครับ แต่อ่านยากนิดนึง
เจอของเล่นยุคปัจจุบันทำเอาเจ้าหญิงเคลิ้มเลย
เจ้าหญิงโดนเบิกพรรมจรรย์แบบล้ำสมัยมากด้วยไวเบตเตอร์นี่คงติดใจไปอีกนาน
เพื่อนก็เป็นห่วง แต่พระเอกเราหายมาเจอของดีซะงั้น สุดยอดครับ
::Punch::
มีีตอนต่อไปมั้ย จะติดตาม สนุกมากครับ
ขอบคุณมากครับ
ร่างทรงยุคแรกเลยนี่นา คงคือต้นแบบร่างทรงในยุคนี้ 5555
เจ้าหญิงโดนทั้งของจริงของปลอม ติดใจแน่นอน
เจ้าหญิงเจอของดีจากปัจจุบัน คงเพลินไม่น้อย
::Glad::คตแค่ตอนแรกก็เสียวแล้วชอบครับ
น่าอ่านมากครับผู้ที่ผ่านโลกที่เจริญแล้วกลับมาสู่อดีตนี่มันส์แน่นอน
ย้อนอดีตจัดหนักเจ้าหญิงผู้เลอโฉม หลอกฟันสบายเลยสุดยอดครับ
มาแนวนี้ผมก็ชอบ และยังรออาถรรพ์ปลัดขิกอยู๋นะครับ
ชอบแนวหลงยุคไปอดีตมากๆคับ ชอบพระเอกที่มันเจ้าเลห์ดี เจ้าหญิงเจอของเล่นยุคนี้ถึงกับไปไม่เป็นเลย
เรื่องแรก แนวย้อนยุค ต้องลุ้นเรื่องต่อไปว่าจะแนวไหน
คิดได้ไงพล็อตเรื่อง แบบนี้ เข้าใจคิดดีครับ
ขอบคุณครับ สุดยอดจริงๆไปได้ไงเนี่ย
แนวเจาะเวลา ห่างหายไปนาน อ่านแล้วคิดถึงเรื่องนึงผู้แต่งหายไปเลย เกี่ยวกับสามก๊กเนี้ยล่ะ คิดถึงมากๆ อยากอ่านต่อ แต่ผู้แต่งคงยุ่งๆล่ะ
อยากอ่านต่อยาวๆเลยแบบนี้
เรื่องสั้น แต่ไม่สั้นซะแล้ว
เจ้าหญิงโดนดิลโด้เข้าไปถึงกับน้ำแตก
ธีมเรื่องน่าสนใจครับ ชอบตรงที่มีเกร็ดประวัติศาสตร์ ที่ยังไม่รู้แทรกอยู่ด้วยครับ
นวัตกรรมยุคใหม่ถูกใจทวยเทพ!
นึกถึง ซีรี่ย์ ศรีอโยธยา ช่อง8 ทันที
อย่างเนียนเชียว..แล้วถุงยางที่เมีเยอะแยะต้องใช้มั้ย แต่ดูท่าจะสดแตกในซะมากกว่า.....5555 เด็ดครับ
มีพิธีเบิกพรหมจรรย์ แบบนี้ พลได้อีกหลายนางแน่
หลอกลวงจิงๆโดนจับได้ตายแน่
สงสัยแต่แรกแล้วทำไมมีไวเบรเตอรฺติดตัวไปตอนออกเดินทาง
กลัวแบตเตอรี่ถ่านหมดอ่า เดี๋ยวจะไม่ศักดิ์สิทธิ์
อย่างแรกเลยต้องกราบขออภัยก่อนเลยครับที่เรื่องนี้เรื่องเดียวเข้ามาอ่าน 4-5 ครั้งกว่าจะได้ตอบ เหตุเพราะอ่านไม่ทันจบมีเหตุให้ต้องออกจากเวบขออภัยจริงๆครับท่านนักแต่ง เรื่องนี้เดินเรื่องได้ไวมากครับอ่านแล้วเห็นภาพทุกตัวอักษร แต่ที่แน่ๆนายพลสุดยอดครับเขี่ยสะเจ้าหญิงเคลิ้มเลยแต่ต้องขอบคุณไข่สั่นของญี่ปุ่นเขานะ ขอบคุณครับ
สุดยอดเหมือนเดิมเลยครับท่าน คราวนี้ใช้ไทม์แมชชีนซะด้วย 555
ตอนแรกยาวมากๆครับ มาถึงก้อจัดนางเอกเลยแล้วจะได้กลับปัจจุบันป่าว
เนื้อเรื่องสนุกครับ มองเป็นภาพออกมาเลย ไม่กระตุกหรือหลุดภาพไป สนุกมากๆ ครับ
ผู้แต่งมีภูมิรู้พอสมควรเลยครับ คำเหมาะสมกับเรื่องราวตัวละคร คาดว่าทำการบ้านมาไม่น้อย
ขอบคุณมากครับ มาแนวย้อนอดีต อ่านเพลินๆ แต่โดยส่วนตัวผมชอบแนว คาถาอาคมมากกว่า รอตอนใหม่อยู่นะคร๊าปปปปป ::WooWoo::
ได้ฟันเจ้าหญิง โดยอ้างเป็นตัวแทนพระศิวะแล้ว จะกลับบ้านปัจจุบันยังไร
พลจะได้เบิกพรหมจรรย์ของเจ้าหญิงแล้ว !!
พราหมณ์พลรพีกลายเป็นพระศิวะ
นายพลจัดเจ้าหญิงแล้ว...สมใจอยากเลยงานนี้
สนุกมากครับ พลนี่กระล่อนสุดๆ 555
ผลงานดีมากครับทั้งคำพูดวาจาราชาคัพย์ และการเชื่อมเรื่องราวจากปัจุบันย้อนกลับไปถึงอดีต
สุดยอดมากเลยครับได้อย่ารมณ์โครตๆแนววนี้ชอบมากๆ
นางในวรรณคดีรึจะสู้เลห์เหลี่ยมชายในยุคปัจจุบัน
ถ้าเจ้าเมืองรู้โดนหั่นให้เป็ดแน่
เล่นของสูง เจอจับได้นายพลหัวขาดแน่
::Oops::เรื่องสั้นคั้นเวลาแบบนี้ สุดยอดเลยครับ
แล้วจะกลับบ้านได้ยังงัย นายพล
ชอบมากครับ แต่สงสัยว่าพระเอกไปไหนครับ น่าจะเพิ่ม นศ.หญิงด้วยครับ
องค์ศิวะจะโกรธไหมเนี่ย แอบอ้างขนาดนี๊555
เอาเทคโนโลยีล้ำยุคแบบไวเบรเตอร์ไปแอพกับเจ้าหญิง ก็มันส์สะเด่าสิท่าน
เจอเทคโลยีสมัยใหม่ไป ถึงกับสั่นเลยทีเดียว
ชอบมากเลยครับ ประเภทย้อนประวัติศาสตร์ ถ้ามีเวลา ลองเขียนแบบเจาะเวลาหาจิ๋นซี อะไรแบบนี้บ้างนะครับ
มีของเล่นทันสมัยย้อนเวลากลับไปได้นี่ มันวิเศษจริง เล่นซะเจ้าหญิงเคล้มเลย
จัดการองค์หญิงเร็วๆเลยพล
แบบนี้เจ้าหญิงคงติดใจแบบสุดๆ
จะจบลงแบบไหนนะ แต่พร๊อตเรื่องแบบนี้ ย้อนเวลาแบบนี้ เขียนต่อยาวๆได้เลยนะครับ
สนุกมาก แปลกดีมีความน่ารักของเจ้าหญิงที่ต้องมาเจอกับของเล่นยุคใหม่
เจอของเทพเข้าไปเจ้าหญิงหลุดไปไกลเลย
อยู่ต่อยาวๆเลย ไม่กลับแล้วปัจจุบัน ::DookDig::
เจอของจากต่างยุคไป เสร็จแน่ๆ ฮ่าฮ่า
มีพกของดีติดตัวไปสะด้วย ชอบจริงๆครับแนวนี้
ขอบคุณสำหรับ เรื่องสั้นคั่นเวลาครับ รอ อาถรรพ์ ปลัดขิกตอนต่อไปมาได้ดีทีเดียว
เจ้าหญิงติดใจของเล่นแน่นอน
แนวย้อนโบราณ ชวนสงสัย ชวนติดตาม
ก็ขอบคุณครับ สำหรับเรื่องแนวใหม่ๆ แบบนี้
แต่งได้มันดี ย้อนยุคเอาเจ้าหญิง
เจ้าหญิงท่านเกิดเร็วไปถ้าท่านได้มาอยู่ในยุคสมัยนี้ท่านสามารถครอบครองได้หลากหลายขนาดเลยทีเดียว
ไม่เสียแรงที่ย้อนกลับไปในอดีตชาติ เจ้าพล สงสัยคงคิดว่าฟลุ๊คแค่มาตามหาศิวลึงค์ คงไม่คิดว่าจะได้ใช้มันสินะ ทั้งศิวลึงค์ประจำตัว และศิวลึงค์ ของเจ้าชาติ
ขอบคุณมากครับ มีเรื่องสั้นคันอารมณ์แบบนี้ได้ถูกใจมากครับ รูปก็สวยเยี่ยมเลย
ย้อนเวลาหลอกฟันเจ้าหญิง ::Hunger::
แต่งได้น่าสนใจ แนวย้อยยุคไม่ค่อยเจอ
ดีนะครับที่เอาแบบสั่นได้ไป ถ้าไปแบบแท่งธรรมดานี่คงหลอกยากนะครับ 555555
ราชาศัพท์ไมม่กระดิกเลยครับ ::Elder::
เห็นรูประกอบแล้วอยาก...อ่านเลยครับ
สุดยอดแห่งการเขียนจริงๆ..ย้อนรอยประวัติศาสตร์เสียว
เจ้าหญิงเจอเกรัยนแห่งอนาคต ชะตาจิ๋มขาดเบย
โอ๊ะ แนวข้ามภพข้ามชาติ ก็สนุกดีนะครับ ชอบๆ ::WooWoo:: ::WooWoo:: ::WooWoo::
ชอบมากครับ มาแนวนี้ไปให้สุดเลยครับ
แนวย้อนเวลา พร้อมของเล่นปัจจุบัน น่าสนใจครับ ขอบคุณครับ
สนุกมากครับ อยากรู้เลยตอนที่เหลือจะเอาตัวรอดยังไง
ศิวะลึงค์ยุคใหม่สั่นได้นี่เทพขิงๆ เจ้าหญิงเคลิ้มไปไม่เป็นแน่นอน หวานหมูซะแล้ว
เจอของเล่นเข้าไปงงกันทั้งเมืองเลย
แบบนี้ก็ได้เหรอ ใช้แทนลึงเลยนะ แล้วก็ได้กินฟรีๆ
สงสัยจะติดใจองค์หญิงจนไม่กลับมายุคปัจจุบันแล้ว
ศิวลึงค์ชิดซ้าย เจอศิวะไวเบรเตอร์เข้าไป
พลพีระปลอมตัวได้แนบเนียนจริงๆ เรื่องสั้นเนี่ยเนื้อเรื่องจะต่อกันมั้ยครับ หรือแบบเรื่องใครเรื่องมัน
งงเด้ งงเด้
เจอดีโดสั่นในไปอ่านตอนแรกๆๆขำมาก
เล่าเรื่องได้เข้าถึงอารมณ์มากครับ
แปลกแหวกแนวดี ชอบๆ
ถ้าเป็นซีรี่ย์น่าติดตามเลยล่ะ
ขอบคุณครับ
เอาล่ะนายปัน ก่อเรื่องไว้ขนาดนี้ ถึงจะโดนสะกดจิตก็เหอะ จะโดนอะไรบ้างละเนี่ย
เจ้าหญิงยุคขอมกับไวเบรเตอร์ แปลกดี แนวนี้
เล่นใหญ่รัชดาลัยเลยพระเอก 555
เจ้าหญิงเจอแบบนี้ถึงกับสั่นเลย
กระผมเห็นควรให้อยู่ต่อ เพื่อเบิกพรหมจรรย์ให้สตรีทั่วเมือง
ใช้ภาษาดีมากเลยค่ะ ความรู้ทางประวัติศาสตร์ก็เป๊ะอีกด้วย
อยากเป็นพราหมณ์มั่งจัง
เนื้อเรื่องดีครับ มีการยัอนเวลา อยากให้มีตอนต่อ
ถึงขั้นได้ฟันเจ้าหญิงตัวหอม น่าอิจฉามากครับ
เจ้าหญิงเจอดุ้นไฮเทค ชอบครับชอบ
เจอของเล่นเข้าไป คงติดใจน่าดู
ขอบคุณครับ
ดีที่พกปลัดขิกมานะ ไม่งั้นซวยเลย
พระเอกเราเล่นย้อนเวลาไปแบบนี้ เรื่องจะจบง่าย ๆ ได้ยังไง มันต้องระดับทำสงคราม ปราบสาวๆ ไปทั่วแดนขอมแน่ๆ
เจาะเวลา หาองค์หญิง(เจาะไข่แดง)สินะ
ถึงจะเป็นองค์ปลอมแต่เอ็นนะของจริงนะโดนที่นี้ร้องเลย
เรื่องแปลกดีน่าติดตามอย่างไรก็ขอบทเสียวมากๆหน่อยนะครับแล้วช่วยออกไวๆนะครับแฟนคิดถึง
ปั้นเรื่องได้เร้าอารมณ์เหลือเกินจนอยากไปช่วยเบิกพรหมจรรย์แทนพราหมณ์ทั้งหลาย
นึกว่าเจ้าหญิงจะโดนเปิดด้วยของเทียมเสียแล้ว
ย้อนกาลเวลาในอดีล อย่างนี้เจ้าหญิงมิเสียวหรือครับ ::Thinking::
ย้อนยุคไปล่อเจ้าหญิงในฝันจนได้นะ
เจ้าหญิงนี่ชอบเลย ได้ไวเบรเต้อ
มาแนวนี้เลยนะ กำลังฮิตเชียว แถมให้ภาษาได้แจ่งจริง ๆ
แนวทะลุมิติแบบนี้ ชอบๆ เจ้าหญิงถึงกับพระทัยสั่นกันเลยทีเดียว 5555
สงสัยต้องปรับเวลาจาก 1 คืน เป็น อย่างน้อย 7 คืนแล้ว
ได้เอานางในวรรณคดีด้วยสุดยอด
ชอบมากเลยแนวนี้ จินตนาการย้อนยุคได้เร้าใจมากครับ
พิธีเบิกพรมจรรย์ของสมัยโบราณ หลังจากนี้คงต้องใช้ลึงค์จริงของพราหมณ์แน่ๆ
พระเอกของเราโคตรเจ้าเล่ห์เลย
เนื้อหาน่าอ่านยิ่งนัก ผสมผสานความเป็นยุคเก่าได้คลาสสิคดีมาก
สนุกครับแต่ยังไงก็รอตอนที่11อยู่นะครับ
สุขสำราญบานกระเจี๊ยวมากๆเลยท่าน Kamen Rider V3
ฝีมือวรรณกรรม การใช้ศัพท์แสง สุดยอดมากเลยครับ
ขอบคุณนะครับ
มาแนวแปลก เร้าอารมณ์ดีมาก พลเป็นพระศิวะ นัำกระจาย
เจ้าหญิง เจอของดีเข้าให้แล้ว เยี่ยมมาพราหม์พล
ถ้าเป็น ไลท์โนเวล เรื่องนี้จะชื่อ เมื่อผมไปต่างโลกพร้อมแท่งหรรษา......
ตื่นเต้นและลุ้นไปกับการเอาตัวรอดของพลพีระจริง ๆ ถ้ารูปประกอบเป็นสาวขอมจะยิ่งฟินสุดๆ
มาแนวแปลกดีย้อนอดีต ขอบคุณครับ
ระวังท่านติดใจพรามห์แล้วจะไม่ได้กลับบ้านนะครับ ::DookDig::
ของเล่นยุคใหม่สั่นได้ดิ้นได้เจอไป เสียวเลย
::Glad::เหมือนกับว่าเจ้าพลจะได้พระนาวอัปสรง่ายเกินไปหรือเปล่าครับ
สบายแท่ง ท่านสิวะพลไปเลย ได้เปิดพรรมจรรย์ เจ้าหญิงเสียด้วย น่่าอิจฉา
ขอบคุณครับ เจ้าหญิงเจอเซ็กทอยเข้าไปสบายตัว
แปลกแหวกแนวดี ชอบครับ
สนุกมากครับ แนวนี้แปลกดี
ชอบมากครับ เสียวดี อยากให้มีตอนต่อไปอีก ขอบคุณมากๆครับ
แล้วเจ้าหญิงก็โดนของจริง ขอบคุณครับ
นายพลเนียนไปเลยนะ
โอ้โห้วว ตอนแรกกะจะไม่อ่านนะครับ กะจะรอเรื่องหลักตอนต่อไป แต่พออ่านแล้ว เขียนภาคต่อของเรื่องนี้ก็ได้นะครับ เนื้อหาดูตั้งใจเขียนมากเลยครับ ขอบคุณครับ
เจ้าหญิงเจอเทคโนโลยีสมัยใหม่เสียสั่นเลย
ชอบแนวนี้มาก แบบย้อนเวลากลับไปอยู่อีกยุค
อยากให้มีตอนต่อเร็วๆ ผมว่าได้แม่เจ้าอีกชัวร์555
การบรรยายให้เห็นภาพชัดเจนคือจุดเด่นข่องผู้แต่งๆจริงๆ พร้อมจินตนาการล้ำเลิศ
เขียนได้ดีครับ มีการเอาศิวลิงค์สมัยใหม่มาผูกกับเรื่องได้ดีครับ
ขอบคุณมากครับ
สุดยอดไวเบรเตอร์ในตำนาน น่าจะหามาบูชาเลยนะเนี่ย
เจอมุขของเล่นเข้าไปเจ้าหญิงยอมเลย
อยากอ่านต่อก็คอมเม้นท์หน่อย เนื้อหาแปลกดี น่าติดตาม
แม่นางช่างไร้เดียงสาเสียยิ่งกะไร
สุดยอดจินตนาการเลยครับ อ่านเพลินดี สนุกมากๆ ผมตามเป็น FC เลยงานนี้..
แล้วเจ้าหญิงสุคนธอัปสรจะทำพิธิเสร็จใหนนะ ขอบคุณมากครับ ::Thankyou::
เรืองนี้มาแนวทะลุมิติไปแทง แนวนี้ไม่ค่อยเจอ เริ่มเรื่องด้อมันส์แล้ว น่าติดตามครับ
ทำไมยิ่งอ่านยิ่งฮา พระเอกนั่นก้หลอกได้ทั้งเมืองซะงั้น
ัอยากเป็นพระเอกจังอ่ะ อิจฉา
พระเจ้า.อยากเป้นพลจังเลยได้ล่อพระธิดาสุดสวยเสียด้วย
น่าตั้งชื่อเรื่องว่า หลอกฟันสาวทะลุเวลา
ขอบคุณครับ
มาแนวทางนี้ ชอบมากที่สุด มาบ่อยๆนะครับ
ย้อนอดีตไปเจอเจ้าหญิงแล้วยังเอาของเล่นยุคใหม่ไปด้วย สุดๆเลยครับ รอติดตาม
เรื่องสั้นคันอารมณ์ดีจริงๆ เอาเรื่องราวโบราณมาแต่งเป็นเรื่องแนวนี้ได้นี่สุดยอดจริงๆ น่าสนใจไปเรียนโบราณคดีเลย เผื่อจะโชคดีแบบพลมั่ง ขอบคุณมากครับ
หลอกฟันเจ้าหญิงแบบนี้ชอบมาก เอาให้สุด
เข้าใจแต่ง อ่านเพลินๆเสียวๆดี ขอบคุณมากมาย จะรอติดตามผลงานต่อไปนะ
เจอศิวลึงค์เข้าไปถึงกับแย่เลย
เจอของเล่นเข้าไปเจ้าหญิงถึงกับไปไม่เป็นเลยฮะ
สนุกมากเลยครับ ลุ้นว่าจะจบแฮปปี้ หรือโดนดี
สุดยอดจินตนาการครับ รายละเอียดทั้งเนื้อเรื่อง คำราชาศัพย์ก็เจ๋ง ทำให้คล้อยตามได้ดีมาก ขอบคุณมากครับ
อ่านเรื่องแบบนี้แล้วมันสนุกมากครับอย่างที่พระเอกของเรื่องบอกไว้ว่ามันทำให้เกิดจินตนาการที่สวยงามครับ
ถึงจะอ่านไม่จบ แต่ผมบอกเลยว่าชอบมาก มันส์มาก ฮามาก และหื่นมากด้วย
คนแต่งทำการบ้านมาดีมากครับ อ่านแล้วรู้เลย แต่บรรยายนางเอกน้อยไปนิด
แต่สรุปแล้วยกให้เป็น Post of the month ได้เลย สนุกจริง อะไรจริง
ช่างอัศจรรย์พันลึกอะไรเช่นนี้ ชวนให้เชื้อว่านี่ผมกำลังอ่านนิยายของผู้ประพันธ์อันเก่งกาจลือนามอยู่อย่างนั้นเชียวครับ
ย้อนยุคแบบนี้แหละชอบมาก ยิ่งภาพประกอบนี้ยิ่งโดน
ย้อนอดีตมาทำพิธีให้เจ้าหญิง อยากรู้เลยครับว่าจะอยู่ยาว หรือว่ากลับมายังยุคปัจจุบัน
เจ้าหญิงติดใจของปลอมแล้วมั้งนี่
ขอบคุณมากครับ ถึงจะงงราชาศัพท์บ้าง
ยอดเยี่ยมครับ จิตนาการบรรเจิดมาก มีแนวทางใหม่ๆ ดีครับ
จินตนาการเพริดแพร้วมากมายครับ พลนี่ดวงเฮงจริงๆ
อู้ววว พระเอกเรานี่ฉลาด(แกมโกง)ใช้ได้นะครับ ::Shy:: ::Horror::
สมัยเรียนไม่ตั้งใจก็งงกับ ราชาศัพท์วนไป ขอบคุณครับ
มาแนวโบราณแบบนี้ชอบเลยครับ ส่วนอาถรรพ์ฯ รอได้เสมอครับ
ขอบคุณครับ
แนวย้อนเวลานี่มันหายากแถมสนุกมากเลยครับขอบคุณนะครับ
เนื้อหาสนุกมากครับพระเอกฉลาดแกมโกงดี ขอบคุณผู้แต่งสำหรับผลงานดีๆครับ
ย้อนอดีต ก็มา สนุก มาก ครับ เรื่องนี้
แนวแบบนี้ก็สนุกดีครับ อยากอ่านตอนต่อไปเลย
ว่าแต่พลจะกลับไม่หนอ
ชอบแนวย้อนยุคคลาสสิกดีครับ
เนื้อเรื่องน่าสนใจ ขอบคุณครับ
•====================================•
○ 30/1/2561 ○
รีพลายผิดเงื่อนไขการพิมพ์ตอบห้อง ผู้ประพันธ์บอร์ด
แบน 6 เดือน { 30/1/2561 ~30/7/2561 }
•===============================================•
https://xonly8.com/index.php?topic=189855.msg722607#msg722607
ศิวลึงค์ยุคปัจจุบัน.....
เปลี่ยนจากป็อดมาเป็นอีกคนก็สนุกไปอีกแบบ แต่ที่ต้องยอมรับและชื่นชมก็คือการดำเนินเนื้อเรื่องที่น่าติดตามการใช้คำ ใช้ภาษาของผู้แต่งที่ทำให้คนอ่านเข้าถึงตัวเนื้อเรื่องได้มากขึ้น จะติดตามไปเรื่อยๆนะครับ ขอเป็นกำลังใจให้ เขียนงานดีๆแบบนี้ออกมาอีก
ปล. อดใจรอนายป๊อดตอนต่อไปไม่ไหวแล้ว
เจ้าหญิงจะติดใจไหมเนี่ย ต้องใช้ลีลาดีนะ เด่วทรงกริ้วนะ
หลอกเจ้าหญิงจนติดใจเลย
ภาษาสวยมากครับ เจ้าหญิงเจอของเด็ดจากโลกอนาคต เพลินเลย
ดีนะที่ติด ไวเบรเตอร์ ไปด้วย ก็เลยหลอกคนได้ทั้งเมือง
อ่านเพลินๆ พอเจอรูปประกอบผมหื่นทันที เข้าใจหารูปมากๆ
งานท่านฝีมือเก๋ามากครับ ขอคาราวะ แนวนี้นี่เขียนยากสำหรับผมมากเลย
ไวเบรเตอร์ลึงค์ จะหลุดมาโลกอนาคตรึเปล่าเนี่ย
ย้อนเวลาฟันเจ้าหญิง ยินดีด้วยนะพล::Bloody::
อ้างจาก: GoDersoUL เมื่อ มกราคม 28, 2018, 12:37:41 ก่อนเที่ยง
งานท่านฝีมือเก๋ามากครับ ขอคาราวะ แนวนี้นี่เขียนยากสำหรับผมมากเลย
มีไรท์ฝีมือดี มากล่าวคำชม ทำเอาผมพองโตเลย ขอบคุณนะครับ
ท่านพราหมณ์พล จะกลับบ้านยังไง
เรื่องสนุกเร้าใจน่าติดตามครับ
สำนวนดีมากเลยครับ ได้อารมย์มาก ภาพประกอบก็สุดยอด ::KO::
โชคดีเกินไปหรือเปล่า มาถึงได้ฟันเจ้าหญิงเลยนะ
สนุกดีครับแนวย้อนอดีต พระเอกเจ้าเล่ห์จริงๆ หลอกคนเชื่อหมด ยิ่งเจ้าหญิงมาเเนวใสๆ นี่เข้าทางพระเอกเลย ชอบมากครับ
สนุกมากๆครับ ชอบแนวย้อนอดีต
สนุกจริงๆครับ เขียนกี่เรื่องก็สนุกเหมือนกันหมดเลย
สนุกมากเลยครับ นานๆครั้งกว่าจะได้อ่านเรื่องแนวนี้ ขอบคุณครับ
ถ้อยคำและเนื้อหาแปลกดี ขอแสดงความนับถือจากใจเลยครับ
ขอขอบพระคุณมากเลยขอรับ
โดนอย่างนี้แล้ว เจ้าหญิงมิหลงหัวปรักหัวปรำหราขอรับ อิอิอิ
เนื้อหาน่าสนุกมาก สร้างสรรดี ภาษาสวย อ่านได้อารมณ์
ให้พลจัดหนักไปเลย
เอาเทพมาแต่งซะอย่างนี้เลยหรือ
จัดเลยๆ แล้วตอนตื่นจะเนียนแบบไหนน้า
ได้เล่นเจ้าหญิงผู้สูงศักดิ์ สุดยอดไปเลย
ขอบคุณครับ
เรื่องแนวทะลุมิติไปในอดีต อย่างนี้น่าสนุกมาก แถมภาพประกอบก็สวยด้วย
ขอบคุณมากๆครับ
อิงประวัติศาสตร์ซะด้วย มาแนวนี้น่าติดตามครับผม ว่าแต่พลจะกลับมาได้ไหมหนอ ::Thinking::
ถ้าไม่มีตอนต่อไป ต้องคุยกันยาวๆ
อย่างชอบเลยครับ
•====================================•
○ 13/2/2561 ○
คอมเมนผิดเงื่อนไขการพิมพ์ตอบห้อง ผู้ประพันธ์บอร์ด เตือนแล้วไม่สนใจ
https://xonly8.com/index.php?topic=185512.msg683808#msg683808
(https://www1.wi.to/2018/02/13/3689270b7f7e4e8e7045f4025954de79.jpg)
แบน 2 ปี{ 13/2/2561 ~13/2/2563 }
•===============================================•
https://xonly8.com/index.php?topic=191997.msg765923#msg765923
เจอศิวลึงค์อัพเกรด
เจอของเล่นพราหม์เข้าไปสั่นสยิวเลยดิองค์หญิง.....อยากรู้นักถ้าพระเจ้าวรมันรู้จะเป็นยังไง
แต่งได้ดีมากเลยครับน่าจะตีพิมพ์ได้
ใช้ของร่วมสมัย
เปลี่ยนจากปลัดขิกเป็นไวเบรเตอร์เลยนะครับ ส่วนตัวผมว่าได้อยู่ แต่เมื่อย้อนอดีต บทพูดก็ควรโบราณๆหน่อย รู้สึกจะมีหลุดบ้าง แต่ก็นะ... บางคำก็ยากที่จะใช้คำโบราณๆ
ฝันเป็นจริงแล้วพลเอ๊ย ขอแค่เจอแต่กลับจะได้เอาเจ้าหญิงเป็นเมีย นี้มันเกินคุ้มจริงๆ
ขอบคุณครับ เจอของดีแบบนี้สงสัย ถุงยางได้หมดกระเป๋าแน่
อ่านสนุก เนื้อเรื่องดีมากๆเลย เป็นกำลังใจให้นะ
มีของแบบนี้ในยุคนั้น....นึกไม่ออกว่าจะม่วนขนาดไหน... ::Thinking::
เจ้าหญิงท่าจะแย่แน่ๆ สงสัยจะโดนทำพิธีตลอดคืนซะแล้ว
คงได้ฝากไว้ในกายเธอ
แต่งเรื่องได้ดีครับ อ่านแล้ว รู้สึกได้ถึงอารมณ์นั้นเลย นับถือๆ ครับ
เจ้สหญิงเจอของเล่นยุคนี้ถึงกับไปไม่เป็นเลย
เนื้อเรื่องแนวทางนี้มันสุดยอดจริงๆครับอ่านแล้วใด้อารมณมากเลย ลุ้นนายพลของเราเบิกพรรมจรรย์เจ้าหญิงแสนสวยนี่มันเป็นอะไรที่เร้าอารมณ์จริงๆ
แต่งเนื้อเรื่องได้ดีครับ ติดตามผลงานเลย มาแต่งเรื่องให้อ่านอีกนะครับ ขอบคุณจริงๆ
ขอบคุณสำหรับผลงานครับ
ไม่ได้อ่านแนวย้อนเวลามานานแล้ว
องค์หญิงเจอลึงค์แปดนิ้วคงนอนยาวแน่ๆ
::Thankyou:: เป็นองค์ลงซะเนียนเลยครับ
ช่างน่าไปทำพิธีด้วยน้า
ข้ามไปเปิดเลยย.... น่าสมัครเป็นผู้ประกอบพิธี
เจ้าหญิงระวังไวเบรเตอร์ แบตหมดนะ
ดีนะที่พลเป็นคนไทย ถ้าเป็นญี่ปุ่นคงมีอุปกรณ์เสริมอีกเพียบ
เป็นเรื่องสั้น ที่ผมอยากให้มันเป็นเรื่องยาวจัง ครับน่าจะมีหลายตอน ครับ
เนื้อเรื่องสนุกมากครับ รอติดตามตอนต่อไปครับ
เรื่องสั้นแต่ยาว คันอารมณ์ได้ดีจริงๆ
สนุกมากครับขอให้มีมาอีกหลายๆคอนครับ
ป๊าด !! ย้อนอดีตไปเบิกพรหมจรรย์
ขอบคุณมากๆค้าบบบบ กำลังสนุกเลย ขอด้วยค้าบบบ
อยากใช้ดิดโด้สีชมพู
ศิวะลึงก์พิศดาร ด้วยพลังแห่งอนาคต เจ้าหญิงเลยได้เสียวจนสุดใจ
เป็นเรื่องสั้นคั่นอารมย์ที่ปลุกอารมย์มากๆเลยครับ
ร้ายจิงๆๆพรามพล หัวไว โป้ด เจ้าหญิงรอดยากแน่ๆๆเลย
แนวอดีตแบบนี้แนวที่ชอบเลยครับ แต่งได้เยี่ยมมากครับ
เป็นเรื่องสั้นแต่อ่านแล้วไม่ทำให้เนื้อหาขาดตอน ได้ใจความไม่ทำให้สะดุด อ่านสนุกดี
ชอบมากเรื่องแนวนี้บรรยายได้ถึงอารมณ์
อยากอ่านตอนต่อไปแล้วครับ
เนื้อเรื่องชวนติดตาม ของแปลกใหม่
อ่านแล้วอยากย้อนเวลากลับไปแบบนี้จังเลย555
โอ้โฮ เข้าบรรยากาศมากๆ
สุดยอดเลย คุณมดแดงคนเก่ง 555
ชอบแนวเอาของยุคใหม่ย้อนไปใช้ในอดีตครับ น่าจะมีไอเทมอื่นๆด้วยนะ
::YehYeh:: ชอบงานเขียนแบบนี้มากเลยค่ะ อ่านแล้วมันเพลินดีเหมือนนึกตามได้
ชื่อเรียกยากไปหน่อย แต่กลกามไม่ยากไปเลย
อยากทะลุมิติบ้างจัง
ตำนานเจอคนหื่นในตำนาน 555 ชอบมากครับแนวย้อนอดีตไปเจอความสุข ::Thankyou::
สวมรอยได้แนบเนียนมากเลยครับ ท่านพล
แม่เจ้า คิดได้ยังไง สนุกดี ขอบคุณครับ
มาแนวนี้แปลกมากทีเดียวครับ แต่ชอบจังเลย ชอบสุด ๆ อยากให้คุณพลเป็นเหมือน เจาะเวลาหาอดีตไปเจอสาวงามในอดีตหลายๆประเทศเลยครับ
เรื่องกำลังตื่นเต้น จะเกิดอะไรต่อไป
จินตนาการสุดยอดมากครับ ภาพประกอบก็เจ๋ง
อิอิ พระเอกย้อนเวลาเพื่อไปเบิกพระร่องของเจ้าหญิง แสบจริงๆ พระเอกเรา
แม้แต่องค์หญิงยังไม่เว้น หุหุ
ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆนะครับ มีเรื่องให้อ่านอีกเยอะๆนะครับ
น่าทำเป็น ซีรีย์ยาวแบบว่าย้อนไปเยดบุคคลสำคัญอะไรแบบนี้
เชือดเจ้าหญิงเลยรึ
::WooWoo::น่าจะทำเป็นเรื่องยาว
โอ้โห อิจฉาพระเอกเลย เป็นเรื่องสั้นที่เข้าใจง่าย สนุก และเสียวมากครับ
ไวเตอร์เทพสินะ
แนวย้อนยุคก็เสียวได้อารมณ์ดี ชอบมาก
องค์ศิวะประทานให้กลับสู่อดีต สุดยอด! เจ้าหญิงเลยได้ซ่านเสียวจริงๆ.
ขอบคุณครับพี่
ชอบเรื่องแบบนี้เป็นที่สุด พระเอกยุคปัจจุบันหลุดไปในอดีต
แนวย้อนยุค ของขอมก็มา
จัดว่าเด็ดคับผู้เขียน
::Ahoo::😀
เสร็จแน่เจ้าหญิงแสนสวย
แนวย้อนยุคแบบนี้ เร้าใจไปอีกแบบ สนุกดีครับ
เป็นการย้อนอดีตที่แหวกแนวมากจริงๆ
องค์หญิง คงสนุกน่าดู
เนื้อเรื่องสนุกน่าติดตาม
เจ้าหญิงเจอศิวลึงค์แล้วคงติดใจ
::Horror:: ::Horror::
แล้วพกแบตเตอรี่ไวบเรเตอรืไปกี่ก้อนหล่ะ
เจาะเวลามาหาเธอ อะไรจะโชคดีปานนี้
มีย้อนอดีตด้วยสุดยอดมากเรื่องนี้
ตำนานนางฟ้าสุดสวย ::JubuJubu::
สุดยอดครับท่านอ่านสนุกมากโดยเฉพาะพระโยนีสีชมพูระเรื่อระเรื่อโดนใจมาก
เรื่องนี้น่าติดตามจริงๆครับ
,เจอแล้วไวเบรกเตอร์ที่ตกทอดของต้นตระกูล
เนื้อเรื่องดีมากๆครับ
มีกลิ่นวรรณคดี+แฟนตาซี ดี
ถือว่าผูกเรื่องได้ดีมากๆเลย
::Glad::
ขอบๆ แนวย้อนยุค (ตอนนี้กำลังฮิต) อ่านแล้วสนุกมากครับ
พวกสวมรอยข้ามมิติ
แนวนี้ก็ดีเหมือนกันแฮะ ::Dozy::
::YehYeh::รอ
น่าสนใจ
::Fighto::
เนื้อเรื่องน่าสนุกมากเลยครับ
ได้ล่อเจ้าหญิง เสียวหัว ค..จริง ไ
มีตอนต่อไปมั้ยครับ
แต่งออกมายาวๆเลยครับแนวนี้หาอ่านยากพอควร
เจ้าหญิงเจอไวเบรเตอร์เข้าไปถึงกับดิ้นถ้าเตอของจริงจะกว่านี้อีก
เจ้าหญิงเจอศิวะลึงค์สมัยใหม่แตกไม่เป็นท่าเลย
มีตอนต่อ ๆ ไปไหมครับ หรือว่าตอนเดียวจบเลย
แนสย้อนยุคแถมมีไวเบรเตอร์คนสมัยก่อนโดนแล้วติดใจแน่
แนวย้อนยุค ได้กับเจ้าหญิงซะด้วย มันละทีนี้
เรื่องชวนติดตาม ขอบคุณนะครับที่นำมาให้เสพกันครับ ::WooWoo::
พลเล่นของสูงเลยเว้ย หาเรื่องหัวขาด
แต่งได้สุดยอดมาก น่าจับไปทำหนังซะเลย
ชอบแนวทะลุมิติมากเลย แหวกแนวดี
ย้อนอดีตมาจัดการเจ้าหญิงแบบนี้ น่าอ่านมากครับ
เจอศิวลึงเนื้อเข้าไป น่าจะติดใจล่ะนะ
จินตนาการและและการเรียบเรียงขั้นเทพจริงๆครับ
หมดกัน นิทานในวัยเด็ก
น่าสนุกดีครับ
ขอบคุณครับ ย้อนอดีตไปจัดการกับเจ้าหญิงเลย แถมเจ้าหญิงเจอไวเบตเตอร์เข้าไปอีก งานนี้กว่าจะเสร็จพิธีไม่ฟ้าเหลืองเหรอครับ
เรื่องสั้นที่ไม่คั่นอารมณ์แล้วนะเนี่ย
เล่นแบบนี้เลยรึ55555
พาเจ้าหญิงทัวสวรรค์เลยนะ
อิจฉาเลยครับ
ชวนติดตามดี
ศิวลึงค์ไวเบรเตอร์ สุดยอดเลย
งานนี้ได้หลอกฟันเจ้าหญิงด้วย
ศิวลึงค์ไวเบรเตอร์ สุดยอดเลย
พกอาวุธไปหาเจ้าหญิงซะด้วย
กลับไปอดีต เล่นเจ้าหญิงเลยนะพระเอกเรา
เจ้าหญิงโดนทั้งของจริงและของปลอม แล้วพลจะกลับมาโลกปัจจุบันอย่างไรหนอ
เจอปลัดขิกยุคอนาคตแย่แน่
ต้องจัดทั้งคืน
เจ้าหญิงอาจจะหลงไหลศิวลึงค์ที่มาจากอนาคต
ย้อนอดีตไปหลายพันปีเชียว
จินตนาการของนักศึกษาโบราณคดี เอสไวเบรเตอร์ย้อนยุคเข้าไปในอดีต ปะติดปะต่อจนได้อารมณ์
อยู่ดีๆก็ได้เปิดซิงเจ้าหญิง
โหยย องค์หญิง ไร้เดียงสาแท้ ::GiveMe::
อยู่สวรรค์ก็หาทางขึ้นสวรรค์ก็แล้วกัน ขอบคุณครับ
แนวย้อนอดีตแบบไทยๆ
ไหวพริบดี รอดตัวจนได้เสียว
สวรรค์บรรดารให้พบกับเจ้าหญิงที่หอมทั้งวรกาน
เพิ่งย้อนอดีตเข้ามาอ่านครับจะได้ลงลิ้นมั้ยน้อ
ได้เปิดซิงเจ้าหญิงแสนสวย
ย้อนอดีตมาเพื่อเปิดซิงเจ้าหญิง เจ้าหญิงโดนทั้งของจริงของปลอม ไม่ต้องกลับมาแล้วพล
เจ้าหญิงเจอไวเตอร์เบด
น้ำแตกได้เหมือนกันนะครับ ชอบแนวนี้ครับ
กลับมาอ่านเมื่อไหร่ก็มันส์เมื่อนั้น น่าจะมีภาคต่ออีกนะครับ555
ชอบมากครับ อยากให้เเต่เเนวประวัติศาสตร์เรื่องอื่นบ้าง
โอ้วศิวะเจ้าทำไมท่านถึงได้มีอาวุธที่รายกาจเพียงนี้ทำให้พระนางสุคนธ์อัปสรต้องยอมศิโรราบได้เพียงนี้
เจ้าหญิงเจอไวเตอร์เบด
น้ำแตกได้เหมือนกันนะ
เรื่องนี้สนุกมากๆครับ
ยอดครับย้อนยุคและร่วมสมัย ::Bloody::
เจ้าหญิงเจอของเล่นสมัยนี้เข้าไป เสร็จอย่างง่ายดาย ว่าแต่จะได้กลับปัจจุบันมั้ย
เข้าท่าแฮะ กะว่าไม่มีใครรู้จัก กุเนียนซะเลย
โหวย้อนเวลาไปดวงดีขนาดนี้ต้องหลวงให้ทั่วเมืองเลยมั้ง
ย้อนเวลามาหื่น
อ้างถึงไวเบรเตอร์สีมันวาว ขนาด 8 นิ้ว สั่นกระพือจนเกิดเสียง พร้อมกับส่ายหมุนไปรอบตัวอย่างเห็นได้ชัด สร้างความประหลาดใจ
ให้กับองค์เหนือหัวและข้าราชบริพารที่รายล้อมจนจ้องมองนิ่งค้างไปตามๆกัน ครั้นพอได้สติ พราหมณ์วราหะก็กล่าวเสียง
นมัสการพระศิวะจนดังก้องไปทั่วบริเวณ
อา~ องค์หญิงจะได้เจอกับปลัดขิกจากซีรี่หลักหรือไม่กันแน่นะ
ผสมผสานระหว่างยุคเก่ากับยุคใหม่ได้ดี อ่านเพลิน
องค์หญิงคงไม่ได้นอน แน่คืนนี้
ตื่นมาพรุ่งนี้คงเดินไม่เป็น
สุดยอดเลยครับเรื่องนี้ ไอ้พลได้ล่อเจ้าหญิงแล้ว
ไม่รอด จอดไม่ต้องแจว
มีเพศสัมพันธ์ต่อหน้าธารกำนัลเลยนะ เยิ่ยมจริงๆ พล นี้ มุขไวเบเตอร์เป็นศิวลึงเล่นเอาฮาไม่หยุด
ได้เมียเขมรล่ะ
เนียนมากเลย องค์พล
เป็นนิยายที่น่าติดตามมากที่สุด
แนวย้อนอดีต เป็นงานเขียนที่น่าติดตาม ผู้เขียนมีข้อมูลประวัติศาสตร์ ดีครับ
ตามหาเรื่องแนวย้อนยุคแบบนี้มานานมากขอขอบคุณผู้แต่งมากเลยครับ
::HeyHey::
ขำตรงพระเอกเอาจู๋ปลอมออกมาโชว์ ตกใจกันใหญ่เลย
เนื้อเรื่องแปลกแหวกแนวดีครับน่าติดตามสุดๆ
ได้ไวเบรเตอร์เป็นผู้ช่วยถึงได้รอดนะนี่
ท่านเทพจะสำเร็จพิธีไหม
คราวนี้เจอของจริงแล้วซิ
นิยายเสียวแฟนตาซี อิงประวัติศาสตร์
แต่งดีมากจริงๆ แต่เสียดายฉากรักมีแค่ยกเดียว แล้วรวบจบ
รู้สึกยังไม่จุใจกับความงามของเจ้าหญิงตามที่บรรยายไว้
เห้ยแนวนนี้ มันน่าสนใจนะ ย้อนเวลาทะลุมิติเนี่ย
เหมือนเคยตอบไปแล้ว ทำไมติดซ่อนอยู่อีกหนะ
ของจากปัจจุบัน กลายเป็นศิวะลึงไปได้ เจ้าหญิงถ้าจะชอบ
จินตนาการบรรเจิดดีจริง
ย้อนอดีตไปฟันเจ้าหญิง
แล้วตอนเช้าพระเอาเราจะรอดมั้ยเนี่ย จะโดนเจื้อนมั้ยหรือเจ้าหญิงจะชอบถูกใจ
เาหญิงโดนแน่
ชอบแนวย้อยอดีต สนุกดีนะ
เบิกพรมจรรย์ไปต้องใช้ศิวะลึงค์จริงของพราหมณ์ดีกว่า
งานนี้ได้หลอกฟันเจ้าหญิงด้วย
พล็อตดีมาก
เล่าเรื่องได้ดีมากเฃยคับ น่าติดตาม
ไม่พ้นปลัดขิก
ขอท่านพราหมณ์จงเร่งทำพิธีเถิด เจ้าหญิงท่านไม่ไหวแล้ว
พราห๋มเก๋หลอกเย็ด
จินตนาการสุดล้ำ
แหวกตำนานสุดๆ
เรื่องชอบมากๆ อ่านแล้วสนุกดี
เจ้าหญิงเจอลีลายุคใหม่ถึงกับซี๊ดด
ย้อนเวลาหาเจ้าหญิง สุคนธอัปสร สุดสวยสามโลก
สุดยอดเลยพราหมณ์หนุ่ม
ย้อนไปเป็นพราหมณ์หนุ่มแถมฟาดเจ้าหญิงอีกด้วย
เอาให้ครบทุกรูเลยนะ
ย้อนอดีตกลับไปเยสเจ้าหญิงชะด้วย
ขึ้นสวรรค์ขั้รไหน
::Beggar::
อ้างจาก: Kamen Rider V-3 เมื่อ มกราคม 22, 2018, 05:43:11 หลังเที่ยงก่อนเริ่มเรื่อง
บางคนอาจจะรอ อาถรรพ์ปลัดขิก ตอนที่ 11 อยู่ แต่ก็คงต้องสารภาพว่าจนถึงตอนโพสเรื่องนี้ ก็ยังไม่ได้ลงมือเขียนเลย
พอถึงวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็ว่าจะเริ่มลงมือ แต่ก็อย่างที่ผมเคยบอกไว้นั่นแหละ ถ้ายังไม่อยากเขียนคิดยังไงก็คิดไม่ออก
เอายังไงดีละทีนี้ ก็เลยตัดสินใจงัดเรื่องที่เขียนดองๆไว้มาตบแต่งใหม่ออกมาขัดตาทัพดีกว่า ไหนๆก็จะลงแล้วก็เลยตั้ง
ชื่อเป็น ชุดเรื่องสั้นคันอารมณ์ ซะเลย เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 1 แล้วก็คงมี 2 3 4 มาเรื่อยๆ เวลาเบื่อหน่ายจากเรื่องหลัก
ก็ลองอ่านดูแล้วช่วยติชมหน่อยนะครับ หวังว่าคงให้ความสำราญบานกระเจี๊ยวของท่านไม่มากก็น้อย
-------------
ณ. ปราสาทศรีจัมปา จังหวัดสุรินทร์ นักศึกษาคณะโบราณคดีของมหาวิทยาลัยศิลปากรกลุ่มหนึ่ง กำลังนั่งฟังเลคเชอร์
ภาคสนามอยู่บนทุ่งหญ้าเขียวขจีที่ตัดไว้จนสั้นอย่างเรียบร้อย เบื้องหลังอาจารย์สาวสวยที่กำลังยืนอธิบายประวัติ
และความเป็นมาของปราสาทอยู่นั้น คือซากปรักหักพังของหน้าปราสาทที่คงเหลืออยู่ ตัวเรือนปราสาทและความยิ่งใหญ่
ของมันในอดีต เหลือเพียงเศษซากของฐานรากวางอยู่เป็นแนว พอเป็นประจักษ์พยานว่ามันได้เคยตั้งอยู่ ณ.ที่นี้
พลพีระ นักศึกษาหนุ่มปี 3 จับใจความจากถ้อยคำที่อาจารย์ จิรา อาจารย์ประจำภาควิชาโบราณคดี ได้ว่า
ปราสาทศรีจัมปานี้ สร้างขึ้นในอาณาเขตของอาณาจักรอิศานปุระ หรือ อาณาจักรเจนละ ซึ่งปัจจุบันนี้ก็คือประเทศกัมพูชา
และดินแดนภาคอีสานตอนใต้ของประเทศไทย ในแผ่นดินที่พระเจ้าภววรมันเสด็จขึ้นครองราชย์
แผ่นดินในสมัยพระองค์มีสงครามภายในเกิดขึ้นอยู่เนืองๆ และถูกแบ่งแยกออกเป็น 2 ส่วน คืออาณาจักรเจนละบก
และอาณาจักรเจนละน้ำ แต่พระองค์ก็ยังคงศรัทธาต่อศาสนาอย่างหนักแน่น
พระองค์เป็นนับถือศาสนาฮินดู ลัทธิไศวะ และทะนุบำรุงให้ความเคารพต่อพราหมณ์ของลัทธิเป็นอย่างยิ่ง
ลัทธิไศวะนับถือศิวะเทพเป็นเทพเจ้าสูงสุดเพียงองค์เดียว และมีรูปศิวลึงค์เป็นที่สักการะแทนองค์ศิวะเทพ
จึงมักมีการค้นพบรูปเคารพศิวลึงค์ตามโบราณสถานต่างๆที่ขุดพบ แม้ประชาราษฏรในสมัยของพระองค์ก็ล้วน
แต่เคร่งครัดในลัทธิไศวะ มีรูปเคารพศิวลึงค์ติดตัวอยู่ทั่วทุกตัวคน
พระเจ้าภววรมันทรงอภิเษกสมรสกับเจ้านางศรีลาวัลญ์ พระธิดาแห่งเมืองอมเรนทรปุระ และมีพระราชธิดาที่มีพระสิริโฉม
งดงามจนเป็นที่เลื่องลือไปทั่วทุกสารทิศ ในวันที่พระนางถือกำเนิด ได้เกิดสิ่งมหัศจรรย์เกิดขึ้น นั่นก็คือมวลบุปผานาๆพันธ์
ในราชอาณาจักรพากันออกดอกและเบ่งบานไปทุกต้น ส่งกลิ่นหอมระรื่น ตลบอบอวลไปทั่วทั้งราชอาณาจักร
พระเจ้าภววรมันมันจึงให้พระนามพระธิดาของพระองค์ว่า สุคนธอัปสร
(https://www.img.in.th/images/de536ee00f6bdc69aac3db728cbc1765.jpg)
พระธิดาสุคนธอัปสรทรงมีกลิ่นหอมออกมาจากพระวรกายมาแต่กำเนิด ยิ่งเมื่อเจริญพระชันษาเข้าสู่วัยแรกรุ่น
กลิ่นหอมแห่งพระวรกายก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น จนหากแม้นบรุษใดแม้ได้สบพระพักตร์ และได้สัมผัสกลิ่น
จากวรกายของนางเข้านาสิกประสาท บุรุษผู้นั้นก็จะบังเกิดจิตสิเหน่หานึกรักในตัวพระนางจนลุ่มหลง
พระเจ้าภววรมันทรงหวงแหนพระธิดาพระองค์นี้เป็นยิ่งนัก จึงได้ตรัสสั่งให้สร้างประสาทสำหรับพระราชธิดาโดยเฉพาะ
โดยมีนางในและข้าทาสบริวารที่เป็นหญิงล้วนทั้งหมดคอยปรนนิบัติ และห้ามบรุษเพศทุกคนเข้าใกล้
อาณาบริเวณปราสาทโดยเด็ดขาด ทำให้พระราชธิดาไม่คุ้นเคยกับบุรุษเพศ และไม่เคยรับรู้เลยว่า บุรุษเพศนั้น
แตกต่างจากสตรีเช่นไร ปราสาทที่เจ้าหญิงสุคนธอัปสรใช้เป็นที่ประทับก็คือ ปราสาทศรีจัมปา นี่เอง
ยังมีเกร็ดประวัติศาสตร์เล่าว่า กิตติศัพท์ความงามและกลิ่นหอมของพระวรกายนี้ เลื่องลือไปถึงเจ้าต่างเมืองรอบนอก
อาณาขันธสีมา จนในครั้งหนึ่งเจ้าต่างเมืองเหล่านั้น พากันเดินทางมาเพื่อเจริญสัมพันธไมตรีต่อพระเจ้าภววรมัน
แต่เหตุจูงใจอันแท้จริงแล้วมาจากใคร่จะได้ยลโฉมและสัมผัสกลิ่นแห่งพระวรกายของพระธิดาด้วยกันทั้งสิ้น
ครั้นเจ้าต่างเมืองเหล่านั้นถวายเครื่องราชบรรณาการแด่พระองค์แล้ว ก็พากันทูลขอพระราชโอกาสยลโฉม
พระธิดาสุคนธอัปสรกันโดยพร้อมหน้า แม้พระเจ้าภววรมันจะทรงพยายามบ่ายเบี่ยงเช่นใด แต่เจ้าต่างเมือง
เหล่านั้นก็พากันทูลอ้อนวอนขอ จนพระองค์เห็นว่าหากยังทรงปฏิเสธก็อาจทำให้เสียราชไมตรีอันดีต่อเจ้าต่างเมืองเหล่านั้น
ทั้งอาจยังให้เกิดเป็นชนวนสงครามสืบต่อไป พระองค์จึงตรัสรับสั่งเรียกพระธิดาให้เสด็จมายังท้องพระโรง
ครั้นองค์พระธิดาเสด็จมาถึง กลิ่นหอมแห่งพระวรกายก็ฟุ้งกระจายไปทั่วท้องพระโรง จนเจ้าต่างเมืองและข้าราชบริวาร
ที่เป็นบรุษเพศต่างตะลึงงันในงาม และบังเกิดสิเหน่หาต่อพระนางด้วยกันทั้งสิ้น เจ้าต่างเมืองพระองค์หนึ่งลุ่มหลงพระนาง
จนถึงกับบังอาจทูลขอพระธิดาไปเป็นนางห้ามแห่งตน ทั้งๆที่เจ้าต่างเมืองพระองค์นั้นมีมเหสีอยู่แล้ว จากนั้นเจ้าต่างเมืององค์อื่นๆ
ก็พากันทูลขอตามอย่างเซ็งแซ่ ทำให้พระเจ้าภววรมันทรงกริ้วเป็นอย่างมาก ตรัสขับไล่เจ้าต่างเมืองเหล่านั้นออกจาก
เขตพระราชฐานโดยทันที
พออาจารย์จิราเล่าจบ พล นักศึกษาหนุ่มที่นั่งฟังอยู่อย่างตั้งใจ ก็ยกมือขึ้น พร้อมกับเอ่ยถาม
"อาจารย์ครับ เรื่องเจ้าหญิงสุคนธอัปสรเนี่ย เป็นบันทึกประวัติศาสตร์จริงๆ หรือนิทานครับ"
เพื่อนๆที่นั่งอยู่ใกล้ๆ พอได้ยินพลเอ่ยถาม ก็พากันหันมามอง รวมทั้งสหชาติเพื่อนที่สนิทที่สุดของพล
"ทำไมวะ...ไอ้พล...มึงอยากดมกลิ่นเจ้าหญิงฯมากเลยเหรอวะ กูว่าอย่างมึงไม่ต้องดมหรอก แค่นี้มึงก็หื่นจะแย่อยู่แล้วล่ะม้างงง"
สิ้นเสียงของชาติ นักศึกษาทุกคนรวมทั้งอาจารย์จิรา ก็ส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างครื้นเครง แล้วอาจารย์จิราก็พูดขึ้นว่า
"เรื่องของเจ้าหญิงสุคนธอัปสร เป็นเรื่องเล่าสืบต่อกันมารุ่นต่อรุ่น จะว่าไปมันก็เหมือนนิทานปรัมปรา นั่นแหละ อย่าคิดมากเลยพล"
แต่พลมีความรู้สึกผูกพันธ์กับเรื่องราวที่ได้ฟังเป็นอย่างมาก จนแม้ว่าเขาได้กลับจากการออกภาคสนามในครั้งนั้นแล้ว
เรื่องราวของเจ้าหญิงสุคนธอัปสรก็ยังคงวนเวียนอยู่ในหัวของเขา
จนในวันหนึ่งขณะที่เขากำลังแปลบทความที่สำเนามาจากภาษาขอมบนแผ่นศิลา ซึ่งเป็นเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับอาณาจักรโบราณแห่งนี้
จนผล็อยหลับไป ก็บังเกิดเป็นภาพเลือนลางในความฝัน ว่าเขาได้เดินทางไปยังปราสาทศรีจัมปาอีกครั้ง แต่ภาพของปราสาทในครั้งนี้
กลับสวยสดงดงาม และยิ่งใหญ่อลังการเหมือนกับว่าพึ่งถูกสร้างขึ้นมาใหม่ๆ เขาก้าวเท้าเดินเข้ามา แล้วหยุดยืนนิ่งอยู่ที่หน้าลานปราสาท
อันเงียบสนิทไร้ผู้คน และคิดที่จะย่างเท้าเข้าไปยังส่วนในของปราสาท แต่ก็ชะงักเท้าไว้แล้วหันหน้ากลับมายัง แท่งโลหะอันมีส่วนปลาย
กลมมนสีดำสนิทที่โผล่พ้นมาจากผืนดิน สีที่แต้มแต่งเติมเป็นขีดขวาง และกลีบดอกไม้ที่รายล้อมอยู่ ทำให้พลรู้ในทันทีว่านั่นคือ
ศิวลึงค์ สิ่งศักดิ์สิทธิ์แห่งไศวะนิกาย
พลตรงเข้าไปแล้วน้อมกายลงกระทำสักการะต่อรูปศิวลึงค์นั้น แล้วกล่าวความต้องการในใจของเขาออกมา
"ข้าแต่ ศิวลึงค์แห่งองค์ศิวะเจ้าผู้ศักดิ์สิทธิ์ หากเรื่องราวแห่งเจ้าหญิงสุคนธอัปสรมีอยู่จริง ขอจงให้ข้าได้พบ ได้เห็น ได้รู้จัก
พระนางด้วยเถิด"
แล้วพลก็พนมมือหลับตานิ่งอยู่เช่นนั้น
แต่แล้วเสียงโทรศัพท์บนโต๊ะก็ดังขึ้น จนทำให้พลสะดุ้งตื่นแล้วคว้ามันมารับสายอย่างเหนื่อยหน่าย
"ฮัลโหล"
"ไอ้พล....เย็นนี้กูไปบ้านมึงนะ...แดกเหล้ากัน"
"เนื่องในวโรกาสอะไรของมึงวะ"
"วโรกาสที่ พณฯท่านชาติ อยากแดกว่ะ อากาศมันครึ้มๆดี กูซื้อเหล้ากับกับแกล้มไว้พร้อมแล้ว รอหน่อยนะ"
เย็นวันนั้นชายหนุ่มสองคนที่เป็นเพื่อนสนิทกัน ก็จัดการตั้งโต๊ะหลังบ้านเช่าของพล ที่มีวิวเป็นท้องนากว้างจากที่ดิน
ที่ปล่อยให้เช่าระยะยาวของเจ้าของบ้าน อากาศที่ขมุกขมัวและมีลมเย็นเอื่อยๆ ทำให้เหล้าที่ชาติเตรียมมา 1 ขวดเต็มๆ
พร่องลงไปอย่างรวดเร็ว
"ไอ้พล กูมาคิดๆดูนะ มึงกับกูเนี่ยไม่โง่ก็บ้าว่ะ เสือกเลือกมาเรียนโบราณคดี"
"ทำไมวะ...มึงจะโง่ก็โง่ไปคนเดียว ไม่ต้องเอากูไปเกี่ยวด้วย"
"เอ๊า.....ก็จบไปจะไปทำมาหาแดกอะไรวะ โบราณสถาน โบราณวัตถุบ้านเรา แม่งก็ไม่มีอะไรให้ต้องรักษา
เพราะมันชิบหายไปหมดแล้ว"
"เฮ้ย...ไม่จริงหรอก กูว่าประเทศเรายังมีของดีๆอีกเยอะที่ยังไม่ถูกค้นพบ เรียนจบเมื่อไหร่กูจะทำตัวเป็นอินเดียน่าโจนส์เว้ย"
"ถุยย!....ไอ้หน้าโจรสิไม่ว่า ถ้าจบมามึงไม่ได้รับราชการ รับรองไม่มีแดกเป็นโจรแน่ๆ"
"แต่กูก็รักที่จะเรียน ที่จะทำงานทางนี้นะเว้ย "
"ไหนมึงบอกกูหน่อยซิ ทำไมมึงถึงชอบวะ"
"มันสร้างจินตนาการว่ะ สิ่งปรักหักพัง ร่องรอยที่เหลือทิ้งไว้จากอดีต มันสร้างความอยากรู้อยากเห็น จนกูรู้สึกตื่นเต้นที่จะค้นคว้า
อย่างเรื่องปราสาทศรีจัมปา ที่อาจารย์จิรา เล่าให้ฟังเนี่ย..... มึงว่าไหมว่ามัน.....น่าสนใจมากกกก.......แผล้บๆๆ"
พลพูดขึ้นมาพร้อมกับทำหน้าหื่นแล้วเลียลิ้นออกมารอบริมฝีปาก จนชาติยกเท้าถีบออกไปที่เก้าอี้ที่พลนั่งอยู่
"โธ่.....กูก็ฟังตั้งนาน ที่แท้มึงก็อยากดมกลิ่นเจ้าหญิง ....แหม...ไอ้บ้าหม้อเอ้ย....."
"มึงอะว่าแต่กู ตัวมึงอ่ะสุดหื่นเลย เวลาอาจารย์จิราเลคเชอร์ มึงอ่ะจ้องแกตาเป็นมันเลย กูเห็นนะเว้ย"
เสียงหัวเราะอย่างมีความสุขของเพื่อนรักทั้งสอง ดังอยู่ไม่ขาดระยะระหว่างการสนทนากัน จนในตอนหนึ่งพลก็เอ่ยกับชาติขึ้นว่า
"ไอ้ชาติ กูอยากไป ปราสาทศรีจัมปา อีกซักครั้ง มึงไปเป็นเพื่อนกูหน่อยนะ"
ชาติมองหน้าเพื่อนรัก เหมือนจะให้แน่ใจว่าพลเล่นมุกหรือเปล่า แต่พอเห็นหน้าที่จริงจังของพลก็เริ่มสงสัย"
"เฮ้ยย...พล....มึงเอาจริงเหรอเนี่ย.......จะไปทำไมวะ"
"กูอยากพิสูจน์อะไรบางอย่างว่ะ นะ...มึงไปเป็นเพื่อนกูหน่อยนะ"
ชาติเห็นท่าทีของเพื่อนรัก ก็รู้ว่ามันเอาจริงแน่ๆ ก็เลยตอบรับไปอย่างรำคาญ
"เออๆๆๆ.....จะไปเมื่อไหร่ก็บอกแล้วกัน....บอกไว้ก่อนนะเว้ย....ทั้งค่ารถค่ากินมึงออกล้วนๆ"
"เออ .....เสาร์นี้เลยแล้วกัน"
-------------
แล้ววันที่พลนัดหมายไว้ก็มาถึง พลจัดของที่จำเป็นลงกระเป๋าสะพายของเขา จนรู้สึกว่ามันยัดแน่นจนตุงไปหมด
แต่แล้วเขาก็เหลือบไปเห็นกระเป๋าสะพายของชาติ ที่ลืมเอาไว้เมื่อตอนมากินเหล้าที่บ้านในสองวันก่อน
เขาเห็นว่ากระเป๋าของชาติใบใหญ่ดี จึงคิดที่จะใช้กระเป๋าของชาติแทน แต่พอเขาคว้ากระเป๋าออกมาเปิดดู
ก็ต้องปล่อยเสียงหัวเราะก้ากออกมา เพราะนอกจากถุงยางหลายสิบอันแล้ว ก็ยังมี ไวเบรเตอร์ รูปร่างเหมือน
กับที่ใช้ในหนัง AV ไม่มีผิดเพี้ยน
"ฮ่าๆๆๆๆๆ.......ไอ้เหี้ยชาติ จังไรจริงๆเลยมึงนี่ จะพกไว้ทำไมวะ"
พลจับไวเบรเตอร์นั้นยัดใส่ไว้ในกระเป๋าของชาติตามเดิม แล้วเอาข้าวของของเขาถ่ายใส่ลงไปในกระเป๋าของชาติด้วย
จากนั้นก็สะพายใส่หลังเดินทางไปยังสถานีขนส่งตามที่นัดไว้กับชาติ
รถทัวร์ออกจากสถานีขนส่งในช่วงเช้า จนถึงจังหวัดสุรินทร์ก็เกือบจะเที่ยง ทั้งคู่แวะกินข้าวกลางวันที่สถานีขนส่ง
แล้วเหมารถสองแถวให้ไปส่งยังปราสาทศรีจัมปา พอไปถึง ชาติก็ลงจากรถด้วยอาการกระปกกระเปลี้ย แล้วเริ่มบ่นขึ้น
"โอยยย...ทั้งเหนื่อย....ทั้งร้อน......ถึงแล้ว...มึงจะทำอะไรก็ทำ กูไปหาที่งีบก่อนล่ะ เมื่อยชิบหาย"
"เฮ้ย...เดี๋ยวซิวะชาติ ช่วยกูก่อน มานี่ มึงมากับกูก่อน"
พลลากตัวชาติเดินเข้าไปยังบริเวณด้านหน้าของซากปราสาท แล้วตรงไปยืนนิ่งห่างจากประตูปราสาทราว 10 ก้าว
เขาเพ่งมองอย่างพิจารณาไปรอบตัว แล้วก้มหน้าเดินจากจุดที่ยืนอยู่ไปที่หน้าปราสาท พร้อมกับทำปากขมุบขมิบ
เหมือนกำลังนับก้าว พอถึงหน้าประตูปราสาท เขาก็หันกลับ แล้วเดินไปยังจุดเดิมทำปากขมุบขมิบแบบเดิมอีกครั้ง
จนชาติรู้สึกสงสัย
"มึงทำห่าอะไรของมึงวะพล..........แล้วมึงลากกูมาทำอะไรเนี่ย"
"ชาติ...มึงช่วยดูต้นทางให้กูหน่อย "
"ดูต้นทาง....ดูทำไม...มึงจะทำอะไร"
พลดึงเสียมพับออกมาจากกระเป๋าสะพายของเขาแล้วกางออก
"เฮ้ยๆๆๆ.....ไอ้พล.....มึงจะทำเหี้ยไรวะเนี่ย.....เก็บเลยมึง....เก็บเดี๋ยวนี้เลย หาคุกซะแล้วไหมล่ะ"
"เฮ้ยชาติ กูฝัน......แม่งเหมือนจริงมากๆ ตรงจุดนี้แหละที่เป็นที่ตั้งของศิวลึงค์ที่กูเห็นในฝัน ที่กูชวนมึงมาวันนี้
ก็เพื่อจะพิสูจน์ว่า สิ่งที่กูเห็นมันเป็นของจริงหรือเปล่า ช่วยกูหน่อยวะ ดูต้นทางให้กูหน่อย"
ชาติส่ายหน้าไม่เอาด้วย แต่พลก็อ้อนวอนซ้ำแล้วซ้ำเล่า จนในที่สุดเขาก็ใจอ่อนยอมเฝ้าดูต้นทางให้
พลเดินไปวัดจำนวนก้าวอีกครั้งว่าตำแหน่งที่จะขุด เป็นตำแหน่งเดียวกับที่เขาเห็นในความฝัน และเมื่อแน่ใจแล้ว
เขาก็ดันปลายเสียมฝังลึกลงไปทันที
ครั้งแล้ว ครั้งเล่าที่ปลายเสียมทิ่มแทงลงไปยังพื้นดิน จนเกิดเป็นหลุ่มลึกราวสองฟุต พลจึงวางเสียมลง แล้วใช้มือ
กอบเอาดินขึ้นมาวางกองที่ปากหลุม
"ไอ้พล...พอได้แล้ว เดี๋ยวก็ซวยกันหมดหรอก มึงจะหาอะไรของมึงกันแน่วะ"
"กูว่าศิวลึงค์ในฝันต้องพยายามบอกอะไรกูแน่ๆ"
พลพูดทั้งๆที่มือของเขายังคงกอบดินขึ้นจากหลุม และแล้วเขาก็รู้สึกว่า มือของเขาสัมผัสกับสิ่งที่เรียบลื่นสิ่งหนึ่งเข้า
พลรีบปัดเศษดินออกจากบริเวณนั้นจนเกลี้ยง และมองเห็นเจ้าสิ่งนั้นมีลักษณะเป็นวงกลมโค้งนูนจมอยู่ในดิน
พลคว้าเสียมมาแล้วพยายามแซะเอาสิ่งนั้นขึ้นมาจากดิน จนในที่สุดเขาก็ดึงมันขึ้นมาเป็นผลสำเร็จ
มันคือเศษซากโลหะที่ผุกร่อนและมีคราบดำๆเกาะอยู่อย่างเกรอะกรัง เขาจึงล้วงเอาค้อนเล็กๆในกระเป๋าสะพายมาเคาะลงเบาๆ
ที่แผ่นโลหะนั้น เสียงค้อนกระทบกับแผ่นโลหะเกิดเป็นเสียงดังกังวานใสคล้ายเสียงของระฆัง พลเคาะอยู่ครู่หนึ่งคราบสีดำ
ที่เกาะกินแผ่นโลหะนั้นก็เริ่มกระเทาะออกเผยให้เห็นเนื้อแท้สีมันวาวของมัน ยิ่งพลเห็นมันค่อยๆแสดงเนื้อในของมันออกมา
เขาก็ยิ่งเคาะลงไปอย่างดีใจจนถ้วนทั่วแผ่นโลหะนั้น และในที่สุดมันก็เผยโฉมที่แท้จริงของมันออกมา ว่ามันก็คือ
เศษเสี้ยวของส่วนโค้งมนแห่งศิวลึงค์โบราณนั่นเอง
เขายิ้มออกมาอย่างยินดี แล้วนำเศษซากของศิวลึงค์โบราณมาพิจารณาอย่างใกล้ชิดจนมองเห็นตัวอักษรขอมที่จารึกเป็นวงกลม
รายรอบซากศิวลึงค์นั้น เขาเพ่งมองมันแล้วพยายามอ่านออกเสียงออกมาทีละตัว ๆ จนหมดสิ้นข้อความ
ทันใดนั้น ชาติก็ส่งเสียงร้องขึ้นอย่างตกใจ
" ไอ้พล พ่อมึงมาแล้ว เร็ว...วิ่ง ! "
ชาติวิ่งเข้ามาหาพล แล้วติดตามมาด้วยผู้ชายในชุดสีกากีอีกสองคน แต่แล้วชาติก็หยุดชะงักอย่างตกตะลึง เมื่อเขาเห็นแสงสว่าง
วาบขึ้นแล้วแผ่ซ่านออกมารอบตัวของพล มันเจิดจ้าเสียจนเขาต้องหยีตาแล้วใช้สองมือบังหน้าของเขาเอาไว้
จนเมื่อรู้สึกว่าแสงสว่างจ้านั้นดับวูบลงแล้ว เขาก็ลดมือลง แต่...ไม่มีร่างของพลอยู่ ณ จุดนั้นแล้ว
ชาติเหลียวซ้ายแลขวามองหาเพื่อนรักด้วยความเป็นห่วง
"ไอ้พล......มึงอยู่ไหน.........ไอ้พล........"
---------
พลรู้สึกมึนงง เหมือนร่างของเขากำลังล่องลอยอยู่ในที่อันเวิ้งว้าง แล้วร่วงหล่นลงมาอยู่ ณ ที่แห่งหนึ่ง
ร่างของเขานอนหงายอยู่กับพื้นที่ปูด้วยผ้าสีแดงสด บรรยากาศโดยรอบมีแต่กลิ่นควันไฟปะปนกับกลิ่นหอม
ของดอกไม้ เขาสะบัดความมึนงงออกไปแล้วมองไปโดยรอบอย่างแตกตื่น
"นี่มันที่ไหนกัน....กูมาอยู่ที่ได้ไงวะเนี่ย"
แต่แล้วเสียงเข้มแข็งก้องกังวานเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น ด้วยภาษาที่เขาไม่คุ้นเคย
"พราหม์วราหะ นี่ละหรือตัวแทนแห่งองค์ศิวะเทพที่ท่านอัญเชิญมา"
เสียงก้องกังวานนั้น พลพอฟังออกว่าเป็นภาษาขอมโบราณ ดังออกมาจากผู้ที่อยู่ไกลออกไปเบื้องหน้าของเขา
แต่แล้วเขาก็พึ่งรู้สึกตัวว่า ที่ข้างกายของเขามีชายชราชุดขาวไว้เครายาวยืนอยู่ ชายชราคนนั้นยกมือพนมไว้ที่อก
แล้วเอ่ยตอบเสียงอันทรงอำนาจที่เขาได้ยินเมื่อสักครู่ว่า
"บุรุษท่านนี้ ปรากฏร่างขึ้นต่อหน้าองค์ศิวลึงค์หลังจากที่ข้าพระบาททำพิธีเสร็จสิ้น คงจะเป็นอื่นใดมิได้
นอกจากตัวแทนที่องค์ศิวะเทพประทานมาเป็นแน่แท้พระเจ้าข้า"
"แล้วเหตุใด ตัวแทนแห่งศิวะเทพจึงมิใช่พราหมณ์เฉกเช่นท่านเล่า บุรุษผู้นี้สวมใส่อาภรณ์แปลกประหลาด
ทั้งยังมีเส้นเกศาที่สั้นเกรียน หาใช่ผู้ที่อยู่ในวรรณะพราหมณ์เป็นแน่แท้"
พลหันไปมองดูต้นเสียงอันทรงอำนาจที่อยู่ต่อหน้าเขา แล้วก็ถึงกับตกใจจนเข่าแทบทรุด เพราะเขาผู้นั้นนั่งอยู่บนแท่นที่สูง
จากระดับพื้นดินอย่างงามสง่า ใบหน้าดูเคร่งขรึมดุดัน สวมใส่มงกุฏที่มียอดสูงสีทองสุกอร่าม แม้ลำตัวจะเปลือยเปล่า
แต่ก็มีทับทรวงที่มีอัญมณีสีน้ำเงินเข้มเม็ดใหญ่ประดับอยู่กลางอก คาดด้วยสร้อยสังวาลย์ระยิบระยับงามจับตา ซึ่งเขารู้อยู่แก่ใจว่า
มันคือเครื่องทรงของกษัตริย์ขอมโบราณชัดๆ
พลหันไปมองดูโดยรอบด้วยท่าทีที่แตกตื่น ก็พบว่ารอบตัวเขาก็มีแต่ผู้คนที่ล้วนแต่งกายประหลาด ปานประหนึ่งถอดออกมา
จากข้อเขียนของหนังสือประวัติศาสตร์ขอม เขาทั้งงุนงงสงสัยและคิดว่าเพื่อนๆคงวางแผนแกล้งเขา
"เฮ้ย...อะไรวะเนี่ย....เลิกแกล้งกูได้แล้ว....กูกลัว...กูยอมแล้ว"
ชายชราที่แต่งกายเป็นนักบวชนุ่งห่มผ้าสีขาว มุ่นมวยผมสีขาวโพลนทั้งศีรษะก้าวเดินเข้ามาหาเขา
แล้วเอ่ยถามด้วยภาษาขอมว่า
"ท่านจะบอกกล่าวสิ่งใด เราไม่ล่วงรู้ภาษาของท่าน"
พลค่อนข้างแน่ใจแล้วว่า นี่ไม่ใช่การแกล้งของเหล่าเพื่อนๆตัวแสบของเขาแน่ๆ เพราะทั้งภาษาและการแต่งกายของคนที่นี่
มันบ่งบอกอย่างแน่ชัดว่าเป็นวัฒนธรรมของขอมโบราณอย่างไม่ผิดเพี้ยน พลทั้งตกใจ ทั้งหวาดกลัว แล้วก็ฝืนใจพูดภาษาขอม
ที่ร่ำเรียนมาอย่างงูๆปลาๆออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ
"นี่คือที่ใด และทะ...ทะ...ท่านคือผู้ใด"
นักบวชชรา ยิ้มออกมาเล็กน้อยที่ได้ยินพลพูดภาษาที่ตนเองเข้าใจออกมา
"นี่คือดินแดนแห่งอาณาจักรอิศานปุระ ข้าคือ พราหมณ์วราหะ และนั่นคือ องค์เหนือหัวของอาณาจักรแห่งนี้
พระนามว่า พระเจ้าภววรมัน"
พราหมณ์วราหะ แนะนำตัวเองแล้วผายมือไปยังบรุษที่นั่งอยู่บนแท่นสูง พร้อมกับยกมือพนมไว้ที่อก ทำให้พลหันมองไป
แล้วสบพระเนตรกับ พระเจ้าภววรมัน แววตาอันทรงอำนาจแห่งพระองค์ทำให้เขายกมือพนมทำความเคารพดุจเดียวกับ
พราหมณ์วราหะ
ทันใดนั้นเอง พระเจ้าภววรมัน ก็ส่งพระสุรเสียงดังกังวานขึ้น
"ท่่านคือตัวแทนที่องค์ศิวเทพส่งมาเพื่อทำพิธิให้กับธิดาของเราใช่หรือไม่"
พอพลได้ยินเช่นนั้นก็ตกใจเบิกตากว้าง คิดอยู่แต่ในใจคนเดียว
"ตายห่าแล้วกู.......นี่มันขอมโบราณจริงๆด้วย........เอาไงดีวะ....อะไรหว่าตัวแทนศิวะเทพ....
ถ้าบอกไปว่าไม่ใช่....จะทำอะไรกูไหมเนี่ย.........."
แล้วพลก็ตัดสินใจพูดออกไป ด้วยเกรงว่าจะมีอันตรายเกิดขึ้นกับตัวเอง
"ใช่แล้วฝ่าพระบาท ข้าคือพราหมณ์พลพีระ มาตามคำบัญชาแห่งองค์ศิวะเทพ"
สิ้นคำของพล ก็เกิดเสียงฮือฮาของกลุ่มคนที่รายล้อมอยู่ จนในที่สุด พราหมณ์วราหะก็พูดขึ้น
"ทุกปี ที่ข้าเพียรทำพิธีพลีแด่องค์ศิวะเทพ เพื่อให้องค์ศิวะเสด็จมาทำพิธีให้กับพระราชธิดา ตั้งแต่พระองค์มีพระชันษา
สิบสี่ จนบัดนี้พระธิดามีวัยล่วงเข้าสู่ สิบแปดพระชันษา แล้วพระองค์ก็ส่งผู้ที่เหมาะสมมาทำพิธีให้กับพระธิดาแล้ว
ในวันนี้ โอววว...ศิวเทพ.....ข้ามีความยินดียิ่งนัก"
พลเห็นพราหมณ์เฒ่า มีท่าทีที่น้อมน้อมต่อตนเอง ก็ยืนขึ้น ฝืนทำท่าเป็นพราหมณ์ผู้ทรงภูมิ แล้วคิดอยู่ภายในใจว่า
"เอาวะ ...รับๆไปก่อนแล้วค่อยหาทางหนีทีไล่....ในเมื่อเล่นแล้ว....ต้องเล่นให้เนียน...เป็นไงเป็นกันวะ"
แล้วพลก็พูดกับพราหมณ์วราหะด้วยภาษาขอมที่พอพูดได้อย่างกระท่อนกระแท่น ว่า
"พิธีอะไรกันเล่า....ท่านวราหะ"
พราหมณ์วราหะจ้องหน้าพลนิ่งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วพูดว่า
"ใยท่านจึงแสร้งทำเป็นไม่รู้ ก็ข้าวิงวอนต่อศิวะเทพให้มาทำพิธี เบิกพรหมจรรย์ให้กับพระธิดาอย่างไรเล่า"
พอได้ยินชื่อพิธี พลก็ตกใจจนเผลอทวนคำออกมาเสียงดังลั่น
"หา!......พิธีเบิกพรหมจรรย์"
พระเจ้าภววรมัน ทรงประทับนั่งรอคอยพราหมณ์วราหะ พูดคุยอยู่กับพลอยู่เป็นเวลานาน จึงส่งพระสุรเสียงขึ้น
"ท่านพราหมณ์ทั้งสอง เราจะเริ่มพิธีกันได้หรือยัง"
พอพราหมณ์วราหะได้ยินเจ้าเหนือหัวรับสั่ง ก็พนมมือถวายบังคม แล้วจูงมือพลเดินตรงไปยังเสลี่ยงที่ถูกตกแต่งไว้อย่างงดงาม
พลลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แล้วโน้มตัวมุดเข้าไปในเสลี่ยง ทันใดเสียงสังข์ก็ถูกเป่านำขึ้น พร้อมกับบทสวดสรรเสริญองค์พระศิวะดังคลอติดตาม
ไปตลอดทางที่เสลี่ยงดำเนินเคลื่อนที่ไป
ขบวนนำโดยพราหมณ์จำนวนหนึ่ง ติดตามด้วยเสลี่ยงของพรามณ์วราหะ และพล และท้ายสุด เป็นเสลี่ยงพระที่นั่งขององค์เหนือหัว
เพียงครู่เสลี่ยงนั้นก็หยุดลงแล้วลดระดับลงสู่พื้น เมื่อเสลี่ยงถูกวางลงก็เหมือนเป็นสัญญาณโดยไม่ต้องบอกกล่าว
ว่าเขาจะต้องออกมายังภายนอก พลโผล่หัวออกมาแล้วโน้มตัวออกจากเสลี่ยงมายืนเด่นอยู่ที่หน้าปราสาทแห่งหนึ่ง
ซึ่งบริเวณทางเข้าถูกโรยไว้ด้วยดอกไม้บูชา เขาแลเห็นพราหมณ์วราหะยืนรอคอยอยู่แล้ว ที่หน้าทางเข้าปราสาท
ซึ่งถูกตกแต่งไว้อย่างสวยงาม
"นี่คือปราสาทที่ประทับของพระธิดา ขอเชิญท่านประกอบพิธีตามที่องค์ศิวะเทพบัญชามาเถิด"
พลไม่รู้จะเริ่มต้นอย่่างไร จึงตัดสินใจที่จะหลอกถามพราหมณ์วราหะให้หายสงสัย โดยแกล้งทำเป็นมีท่าทีขึงขัง ถามขึ้นว่า
"ท่านพราหมณ์ องค์พระธิดามีพระนามว่า เจ้าหญิงสุคนธอัปสรใช่หรือไม่"
พราหมณ์วราหะ พอได้ยินพลเอ่ยชื่อเจ้าหญิงออกมาทั้งที่ตนเองยังมิได้บอกกล่าว ก็ตาโต ยิ้มออกมาพร้อมกับพยักหน้าช้าๆ อย่างมั่นใจ
ว่าเขาคือ องค์ตัวแทนแห่ง ศิวเทพ โดยแท้
"พระองค์ทรงมีพระศิริโฉมงดงาม และมีกลิ่นหอมออกมาจากพระวรกาย จนแม้แต่ท่านเองก็อดมิได้
ที่จะเกิดสิเหน่หาต่อพระองค์ใช่หรือไม่"
คราวนี้พราหมณ์วราหะ ยิ้มออกมาอย่างยินดี พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า
"ใช่แล้ว....ท่านพลพีระ เพราะเหตุนี้ เราจึงทำพิธีพลีพระธิดาแด่องค์ศิวะเทพ องค์ศิวะเทพจึงประทานท่านมาทำพิธีเบิกพรหมจรรย์
ให้แก่พระธิดาอย่างไรเล่า"
พอพลได้ยินอย่างนั้นก็ลอบยิ้มแล้วคิดกระหยิ่มอยู่ภายในใจ
"หึๆๆๆ.....อยู่ดีๆ ก็จะได้เบิกพรหมจรรย์เจ้าหญิงซะแล้ว....บุญอะไรของกูวะเนี่ย ในโชคร้าย มันก็มีโชคดีอยู่เหมือนกัน"
แต่แล้วพลก็ยังไม่แน่ใจว่ามันจะเป็นดังที่เขาคิด จึงแกล้งพูดหลอกล่อให้พราหมณ์วราหะบอกกล่าวสิ่งที่อยากรู้ออกมา
พลทำทีเป็นยืดอก สีหน้าเคร่งขรึม แล้วพูดขึ้นว่า
"ท่านวราหะ ก่อนที่เราจะเริ่มพิธี เราต้องการทราบว่าท่านได้เตรียมการแห่งพิธีเบิกพรหมจรรย์ได้ถูกต้องหรือไม่
ขอท่านจงลำดับขั้นตอนแห่งพิธีให้เราฟังว่าตรงต่อความต้องการแห่งองค์ศิวเทพหรือไม่"
พราหมณ์วราหะเป็นพราหมณ์อาวุโสแห่งอาณาจักร และรู้พิธีการทั้งปวงเป็นอย่างดี พอได้ยินเช่นนั้นก็ยิ้มที่จะได้แสดง
ภูมิรู้แห่งตน
"ได้สิ ...ท่านพลพีระ สตรีทุกนางในนิกายไศวะ จะต้องผ่านพิธีเบิกพรหมจรรย์เมื่อย่างเข้าสู่วัยสาว เพื่อเป็นการถวาย
ความบริสุทธิ์แด่องค์ศิวะเทพ ซึ่งกระทำโดยพราหมณ์ผู้ทรงภูมิรู้ มิเช่นนั้นจะเกิดอัปมงคลแก่นางผู้นั้น พิธีเบิกพรหมจรรย์
กระทำโดยนำองค์ศิวลึงค์มาเข้าพิธีอัญเชิญอำนาจแห่งศิวเทพ แล้วนำไปสอดใส่ในโยนีของนางผู้นั้น โดยห้ามมิให้นางผู้นั้น
ออกมาจากห้องที่ทำพิธีเป็นเวลาหนึ่งคืน เฉกเช่นว่านางได้ถวายตัวต่อศิวะเจ้าแล้ว"
พอพลได้ยินดังนั้นก็รู้สึกผิดหวัง แล้วคิดอยู่ภายในใจ
"อ้าว...ไม่ได้ใช้กระเจี๊ยวจริงๆเหรอ....ไม่น่าเลย"
แล้วพลก็เอ่ยถามต่อพราหมณ์วราหะขึ้นอีก
"ท่านเองก็เป็นพราหมณ์อันทรงภูมิ เหตุใดท่านจึงไม่ทำพิธีให้แก่พระธิดาด้วยตนเองเล่า"
พราหมณ์วราหะ ก้มหน้าลงอย่างละอาย แล้วถอนใจก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างไม่ค่อยเต็มเสียงนัก
"ท่านพลพีระ ตะบะของข้ายังไม่แก่กล้าพอ ข้า...ข้ายังหวั่นไหวต่อศิริโฉมของพระนางอยู่"
แล้วพราหมณ์วราหะก็เชื้อเชิญให้พลเข้าไปยังปรัมพิธีที่หน้าปราสาท เพื่ออัญเชิญอำนาจแห่งศิวเทพ
ลงสู่องค์ศิวลึงค์
"ท่านพลพีระ แล้วองค์ศิวะลึงค์ของท่านอยู่ที่ใดเล่า เหตุใดจึงมินำออกมาเข้าพิธี"
พลจ้องหน้าพราหมณ์เฒ่านิ่ง แล้วหันไปยังเบื้องหลังเหลือบเห็นพระพักตร์ขององค์เหนือหัวที่กำลังจ้องมองมายังตน
ก็คิดหาทางออกอย่างเร่งรีบ
"ท่านวราหะ ท่านมิได้จัดเตรียมองค์ศิวลึงค์ไว้ให้ข้ารึ"
"ท่านเอ่ยออกมาเช่นนี้ได้อย่างไร พราหมณ์ทุกคนต้องมีองค์ศิวลึงค์ประจำตัว ข้าจะไปจัดเตรียมให้ท่านได้อย่างไรเล่า"
พอพราหมณ์เฒ่าพูดเช่นนั้น พลก็ตกใจจนหน้าซีด คิดหาหนทางแก้ไขสถานการณ์ในทันที
แต่แล้วพลก็นึกสิ่งหนึ่งขึ้นมาได้ เขาจึงล้วงมือลงไปในกระเป๋าสะพาย หยิบไวเบรเตอร์ของชาติออกมา
พอพราหมณ์เฒ่าเห็น ไวเบรเตอร์ที่พลล้วงออกมาก็ถึงกับตกใจในรูปทรงของมัน
"โอ้ววว....เหตุใดศิวลึงค์ของท่านจึงมีรูปทรงแปลกประหลาดถึงเพียงนี้"
ไม่เพียงแต่พราหมณ์วราหะเท่านั้น แม้แต่องค์เหนือหัว และข้าราชบริพารที่อยู่ในที่นั้น ก็พากันแตกตื่นใจส่งเสียงพึมพำ
ไปทั่วบริเวณ
พลคิดจะทำให้องค์เหนือหัว และผู้คนที่รายล้อมอยู่มีศรัทธาต่อตัวเขา จึงนั่งลงหน้าปรัมพิธี ใช้สองมือโอบกำไวเบรเตอร์ไว้
แล้วกล่าวต่อพราหมณ์วราหะว่า
"ข้าจะสวดสรรเสริญศิวะเจ้า อัญเชิญอำนาจแห่งพระองค์ให้มาสถิตย์อยู่ในศิวลึงค์ของข้านี้"
พลปิดตาลงทำท่วงท่าเคร่งขรึม คล้ายกับร่ายบทสวด เพียงครู่เขาก็ใช้นิ้วกดปุ่มให้ไวเบรเตอร์ให้ทำงาน
ไวเบรเตอร์สีมันวาว ขนาด 8 นิ้ว สั่นกระพือจนเกิดเสียง พร้อมกับส่ายหมุนไปรอบตัวอย่างเห็นได้ชัด สร้างความประหลาดใจ
ให้กับองค์เหนือหัวและข้าราชบริพารที่รายล้อมจนจ้องมองนิ่งค้างไปตามๆกัน ครั้นพอได้สติ พราหมณ์วราหะก็กล่าวเสียง
นมัสการพระศิวะจนดังก้องไปทั่วบริเวณ
"โอม...นมัสศิวะ.....โอม....นมัสศิวะ"
แล้วเหล่าข้าราขบริพารที่รายล้อมอยู่ ต่างก็เปล่งเสียงตามโดยพร้อมกัน
ขณะนี้ทุกคนในอาณาจักรแห่งนี้เชื่ออย่างจริงใจแล้วว่า พราหมณ์พลพีระเป็นตัวแทนที่องค์ศิวะเทพส่งมาโดยแท้
พลมองไปโดยรอบเห็นผู้คนจ้องมองเขาด้วยแววตาที่เปี่ยมไปด้วยความเคารพศรัทธา ก็ภูมิใจที่แผนของเขาเป็นผลสำเร็จ
"ท่านวราหะ เราพร้อมที่จะทำพิธีให้กับพระธิดาแล้ว"
พราหมณ์วราหะยกมือพนมให้ความเคารพต่อ พล แล้วเดินนำขึ้นไปเปิดประตูให้พลเข้าไปยังภายในตัวปราสาท
โดยที่ตนเองยืนรออยู่ที่หน้าประตูนั้น ทันทีที่ประตูถูกเปิดออก กลิ่นหอมระรื่นอ่อนๆก็โชยมาต้องจมูกเขา
พลหลับตายืนรับสัมผัสจากกลิ่นนั้นอย่างดื่มด่ำ จนพราหมณ์วราหะพูดเตือนขึ้น
"ท่านพลพีระ ก่อนที่ท่านจะก้าวเข้าไป ข้าขอเตือนท่านว่า อย่าได้เผลอไผลไปกับกลิ่นแห่งพระวรกายของพระธิดาเป็นอันขาด
มิเช่นนั้น ท่านอาจกระทำการอันเป็นล่วงเกินจนพระธิดาทรงกริ้ว ท่านคงไม่พ้นพระราชอาญาเป็นแน่"
พลกลับมามีสติขึ้นทันที เขายืดตัวตรงแล้วก้าวเท้าเข้าไปยังส่วนใน กวาดตามองไปโดยรอบ จนเสียงบานประตูประกบกัน
ปิดสนิทที่ด้านหลังของเขา พลเดินเข้าไปสำรวจยังภายในอันเป็นพื้นที่โปร่งโล่ง ที่ประกอบไปด้วยเสาขนาดใหญ่ที่ถูกตกแต่งรายรอบ
ไปด้วยลวดลายอันวิจิตร ยิ่งเดินลึกเข้าไป กลิ่นหอมระรื่นจนชวนให้ความเป็นชายของเขาตื่นตัวก็ยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น จนเขาเดินผ่าน
ผนังกั้นล่วงเข้ามายังปราสาทส่วนใน
และที่นั้นนั่นเองที่เขาได้พบกับพระราชธิดาอันเป็นต้นกำเนิดแห่งกลิ่นที่หอมระรื่นชวนดอมดมนั้น พระองค์ทรงประทับนั่งอยู่บนตั่ง
สวมใส่อาภรณ์เครื่องทรงอันงามสง่า พระเกศาดำขลับถูกรวบตึงจนมองเห็นพระนลาฏกว้างนูน พระขนงโค้งงามรับกับดวงเนตรหวาน
ดูงดงามยิ่งนัก พลนิ่งตะลึงสบตากับเจ้าหญิงที่เขาฝันว่าจะได้ยลโฉมพระองค์จริงๆสักครั้งจนตาค้าง แล้วพร่ำเพ้ออยู่ภายในใจ
(https://www.img.in.th/images/da385996ea3dcedeee687f5153d4bc79.jpg)
"โอ้ววว...นี่หรือ เจ้าหญิงสุคนธอัปสร ช่างงดงามอะไรเช่นนี้ โอวว...ข้าหลงรักพระองค์เข้าแล้ว"
เจ้าหญิงสุคนธอัปสร ทอดพระเนตรมายังผู้ที่ลุกล้ำเข้ามายังที่รโหฐานแห่งองค์ แล้วพระโอษฐ์งามอวบอิ่มก็เผยอขึ้นเปล่งวาจาออกมา
"ท่านคือผู้ใดรึ...เหตุใดจึงล่วงล้ำเข้ามายังที่แห่งเรา"
สุรเสียงอ่อนหวาน ทำให้พลได้สติคืนกลับมา เขายกมือที่กำไวเบรเตอร์ขึ้นพนม ทำความเคารพต่อเจ้าหญิงฯ
"ข้าพระบาทคือ พราหมณ์พลพีระ ตัวแทนแห่งองค์ศิวะเทพ เข้ามาเพื่อทำพิธีต่อพระองค์ ตามพระบัญชาขององค์เหนือหัวพะย่ะค่ะ"
"พราหมณ์รึ เหตุใดจึงสวมใส่อาภรณ์ประหลาดเช่นนี้ เรามิเคยเห็นมาก่อน แล้วเหตุใดจึงมิเป็นท่านวราหะ "
"ท่านวราหะทำพิธีเชิญข้าพระบาทต่อองค์ศิวะเทพ ให้มาทำพิธีนี้ตามบัญชาแห่งองค์เหนือหัวพะย่ะค่ะ"
"อัอ...กระนั้นรึ...แล้วสิ่งที่อยู่ในมือของท่านคือสิ่งใด"
พล แบมือให้พระธิดามองเห็นมันชัดๆ แล้วเอ่ยขึ้น
"นี่คือศิวลึงค์ของข้าพระบาท พะย่ะค่ะ "
เจ้าหญิงสุคนธอัปสร เพ่งมองดูสิ่งที่อยู่ในมือของพล ด้วยพระพักตร์ที่เป็นกังวล
"ศิวลึงค์อันใดของท่าน ใยจึงมีรูปร่างประหลาด และใหญ่โตเช่นนี้.........เอ่อ......เอ่ออ...แล้วมันจะทำให้เราเจ็บหรือไม่"
พลเห็นสีพระพักตร์ของเจ้าหญิงสุคนธอัปสร ก็อดยิ้มไม่ได้ แล้วพูดตอบโต้ด้วยความกระหยิ่มใจว่า
"ไม่เลยพระองค์ แต่มันจะทำให้พระองค์ถูกพระทัยเป็นที่ยิ่ง พระองค์พร้อมที่จะทำพิธีแล้วหรือยัง พะย่ะค่ะ"
เจ้าหญิงสุคนธอัปสร ถอนพระทัยยาวทอดหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น
"แล้วเราต้องทำอย่างไรบ้างเล่า ท่านพราหมณ์ เราไม่ต้องการทำพิธีนี้เลย แต่พระบิดาทรงบังคับเรา"
พลลอบยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วคิดใช้แผนเดิมให้พระธิดาเชื่อในตัวเขา
"ข้าพระบาท จะทำพิธีอัญเชิญอำนาจแห่งองค์ศิวะเทพเข้าสู่ศิวลึงค์นี้ ขอพระองค์ทรงเปลื้องพระภูษาได้เลย พะย่ะค่ะ"
เจ้าหญิงสุคนธอัปสร นั่งนิ่งไม่ยอมเปลื้องพระภูษา พลจึงแกล้งหลับตาคล้ายกำลังทำพิธีอันศักดิ์สิทธิ์ เพื่อให้เจ้าหญิง
บังเกิดเกิดความศรัทธาและเชื่อถือ แล้วก็ลอบใช้นิ้วกดปุ่มให้ไวเบรเตอร์ทำงาน เจ้าแท่งหฤหรรษ์ในมือของพลก็แกว่งไกว
วนไปมาคล้ายกับมันมีชีวิต จนเจ้าหญิงสุคนธอัปสรจ้องมองดูด้วยความตื่นตระหนก ความเคารพศรัทธาที่มีต่อองค์ศิวเทพทำให้เจ้าหญิง
ยกมือกระทำสักการะต่อไวเบรเตอร์ในมือของพลอย่างนอบน้อมทันที
แล้วพลก็ลืมตาขึ้น กล่าวต่อเจ้าหญิงฯด้วยท่าทีที่เคร่งขรึมว่า
"เหตุใดพระองค์จึงยังไม่เปลื้องพระภูษาอีก องค์ศิวะเทพเสด็จมายังตัวแทนแห่งพระองค์แล้วนะ พะย่ะค่ะ"
เจ้าหญิงสุคนธอัปสร ทรงยืนขึ้นอย่างไม่เต็มใจนัก แล้วจึงเริ่มคลายพระปั้นเหน่งออก ดวงเนตรงามของพระนางจ้องมองมาที่พล
แล้วหยุดมือลง
"ท่านเอาแต่จ้องมองเขม็งเช่นนี้ เราจะเปลื้องออกได้อย่างไรเล่า"
(https://www.img.in.th/images/7ec878ad8f6ea60cffd57bf2e1695cb0.jpg)
พลรู้สึกทั้งขัดใจทั้งขัดอารมณ์ กลิ่นหอมของเจ้าหญิงก่อกวนอารมณ์ของเขาจนแทบจะอยากจะเข้าไปถอดให้อยู่แล้ว
"เช่นนั้นพระองค์ทรงเอนพระวรกายแล้วหลับพระเนตรเถิดพะย่ะค่ะ ปล่อยให้ข้าพระองค์กระทำให้เองจะดีกว่า"
เจ้าหญิงสุคนธอัปสร ทรงคิดตามที่พลเสนอ หากพระองค์ไม่รับรู้เสียแล้ว ปล่อยให้พิธีดำเนินไปจนเสร็จสิ้น ความกระดากอาย
ก็คงจะไม่มีต่อพระองค์ จึงทรงเอนพระวรกายลงบนแท่นแล้วหลับพระเนตรจนสนิท ห้อยพระบาททั้งสองลงมาจากแท่นบรรทม
พลแสดงออกทางสีหน้าอย่างเต็มที่ เมื่อเห็นเจ้าหญิงฯหลับพระเนตรลงแล้ว มือทั้งสองที่เอื้อมไปยังขอบพระภูษาแสดงอาการสั่นเทา
ด้วยความตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาทั้งสองของพลจ้องมองไปยังจุดที่เขาหมายตาไว้จนเบิกโพลง
มุ่นพระภูษาถูกคลายคลี่ออกจนหลวม แล้วดึงลงมาจนกองไว้ที่ข้อพระบาท เผยให้เห็นเนินพระโยนีนูนเด่นขาวผุดผ่อง ประดับด้วย
เส้นพระโลมชาติดำขลับอ่อนละเอียดเรียงตัวอย่างงดงาม พลจ้องมองเนินพระโยนีอันงดงามแล้วทรุดร่างลงคุกเข่า มือข้างหนึ่งถือ
ไวเบรเตอร์แต่ดวงตากลับจ้องมองเรือนพระวรกายส่วนล่างที่เปลือยเปล่าอย่างไม่วางตา
เขาไม่อยากจะใช้ไวเบรเตอร์ไปรบกวนเรือนร่างอันงดงามของพระนางเลยแม้แต่น้อย แต่เขาต้องการที่จะซุกไซ้ใบหน้า
เข้าไปเชยชมดอมดมความหอมหวานให้สาแก่ใจของเขามากกว่า พลเหลือบตาขึ้นมองพักตร์ของเจ้าหญิงฯ เห็นยังทรงปิดดวงเนตรสนิทอยู่
เขาจึงยื่นใบหน้าเข้าไปจนเกือบสัมผัสเรือนร่างแห่งวรองค์ แล้วสูดดมกลิ่นอันหอมหวลที่กรุ่นออกมาตั้งแต่เรียวพระอูรุทั้งสองจนถึง
เนินพระโยนีอันโคกนูน ตามการเรียกร้องจากที่อัดอั้นอยู่ภายใน
"ท่านพราหมณ์ ท่านกระทำสิ่งใดอยู่ เหตุใดจึงมิเร่งลงมือกระทำพิธี"
เจ้าหญิงเปล่งพระสุรเสียงออกมาทั้งๆที่ยังหลับเนตรอยู่
พลได้ยินดังนั้นก็ตัดสินใจใช้มือแยกเรียวพระอูรุให้อ้ากว้างจนสองกลีบบุปผาแยกออกจากกัน เผยให้เห็นช่องพระโยนีสีชมพูระเรื่อ
แล้วยื่นส่วนหัวของไวเบรเตอร์จ่อลงไปทันที
"โอ๊ะ...ท่านพราหมณ์"
เจ้าหญิงสะดุ้งพระวรกายพร้อมกับยกหัตย์ขึ้นอย่างตกพระทัย พลเปิดไวเบรเตอร์ให้สั่นในระดับต่ำสุด แล้วเลื่อนส่วนหัวของมัน
ไล่ไปตามร่องหลืบ พร้อมกับค่อยๆดันเข้าไปทีละน้อย เจ้าหญิงขมวดพระขนงกัดพระทนต์นิ่ง พลเห็นเช่นนั้นก็เกรงว่าเจ้าหญิง
จะทรงเจ็บ จึงตัดสินใจเอ่ยออกมาว่า
"เพื่อมิให้พระองค์รู้สึกเจ็บ ขอทรงอนุญาตให้ข้าพระองค์ใช้มือสัมผัสด้วยเถิด พะย่ะค่ะ"
เจ้าหญิงทรงขยับพระพักตร์เป็นเชิงอนุญาต ทั้งที่ยังหลับเนตรอยู่ พลจึงยิ้มออกมาด้วยความสมใจแล้วยื่นมือเข้าไปสัมผัส
เนินนูนโยนีของเจ้าหญิงฯอย่างแผ่วเบา แล้วเกาะกุมเนินนูนของเจ้าหญิงฯไว้ในอุ้งมือของเขาพร้อมกับทาบทับนิ้วกลางกดลง
ไปในช่องแห่งพระโยนี
ทั้งกลิ่นแห่งพระวรกาย ทั้งรูปโฉมอันงดงามและรสสัมผัสอันนุ่มละมุนมือ ทำให้พลเกิดอารมณ์แห่งความต้องการจนแทบจะบ้าคลั่ง
ท่อนเอ็นของเขาแข็งตัวจนคับแน่นไปหมด จนต้องใช้มืออีกข้างปลดตะขอกางเกงให้คลายออก นิ้วมือของพลแหวกเส้นพระโลมชาติล่วงล้ำ
เข้าไปยังภายในร่องหลืบจนสัมผัสเข้ากับติ่งแห่งพระโยนีแล้วหมุนวนอย่างแผ่วเบา
เจ้าหญิงสุคนธอัปสร เผยอโอษฐ์ออกเล็กน้อย แล้วเริ่มส่ายบั้นพระองค์ด้วยความรู้สึกวาบหวามพระทัยในรสสัมผัสของนิ้วมือพราหมณ์หนุ่ม
จนพระองค์เริ่มรู้สึกต้องการให้ มือของพราหมณ์ลงน้ำหนักมากขึ้นจนถึงกับยกบั้นพระองค์ลอยขึ้นอย่างลืมองค์
พลเห็นพระอาการของเจ้าหญิงฯ ก็ยิ่งคิดที่จะแกล้งให้พระนางมีความต้องการยิ่งขึ้นไปอีก จึงแหย่ไวเบรเตอร์จี้เข้าไปที่ติ่งแห่งพระโยนีนั้น
เจ้าหญิงฯถึงกับสะดุ้งพระวรกายอย่างแรง แล้วบิดองค์พร้อมกับส่งพระสุรเสียงร่ำร้อง ออกมา
"โอ๊ววว.............โอ๊วววววว......................โอ๊ววววววว....."
พลเร่งไวเบรเตอร์ให้สั่นอย่างสุดแรงแล้วจึ้วนลงไปยังร่องหลืบโยนีของพระนางอย่างต่อเนื่อง ก็ยิ่งทำให้เจ้าหญิงสุคนธอัปสร
ทรงรู้สึกเสียวกระสันต์ที่ร่องพระโยนีเป็นอย่างยิ่ง บั้นพระองค์ลอยส่ายไม่ติดพื้น ส่งพระสุรเสียงร่ำร้องครวญครางไม่ขาดโอษฐ์
"อ๊ายยยย........อ๊ายยยยยยยย.........อ๊ายยยยยยย............"
ยิ่งพลเห็นพระนางส่ายร่อนบั้นพระองค์ พร้อมกับร่ำร้องพระสุรเสียงเช่นนั้น ความอดทนอดกลั้นของเขาก็สิ้นสุดลง
ความคิดวูบหนึ่งแล่นเข้ามาในหัว เกิดเป็นคำพูดที่หลุดจากปากออกมาโดยไม่ยั้งคิด
"โอวว...พระนาง องค์ศิวะเทพจะเข้าสถิตย์ในร่างของข้าพระองค์แล้ว พระองค์มีพระประสงค์จะเบิกพรหมจรรย์ของพระนาง
ด้วยองค์เอง.....โอววว..."
ทันใดนั้นพลก็สะบัดไวเบรเตอร์ออกจากมือ ทำทีเป็นตัวสั่นอยู่ครู่หนึ่งแล้วยืนขึ้น เพ่งมองไปยังเจ้าหญิงฯที่ตอนนี้
ลืมพระเนตรขึ้นมาจ้องมองด้วยความตื่นตระหนก
"สุคนธอัปสร เราคือ ศิวะ เจ้ายังไม่สักการะเราอีกรึ"
เจ้าหญิงสุคนธอัปสร มีพระชันษาเพียงสิบแปด ไม่เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของพล ก็ยันร่างลุกขึ้นกระทำวันทาโดยทันที
พลเห็นเจ้าหญิงฯ เชื่อเขาอย่างสนิทใจ ก็เริ่มถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแต่ตัวล่อนจ้อน แล้วเริ่มแผนการทันที
"สุคนธอัปสร เราจะเริ่มทำพิธีให้เจ้า อย่างแรกเจ้าจงรับเอาลึงค์แห่งเราเข้าไว้ในโอษฐ์ของเจ้า ณ บัดนี้"
เจ้าหญิงสุคนธอัปสร เบิกพระเนตรกว้าง แล้วส่งสายพระเนตรไปยังลำเอ็นที่กำลังชี้แข็งออกมาอย่างยืดยาวของพล
"แต่....แต่...ลึงค์นั่นเป็นของพราหมณ์ผู้นี้มิใช่หรือเพคะ"
"เราเป็นเทพเจ้าแห่งสามโลก แม้สถิตย์อยู่ที่ใด ที่นั่นก็เป็นเรา เจ้าอย่าได้มีข้อเคลือบแคลงเลย"
แล้วพลก็ก้าวเท้าไปยืนอยู่ตรงเบื้องพระพักตร์ของเจ้าหญิงฯ ด้วยความต้องการที่อัดอั้นอย่างที่สุด
เจ้าหญิงสุคนธอัปสร เหลือบสายพระเนตรมองไปยังใบหน้าของศิวะเทพจอมปลอม แล้วลดองค์จนพระพักตร์อยู่ในระดับเดียวกับ
แท่งเอ็นของพลอย่างฝืนพระทัย ก่อนที่จะเผยอโอษฐ์งามจดจ่อไปที่ปลายลำเอ็นของพล
พลไม่รอช้ารีบดันท่อนเอ็นของเขาสวนเข้าไปในโอษฐ์งามของเจ้าหญิงฯทันที
"โอ้วววว.........."
พลอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงครางออกมาอย่างสาแก่อารมณ์ เมื่อสัมผัสถึงช่องโอษฐ์อันนุ่มนวลอบอุ่น ที่โอบรัดรอบแท่งเอ็นของเขา
แล้วเผลอไผลใช้สองมือยึดจับเศียรแห่งพระนางเอาไว้ พร้อมกับดันท่อนเอ็นให้ผลุบเข้าผลุบออกที่โอษฐ์ของพระนาง
"ซี๊ดดดดดดดดดดด...........เสียวดีจริงๆเลยเว้ยปากของเจ้าหญิงเนี่ย.....อ้าาาา......"
เจ้าหญิงฯ ทรงพยายามอดทนด้วยเกรงว่าองค์ศิวะจะพิโรธ ปล่อยให้พลกระแทกแท่งเอ็นผลุบเข้าผลุบออกจากโอษฐ์งามของนาง
เอาตามอำเภอใจ แต่เนื่องจากพลอดกลั้นต่อความต้องการมาเป็นเวลานาน เพียงได้รับสัมผัสอันนุ่มนวลจากโอษฐ์ของพระนาง
เพียงไม่นาน จังหวะหนึ่งเขาก็ส่งแท่งเอ็นเข้าไปลึกเข้าไปจนเกือบถึงลำพระศอแล้วแช่ค้างนิ่งเอาไว้
"โอ๊ะ...โอ๊ะ.....แตกแล้ว......โอ้วววววววววว............"
น้ำรักขาวขุ่นแตกทะลักพุ่งออกมาจากปลายลำเอ็น ล่วงล้ำลงสู่ลำคอของพระนางจนทรงสำลัก พลได้สติรีบถอนลำเอ็นออกมาจาก
โอษฐ์งาม ทันใดนั้นน้ำรักสีขาวขุ่นก็ล้นทะลักติดตามออกมาจากโอษฐ์แห่งนาง
"สุคนธอัปสร จงกลืนกินน้ำแห่งลึงค์ของเราลงไป "
พลไม่เข้าใจตัวเองอยู่เหมือนกันว่ากล้าพูดออกไปได้อย่างไร แต่ถึงอย่างไรเขาก็ได้พูดออกมาแล้ว จึงมีแต่ต้องปั้นสีหน้าให้ดูสมจริง
เจ้าหญิงสุคนธอัปสร จึงทรงปิดริมพระโอษฐ์มิให้น้ำรักของพลไหลกลับออกมา แล้วกลืนกินลงไปตามคำแห่งศิวะเทพจอมปลอม
จนพลเห็นแล้วก็อดที่ภาคภูมิใจเสียไม่ได้ แต่แล้วเขาก็นึกขึ้นได้ว่า เขายังไม่ได้ทำพิธีเปิดพรหมจรรย์จนเสร็จสิ้นก็น้ำแตกไปก่อนซะแล้ว
จึงคิดหาวิธีถ่วงเวลาให้ลำเอ็นของเขากลับมามีความพร้อมอีกครั้ง
"สุคนธอัปสร เจ้าจงนอนลง เราจะทำพิธีขั้นต่อไป"
พอพระนางเอนร่างลงตามคำสั่ง พลก็จับข้อพระบาททั้งสองแหกอ้าออกแล้วเอื้อมมือไปหยิบไวเบรเตอร์จ่อลงไปที่โยนีแห่งพระนางอีกครั้ง
เจ้าหญิงสุคนธอัปสร ก็ถึงกับแอ่นบั้นพระองค์ด้วยความซ่านเสียว พร้อมกับส่งพระสุรเสียงคร่ำครวญขึ้นอีกครั้ง
"อ๊ายยยย........อ๊ายยยยยยยย.........อ๊ายยยยยยย............"
ยิ่งผ่านไปนานขึ้น ร่องพระโยนีก็เริ่มชุ่มชื้นมากขึ้นเรื่อยๆ ดุจดังสุรเสียงครวญครางด้วยความกระสันต์ซ่านเสียวที่บังเกิดขึ้นแก่พระองค์
เป็นคราแรก ก็ดังขึ้นด้วยเช่นกัน
สุรเสียงที่ร่ำร้องคล้ายดั่งพระองค์กำลังเจ็บปวด แต่หางสุรเสียงกลับแหบพร่า ส่ายบั้นพระองค์ร่อนไปมาอย่างไม่หยุดหย่อน
พลเห็นพระนางมีอาการเช่นนั้น ก็ยิ่งหมั่นเขี้ยวยิ่งจี้ไวเบรเตอร์เน้นเข้าไปที่ติ่งโยนีของพระนางหนักแน่นยิ่งขึ้น
"อ๊ายยย.....อ๊ายยยย.......พอก่อนเถิดท่านศิวะเทพ.....อ๊ายยยย....หม่อมฉันจะไม่ไหวแล้วเพคะ ...อูยยยย.....เสียวเหลิอเกินเพคะ
ฮูยยยย..........อ๊ายยยย..........อ๊ายยยย..........อ๊ายยยย.......พอ..พอ...หยุดก่อน.."
แต่แล้วบั้นพระองค์นั้นก็ยกสูงแล้วนิ่งค้าง ปลดปล่อยพระบังคนเบาพุ่งแตกกระจายออกเป็นฝอยด้วยความซ่านเสียว
"....โอ๊ะ....โอ๊ะ....โอ้ววววววววววว....."
พระนางเคลิบเคลิ้มกับความสุขอันเป็นสุดยอดที่พึ่งเคยพานพบ พระวรกายสั่นกระตุกอย่างมิอาจควบคุม
แล้วจึงแผ่พระวรกายลงราบอย่างเหนื่อยอ่อน พลไม่รอช้าอีกต่อไป แท่งเอ็นของเขากลับมาแข็งแล้วพยักหัวหงึกๆ
เหมือนกับจะบอกว่ามันพร้อมแล้ว
ร
ลีงค์เบด