ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

เรื่อง สั้น มังกรเยาวราช .ตอนที่ 2 เหลี่ยมหยก  ..แว่น...By…areja

เริ่มโดย areja, กุมภาพันธ์ 04, 2012, 10:19:07 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

areja

..........................เรื่อง สั้น มังกรเยาวราช .ตอนที่ 2 เหลี่ยมหยก  ..แว่น...By...areja...................

.......................มาอ่านกันต่อ คะ สนุกไหม ไง คอมเม้นคุยกันบ้างนะจ๊ะ อยากทราบความ เห็นบ้าง อะไรบ้าง จะได้เอามาเป็น สวนเสริม ใน การปั้นเรื่องให้สนุกสนานหรรษายิ่ง ๆ ขึ้น ไปตามกันต่อดีกว่า นิ นี่ก็สลับ ไป-มา กับปั่น เรื่อง ตาเสธ  จน ตาเสธ ลงไปก่อน อิอิ  แต่ ก็ตามมาลงไล่ ๆ กันแล้ว  นิ..................

 

......................................................แว่น มาเสิร์ฟอาหาร..

............................................ข้าวผัดแหนม แนม ผักแสนอร่อย

.......................................กิน กัน บ่อย กระเพราะไก่ ไข่ดาวทอด

...........................................มัน กรอบ กรุบทับทิม สะลิ่ม สวย  แถม ...

............................................น้ำเก๊กฮวย ช่วย ผ่อนแก้กระหาย .......( อ้า อร่อยจัง อิอิ  )

.................................................

.......................แสงทอส่องปลายเชิงหลังคาหลังศาลเจ้า แหล่งซุกนอน ของ เม้ง กรรมกร ย่านเยาวราช เม้ง ชายวัยกลางคน อายุ 50 ปี  เป็น คนจีน ที่ ตามครอบครัวมา จากเมืองจีน ทางเรือ ที่ เข้ามายุคแรก ๆ  ( เอา เบรก ปรับ อารมณ์ ก่อน เดินเนื้อหา ของ เรา ก่อนนิ อ่าน เพลิน ๆ ไว้ประดับความรู้ หรือ ง่าย ๆ ดูภาพยนตร์ เรื่อง มังกรสร้างชาติ กับ ห้า องค์รักษ์พิทักษ์ ด.ร ซุน ยัดเซน )


เจียงไคเช็ค (Chiang Kai-shek)หรือ "เจียง จุง-เช็ง" (Chiang Chung-cheng) เกิดวันที่ 31 ตุลาคม พ.ศ.2430 เป็น ชาวมณฑลเจ้อเจียง (Zhejiang) ศึกษาจบขั้นพื้นฐานที่จีน แล้วศึกษาต่อวิชาการทหาร ที่โรงเรียนนายร้อย ประเทศญี่ปุ่น จากนั้น จึงกลับมารับราชการ ในกองทัพจีน และ ได้รับมอบหมายจาก "ซุน ยัตเซ็น" (Sun Yat-sen) ให้เป็นผู้ก่อตั้ง โรงเรียนนายร้อยหวงผู่ (Whampoa Military Academy) ณ กวางโจว (Guangzhou) เมืองหลวงของมณฑลกวางตุ้ง ทางตอนใต้ ของ แผ่นดินใหญ่  และ ดำรงตำแหน่ง ผู้บัญชาการโรงเรียนเป็นคนแรก

นายพลเจียง เป็นหนึ่งใน ขบวนการปฏิวัติ พ.ศ.2454 ต่อต้านรัฐบาล ของนายหยวนชีไข (Yuan Shikai) และเข้าร่วมพรรคก๊กมินตั๋ง (KMT : Kuomintang) ของ ดร.ซุน ยัตเซน(Sun Yat-sen) และ ขึ้นเป็นผู้นำพรรค เมื่อซุนยัตเซน ถึงแก่อสัญกรรม ใน พ.ศ.2468 นายพลเจียง ได้ขยายอิทธิพล สู่ภาคเหนือ พร้อมล้มล้าง กำจัดกลุ่มแกนนำเก่า จนในที่สุด เขาได้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีจีน จากนั้น จึงย้าย ที่ ตั้งรัฐบาล ไปยังนครนานกิง (Nanjing) ซึ่งอยู่ใกล้กับภูมิลำเนาเดิม เพื่อความมั่นใจ ในสถานภาพ

นักวิเคราะห์การเมือง กล่าวถึงสถานการณ์ยุคนั้นว่า นายพลเจียง เป็นคนเก่ง มีประสิทธิภาพ ข้อเสียหาย ที่ดูจะใหญ่หลวงที่สุดของเขาก็คือ บริวารที่แวดล้อม ล้วนกังฉิน โกงกินบ้านเมือง จนแผ่นดิน ตกอยู่ในภาวะวิกฤต ซ้ำด้วย การรุกรานจากญี่ปุ่น ทำให้เดือดร้อนไปทุกหย่อมหญ้า ซึ่งเป็นสาเหตุ ให้เกิดกลุ่มต่อต้านขึ้นมากมาย รวมถึงพรรคคอมมิวนิสต์ ที่หวังโค่นล้มรัฐบาลเจียง ที่พาหายนะมาสู่บ้านเมือง

ในปี พ.ศ.2470 ฝ่ายขวา คือ รัฐบาลก๊กมินตั๋ง ปราบคอมมิวนิสต์ ฝ่ายซ้ายอย่างหนัก เหมาเจ๋อตุง (Mao Zedong) ผู้นำคอมมิวนิสต์ ต้องทิ้งที่มั่น นำกองทหาร และ ประชาชน 100,000 คน ใช้เวลา 1 ปี เดินทาง 8,000 ไมล์ หนีทหารรัฐบาล ไปตั้งมั่น ณ มณฑลสั่นซี ภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ของ จีน ถึงปลาย พ.ศ.2479 ได้ตั้งเมืองเอี๋ยนอัน ขึ้นเป็นศูนย์ใหม่ ปฏิบัติการต่อสู้ กับฝ่ายรัฐบาลในรูปสงครามกองโจร

แต่เมื่อเกิดสงครามกับญี่ปุ่น ช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 สองฝ่าย ผนึกกำลังต้านการรุกราน แต่เอาไม่อยู่ ญี่ปุ่นตีนานกิง แตก เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พ.ศ.2480 ก่อกรรม เหี้ยมโหดกับประชาชน พลเมืองจีนนับล้าน ๆ คน ถูกข่มขืน สังหารเหี้ยม จำนวนมหาศาล

หลังสิ้นสุดสงครามโลก ศึกนอกสงบ ทางรัฐบาลกลับมาทำสงคราม กับ ฝ่ายคอมมิวนิสต์อีกครั้ง แต่พรรคคอมมิวนิสต์ แข็งแกร่งขึ้นเช่นกัน แล้วในที่สุดพรรคคอมมิวนิสต์ คว้าชัยชนะเด็ดขาด ยึดได้ผืนแผ่นดินใหญ่ ทั้งประเทศในปี พ.ศ.2492

จากนั้นนายพลเจียง ได้พาผู้คนประมาณ 2 ล้าน อพยพไปตั้งรัฐบาล ที่ไต้หวัน และ ได้รับเลือกเป็นประธานาธิบดี รวมทั้งได้รับการสนับสนุน จากสหรัฐอเมริกา จนกระทั่ง ไต้หวันได้เป็นสมาชิกสหประชาชาติ เพื่อถูกถอดออกใน พ.ศ.2514 เมื่อจีนประกาศศักดา

............................................................

หลังจากนั้นไม่นาน "นายพลเจียง " หรือ "เจียง ไคเช็ค" ได้ถึงแก่อสัญกรรม เมื่อวันที่ 5 เมษายน พ.ศ.2518

 

............................และ ขนครอบครัวมาอาศัยอยู่ เพชรบุรี กับ เถ้าแก่ ที่เป็นญาติกัน ซึ่งอพยพมาก่อน จน คนเฒ่า ในตระกูล ล้มหายตายจากจนหมด เม้ง จึงหลบเข้ามาอยู่ เยาวราช  โดย คนแถบเยาราช ที่รู้ จัดเม้ง ก็ไม่ทราบความเป็นมาก่อนหน้า เพราะ เม้ง เป็นคนเงียบครึม จริงจัง ขยันหมั่นทำงาน และ เป็นคนดีคนหนึ่ง ในสายตาคน เยาวราช ที่รู้จัก หารู้ไม่ มังกรจีนซ่อนเล็บคนนี้คือ มือฆ่ารับงานเป็นยมทูต   แต่ หนมาอยู่เมืองไทย แรก ๆ เพราะ เคยเป็นทหาร จึงมีความเชี่ยวชาญ ในการส่งคนไปพบ พญามัจจุราช  ครั้ง เมื่อมาอยู่ใหม่ ๆ  เถ้าแก่ญาติคนจีน โดนกลุ่มคนเก่าในพื้นที่ และ ผู้มีอิทธิพลในเขตนั้น บีบ และ กลั่นแกล้ง แล้ว พยายามส่งคนมาเก็บ แต่ก็รอดมาอย่างหวุดหวิด และ คน ในตระกูลสิ้นชีวิต หลายคน เม้ง  จึงรับงานกำจัดเหล่าคนพวกนั้น ที่ละคน จนแทบสิ้น และ ไม่กล้า มายุ่งกับเถ้าแก่ ญาติคนนี้อีก แต่ พอ คนในครอบครัวล้มหายตายจากกันจนหมด แล้ว เม้ง ก่อคดียิงคน ตายโดย มีพยานเห็นเหตุการณ์เยอะ เม้ง จึงต้อง เร้นกายหลบมาอยู่ เยาวราช   เม้ง เอา เด็กหนุ่ม มาเลี้ยงที่พักหลังศาล โดย ตลอดสามเดือน หยก เฝ้าคิดแต่แก้แค้น และ ร้องไห้ทุกวัน แม้ เม้ง จะไม่เห็นน้ำตาลูกผู้ชายพันธ์มังกร อีกหลังจากวัน ที่  กระชากลากถูเอา หยก มาพักหลบที่บ้าน  แต่ เม้ง ก็รู้ถึง จิตใจ ผู้สูญเสีย เพราะ เขา ก็เคย เผชิญ กับ เรื่องเช่นนี้มาก่อน เม้ง จึงสอนวิธีการต่อสู้ระยะประชิด โดย อุปกรณ์ต่าง ๆ ทั้งมีด เชือกด้าย เข็ม  ปืน และ อีกนานา ที่ สมารถส่งคนไปยมโลก  หยก เรียน รู้ไว้ และ มีความมุมานะ เพียงแต่ ความสูญเสีย มุ่งมันแก้แค้นเกินไป ทำให้ เขาบุ่มบ่ามไร้ความสุขุมในช่วง แรก ๆ   หยก  เขา พูดน้อย และ นิสัยร่าเริงหายไป แววตาที่คมดุจ เหยี่ยว ความมุงมั่นเอาชนะ ที่ดั่งราชสีห์ และ ของ หยก ทำให้ เม้ง เล็งเห็น พญามัจจุราช ใน ตัว หยก เกือบ 5 ปี ที่การกำฝึกหนัก แทบทุกวัน และ แทบไม่เคยก้าวออกจากประตูศาลเจ้าเลย ช่วงมีเทศการ ก็จะหลบซ่อนเล้นกายไม่ให้ใครพบเห็น ยามไม่มีเทศกาลงานใด  หยก ก็ จะทำความสะอาดกวาดถู และ ทำทุกอย่าง แล้วแต่ กงกง คนดูแลชรา ศาลเจ้าจะสั่ง  เด็กหนุ่มน้อยวัย 16 ต้น ๆ ที่เก็บความเงียบขรึม นิ่งลึกรอบครอบ วัน ๆ ไม่คุยกับใคร นอกจาก เม้ง และ กงกง ซึ่ง คล้าย ญาติผู้ใหญ่  และ อาจารย์  เขา จึงเรียก เม้ง ว่า กาเล้าซือ  หรือ เล้าซือ ( อาจารย์  ครู ) แต่ถ้ามีคนอยู่แถวนั้น ก็จะเรียก เจ๊กเม้ง       .... ตลอดห้าปี  หยก เขียนบอกเพียงแค่ทำงานอยู่ศาลเจ้า  แก่ จางฮุย ซึ่งเหมือนญาติ ที่ ยังหลงเหลืออยู่ และ บอกไม่ต้องห่วงเขา เดียว วันหนึ่งจะไปหา จางฮุย พยายาม เขียน มาชวนไปอยู่ด้วย แต่ ความอาฆาตในใจ เหนี่ยว เขา ให้ตอบ ปฏิเสธ หลายครั้ง แต่รับปาก จะส่ง ข่าวไปหาเป็นระยะ เพื่อบอกว่า เขา อยู่สุขสบายดี   เด็กหนุ่ม ประพฤติตน สร้างแววให้ เม้ง เห็น และ อยากจะลองกระบี่ที่ตีมากับมือดู วันหนึ่ง เม้ง รับโทรเลขตามตัวให้ไปพบ ที่ โรงสีญาติ ที่เป็นเถ้าแก่ ที่ เพชรบุรี บอกมีเรื่องด่วน เม้ง ตอบกลับไป ว่าจะส่ง คนไว้ใจไปแทน......................................
 

...................เม้ง  "  หยก ลื้อได้จับงานแรกแล้ว อย่างไง ก็ สุขขุมเยอะๆ นะ แม้ เล้าซือ  จะรู้ว่าเองนิ่ง สุขุมรอบครอบขึ้น แต่ งานแรก มันไม่ง่าย อย่างไร ก็ ระวังตัวด้วยหละกัน ."
 ...................หยก  " ครับ เล้าซือ ผมจะจำคำ เล้าซือ ทุกคำครับ ."

 

.........................เม้ง ส่ง หยก ขึ้นรถไฟ ที่สถานีรถไฟ บางกอกน้อย และ บอกจะมีคนมารับ ที่สถานี เพชรบุรี.............................

..... .....

  ...................รางเหล็กถูกเหล็กที่เคลื่อนที่ พยายามหยุดล้อ  ส่งเสียงลั่นก่อนถึงสถานี เสียงหวูดบอกให้ผู้คน ที่เดินบนราง หลบพ้นม้าเหล็ก ร้อยตัน ที่ กำลังจะจอด ณ. สถานี   บ่ายกว่า ๆ  เด็กสาว หมวย วัยไม่เกิน 19 ปี ยืนดูดน้ำแข็งไส จาก แก้วพลาสติก ดับกระหายบ่ายแก่ กลางเดือน พฤษภาคม   ม้าเหล็กหอบลมมา ทำให้ สาวรุ่น ม้วนตัวกลับมือกดชายกระโปรงไม่ให้เปิด จาก ลมตามหลังรถไฟดูด ที่พาพัด  นิ่งสนิทยามจอด เด็กหนุ่ม ก้าวลงมา จาก ปลายขบวนรถไป และ เดินมายังชานชาลา เจอ เด็กสาววัยสิบเก้า ตามรูปประพันธ์สัณฐาน ที่ เม้ง บอกกุมารจีน เดินไปหยุด ที่ รถน้ำแข็งไส สั่งน้ำมาดื่มคลายร้อน และ พิศ มอง เด็กสาว ด้วยหางตาตลอดเวลา ดรุณีวัยกำดัด ชะโงกมองคน ที่ลงจากรถไฟ จนหมด และ เคลื่อนวงล้อออกหันรีหันขว้าง มองหาคน ที่จะมารับไปสะดุด เด็กหนุ่ม คนหนึ่งที่แต่งตัวอย่างที่ อาก๋ง เธอ วานให้มารับ แต่ไม่แน่ใจ จน  เขาเดิน เข้ามาหา เธอ และ เอ่ยปากถาม..............
......................................

 

...................หยก  " คุณนิดาใช้ไหมครับ ."
...................นิดา  " ใช่คะ คุณหยก แหม ดิฉันคิดว่า คุณจะอายุมากกว่า ดิฉันซะอีก ." นิดา มองหยกหัวจรดปลายเท้า
...................หยก  " ครับ เจ๊กเม้ง ส่งผมมาช่วยงาน อาก๋ง ครับ คุณนิดา."  หยก ตอบด้วยถ่อยคำสุภาพ แก่หญิงสาวแก่วัย 3 ปี 
...................นิดา  "  เรียก เจ้ดา เฉย ๆ ก็ได้คะ เป็นญาติ อาเจ๊กเม้ง หรือ คุณหยก ."
...................หยก  " ครับ   งั้น เรียก ผม หยก เฉย ๆ   ก็ได้เช่นกันครับ ."
 

........................สองคนคุยพลาง พากันเดินมาที่รถ กวยเจ่ง คนขับรถวัย 40 เศษ เดินมารับกระเป๋าที่ หยก   ไปใส่รถ และ เข้าไปสตาร์ทเครื่องยนต์ เมื่อ สองคนประจำที่เสียงประตูปิด รถก็เคลื่อนตัวออกจากสถานีรถไฟ หยก มองบรรยากาศโดยรอบตลอดทาง หนทางถูกสร้างใหม่หลายสายระหว่างเดินทางมายังโรงสีข้าว ในตัวเมือง คนงานแบกข้าว ขึ้นรถสิบล้อหน้ายาวกันจ้าละหวั่นดูพุกพ่านวุ่นวาย รถถูกจอดข้างโรงสีใกล้ห้องขนาดใหญ่ ที่ มีประตูปิดมิดชิดกันฝุ่นละอองรำข้าว จาก การสีข้าวมีกระจกกันอยู่ด้านหน้า คงเอาไว้มองคน ที่จะมาติดต่อ รับ-ซื้อ ข้าวเปลือก และ ชาวบ้าน ที่ ขนข้าว มาจ้างโรงสี สีข้าวให้ พอลงรถ เด็กสาว ก็ ให้ กวยเจ่ง เอากระเป๋า เดินตามหยก สับเท้าตามคนทั้งคู่ไป จนสุดโรงสี ห่างไปอีกเกือบร้อยเมตร ต้นไม้จำนวนมากปกคุมด้วยฝุ่นขาว ที่เกาะบนใบจนหนา พอใกล้ตัวบ้าน ต้นไม้ก็เริ่มเป็นปกติ คง มีคนใช้น้ำฉีดต้นไม้ แถวนี้เป็นประจำ คฤหาสน์หลังใหญ่ ตั้งตระหง่านบนเนื้อที่กว้างขวาง รอบๆ มวลดอกไม้เป็นแปลงประดับลานตา  เขา ถูกพาไปด้านหลัง ที่เป็นเรือนรับรองแขก ประตูถูกเปิด ห้องถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ เครื่องอำนวยความสะดวก พร้อมครัน เธอ ให้ กวยเจ่ง ว่างกระเป๋า และ สั่งให้ไป แจ้งแก่ อาก๋ง ของ เธอ เธอทำหน้าที่เจ้าบ้านอย่างดี  หยก ยืน ที่ประตู นิดา เดินเข้าไปดูความเรียบร้อยก่อนออกมาจากห้อง .....................
..........

 

 ...................นิดา  " หยก พัก ที่ห้องนี้นะ เดียวพักผ่อนก่อน ใกล้เวลาอาหารเย็น เออ เธอ เดินทางมาคงหิว  ดา บอก กวยเจง ให้ เด็ก ๆ หาอะไรมาให้แล้ว  ส่วนเดียว อาหารเย็นจะให้คน มาตามนะ ."
...................หยก  "  ขอบคุณครับ คุณนิดา เอ่อ เจ้ดา ความจริงผม ก็ ยังไม่หิว เท่าไร ไม่น่ารวบกวน เอ่อ ."
...................นิดา  " เถอะ ทานไปเถอะ แล้วเย็น ๆ เจอกันที่โต๊ะอาหาร นะ หยก  ."
 

...................นิดา บอกแล้วก้าวเดินออกมาจากหน้าห้อง หยก กลับไปภายในตัวคฤหาสน์ นิดา พอเรียนจบ ม.3 ทั้งอาก๋ง และ แม่ เธอ ก็ไม่ให้เรียนต่อ เพราะ ในบ้านก็เหลือ แค่ สามคนเตี่ย เธอ ร่วมถึงญาติ เธอ ถูกผิดไข้   ไข้โป้งดับ ไปหมดแล้ว จึงเหลือ อาก๋งเธอ แม่เธอ และ ตัวเธอ  นิดา จึงต้องออกมาช่วย กิจการ ทุกอย่างในบ้านตั้งแต่อายุ 15 และ ควบคุมดูแลทุกอย่าง ในโรงสี แทนอาก๋ง และ แม่ของเธอ ด้วย      เธอ จึงเก่งเกินวัย และไม่มีเวลาพบปะกลับใครมากนัก นอกจาก เหล่าเสี่ย ๆ และ อาตี๋ ลูกเสี่ย ในเมือง แต่ เมื่อ เธอ มาพบ หยก เด็กอ่อนวัยกว่า แต่ ดูสุขุมเงียบ แทบไม่ตอบไม่พูดถ้าไม่ถาม แถมยังหน้าตาคมคายคิ้วดกหนาจมูกโด่งปากเรียว ดั่งผู้หญิงแดงจนเธอ ต้องจ้องไม่วางสายตา หุ่นสมส่วนเกินวัยร่างเพรียวไม่สูงมาก หล่อ พอจะเป็นพระเอกภาพยนตร์ได้ทีเดียว  เธอ พึงใจแต่ แรกเห็น  เด็กหนุ่ม เก็บเปิดกระเป๋า และ ค้น เอาเสื้อผ้าออกเก็บใส่ตู้  ก่อนคว้ามือไปด้านหลัง จับด้ามอาวุธ ประจำตัว ที่ เม้ง มอบให้เป็นของขวัญ และ วางลงบนเตียงนอน และ เดินไปที่กระเป๋า คว้า อีกกระบอก ขึ้นมาลูบคลำ ก่อนวางลงคู่กัน ปืนสองชนิด ที่ เขา ได้รับ และ ฝึกยิง มาร่วม สี่-ห้าปี โดย เม้ง จะพา เข้า ไปฝึกซ้อมในสวนผลไม้ทางไปเมืองชลบุรีเสมอ สวนนั้น เป็น ของ คนจีน ที่ เม้ง รู้จัก จาก เพชรบุรี และ มาทำสวนผลไม้ สร้างครอบครัว แถวนั้น   เขา คิดย้อนถึงการเหนี่ยวไกลครั้งแรก เสียงทูตประจำกายแผดเสียงก้องไปจับจิต  และ คิดว่า เวลา ของการ แก้แค้นคืน ให้บุพการีใกล้เข้ามาแล้ว ทุกนัด ที่เขาปล่อยออกไป มักไม่เคยพลาด เพราะ เข้าจะนึกไว้เสมอ ว่านั้น คือ กลุ่มคน ที่มาพราก เขา จาก บุคคล ที่เขา รักที่สุดในชีวิต  เขา เก็บ ทูต สองขนาด เก็บไว้ใต้ที่เบาะที่นอนหัวเตียง  ก่อนลมตัวลงเอนหลังบนเตียง ยังไม่ทัน หลับตาดี ก็ดีดตัวเพราะเสียงเคาะประตู และ เปิดเข้ามา นิดา และ  มุ้ย หญิงสาว ชาวจีนอีกคน ก็ ยกถาดอาหาร มาวาง ที่โต๊ะกลม ที่ตั้งไว้ วางโถน้ำชาให้แขกในห้อง หญิงสาว กลับออกไปเมื่อ นิดา สะบัดมือ ..................
 

...................นิดา  " ทานอะไรก่อน อาก๋ง ทราบแล้วว่า หยก มาถึง ..." นิดา มอง หยก แทบจะไม่ละสายตา ตั้งแต่ก้าวเข้า ประตูห้องมา

 ...................หยก  " ขอบคุณครับ ."  หยก ลุกก้าวจากเตียง ไปที่ถาดอาหาร และ หยิบช้อนกินอาหารบน โต๊ะ เพื่อเลี่ยงการสนทนา
  ...................นิดา  "  งั้น เดียว เจ้ ขอตัวก่อนนะ แล้ว เจอกันที่โต๊ะอาหาร ตอน ค่ำ ๆ ."
 

.........................เธอ ชม้ายตามอง อย่างมีเลศนัย ก่อนก้าวออกจากห้อง หยก กินอาหาร เพียงไม่กี่คำ ก็หยิบชามาจิบหมดแก้ว และ ลุกไปปิดประตูลงกลอน แล้วกลับไปยังเตียงนอน เอนหลังนอน ไม่ถึง สิบนาทีก็หลับไป ..............18.00 น ก๊อก ๆ ๆ ๆ ๆ .
 

 

 ..................มุ้ย  "  คุณคะ คุณคะ  ขออนุญาต คะ คุณ นิดา ให้มาตามไปรับประทานอาหาร คะ "
...................หยก  " ครับ เดียว ตามไป ขอบคุณมากครับ ."
 

................. [/url]

..........................หยก ล้างหน้าล้างตาเสร็จ ล้วงไปคว้า ปืน Colt 38 Super ใต้ที่นอน ออกมาแนบหลัง เขา ไม่เคยห่าง จาก ปืนประจำกาย เมื่อ ก้าวพ้นประตู ที่พัก แม้ แต่ ครั้งเดียว ส่วน อีกหนึ่งกระบอก คือ ลูกซองสั้น เบอร์ 12 หรือ อีโบ๊ะ นั้นเอง ระยะเผาขนหมาย ชีวิตเหยื่อถ้าไม่เกิน 5 เมตร แทบที่ไม่สามารถเอาชีวิตกลับไปให้คนที่บ้านเห็นได้อีก ส่วน ปืน แม็กกะซีน เหมาะสำหรับการยิงเปิดทางหลบหนี เพราะ จำนวนนัด ที่มากกว่า และ ต้องฝึกซ้อมบ่อย ๆ ถึงจะสามารถ กระชากออกมาแล้ว ยิงถูเป้าหมาย แค่ ไม่ถึง ห้าเมตร ให้ดึงออกมากดไก  เชื่อขนมกินได้ไม่มีโดน กว่าจะจับเป้าได้ ก็ นัด สาม นัด สี่ พอดี โดน ยิงสวน เปิดทางตาย ของ เรา เท่านั้นเอง  นี่คือ อีกหนึ่งคะสอน ของ กาเล้าซือ เม้ง     หยก เดินไปจนถึงประตูหลังตึกใหญ่ มองเข้าไป ก็มีคนเดินเข้า มาหา มุ้ย นั้นเอง มุ้ย พา เขา ไปยังโต๊ะอาหาร มีสามชีวิต ที่กำลังพูดคุย กัน  ถึงโต๊ะ อาหาร หยก ยืนกุมเป้าอย่างนอบน้อม เสียง ชายชราเถ้าแก่โรงสี เจ้าสัวจิ๋ว คือ นามที่คน ทั้งจังหวัดรู้จัก   อีกคนอายุวัยกลางคน ไม่ถึง 40 น่าจะเป็นแม่ ของ นิดา คนทั่วไป เรียก เจ๊เฮง ทุกคน ดูมีอัธยาศัย หยก พะงึกหัวทำความเคารพ ก่อน ดึงเก้าอี้ออก และ นั่งรวมโต๊ะ ตามคำชวนเชิญ ของ สาวหลานเจ้าสัว   ร่วม ชั่วโมงบนโต๊ะอาหาร เจ้าสัว ซักถามเรื่องทั่วไปเกี่ยวกับ เจ๊กเม้ง  และ หยก  จนทุกคน แยกย้ายกันหมด เจ้าสัว จึงให้ หยก เดินตามไปบนห้องหนังสือ และ ห้องทำงาน ของ  เจ้าสัว ชายชราหย่อยกายบนเก้าอี้ ฮ่องเต้  และ ผายมือให้เขา นั่ง บนเก้าอี้ ที่ห่างออกไปเกือบเมตรกว่า ..............

 

  

...................เจ้าสัว  "  เดียว ลื้อ พักให้สบายซะ อาทิตย์ ก่อน อั๊ว ก็ไม่รู้ทำไม เม้ง อีส่ง ลื้อ มาแทน  แต่ อั๊ว เชื่อใจ อาเม้ง เพราะฉะนั้น อั๊ว จึงไม่สงสัย ฝีมือ ลื้อ เอานี่รายละเอียด ที่ เม้ง สั่งให้ อั๊ว ส่งคนไปหาให้ ลื้อ เท่าที่ได้   ไอ้ กำนันปรก กับ เถ้าแก่ประมาณ  อีเป็นพวกกัน มี ธุรกิจ ร่วมกัน  อั๊ว ไปขว้างมัน เรื่อง เอา ข้าว ชาวบ้านเข้ามาขายท่าข้าว เพราะ อั๊ว ให้ราคาดีกว่า   พวกอี เลยไม่พอใจ ส่งคน มาเก็บพวกชาวนาไปหลายคน บ้างก็โดนทำร้าย จน คนเริ่มหาย แถมส่งคน มาปาระเบิดขู่ หน้าป้าย โรงสี อั๊ว ด้วย  มันคงอยากเอา ชีวิต อั๊ว ."

 

.........................ชายชราผู้สู้ชีวิตจากหยาดเหงื่อสร้างฐานะจนมั่งมีมาจนทุกวันนี้  จนก้าวขึ้น มาอยู่อันดับต้น ๆ  ผู้มีอันจะกิน เมืองเพชร เล่า ความเป็นมาคราว ๆ  และ เล่าเรื่องต่าง ๆ ใน โรงสี และ เรื่องทั่วไป สมัย เม้ง และ ครอบครัวมาอาศัย ที่นี่ จนเกือบชั่วโมง  เจ้าสัว จึง ให้ หยก กลับไปพัก หยก หยิบ ซองสีน้ำตาลหนา ที่ว่างเบื้องหน้า  และ กลับออกไป ......................หญิงสาวหลานเจ้าบ้าน มารอหน้าห้อง พอ เขา เอื้อมบิดลูกบิดประตู  สาวเจ้า ก็จับที่มือเขา   เขา  มองหน้าหญิงสาวหมวย ร่างเพรียวสูงสมส่วน ทรวดทรงส่วนเว้าโค้งได้ ไซน์นางงาม ...........

...................นิดา  "  หยก เจ้ ขอคุยด้วยได้ไหม อยากถามอะไรหน่อย อะ."

...................หยก  " จะดี หรือครับ เอา ไว้ พรุ่งนี้ ผม ไปหา เจ้ ที่ห้องทำงานดีกว่าไหมครับ ถ้าคุย ตอนนี้ เกรงว่าจะไม่เหมาะ ถ้าใครมาเห็นเข้า เจ้ จะเสื่อมเสีย ."

...................นิดา  " กะ   ก็  ก็ได้ จ๊ะ งั้น พักผ่อนนะ เดียว พรุ่งนี้ ฉัน จะพาเที่ยวในเมือง ."

 

.......................หญิง สาวปะสายตาอันคมวาว ของ หยก ทำให้ถึงกับเย็นวาบขนลุก แววตาที่ คมดุดั่งเหยี่ยว หรือ ราชสีห์ ที่หมายใช้ดวงตาข่มสะกดเหยื่อ   เล่นเอา  นิดา เสียงสั่น และ ทำตามคำ ของ  หยก เธอ เดินออกหลังเสวนาเพียงแค่นั้น  หลังร่าง หญิงสาว หายไปในเงาสลัว ของแสงไฟ เข้าก็เข้าห้อง ล๊อกประตู ควักทูตขาว ยัดกลับเข้าใต้ที่นอนดังเดิม เข้าเปิดซองออก ในนั้นมีเงินแบ่งห้าร้อยอัดอยู่เต็ม และ รูปถ่ายอีก สี่-ห้ารูป และ รายละเอียดปลีกย่อย และ แผนที่ ที่พักอาศัย เส้นทางต่าง ๆ ในการดำเนินชีวิต ของ สองเหยื่อ.......หยก ซุกกายพักอาศัยอยู่ในห้อง ไม่ค่อยออกมาให้ ใครพบเท่าไรนัก อาหาร ก็ให้ มุ้ย จัดหาให้ แค่กลางวัน กับ เย็น เท่านั้น วัน ๆ  หยก จะอ่าน แต่ หนังสือพิมพ์ สังคม ของ เมืองเพชร ร่วม อาทิตย์  แม้ นิดา พยายาม วนมาหา เอา ขนมมาฝากบ้าง ชวนไปเที่ยวบ้าง ก็ไม่ไป จน วันนี้ นิดา มาชวนอีก เขา จึงขอเวลา สิบนาที ก่อนตามไปที่รถ เขา สวม แว่น สีดำพรางตา ตามปกติ ทุกครั้ง ที่ออกจากที่พักอาศัย แต่ไม่ใส่หมวก เพราะ จะเป็นจุดสนใจเกิน คนร้อยคน ใสหมวกซะกี่คน   นั้น คือ เหตุ ที่เขา ไม่สวมหมวกพรางตัว แบบ เหล่าคนนอกกฎหมาย เพียงสวมแว่นพรางสายตาเท่านั้น ถึงตลาด ซึ่งเป็นเส้นทาง ที่ กำนันปรก กับ เถ้าแก่ประมาณ  มักมาหา อะไร กินในตลาดค่ำ เป็นชั่วโมง แทบ เกือบทุกคืน  แต่ ตอนนี้ เขา มาเวลากลางวัน จึงแค่ มองไปรอบ ๆ  เพื่อ หาเส้นทางหนีทีไล่ และ ดูลาดเลาร้านลวงแถวนั้น  เขา กะไว้ คืนนี้คงต้องมาดู สภาพการค้าขายผู้คน ร่วมทั้งเส้นทางหลบเล็น ในเวลากลางคืนอีกครั้ง มักกรหน้าหยก เดินไปช่วย หญิงสาว เก็บของ  ที่ซื้อ ใส่รถ หญิงสาว บ่น ที่เข้าไม่เดินตาม หาก แต่มัว เดินไปไหนไม่รู้ รถถูกขับออกนอกเมือง และ ไปจอดริมทะเล ดู เรือประมง ที่แล่นเข้าบ้างออกบ้าง ห่างฝั่งไปไม่มากนัก หยก เดินไปหา นิดา  ที่ยืน รับลมทะเลที่ชายหาดห่างรถไปไม่เกินสิบเมตร เขา เดินไปถึง หญิงสาว เธอ ยืนกอดอกหันหลังให้ ...........

.............................................................

 

...................หยก  "  ผมเข้าใจ สิ่ง ดีดี และ ความต้องการ ของ เจ้  แต่คน เช่น ผม รู้วันเกิด ไม่รู้วันม้วย เลยไม่กล้า จะ ทำอะไร เช่นนั้น และ ผม ก็ อายุน้อย กว่า เจ้  ดู ไม่เป็นการควรนัก เชื่อผม สักวัน เจ้ ต้อง ได้ พบคน ดีดี แน่ ."

...................นิดา "  แต่ เจ้ ชอบ หยก เจ้ ยอมทุกอย่าง  ไม่ว่าสิ่งใด จะเกิด ."

 

.....................หยก พูดเสร็จ จะเดินกลับไปที่รถ  หญิงสาว ก็เอ่ยเอื้อนความในใจ ก่อน กอดเอวเด็กหนุ่มรุ่นน้อง ซบหน้าลงแผ่นหลัง ที่ความสูง เด็กหนุ่ม สูงกว่าเพียงเล็กน้อย นิดา ก็ ไม่เชื่อเหมือนกัน ว่าความหลงใหล จะมารวดเร็ว เธอ ไม่เคยมาอง ใครทั้งที่ เหล่า เสี่ย และ ลูกคนรวยในเมือง จะมารุมจีบ แต่ ใจดวงเล็กเมื่อเจอ ชายหนุ่ม  ถึงกับหลงรูป แล พร้อมยอมทุกอย่าง เพื่อ ให้ หยก  หันมาแล เธอ แม้ เพียงเสียว นาที เด็กหนุ่ม หยุดยืนนิ่ง แม้ไม่เคยมีรักกับใคร นอกจาก พ่อ แม่ แต่ ในชีวิต ก็เคยไปหลงชอบ เด็กผู้หญิง หมิง ลูกร้าน ของ ชำ ใน ตลาด แต่นับ จาก วัน ที่สิ้น พ่อ แม่ เขา ก็ไม่เคย มีความรู้สึกชอบ ใครอีกเลย จน มายล สาวรุ่นพี่ ที่พึงรู้จักกันไม่กี่วัน ระยะเวลาไม่ใช่เครื่องบ่งวัดจริง ๆ    เมื่อ ปฏิกิริยา เคมี ของร่างกาย มัน แสดงออกมา จน ไม่อาจสลัดออกจากอารมณ์ ของ ร่างกายได้ เต้านมที่กลมกลึงได้ส่วนนาบบดแผ่นหลัง เล่นเอา มังกรหน้าหยก ขนลุกเกรียวมือหญิงสาว ที่กอด แมะวาง มันก็แปะตะปบด้ามโคนของ เขา ไว้แท่งลำทรยศเจ้า ของ กระดกตุบ ๆ ในร่มผ้า สาวเจ้า สะดุ้งตกใจ แต่ ก็ไม่ละมืออกจากกกลำ ของ หยก  หยก ไม่อาจ ห้ามธรรมชาติแห่งความอยากรู้อยากเห็น เรื่อง อาวุธ เขา อาจ พอเชี่ยวชาญ ที่จะใช่  แต่ เรื่อง เซ็กส์ไซร้ เขา คงเป็นได้ แค่ ไก่ พึ่งหัดขัน พอ เขา หันตัวกลับมา  นิดา สาวรุ่นพี่ ก็ประกบปากเรียวชมพูเรื่อ แนบปาก เด็กหนุ่ม เล่น เอา มังกรตัวแข็ง ทั้งกาย และ ดุ้นลำ นิดา กอดรัด หยก แน่นขึ้น ก่อนจะ นาบโหนกโคก ที่แฉะชุ่ม น้ำเสียวล่อลื่นไหลย้อย จากโตรกทางช่องเสียว ปากแคมเยิ้มเปียก โคกแป้น อัดทาบกับลำดุ้นเขื่อง ที่โด่ขยายท่อนลึงค์ ความยาว เล่นเอา หญิงสาว เกิดปริศนา ว่า มัน จะขนาดไหน เธอ ก็ไม่เคยลิ้มลองเช่นกัน ต่างใสสด ด้วยกันทั้งคู่  มังกรหน้าหยก โดนทาบคลึง ทั้งเบื้องล่าง แล แผลงอก ที่กำยำ ก็โดน เบียดอัดด้วย เต้านมเนื้อแน่น เขา ตัวเย็นเกรียวคลื่นขน ลุกวาบสันหลังจนจรดตีนผมท้ายทอย แล เข้าก็นึก ขึ้นได้ ว่า นิดา เป็น ที่รู้จัก ของคน ในเมืองนี้ ถ้าทำอะไรประเจิดประเจ่อ  ตรงนี้ อาจ สร้างความเสื่อมเสีย แก่ หญิงสาวได้ จึงถอนปาก ที่พันนัวลิ้น ของ นิดาออก เธอ มองหน้า หยก  ........................

 

...................หยก  "  ผมว่าย้ายที่ดีกว่า  เจ้ ตรงนี้ คนอาจผ่านไปมา อาจทำให้ เจ้ เสื่อมเสียได้  ."

 

......................หญิงสาวหยุด ทำท่าจะร้องไห้ แต่ พอ ได้ยินคำ หยก  หญิงสาวยิ้ม และ กอดเข้าแน่น ด้วยความหลง นี่อาจ เป็นรักแรก ที่ต้อง แลกรัก ของคนทั้งคู่ ก็เป็นได้ หญิงสาว พา เด็กหนุ่ม จูงมือกลับไปยังรถ และ ขับ ไปยังบังกะโล ของ เพื่อนเธอ ที่ทำธุรกิจห้อง sweet เสพสุข..... เธอ เจอ เพื่อน เธอ ไม่กล่าวคำใด เพียงแค่เอยไปสามคำ....................

 

...................นิดา   " ยืมห้องหน่อย ." หน้าสาวรุ่น แดงอาย ๆ  แต่ จูงมือ หยก ตามคนดูแล ไปยังห้องพัก ...

 

 ................... ประตูปิดล็อก แล้วก็ไม่มีคำใดหลุดออกมา  หยก ถูก นิดา กอด และ ล้มตามกันไปบนที่นอน ปากประกบ มือถูกนำมาใช้ประโยชน์ ถอดผ้า ของอีกฝั่ง หยก กระชากทูตมรณะประจำกายออก และ ซุกไว้ ใต้ขอบเตียงนอน ปาก เขา ไซร้ไล้เลีย ละเลียดลิ้นไปทั่ว ซอกคอ ที่ขาวเนียน  ใสไร้ฝ่าสิว จมูกโด่ง ของ เขา ฟอนเฟ้นฝังกดเนื้อลากตามลิ้นไป-มา จนซุกไซร้หลังใบหู เสือผ้า เขา ถูกถอดเปรื่องหมดเรือนกาย เฉกเช่น สาว หมวย ที่ร่างขาวโผนผ่องไปทั้งเรือนร่าง  ทั้งสองพลิกไป-มา สลับกันอยู่บน อยู่ร่าง ทั้งคู่ ปล่อยความรู้สึกสอน กัน และกัน ว่า จะทำอย่างไร เช่น ใด ให้ฝั่งตรงข้ามเสียว มือ หยก ลูบไล้ไปดะ  แกนกายอัดแนบ ที่กลางระหว่างขา เนื้อดุ้นลำกด ร่องแยกคลึงนาบแนบชิด ขนที่บางน้อยเหนือโคกโหนก ถูก กลุ่มขนดกดำเบียดคลึงจนแสบ แป้นแคม หญิงสาวอ้าขาถ่างออก น้ำเยิ้มหน่วงที่อัดอันค้าง  ไหลนองล้น พรมแป้นชุ่มไปหมด  มือ หญิงสาว กอดรัด ชาย ที่ เธอ จะพลีกาย ให้ ทั้งที่พบไม่ถึงครึ่งเดือน ใจ ที่ร้อนด้วยไฟตันหา ทำให้สองลืมเวลาของนาฬิกา ชั่วขณะ เด็กหนุ่ม โหย่ง กาย หลังเอนดุ้นปวดปลายตึงมาเกือบครึ่งชั่วโมง  ครึ่งชั่วโมง ที่ ป้อนลิ้นแลกรสสวาทภายนอกกัน จนร้อนเกินหยุด เรียวปากหญิงสาวเมื่อครู่ ที่ดูดด้ามลำ ของ เขา อย่างไม่รังเกียจ จนเขา แทบแตกทะล

kaithai


Run2020

คคสนุกดีแต่เหมือนเนื้อเรื่องมาไม่ครบถ้วนนะจ๊ะรับ