ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_KaohomLM

มั่วรัก นักเปิดซิง ตอนที่ 2: เชียร์โต้

เริ่มโดย KaohomLM, มกราคม 04, 2024, 05:32:44 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

KaohomLM

   สายตาหลายร้อยคู่จากนักศึกษาทั้งสองคณะจับจ้องมาเป็นตาเดียวที่สาวร่างเล็กเอวบางคอดกิ่ว ผมซอยสั้นประบ่า ที่ยืดท้าวเอว สายตาที่อยู่สูงไม่ถึงอกชาคริตจ้องเขม็งมาที่หน้าของชายหนุ่ม ในดวงตาเรียวสวยแวววาวไปด้วยอารมณ์ความรู้สึกที่อัดแน่นเกินกว่าจะระบายออกมาเป็นคำพูด
   "พ.....พี่ชาคริต" สาวน้อยเอ่ยปากออกมาอีกครั้ง แต่คราวนี้เสียงอ่อยลง ราวกับว่าสายตาของชาคริตที่จ้องกลับมาด้วยความงุนงงสงสัยบั่นทอนเอาพลังความสดใสที่เคยเปล่งประกายออกมาจนหมดสิ้น
   "เอ่อ....เรารู้จักกันเหรอครับ" ชาคริตเกาหัว
   "น้องไผ่หลิว กลับเข้าแถวค่ะ!!!" เสียงตะโกนมาจากพี่เชียร์คนหนึ่งฝั่งคณะบัญชี สาวผมสั้นส่งสายตาอาลัยอาวรณ์มาให้ชาคริตเป็นวูบสุดท้าย ก่อนจะหันหลังเดินคอตกกลับเข้าแถวคณะบัญชีไป
   ไผ่หลิว ไผ่หลิว ไผ่หลิว......ชื่อก็ยังไม่คุ้นอยู่ดี
   แว่บแรกที่ได้ยินเสียงเรียกพี่ชาคริต ความคิดแรกที่เข้ามาในสมอง คือ รุ่นน้องในโรงเรียนที่เคยถูกเขาเปิดซิงตามมาหลอกหลอน
   แต่ไม่สิ นี่มันมหาลัย แล้วเขายังอยู่ปี 1 อยู่เลย นักศึกษาคนอื่น เด็กแค่ไหนก็ต้องรุ่นราวคราวเดียวกับเขานี่แหละ แล้วทำไมเธอถึงเรียกเขาว่าพี่ชาคริตล่ะ
   ชาคริตชำเลืองมองสาวร่างเล็กอีกรอบ สายตาของเธอยังคงจ้องเขม็งมาที่เขา
   หน้าตาก็ไม่คุ้น ชื่อก็ไม่คุ้น
   เขาอาจจะเคยยุ่งเกี่ยวกับสาว ๆ มาเยอะก่อนจะกลับตัวกลับใจ แต่ไม่เคยมั่วถึงขั้นจำหน้าคู่นอนไม่ได้ หรือมีเซ็กซ์กับคนที่เขาไม่รู้ชื่อ
   ชาคริตเกาหัวจนนิ้วมือแทบจะทะลุไปถึงสมองส่วนฮิปโปแคมปัส แต่ก็นึกไม่ออกจริง ๆ ว่าเคยเจอสาวร่างเล็กคนนี้ที่ไหน เมื่อไหร่
   หรือว่า...............
   เธอจะหลุดมาจากมิติอื่น แล้วรู้จักกับตัวเขาในมิตินั้นมา!!!!!
   ไม่ อันนี้ไร้สาระ
   คิดสิ ชาคริต คิด มันต้องมีเหตุผลอื่นสิ
   แต่ยังไม่ทันได้คิด ก็เริ่มมีคำสั่งจากพี่เชียร์ ให้นั่งประจันหน้ากันแล้ว

   "เห้ย ชาคริต" ไอ้ตี๋สะกิด ในขณะที่ฝั่งบัญชีกำลังร้องเพลงกันอยู่ "อีเตี้ยนั่นแฟนเอ็งเหรอ"
   "เหอะ" ชาคริตส่ายหัว "ไม่รู้จัก"
   "ไม่รู้จักได้ไง มันเรียกชื่อเอ็งอยู่" ไอ้ตี๋ยืนยัน
   "นั่นดิ" ไอ้เป็ดแหยมเข้ามา "เดี๋ยวกุฟ้องอิน้ำฟ้าซะนี่"
   "ยังกะเอ็งไม่ฟ้องน้ำฟ้าจะไม่รู้งั้นแหละ" ชาคริตพึมพำ เขาแอบเห็นสายตาที่น้ำฟ้าส่งมาให้เขาวูบหนึ่ง รู้สึกเสียว ๆ ยังไงพิกล ไม่แน่ใจว่าตื่นเช้าพรุ่งนี้จะยังมีไอ้นั่นติดตัวหรือเปล่า
   "เอาหล่ะค่ะ รับชมการแสดงจากฝั่ง คณะวิทยาศาสตร์ได้เลยค่ะ!!!!"

   เพลงแล้ว เพลงเล่า การแสดงชุดแล้ว ชุดเล่า เกมส์การแข่งขันครั้งแล้ว ครั้งเล่าผ่านไป จนเวลาคล้อยเย็น
   "เอาหล่ะค่ะ กิจกรรมสุดท้ายแล้วนะคะ" พี่เชียร์คณะบัญชีบอก "ตอนนี้ ขอให้ทั้งสองฝั่ง ส่งตัวแทนที่................คิดว่าหน้าตาดีที่สุด ออกมาค่ะ"
   พี่เชียร์ฝั่งคณะวิทย์มองหน้ากันเลิกลั่ก เหมือนกับว่าเงื่อนไขจากฝั่งคณะบัญชีจะไม่ตรงกับที่ตกลงกันไว้ แต่เห็นได้ชัดว่าฝั่งบัญชีเตรียมการมาแล้ว เพราะนักศึกษาฝั่งบัญชีหกคนลุกขึ้นมายืนเรียงแถวกันทันที หนึ่งในนั้นมีสาวร่างเล็กที่เข้ามาทักชาคริตอยู่ด้วย
   "เอ้า ฝั่งบัญชีพร้อมแล้วนะคะ วิทยาเอาไงคะ" พี่หมุย ประธานเชียร์คณะบัญชีถาม "จะยอมแพ้ก็ได้นะคะ เข้าใจอยู่ว่า ไม่มีคนหน้าตาดี หุหุหุหุ"
   พี่หวานทำหน้าเหมือนอยากจะจิกหัวพี่หมุยลากไปตบที่สี่แยก
   "ผมครับ ผม เลือกผม" ไอ้เป็ดตะโกน พลางก็ยกมือโบกไปมา
   พี่หวานหันมามองไอ้เป็ดเหมือนมันเป็นคราบที่ติดอยู่บนโถชักโครก ก่อนจะหันไปมองรอบ ๆ
   "น้อง.....น้องชาคริต น้องตี๋ น้องเบญ น้องหยก น้องลูกนัท...." ชาคริตพยายามชี้ไปทางน้ำฟ้า "แล้วก็น้องผักบุ้งแล้วกัน"
   คนที่พี่เชียร์เรียกทยอยกันลุกขึ้นแล้วไปตั้งแถวเผชิญหน้ากับเด็กบัญชี ไผ่หลิวจ้องชาคริตตาไม่กระพริบ
   "เอาหล่ะค่ะ ได้ผู้เล่นกันแล้วนะคะ" พี่หมุยบอก "เกมส์สุดท้ายในวันนี้....เก้าอี้ดนตรีค่ะ"
   พวกพี่เชียร์ทั้งสองคณะลากเก้าอี้สิบตัวมาตั้งเป็นวง
   "เอาหล่ะ กติกานะคะ พอเพลงขึ้น พวกน้อง ๆ ที่ออกมาเป็นตัวแทนคณะต้องเต้นนะคะ พวกน้อง ๆ ที่อยู่ในแถวก็ช่วยกันร้องเพลง พอพี่อุ๊ก ตีฆ้อง แบบ นี้...."
   ปึ่งงงงงง
   "เพลงต้องหยุด แล้วน้อง ๆ ทุกคนต้องหาที่นั่งนะคะ ใครนั่งไม่ได้ ต้องถูกทำโทษโดยการ......"
   เสียงเพลงสุดเซ็กซี่ดังขึ้น
   "เต้นประกอบเพลงนี้ให้เพื่อน ๆ ดูค่ะ"
   เสียงโห่ร้องยินดีและเป่าปากวี๊ดวิ่วดังมาจากทั้งสองฝั่ง
   "เอาหล่ะ น้อง ๆ พร้อมกันแล้วใช่ไหมคะ เพลงมาค่ะ!!!"
   เต้นเหรอ ปกติชาคริตไม่ค่อยชอบเต้นเท่าไหร่ แต่...ก็เคยเต้นกับน้ำฟ้ามาแล้วหนิ เอาว๊ะ ไหน ๆ ก็ออกมาแล้ว
   สอง สาม แชสเซ่นิดนึง หมุน สอง สาม แชสเซ่

   มีเสียงร้องกิ๊วก๊าวกันนอกเหนือจากเสียงร้องเพลง ชาคริตไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเพื่อน ๆ ที่ดูอยู่กิ๊วก๊าวใครกัน
   ส่ายเอวแล้ววาดมือสวย ๆ ทีนึง แล้วก็....
   ปึ่งงงงงง
   ชาคริตรีบพุ่งตัวไปที่เก้าอี้ตัวที่ใกล้ที่สุดและทิ้งตัวลงนั่งทันที
   "แง๊ ชาคริตอ่าาาาา" ทันทีที่นั่งลงเต็มตัวได้ ชาคริตก็เงยหน้าขึ้นมาเห็นเบญที่มุ่งมาหาเก้าอี้ตัวเดียวกันพอดียืนทำหน้าเหมือนจะร้องไห้อยู่

   "เอ่อ ขอโท..." ชาคริตทำท่าจะขยับลุก แต่ก็ไม่ทันแล้ว
   "มานี่เลยค่ะ น้องเบญ น้องหยก"
   ทีมงานฝ่ายโสตเปิดเพลงยั่วยวน ชาคริตไม่แปลกใจ ที่เห็นหยกเริ่มร่อนเอวด้วยท่วงท่าชำนิชำนาญทันที เขามีความรู้สึกอยู่แล้วว่าหยกดูมีความเป็นสาวไฟแรงสูงอยู่พอสมควร
   แต่เบญนี่สิ เธอยืนตัวสั่น มองดูหยก น้ำตาคลอเบ้า ขยับตัวเก้ ๆ กัง ๆ เหมือนไม่อยากจะทำอะไรที่ดูยั่วยวนขนาดนั้น ชาคริตยิ่งรู้สึกผิดที่ไปแย่งที่เธอ ถึงจะไม่ได้ตั้งใจก็เถอะ
   "น้องเบญ เต้นค่ะ" เสียงพี่หวานเริ่มดุ
   เบญสูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนจะเริ่มส่ายเอวตามท่าที่หยกทำให้ดูเป็นแบบอย่าง
   เซ็กซี่
   เซ็กซี่มาก
   สายตาเกือบทุกคู่เบี่ยงจากหยกไปที่เบญที่กำลังยกมือขึ้นเหนือหัวแล้วส่ายเอวช้า ๆ
   ทำไมเขาไม่เคยสังเกตนะว่าเบญเซ็กซี่ขนาดไหน เอวคอดได้รูป พอได้เห็นลีลาการขยับตัวก็ดูออกว่าหน้าอกตูมเต่งใช้ได้ ขายาว เรียว
   โอเค ไม่เสียใจแล้วที่แย่งเก้าอี้
   หยกหันไปมองคนดูค้อน ๆ นิดหนึ่ง ก่อนจะทิ้งตัวลงทำท่ากระเด้าพื้น
   เสียงเพลงจบลง เบญและหยกกลับไปนั่งที่ การแข่งขันรอบสองเริ่มต้นขึ้น

   ไอ้ตี๋ตกรอบสาม มันเต้นท่าเด้งเอว พร้อมทั้งทำท่อนเอ็นในกางเกงแข็งพุ่งออกมาเป็นจังหวะตามเสียงเพลง โดยชี้ไปทางหน้าสาวสวย ๆ
   เสียงด่าลั่นโถงอาคารเรียนเลย
   
   วงเก้าอี้ค่อย ๆ หดแคบลง เมื่อผู้แพ้ค่อย ๆ ออกไปเต้นโชว์และเก้าอี้ถูกยกออกไป
   จนในที่สุด ก็เหลือเก้าอี้ตัวเดียว กับหนุ่มหล่อ สาวสวยแค่สองคน
   ชาคริต กับไผ่หลิว
   "เอาหล่ะค่ะ มาดูกันดีกว่า ว่าตัวแทนจากคณะไหนจะเป็นฝ่ายชนะในการแข่งขันครั้งนี้นะคะ" พี่หมุยประกาศ
   "พี่ชาคริตจำหนูไม่ได้ใช่ไหมคะ" ไผ่หลิวแอบกระซิบถาม ขณะที่พี่หมุยกับพี่หวานกำลังปลุกใจคนดูกันอยู่
   ชาคริตส่ายหน้า "ขอโทษด้วย พี่จำไม่ได้จริง ๆ"
   "ไม่เป็นไรค่ะ ถึงพี่จะจำหนูไม่ได้ แต่หนูจำพี่ได้ และ......" ไผ่หลิวหลบตาไปวูบหนึ่ง "หนูจะทำให้พี่รักหนูให้ได้ค่ะ"
   "ฮ๊ะะะะะะะ!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!"
   "เพลงมาค่ะ!!!!!"
   ไผ่หลิวหมุนตัวในท่วงท่าบัลเล่ต์จากไป ทิ้งให้ชาคริตยืนติดสตั๊นท์อยู่ จนพี่หวานต้องว๊ากใส่ถึงเริ่มเต้นได้
   อะไรว๊ะ
   อะไรว๊ะ
   อะไรว๊ะ
   นี่ชั้นแอบไปหว่านเสน่ห์ใส่น้องคนนี้ตอนไหน
   ไม่น้องสิ รุ่นเดียวกัน
   รุ่นเดียวกัน
   แล้วทำไมเรียกพี่
   แล้วทำไมทำเหมือนรู้จักกัน
   แล้ว....
   โอ๊ยยยยย หัวจะแตก
   ปึ่งงงงงง
   ชาคริตพุ่งตัวมาที่เก้าอี้ แต่ร่างเพรียวบางของไผ่หลิวนั่นรวดเร็วว่องไวจนไม่น่าเชื่อ เธอมายืนข้าง ๆ เก้าอี้ตั้งแต่เท้าชาคริตเพิ่งขยับก้าวแรก
   ยืนข้าง ๆ แต่ไม่นั่ง

   ชาคริตไม่หยุดรอคิดว่าเพราะอะไร แต่รีบเหวี่ยงตัวลงนั่งตัดหน้าสาวร่างเตี้ย
   ทันทีที่ชาคริตนั่งลงได้ ไผ่หลิวก็เหวี่ยงตัวลงนั่งบนตักชาคริตและโอบแขนรอบร่างกำยำทันทีโดยไม่สนใจเสียงโห่ฮาจากนักศึกษาทั้งสองคณะ
   คุ้น ๆ แฮะ

   เก๊งงงงงงงง
   แก้วไวน์หรูหราสองแก้วกระทบกันเบา ๆ ก่อนที่ชาย หญิงทั้งสองที่นั่งอยู่คนละฝั่งโต๊ะจะลดแก้วลง แล้วจิบเบา ๆ
   "เอาเป็นว่าตกลงตามนี้นะคะ" หญิงสาววัยยี่สิบปลาย ๆ กล่าวกับชายวัยกลางคน "เดี๋ยวตัวสัญญา หนิงจะส่งให้คุณพงศ์อีกทีนะคะ แต่รายละเอียดคงไม่มีเปลี่ยนแปลงแล้วค่ะ"
   "ขอบคุณมากนะครับ" คุณพงศ์พูดเบา ๆ "ผมยินดีมาก ที่ได้มาร่วมงานกับบริษัทของคุณหนิง ถ้าร่วมงานกันตามนี้ได้ กำไรปีนี้ทะลุเป้าแน่นอน"
   "หนิงต่างหากล่ะคะ ที่ต้องขอบคุณคุณพงศ์ ที่ให้หนิงได้มีโอกาสมีส่วนร่วมในโครงการนี้" หนิงยกมือไหว้นักธุรกิจรุ่นพี่อีกครั้ง
   พงศ์ดื่มไวน์ที่เหลืออยู่ในแก้วจนหมด "เอาหล่ะ เมื่อตกลงกันได้แล้ว ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ เดี๋ยวจะถึงกรุงเทพดึกเอา"
   "ค่ะ ขอบคุณอีกครั้งนะคะ"
   "แล้วไผ่หลิวอยู่ไหนแล้วเนี่ย"
   "น่าจะออกไปเล่นที่ชายหาดกับชาคริตมั้งคะ"
   พงศ์กับหนิงเดินออกจากบ้านพักตากอากาศริมทะเลสุดหรูที่ใช้เป็นที่ต่อรองธุรกิจตลอดสามวันที่ผ่านมา ลงไปที่ชายหาดส่วนตัวที่หลังบ้าน ไม่ช้าก็เห็นเด็กชายหญิงนั่งก่อปราสาททรายอยู่ด้วยกันอย่างสนุกสนาน

    "ผมต้องขอบคุณคุณหนิงนะครับ ที่ให้ผมเอาไผ่หลิวมาด้วย" พงศ์บอก "แม่แกเสียตอนคลอดแก ปกติเวลาผมมีธุระแกก็อยู่กับพี่เลี้ยง แต่พี่เลี้ยงเกิดมาป่วยกะทันหัน ผมก็ไม่กล้าจ้างใครก็ไม่รู้มาดูลูก"
   "ยินดีค่ะ" หนิงพยักหน้า "ดีแล้ว ชาคริตแกจะได้มีเพื่อนเล่น ไม่งั้นเหงาแย่เลย"
   "เอ่อ...ขออนุญาตถามนะครับ...แล้ว พ่อของแก....."
   "เราหย่ากันแล้วค่ะ.....เค้า....เค้าไปมีคนอื่น..."
   "เสียใจด้วยนะครับ"
   "ค่ะ...คือ...เค้าไม่เคยอยากมีลูกอยู่แล้ว แล้ว...แค่แบ่งเวลาระหว่างลูกกับงาน หนิงก็จะไม่ไหวอยู่แล้ว เค้าคิดว่าหนิงไม่มีเวลาให้เค้ามากพอ"
   พอเห็นผู้ใหญ่ทั้งสองเดินมา ชาคริตกับไผ่หลิวก็เงยหน้ามาจากปราสาททราย
   "พ่อ" ไผ่หลิววิ่งไปกอดเอวพงศ์ "โตขึ้นหนูจะแต่งงานกับพี่ชาคริต"
   หนิงกับพงศ์หัวเราะ
   "ไผ่หลิวไม่ต้องเรียกชาคริตเป็นพี่ก็ได้นะคะ แก่กว่ากันแค่สองเดือนเอง" หนิงบอก
   "ไม่เป็นไร เรียกพี่น่ะดีแล้ว" พงศ์บอก "เค้าแก่กว่าหลิว หลิวก็ต้องเคารพพี่เค้านะ....แล้วไหน บอกพ่อซิ ทำไมจะแต่งงานกับพี่เค้าล่ะ"
   "หนูไม่เคยสนุกเท่านี้เลย" ไผ่หลิวบอก "ปกติก็มีแต่เรียน พี่แจนก็ไม่เคยยอมให้หนูได้ทำอะไรตามใจเลย มานี่ หนูได้ว่ายน้ำ จับปู ก่อปราสาททราย เป็นสามวันที่สนุกที่สุดเลยค่ะ"
   "สนุกก็ดีแล้ว แต่ไปเถอะ พ่อเสร็จธุระแล้ว"
   "ต้องไปแล้วเหรอคะ...."
   "อืม"
   "พ่อพาหนูมาหาพี่ชาคริตอีกนะ"
   "....."
   พงศ์ไม่ตอบ เขารู้ดีว่าการเจรจาธุรกิจระดับนี้ไม่ได้มีบ่อย ๆ ต่อให้มีอีก ไผ่หลิวก็คงได้อยู่บ้านกับพี่เลี้ยงตามปกตินั่นแหละ เขาจูงมือไผ่หลิว แล้วพาเดินจากไป ทิ้งชาคริตกับหนิงไว้บนชายหาด
   "พี่ชาคริตตตตตตต" ไผ่หลิวร้อง ก่อนจะดิ้นหลุดจากมือพ่อ แล้วโผเข้ากอดชาคริต
   "รอหนูนะ หนูจะกลับมาแต่งงานกับพี่"
   "ได้เลย"

   "ไผ่หลิว....ลูกสาวคุณพงศ์....ใช่ไหม"
    


ปล. แถมภาพไผ่หลิว เวอร์ชั่นชิบินะครับ



ปปล. ผมกำลังคิดว่า อยากจะสร้างกระทู้สักอันในห้องนั่งเล่น ใช้เป็นห้องสมุด/รวมลิงค์ไปที่เรื่องมนตรา สงคราม ความรัก และเรื่องนักเปิดซิงทั้งสองภาค ขอสอบถามท่านที่มีความรู้นิดหนึ่งนะครับ ว่าทำได้ไหม สมควรทำหรือเปล่า





เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

peddo

ชีวิตยุ่งยากอีกแล้ว แม้ที่มาจะใสๆ แต่ฟ้าใสไม่ยอมแน่ กึ๋ย

pongsak01


windy007


thep59

อ้าวงานเข้าละสิชาคริต มีคนจะมาจอแต่งงานด้วยซะแล้ว


teerawatc

สนุกครับ ทั้งเรื่องมนตรา สงคราม ความรัก และเรื่องนักเปิดซิงทั้งสองภาค

ผู้แต่งใส่ใจรายละเอียดเล็กๆน้อยๆ มีมุขตลกที่อ่านแล้วได้ยิ้มไปด้วย 

รอติดตามทั้ง 2 เรื่องนะครับ

ryu



kokkum


ads_s7


sunnies


dawdom

เดินเรื่องดีครับ อย่าให้หวือหวา แต่ฉากเซ็กร์ต้องเด็ดครับ

tossapoln14

สัญญาตั้งแต่เด็กก็มี        งานเข้าแล้วนายชาคริต

zavior

มีสองแล้ว มีสามจะเป็นไรไป ช่วงกันแบ่งเบาภาระ ฮ่าๆ

ปล. ทำสารบัญก็ดีนะครับติดตามสะดวกดี