ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

สางแค้นภาค 2(19/วิฑูรย์)

เริ่มโดย twintower, กุมภาพันธ์ 09, 2022, 02:31:55 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

twintower

"ไอ้ระยำ แม่งโว้ย"

ประพาสพูดออกมาด้วยความโมโหอย่างมากขณะที่ดูข่าวตำรวจเข้าตรวจค้นบริษัทรักษาความปลอดภัยที่ตนเองมีชื่อเป็นเจ้าของอยู่ และตำรวจที่เป็นคนนำกำลังเข้าค้นคือพันตำรวจเอกธงรบ ประพาสดูถึงตอนที่ธงรบกำลังให้สัมภาษณ์ก่อนจะพับหน้าจอโน็ตบุ๊คลงอย่างแรงด้วยอารมณ์ที่โกรธ

"กูหมดกัน"

เสียงบ่นออกมาด้วยความแค้นเคือง ประพาสพึ่งมาถึงหมู่บ้านตะวันลับหลังจากไปกบดานที่แหล่งผลิตยาของพวกว้าแดง เพราะทางตำรวจไทยได้ออกหมายจับประพาสข้อหาเรื่องเป็นคนบงการฆ่าเจ้าหน้าที่รวมถึงเรื่องเป็นเอเยนต์รายใหญ่ของการค้ายาเสพติดด้วย แต่ประพาสนั้นรู้ตัวก่อนที่ตำรวจจะออกหมายจับ จึงหลบหนีทันที เพราะประพาสเองก็เตรียมการเรื่องนี้ไว้อยู่เหมือนกัน ประพาสที่รู้ว่าหมู่บ้านตะวันลับนั้นต้องถูกจับตาดูอยู่จึงหลบไปกบดานกับอุกฤษอยู่ 2 อาทิตย์ ก่อนจะแอบกลับมาที่หมู่บ้านตะวันลับ วิฑูรย์ที่นั่งอยู่อีกฝั่งของโต๊ะนั้นพูดเสริมออกมา

"เอกสารต่างๆที่บริษัทของนายทางตำรวจนั้นก็ยึดไปหมดนะครับ เพราะถ้านายดูข่าวต่อ ผู้การธงรบบอกว่ามันมีเรื่องฟอกเงินด้วยครับ ตรงนี้เห็นว่าเอาไปเพิ่มอีกข้อหาด้วย"

"เออกูรู้แล้ว แต่ยังทำอะไรมากไม่ได้อีกอย่างเอกสารนั่นก็ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับเรื่องพวกนี้ ทางคุณอดิศรก็บอกให้ใจเย็นๆ กำลังหาทางสู้คดีให้อยู่  แต่กูก็รู้ว่ามันเป็นคำปลอบใจเท่านั้น เพราะเจอแบบนี้กูรอดยาก กูรู้แล้วว่าที่กูโดนเพราะมันมาจากไอ้พวกที่โดนจับตอนจี้รถไฟ มันซัดทอดมาถึงกู ทางตำรวจเลยไปบีบไอ้พวกที่ถูกจับก่อนหน้ามีหลายคนยอมคายเรื่องที่กูสั่ง ทางตำรวจเลยตามเรื่องกูได้ถูก"


ประพาสบ่นออกมาเพราะตอนนี้แผนการหลายๆแผน ที่วางไว้นั้นไม่สำเร็จ ทั้งเรื่องการที่จะก่อการจลาจลในคุกที่ล้มเหลวประพาสมารู้ไม่นานนี้ว่าบรรดาหัวโจกถูกแยกไปอยู่คนละแดนไม่ก็แยกไปอยู่อีกเรือนจำพอไม่มีแกนนำพวกที่เหลือนั้นก็ไม่กล้าทำอะไร แถมมีหลายคนที่ยอมรับสารภาพ ประพาสเลยเข้าใจว่าตำรวจรู้เรื่องของตนเองจากพวกนี้ และข้อมูลบางอย่างอาจจะมาจากทางสหรัฐก็เป็นได้เพราะทางสหรัฐนั้นคงส่งอุปกรณ์มาช่วยเหลือในการปราบปรามในหลายๆครั้งที่ผ่านมา รวมถึงทีมของแคนที่ประพาสนั้นเดาไม่ยากว่าทางสหรัฐต้องเป็นคนสนับสนุนในเรื่องเงินอย่างแน่นอน

ส่วนวิฑูรย์นั้นดูเจ้านายว่ากำลังหงุดหงิดอย่างมากภายใต้สีหน้าที่พยายามเก็บอาการลิงโลด ชายหมุ่มคนนี้นั้นแอบหวังมากกว่าที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน พอรู้ว่าประพาสนั้นถูกออกหมายจับ วิฑูรย์นั้นแอบดีใจอยู่เงียบๆ  เพราะตนเองนั้นก็หวังว่าสักวันจะมาแทนที่ประพาส เพราะถือว่ารู้ลู่ทางเป็นอย่างดี อดีตเด็กบาร์โฮสคนนี้นั้นหวังไปไกลกว่านั้นถึงที่ผ่านมาจะมีรายได้ค่าตอบแทนเป็นกอบเป็นกำจากที่ทำงานให้กับนุ่มนิ่มมา4-5ปี จนวิฑูรย์นั้นมีคอนโดหรูราคาร่วม 10 ล้าน รถเก๋ง 3 คันทั้ง อาวดี้,มินิคูเปอร์,บีเอ็มดับบลิว แต่วิฑูรย์ไม่อยากหยุดแค่นี้ บันไดขั้นต่อไปคือแทนที่ประพาสและขั้นสุดท้ายคือเป็นหัวหน้าขบวนการค้ายาเสพติดนี้อย่างแท้จริงในฐานะผัวของนุ่มนิ่มและเมียอีก 2 คน คือลิซ่ากับมุกดา

วิฑูรย์มั่นใจว่าจากลีลารักที่มอบให้ 3 สาว โดยเฉพาะนุ่มนิ่มนอกเหนือจากงานที่ทำให้มาตลอดต้องทำให้นุ่มนิ่มเห็นในความตั้งใจและติดใจในลีลารัก ประสบการณ์ที่ผ่านๆมาในการทำงานบาร์โฮสก่อนจะมาเป็นคนขายยาให้ดาบณรงค์ด้วยนั้น ทำให้วิฑูรย์เข้าใจถึงนิสัยของนุ่มนิ่มดีว่าต้องการอะไรและไม่ชอบแบบไหน ถึงนายสาวจะเป็นผู้หญิงที่เซ็กจัดที่ได้ทั้งผู้ชายและผู้หญิง แต่วิฑูรย์เข้าใจว่านุ่มนิ่มนั้นต้องการความอบอุ่นจากคนที่เธอรัก เพราะการสูญเสียที่ผ่านมามันกระทบจิตใจนุ่มนิ่มมาก ทำให้เธอถวิลหาความอบอุ่นความรักแบบครอบครัวซึ่งวิฑูรย์คิดว่ามันคงไม่อยากที่จะพิชิตใจนุ่มนิ่มในเรื่องนี้แต่อาจต้องใช้เวลา

ถึงตัวนุ่มนิ่มเองจะดูติดใจในรสสวาทจากเพศเดียวกันมากกว่าแต่นั่นไม่ใช่ปัญหาใหญ่ เหมือนลิซ่าที่วิฑูรย์มองว่ามีนิสัยบางอย่างคล้ายๆนุ่มนิ่มโดยเฉพาะเรื่องเซ็กที่ตนเองสามารถปรนเปรอสนองตัณหาได้ตลอดและถ้าตนเองเป็นผัวของนุ่มนิ่มได้จริงๆ ลิซ่าคงไม่ปฏิเสธเพราะทุกอย่างจะเหมือนเดิมเพียงวิฑูรย์จะเป็นคนบงการเท่านั้น ส่วนตัวมุกดานั้นวิฑูรย์คิดว่าอดีตนายทหารสาวคนนี้คงจะตกบันไดพลอยโจนที่เข้ามาร่วมวังวนกามแบบเลสเบี้ยน เพราะวิฑูรย์ดูออกว่ามุกดานั้นชอบผู้ชายมากกว่าแต่กับผู้หญิงด้วยกันมันก็ไม่เสียหายอะไรและที่ผ่านมุกดาเองก็ติดใจในรสสวาทที่วิฑูรย์ปรนเปรอให้ ถ้าวันนั้นมาถึงจริงๆมันคงไม่อยากที่จะใช้ชีวิตกันแบบนี้ต่อไป ไม่รวมถึงเรื่องทรัพย์สินเงินที่คงไหลมาเทมาไม่ขาดสาย

แต่ถึงตรงนี้มีอยู่สิ่งหนึ่งที่วิฑูรย์และประพาสคิดเหมือนกันในเรื่องของนุ่มนิ่มที่ช่วงหลังๆเจ้านายสาวดูจะไม่ค่อยใส่ใจกับเรื่องค้ายาเสพติดเท่าไหร่ และไม่สั่งให้หาคนเพิ่มหลังจากที่มีการสูญเสียไปพอสมควรยิ่งพอประพาสถูกออกหมายจับนุ่มนิ่มสั่งให้ระงับทุกอย่างไว้ก่อน ประพาสเองก็ขุ่นเคืองใจในเรื่องนี้อยู่พอสมควร ทำให้อดคิดไม่ได้ว่านุ่มนิ่มจะถอดใจแต่ประพาสเองก็เตรียมตัวไว้อยู่เหมือนกันกรณีถ้านุ่มนิ่มเกิดถอดใจ ตนเองก็หาหนทางที่จะทำต่อเอง เพราะตนเองนั้นมีข้อมูลที่สำคัญและหนทางต่างๆอยู่ในมือแล้วมันไม่ยากที่จะสานต่อ รวมทั้งหาแหล่งเงินทุนที่มีคนจะเข้ามาร่วมทุนด้วยที่ตนเองนั้นก็เตรียมพร้อมอยู่แล้ว

เมื่อขึ้นหลังเสือแล้วคนอย่างประพาสนั้นยากที่จะลง  เพราะผลตอบแทนที่ได้นั้นมันมหาศาลยิ่งนัก ถึงตอนนี้ทรัพย์สินบางส่วนจะถูกอายัดแต่ประพาสเองก็ไม่เดือดร้อน เพราะเงินที่ตนเองจ้างคนอื่นเปิดบัญชีนั้นยังมีอยู่อีกหลายสิบล้าน มันไม่ยากที่จะทำตามรอยเท้าที่กำนันน้อมเคยทำไว้ จ้างคนเปิดบัญชีธนาคารให้ไว้หลายบัญชี แต่ตอนนี้คงต้องรอดูทีท่าของนุ่มนิ่มก่อนว่าจะทำอะไรต่อไป ถ้าผ่านไปสักพักแล้วเธอยังไม่สนใจอะไรประพาสเองก็พร้อมที่จะทำต่อทันที เพราะยังไงลิซ่าเองก็อาจจะหลุดปากเล่าอะไรให้ฟังเหมือนที่ผ่านๆมา ประพาสเองก็แอบสืบความเคลื่อนไหวของนุ่มนิ่มจากทางลิซ่าอยู่เหมือนกัน ช่วงที่นุ่มนิ่มไปอเมริกาครั้งล่าสุดกับมุกดา ในหัวค่ำวันหนึ่งลิซ่าเอาเอกสารมาให้ประพาสที่บริษัทซึ่งพนักงานคนอื่นๆได้กลับไปหมดแล้ว วันนั้นลิซ่าใส่เดรสแขนกุดสีขาวคอกว้างที่สวมทับเสื้อเกาะอกสีขาว และประพาสที่กำลังนั่งดื่มเหล้าอยู่คนเดียวในห้องทำงานได้ชวนลิซ่าดื่มด้วย ลิซ่านั้นไม่ปฏิเสธ ทั้งคู่มานั่งดื่มที่โซฟารับแขกตัวยาวในห้องทำงานประพาสด้วยกันจนเริ่มมีอาการมึนเมา

ประพาสนั้นมองไปที่เนินอกของหญิงสาวโดยลิซ่านั้นก็ไม่สนใจเหมือนตั้งใจจะยั่วอีกฝ่าย เพราะทั้งฤทธิ์ของแอลกอฮอล์รวมทั้งที่นุ่มนิ่มไม่อยู่และวิฑูรย์ในตอนนั้นก็อยู่ที่หมู่บ้านตะวันลับทำให้เธอไม่มีใครที่จะมาดับอารมณ์สวาทของเธอที่คุกรุ่นมาหลายวัน ยิ่งรู้ว่าประพาสมองมาที่หน้าอก ลิซ่านั้นยิ่งยั่วหนักขึ้น ความเหงา ความเปล่าเปลี่ยว ความเงี่ยนที่อยู่ในตัวของเธอ ทำให้เธอไม่คิดอะไรมากตอนนี้เธอต้องการใครก็ได้มาผ่อนคลายอารมณ์ให้เธอ ถึงประพาสจะอายุ50 เศษๆแต่ยังเป็นผู้ชายที่ยังดูดีโดยเฉพาะร่างกายที่เจ้าตัวออกกำลังกายตลอด และมันเป็นผลเพราะอีกฝ่ายนั้นดูจะสนใจเนินอกที่โผล่ออกมาหรือไม่ก็เหลือบตาลงมามองที่เรียวขาของเธอ ลิซ่าแกล้งขยับขาไปมา จนประพาสอดใจไม่ไหวเอามือมาลูบไล้บนขาของเลขาเจ้านาย

"อุ๊ยอะไรกันคะนี่คุณประพาส จะทำอะไร"

น้ำเสียงที่เกิดจากจริตมารยาหญิงของลิซ่าดังขึ้น แต่มือเธอไม่ปัดป้อง ทำให้ประพาสเลื่อนมือขึ้นสูงจนถึงชายกระโปรง

"ผมไม่โง่นะครับคุณลิซ่า ทำแบบนี้ก็รู้ว่าผมต้องการอะไร อย่ามาทำเป็นไม่รู้เลย"

ประพาสตอบพร้อมมือที่ล้วงผ่านชายกระโปรง ทำให้ลิซ่านั้นขยับตัวเข้ามาชิดประพาสทันทีไฟสวาทที่คุกรุ่นมาหลายวันของเธอนั้นตอนนี้ลุกโชนขึ้นมา เมื่อถึงขั้นนี้คงไม่ต้องใช้จริตมารยาอีกแล้ว ประพาสคงช่วยดับไฟสวาทให้เธอได้ ปากของทั้งคู่นั้นประกบกันทันที ลิซ่าค่อยๆดันตัวประพาสให้นอนราบลงไปบนโซฟา มือของเธอจัดการปลดเข็มขัดและรูดซิปกางเกงของประพาส แล้วจับควยของประพาสที่ยังไม่แข็งตัวดีนักออกมา  ลิซ่าใช้มือรูดไปมาอยู่หลายครั้ง พอเธอเงยหน้าขึ้นมาสบตากับประพาส อีกฝ่ายกดหน้าเธอลงไปทันที ลิซ่าใช้ลิ้นเลียไปบนควยที่เริ่มจะแข็งตัวก่อนจะเอาปากครอบ ด้วยฝีปากและลิ้นของลิซ่านั้นทำให้ควยของประพาสแข็งตัวได้อย่างรวดเร็ว

ประพาสจึงลุกขึ้นนั่งแล้วดึงหน้าของเลขาเจ้านายให้พ้นจากควย ก่อนจะลุกขึ้นยืนแล้วประคองหญิงสาวให้ลุกตาม ประพาสบอกให้ลิซ่าเอามือยันไปที่พนักพิงโซฟาเธอทำตามทันที ส่วนประพาสตลบกระโปรงของเธอขึ้นมาที่เอวพร้อมดึงกางเกงในลงมา ลิซ่านั้นอ้าขาและแอ่นก้นให้ ประพาสเอามือจับที่ควยแล้วดันควยเข้าไปในรูหีของหญิงสาว

"อู้ววว เบาๆหน่อยสิคะ"

เธอร้องบอกมาแต่ประพาสไม่ตอบหญิงสาวเอามือทั้ง 2 ข้างจับไปที่เอวของเธอพร้อมกระเด้าอย่างต่อเนื่อง เหมือนกับลิซ่าที่เด้งรับตลอดเพื่อสนองอารมณ์ตัณหาที่ลุกโชน  มันทำให้เธอรู้ว่าประพาสนั้นถึงอายุจะมากแต่ยังเย็ดได้อย่างดุเด็ดเผ็ดร้อนถึงลีลาจะสู้วิฑูรย์ไม่ได้แต่อย่างน้อยก็ชดเชยอารมณ์เงี่ยนของเธอได้บ้าง แถมยังอึดพอสมควรจนประพาสพาเธอไปถึงจุดหมาย พร้อมน้ำกามเต็มรูหีลิซ่า หลังจากที่ทั้งต่างล้างคราบน้ำรักเรียบร้อย ประพาสได้เอ่ยชวนหญิงสาว

"ลิซ่าไปหาที่เงียบๆคุยกันเถอะ"

เมื่อมาถึงขนาดนี้เธอคงไม่ปฏิเสธลิซ่าพยักหน้าแทนคำตอบก่อนจะพากันออกไปข้างนอก คืนนั้นลิซ่าปรนเปรอรสสวาทให้ประพาสอย่างเต็มที่และประพาสเองก็สนองความต้องการเธอได้อย่างดี เรื่องนี้เป็นความลับของทั้งคู่ ถึงนุ่มนิ่มจะกลับมา ลิซ่าเองก็พยายามหาแอบหาโอกาสมาเสพสุขกับประพาสอยู่บ่อยครั้ง และประพาสเองก็ใช้โอกาสนี้หลอกถามความเคลื่อนไหวของนุ่มนิ่มจากลิซ่า ประพาสเองก็รู้มานานแล้วว่าเจ้านายสาวนั้นมีรสนิยมทางเพศแบบไหน รวมถึงรู้เรื่องความสัมพันธ์ของทั้ง 4 คนเป็นอย่างดี แต่ประพาสนั้นไม่สนใจแต่พอมาถึงตรงนี้หลังจากที่ได้เลขาเจ้านายมาร่วมเตียงประพาสเองก็อดที่จะคิดไปถึงนุ่มนิ่มไม่ได้ตามประสาผู้ชายและหวังว่าตนเองคงจะมีโอกาสเหมือนวิฑูรย์บ้าง

ฝ่ายนุ่มนิ่มเองหลังจากที่ดาบณรงค์ตายเธอนั้นเบาใจลงไปมาก ถึงประพาสจะถูกออกหมายจับมันก็ไม่ทำให้เธอตื่นตระหนกเท่าไหร่ เพราะเธอคาดการณ์ไว้อยู่เหมือนกันหลังจากการปรากฏตัวของแคนที่ไม่ห่างจากหมู่บ้านตะวันลับ เธอจึงสั่งระงับความเคลื่อนไหวทั้งหมดไว้ก่อนและยาเสพติดล็อตล่าสุดที่หลุดจากการจับกุมของไทยพอไปถึงสหรัฐถูกจับได้ทั้งหมดแต่เธอนั้นดูจะไม่ใส่ใจเท่าไหร่นัก ถึงตอนนี้ไม่มีใครเดาใจเธอออกว่านุ่มนิ่มจะทำอะไรต่อ มีแต่เธอเท่านั้นที่รู้ว่าเธอจะทำอะไรต่อไปอีกตามแผนการที่เธอวางไว้ และช่วงที่ประพาสยังหลบอยู่กับอุกฤษที่หมู่บ้านที่ผลิตยา นุ่มนิ่มได้เจอกับจิ๋วอีกครั้ง จิ๋วนั้นเดินทางมาทำธุระที่เชียงรายจึงได้ติดต่อมาหาเธอ

นุ่มนิ่มจึงชวนจิ๋วมาหาที่บ้านซึ่งช่วงนั้นทั้งลิซ่ากับมุกดาอยู่ที่กรุงเทพ เธอนั้นอยู่ที่เชียงรายคนเดียว  จิ๋วขับรถมาหาเธอที่บ้าน ตอนสมัยที่กำนันน้อมอยู่จิ๋วเองก็มาบ้านนี้ไม่กี่ครั้งเท่านั้น ที่มาส่วนใหญ่จะเอาเอกสารมาส่งให้กำนัน ซึ่งเมียทุกคนของกำนันจะรู้ดีว่าเป็นคำสั่งที่เด็ดขาดของกำนันว่าบ้านหลังนี้ถ้ากำนันไม่เรียกให้มาหาเมียคนอื่นจะไม่มีสิทธิย่างกรายเข้ามาเด็ดขาด ซึ่งทุกคนปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดเพราะรู้ว่าถ้าฝ่าฝืนจะเจอกับอะไร เพราะเคยมีตัวอย่างให้เห็นแล้ว พอเข้าไปในบ้าน ทันทีที่จิ๋วเห็นรูปวาดของกำนันที่ติดอยู่ในห้องรับแขก จิ๋วนั้นทรุดกายลงไปกับพื้นและก้มลงกราบทันที นุ่มนิ่มนั้นมองด้วยความตื้นตัน แต่ตัวจิ๋วนั้นเป็นการกราบขออโหสิกรรมกับสิ่งที่เธอทำไว้กับกำนันน้อมตอนที่เธอถูกจับ ก่อนที่ทั้งคู่จะนั่งคุยกันในห้องรับแขก แต่คุยกันไม่นานนัก ด้วยความปรารถนาที่ต่างฝ่ายต่างมีให้กันทำให้อารมณ์สวาทนั้นลุกโชนถึงรสรักที่ทั้งสองมีให้กันมันจะผ่านมานานแล้วแต่ยังตราตรึงในความทรงจำของทั้งคู่ นุ่มนิ่มจึงชวนแขกขึ้นไปคุยต่อบนห้องนอนซึ่งจิ๋วนั้นก็ไม่ปฏิเสธ 

ภายในห้องนอนของนุ่มนิ่ม จิ๋วประคองร่างลูกสาวคนเล็กของเจ้านายหรือผัวเก่าของเธอลงบนเตียงหลังจากที่ต่างฝ่ายต่างช่วยกันถอดเสื้อผ้าที่สวมติดตัวกันออกจนหมดสิ้น จิ๋วนอนทาบไปบนตัวของนิ่มนุ่ม แล้วก้มหน้าลงไปหา ริมฝีปากที่บางของทั้งคู่ประกบกันสนิทลิ้นของคู่ต่างตวัดเกี่ยวกันไปมา  ต่างฝ่ายต่างมอบรสจูบที่ร้อนแรงให้อีกฝ่าย จนจิ๋วเลื่อนหน้าลงมาที่ลำคอเธอซุกไซร้ตั้งแต่ลำคอจนมาถึงทรวงอกที่อวบอิ่ม หัวนมสีน้ำตาลเข้มที่ชูชันและบานขยายของนุ่มนิ่มนั้นล่อตาจิ๋วเหลือเกิน รสสวาทแบบผู้หญิงกับผู้หญิงที่ทั้งคู่มีให้กันเมื่อหลายปีก่อนยังตราตรึงในความทรงจำของจิ๋ว ที่เธอติดต่อมาหานุ่มนิ่มก็เพราะเรื่องนี้ส่วนหนึ่งและมันสมปรารถนา เพียงพูดคุยกันไม่เท่าไหร่ ทั้งคู่ต่างรู้ว่ามีความปรารถนาที่ตรงกันมันไม่ยากที่ทั้งคู่จะชวนขึ้นมาหาความสุขกันบนห้อง

ริมฝีปากของจิ๋วเม้มไปหัวนมของนุ่มนิ่ม เธอดูดไปเบาๆสลับไปมาทั้ง 2 เต้า รวมถึงกัดไปที่รอยเดิมที่ยังมีอยู่ จิ๋วรู้ว่าคู่ขาของนุ่มนิ่มนั้นคงฝากรอยรักไว้

"ซี๊ดดดด พี่จิ๋วววขา"

นุ่มนิ่มครางออกมาสุดเสียง ขณะที่อีกฝ่ายนั้นใช้ปากโลมเล้าที่เต้าที่อวบอิ่มของเธอ และนิ้วที่กำลังเขี่ยไปมาบนรูหีของเธอ เธอดันหัวของจิ๋วให้ลงไปที่โคกหี และมันสมหวังกับความต้องการที่อีกฝ่ายนั้นสนองความต้องการของเธอ ลิ้นของจิ๋วกวาดเข้าไปในรูหีของเธอ นุ่มนิ่มแอ่นตัวขึ้นมารองรับลิ้นของอดีตเมียน้อยพ่อ จิ๋วทั้งเลียทั้งใช้นิ้วกับหีของนุ่มนิ่มจนเธอเป็นฝ่ายทนไม่ไหวเอง เธอผละหน้าจากโคกหีของนุ่มนิ่มแล้วเลื่อนตัวขึ้นมา ปากทั้งคู่ทาบกันอีกครั้งก่อนที่จิ๋วจะเลื่อนตัวขึ้นไปเอาเต้านมของเธอไปจ่อที่ปากของอีกฝ่าย

นุ่มนิ่มสนองตอบทันทีหัวนมสีคล้ำของจิ๋วถูกเธอดูดดื่มสลับไปมาพร้อมกับการกัดไปแรงๆ  คราวนี้เป็นจิ๋วที่เป็นส่งเสียงครางบ้าง เธอปล่อยให้นุ่มนิ่มดูดดื่มนมจากสองเต้าเธออยู่พักใหญ่ ก่อนจะเลื่อนตัวลงมาด้านล่างเอาหีมาประกบกับหีของนุ่มนิ่มแล้วเริ่มขยับตัวไปมาเหมือนกับอีกฝ่ายที่ขยับตัวตามเธออย่างคนที่ชำนาญในเกมกามลักษณะนี้ หีของทั้งคู่สีกันไปมาพร้อมกับเสียงครางออกที่ดังออกมาจากปากของทั้งคู่ไม่ขาดระยะ จนพากันไปถึงจุดหมาย

ร่างเปลือยเปล่าของทั้งคู่ต่างนอนประคองกอดบนเตียงหลังจากเกมกามยกแรกผ่านไป ทั้งคู่ต่างไม่พูดอะไรกันมากนักเพราะสมปรารถนาในอารมณ์กันแล้ว จริงๆแล้วจิ๋วเองก็มีเรื่องอยากจะคุยกับนุ่มนิ่มแต่ดูแล้วอีกฝ่ายนั้นคงไม่อยากคุยกับเรื่องที่เธออยากจะบอกเท่าไหร่นัก จิ๋วนั้นคิดถูกนุ่มนิ่มเองก็ไม่อยากที่พูดถึงเรื่องอื่นนอกจากความกระหายที่เธออยากได้จากตัวของจิ๋วมากกว่า นุ่มนิ่มยังอดคิดไม่ได้ว่าถ้าย้อนไปเธอเลือกเดินทางที่สงบไม่มาใช้ชีวิตที่เสี่ยงอันตรายแบบนี้ เธอกับจิ๋วอาจจะได้สนิทสนมกันมากกว่านี้ เพราะทั้งคู่ต่างก็แอบมีใจให้กันมานานแล้ว แต่พอมาถึงตอนนี้มันคงเป็นไปไม่ได้ นุ่มนิ่มพยายามตัดใจจากความคิดนี้ก่อนจะพลิกตัวขึ้นไปอยู่บนตัวจิ๋ว ตาของทั้งคู่ประสานกัน จิ๋วใช้มือลูบไปตามใบหน้าของลูกสาวเจ้านายเก่า

"ยังไม่อิ่มอีกหรือคะนี่"

นุ่มนิ่มก้มหน้าลงไปจูบแทนคำตอบ จิ๋วตอบรับอย่างเต็มใจ ทั้งคู่ต่างแลกจูบกันอย่างดูดดื่ม จนนุ่มนิ่มเลื่อนหน้าลงไปที่เต้านมอันอวบอิ่มของอีกฝ่าย จิ๋วกดหน้าของหญิงสาวให้แนบลงมาที่ทรวงอกเธอ นุ่มนิ่มสนองตอบทันที เธอดูดสลับไปมาทั้งสองข้างส่วนจิ๋วนั้นแอ่นกายรองรับพร้อมอดคิดไม่ได้ว่าเมื่อก่อนเต้าคู่นี้ถูกพ่อของหญิงสาวคนนี้เชยชมแต่ตอนนี้เปลี่ยนมาเป็นลูกสาวที่มาเชยชมแทน

"อู๊ยยยย ซี๊ดดดดกัดแรงๆเลยก็ได้คะ คุณนิ่มซี๊ดดดด"

จิ๋วร้องครางออกมาเมื่อโดนฟันของนุ่มนิ่มกัดไปเบาๆบนเต้านม นุ่มนิ่มฟอนเฟ้นเต้านมของจิ๋วอยู่พอสมควรก่อนจะเลื่อนหน้าลงไปที่โคกหี คราบน้ำรักครั้งก่อนยังมีผสมกับน้ำเงี่ยนที่มีในตอนนี้ ถูกลิ้นของนุ่มนิ่มเลียไปมาก่อนจะผ่านเข้าไปด้านใน  จิ๋วนั้นร้องครวญครางไม่หยุดเมื่อเจอฤทธิ์จากลิ้นของนุ่มนิ่ม จนนุ่มนิ่มหยุดเลีย เธอเลื่อนตัวมาด้านบนพร้อมจับตัวจิ๋วนอนตะแคง ส่วนเธอนั้นเอนหัวไปทางปลายเตียงพร้อมนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาอีกฝ่าย แต่เธอยังไม่ทันที่จะทำอะไรทั้งนิ้วทั้งลิ้นของจิ๋วนั้นทะลวงเข้าไปในรูหีเธอทันที นุ่มนิ่มครางออกมาสุดเสียงแล้วทำแบบเดียวกับอีกฝ่าย ต่างฝายต่างใช้นิ้วกับลิ้นสร้างความสุขในท่า69ให้อีกฝ่ายก่อนจะพาไปถึงจุดหมายอีกครั้ง

ทั้งคู่ต่างมอบความสุขให้อีกฝ่ายจนสมใจกันทั้งคู่ จากที่จิ๋วตั้งใจจะกลับตอนดึกแต่ก่อนที่จะกลับ ระหว่างที่เธอกำลังแต่งตัว จิ๋วที่มีเพียงผ้าเช็ดตัวพันกายนั้นถูกเจ้าของบ้านที่มีผ้าเช็ดตัวพันกายเพียงท่อนล่างนั้นดึงเธอเข้าเข้ามากอด นุ่มหอมแก้มจิ๋วทั้งสองข้างก่อนจะเอาปากไปประกบ จากที่คิดจะจูบลามันกลายเป็นการปลุกไฟสวาทที่คิดว่าสงบไปแล้วให้ลุกโชนขึ้นมาอีกครั้ง เธอดึงผ้าเช็ดตัวของเธอกับจิ๋วออกแล้วเลื่อนตัวลงไปนั่งกับพื้น มือทั้งสองข้างโอบรอบสะโพกของจิ๋วก่อนที่เธอจะฝังหน้าลงไป ลิ้นเธอกวาดเข้าไปในรูหีของจิ๋วอีกครั้ง

"โอ้วววววววคุณนิ่มขา"

เสียงครางจากปากจิ๋วดังออกมาอีกครั้ง มือทั้งสองข้างของเธอจับหัวนุ่มนิ่มแน่นพร้อมก้นที่ส่ายไปมา ลิ้นของนุ่มนิ่มมันสร้างความเสียวให้มากกว่าคู่ขาคนปัจจุบันที่เป็นหญิงสาวที่ทำงานเป็นลูกจ้างในร้านของเธอมากนัก ทำให้คืนนั้นจิ๋วไม่ได้กลับ ทั้งคู่ต่างระเริงรักกันแทบทั้งคืน จนช่วงสายวันต่อมาก่อนที่จิ๋วจะกลับหลังจากที่เธอกราบลารูปกำนันกับเมียแล้ว จิ๋วดึงตัวนุ่มนิ่มมากอดแน่นๆพร้อมบอก

"ถ้าคิดอะไรไม่ตกไปหาพี่ได้นะคะ"

มันเป็นการกอดด้วยความรู้สึกเหมือนพี่สาวกอดน้องสาวไม่ใช่คู่สวาท พร้อมกับลางสังหรณ์ว่าเธอจะไม่ได้เจอนุ่มนิ่มอีก จิ๋วนั้นพอจะเดาออกว่าอีกฝ่ายนั้นทำอะไร จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ตั้งแต่วันที่นุ่มนิ่มไปเจอกับเธอและต่อมามีข่าวเรื่องการจับยาเสพติดและการปะทะอย่างดุเดือดกับทางเจ้าหน้าที่ ทำให้จิ๋วนั้นพอที่จะคาดการณ์ได้ว่ามันมาจากอะไร แต่เธอไม่อยู่ในฐานะที่พูดได้ เธอขับรถออกจากบ้านด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก

ส่วนแคนหลังจากที่รู้ว่าประพาสหลบหนีการจับกุมไปได้ แคนเดาออกว่าประพาสนั้นหลบไปที่ไหน จึงไม่ส่งคนไปดูลาดเลาที่หมู่บ้านตะวันลับและธงรบนั้นมาบอกว่ามีรายงานข่าวว่าประพาสหลบไปอยู่ที่ไหน ข่าวนี้ธงรบได้มาจากทางผู้ใหญ่จนได้รับข่าวอีกครั้งว่าประพาสกลับมาที่หมู่บ้านตะวันลับแล้ว

"แม่งไวฉิบหายพอรู้ว่ามีหมายจับออกมันหนีทันที สงสัยไอ้พวกพรายกระซิบที่มันไปเคยไปหาข่าวของมึงกับกูบอกมัน แต่ข่าวนี้ไม่ยืนยันนะว่ามันกลับมาออกมาจากแหล่งผลิตแล้ว แต่ผู้ใหญ่บอกมา กูก็ไม่รู้ว่าแหล่งข่าวของผู้ใหญ่นี่ได้มาจากไหน"

ธงรบบอกกับเพื่อน

"ถ้าอย่างนั้นกูส่งจ่าอำนาจเข้าไปแอบส่องความเคลื่อนไหว ที่หมู่บ้านอีกครั้งจะได้รู้ว่ามันกลับมาอยู่หรือยัง ดีไม่ดีมันอาจเตรียมลอบเข้ามาในไทยอีกครั้ง"

"อันนี้กูไม่แน่ใจ นึกถึงตรงนี้แล้วก็นึกเสียดายเหมือนกันที่ไอ้ดาบเวรนั้นรีบชิงตายไปก่อน"

"ทำไงได้ ในเมื่อหัวหน้าใหญ่มันไม่เอาแล้ว เป็นกู กูก็จะทำเหมือนกันพฤติกรรมมันไม่น่าไว้ใจเท่าไหร่"

แคนบอกกับเพื่อนทั้งคู่ต่างรู้รายละเอียดเรื่องการตายของดาบณรงค์ว่าตายเพราะอะไรและแคนคิดไปอีกว่าดาบณรงค์คงจะไม่ใช่รายแรกที่นุ่มนิ่มฆ่าตัดตอน คงจะมีรายต่อๆไปตามมา

"แล้วมึงจะไปด้วยหรือเปล่านี่ หรือส่งคนเข้าไปดูอย่างเดียว"

"ไปด้วยกูจะเอาไปทั้งหมด  เผื่อมันอยู่ที่นั่นจะได้เด็ดหัวมันด้วย ทางผู้ใหญ่ไฟเขียวมาแล้ว หมู่บ้านนั้นทำลายได้ก็ทำลายเลย นโยบายเปลี่ยนมันคงรกหูรกตา  และโจฟบอกมาแล้วว่ารออีกไม่นาน ทางสหรัฐจะออกหมายจับหัวหน้าใหญ่แล้ว ทางนั้นได้หลักฐานจากการจับกุมเฮโรอีนล็อตล่าสุดแล้วว่าลูกสาวไอ้น้อมเป็นคนขาย ลูกน้องของไอ้พวกคาเทลที่โดนจับมันระบุตัวประภัสสรได้ พอรู้ว่ามันจะโดนโทษประหารมันรีบสารภาพทันทีว่ามาดอนน่ากับประภัสสรคือคนๆเดียวกัน แต่กูยังติดอยู่ที่ไอ้คนคิดสูตรมันไม่ออกมาจากแหล่งผลิตเลย ถ้าได้เด็ดหัวไอ้อุกฤษอีกคนมันจะง่ายขึ้น เพราะถ้าไอ้ประพาสตาย นุ่มนิ่มโดนจับแต่สักวันมันก็ต้องมีคนมาจ้างไอ้เวรนั่นให้ผสมเฮโรอีนได้อีก"

แคนบอกไปตามความคิด ถึงขบวนการนี้มันล่มสลายแต่อีกไม่นานก็จะมีขบวนการใหม่ขึ้นมา แต่ถ้าเป็นไปได้แคนอยากเด็ดหัวคนที่รู้สูตรในการผลิตด้วย อย่างน้อยมันก็ยืดเวลาไปได้สักระยะหนึ่งก่อนที่จะมีการผลิตออกมาใหม่ซึ่งอาจจะเป็นสูตรใหม่ๆหรือสูตรธรรมดาที่มีอยู่ทั่วไปแต่อย่างน้อยมันจะทำให้คนสำคัญของขบวนการผลิตยาเสพติดตายไปอีกคน 

และทั้งสองคนนั้นต่างรู้กันดีว่าถ้ามีหมายจับประพาสออกมาเมื่อไหร่ หมายถึงคำสั่งฆ่าทางอ้อม เพราะดูจากพฤติกรรมที่ผ่านมาประพาสสร้างความสูญเสียให้กับทางการอย่างมาก ถึงจะเป็นการทำตามคำสั่งของนุ่มนิ่มก็ตามทีแต่ประพาสนั้นเป็นคนคิดและวางแผน ส่วนนุ่มนิ่มนั้นทางสหรัฐแจ้งมาว่าจะเป็นฝ่ายที่ออกหมายจับเอง หลังจากนั้นทางไทยจะทำตามขั้นตอนคือจับเธอส่งให้ทางสหรัฐในฐานะผู้ร้ายข้ามแดน ซึ่งแคนนั้นเห็นด้วยเพราะรู้ว่าถ้านุ่มนิ่มถูกจับในไทยนั้นเธอคงหลุดจากคดีแน่นอนเพราะไม่มีหลักฐานที่จะมัดตัวเธอ หลักฐานทุกอย่างมันชี้ไปที่ประพาสหมด ดีไม่ดีอาจจะมีหลักฐานที่ชี้ไปที่ดาบณรงค์ด้วย สู้ส่งให้ทางสหรัฐดำเนินคดีจะดีกว่า

อีก 2 วันต่อมาแคนนำทีมเข้าไปใน 3เหลี่ยมทองคำอีกครั้ง โดยตนเองกับทีมนั้นซุ่มตัวอยู่ห่างจาหมู่บ้านตะวันลับประมาณ 10 กิโลโดยส่งจ่าสิบเอกอำนาจหรือพิราบ 14 เข้าไปดูลาดเลาพร้อมกับมีโดรนคอยบินวนอยู่ไม่ห่างออกไปแต่คราวนี้ พิราบ 14 ถูกตรวจพบก่อนจากหน่วยลาดตระเวนที่ประพาสวางไว้รอบๆหมู่บ้าน

"นายครับไอ้พวกข้างนอกมันรายงานว่าตรวจเจอคนแปลกหน้ามาด้อมๆมองๆแถวเนินทางเหนือของหมู่บ้านครับ"

วิฑูรย์ใช้วิทยุรายงานมายังประพาส

"จับมันมาให้ได้ ถ้ามันหนีก็ฆ่ามัน"

ประพาสสั่งการลงไป วิฑูรย์นั้นรีบขับรถกระบะกับคนติดตาม 2คนออกไปสมทบกับพวกลาดตระเวนทันที ส่วนจ่าอำนาจนั้นรู้ตัวว่าถูกตรวจพบจึงรีบแจ้งไปที่แคนทันที

"พิราบ 14 รีบถอนตัวออกมาผมจะนำทีมไปรอพบคุณที่จุดนัดพบ"

"ทราบ ตอนนี้มีกระบะไล่ตามผมมา 1 คัน"

จ่าอำนาจรายงานขณะที่ขับมอเตอร์ไซด์วิบากหลบหนี ตามเส้นทางที่ลอบขับเข้ามาโดยแคนสั่งให้โดรนบินไปคอยดูเหตุการณ์ แล้วสั่งให้เคลื่อนกำลังไปรอที่จุดนัดพบ พร้อมกับการเตรียมตัวที่จะปะทะ ส่วนจ่าอำนาจนั้นขับมอเตอร์ไซด์หนีมีรถกระบะขับเคลื่อน 4 ล้อที่กระบะหลังบรรทุกคนมาด้วย 4-5คน แต่ทหารมือดีอีกคนของแคนนั้นหารู้ไม่ว่าตนเองกำลังถูกไล่ต้อนไปสู่กับดัก ที่ประพาสกับพรรคพวกนั้นวางแผนไว้สำหรับกรณีแบบนี้

วิฑูรย์ขับรถไปดักรอไว้แล้วพร้อมกับการขึงลวดไว้ดัก บริเวณนั้นเป็นป่าโปร่งพื้นดินนั้นพอที่จะให้รถวิ่งได้มันเป็นจุดที่ประพาสกับพวกนั้นมาสำรวจเส้นทางรอบๆหมู่บ้านเพื่อเตรียมการไว้สำหรับเป็นเส้นทางลำเลียงหรือใช้หลบหนี และได้เตรียมจุดสำหรับดักโจมตีพวกที่ลอบเข้ามาสำรวจหมู่บ้าน วิฑูรย์ซุ่มรอดูหลังจากที่คนในรถกระบะรายงานว่าจ่าอำนาจถูกไล่ใกล้มาถึงจุดที่เตรียมกับดักไว้

ไม่นานนักมีเสียงมอเตอร์ไซด์ที่ขับมาด้วยความเร็วมุ่งหน้ามาที่จุดที่วิฑูรย์กับพวกซุ่มดูอยู่ และเป็นไปตามที่คาดมอเตอร์ไซด์ที่ขับมานั้น คนขับไม่ได้สังเกตเห็นว่ามีลวดขึงดักรออยู่ ทำให้คนขับนั้นร่วงลงจากรถมอเตอร์ไซด์ทันทีที่ถูกลวดที่ขึงไว้ระดับอก วิฑูรย์นั้นกะพลาดเพราะตั้งใจว่าจะขึงดักระดับคอ มอเตอร์ไซด์นั้นพุ่งลงไปข้างทางส่วนคนขับนั้นลอยไปอีกด้าน ร่างนั้นตกไปที่พื้นแล้วกลิ้งไปกระแทกต้นไม้ใหญ่ที่อยู่ไม่ห่างออกไป ถึงจะสวมหมวกกันน็อคแต่ด้วยความแรงที่ไปกระแทกกับต้นไม้ทำให้จ่าอำนาจนั้นคอหักตายทันทีวิฑูรย์กับพวกวิ่งเข้าไปดูที่ร่างของจ่าอำนาจทันทีแต่วิฑูรย์สั่งไปที่อีกคน

"ไปดูที่มอเตอร์ไซด์ว่ามันมีของอะไรอยู่บ้าง"

ส่วนวิฑูรย์กับลูกน้องอีกคนช่วยกันค้นร่างของจ่าอำนาจ หมวกกันน็อคถูกถอดออก

"พี่มันคอหักตายแล้ว"

ลูกน้องของวิฑูรย์ที่เป็นคนลาวหันมาบอก วิฑูรย์พยักหน้าแต่สั่งให้เอาโทรศัพท์ถ่ายรูปศพไว้ ก่อนจะค้นเจอปืนกลแบบ SIG MPX และปืนสั้น FN 57 MK 2 พร้อมวิทยุสื่อสารที่ติดตัวแต่ไม่พบเอกสารใดๆอยู่ในตัว เป็นจังหวะเดียวกับพวกที่อยู่ในรถกระบะมาถึง และลูกน้องที่วิฑูรย์ให้ไปค้นมอเตอร์ไซด์นั้นได้พบกล้องถ่ายรูปที่อยู่ในรถมอเตอร์ไซด์

"ศพกับมอเตอร์ไซด์มันเอายังไงดีครับ"

คนที่ขับรถไล่กวดจ่าอำนาจมาถามมาที่วิฑูรย์

"เอามอเตอร์ไซด์กับปืนและกล้องขนขึ้นรถกู ส่วนศพมันทิ้งไว้ที่นี่"

วิฑูรย์สั่งให้ลูกน้องขับรถกระบะที่ให้มาขับไปใกล้ๆรถมอเตอร์ไซด์ พอทุกอย่างเรียบร้อยวิฑูรย์สั่งให้รถกลับไปที่หมู่บ้านทั้ง 2 คันโดยขากลับวิฑูรย์ไม่ได้ขับให้ลูกน้องชาวลาวเป็นคนขับ รถคันที่วิฑูรย์นั่งเป็นคันที่ขับนำหน้า วิฑูรย์รอฟังวิทยุที่ยึดมาว่าจะมีสัญญาณการติดต่อเรียกเข้ามาหรือไม่  แต่วิฑูรย์หารู้ไม่ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นแคนนั้นเห็นภาพตลอดผ่านทางไอแพด จากโดรนที่บินวนอยู่ส่งภาพมาให้ตลอด พอเห็นมีการค้นตัวจ่าอำนาจแคนสั่งให้ทีมเปลี่ยนคลื่นวิทยุไปใช้อีกคลื่นหนึ่งทันที ภาพที่เห็นทำให้แคนกำหมัดแน่น ก่อนจะวิทยุถามไปยังคนที่ควบคุมโดรน

"นางนวลจากพิราบ 1 มีจุดไหนบ้างที่ผมจะดักซุ่มพวกมันได้"

"แสตนบาย"

อีกฝ่ายบอกให้รอและแคนรออยู่ไม่นานนักมีการแจ้งมาทันทีว่า

"พิราบ 1 มีจุดที่คุณจะไปดักพวกมันได้ ตอนนี้คุณอยู่ห่างจากพวกมันประมาณ 5-7 กิโล ให้คุณเลี้ยวขวามุ่งหน้าไปทางตะวันออกเฉียงเหนือจากจุดที่คุณอยู่ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีคุณจะไปดักพวกมันตรงนั้นได้เราส่งพิกัดไปให้แล้ว"

หมวดสิทธิชัยที่นั่งอยู่เบาะหลังได้ยื่นไอแพดอีกเครื่องให้แคนดูแผนที่พร้อมชี้ไปจุดที่"นางนวล"ส่งพิกัดตำแหน่งมาให้ แคนเม้มปากแน่นก่อนจะใช้วิทยุเรียกไปที่ดาบวีระที่อยู่บนรถอีกคัน

"พิราบ 9 จากพิราบ 1ผมให้คุณนำทีมไปพาพิราบ 14 กลับบ้าน ส่วนทางนี้ผมจัดการเอง"

"รับทราบ"

อีกฝ่ายตอบรับก่อนจะแยกไปอีกทาง แคนสั่งให้คนขับมุ่งหน้าไปที่จุดหมายและคอยดูภาพขบวนรถที่โดรนบินสะกดรอยตามส่งมาให้ตลอด และหมวดสิทธิชัยได้ถามแคน

"ผู้การจะจัดการยังไงครับ"

"ฆ่าพวกมันให้หมด"

แคนบอกด้วยความขุ่นเคืองใจ แต่มีเสียงวิทยุจากคนที่ควบคุมโดรน

"พิราบ 1 จากนางนวล"

"ว่ามานางนวล"

"ผมบินตามขบวนมันได้ไม่เกิน 10 นาที มีเมฆฝนอยู่ด้านหน้า ดูแล้วน่าจะมีพายุด้วย"

"รับทราบ ถ้าอย่างนั้นคุณเปลี่ยนเส้นทางไปคอยดูแลให้ทางพิราบ 9ก่อนจะกลับ "

"รับทราบและโชคดีพิราบ 1"

อีกฝ่ายตอบกลับมาก่อนจะบินไปทิศทางที่ดาบวีระกำลังมุ่งหน้าไป ฝ่ายวิฑูรย์นั้นหลังจากขึ้นรถได้วิทยุรายงานประพาสไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ก่อนจะรายงานปิดท้าย

"ผมคิดว่ามันเป็น 1 ในทีมของผู้การแคนครับ คงส่งลอบเข้ามาดูความเคลื่อนไหวของนาย"

ประพาสตอบกลับมาสั้นๆให้มาถึงหมู่บ้านก่อนแล้วค่อยตรวจสอบของที่ยึดมา ของที่ยึดมาทั้งมอเตอร์ไซด์และปืนอยู่บนกระบะท้ายรถที่วิฑูรย์นั่งมา โดยมีลูกน้องอีกคนที่นั่งคอยดูแลอยู่ที่กระบะท้าย ส่วนวิฑูรย์นั้นมองดูวิทยุที่ยึดมา ซึ่งวิฑูรย์สนใจกับวิทยุอย่างมาก เพราะมีขนาดยาวกว่าวิทยุแบบที่พวกตนเองใช้อยู่มากและเสาอากาศนั้นเป็นแบบที่พับได้ วิฑูรย์พอจะรู้ว่ามันต้องมีรัศมีการรับส่งที่ไกลพอสมควร ส่วนกล้องที่ยึดมานั้นวางอยู่ข้างๆตัววิฑูรย์  วิฑูรย์ตรวจดูกล้องคร่าวๆแล้วซึ่งภาพทั้งหมดเป็นภาพของหมู่บ้านตะวันลับที่จ่าอำนาจเป็นถ่ายไว้ วิฑูรย์หวังว่าจะได้ยินการติดต่อผ่านวิทยุที่ยึดมาแต่มันไร้ซึ่งในการติดต่อไม่มีการสื่อสารใดๆให้ได้ยิน และอากาศรอบข้างเริ่มมืดลมเริ่มพัดแรงขึ้นคาดว่าอีกไม่นานฝนคงจะตกลงมาอย่างแน่นอน แต่ผ่านไปไม่นานนักคนขับที่เป็นลาวได้บอกกับวิฑูรย์

"พี่ฑูรย์ข้างหน้ามีรถ 2 คันจอดขวางทางอยู่"

วิฑูรย์เงยหน้าขึ้นไปมอง เห็นรถ SUV กับรถกระบะ 4 ประตูจอดหันหน้าเข้าหากันปิดถนนอยู่ตรงหน้า มีคน 2คนที่แต่งตัวแบบธรรมดาสวมกางเกงทางยุทธวิธี เสื้อเชิ๊ตแขนยาวลายสก็อตแต่สวมเสื้อเกราะทับมีผ้าปิดหน้าสวมแว่นตาแต่มีปืนกลอยู่ในมือ ทั้ง2คนยืนอยู่หน้ารถที่จอดขวางทางอยู่ วิฑูรย์วางวิทยุที่ยึดมาบนคอนโซลหน้าแล้วสั่งให้รถจอดก่อนใช้วิทยุของตนเองวิทยุไปบอกพวกที่รถคันหลัง

"ให้ทุกคนอยู่ในรถอย่าทำอะไร เดี๋ยวกูคุยเอง"

วิฑูรย์นั้นไม่แน่ใจว่าเป็นทหารจากกองกำลังไหน แต่ดูแล้วไม่ใช่ทหารพม่า ดีไม่ดีอาจเป็นพวกว้า ไม่ก็พวกม้ง เรื่องแบบนี้วิฑูรย์ที่ควบคุมขบวนขนเฮโรอีนจากที่ผลิตมาที่หมู่บ้านตะวันลับนั้นเจอบ่อย และจบด้วยการเจรจาและจ่ายเงินเป็นค่าผ่านทางแทบทุกครั้ง ครั้งนี้คงเป็นแบบที่เคยเจอมาจึงไม่วิตกอะไรยิ่งอยู่ในรัศมีของหมู่บ้านด้วย วิฑูรย์เปิดประตูก้าวลงจากรถปืนกล MP-5ที่ติดตัวมานั้นยังสะพายอยู่ตรงหน้า วิฑูรย์หันไปมองลูกน้องที่อยู่กระบะหลังได้ยืนขึ้นมาดู วิฑูรย์ส่ายหน้าช้าๆกับลูกน้องเหมือนจะบอกว่าให้อยู่เฉยๆอย่าทำอะไร

ส่วนรถคันหลังคนในรถนั้นไม่เคลื่อนไหวอะไรทุกคนทำตามคำสั่ง วิฑูรย์จึงหันเดินไปหาคนที่ยืนอยู่หน้ารถที่จอดขวาง อย่างช้าๆพร้อมชูมือทักทาย แต่ไปสะดุดตากับรถกระบะ 4ประตูว่าเคยเห็นที่ไหน แต่ยังไม่ทันคิดอะไร คนที่วิฑูรย์กำลังเดินไปหานั้นยกปืนขึ้นมาประทับบ่าพร้อมกับเสียงปืนที่ดังขึ้น หน้าอกของวิฑูรย์พรุนไปด้วยกระสุน วิฑูรย์ขาดใจตายก่อนที่ร่างจะถึงพื้น และคนที่ยิงนั้นยกปากกระบอกไปยังคนที่ยืนอยู่บนกระบะ พร้อมลั่นกระสุนเข้าใส่ด้วยความแม่นยำเข้าที่ใบหน้าร่างของมันนั้นผงะลงไปนอนตายทับรถมอเตอร์ไซด์

พร้อมๆกับอีกคนที่ยืนอยู่ข้างๆนั้นลั่นไกเข้าใส่คนขับ กระสุนทะลุกระจกพุ่งใบที่ใบหน้าคนขับตายตามวิฑูรย์ไปติดๆ และทันทีที่เสียงปืนนัดแรกดังขึ้น พวกที่อยู่ในรถกระบะคันหลังนั้นโดนถล่มด้วยห่ากระสุนจากกลุ่มคนที่ซุ่มอยู่ข้างทาง ไม่มีใครบนรถที่จะตั้งตัวทัน ทุกคนในรถตายในทันทีทั้งที่อยู่ในรถและกระบะท้าย กลุ่มคนที่ซุ่มอยู่ได้วิ่งขึ้นมาบนถนนเพื่อตรวจสอบอีกครั้ง มี 2 คนที่วิ่งมาตรวจรถคันหน้า ส่วนแคนที่เป็นคนลั่นกระสุนคนแรกได้เดินมาที่ศพวิฑูรย์ที่นอนตายกลางถนน แคนจำหน้าได้ว่าเป็น 1 คนสำคัญของขบวนการค้ายาที่ติดตามประพาสกับนุ่มนิ่มตลอด เสียงรายงานทางวิทยุจากหมวดสิทธิชัยที่เป็นคนคุมทีมที่ซุ่มอยู่ข้างทางได้บอกแคน

"พิราบ 1 พวกมันในรถตายหมดครับ"

ส่วนคนที่มาค้นรถคันหน้าได้หันมารายงานกับแคนที่อยู่ไม่ห่างนัก

"พิราบ 1คันหน้า 2 คนตายหมดครับ ผมเจอมอเตอร์ไซด์กับปืนและของพิราบ 14 ที่กระบะท้ายและส่วนตรงคนขับมีกล้องอยู่บนเบาะและวิทยุอยู่ที่คอนโซลหน้าครับ"

แคนยกมือขึ้นเพื่อแสดงว่ารับรู้แล้วลงไปนั่งดูศพของวิฑูรย์พร้อมช่วยกันค้นตัวกับพันจ่าโทสมคิดซึ่งได้โทรศัพท์มาอีก 2เครื่องจากศพของวิฑูรย์

"เอาโทรศัพท์มันไปด้วยไหมครับผู้การ"

แคนส่ายหน้าก่อนจะตอบ

"ไม่ต้องนะจ่า มันไม่มีประโยชน์อะไรมาก ไอ้นี่ชื่อวิฑูรย์ถึงมันจะเป็นระดับแกนนำก็ตามที แต่ข้อมูลที่เรามีมันก็มากพอแล้ว"

โทรศัพท์ทั้งสองเครื่องถูกจ่าสมคิดโยนลงข้างๆศพวิฑูรย์ทันที ส่วนแคนนั้นเงยหน้าไปบอกทีมงานที่ค้นรถคันที่วิฑูรย์นั่งมา

"คุณ 2 คนขับรถคันนี้กลับไปด้วยเราจะได้ไม่ต้องเสียเวลาย้ายมอเตอร์ไซด์"

ทั้งคู่พยักหน้ารับทราบก่อนจะช่วยกันลากศพที่อยู่บนรถทั้ง 2ศพลงมาทิ้งข้างๆรถ

"รถคันหลังนี่จะเผาด้วยหรือเปล่าครับ"

หมวดสิทธิชัยวิทยุถามมา

"ปล่อยไว้แบบนั้นไม่ต้องเอาอะไรมา ศพพวกมันก็ปล่อยไว้ตามเดิม"

แคนวิทยุตอบก่อนจะสั่งให้ถอนกำลัง ขณะที่สายฝนนั้นเริ่ม่โหมกระหน่ำลงมา แคนส่งสัญญาณให้ถอนตัว รถทั้ง 3คันรวมคันที่ยึดมานั้นมุ่งหน้าเข้าสู่เขตแดนประเทศไทย ก่อนหน้าที่แคนจะมาถึงจุดตรงนี้ แคนได้รับรายงานทางวิทยุจากดาบวีระ

"พิราบ 1 จากพิราบ 9แจ้งให้ทราบว่า พิราบ 14 ปีกหักทั้งสองข้างครับ"

"รับทราบพาเขากลับบ้านด้วย"

"ทราบ"

ดาบวีระตอบมาสั้นๆ แคนนั้นถอนหายใจแรงๆ เพราะรหัสแบบนี้ถ้าขนร่วงคือบาดเจ็บเล็กน้อย ปีกหักข้างเดียวคือบาดเจ็บสาหัส ปีกหักทั้งสองข้างคือเสียชีวิต ทั้งๆที่รู้เพราะเห็นจากภาพแล้วแต่มันทำให้แคนนั้นอดที่จะเสียใจไม่ได้

"ผมเป็นคนสั่งให้เขาไปตาย"

แคนพึมพำออกมาส่วนหมวดสิทธิขัยนั้นบอกกับแคน

"อย่าลืมสิครับผู้การมันเป็นหน้าที่ ผู้การก็รู้ดีอยู่แล้วว่าสักวันมันต้องมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ อย่าเอาเรื่องนี้มาบั่นทอนจิตใจงานใหญ่ยังรอเราอยู่"

แคนหันไปมองลูกน้องก่อนจะตอบ

"ขอบคุณมากหมวด"

แคนเข้าใจที่หมวดสิทธิชัยบอกอย่างดีและแคนไม่ควรแสดงความอ่อนแอให้ทีมงานเห็น แคนสูดลมหายใจแรงๆก่อนจะบอกกับหมวดสิทธิชัย

"ผมจะจัดการพวกมันอย่างนี้นะหมวด ดูจากภาพแล้วถนนมันกว้างประมาณเลนครึ่ง ผมให้รถทั้งสองคันจอดขวาง ผมกับจ่าสมคิดจะยืนดักรอพวกมัน หมวดพาพวกที่เหลือไปซุ่มอยู่ข้างทางด้านขวามือของผมให้เลยขึ้นไปสัก10 เมตร รอจนได้ยินเสียงปืนจากผม หมวดก็จัดการรถคันหลังเลย พวกมันในรถคันหน้าผมกับจ่าสมคิดจัดการภาพจากโดรนรถคันหน้ามีกัน 3 คน 2 คนในห้องคนขับอีก 1นั่งที่กระบะท้าย"

แคนพูดพร้อมเอาไอแพดขึ้นมาชี้ที่หมายประกอบคำพูด ซึ่งหมวดสิทธิชัยนั้นเห็นด้วยแล้วถามกลับไปที่แคน

"แล้วหมวดประพาส ละครับ"

"เอาไว้ก่อนถึงตอนนี้มันคงป้องกันหมู่บ้านหนาแน่นขึ้นกว่าเดิมดีไม่ดีมันขอกำลังทหารพม่าหรือพวกว้ามาเพิ่ม เราคงทำอะไรลำบาก ยังไงเราก็หาทางจัดการมันให้ได้ ผู้ใหญ่ไม่อยากให้มันถูกจับเป็น"

แคนบอกไปยังหมวดสิทธิชัย ส่วนประพาสนั้นหลังจากที่ติดต่อกับพวกวิฑูรย์เงียบหายเรียกไปทางวิทยุก็ไม่มีใครตอบกลับ จึงร้อนใจ รีบจัดกำลังออกตามหาและมาเจอศพที่นอนตายเกลื่อนบนรถและบนถนนพร้อมรถที่หายไปด้วย 1 คัน ประพาสยืนอยู่กลางสายฝนที่ตกกระหน่ำและมองไปที่ศพของวิฑูรย์ด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูก มือของประพาสนั้นกำปลอกกระสุนอยู่ 1ปลอก ก่อนจะเขวี้ยงออกไปด้วยความโมโห

 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

ชายชรา

ความสูญเสียมาพร้อมกับหน้าที่อันใหญ่หลวงครับ

Khuna



dawdom

จัดหนักจัดเต็มครับ แต่ฉากอย่างว่าน้อนลยไปนิดครับ

jaojom

เนื้อเรื่องเข้มข้นมากครับ พอจะเดาจุดจบประพาสได้ แต่นุ่มนิ่มไม่รู้ว่าต้องเจอจุดจบแบบไหน

แมว69

การปะทะใหญ่น่าจะเกิดขึ้นในระยะเวลาอันใกล้

peddo

ทำงานสายนี้ต้องเผื่อใจว่าจะไม่ได้กลับบ้าน เพื่อนร่วมทีมหรือคนที่บ้านเป็นฝ่ายที่ต้องทนทุกข์ต่อไป
นับถือใจของทุกฝ่ายครับ

Ttum1188

ใส่กันยับเลยทั้งสองฝ่ายใกล้ถึงจุดไคลแม็กซ์แล้ว

sammyadong


typhoon4152


elviswhat

เริ่มเข้าสู่โหมดกวาดล้างแล้วสินะ

gusjung111


n_neng

ไม่จับเป็น โทษร้ายแรงสถานเดียวเอาไว้ไม่ได้เลย

wjoe44