ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 2

เริ่มโดย เจตภูติ, ธันวาคม 09, 2020, 02:35:01 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

เจตภูติ

คุยกันก่อนอ่าน : ต้องขอขอบพระคุณผู้อ่านทุกท่านมาในโอกาสนี้ด้วยครับ ฟีดแบคที่ได้รับจากตอนแรกที่ลงไปช่วยผมได้เยอะมาก ทั้งทางด้านกำลังใจ ด้านการแต่ง และการนำเสนอ ในตอนที่สองนี้ผมได้ซ่อนเนื้อหาช่วงท้ายไว้เพื่อไม่ให้ขัดต่ออรรถรสในการอ่าน ตามที่มีคนได้แนะนำไว้ แล้วพบกันตอนต่อไปนะครับ


Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 2


"เอ้าชน..." เสียงอ้อแอ้ของอ๊อดดังขึ้นพร้อมกับยกแก้วไปข้างหน้าเจษฎาเป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ตั้งแต่ทั้งคู่ขึ้นมานั่งดื่มกินที่ดาดฟ้าของตึกแถวตั้งแต่หัวค่ำ จนตอนนี้ก็ใกล้จะเทียงคืนแล้ว

ขวดเบียร์ว่างเปล่าหลายขวดวางเรียงรายอยู่ข้างกระติกน้ำแข็งใบใหญ่สองกระติกที่ด้านในบรรจุด้วยน้ำแข็งและเบียร์จนเต็ม ใกล้ๆ กันมีลังกระดาษที่ว่างเปล่าสองลัง ตรงกลางโต๊ะไม้มีจานชามสำหรับใส่กับแกล้มวางอยู่สี่ห้าใบ บางจานก็ว่างเปล่าเหลือเพียงคราบเศษอาหาร

"พี่เจษ ผมสงสัยอะไรนิดหน่อย....ถามได้ปะ..." อ๊อดหน้าแดงโยกหัวไปมาแสดงอาการว่าแอลกอฮอลเริ่มออกฤทธิ์ต่อร่างกายของเขาแล้ว

"มีอะไร...ก็ว่ามา" เจษฎาจุดบุหรี่ขึ้นสูบอย่างผ่อนคลาย

"พี่เล่นของรึเปล่า" อ๊อดคอตกแต่พยายามจะเงยจ้องมองไปที่เจษฎาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความสงสัย

"ของอะไรวะ"

"ก็รอยสักของพี่นั้นไง" อ๊อดชี้ไปที่ตัวของเจษฎาทั้งที่มือยังถือแก้วเครื่องดื่ม

"รอยสักพี่ทำไม"  พูดไปเจษฏาก็ก้มมองผ่านลงไปในคอเสื้อมองดูรอยสักของตนเอง

"ก็พี่ทั้งกินเหล้า ทั้งโกหก ทั้งขโมยของ แล้วยังไปล่อเมียชาวบ้านอีก ขาดอย่างเดียวพี่ยังไม่ได้ฆ่าคน แล้วอย่างงี้ของพี่ไม่เสื่อมเรอะ" อ๊อดพูดเพราะการกระทำของเจษฎาไม่คล้ายกับคนที่เล่นไสยศาสตร์แบบที่เขาเคยรู้มา

"ฮ่าฮ่าาาา...อยากรู้เหรอ" เจษฎาหัวเราะร่าไม่คิดว่าคนที่เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีอย่างอ๊อดจะสนใจเรื่องอะไรพวกนี้

"ครับ!!!" อ๊อดตอบกลับด้วยเสียงดังอย่างกวนๆ

"เรื่องมันก็คล้ายๆ กับตอนที่พี่เจอเอ็งนะแหละ"

"อย่าพูดเรื่องผมดีกว่าพี่ พูดแล้วเสียวตูดยังไม่หาย เอาเรื่องรอยสักพี่ดีกว่า" อ๊อดแสดงท่าทีกระดากที่จะพูดถึงเรื่องน่าอายในสมัยก่อน แล้วเบี่ยงประเด็นไปที่สิ่งที่เขาอยากรู้

"เรื่องนี้ต้องย้อนไปช่วงที่พี่เข้าไปใหม่ๆเลย..." เจษฎาหยิบบุหรี่ขึ้นมาสูบอีกครั้ง สายตาทอดยาวไปตามกลุ่มควัน


เสียงโครมครามดังขึ้นไม่ห่างจากโต๊ะที่นักโทษเด็ดขาดชายเจษฎานั่งทานอาหารมากนัก นักโทษส่วนใหญ่ลุกขึ้นถอยออกมาให้ห่างจากจุดเกิดเหตุ มายืนมุงดูอยู่ห่างๆ เพื่อไม่ให้โดนลูกหลง หรือติดร่างแหไปด้วยตอนเรื่องสงบ โดยบางคนยังถือถาดใส่อาหารอยู่ด้วยซ้ำ

"แม่งล่อกันอีกแล้ว" นักโทษชายไม่ทราบชื่อรายหนึ่งออกปากบ่นโดยไม่หยุดตักอาหารใส่ปาก แม้เหตุการณ์ตรงหน้าจะชุลมุนดุเดือดเพียงใด การวิวาทของทั้งขาเล็กขาใหญ่เกิดขึ้นได้เป็นปกติ ไม่ว่าจะเป็นการล้างแค้น แย่งน้อง แย่งเขตุอิทธิพล บางครั้งก็ทำในที่ลับตา บางครั้งก็ทำในที่โจ่งแจ้งเหมือนเป็นการประกาศศักดาหรือไม่ก็ประจานให้คนได้เห็นกันทั่ว ด้วยเหตุการที่ไม่คุ้นเคยนี้ทำเอาเจษฎายืนงงทำตัวไม่ถูก

"มาใหม่เหรอไอ้หนุ่ม ฮึฮึ เดี๋ยวก็ชิน" นักโทษชราที่ดูเหมือนมีอายุห้าสิบปีเศษ ตัวเล็กๆ ผอมๆ ทักเขาขึ้นมา ในมือก็ถือถาดใส่อาหารยืนอยู่ข้างๆ เขา

"เป็นแบบนี้บ่อยเหรอลุง" เจษฎาถามด้วยความสงสัย และยังแอบมองสำรวจร่างคู่สนทนา เขาพิจารณาสภาพชายแก่คนนี้คล้ายจอมขมังเวทย์ก็ไม่ปาน แขนขานอกร่มผ้ามีรอยสักยันต์เต็มไปหมด คะเนเอาจากความน่าจะเป็นในร่มผ้าก็น่าจะไม่ต่างกันนัก ก่อนจะเข้ามาอยู่ในที่คุมขังแห่งนี้ถ้าไม่เป็นหมอผีก็คงพวกต้มตุ๋นแน่นอน แต่คิดว่าน่าจะเป็นอย่างหลังมากกว่า

"แบบนี้ก็ไม่บ่อยหรอก แต่ก็มีอยู่เรื่อยๆ"
ความวุ่นวายเกิดขึ้นเพียงชั่วครูเหล่าผู้คุมในชุดสีกากี สวมหมวกแก็บสีเดียวกัน ในมือมีไม้กระบองยาวเกือยเมตรก็เดินแหวกฝูงผู้ต้องขังเพื่อเข้าไประงับเหตุผ่านจุดที่นักโทษชราและเจษฎายืนอยู่ ร่างกำยำสูงใหญ่ของเจ้าหน้าที่เดินกระแทกนักโทษชราจนเซทำท่าจะล้ม เจษฎาที่ยืนอยู่ใกล็ก็จับร่างช่วยให้เขาทรงตัว

"ขอบใจมากไอ้หนุ่ม..." ชายชราสัมผัสเข้ากับร่างของเจษฎาได้หันไปมองหน้าและมองลึกเข้าไปในดวงตา ก็ปรากฎนิมิตเห็นเป็นภาพของนักโทษหนุ่มในชุดผู้ต้องขังนอนหายใจรวยรินจมกองเลือด มือกุมที่หน้าท้องมีบาดแผลฉกรรจ์จากของมีคมทิ่มแทง

"ลุงเป็นอะไรรึเปล่า..." เจษฎาเขย่าตัวนักโทษชราที่ยืนนิ่งจ้องหน้าเขาเบาๆ

"ข้าไม่เป็นไร...ว่าแต่ไอ้หนุ่มเราเคยเจอกันมาก่อนรึเปล่าวะ" นักโทษชราได้สติกลับมาก็ทักเจษฎาด้วยคำถามแปลกๆ

"ผมว่าไม่เคยนะ" เจษฎามองหน้านักโทษชราพยายามจะค้นเข้าไปในความทรงจำของตัวเองแต่ก็นึกไม่ออก

"งั้นเหรอ แต่ช่วงนี้ระวังตัวให้มากหน่อยนะ เอ็งกำลังดวงตก" สีหน้าของนักโทษชราดูจริงจัง ขึงขังขึ้นมาทันที

"อะไรกันลุง ทำตัวเป็นหมอดูเหรอ ผมไม่มีอะไรให้ลุงหลอกหรอกนะ" สายตาของเขาแสดงออกชัดเจนว่าไม่เชื่อ คิดว่าตาเฒ่านี่คงจะใช้มุขตีสนิทหาทางหลอกเอาผลประโยชน์มากกว่า เขาตัดสินใจกลับไปนั่งกินข้าวต่อโดยไม่สนใจคู่สนทนา เพราะตอนนี้เหล่าผู้คุมได้จัดการหิ้วปีกนักโทษที่ก่อเรื่องเดินออกไปจากที่เกิดเหตุ นักโทษคนอื่นก็กลับไปนั่งกินข้าวต่อเช่นกัน

"จริงนะไอ้หนุ่ม ข้าเตือนแล้วนะ" นักโทษชราพูดทิ้งท้ายแล้วย้ายไปนั่งโต๊ะอื่นเพราะเจษฎาไม่มีท่าทีที่จะสนใจ

ผ่านไปได้หลายวัน แม้เจษฎาจะทำเป็นไม่สนใจคำพูดของนักโทษชรา แต่เขาก็สลัดคำเตือนนั่นออกจากหัวไม่ได้ จนวันที่เขามาทำงานที่แดนเกษตร ถูกผู้คุมใช้ให้ไปขนปุ๋ย ที่โรงเรือนด้านหลัง

ขณะที่เขาเดินผ่านโรงเรือนก็ได้ยินเสียงคนเหมือนกำลังมีเรื่องกัน เขาเองไม่ได้มีความคิดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวเพราะไม่อยากหาเรื่องใส่ตัว ขณะที่เขากำลังจะเดินหลบออกไปแบบเงียบๆ แต่เหมือนเคราะห์กรรมนำพา ถุงปุ๋ยที่ถือมาหลุดมือหล่นจนเกิดเสียงดัง นักโทษชายสามคนที่กำลังรุมทำร้ายนักโทษอีกคนอยู่หันมองมาทางเขาเป็นสายตาเดียวกัน   

"ชิบหายแล้วมีคนมา" เร็วพอๆกับเสียงพูด นักโทษสองคนปรี่ตรงเข้ามาจับล็อคเข้าที่ตัวของเจษฎาทันที

"เดี๋ยว...อุ๊บ..." ไม่ทันได้พูดอะไร หนึ่งในสองนักโทษที่วิ่งเข้ามาจับตัวก็เอาฝ่ามืออุดปาก อีกคนก็ประเคนกำปั้นเข้าที่ท้องของเขาไปสามที ทำให้เอาจุกจนแขนขาไร้เรี่ยวแรง ร่างสูงถูกลากตัวกองรวมกับนักโทษคนที่อยู่ก่อนหน้า

"เก็บแม่งไปด้วยเลย จะได้ไม่มีพยาน" นักโทษตัวโตหน้าตาเหี้ยมเกรียมที่เหมือนจะเป็นหัวหน้าออกคำสั่ง

เจษฎาพยายามจะร้องขอชีวิต แต่ไม่อาจเปล่งเสียงออกมาได้ พวกนักโทษลิ่วล้อเตะซ้ำเข้าที่ท้องและใบหน้าไปอีกหลายทีจนสติเริ่มจะเลือนราง นักโทษหัวโจกก็ควักแผ่นเหล็กกว้างประมาณสองนิ้ว ยาวประมาณห้านิ้ว ด้านปลายถูกเจียรจนแหลมคม ด้ามจับมีผ้าพันไว้กันลื่น เตรียมตั้งท่าจะเสียบเข้าที่ร่างของเจษฎา

"ทำอะไรกันนะ" ราวกับเสียงสวรรค์ เสียงของผู้คุมที่เดินผ่านมาหยุดการกระทำไว้ได้ทันท่วงที นักโทษสามคนเห็นท่าไม่ดีก็แยกย้ายกันหนีไปคนละทิศละทาง

เจษฎาที่นอนจุกอยู่เหลือบไปเห็นเพื่อนร่วมชะตากรรมซึ่งก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นนักโทษชราที่เคยมาทักเขาเรื่องดวงนั้นเอง


เขาโดนพาตัวไปสอบสวนอยู่พักใหญ่เมื่อเห็นว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องจริงเขาก็ถูกส่งไปที่แดนพยาบาลเพื่อตรวจร่างกายและรักษาอาการบาดเจ็บ ซึ่งที่นั้นก็ได้พบกับนักโทษชราที่มาทำแผลเหมือนกันอีกครั้ง

"ไงละลุงดูดวงแม่นไม่ใช่เหรอ เคยดูดวงให้ตัวเองบ้างรึเปล่าเนี้ย" เจษฎาถากถางชายชราผู้เป้นต้นเรื่อง

"ข้าไม่ใช่หมอดู แต่ขอบใจเอ็งนะ ถ้าไม่ได้เอ็งผ่านมาพอดี ข้าคงไปเจอยมบาลแล้ว" นักโทษชราใบหน้ามีรอยฟกช้ำทำหน้าเจื่อนๆ รู้สึกเหมือนถูกถอนหงอกแต่ในใจก็รู้สึกติดหนี้บุญคุณ

"ขอบใจอะไรละ โคตรซวยเลย เข้ามาไม่นานก็เกือบโดนแทงตายแล้ว" เขายังรู้สึกโมโหที่ตาเฒ่าเป็นสาเหตุให้เขาต้องมาเจอเรื่องแย่ๆ

"แต่เคราะห์เอ็งไม่ใช่แค่นี้นะ มันจะหนักกว่านี้" ชายชราเปลี่ยนทั้งน้ำเสียงและหน้าตาเป็นขึงขังจริงจัง

"หนักกว่านี้อีกเรอะ หนักกว่านี้ก็ถึงตายแล้วมั้งลุง" เจษฎามีสีหน้าแสดงอาการไม่สบายใจอย่างเห็นได้ชัด หลังจากเหตุการณ์ที่เพิ่งประสบมามาดๆ จนเริ่มเชื่อถือคำพูดของนักโทษชราขึ้นมาบ้างแล้ว

"ข้าช่วยเอ็งได้นะ ว่าแต่เอ็งนะ...ใจถึงพอรึเปล่า" นักโทษชราทำท่าทางเหมือนครุ่นคิดอะไรบางอย่างก่อนจะหันมามองหน้าเขา

"ขอแค่ไม่โดนแบบนี้อีกจะอะไรก็ได้ แล้วแต่ลุงเลย" เจษฎากุมไปที่ท้องปวดแปล็บขึ้นมา ร่างกายคงไม่อยากจะเจ็บตัวแบบนี้อีกแล้ว ลองฟังวิธีของนักโทษชรารายนี้ดูก่อนคงไม่เสียหายอะไร

"ได้...เห็นแก่ที่ข้าทำเอ็งเดือดร้อน เดี๋ยวข้าจะช่วย" เมื่อเห็นเจษฎามีท่าทีเอาด้วยกับข้อเสนอเขาก็แสดงอาการพออกพอใจออกเล็กน้อย

"ยังไง" เจษฎามองหน้าทักโทษชรา เขายังคงแคลงใจอยู่นิดๆ

"พรุ่งนี้เอ็งขอไปทำงานที่กองงานอวน เดี๋ยวข้าจะจัดการให้" นักโทษชราไม่ได้บอกรายละเอียดเพียงแต่จัดการนัดแนะเวลาและสถานที่

หลังจากตรวจร่างกายเสร็จและแยกย้ายกับนักโทษชราไป คืนนั้นเจษฎาไม่สามารถหลับตานอนได้เลย  ทั้งความบอบช้ำของร่างกายจากการทูกกระทืบ ทั้งบอบช้ำทางจิตใจที่วาดระแวงว่าคนจะเข้ามาทำร้าย ทำเอาเขาจิตตกไปเลย...


เจษฎาหยุดเล่าเรื่องแล้วหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบ ก่อนจะกระดกน้ำสีเหลืองอำพันมีฟองเล็กน้อยที่เหลืออยู่ครึ่งแก้วเข้าไปจนหมดเพื่อดับกระหาย แล้วยื่นแก้วส่งให้อ๊อดรินเติมเข้ามาใหม่จนเต็ม

"แล้วไงต่อพี่ กำลังเพลินเลย" อ๊อดเร่งให้เจษฎาให้เล่าเรื่องต่อ

เจษฎาสูบอัดควันเข้าไปในปอด ขี้เถ้าลุกแดงวาบยาวนานจนบุหรี่หายไปหนึ่งในสามส่วน ก่อนจะพ่นควันออกมาภายนอกเป็นกลุ่มใหญ่

"แล้วพี่ก็ไปตามนัด..."


เจษฎานั่งสานอวนอย่างยากลำบากเพราะเพิ่งเคยทำเป็นครั้งแรก มองไปที่นักโทษคนอื่นๆ ทำงานกันรวดเร็วราวกับเครื่องจักรอย่างประหลาดใจ   

"ไอ้หนุ่มข้าให้เอ็งมาสานแห่รึไงวะ" เสียงชราดังมาจากทางด้านหลัง

"อ้าวแล้วจะให้ทำอะไรละลุง" เจษฎาหันกลับไปตอบโต้คู่สนทนา เขาเองก็ไม่รู้ว่านักโทษชรานัดเขามาทำไม ก็เลยมาฝึกสานอวนฆ่าเวลา

"มานี่" นักโทษชราเรียกให้เขาเดินตามที่มุมห้องของโรงเรือนที่มีลังมีถุงที่ใส่อวนที่ทำเสร็จแล้วกองอยู่จนสูง ด้านหลังลังมีที่ว่างอยู่มากพอสมให้ทั้งคู่หลบจากสายตานักโทษและผู้คุมเข้าไปนั่งคุยกันได้

"ลุงจะให้ผมทำอะไร" เจษฎามีอาการหวาดระแหวงแสดงออกทางสีหน้าให้เห็น

"ไม่ต้องกลัว ข้ามีของดีจะให้เอ็ง" ชายแก่พูดให้เขารู้สึกสบายใจแต่เหมือนจะไม่ได้ช่วยให้อะไรดีขึ้นเท่าไหร่

"ของดีอะไร" เขายังคงค้างคาใจ

"ข้าจะสักยันต์ให้เอ็ง!!!..." ชายชราพูดด้วยสีหน้าแสดงความมั่นใจเต็มเปี่ยม

"หา!!!..." เจษฎาไม่สามารถเข้าถึงความเป็นเหตุเป็นผลของทางออกที่ชายแก่เสนอให้แต่อย่างใด

"เชื่อข้าสิ แล้วชีวิตการเป็นอยู่ในนี้จะดีขึ้น"

"แล้วมันจะช่วยอะไรได้ละลุง ผมไม่อยากมีลายน่ะ ออกไปคนเขาก็มองผมเป็นไอ้ขี้คุกนะสิ" เขารู้สึกหนักใจเพราะการสักไม่ใช่รสนิยมแบบที่เขาชอบ

"เอ็งเอาในนี้ให้รอดก่อนเถอะ ข้ากลัวแต่ว่าเอ็งจะไม่ได้ออกไป"

เจษฎานิ่งเงียบครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งกับคำขู่ของนักโทษอาวุโส

...เอาวะ...อยู่ในนี้ให้รอดก่อน ยังมีเรื่องที่ต้องออกไปจัดการอีก ตัวมีรอยสักนิดหน่อยคงไม่เป็นไร...
หลังจากตัดสินใจได้เจษฎาก็ตอบตกลง นักโทษชราก็หยิบขวดแก้วเล็กๆ ที่มีของเหลวสีดำกับเข็มสักและอุปกรณ์อื่นๆ ออกมาจากไหนก็ไม่รุู้ราวกับเล่นมายากล  จัดการลงเข็มสักให้เจษฎาทันที เพียงเข็มแรกที่ทิ่มลงไปในเนื้อก็ทำเอาเขาแทบอยากจะเลิกล้มการกระทำเลยทีเดียว แต่ความกลัวต่อคำทำนายก็ทำให้เขาทนความเจ็บปวดกัดฟันให้นักโทษชราลงเข็มนานกว่าสี่ชั่วโมงแล้วก็ต้องแยกย้ายกันไป


หลังจากวันนั้น เจษฎาเองก็ไม่รู้ว่าอะไรดลใจ เขากลับไปให้นักโทษชราลงอัขระเลขยันต์อีกหลายครั้ง วันแล้ววันเล่า ลายแล้วลายเล่า น้ำหมึกมากมายฝั่งลงในชั้นผิวหนังของเขาจนเต็มลำตัวและแขนสองข้าง

"อูย..ลุงผมเห็นลุงเอาเข็มทิ่มเอา ทิ่มเอา ไม่ได้ยินลุงว่าคาถาสักคำ ไหว้ครูอะไรก็ไม่มี แล้วนี้มันจะขลังเหรอ...อุยยย" ด้วยความสงสัยในวิธีการสักของนักโทษชรานั้นขัดกับความรู้ที่เขาเคยได้ยินมา จึงออกปากถามอย่างอดไม่ได้  ขณะที่เข็มยังทิ่มแทงลงไปตามผิวหนังเป็นอักขระตามที่นักโทษชรากำหนด

"แหม่...ไอ้นี่ทำเป็นรู้เยอะ...เอ้าเสร็จแล้ว" ชายแก่แทงเข็มสุดท้ายเข้าเนื้ออย่างแรงด้วยความมั่นไส้ เสร็จสิ้นการสักของเหลวสีดำในขวดเล็กๆ ก็หมดลงพอดี

"ตกลงนี่มันยังไงเนี้ยลุง จะรักษาของยังไง มีข้อห้ามอะไรไหม" เจษฎาเริ่มมีน้ำโหเพราะอาการเจ็บแสบอันเป็นผลจากการโดนเข็มทิ่มแทงหลายจุด แต่ก็ยังคงสงสัย เพราะเคยได้ยินเรื่องไศยสาสตร์ มนต์ดำมาพอสมควร เขาเองก็กลัวรอยสักเหล่านี้อาจจะทำให้เขาได้รับอันตราย หรืออาจจะทำให้เป็นบ้าไปก็ได้

"ของเขิงอะไร ข้าไม่มีวิชาอาคมอะไรหรอก ข้าเป็นช่างสัก ไม่ใช่อาจารย์สักยันต์" นักโทษชราใช้น้ำเสียงเรียบๆ ทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"อ้าวทำไมอย่างนั้นละลุง" เขาถึงกับของขึ้นไม่ใช่เพราะรอยสักแต่เพราะเขาลงทุนยอมเจ็บตัวเพราะคิดว่านักโทษชรามีวิชาดีมองเห็นอนาคตได้ แต่กลับรู้สึกเหมือนโดนหลอก

"เขาเรียกว่าอะไรนะ...ปรับ...ปรับ"

"ปรับลุคเหรอ"

"เออใช่ นั้นแหละ ในคุกนี่ใครก็มีรอยสักกันทั้งนั้นแหละ" นักโทษชราเหมือนจะพยายามหาเหตุผลมารองรับการกระทำแปลกประหลาดของเขา

"โอ้ย...ถ้าอย่างงั้นสักนิดหน่อยก็พอละมั้ง นี่ล่อซะลายพล้อยทั้งตัวเลย" เจษฎาเริ่มโวยวาย

"ไม่ได้อย่างเอ็งต้องทั้งตัวเชื่อข้าสิ" ชายแก่รู้ดีว่าถ้าบอกความจริงไปชายหนุ่มคงไม่เชื่อ นึกย้อนไปในภาพนิมิตโดยหวังว่าผิวกายที่ผิดไปจากภาพที่เขาเคยเห็นน่าจะช่วยเปลี่ยนชะตาชีวิตของชายหนุ่มผู้นี้ได้

"อ้อแล้วต่อจากนี้ไปก็กินข้าวให้น้อยๆ หน่อย แล้วก็ตากแดดเยอะๆ หน้าตาดีอย่างเอ็งเดี๋ยวมีคนเอาไปทำน้องชีวิตเอ็งจะลำบาก" นักโทษชราแนะวิธีเอาตัวรอดให้

"น้องคืออะไรอะลุง"

"ก็เป็นเมียนักโทษไง อยากเป็นไหมละ"

"ไม่เอาหรอก...งั้นเอาตามที่ลุงว่าก็แล้วกัน" เจษฎาที่แก้ไขอะไรไม่ได้แล้วได้แต่ปลงแล้วทำตามคำแนะนำของนักโทษผู้มากประสบการณ์

ด้วยความที่นักโทษชราเป็นช่างสักเคยสักให้นักโทษมาหลายคนมีคนนับถือเรียกอาจารย์เลยก็มี เขาก็ได้อาศัยบารมีว่ามีคนเกรงใจคิดว่าเขาเป็นลูกศิษย์อาจารย์สักกำมะลออยู่ช่วงหนึ่ง


"ฮ่าๆๆๆ...สรุปนี่ก็ปลอมทั้งตัวเลยนะสิพี่ ฮ่าๆๆๆ.." อ๊อดหัวเราะอร่อยจนหน้าหมั่นไส้ ด้วยเรื่องราวที่เขาคาดไม่ถึง ไม่คิดว่าพี่ที่เขาคิดว่าฉลาดทำธุระกิจฉ้อฉลหลอกเงินคนหลักหลายล้าน จะมาโดนคนแก่หลอกให้สักจนเต็มตัวได้ง่ายๆ

"แต่เหมือนจะได้ผลนะหลังจากนั้นพอผอมลงตัวลาย นักโทษคนอื่นก็คิดว่าไม่บ้าก็ติดยาหรือไม่ก็ติดโรค เลยไม่ค่อยมีคนมายุ่งด้วยเท่าไหร่ ชีวิตข้างในเลยไม่ค่อยยุ่งยาก แต่นี่แค่เริ่มต้นนะยังมีแย่กว่านี้อีก"

"หา...ยังมีแย่กว่านี้อีกเหรอ"

"ก็พี่ต้องไปทำงานใช้หนี้ค่าน้ำหมึกให้ไอ้ลุงนั้นอีกนะสิ"

"ฮ่าาาา...โดนทิ่มจนตัวพรุน ของดีอาคมอะไรก็ไม่มี แถมยังต้องจ่ายตังค์อีก โคตรซวยเลย ฮ่าาาา..ยังดีนะที่ลุงนั้นมีฝีมือ ไม่งั้นคงแย่กว่าเดิม" อ๊อดหัวเราะร่วน มองดูอักขระเลขยันต์บนตัวเจษฎา ที่มีฝีเข็มละเอียดสวยงามถูกต้องตามแบบลายสักยันต์ที่เห็นได้ตามสื่อทั่วๆ ไป

"แต่สักเสร็จแล้วมีเรื่องแปลกๆ อยู่เรื่องหนึ่งนะ" เจษฎาตีสีหน้าเข้มขรึม กระตุ้นต่อมอยากรู้อยากเห็นของอ๊อดขึ้นมาทันที

"เรื่องไรพี่เล่าๆ เจอดีเหรอ หรือว่าแบบของขึ้น"

"ไอ้หนูพี่ใหญ่ขึ้นวะ"

"ฮ่าๆ ตลกละพี่ อย่ามาอำกันดีกว่า" อ๊อดขำไปมุกตลกไม่เข้าท่าที่ขัดกับหน้าตาที่ดูจริงจัง อย่างคาดไม่ถึง

"จริงๆ หลังจากสักมามันก็ค่อยๆ ใหญ่ขึ้นเลยละ" เจษฎายังคงทำหน้าจริงจัง

"จริงดิ ลุงแกออกมารึยังเนี้ย จะได้ไปสักมั่ง ฮ่าๆ" อ๊อดยังคงแซวเล่นเพราะคิดว่าเป็นเรื่องขำขัน

"ไม่รู้สิ แกโดนย้ายไปที่อื่นก่อนเอ็งจะเข้ามา แต่เอ็งต้องขอบคุณลุงเขานะเว้ย"

"ทำไมอะพี่"

"ก็ลุงนี่แหละที่พาพี่ไปฝากไว้กับพี่ใหญ่ให้ทำงานใช้หนี้ ตอนไปช่วยเอ็งก็ได้เด็กของพี่ใหญ่นั้นแหละออกหน้าให้"

"อืม...อาจจะจริงอย่างพี่ว่าก็ได้ แต่ตอนพี่มาช่วยผมนี่โคตรเท่เลยนะ"

"เท่บ้าอะไรโดนเล่นซะยับเลย เกือบโดนเปิบถั่วดำน้ำกะทิไปด้วยอีกคน"

"แต่พี่ก็เข้ามาช่วยผมจนตัวเองโดน 'ขังซอย' ผมต้องขอบคุณพี่จริงๆ"

"พอแค่นี้เถอะ เรื่องมันก็นานมาละ เปลี่ยนเรื่องดีกว่า..."


"คุณกระทะจะไหม้หมดแล้ว" ทศพลร้องทักอริสาที่กำลังยืนเหม่อ ควันและไอร้อนลอยขึ้นมาจากกระทะ ส่งกลิ่นไหม้คละคลุ้ง

"ขอโทษค่ะ พอดีคิดอะไรเรื่อยเปื่อย...ว้าย!!!" อริสายสะดุ้งออกจากภวังค์รีบปิดแก๊ซ และยกกระทะออกมาอย่างร้อนรน จนเผลอทำกระทะหลุดมือ ขณะที่จะยกไปไว้ในอ่างล้างจาน

"คุณเป็นอะไรเปล่า ...ช่วงนี้คุณดูเหม่อๆ นะ" ทศพลรีบปรีเข้าดูอริสาทันทีพร้อมกับตรวจสอบร่างกายภรรยาสาวว่าได้รับบาดเจ็บตรงไหนรึเปล่า ยิ่งเห็นอาการใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวของภรรยาสาว ก็อดที่จะถามด้วยเป็นห่วงไม่ได้ ก่อนจะช่วยเก็บทำความสะอาด

นี่ก็เข้าวันที่สามหลังจากเหตุการณ์เลวร้ายนั้น อริสาตอนนี้เธอตกอยู่ในความกลัวและหวาดระแวง ไม่รู้ว่าชายแปลกหน้าคนนั้นจะกลับมาอีกเมื่อไหร่ หรือจะเอาภาพถ่ายกับวิอีโอของเธอนั้นไปทำอะไร

"ผมว่าคุณนั่งพักก่อนดีกว่า เดี๋ยวผมออกไปซื้อกับข้าวที่ตลาดมาให้"

"แต่คุณเพิ่งกลับมาเองนะ"

"ไม่เป็นไร คุณดูเหนื่อยๆ นั่งพักเถอะ" ทศพลพาอริสามานั่งที่โซฟาที่เธอถูกชายแปลกหน้าย่ำยี่ ภาพการร่วมเพศที่น่าอดสูฉายเข้ามาในหัวของเธอ ค่ำนั้นเธอและสามีทานอาหารด้วยกัน อริสาพยายามทำตัวให้เป็นปกติที่สุดเพื่อไม่ให้สามีจับพิรุธได้


ในห้องสี่เหลี่ยมกว้างขวาง ผนังสีขาวสะอาดตาประดับด้วยรูปถ่ายคู่บ่าวสาวหน้าตาดีในชุกทักซิโด้สีดำและสาวสวยในชุดสีขาวเกาะอกโชว์เนินเนื้อสะอาดตาท่อนล่างลักษณะเป็นกระโปรงบานเล็กน้อยค่อยๆ บานออกตั้งแต่สะโพกลงไปจนถึงเท้างดงามราวกับหญิงในกรอบรูปขนาดใหญ่ดู โต๊ะและชั้นวางของที่หัวเตียงมีภาพความทรงจำอื่นๆ ในกรอบรูปขนาดย่อมลงมาวาง

ในห้องยังมีเตียงขนาดหกฟุตสำหรับคนสองคน ประดับด้วยชุดเครื่องนอนสีขาวบนโต๊ะข้างหัวเตียงมีโต๊ะขนาดเล็กและโคมไฟเข้าชุดกันตั้งอยู่ทั้งสองด้าน อริสาและทศพลซุกกายอยู่ใต้ผ้าห่มผืนใหญ่ผืนเดียวกัน ในห้องเปิดเครื่องปรับอากาศอุณหภูมิเย็นกำลังดี แสงไฟจากโคมไฟที่หัวเตียงส่องแสงนวลตา บรรยากาศอบอุ่นปนโรแมนติก

ทศพลขยับกายกำยำเข้าสวมกอดเรือนร่างดึงดูดเพศชายของอริสา

"ที่รัก เราไม่ได้ทำกันนานแล้วนะ" ทศพลกระซิบเสียงนุ่มเข้าข้างหู สูดดมกลิ่นหอมของภรรยาที่เพิ่งอาบน้ำมาก่อนจะขึ้นเตียง

"ค่ะ..." เสียงตอบรับสั้นๆ แต่แฝงด้วยความหมายลึกซึ้ง อริสาหันมามองสามีสบตากันหวานเยิ้ม ผู้ชายที่แสนดีคนนี้แหละที่จะทำให้เธอลืมเรื่องเลวร้าย ช่วยชำระล้างร่างกายและจิตใจของเธอให้ดีได้ดังเดิม

"อืมมมม..." เสียงแห่งความพึงพอใจเมื่อริมฝีปากของทั้งคู่เข้าประกบกัน นานเกือบเดือนแล้วที่ทั้งคู่ไม่ได้ร่วมรักกัน เพราะตารางงานที่ยุ่งเยิงของฝ่ายสามี ซึ่งฝ่ายหญิงเองก็ไม่ได้เรียกร้องเพราะเข้าใจในความเหนื่อยยากของคนที่หาเลี้ยงครอบครัว

"อ๊าาาา..." อริสาครางเสียงใสเมื่อมือใหญ่อุ่นๆสัมผัสเข้าที่เนินเนื้อหยุ่นนุ่ม สัมผัสคุ้นเคยที่ห่างหายไปนาน มือของเธอนั้นก็เลื่อนลงไปลูบไล้เป้ากางเกงนอนของฝ่ายสามีอย่างโหยหาไม่ต่างกัน

"ดิว... วันนี้...คุณสวยมากเลยรู้ไหม..." ชายหนุ่มจ้องตาด้วยความหลงไหลถึงเข้าจะแต่งกับเธอมาหลายปี แต่อริสายังคงสวยเหมือนวันแรกที่เขาเจอ ไม่สิสวยมากขึ้นกว่าเดิมต่างหาก เข้าปลดสายคล้องของชุดนอนสายเดี่ยวลงผ่านหัวไหล่เปิดเผยเต้างามขาวเนียนเนื้อละเอียด และปลายยอดสีน้ำตาลอ่อน ลิ้นอุ่นตวัดเลียไปมาสลับกับการดูดดุนแผ่วเบาอย่าถะนุถนอม

อริสาสยิวกาย มือเรียวนุ่มขยุ้มเรือนผมชายหนุ่มให้เข้ามาดอมดมความหอมหวาน

"ซี้ดดด...อะ...อราา...ดีจัง...อรือ.." หญิงสาวครางเสียงสั่นในลำคอ ขาเรียวพาดทับขาของชายหนุ่มถูไถไปมาระบายความเสียว ดันเนื้อนูนเข้าสัมผัสแนบชิดแล้วบดเบียดกับต้นขาที่มีกล้ามเนื้อแน่น

ทศพลพลิกร่างหญิงสาวขึ้นมานอนทับบนตัว เขามองตาอริสาส่งสัญญาณสื่อความต้องการ หญิงสาวรับรู้ได้ เลื่อนกายลงที่เป้าหมายด้านล่างดึงรูดกางเกงนอนลงเผยให้ท่อนอ็นยาวอวบอ้วนมีเส้นเลือดปูดพันทั่วลำ หญิงสาวถึงกับผงะออกแววตาเบิกกว้างตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น

"เป็นอะไรรึเปล่า ไม่ต้องทำก็ได้นะ" ทศพลเป็นห่วงภรรยา ถึงเธอจะเคยทำรักให้เขาด้วยปากแต่ก็ไม่บ่อยนัก ครั้งนี้เธออาจจะไม่สะดวกใจ

"อื้อออ..." อริสามองท่อนเนื้อไม่วางตา สั่นหัวพยายามตั้งสติสลัดภาพท่อนเอ็นที่ไม่ใช่ของสามีออกจากสมอง

...ไม่ใช่หรอก มันบังคับเรา ขนาดไม่สำคัญหรอก ความรักต่างหาก...
อริสาหันไปมองสามีแล้วยิ้ม ก้มหน้าลงมองแท่งเอ็นของสามีที่ตอนนี้กลับมามีขนาดและรูปร่างเหมือนที่เคยเป็นมา สองมือลูบไล้ต้นขา เลื่อนมาที่พวงสวรรค์ และจับท่อนลำเข้าไว้เต็มมือ บีบคลึงและรูดไปมาจนมันขยายตัวเต็มที่ยาวประมาณห้านิ้วกว่าอวบพอดีมือ เธอก้มหน้าลงไปเลียหัวเห็ดสีเข้มเบาๆ

"อืมมม...เสียวมากเลยที่รัก..." ทศพลทิ้งตัวลงนอนหลับตามพริ้ม กัดฟันรับความเสียวจากลิ้นนุ่มและโพร่งปากอุ่นๆ ที่อริสาปรนเปรอให้

"อืม...จ้วบๆ..อรือ..แผล่บๆ..." อริสาใช้ริมฝีปากรูดท่อนเนื้อของสามีเข้าไปในปากได้อย่างง่ายดาย เธอกดท่อนลำเข้าไปในปากจนเกือบหมดท่งแล้วรูดกลับขึ้นมาถึงส่วนหัวแล้วออกแรงดูดแรงๆ เธอทำวนซ้ำๆ จนทศพลเริ่มมีอาการกระตุกเบาๆ

"อูยยย...พอก่อนที่รัก วันนี้เก่งจังเลย..ผมเกือบเสร็จแหนะ" ทศพลเอื้อมมือมาจับใบหน้าของอริสาเพื่อหยุดการกระทำที่กำลังกระตุ้นเขาอยู่ เขารู้สึกว่าความเสียวครั้งนี้นั้นมีมากกว่าปกติที่เคยได้รับจากภรรยา

ทศพลพลิกร่างของอริสาขึ้นมานอนหงายแล้วถลกชายชุดนอนขึ้นมาไว้ที่เอว ใช้มือใหญ่ล้วงคลำไปที่หว่างขาของเธอ ทศพลนวดคลึงที่กรีบสวยเบาๆ ช่วยกระตุ้นการทำงานของร่างกายให้ขับสารคัดหลั่งเพื่อเตรียมพร้อมที่จะร่วมรัก
ทศพลกำรูดลำแท่งเอ็นให้พร้อมใช้งานเต็มที่ ย้ายร่างกายเข้าไปประจำการที่หว่างขาเตรียมที่จะลงมือ เขามองหน้าคู่รักคล้ายจะถามถึงความพร้อม ซึ่งอริสาก็พยักหน้าตอบ แม้ว่าเธออยากให้เขากระตุ้นต่ออีกหน่อย

"ซี๊ดดด...!" ทศพลกัดปากด้วยความเสียวเล็กน้อยทันทีที่ส่วนปลายได้สัมผัสความอุ่นและนุ่มลื่นแบบที่เขาไม่ได้รู้สึกสักพักใหญ่

"อืมมม..ยังแน่นเหมือนเดิมเลย" ทศพลครางอย่างพอใจเมื่อสอดใส่แทรกเข้าไปในร่างอขงภรรยาสาวจนสุดลำ

"อ๊ราาาา..." หญิงสาวครางรับส่งอารมณ์ให้ผู้เป็นสามีรู้

อริสารู้สึกว่าท่อนลำที่เธอเคยเติมเต็มให้เธอได้เต็มที่ของสามี บัดนี้กลับเหมือนมีช่องว่าง เธอพยายามเกร็งหน้าท้องต้องการจะเพิ่มความกระชับให้กับผู้สามี และด้วยน้ำหล่อลื่นที่ออกมาน้อยกว่าปกติทำให้ช่องทางนั้นมีความฟืดและบีบรัดได้ดีพอควร จนทศพลที่ไม่ทันสังเกตุตั้งหน้าตั้งตากระแทกกายเสพเสียวแต่เพียงอย่างเดียว

"อ๊าาา...อ๊าาา..อ๊าาา..." แม้ความรู้ยังคล้ายเดิมแต่รสสัมผัสกับผิดไป อริสาแกล้งบิดตัวและร้องครางตามแรงกระแทกของสามี เธอดึงร่างสามีลงมากอดแนบกับร่างกายหันหน้าไปคนละทางกับสามี เพื่อปิดบังสีหน้า

"เสียว...ซี้ดดด! ดีไหมดิว...อืมมม..." ชายหนุ่มครางเสียงต่ำอยู่ในลำคอกระแทกเอวใส่รัวๆ เสพสุขจากร่างสาวสวย

...ลึกอีกนิด...แรงอีก เอาแรงๆ...
...อยากโดนมากกว่านี้...

"ดีสิ...อ๊าาา...ดีมากเลย..อ๊าาา..." อริสามีน้ำเสียงสั่นขาดห้วงจากการเร่งกระแทกอย่างรุนแรง แต่ความรู้สึกนั้นบางเบา

"อื้อออ...!! ดิว! อืมมมม ไม่ไหวแล้ว..ใกล้แล้ว! ทศ...ซี้ดดด ไม่ไหวแล้ว...อราาาา!" ชายหนุ่มครวญครางกอดร่างเล็กบางแน่น ท่อนล่างเร่งเครื่องขยับถี่เร็ว

"เดี๋ยวทศ...อือออ...อีกนิด...อ๊าาา..อีกนิด" หญิงสาวกอดร่างกำยำใช่สองขาเรียวเล็กเกี่ยวกวัดไปที่เอวหมายจะชะลอจังหวะลดความเสียวของทศพลหลังจากได้ยินสัญญาณเตือน

"อืบบบบ...อ๊าาาาา...อรืมมมม..." เหมือนไม่ได้ผล สองขาเรียวไม่สามารถหยุดอารมณ์และเอวที่พลุ่งพล่านของทศพลได้ เขายังขยับเอวอย่างรวดเร็วไปอีกสามสี่ครั้ง แล้วกดแช่ไว้เกร็งจนแก้มก้นบีบเข้าหากันจนแน่น เขาก่ายกอดอริสาแน่นซับทราบความเสียวซ่านท่อนเอ็นกระตุกเบาๆ ในโพรงฉ่ำ

"อะ....อร๊ะ...อ๊าาาา" ดิวสะดุ้งกายกอดสามีรักแน่น รับรู้ถึงของเหลวเหนียวข้นพุงเข้ามาในร่างเธอ

ชายหนุ่มทิ้งช่วงไม่ขยับกายหลับตาพริ้ม จนความเสียวเริ่มคลายลงแล้วพลิกกายลงมานอนข้างๆ หายใจหอบ ท่อนเอ็นเลอะเหนียวเพิ่งเสร็จจากการออกศึกกำลังอ่อนตัวลง

อริสาเอื้อมมือไปจับแท่งเอ็นเหี่ยวนิ่มเบาๆ ลูบไปมา เหมือนอยากใจะให้มันลุกขึ้นมาเล่นกับเธอต่ออีกซักหน่อย ทศพลมีอาการกระตุกเล็กน้อยจากความเสียวที่ตกค้าง แต่ท่อนลำกลับไม่ตอบสนองเท่าที่ควร

"นอนเถอะที่รัก ผมเหนื่อยแล้ว..." ทศพพูดเบาๆ แล้วจัดการหยิบกระดาาทิชชู่มาเช็ดทำความสะอาดแก่นกายก่อนสวมกางเกงนอนแล้วดึงผ้าห่มมาคลุมตัว

...อยากเสร็จจังเลย ต่ออีกนิดสิ...
"ดิวไปล้างตัวก่อนนะ" เธอมองสามีอันเป็นที่รักที่นอนขดอยู่ในผ้าห่มด้วยสายตาเสียดาย ก่อนจะพาร่างขาวเนียนเดินหนีบขาไปเข้าห้องน้ำ

"อือออ..." ทศพลขานรับ ขยับตัวหันไปนอนตะแคงหลับไปอย่างสบายตัว...

สายน้ำไหลผ่านส่วนเว้าส่วนโค้งของร่างสวย ผิวเนียนนุ่มถูกลูบไล้ขจัดคราบเหงื่อไคล้ออกจากร่างกายด้วยมือนุ่มของเจ้าของร่าง ความเย็นของน้ำแม้จะทำให้ร่างกายรู้สึกสดชื่น แต่ภายในใจยังคงร้อนรุ่ม ครุกรุ่นไปด้วยอารมณ์ที่ยังคั้งค้างจากกิจกรรมเมื่อครู่

อริสาเลื่อนนิ้วมือเรียวสวยสอดใส่เข้าในช่องทางชุ่มช่ำหวังจะล้วงเอาสารคัดหลั่งที่ตกค้างอยู่ในช่องทางออก แต่เพราะไม่ได้ไปถถึงฝั่งฝัน แทนทที่นิ้วน้อยๆ จะได้ทำความสะอาด เธอกลับใช้มันเผื่อสานต่อสิ่งที่สามีทำไว้ไม่เรียบร้อย

ด้วยน้ำหล่อลื่นที่เหลือไว้ นิ้วของหญิงทำงานได้อย่างราบลื่นจนเกิน เพียงหนึ่งนิ้วเล็กๆ ไม่อาจเติมเต็มสิ่งที่ขาดไปได้ นิ้วที่สองจึงถูกส่งมาเพิ่มเติมในส่วนที่ขาด อีกทั้งนิ้วโป้งที่ถูไถปุ่มกระสันต์นั้นยังไม่สามารถบันเทาความอยากได้ ฝักบัวพร้อมแรงดันน้ำสูงสุดจึงถูกแทนที่

...ยังไม่พอ...แค่นี้ยังไม่พอ...
ร่างขาวเนียนเยียดขาตรง ปลายเท้าจิกพื้นกระเบื้องสีขาวสะอาดตา ความเสียวเล่นงานจนหญิงสาวไม่อาจทรงตัวอยู่ได้ จนต้องทรุดกายลงมานั่งที่พื้นอย่างช้าๆ

...อีกนิด...เอามาอีก..อยากได้อีก...
เพียงสองนิ้วและแรงสั่นจากสายน้ำยังไม่สามารถทำให้เธอพึงใจได้ หญิงสาวตัดสินใจไม่สงวนแล้วซึ่งความเสียหายอันจะเกิดกับของรัก ตัดสินเพิ่มความคับแน่นของช่องรักเข้าไปอีกหนึ่งนิ้วรวมเป็นสาม เพิ่มทั้งความแรงและความเร็วในการเข้าทำ สายน้ำถูกดันเข้ามาใกล้ยิ่งกว่าเดิม

"อืมมมม....อืมมมม..."  ปากสวยเม้มสนิทไม่อยากให้เสียงเล็ดลอดออกไปให้ชายหนุ่มที่กำลังหลับอยู่ได้ยิน มือน้อยๆส่งแรงกระแทกจนจนตัวสั่น เกิดเสียงลามกถี่รัว ร่างบิดไปมา ทั้งน้ำปะปาและน้าหล่อลื่นกระเซ็นกระฉอกออกมาไม่หยุด

"อือออ...อะ...อะ...อะ..อ๊าาาา.." อริสาเร่งทุกการกระทำภาพที่เห็นยามหลับตากลับเป็นใบหน้าและแก่นกายของหนุ่มใหญ่หัวเกรียน นิ้วของเธอทำหน้าที่ราวกับเป็นท่อนเนื้อยาวใหญ่ของชายคนนั้นต่างกันเพียงแค่ว่าสามนิ้วนั้นไม่ได้แน่นพอและไปไม่ถึงจุดที่ทำให้เธอจุกเสียว

จนในที่สุดเธอก็ไปถึงที่หมาย หน้าท้องขาวแบนราบกล้ามเนื้อแขม่วเกรงแน่น น้องสาวขมิบตอดนิ้วและปล่อยน้ำออกมาจนรับรู้ได้ หัวใจเต้นโครมครามเหมือนจะทะลุออกมาจากทรวงอกผ่านสองเต้าสวย หอบหายใจแรง มือไม้อ่อนทิ้งลงข้างลำตัว หลับตาพริ้มไร้เรี่ยวแรง

อริสานั่งหอบแฮ่กราวกับเพิ่งออกไปวิ่งรอบหมู่บ้านมา แม้สิ่งที่ติดค้างอยู่จะได้รับการปลดปล่อยออกมาแต่นั้นก็เพียงบางส่วนเท่า สิ่งที่ตกค้างอยู่ในใจอย่างความรู้สึกผิดที่ใช้ใบหน้าและเรือนร่างของชายอื่นในการสำเร็จความใคร่นั้นทำให้เธอรู้สึกแย่

อริสาจัดหารล้างคราบต่างๆ บนร่างกายออกอย่างอารมณ์เสีย เธอมองไปที่กระจกเห็นใบหน้าของตัวเองก็รู้สึกโกรธ หญิงสาวแต่งตัวออกมาจากห้องน้ำแล้วรีบซุกกายเข้าไปในผ้าห่ม ไปสวกอดสวมกอดสามีเพื่อเยียวยาหัวใจ ดวงตามีน้ำใสๆ ซึมออกมาจนกระทั้งหลับไป...

 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

fourze22

ท่าทางน้องดิวจะติดใจของใหญ่เข้าแล้ว

sschatut


sainsain

อริสาน่าจะติดใจคนข่มขืนแน่ๆเอิ้กๆ

jaojom


kittaphot007

สงสัย​จะ​ติด​ใจ​สะแล้วเจอของใหญ่เข้าไปนี้​  ::HoHo::  5555

panax

ติดใจซะแล้ว แบบนี้มีหักเหลี่ยมโหดแน่ๆครับ    รอติดตามปมแค้นนี้นะครับ
ขอบคุณมากๆครับ


wiggo

#8
ลุงช่างสักกวนจริงๆ

pooloop

อริสาเจอของใหญ่นักโทษเข้าไปติดใจเรย

whitebag

เมื่อมีครั้งแรก ก็ต้องมีตามมาเรื่อยๆ
ความทรงจำสีจางๆ ลืมไม่ลง

haelonn

คราวหน้าสาวสวยคงขอขึ้นขย่มนักโทษลายสักเองเพราะคิดถึงมาก

thana7


Chut


Satira Potikanon

ลุงคนสักอยู่ไหนมีคนตามหา น่าจะไม่ใช่เพิ่มขนาดอย่างเดียวแล้ว