ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ทับทิม PT2

เริ่มโดย darkfrl, มีนาคม 14, 2017, 07:50:02 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

darkfrl

PT2 : Pilot (ต่อ)

เย็นวันต่อมาหลังจากกลับจากติดต่องานในตัวจังหวัดเมื่อช่วงเช้าแล้ว  ผมเดินทอดน่องโต๋เต๋ไปมาในบริเวณบ้าน  วางแผนจัดสวนโดยพยายามจินตนาการถึงสภาพเมื่อครั้งที่ผมเคยอยู่สมัยเด็กออกมาให้ใกล้เคียงที่สุด  อากาศที่ฉ่ำฝนในฤดูฝนช่วยให้บรรยากาศสดชื่นแม้จะเฉอะแฉะไปบ้าง  ผมเดินไปคิดไปจนกระทั่งทะลุถึงบ้านน้าไว  แกกำลังยืนปลดเศษกิ่งไม้ใบไม้เน่าๆออกจากแหสีมอๆ ที่ห้อยยาวลงมาจากขื่อ
ผมทรุดตัวลงกึ่งนั่งกึ่งนอนที่เปลญวน มือลูบหัวเจ้าน้ำตาลที่ยืนกระดิกหางอยู่ข้างๆ
"ที่ผมให้น้าช่วยหาคนมาเป็นแม่บ้านให้น่ะ ผมหาได้แล้วนะน้า  หลานลุงเม่นที่อยู่ท้ายสวนแน่ะ ชื่อทับทิม เห็นว่ามาอยู่ใหม่ น้ารู้จักหรือเปล่า"
"หลานตาเม่นเหรอ ตาเม่นมีหลานด้วยเหรอ  ไม่รู้สิ น้าไม่ได้ไปแถวนั้นนานแล้ว คิดว่าเป็นบ้านร้างอยู่ซะอีก ไม่ยักรู้ว่ามีคนอยู่ด้วย"  น้าไวพูด มือยังคงวุ่นอยู่กับการปลดแห
"อืม เห็นทำงานเรียบร้อยขยันดี แล้วก็อยู่บ้านคนเดียวอีกต่างหาก ก็เลยให้มาช่วยสักหน่อย  เอ้อ พลอยยังไม่กลับเหรอน้า"  ผมเปลี่ยนเรื่อง
"เดี๋ยวก็กลับแล้วเนี่ย ช่วงนี้แหละ"
ขาดคำ  รถโดยสารระหว่างอำเภอเก่าคร่ำคร่าก็มาหยุดอยู่หน้าบ้าน  เสียงนักเรียนชายหญิงตะโกนคุยกันโหวกเหวกลอยมาฟังไม่ได้ศัพท์  ร่างเล็กๆในชุดสีขาวหิ้วกระเป๋าหนังสีดำกระโดดลงมาจากรถ  เดินตัวปลิวตรงเข้ามา  ใบหน้าเปื้อนยิ้ม
"สวัสดีพ่อ สวัสดีจ้ะพี่เทพ"  พลอยยกมือไหว้  ผมรับไหว้แล้วพึมพำเบาๆ สวัสดีจ้ะ ส่วนน้าไวแค่ทำเสียง เออๆ อืมๆ ในลำคอ
พลอยในชุดนักเรียนมัธยมปลายของโรงเรียนสตรีประจำจังหวัดนั้นทำให้ผมไม่อาจละสายตาจากเธอได้เลย  เสื้อนักเรียนสีขาวที่ออกแบบมาเพื่อปิดบังเรือนร่างของสาววัยแรกรุ่นไม่อาจปิดบังความสมบูรณ์แบบของร่างกายท่อนบนที่กำลังสะพรั่งเต็มที่ เสื้อตรงที่ปักชื่อสกุลจริงและอักษรย่อชื่อโรงเรียนถูกร่างกายภายในดันขึ้นมาให้เห็นเด่นชัด  เข็มขัดหนังสีดำยิ่งช่วยเน้นความคอดของช่วงเอวก่อนที่กระโปรงพลีทจีบหนาสีน้ำเงินจะถูกสะโพกกลมสวยดันออกมา  ผมของเธอมัดรวบไปข้างหลัง  แล้วประดับด้วยผ้าผูกผมสีน้ำเงิน  มีปอยผมเล็กๆ ตกลงมาข้างใบหน้า มันเคลียอยู่กับแก้มเปล่งปลั่ง
"เฮ้อ เหนื่อย" เธอวางกระเป๋าลงบนโต๊ะไม้ข้างๆ เปลที่ผมนอน  แล้วทิ้งตัวลงนอนตามหายใจลึกจนทรวงอกขยับขึ้นลงเห็นได้ชัดเจน
"ไม่บอกพี่ก่อนน่ะ เมื่อเช้าก็ทีนึงแล้ว พี่ก็เข้าเมืองเหมือนกัน จะมาถามอยู่ว่าจะให้พี่ไปส่งไหม พอดีมาไม่ทันพลอยไปซะก่อน นี่พี่ก็เพิ่งกลับมานี่เอง ถ้ารู้อย่างนี้ก็ไปรับไปส่งได้อยู่แล้ว"
พลอยชันตัวลุกขึ้นนั่ง ยิ้มแหยๆ มองหน้าผมอย่างเกรงใจ "ไม่เป็นไรค่ะพี่เทพ ลำบากพี่เทพเปล่าๆ"
"มันขึ้นรถโดยสารอย่างนี้มาตั้งแต่เด็กแล้วเทพ ช่างมันเถอะ อายุแค่นี้ไม่เหนื่อยอะไรหรอก มันก็ว่าไปเรื่อย"  น้าไวว่า
"เอางี้ พลอยไปโรงเรียนตอนเจ็ดโมงตรงใช่ไหม ทีหลังถ้าพี่จะเข้าเมืองแต่เช้าพี่จะมารับก่อนเจ็ดโมงนะ แล้วก็เอาเบอร์พลอยมา  ถ้าพี่จะกลับจากในเมืองช่วงโรงเรียนเลิกพอดีพี่จะโทรหา"  ผมสบโอกาสได้เบอร์โทรสาวน้อยด้วยวิธีการที่แนบเนียนที่สุดในความคิดของผม
"เอ่อ จะลำบากพี่เทพหรือเปล่าคะ" เธอดูยังเกรงใจผมอยู่
"เราก็อย่าไปทำให้พี่เขาลำบากสิ"  น้าไวไฟเขียวให้พลอย  เท่ากับว่าไฟเขียวให้ผมด้วย
เราแลกเบอร์โทรศัพท์กัน  ก่อนกลับผมบอกเธอว่าพรุ่งนี้เช้าเวลาเจ็ดโมงให้ไปหาผมที่บ้านได้เลย  ผมจะไปส่งเธอที่โรงเรียน
เช้าวันนั้นที่หน้าโรงเรียนสตรีรถไม่ติดมากอย่างที่ผมคิดไว้  คงเป็นเพราะนักเรียนส่วนใหญ่นั่งรถประจำทางมาโรงเรียนกันมากกว่าจะมารถส่วนตัว  พลอยในชุดนักเรียนหอมกรุ่นนั่งที่เบาะหน้าเจ้าเอสยูวีสุดหรูคู่ใจผม เหมือนความฝันที่ผมจินตนาการว่ามีแฟนเป็นนักเรียนมัธยม  เธอหน้าตาสดใส ทาแป้งเด็กบางๆ และมัดรวบผมแน่นหนาเรียบร้อยกว่าที่เห็นเมื่อเย็นวานนี้  พลอยดูจะมีอาการประสาทเล็กน้อยเมื่อใกล้ถึงหน้าโรงเรียน
"เอ่อ พี่เทพคะ ส่งพลอยตรงนี้ก็ได้ค่ะ" เธอพูดเบาๆ
"ยังไม่ถึงหน้าโรงเรียนเลย จากตรงนี้ต้องเดินอีกไกลไม่ใช่เหรอ"
"ก็ เอ่อ มัน... ไม่เคยมีใครมาส่งพลอย แล้วรถนี่ก็... พลอยกลัวคนอื่นเขาจะมอง เอ่อ... แปลกๆ"
"ไม่เห็นเป็นไรเลย  ทำไมล่ะ เขาจะหาว่าแฟนมาส่งเหรอ"  ผมแกล้งล้อเธอเล่น
"เอ่อ... ค่ะ"
"ทำไมล่ะ มีพี่เป็นแฟนมันไม่ดีตรงไหนล่ะหือ"  ผมได้ทีโยนหินก้อนเบ้อเริ่ม
"ดีค่ะ คือพลอยหมายถึง ไม่ใช่ว่าไม่ดี  แต่พลอย..." เธอก้มหน้าก้มตา
"หนูมีแฟนอยู่แล้ว เลยกลัวเขาเข้าใจผิด? เดี๋ยวพี่ไปอธิบายเขาให้ก็ได้"  ผมดักทาง แล้วกลั้นหายใจรอฟังคำตอบ
"ไม่ใช่ค่ะ พลอยยังไม่มีแฟนหรอก ยังไม่เคยมีด้วย ก็แค่ ไม่เคยมีใครมาส่งพลอยเฉยๆ"
"อืม ก็ไม่เป็นไรนี่ งั้นก็เคยเสียเลยสิ เพราะเดี๋ยวพี่ก็ต้องมาส่งพลอยบ่อย อยู่แล้ว"  ผมยิ้มในหน้าให้กับคำตอบของเธอ  พลางเคลื่อนรถเข้าเทียบฟุตบาธใกล้ประตูโรงเรียน  เธอหันมายกมือไหว้ผม "ขอบคุณค่ะ"
"โชคดีจ้ะ" ผมยกมือรับไหว้  มองตามเธอที่เดินเข้าไปในกลุ่มเพื่อนสาวสี่คน สาวๆหัวเราะพูดคุยกันเมื่อเธอไปถึง พากันมองมาทางผม แล้วเดินเข้าประตูโรงเรียนไป


ฝนตกปรอยบางๆ ลงมาตั้งแต่เมื่อผมกลับมาถึงบ้านตอนเที่ยง จนเวลานี้เกือบห้าโมงเย็นแล้วก็ยังไม่หยุด ช่วยให้อากาศไม่ร้อนนักสำหรับการนั่งทำงาน  ทับทิมมาบ้านผมในชุดเสื้อยืดสีขาวทับด้วยเชิ้ตแขนสั้นลายสก๊อตสีแดง กางเกงยีนส์ตามเคย แลดูทะมัดทะแมงซ่อนทรวดทรงไว้ภายใน ผมพยายามจะมองเธอเป็นอาหารตาระหว่างที่เธอทำงานบ้าน  แต่ดูเหมือนแม่บ้านของผมจะไม่เปิดโอกาสให้ผมเลย  นอกจากส่งรอยยิ้มให้เป็นระยะๆ เมื่อเห็นว่าผมมองอยู่ ทับทิมทำความสะอาดทุกอย่างอย่างเรียบร้อยและรวดเร็วอย่างเหลือเชื่อ  ในที่สุดเธอก็ขอตัวกลับบ้าน
"ฝนตกให้ฉันไปส่งไหม"
"ไม่ต้องหรอก ฉันมีร่มมา"  เธอชูร่มสีแดงสดขนาดใหญ่ให้ผมดู  ผมยังงงๆ ว่าเธอเอามาจากไหน เพราะจำได้ว่าตอนเธอมาเธอไม่ได้เอามาด้วย
ผมมองตามร่มสีแดงนั่นจนกระทั่งหายลับไปในทางเดินเข้าสวนป่าหลังบ้านหลังต้นทับทิม  แล้วกลับมาทำงานต่อผมจมอยู่กับงานตรงหน้า เวลาจะผ่านไปเท่าไรไม่ทราบได้  ทับทิมเดินกลับขึ้นบันไดบ้านมา  แปลกที่ตัวเธอไม่มีรอยเปียกฝนเลย
"ลืมของเหรอทับทิม"
"เปล่า  แต่ฉันมีอะไรจะบอก  เมื่อกี้ฉันเดินไปซื้อของที่ร้านยายลิ้ม บังเอิญได้ยินไอ้พวกเด็กวัยรุ่นมันซุบซิบกัน"
"ซุบซิบอะไร" ผมละสายตาจากจอโน้ตบุ๊ก จ้องหน้าเธอ
"ได้ยินมันคุยกันว่า พวกของมันจับเด็กชื่อพลอยมา อยู่ที่ห้างนาตาสาย  มันกำลังชวนพวกเพื่อนมันไป  สงสัยมันจะรุมโทรม  คือฉันก็ไม่รู้นะว่าพลอยไหน แต่ฉันสงสัยว่าจะเป็นลูกสาวน้าไว"
"เห้ย!!!" ผมร้องลั่น ลุกพรวดพราด อารามตกใจ  ภาพเด็กสาวน่ารักเมื่อเช้าผุดขึ้นมาในหัว  เธอกำลังจะถูกไอ้พวกชั่วทำลาย 
"ฝากบ้านด้วยทับทิม เดี๋ยวฉันมา"  แล้วกระโจนพรวดเดียวถึงบันได  กระโดดลงทีละสามสี่ขั้นฝ่าสายฝนไปที่รถ
ผมพรวดพราดขับรถออกจากบ้าน  หันหัวขึ้นบนถนน ด้วยความเป็นห่วงพลอย  ทำให้ผมเพิ่งนึกได้ว่าผมไม่รู้จักห้างนาตาสายอะไรนั่น
พลันความรู้สึกบางอย่างแวบขึ้นมาในหัวผม  โดยไม่รู้สาเหตุ  ผมเลือกหมุนพวงมาลัยไปทางซ้ายแล้วกดคันเร่งพุ่งออกไปทันที 
รถคันงามแล่นไปตามถนน ผ่านซอยไปสองซอยที่ผมไม่คิดว่าจะเลี้ยว  ฉับพลันความรู้สึกบางอย่างทำให้ผมเลี้ยวรถเข้าไปในซอยที่สามที่ผมพบ  ผมเหยียบเร่งความเร็วไปตามซอยเล็กๆ เกือบจะชนรถมอเตอร์ไซค์เก่าๆของชาวบ้านที่ขับสวนมาอยู่สองครั้ง  และดูเหมือนผมจะเหยียบไก่เคราะห์ร้ายที่วิ่งตัดหน้าตายไปตัวหนึ่ง เพราะมือมัวแต่กดโทรศัพท์หาพลอย  รอสัญญาณอยู่นานแต่ไม่มีการตอบรับ
ขออย่าให้เป็นพลอยของผมเลย...  ผมคิดในใจ
พลอยของผมเหรอ แกไปเป็นเจ้าของน้องเขาตั้งแต่เมื่อไรวะ ช่างเถอะ ขออย่าให้เป็นพลอยคนนั้นเลย ผมไม่รู้ว่าในหมู่บ้านนี้มีพลอยสักกี่คน แต่จริงๆแล้วไม่ว่าจะเป็นคนไหน ผมก็ต้องไปช่วยเธอออกมาให้ได้
ผมหักเลี้ยวกระทันหันด้วยความรู้สึกมากกว่าเหตุผลอีกสองสามครั้ง  เส้นทางแคบลงทุกที ทางลูกรังเริ่มกลายเป็นทางดินแข็งๆ มีแต่ล้อรถไถและรอยฝูงวัว  หลายจุดเป็นหล่มโคลนเลน เจ้าเอสยูวีราคาแพงปฏิบัติหน้าที่ตามวัตถุประสงค์ที่มันถูกสร้างขึ้นมาอย่างดีเยี่ยมคุ้มราคา  แต่ก็ไม่ทันใจผมที่ร้อนรุ่ม
ถนนสุดซอยออกจากเขตหมู่บ้านแล้ว  เบื้องหน้าผมคือทุ่งนาที่กำลังเขียวขจีในฤดูฝน ไกลๆ เป็นทิวเขาเห็นรางๆ ห้างนาตั้งห่างๆ กันเป็นระยะๆ ฝนยังตกปรอยปราย  แล้วห้างไหนล่ะห้างนาตาสาย
พลันสายตาเหลือบไปเห็นห้างนาเล็กๆ มีรถมอเตอร์ไซค์แต่งแบบวัยรุ่นจอดอยู่สี่คัน  โดยไม่ทันคิดอะไรผมขับรถลุยไปตามคันนาแคบๆ  โชคดีที่คันนายังกว้างพอที่รถผมจะขับได้ แม้จะขรุขระโดดเด้งไปตามความเร็วสูง
ผมหยุดรถกึกตรงหน้าห้างนา  ขอบคุณสวรรค์หรืออะไรก็ตามแต่ที่ทำให้ผมมาถึงที่นี่  เสียงกรีดร้องของหญิงสาวที่ผมยังไม่เห็นตัวดังแว่วเข้ามาในรถผมได้ยินชัดเจน  ...พี่เทพ พี่เทพช่วยพลอยด้วย...  เธอคงเห็นรถผม
เด็กวัยรุ่นท่าทางเถื่อนๆ ห้าหกคนโผล่ออกมาจากห้างนา  ต่างนุ่งกางเกงบ็อกเซอร์คนละตัว เสื้อไม่ใส่ โชว์รอยสักลายพร้อยแต่ละคนราวกับตุ๊กแก  พากันมายืนรายล้อมรถผม  มีอยู่คนหนึ่งหรือสองคนที่ถือท่อนไม้อย่างรู้งาน  ผมเห็นท่าไม่ค่อยจะดีล้วงเอากล่องไฟเบอร์สีดำขึ้นมาจากใต้เบาะรถ  เปิดออกแล้วหยิบเจ้าสิ่งที่ผมซื้อเอานานแล้วไว้แต่ไม่เคยคิดจะใช้ออกมา วันนี้คงจำเป็นต้องพึ่งมัน  มันดูเล็กจ้อยกว่าที่คิดตอนที่อยู่ในมือผม  ผมถอดสลักลูกโม่ออกตรวจดูกระสุนทั้งห้านัดแล้วกดเข้าที่เดิม เสียบมันเข้ากับกางเกงด้านหลัง ดึงเสื้อเชิ้ตออกมาคลุมปิดไว้ รวบรวมสติแล้วเปิดประตูลงไปเผชิญหน้าพวกมัน  ปกติผมแทบไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใคร และหลีกเลี่ยงมาโดยตลอด  แต่ตอนนี้คงทำไม่ได้แล้ว
เสียงกรีดร้องเรียกผมของพลอยยังดังอยู่  ผมพยายามไม่สนใจ  และใช้ไม้อ่อนกับพวกมัน
"น้อง พี่มารับน้องสาวพี่กลับบ้าน"
"..."
"อย่าให้ต้องยุ่งยากกันเลยน่า  ส่งน้องพี่มา แล้วพี่จะได้ไป แล้วจบๆกันไป"  ผมพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่น
"น้องมึงอะไรที่ไหน  มึงไปซะเหอะ เรื่องของพวกกูอย่าเสือก"  ไอ้คนหนึ่งท่าทางเป็นหัวโจกคงรู้ว่าผมกลัวมันอยู่เหมือนกัน
"พูดจากันดีๆก็ได้น้องชาย  ไม่เห็นต้อง..."  ผมพูดไม่ทันขาดคำก็รู้สึกเหมือนถูกงวงช้างฟาดเข้าอย่างจังที่กลางหลัง  ผมซวนไปข้างหน้า  ทันทีนั้นผมถูกถีบด้วยร้องเท้าผ้าใบเข้าที่ชายโครงซ้ายเซไป แล้วหมัดของใครคนหนึ่งก็ซัดเข้าที่มุมปากขวาผมอย่างจัง  รู้สึกหูอื้อไม่ได้ยินเสียงไปชั่วคราว  กลิ่นคาวและรสเค็มๆของเลือดตัวเองแพร่กระจายไปทั่วปาก  ทันทีที่หูผมกลับมาได้ยินอีกครั้งอีกหมัดหนึ่งก็ซัดเข้าที่โหนกแก้มซ้าย จนตาพร่ามัว เห็นแสงระยิบระยับ 
ฉับพลันที่ผมพยายามจะตั้งสติ  เหมือนเวลาเดินช้าลง  ผมเห็นไอ้พวกเด็กนรกหกคนยืนรายล้อมผมอยู่ ไอ้คนถือไม้เงื้อสุดแขนจะฟาดผมที่หัว  ผมตัดสินใจใช้มือขวารับเอาไว้  มันไม่หนักเท่าที่ผมคิด  ผมสวนหมัดซ้ายเข้าที่ปลายคางของมันจนมันปล่อยไม้หลุดมือ เซไปติดผนังห้างนา  ผมรู้สึกเหมือนผมมีพลังและความว่องไวมากขึ้นกว่าเดิมมาก ความเจ็บปวดที่มีทีแรกก็ดูจะหายไป
ผมยกเท้าถีบไอ้หัวโจกกระเด็นไปกระแทกกับอีกคนหนึ่งที่เร่เข้ามา  อีกคนหนึ่งส่งหมัดฮุกเข้าที่หน้าท้องผมโดยที่ผมไม่ได้ตั้งตัว แต่น่าแปลกใจที่กลับไม่รู้สึกเจ็บปวดแต่อย่างใด ตรงกันข้ามเจ้าของหมัดกลับสะบัดมือเร่าๆ ราวกับชกแผ่นกระดาน  ผมไม่รอคิดอะไรมากสวนหมัดเข้าที่ดั้งจมูกของมัน รู้สึกได้ถึงเสียงดังพล็อก มันหน้าหงายเลือดไหลกลบ ไอ้ตัวหัวโจกตั้งหลักได้อีกครั้งแล้ว มันคว้าไม้ท่อนยาว  ก่อนที่มันจะก้าวเท้าเข้ามาใกล้ ผมดึงเจ้าท่อนเหล็กเล็กๆ ออกมาจากด้านหลังชี้ไปที่มัน  ทุกคนในที่นั้นชะงักกึกโดยพร้อมเพรียง
"อย่าเชียว" ผมสั่งเสียงเฉียบ  พวกมันมองหน้ากันเลิกลั่ก
ไอ้คนหนึ่งทะลึ่งพรวดพราดเงื้อไม้จะเข้ามาฟาดผมอีก ผมเบนลำกล้องสั้นๆ แต่ทรงอานุภาพไปหามัน มันจึงชะงักกึก ลดไม้ลง 
ผมก้าวถอย เอาหลังพิงรถไว้  ใช้นิ้วโป้งเหนี่ยวนกขึ้นดังกริ๊ก แม้จะรู้ว่าไม่จำเป็นต้องทำแบบนั้นแต่ก็มีผลทางจิตวิทยาเป็นอย่างดี มันสะดุ้งเฮือก
"เห้ย อย่าเอาปืนของเล่นมาขู่พวกกูเลยว่ะ กูไม่..."
ปัง!!! ไอ้คนนั้นไม่ทันพูดจบ ผมก็ลดปากกระบอกลงที่พื้นดินตรงปลายตีนไอ้คนพูด แล้วเหนี่ยวไก เสียงของมันไม่ดังมากนัก  แต่หัวกระสุนขนาด .38 ที่กระทบเศษหินเล็กๆบนพื้นกระเด็นเฉี่ยวขาพวกมันไปฉิวเฉียด ทำให้ไอ้นั่นกระโดดโหยงไม่เป็นท่า  เสียงร้องของพลอยที่เงียบไปแล้วสักพักดังขึ้นมาอีก  ...พี่เทพ พี่เทพ...
"ไป ไปซะให้พ้นๆ"  ผมคำราม  พวกมันทิ้งท่อนไม้ลง ค่อยๆเดินถอยห่างไปที่มอเตอร์ไซค์ของมันอย่างระแวง  แล้วพากันติดเครื่องเสียงดังราวกับเรือหางยาวของมัน  พากันออกไปตามคันนาอย่างรวดเร็ว
ผมลดปืนลง  ความเจ็บปวดที่อันตรธานหายไปเมื่อสักครู่แล่นกลับมาอย่างรวดเร็ว  ปวดระบมที่ชายโครงทั้งสองข้าง หัวหนักอึ้ง รู้สึกเหมือนมีอะไรหนาๆ มาแปะไว้ และรู้สึกยอกที่หลังแทบจะขยับไม่ได้  ผมขโยกเขยกลากสังขารไปที่ห้างนา
ภาพที่ผมเห็นทำเอาผมแทบหยุดหายใจ
ร่างงดงามร่างหนึ่งถูกมัด  แขนทั้งสองโยงไปที่คานห้างนา  ขาทั้งสองข้างก็ถูกมัดตรงไว้กับเสา  เธออยู่ในสภาพกางแขนกางขาเช่นนั้น ผมเผ้าเป็นกระเซิง  ที่แทบจะทำให้ผมบ้าอย่างที่สุดก็คือเสื้อนักเรียนสีขาวและกระโปรงนักเรียนสีน้ำเงินเข้มขาดรุ่งริ่งกองอยู่ที่พื้นเป็นเศษผ้า  สภาพเหมือนถูกของมีคมตัด  เสื้อชั้นในและกางเกงชั้นในของเธอก็ก็ถูกตัดขาดรุ่งริ่งเช่นเดียวกัน 
แน่นอน บัดนี้เธออยู่ในสภาพถูกมัดขึ้นอย่างนั้น ไม่มีอาภรณ์ปกปิดร่างกายแม้แต่ชิ้นเดียว  ใบหน้าเปื้อนคราบน้ำตา  ตาบวมแดงก่ำราวกับร้องไห้มาเป็นชั่วโมง  เนินอกอันเป็นที่ตั้งของปทุมถันงดงามทั้งสองข้างสะท้อนขึ้นลงตามแรงสะอื้นฮักๆ อยู่เป็นระยะ  ยอดเม็ดบัวที่ปลายเนินอกสีน้ำตาลอ่อนๆนั้นตั้งชูชันผิดกับความรู้สึกของผู้เป็นเจ้าของ   ผิวใต้ร่มผ้าของเธอขาวผ่องนวลผิดกับผิวภายนอกที่กล่ำไอแดดมาทั้งชีวิต  ผมอดเอาไปเปรียบเทียบกับผิวของทับทิมไม่ได้  แม้ผิวของทับทิมจะขาวใสจัดกว่า  แต่ผิวของพลอยก็นวลเนียนมีชีวิตชีวาน่าสัมผัสมากกว่า เอวคอดเล็ก หน้าท้องเป็นเนินเล็กน้อย  ผมพยายามจะไม่มองต่ำลงไปกว่านั้นแต่อดไม่ได้ที่จะมองเนินเนื้อสวยปกคลุมด้วยไรขนเพียงอ่อนๆ ที่ตัดแต่งจนสั้นดูสะอาดแม้จะมีไรขนขึ้นเป็นบริเวณแคบๆ เป็นทางยาวเท่านั้น  กลีบเนื้อทั้งสองปิดสนิทแม้จะถูกจับมัดแยกขาอย่างที่เป็นอยู่นี้  มันเป็นภาพที่สวยงามแบบที่ผมไม่เคยคิดฝันว่าจะได้เห็นมาก่อน
"พี่เทพ... ช่วยพลอยด้วย"  เสียงครางแหบแห้งนั้นทำให้สติผมกลับคืนมา
"เอ่อ..." ผมหันรีหันขวาง "จ้ะๆ พี่จะช่วยเดี๋ยวนี้แหละ"  ว่าแล้วก็เดินขโยกเขยกกึ่งวิ่งมาที่รถ  ผมเปิดช่องเก็บของหยิบเอามีดพับออกมา แล้วปลดเสื้อสูทที่แขวนประจำอยู่หลังรถ  เดินกลับไปที่ห้างนา  พยายามไม่มองเรือนร่างของพลอย  ผมใช้มีดตัดเชือกที่มัดที่ขาและแขนออกตามลำดับ  ทันทีที่เชือกที่แขนขาดลง พลอยทรุดตัวลงไปนอนกองกับพื้นแคร่  งอตัวเอามือและแขนปิดหน้าอกและของสงวนไว้  ร้องไห้เสียงดังกว่าเดิม
"ไม่เป็นไรพลอย พี่มาช่วยแล้ว เราจะกลับบ้านกัน"  ผมพูดพลางเอาสูทตัวใหญ่คลุมทับร่างกายเธอ  "ใส่ซะ ใส่ซะก่อน"
ผมหันหลังให้  เดินออกไปที่นอกห้าง  ไม่นานก็ได้ยินเสียงฝีเท้าพลอยเดินตามออกมา  เธออยู่ในสภาพกึ่งเปลือย  แม้จะสวมสูทเพียงตัวเดียวแต่มันก็ยาวพอที่จะคลุมเธอเกือบถึงเข่า  พลอยติดกระดุมสามเม็ดเท่าที่มีช่วยปกปิดท่อนล่างไว้ได้เป็นอย่างดี  แต่ท่อนบนนั้นคอสูทที่แบะกว้างเผยให้เห็นเนินอกทั้งสองอย่างชัดเจน แม้จะไม่เห็นส่วนปลายยอด  มือข้างซ้ายเธอปล่อยห้อยอยู่ข้างลำตัว ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อที่ยาวเลยออกมา มืออีกข้างจับกุมคอเสื้อรวบเข้าไว้ด้วยกัน
ผมเดินกลับเข้าไปในห้างนา  เก็บเอาเศษชุดนักเรียน รวมทั้งเศษชุดชั้นในของเธอออกมา  เสื้อผ้าของเธอไม่ควรจะอยู่ที่นั่นในสภาพแบบนั้น  ผมไม่ลืมเก็บกระเป๋าและรองเท้าที่ตกอยู่มาด้วย
ระหว่างทางกลับบ้านพลอยยังสะอื้นเบาๆ แม้จะดูอาการดีขึ้นมากแล้ว  เธอพยายามจะกลั้นตัวเองให้หยุดร้องไห้  ไม่อาจตอบคำถามใดๆ ที่ผมค่อยๆถามเธออย่างเป็นห่วงได้
"พี่เทพ... เป็นไรมากหรือเปล่าคะ พลอยได้ยินเสียงปืนด้วย"  เธอถามขึ้นเป็นครั้งแรกก็เมื่อผ่านมาครึ่งทางแล้ว  พลอยมองหน้าผมที่ฟกช้ำ ถามเบาๆ
"ไม่เป็นไรนักหรอก  เดี๋ยวก็หายน่ะ พลอยไม่เป็นอะไรก็ดีแล้ว"  ผมตอบ พยายามฝืนยิ้มทั้งที่ปวดระบมที่โหนกแก้มและมุมปาก
"ขอบคุณนะคะที่มาช่วยพลอย ขอบคุณจริงๆ พี่รู้ได้ยังไงว่าพลอยอยู่ที่นี่"
"เรื่องมันยาวน่ะ เดี๋ยวถึงบ้านค่อยเล่าให้ฟัง เอ่อ ว่าแต่... พลอย... "  ผมชะงัก  พยายามนึกคำพูดที่ดีที่สุด
"คะ"
"ต้องใช้ยาคุมฉุกเฉินไหม ให้พี่ไปซื้อให้ไหม"  ผมกลั้นใจถาม
พลอยหัวเราะออกมาคิกหนึ่ง เป็นครั้งแรกตั้งแต่ออกมา  ผมใจชื้นขึ้น
"ไม่เป็นไรค่ะ พวกมันยังไม่ทันได้ทำอะไรพลอย แค่จับพลอยมัดไว้อย่างนั้น ได้ยินว่ามันรอไอ้ลูกพี่อะไรสักอย่างของมันอยู่"
ผมหันไปยิ้มให้สาวน้อย ไม่ได้พูดอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้อีก  ผมขับรถมาถึงหน้าบ้านเธอพอดี   
ที่หน้าบ้าน ผมร้องเรียกน้าไวอยู่พักหนึ่ง  ไม่เห็นแกออกมาจึงกลับไปที่รถ
"สงสัยพ่อจะไม่อยู่ล่ะ พี่โทรหาก็ไม่รับ  พลอยไปอยู่ที่บ้านพี่ก่อนก็แล้วกัน  จะได้เปลี่ยนเสื้อผ้าด้วย"  ผมว่าแล้วขับรถกลับมาที่บ้าน
เมื่อกลับมาถึงบ้าน  ผมมองหาทับทิมไม่เห็นเสียแล้ว  เข้าใจว่าเธอคงกลับบ้านไป  ความรู้สึกขัดยอกและปวดระบมดูเหมือนจะเพิ่มขึ้นมากกว่าเดิม  ผมทรุดตัวลงนอนบนเตียง  ชี้ให้พลอยหยิบเอาเสื้อยืดและกางเกงขาสั้นของผมจากในตู้ไปเปลี่ยนใส่  เธอค้นตู้สักพักก็หอบเสื้อผ้าเดินเข้าไปในห้องน้ำ  ผมนอนหลับตาบรรเทาความปวดมึนงงที่ศีรษะ
เกือบจะเคลิ้มหลับไปอยู่แล้วเมื่ออะไรสักอย่างอุ่นๆ เกือบจะร้อนทาบที่โหนกแก้มซ้ายผม  ผมลืมตาขึ้นมอง ใบหน้าสวยสดของสาวน้อยวัยสิบเจ็ดลอยอยู่เหนือใบหน้าผม เรือนผมชื้นๆ ห้อยเคลียอยู่ที่แก้ม เธอยิ้มน้อยๆ  ผมยกมือขึ้นกุมหลังมือนุ่มเนียนที่เช็ดหน้าผมอยู่โดยไม่ได้ตั้งใจ
"ประคบร้อน เลือดจะได้ไหลเวียนค่ะ"
"ขอบใจจ้ะ" ผมหลับตา ยิ้มให้กับเธอ  กลิ่นสบู่อ่อนๆ ลอยมา เห็นได้ชัดว่าเธออาบน้ำและสระผมเรียบร้อย
พลอยใช้ผ้าเช็ดหน้าชุบน้ำร้อนบิดประคบตามรอยฟกช้ำของผมตามจุดต่างๆ บนใบหน้า  มันทำให้รู้สึกสบายและลดความปวดลงไปได้เยอะ
"ไม่ยักรู้ว่าพลอยเป็นพยาบาลด้วย" ผมลืมตาขึ้นมอง
"วิชาสุขศึกษาน่ะค่ะ" เธอตอบเสียงหวาน ยืดตัวขึ้น เอาผ้าไปชุบน้ำร้อน  ตาเจ้ากรรมผมก็ไปเห็นเนินอกของเธอที่ยอดเม็ดบัวทั้งสองชูชันดันเสื้อยืดตัวโคร่งของผมที่เธอใส่อยู่ขึ้นมาเป็นไต สองเต้าตึงขยับแกว่งตามการขยับตัวของเจ้าของโดยปราศจากการเกาะกุมของเสื้อชั้นใน
ผมกลืนน้ำลายแห้งๆ ลงคอ ตาพยายามจ้องมองไปยังฝ้าลายวิจิตรที่ประดับเพดานห้อง
"เดี๋ยวพี่เทพถอดเสื้อนะคะ พลอยจะเช็ดตัวให้"  ไม่พูดเปล่า เอามือมาแกะกระดุมเสื้อเชิ้ต  เปิดเผยแผงหน้าอกเปล่าของผม
พลอยพยายามจะถอดเสื้อผมออก ผมชันกายขึ้นนั่งให้เธอถอดออกได้ เมื่อท่อนบนผมเปลือยเปล่า มือนุ่มๆ ของสาวน้อยก็ผลักอกผมลงนอนราบกับพื้น  เธอใช้ผ้าชุบน้ำร้อนประคบชายโครงซ้ายที่ดูรอยเขียวช้ำเริ่มปรากฎเห็นได้ชัด  แล้วเช็ดลูบไล้ไปตามหน้าอก แขน หน้าท้อง 
ผมหลับตาพยายามไม่มองพลอย เพียงรับรสสัมผัสของผ้าเช็ดตัวและมือนุ่มๆ ที่สลับกันลูบไล้สัมผัสผิวของผมก็ทำให้ผมต้องสะกดกลั้นอารมณ์มากพออยู่แล้ว
"พี่รู้ได้ยังไงคะว่าพลอยอยู่ที่นั่น"
ผมเล่าความจริงให้เธอฟัง  ตั้งแต่ทับทิมมาบอกข่าว  ไปจนถึงความรู้สึกแปลกๆที่พาผมไปหาเธอได้ถูก  เธอซักผมเล็กน้อยเกี่ยวกับทับทิม  ผมตอบเธอว่าเป็นคนที่ผมให้มาเป็นแม่บ้าน  พลอยบอกว่าเธอไม่เคยได้ยินชื่อ แล้วก็ไม่ได้ซักถามอะไรอีก
"ด้านหลังบ้างค่ะ"  เธอบอกกับผม  ผมพลิกตัวนอนคว่ำให้พลอยประคบรอยช้ำที่หลัง  และเช็ดตัวทั่วแผ่นหลัง ผมรู้สึกสบายอย่างบอกไม่ถูก 
"แล้วมันเป็นไงมาไงล่ะพลอย มันถึงจับพลอยไปอย่างนั้น"  ผมถามกลับบ้าง เสียงอู้อี้เพราะหน้าซบอยู่กับหมอน
"ก็เมื่อเย็นนี้  เลิกเรียนพลอยขึ้นรถมาลงที่อำเภอ กำลังรอรถเข้ามาในหมู่บ้าน  ตามปกติเหมือนทุกวันนั่นแหละค่ะ  แล้วฝนก็ตก คนก็ไปไหนกันหมดไม่รู้มีพลอยนั่งรออยู่ที่ศาลาคนเดียว  แล้วพวกมันก็มา"  เธอเว้นระยะไปช่วงหนึ่ง  "มันเอารถกระบะมีหลังคามากัน แล้วมันสามคนก็จับพลอยไป พลอยดิ้นสู้มันก็สู้ไม่ได้  มันเอาพลอยไปมัดไว้ที่ห้างนานั่น...  ก็อย่างที่พี่เห็นนั่นแหละค่ะ"
"แล้วพลอยรู้จักพวกมันหรือเปล่า"
"รู้ค่ะ สองคนเป็นเด็กแถวนี้แหละ อีกสี่คนอยู่หมู่บ้านอื่น  มันบอกว่ามันจับมาเพราะลูกพี่มัน..."
"ลูกพี่มันทำไม"
"ลูกพี่มันชอบพลอย มันอยากได้พลอย มันรู้ว่าวันสองวันนี้พี่มาอยู่ที่นี่ มันคิดว่าพี่จะมาเป็นแฟนพลอย"
"เดี๋ยวพรุ่งนี้หยุดเรียนสักวัน เราต้องไปแจ้งตำรวจ ให้จับมันให้ได้ยกแก๊ง ระหว่างนี้พี่จะไปรับไปส่งพลอยไปโรงเรียนเอง"  ผมตอบ  เธอเงียบไปครู่หนึ่ง  แล้วขอบคุณผมเบาๆ
"ถอดกางเกงออกสิคะ จะได้เช็ดขาให้" ผมสะดุ้งเฮือก หัวใจเต้นแรง  พลิกตัวกลับมามองหน้าเธอทันที  ไม่ปรากฎแววตาชนิดอื่นนอกจากดวงตาใสซื่อ ที่ไม่มีความหมายอะไรซ่อนเร้นอยู่  แต่ยอดถันที่ชูชันดันเสื้อยืดที่ปลายอกนั้นทำให้ผมคิดไม่ซื่ออย่างช่วยไม่ได้
"ไม่เป็นไรจ้ะ ขาพี่ไม่ได้เจ็บหรอก  แค่นี้ก็รู้สึกดีมากแล้ว"  ผมพยายามทำเสียงให้เป็นปกติ  ถ้าขืนให้เธอเช็ดตัวท่อนล่างให้  แม้จะใส่กางเกงบ็อกเซอร์ก็ตาม  ก็คงปกปิดความรู้สึกของผมที่อวัยวะส่วนนั้นมันจะแสดงออกมานอกหน้าไม่ได้  "พลอยไปดูที่บ้านเถอะ พ่อกลับมาหรือยัง เริ่มมืดแล้วป่านนี้น่าจะกลับมาแล้วนะ"
พลอยกลับไปสักพักหนึ่งแล้ว  ผมยันกายเดินไปเข้าห้องน้ำ  อาการปวดระบมทุเลาลงมากแล้ว  และอาการมึนงงก็หายไปมาก  เปิดน้ำอุ่นๆ เกือบร้อนรดตัวเองตั้งแต่หัวลงมา  ผมจะทำอย่างไรกับพลอยดี  เธอเป็นเด็กสาวสวยน่ารักและบริสุทธิ์ผุดผ่อง  ผมได้มีโอกาสใกล้ชิดเธอขนาดนี้ หากผมฉวยโอกาสเอาเป็นของตัวเองเมื่อใดก็คงจะไม่ผิดหวัง  แต่ผมเป็นคนที่ช่วยเธอไม่ให้เจอกับประสบการณ์อันเลวร้าย  ผมเชื่อว่าวันนั้นของเธอต้องมาถึงเมื่อมันเป็นไปด้วยความรักที่บริสุทธิ์ของเธอ  ผมต้องไม่ทำลายมันเสียเอง  เธอไม่ได้คิดกับผมแบบนั้น  ผมคิดกับเธอฝ่ายเดียวต่างหาก
บ้าไปแล้ว ไอ้เทพ แกรู้จักเธอแค่ไม่กี่วัน แกกล้าบอกว่าแกรักเธอเลยเหรอ  แกคงหลงเสน่ห์สาวน้อยวัยแรกแย้มก็เท่านั้นเอง ก็แค่แฟนตาซีบ้าๆ ของผู้ชายหนุ่มใหญ่กับเด็กสาวมัธยมปลาย  แกไม่ได้รักเธอหรอก หักห้ามใจซะเถอะ กับพ่อเขาเราก็นับถือกันอยู่ อย่าให้ต้องเสียคนเพราะอารมณ์ชั่ววูบเลย
ว่าแต่ มันเป็นอารมณ์ชั่ววูบของผมจริงๆน่ะเหรอ...

ผมออกจากห้องน้ำมาเป็นเวลาเดียวกับที่เสียงน้าไวและพลอยตะโกนเรียกผมอยู่ข้างล่าง ผมแต่งตัวลวกๆ แล้วเชิญทั้งสองคนขึ้นมาบนบ้าน น้าไวถือถ้วยใส่อะไรสักอย่างมาด้วย ส่วนพลอยถือปิ่นโตเถาใหญ่มาด้วยเถาหนึ่งเธอแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าของตนเองเรียบร้อยแล้ว
"น้าเพิ่งกลับมา พอดีพลอยมันเล่าเรื่องให้ฟังหมดแล้วล่ะ เลยรีบเข้ามาเยี่ยม เทพยังไม่นอนหรอกมั้ง"  น้าไวถามน้ำเสียงเป็นห่วง
"ยังหรอกครับ ผมเพิ่งอาบน้ำเสร็จ"
"พลอยมันทำข้าวต้มมาให้ด้วย ข้าวสวยก็มีนะ พอกลับไปก็รีบๆ ทำแล้วก็มาเนี่ย เห็นว่าเทพยังไม่ได้กินอะไรเลย"  นั่นสิ ผมก็ลืมเรื่องอาหารเย็นของผมไปเลย
"ขอบคุณครับน้าไว"  ผมว่า  แล้วเราก็เริ่มต้นกินอาหารกันง่ายๆ ที่โต๊ะอาหารกลางบ้าน  แล้วสนทนาเกี่ยวกับเรื่องต่างๆ ยกเว้นแต่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเย็นนี้  ดูเหมือนน้าไวจะไม่อยากให้ผมกับพลอยคิดถึงมัน  บรรยากาศนี้ทำให้ผมไม่รู้สึกว่าบ้านหลังนี้ใหญ่โตเกินไปอีกแล้ว  ผมกลับรู้สึกอบอุ่นเหมือนได้อยู่กับครอบครัวจริงๆ  อย่างที่ผมห่างหายไปนาน  ผมชักอยากให้เป็นอย่างนี้ตลอดไป
หลังจากกินอาหารกันเสร็จเรียบร้อย  พลอยเดินถือปิ่นโตและถ้วยลงจากบ้านไป  ผมขยับจะเดินตามไปที่ระเบียง  น้าไวเดินมาข้างหลังผม กล่าวเสียงเป็นการเป็นงาน
"เทพ  น้าขอร้องล่ะ เรื่องพลอย..."
ใจผมกระตุกเฮือก น้าไวจะพูดอะไรกับผม
"น้ารบกวนของให้เทพช่วยดูแลน้องด้วยนะ มันยังเด็กมาก น้ารักมันมากชีวิตนี้น้ามีมันคนเดียว  ถ้าวันนี้มันเกิดเป็นอะไรไป น้าคงเสียใจไปตลอดชีวิตแน่  น้าไม่อยากให้มันต้องเจออะไรแบบนี้อีก"
"ครับ..." ผมรับปากแบบไม่ค่อยจะเข้าใจนัก
"เทพเป็นคนใจดี ครอบครัวเทพก็ช่วยเหลือครอบครัวน้ามาตลอด น้าก็ไม่มีอะไรตอบแทนนอกจากความรู้สึกที่ว่าเทพก็เป็นลูกน้าคนหนึ่ง  ถ้าไม่เหนือบ่ากว่าแรงนัก น้าขอฝากพลอยมันให้เทพดูแลสักคนหนึ่งเถอะนะ ขอให้เห็นน้องเป็นคนในครอบครัวของเทพอีกสักคน"
ผมมองเข้าไปในดวงตาสีเหล็กของน้าไว  ตั้งแต่เกิดมาผมไม่เคยได้ยินแกขออะไรจากใคร  แต่วันนี้แววตาของน้าไวจริงจัง  และสื่อความหมายอย่างมากที่สุด
"ครับ น้าเป็นครอบครัวเดียวที่ผมมีเสมอ  ผมจะดูแลเธอให้ดีอย่างที่สุดครับ"  ผมรับปาก
น้าไวเดินลงจากบ้านไปพักหนึ่งแล้ว  ผมยังยืนนิ่งอยู่ที่ระเบียง  ใคร่ครวญความหมายในคำพูดของน้าไวที่ผมเองก็ไม่ค่อยแน่ใจนัก  ไม่แน่ใจทั้งในคำพูดของแก  และไม่แน่ใจในความคิดของตัวเอง

ยามดึกคืนวันนั้นฝนตกพรำลงมาอีก เสียงฝนตกกระทบหลังคากระเบื้องและหยดลงบนพื้นด้านล่างเบาๆ ผมรู้สึกตัวขึ้นมาเพราะลมเย็นๆชื้นๆ พัดเข้ามาทางช่องหน้าต่างที่ผมเปิดไว้ช่องหนึ่งวูบวาบเป็นระยะ พัดมุ้งให้พลิ้วไหว เวลานั้น ผมรู้สึกได้ถึงความหนาวจับขั้วจนปวดกระดูก  แผลฟกช้ำระบมเหมือนจะอักเสบขึ้นมาแทบขยับไม่ได้อาการครั่นเนื้อครั่นตัวเหมือนจะมีไข้
ม่านมุ้งถูกแหวกออก ร่างของใครคนหนึ่งเข้ามานั่งอยู่ที่ขอบเตียง  อนุสติผมพยายามเพ่งมองว่าเป็นใคร พยายามบังคับจิตใจให้เบิกตามองดู  ร่างนั้นสวมชุดนอนคลุมสั้นบางเบาสีแดงระเรื่อ ผมตรงยาวสีดำยาวเลยกลางหลัง  เธอก้มหน้าลงมาใกล้ใบหน้าของผม
ใบหน้าสวยได้รูป คิ้ว จมูกคม เปลือกตาแต่งสีแดงเข้มด้วยเครื่องสำอางราคาแพง ริมฝีปากปางทาลิปสติกสีแดงอย่างประณีตนั้นเห็นได้ชัดเจนภายใต้เงาสลัวของแสงไฟหน้าบ้านที่ลอดเข้ามาในห้อง ตัดกับสีผิวขาวจัดจนมองเห็นริ้วเส้นเลือดบางๆ  ผมพยายามขยับปากเปล่งเสียงเรียก
"...ทับทิม..."
ทับทิมนั่นแหละ  แต่เธอแต่งตัวแปลกตากว่าที่ผมเห็นทุกครั้ง ชุดนอนซีทรูบางใสสีแดงระเรื่อแบบนั้นไม่วิสัยการแต่งกายของคนแถวนี้แน่ๆ  กลิ่นน้ำหอมราคาแพงหอมจางๆเมื่อเธอขยับใบหน้าเข้ามาใกล้ใบหน้าผม ผมชักไม่แน่ใจว่าประสาทผมหลอนไปเองเพราะพิษไข้หรือเปล่า  เธอก้มใบหน้าลงมาจรดหู
"เป็นยังไงล่ะ คนเก่งน่ะ ถึงกับร่อแร่กลับมาเลยนะ"  น้ำเสียงที่คุ้นเคยกระซิบที่หู  เธอลุกขึ้นหยิบแก้วน้ำอะไรสักอย่างสีแดงระเรื่อส่งให้ผม
"อะไรน่ะ"
"น้ำทับทิม กินเข้าไปเถอะ แล้วจะดีเอง"
ผมชันกายขึ้นอย่างยากลำบาก ประคองแก้วทรงสูงขึ้นดื่ม  น้ำรสหวานอ่อนๆ กลิ่นทับทิมไม่ผิดแน่ๆ มันทำให้ผมรู้สึกคลายความอึดอัด หายใจหายคอได้โล่งเต็มปอด จิบแรกที่ล่วงผ่านลำคอเข้าไปเหมือนไฟที่เข้าไปลุกอยู่ในท้อง  ผมรู้สึกอบอุ่นวาบขึ้นตามร่างกาย  อึกต่อๆ มาที่ยกขึ้นดื่มดูเหมือนจะไหลผ่านไปตามเส้นเลือด ข้อ เอ็น และกล้ามเนื้อทุกส่วนให้คลายตัว แผลฟกช้ำระบมบรรเทาลงจนเกือบจะไม่รู้สึก อาการครั่นเนื้อครั่นตัวจากพิษไข้ก็ดูจะหายเป็นปลิดทิ้ง
"อืมดีจริง ขอบใจมาก"  เสียงที่เปล่งออกมาก็ชัดเจนกว่าเดิมมากด้วย  ผมส่งแก้วคืนให้
"แล้วนี่ เธอมาได้ยังไงกัน นี่มันกี่โมงแล้ว"
"กี่โมงก็ช่างเถอะ  เอาเป็นว่าถ้าฉันไม่มาคุณก็คงเป็นไข้สั่นงั่กๆๆ อยู่นี่ ตายกันพอดี"
ผมหลับตาถอนหายใจ
"เป็นไงล่ะ เก่งดีนัก มีปืนก็ไม่ใช้ ลงไปมวยกันมือเปล่า หกรุมหนึ่ง ถ้าฉันไม่ช่วยก็คงไม่แคล้วต้องไปอยู่วัด" เสียงของเธอเหมือนจะเยาะ  ผมอยากจะถามว่าเธอช่วยอะไรผมตรงไหนในตอนนั้น  ก็รู้สึกว่าป่วยการจะถาม เพราะคงไม่ได้คำตอบอะไรดีขึ้นมา  ทับทิมก้มลงกระซิบที่หูของผมอีกครั้ง
"คืนนี้ให้ฉันดูแลคุณอยู่นี่ก็แล้วกัน" ไม่ว่าเปล่าเอาริมฝีปากมาแตะที่ติ่งหูของผม  ผมรู้สึกสยิวกายขนลุกชันขึ้นมาทันที  ริมฝีปากของแม่บ้านสาวของผมไล้ไปตามใบหู ลงมาตามแนวขากรรไกร  เธอกดจมูกลงที่ลำคอผม  จูบแลดูดทึ้งเบาๆ  แม้ผมจะไม่ค่อยเข้าใจและแปลกใจสักเท่าไรก็ไม่อาจคิดทำอะไรไปได้มากกว่าเอามือโอบที่แผ่นหลังและสะโพกที่คลุมด้วยชุดนอนผ้าบางเบานั้น  แล้วรอรับความเสียวสยิวที่เธอมอบให้
ผมเอามือไล้ไปตามสะโพกนูนผายของเธอ  ยิ่งลูบไล้นอกผ้าชุดนอน  ชายผ้ายิ่งร่นขึ้นมาสูง จนกระทั่งมือของผมสัมผัสผิวเปลือยเปล่าบริเวณสะโพกหนั่นเนียนนั้น  ผมลูบไล้ไปตามเนิน ลัดเลาะนิ้วไปตามก้นส่วนล่าง  แล้วขยำสะโพกด้วยมือทั้งสอง  ทับทิมเองก็ส่ายสะโพกตามจังหวะการขยำของผม บดอัดหนอกเนินของเธอเข้ากับของผมอย่างเมามัน
ทับทิมเลื่อนใบหน้าขึ้นมาตรงใบหน้าผม  แววตาไม่บอกความรู้สึกของเธอมองเข้ามาในตาผม  แล้วจึงประกบปากของเราเข้าด้วยกัน  ผมสอดลิ้นเข้าโลมเลียริมฝีปากของเธอและแทรกเข้าไปในช่องปากหวานฉ่ำ  ลิ้นสัมผัสรสที่คล้ายกับน้ำทับทิมที่ผมดื่มเข้าไปเมื่อครู่  ผมสอดลิ้นเขาสำรวจลูบไล้ลิ้นเธอทั้งด้านบนและด้านล่าง  เลาะลิ้นไปตามแนวฟันด้านใด  ก่อนที่จะปล่อยให้เธอส่งลิ้นเข้ามาให้ผมได้ลิ้มรสบ้าง
มือของผมก็ดึงชายชุดนอนสีแดงของเธอขึ้นมาไว้เหนือเต้านมของเธอ  ผมปล่อยปากออกจากปากเธอชั่วคราวเพื่อดึงชุดนอนของเธอออกทางศีรษะ  จากนั้นจึงโผเข้าประกบปากดูดดื่มความหวานของเธออีกครั้ง  มือซ้ายสอดซอกซอนเข้าที่สะโพกด้านหลังตรงกลางระหว่างขา  ลูบไล้กลีบคู่งามที่เนียนนุ่ม แล้วแหวกเพื่อชอนนิ้วเข้าไปสัมผัสน้ำเหนียวใสที่ซึ่มชุ่มฉ่ำอยู่ในหลืบร่อง  ขณะที่มือขวาผมบีบเคล้นคลึงที่เต้าเต่งตึงทั้งสอง  สลับกับบีบบี้ที่ปลายยอดเม็ดสีชมพูเข้มนั้น  เธอหายใจเสียงดังแผ่วๆ ปลุกเร้าอารมณ์ผมให้พลุ่งพล่านยิ่งขึ้น
มือของทับทิมเริ่มมาเกาะแกะกับกางเกงบ็อกเซอร์ของผมที่ใส่นอน  ผมยกตัวขึ้นให้เธอถอดมันออกไปทางปลายเท้าอย่างง่ายดาย  ท่อนลำของผมแข็งแกร่งเต็มที่  แต่ทับทิมใช้ร่องหลืบฉ่ำน้ำของเธอกดทับไว้ในท่านอนหงายราบปลายหันมาทางหัวผม แล้วบดเบียดกลีบเนื้อของเธอขึ้นลงจนผมแทบจะทนไม่ไหว เธอจึงกดริมฝีปากตัวเองเข้ากับปากผมอีกครั้งหนึ่งและถูไถหน้าอกเปลือยเปล่าของเราเข้าด้วยกัน  สลับกับยกตัวขึ้นใช้ปลายหัวนมเขี่ยไล่ขึ้นลงกับอกของผม  ลีลาของเธอทำเอาผมแทบคลั่ง
สุดท้ายเธอเลื่อนร่องคร่อมทับท่อนแข็งของผมอยู่ขึ้นมาทางปลายท่อนขยับตัวให้ปลายท่อนเนื้อของผมจ่อเข้ากับปากร่องรู  แล้วดันตัวถอยหลังให้กลีบของเธอกลืนท่อนเนื้อเข้าไปในจังหวะแรกครึ่งหนึ่ง  จากนั้นเธอขยับอีกสองสามครั้งมันก็กลืนท่อนเนื้อของผมเข้าไปจนหมด  เธอบดร่องรูของเธอเข้าออกยาวๆ ช้าๆ เป็นจังหวะเนิบๆ  หลืบฉ่ำน้ำตอดรัดหนุบหนังจนผมแทบทนไม่ไหว  ผมขยับเอวสวนทางการบดของเธอพร้อมกับโน้มตัวเธอลงมา  ผมฝังหน้าลงกับคอเธอดูดดื่มความหอมหวานจากซอกคอแล้วลุกขึ้นกึ่งนั่งกึ่งนอน  ผมปล่อยให้เธอโยกบดขย่มและตอดรัดท่อนเนื้อของผมตามสบาย  ในขณะที่ผมก้มลงดูดดื่มความหวานจากปลายยอดอกสีแดงเข้ม  จากเสียงหายใจแผ่วๆ เธอเริ่มออกเสียง อืม อืม อา ในลำคอ  ผมดูดเน้นที่หัวนมสวยของเธอ และใช้แขนทั้งสองสาวดึงสะโพกของเธอให้บดท่อนเนื้อของผมหนักหน่วงขึ้นเป็นลำดับ  จนเธอร้องครางต่อเนื่อง  และเร่งความเร็วจังหวะสะโพกถี่ยิบ  โหนกเนื้อของเราเสียดสีกันจนผมรู้สึกเจ็บ   ผ้าปูที่นอนหลุดลุ่ย หมอนอีกใบตกลงไปอยู่ข้างเตียง
"เสร็จแล้ว... จะเสร็จแล้ว"  เธอครางเสียงกระเส่า
ผมเองก็รู้สึกปั่นป่วนบริเวณส่วนปลายหัวเกร็งตัวเหนี่ยวสาวดึงสะโพกเธอเข้าหาตัวถี่และต่อเนื่อง  ปากก็ดูดเน้นที่หัวนมข้างขวาเธออย่างรุนแรง
"เสร็จแล้ว เสร็จแล้ว"  ผมจับสะโพกเธอกระแทกเน้นเข้าหาตัวอีกสี่ห้าครั้ง  ฉีดน้ำขาวข้นเข้าใส่โพรงภายในของทับทิมอย่างต่อเนื่อง  แล้วล้มตัวลงนอนหงายอย่างหมดแรง  ทับทิมก็ล้มตัวลงทับผม  ร่องของเธอยังคาบคาท่อนเนื้อของผมอยู่  ปากเธอจูบไล้เบาๆ ที่ริมฝีปากผม  เสียงหอบหายใจที่ดังแรงค่อยเบาลง  ผมกอดเรือนร่างน่าหลงไหลของเธอหลวมๆ  มีคำถามสารพัดอยากจะถามทับทิม  แต่เหนื่อยเกินกว่าจะเอ่ยอะไรออกมาได้  ผมได้แต่หลับตา  เธอก็เช่นกัน
ในที่สุดผมก็ผลอยหลับไป ทั้งที่ร่างของหญิงสาวนอนทาบทับอยู่อย่างนั้น
เสียงนาฬิกาปลุกเวลาหกโมงดังขึ้นที่โต๊ะหัวเตียง  ผมรู้สึกเมื่อยขบไปหมดทั้งกาย แต่ความเจ็บปวดและอาการไข้หายไปแล้ว  ยังรู้สึกมึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อคืน  ผมลุกขึ้นนั่ง  ด้วยความแปลกใจ  กางเกงบ็อกเซอร์ยังสวมติดอยู่กับตัว  ผ้าปูที่นอนที่ผมนอนทับยังเรียบตึงเรียบร้อยอย่างที่ทับทิมมาจัดเตียงไว้ให้เมื่อวานกลางวันไม่ได้หลุดลุ่ยเหมือนที่เห็นอยู่เมื่อคืน  หมอนทั้งสองใบยังวางเป็นปกติ  ผมถอดกางเกงบ็อกเซอร์ที่ใส่อยู่ออกมาพลิกดูด้านใน...  คราบน้ำกามขาวเปรอะเต็มกางเกง
ผมหัวเราะให้กับตัวเอง  ด้วยความที่ฝันประหลาดบ้าบอ คงเอาเรื่องที่เกิดขึ้นกับพลอยเมื่อวานเก็บมาคิดมาก  ประกอบกับความคิดอกุศลเล็กๆ กับทับทิม  แล้วก็เลยเอามาฝันเปียกว่าได้มีเซ็กซ์ร้อนแรงกับแม่บ้านสาว  คงเป็นเพราะผมไม่ได้มีอะไรกับใครเลยตั้งแต่เลิกกับแฟนจึงได้เก็บกดขนาดนี้
ผมส่ายหน้าดิก  เดินเข้าห้องน้ำไปอาบน้ำแปรงฟันแต่งตัว  วันนี้ตอนเช้าจะพาพลอยไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ  ไอ้พวกนั้นต้องได้รับโทษในสิ่งที่มันทำ  พลันเหลือบไปเห็นแก้วทรงสูงใบหนึ่งวางอยู่ที่ตู้หัวเตียง  แก้วที่ผมใส่น้ำกินยาก่อนนอนเมื่อคืนนั่นเอง แผงยาแก้ปวดยังวางอยู่ข้างๆ  ผมคว้าแก้วมาจะเข้าไปดื่มนมในครัว  ก่อนที่จะรินนมลงในแก้ว  ผมชะงักกับคราบตะกอนขุ่นสีแดงระเรื่อที่จับบางๆ ด้านในแก้ว  ถ้าไม่สังเกตก็คงมองไม่เห็น
ไวเท่าความคิด  ผมยกแก้วขึ้นดม
กลิ่นน้ำทับทิม!!!!
.................................

kaithai

#1
ฝันฝันหวาน จริงหรือหลอก  หยอกให้งง
น่าฉงน ปนสงสัย หากแค่ฝัน
มันทำไม ใยแก้วนั้น ยังคงกลิ่น
น้ำทับทิม ยิ้มสิท่าน 




คำเตือน  ก่อนคอมเม้นต์ จากเจ้แว่น
................................................................................................................
ใครจะอ่านผลงานทุกตอนในห้องนี้ ถ้าทำตามกติกา-เงื่อนไขนี้ไม่ได้ แล้วรีพลายมักง่ายผ่านไปที หรือ รีพลาย ขอบคุณครับ,ขอบคุณ,ขอบคุณค่ะ,ติดตามครับ,สนุกมากครับ,ติดตามต่อ. อะไรประมาณนี้ จะแบนเลยนะ ขอบคุณมากๆครับ ก็ไม่ต้อง thank,thank you,thx ขี้หมาหลายแหล เหล่านี้ก็อย่าให้เห็น จัดรูดแบนไปยาวๆถ้าเจอ นี่เป็นข้อตกลงไว่ก่อนอ่านระหว่างเจ้าของงาน กับสมาชิก ::Angry:: ถ้า รีพลายผิดเงื่อนไขมาหรือ โชว์พาล์วอยู่มานาน โชว์เก๋า โชว์สด โชว์เกรียน ทำมึนลองมาจะแบนเลย เพื่อสมาชิกอีกส่วนที่พร้อมทำตามกติกา ::Cheeky:: เพราะไม่เช่นนั้น รีพลายคุณอาจทำให้ สมาชิกที่ปฏิบัติตามพลอยอดอ่านไปด้วย ฉะนั้นไม่แน่ใจ อย่าพิมพ์เอามักง่ายมั่วๆ..ถ้าคิดว่า กฏนี้มันยากก็ไปหาที่อื่นเสพนะ อย่าเข้ามาใช้มาอ่านงานที่ห้องนี้ อ๋อ ใครโดน pm เตือนถ้ายังมึนจะแบนจาก 6 เดือนเป็น 1ปี. .

กฎที่วางนี่ไม่ได้เขียนเอา ฮา เนอะ แบนจริงใครอยู่นานแล้วคงรู้จัก แว่น ดี..คิดว่า ฉันแบนจริงหรือเตือนเอาสนุกเล่นๆ..อย่าๆลอง เดี๋ยวจะเสียความรู้สึกด้วยรีพลายคุณเอง ทำตามเงื่อนไข ยากอะไร หรือ จะโชว์เกรียน..เตือน,ขอร้อง,ขอความร่วมมือ แล้วเมื่อไม่รักษาสิทธิ์-ประโยชน์คุณเอง ก็แบนไปใช้เวปอื่น. .
................................................................................................................

dwarf

ขอบคุณครับ..กำลังรอติดตามผลงานอยู่เลยครับ...ทับทิม กับพลอยจะมีการหึงหวงกันหรือเปล่านะ

biggiggog

ูดูท่าทางแล้ว ได้ทั้งคน ได้ทั้งผี
งานนี้มีเฮ ::JubuJubu::
ขอบคุณมากๆครับ

devilzoa


jingjang

นิยายเรื่องนี้ อ่านสบายๆ ไม่รู้สึกเครียด แต่รู้สึกตื่นเต้น และลุ้นไปกับพระเอก  นึกภาพได้ง่าย เพราะผู้แต่งพรรณนาออกมาได้เป็นอย่างดี อ่านแล้วน่าติดตามเป็นอย่างมาก ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะครับ ขอบคุณที่ยังไม่มีไอ้วายร้ายตัวไหนเก็บซิงน้องพลอยนะครับ

dujimak

โว้ๆๆๆๆๆ ลุ้นๆๆๆๆ นางทับทิม อ่านสนุกดีครับน่าติดตาม
ขอบคุณผู้ประพันธ์ครับ ::DookDig:: ::Ahoo:: ::Ahoo::

peddo

รายละเอียดเยอะแต่ไม่น่าเบื่อเพราะเดินเรื่องเร็วน่าติดตามมากครับ ถึงเป็นผีผมก็โอนะครับ ขออย่าเป็นแวมไพร์ละกัน ขอบคุณครับ

darkfrl

อ้างจาก: peddo เมื่อ มีนาคม 14, 2017, 09:45:28 หลังเที่ยง
รายละเอียดเยอะแต่ไม่น่าเบื่อเพราะเดินเรื่องเร็วน่าติดตามมากครับ ถึงเป็นผีผมก็โอนะครับ ขออย่าเป็นแวมไพร์ละกัน ขอบคุณครับ

ขอบคุณมากครับ  บางช่วงอาจจะเร็ว บางช่วงอาจจะช้า  แล้วแต่อารมณ์ตอนเขียนเลยครับ  ส่วนตัวผมชอบเขียนบรรยาย
ตรงนี้จบตอน Pilot ผมเขียนตอนนี้มาสักสองปีแล้ว  ช่วงนี้เพิ่งจะมาเขียนเพิ่มจริงๆจังๆ  PT. ต่อๆไปสำนวนอาจไม่เหมือนเดิมแต่คงเปลี่ยนไม่มาก
พยายามจะเขียนมาลงอย่างน้อยๆ อาทิตย์ละตอนครับ  ขอบคุณสำหรับความเห็นของทุกท่านครับ

peat

แบบนี้คงเป็นฝันที่เป็นจริงซินะ..
ยังไงได้ทับทิมไปแล้วก็ต้องเก็บพลอยไปด้วยล่ะ..
(ยังแอบลุ้นอยู่ว่าจะเฉลยว่าทับทิมคือใครกัน)

GoDeRsOuL

อ่านตอนนี้จบปุบ เลิกเดา รอเฉลยปมดีกว่า ฮ่าๆ

naitoom

เนื้อเรื่องน่าติดตาม สำนวนที่ใช้ราบรื่น อ่านง่ายครับ

wasawat

สำนวนดีมากครับอ่านเพลินเลย รอติดตามตอนต่อๆไปครับ ขอบคุณครับ

golfja2526

สนุกน่าติดตามมากๆเลยครับ

nonnon

ได้ทับทิมแล้ว เดี๋ยวต่อด้วยพลอยสาวน้อยมอปลาย แล้วจะมีสาวอื่นอักมั๊ย

ขอบคุณครับ