ผู้เขียน - ชื่อบุคคลและสถานที่ที่อ้างถึงล้วนไม่มีอยู่จริง เป็นเพียงจินตนาการขึ้นเพื่อเสริมเพิ่มอรรถรส มิได้มีเจตนาให้ร้ายแต่อย่างใด
ตอนที่2 : https://xonly8.com/index.php?topic=260939.0
เรียลนักศึกษา ตอนที่3
บรรยากาศภายในห้องพักอาจารย์อึมครึมเงียบงัน นักศึกษาชั้นต้นปีที่สามนั่งก้มหน้า ชายวัยกลางคนในชุดสูทนั่งหน้าเครียดอยู่อีกฝั่งหนึ่งของโต้ะคือ ศาสตราจารย์แม็กกินน์ ผู้อำนวยการ เมดิคอลสคูล ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ เคมบริดจ์ สถาบันชั้นแนวหน้าขึ้นชื่อเรื่องผลิตบุคลากรทางการแพทย์ฝีมือดี
"เสียใจที่ต้องบอกว่าผลการเรียนของคุณแย่ที่สุดในคลาส
คงไม่มีคนไข้คนไหนอยากฝากชีวิตไว้กับแพทย์ที่ได้เกรดวิชาชีวเคมีแค่ซีบวก จากจุดนี้ผมคงให้คุณไปต่อไม่ได้" ศาสตราจารย์หนุ่มใหญ่ถอนหายใจพลิกดูเอกสารบนโต้ะ "เราให้วีซ่าคุณอยู่ในอังกฤษได้อีกหนึ่งปี คุณจะได้วุฒิการศึกษาระดับอนุปริญญากลับบ้าน"
"ครอบครัวของดิฉันคงจะผิดหวังมาก"
"คุณยังอายุน้อยแค่อาจยังไม่เจอทางของตัวเอง อย่าเพิ่งเสียกำลังใจ" ศาสตราจารย์แม็กกินน์ยื่นขอจับมือ เส้นทางการศึกษาของเกรซสิ้นสุดลงแล้วสำหรับที่นี่
รู้สึกตัวลืมตาตื่น เสียงพัดลมหมุนครางเป็นจังหวะ เสียงกรนเบาๆ ของอาจารย์บุ้งที่กำลังหลับสนิทอยู่อีกมุมห้อง เกรซยันตัวลุกขึ้นนั่งปาดเหงื่อเม็ดเล็กๆ บนหน้าผากเนื้อตัวอับชื้นในคืนอากาศอบอ้าว ฝันร้ายเรื่องโดนรีไทร์ย้อนกลับมาปลุกเธอกลางดึกอีกแล้ว ตั้งสติเพ่งมองในความมืดไปรอบๆ ห้อง 'เราเรียนจบแล้วและมีแผนว่าจะเรียนต่อปริญาโทในอีกสองปีข้างหน้าด้วยซ้ำ' เกรซบอกกับตัวเอง
ใกล้เที่ยงวัน อาคารสนามบินส่วนภูมิภาคบรรยากาศคึกคักเพราะใกล้กำหนดเวลาเดินทาง
"เป็นไงเรา ไม่มีแอร์นอนได้มั้ย" ทัศนีย์ถามลูกสาว
"นอนได้ค่ะ สบายมาก" เกรซยิ้มตอบ
"เดี๋ยวอีกสองอาทิตย์พ่อขับรถขึ้นมาไว้ให้ใช้ จะได้ออกมาหาที่อยูดีๆ"
"ไม่เป็นไรค่ะพ่อ คนอื่นเค้าอยู่กันได้เกรซก็อยู่ได้ อาจหามอไซค์มือสองซักคัน" ลูกสาวคนเดียวตอบ
"เซี๊ยวนักนะเราโก๊ะแบบนี้เหรอจะขี่มอเตอร์ไซค์" เสียงประกาศเรียกขึ้นเข้าช่องทางตรวจเอกสาร ชายหนุ่มวัยสามสิบกว่ากึ่งเดินกึ่งวิ่งเข้ามาสมทบ ในมือหิ้วพุทราลูกเขียวอวบน่ากินสองถุงใหญ่ "ดูสิ อุตส่าห์ไปหามาจนได้" ทัศนีย์ยิ้มกว้าง
เขาหยุดหอบหายใจ "มาทั้งทีไม่มีของฝากติดไม้ติดมือกลับไปได้ไงครับ"
"ยังไงผมฝากลูกสาวด้วยนะปรีติ แล้วรถราไม่ต้องขับให้มันเร็วนัก เป็นหมอดีๆ อย่าให้ต้องไปเป็นคนไข้ซะเอง" พ่อของเกรซกล่าวเตือนอดีตลูกศิษย์ที่วิทยาลัยแพทย์
"ไปเถอะพ่อ คนอื่นเค้าเข้าไปข้างในกันหมดแล้ว" ทัศนีย์ก้มจะหยิบกระเป๋าเดินทางแต่คุณหมอหนุ่มออกตัวช่วยถือ
"ดูแลตัวเองนะลูก ตัวคนเดียวแบบนี้อย่าไว้ใจใครง่ายๆ"
" .. เกรซ"
"คะพ่อ"
"
ไม่ต้องเป็นหมอก็ได้นะ พ่อกับแม่ขอเพียงให้ลูกได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข รู้ใช่มั้ย" เขาลูบหัวลูกสาว ประโยคเดิมที่เคยพูดในวันที่ส่งเธอโบกโบยบินไปไกลถึงประเทศอังกฤษ
สามปีที่แล้ว เคมบริดจ์ เมืองมหาวิทยาลัยที่เก่าแก่ศูนย์กลางการปกครองของเคมบริดจ์เชียร์ตะวันออกเฉียงเหนือจากกรุงลอนดอน
บรรยากาศภายในห้องพักอาจารย์อึมครึมเงียบงัน เกรซนั่งก้มหน้า ชายวัยเกษียณในชุดสูทนั่งหน้าเครียดอยู่อีกฝั่งหนึ่งของโต้ะคือ ศาสตราจารย์แม็กกินน์ ผู้อำนวยการเมดิคอลสคูล ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ เคมบริดจ์
"ผมไม่เข้าใจ ไม่รู้ทำไมพวกพ่อแม่ชาวเอเชียถึงอยากให้ลูกๆ เป็นหมอกันนัก ในประเทศของคุณแค่อ่านหนังสือก็อาจสอบได้คะแนนในระดับสุดยอด สำหรับที่นี่พวกเราทั้งเรียนและทั้งใช้ชีวิต แต่คุณกลับเข้ากับใครไม่ได้เลยแถมผลการเรียนก็ไม่ดี ผมคงต้องทำหนังสือแจ้งเรื่องนี้กับผู้ปกครอง"
"ไม่บอกผู้ปกครองได้ไหมคะ" เกรซถามเสียงสั่น
"หมายความว่าไง"
"ดิฉันไม่อยากให้พวกท่านผิดหวัง ดิฉันสัญญาว่าจะตั้งใจและพยามให้มากกว่านี้"
"คุณเป็นแพทย์ไม่ได้หรอกเชื่อผมสิ ยังมีสาขาวิชาอื่นๆ ที่โอนหน่วยกิตได้และง่ายกว่านี้"
"คุณพ่อของดิฉันท่านเป็นศัลยแพทย์คุณแม่ก็เป็นแพทย์ด้วยเหมือนกัน อยากจะลองพยามอีกสักตั้งค่ะ"
"ที่นี่เรามีกฎเกณฑ์ที่สืบต่อเนื่องกันมาเป็นร้อยปี ยังไงมันก็จะไม่เปลี่ยนแปลงเพียงเหตุผลเพราะไม่อยากให้พ่อแม่เสียใจ และตราบเท่าที่ผมยังเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบที่นี่ คุณจะไม่มีวันได้เป็นศัลยแพทย์อย่างแน่นอน" ศาสตราจารย์แม็กกินน์เน้นน้ำเสียงหนักแน่น "เรียนอย่างอื่นเถอะ อย่าเสียเวลาเลย"
"ขอโอกาสให้ดิฉันได้พยามเถอะค่ะ สัญญาว่าจะพยามให้มากกว่าเดิม" เกรซยังตื้อไม่เลิก
ศาสตราจารย์แม็กกินน์เอหลังพิงพนักเก้าอี้ถอนหายใจ "ในอเมริกามีพวกที่เค้าเรียกกันว่ามหาลัยห้องแถวเยอะแยะมากมาย ที่นี่เราก็มีเหมือนกัน ผมไม่ได้เปรียบเทียบว่ามันแย่ขนาดนั้นอาจดีกว่าตรงที่ถึงยังไงก็ยังมีการเรียนการสอนกันจริงๆ และด้วยความที่มันตั้งอยู่ในเขตเมืองเคมบริดจ์ของเราจึงทำให้หลายคนเกิดความสับสนเข้าใจคลาดเคลื่อน
เมลฟอร์ด เมดิคอลสคูล ออฟ เคมบริดจ์ ชื่อนี้เคยผ่านหูบ้างไหม"
"ครอบครัวดิฉันจะไม่รู้เรื่องนี้ใช่ไหม"
"ด้วยความรู้เห็นเป็นใจจากผม ลูกสาวคนสวยของพวกเขาจะยังคงจบการศึกษาตามแผนกำหนดการเดิม จากเคมบริดจ์" ศาสตราจารย์แม็กกินน์ยิ้มหัวเราะเบาๆ วางมือประสานบนหัว
"ผมคงพูดให้มันชัดเจนมากกว่านี้ไม่ได้ หวังว่าคุณคงเข้าใจในข้อเสนอแนะ"
"เข้าใจค่ะ แล้วดิฉันต้องทำยังไง" เกรซถาม
"ช่วงบ่ายผมว่างพอดี เราไปหาที่คุยเรื่องนี้กันที่อื่นดีกว่า" ศาสตราจารย์แม็กกินน์ยิ้มอย่างอารมณ์ดี
อาคารสามชั้นซ่อนตัวอยู่ในร่มเงาของต้นเบิร์ชใหญ่และสนเรดวู๊ดย่านถนนเมดเล่ย์ชานเมืองเคมบริดจ์อันเงียบสงบ ศาสตราจารย์แม็กกินน์เล่าว่าเขาเคยใช้อาคารนี้เป็นที่พักและคลีนิคตรวจรักษาคนไข้ก่อนจะย้ายไปรับตำแหน่งผู้อำนวยการ
"ตอนสมัยเรียนมัธยมดิฉันก็เคยช่วยงานที่คลีนิคของพ่อแม่"
"ผู้ปกครองของคุณเข้มงวดมากเหรอ คุณดูจะกลัวพวกเค้ามาก" ศาสตราจารย์แม็กกินน์เอ่ยถาม เขาถอดเสื้อสูทและเนคไทด์ปลดกระดุมหน้าอกดูแปลกตา
"ไม่ค่ะ ตรงกันข้าม พวกท่านใจดีมาก ไม่เคยดุด่าหรือกดดันอะไรเลย"
"แล้วคุณกลัวอะไร"
"ดิฉันรู้สึกได้เองมาตลอดว่ายังดีไม่พอที่จะเป็นลูกของพวกเขา ไม่ว่าจะตั้งใจหรือพยามสักแค่ไหน" เกรซรับแก้วไวน์แดงจากศาสตราจารย์ "ครอบครัวของเราเป็นศัลยแพทย์ตั้งแต่รุ่นคุณปู่ คุณพ่อชอบเล่าให้ฟังบ่อยๆ ว่าท่านต้องเพียรพยามอย่างหนักเพื่อจะเจริญรอยตามเป็นหมอแบบคุณปู่ให้ได้"
"คุณก็เลยจะต้องเป็นแพทย์ให้ได้เช่นกัน" ศาสตราจารย์ถอนหายใจ
"ค่ะ"
"ในฐานะของพ่อที่มีลูกสาวขอบอกว่าผมซาบซึ้ง และเห็นความเอาจริงเอาจังในแววตา" ศาสตราจารย์แมคกินน์เดินไปที่โต้ะทำงานกลับมาพร้อมกับแผ่นเอกสาร "แสดงให้ผมเห็นว่าคุณมุ่งมั่นขนาดไหน"
"
สัญญาปกปิดความลับ"
"สถานะของผมอยู่ในจุดที่เสี่ยงเกินไป จากนี้เราจะดีลธุรกิจกัน ไม่มีตุกติกหักหลังเครื่องดักฟังหรือกล้องแอบถ่าย สัญญาปกปิดความลับฉบับนี้แลกกับปริญญาแพทย์ศาตร์จากเมลฟอร์ดเมดิคอลสคูลออฟเคมบริดจ์"
ผ่านประตูหลังเคาน์เตอร์ ห้องสี่เหลี่ยมผนังสีขาวครีมสะอาด อุปกรณ์ในห้องไม่ต่างจากห้องตรวจโรคตามคลีนิคทั่วไป เกรซอยู่ในชุดคลุมสีฟ้าเข้มนั่งรอที่เก้าอี้อยู่เพียงคนเดียว ใจสั่นระทึก อุณหภูมิในห้องเย็นเฉียบจนเสียวสันหลัง ศาสตราจารย์แมคกินน์สวมเสื้อกาวน์สีขาวเปิดประตูเดินเข้ามา เขายิ้มอย่างพอใจเมื่อเห็นลายเซนต์บนหนังสือสัญญาที่วางอยู่บนโต้ะ ลากเก้าอี้มานั่งตรงข้าม เกรซก้มหน้าหลบสายตา
"เมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้วสมัยยังเป็นหมอหนุ่ม ขณะเข้าเวรที่โรงพยาบาลท้องถิ่นวันหนึ่งช่วงหัวค่ำมีสาวใหญ่ละตินอวบอ้วนมาขอตรวจร่างกายเพื่อยืนยันว่าเธอยังเวอร์จิ้น และขอให้ออกใบรับรองแพทย์เพื่อนำไปยืนยันกับกลุ่มเพื่อนที่พนันขันต่อกันไว้ ผมเสนอว่าควรให้แพทย์ผู้หญิงเป็นผู้ตรวจแต่ก็เหมือนโดนแกล้ง และนั่นคือประสบการณ์ในชีวิตครั้งนึงที่เลวร้ายมาก" คอเสื้อคลุมถูกแหวกออกเผยกะเปาะเนินเนื้อนมสาว "หายใจเข้าลึกๆ" เกรซสูดหายใจแอ่นหน้าอกกัดปากตัวเองหลับตาปี๋ หูฟังแพทย์ไต่ไล่เนิบนาบบนทรวงอกเย็นเฉียบไล้เรื่อยอย่างเบามือ คลึงวนจนเม็ดลูกเกดขยายตัวเท่าปลายนิ้วก้อย
"เคยผ่านการมีเพศสัมพันธ์มาก่อนไหม"
"ไม่เคย" เกรซหอบหายใจตอบเสียงแผ่วตะกุกตะกัก สัมผัสนาบเนิบเสียงต่ำทุ้มของหนุ่มใหญ่ช่วยให้คลายกังวลกับเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิตลงได้บ้าง
"โอเค เดี๋ยวเราจะได้รู้กัน ผมจะตรวจและออกใบรับรองให้ ถอดชุดคลุมแล้วขึ้นไปนอนบนเตียง" ศาสตราจารย์ออกคำสั่ง
"เตียงนี้เหรอคะ" เกรซร่างเปลือยเปล่าถามเสียงสั่น
"ไม่ใช่ เตียงหลังม่านนั่น" ศาสตราจารย์แมคกินน์ชี้ เห็นเตียงขาหยั่งสแตนเลสเงาวับแบบในห้องตรวจภายในแล้วเหมือนลมจะขึ้นปั่นปวนมวนท้องใจหายร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม
เย็นย่ำยามพระอาทิตย์ใกล้อัสดง บีเอ็มดับเบิลยูซีรี่ส์ห้าสีเทาป้ายแดงใหม่เอี่ยมเลี้ยวลัดเลาะตามถนนในมหาวิทยาลัย
"ส่งตรงนี้ก็ได้ค่ะ ข้างในกลับรถไม่ได้" เกรซยกมือไหว้ขอบคุณ
"บ้านหลังนั้นน่ะเหรอ" หมอปรีติเพ่งมอง "แล้วหลังนี้บ้านใคร"
"บ้านอธิการบดีค่ะ เดี๋ยวเกรซเดินเข้าไปเองอาปรีติจะได้ไม่ต้องถอย"
"โหย เรียกอาเลยเหรอยังไม่สี่สิบเลย เรียกพี่ก็พอมั้ง"
"งั้นเกรซขอตัวเลยนะคะ สวัสดีค่ะ"
"เดี๋ยวสิ หาอพาร์ทเมนต์ดีๆ อยู่ไม่ดีกว่าเหรอ เอามั้ยเดี๋ยวพี่ติหาให้แถวในเมืองอ่ะมีที่ดีๆ เยอะ"
"ไม่เป็นไรค่ะ เพิ่งมาอยู่ยังไม่อยากเดินทางไกลๆ ไปไหนก็ยังไม่ค่อยถูก อยู่ในมหาลัยสะดวกกว่า"
"อยากไปไหนแค่บอกพี่ ลูกสาวอาจารย์ดนุพลพี่ติบริการเต็มที่ขาดเหลืออะไรบอกได้เลย"
"เอ่อ .. เกรซอยากจะรบกวนถามซักเรื่องนึงได้มั้ยคะ"
"ว่าไงคะ" หมอปรีติยิ้มอบอุ่น
"ถ้ามีวุฒิการศึกษาอยู่แล้วส่งพอร์ตตรงกับทางโรงพยาบาลเลยได้มั้ย แบบที่ไม่ต้องผ่านมาจากส่วนกลาง"
"ถ้าพวกโรงพยาบาลเอกชนพี่ว่าได้นะ ถามทำไมเหรอ"
"พี่ติพอจะแนะนำให้บ้างได้ไหมคะเกรซอยากลองยื่นใบสมัครดู"
"ได้สิเดี๋ยวจัดให้เลย ก็ยังสงสัยอยู่เนี่ยว่าน้องเกรซเรียนจบแพทย์แล้วจะมาเป็นอาจารย์สอนมหาลัยทำไม"
"คนที่พี่ติรู้จักมีบ้างมั้ยที่เรียนจบแพทย์แต่เปลี่ยนไปทำงานอย่างอื่น" เกรซถาม
"เฮ้ย!! จอดติดเครื่องอยู่ได้ปัญญาอ่อนรึเปล่าวะ!! ไอ้ห่า! จะไปไหนก็ไปโว้ย เหม็นควัน!!" เสียงเอ็ดตะโรดังจากด้านในรั้วไม้ข้างรถ
"เสียงใครด่า" หมอปรีติขมวดคิ้วหันซ้ายขวา
"งั้นเดี๋ยวเกรซโทรหานะคะ สวัสดีค่ะ"
"ใครวะ" หมอปรีติยังไม่หายสงสัย ค่อยๆ ออกตัวเคลื่อนรถคันงาม
"อาจารย์วิริยา .. "
"ขะ .. ขา" เกรซหันตามเสียงเรียก ท่านอธิการบดียืนหน้าตาถมึงทึงรออยู่หน้าประตูรั้วบ้าน
"ไปไหนมากลับซะมืด แล้วเมื่อกี๊รถใครมาส่ง แฟนรึเปล่า" ท่านอธิการถามเสียงห้วน
"ไปส่งคุณพ่อคุณแม่ที่สนามบิน พอดีลูกศิษย์คุณพ่อเป็นหมออยู่ที่โรงพยาบาลประจำจังหวัดเจอกันก็เลยมาส่ง"
"ฮึ ขับรถหรูอวดร่ำอวดรวย ถึงจะเป็นหมอก็หมอไม่เอาไหน" อธิการบดีส่ายหน้า "อาจารย์วิริยาก็เหมือนกัน เพิ่งมาถึงผมไม่อยากให้มีเรื่องอื้อฉาวเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีกับนักศึกษา"
"แค่มาส่งเองค่ะ ไม่ได้ทำอะไรไม่ดีไม่งาม" เกรซอธิบาย
"มีอะไรกันเหรอคะ เสียงดังเชียว" อาจารย์พี่บุ้งในชุดออกกำลังกายทั้งสั้นทั้งรัดรูปเดินกลับมาถึงพอดี ท่านอธิการเห็นส่วนเว้าส่วนโค้งแล้วสติหลุดเผลอไผลมโนภาพอาจารย์บุ้งร่างเปล่าเปลือยกับสองเต้าคัพอีคู่งามถึงกับสำลักน้ำลายตัวเองโบกไม้โบกมือไม่พูดไม่จาเดินกลับเข้าบ้าน
"อะไรของแกวะ มีอะไรรึเปล่าน้องเกรซ"
"ไม่รู้เหมือนกันค่ะ เกรซเพิ่งกลับมาถึงแล้วท่านก็ออกมาต่อว่าเรื่องจอดรถติดเครื่อง งงเลย"
"สงสัยจะเมา วัยทองก็แบบนี้" อาจารย์บุ้งนินทาเสียงเบา
..........
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน
มีเรื่องให้ลุ้นตลอดเลย ดีครับ เนื้อเรื่องไม่เบื่อ เล่าเหมือนดูหนังเลย ยอดเยี่ยม
ท่านอธิการหื่นน่าจะไม่รู้จักหมอเกรซดีพอ เธอน่าจะมีประสบการณ์พอจะแก้สถานการณ์ได้ หมอเฒ่าชาวอังกฤษยังผ่านมาแล้ว อิอิ
ขอบคุณครับ.. หมอติ คิดอะไรกับน้องเกรซ.ถึงให้ออกไปพักข้างนอก.. พบเจอกันง่าย
อธิการบ่ดี กะจะล่อน้องเกรซ หรือน้องบุ้ง ก่อนดี หรือเอาทั้งสองคน แล้วแต่โอกาสจะอำนวย