ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

โจ หมัดสั่ง ตอนที่ 4 - เรื่อยเปื่อย

เริ่มโดย footswitch, มีนาคม 21, 2019, 05:01:04 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 3 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

footswitch

หลังจากคืนนั้นผมก็ไม่เห็นหรือสัมผัสได้ถึงสภาวะภูติผีวิญญาณอีกเลย ยันต์กระดาษสีมอซอตัวอักขระสีแดงซีดยังคงอยู่เหนือประตูสูงเกือบติดเพดานที่เดิม ที่ยังไม่ได้เอาออกเพราะมันสูงสุดเอื้อมถึงแม้ว่าจะยืนบนเก้าอี้แล้วก็ตาม ส่วนเรื่องแอบดูสาวๆในบ้านเท่าที่ประเมินแล้วค่อนข้างยาก เพราะห้องอาบน้ำสร้างแบบสมัยใหม่ก่ออิฐฉาบปูนแน่นหนามิดชิด นอกเสียจากผมจะทำให้ทุกคนกลับไปใช้ห้องน้ำเก่าบนบ้านได้ ซึ่งคงต้องใช้กลอุบายที่ผมจะต้องขบคิดต่อไป

ผมยืนหมุนไปหมุนมาอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำเก่าดูรอยแดงกรีดเป็นทางคล้ายรอยเล็บ ไม่ว่าจะบนแผ่นหลัง ลำตัว แขนขา ล้วนมีรอยที่ว่านี้เต็มไปหมด ถึงในห้องจะไม่มียุงแต่ก็อาจมีแมลงอะไรสักอย่างกัดจนอาจเผลอเกาในขณะที่กำลังหลับสนิทอยู่ก็เป็นได้ ตอนที่เริ่มสังเกตเห็นมีเพียงสามสี่รอย แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะเยอะขึ้นเรื่อยๆ

          "อ้าว น้าโจ.." พี่นิ้งสะพายกระเป๋าเดินลงมาจากชั้นสองท่าทางกำลังจะออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้าตรู่ "อาบน้ำเหรอ เออดี วันหลังพี่อาบน้ำห้องนี้บ้างดีกว่าไม่ต้องแย่งใคร"
          "แล้วทำไมอยู่ดีๆถึงเลิกใช้ล่ะครับ"
          "แหม.. ต้องรออาบน้ำพร้อมกันกันทีละสองคนอ่ะน้าโจคิดดู ถ้าฉี่หรืออึ๊ก็ต้องมีใครมายืนคอยที่หน้าประตูเรียกกันไปเรียกกันมา สรุปว่าหลอนทั้งคู่" พี่นิ้งเล่าความหลัง "น้าต่ายถึงให้ช่างมาก่อห้องน้ำใหม่หลังบ้านไง"

          "ครับ.." ผมยิ้ม เอาผ้าขนหนูคลุมไหล่ค้อมหลังเดินผ่านพี่นิ้งจะเข้าห้อง
          "น้าโจ!! ไหนหันมาทางนี้ซิ" พี่นิ้งจับไหล่ผมหันมาประจันหน้ากับเธอ ถือวิสาสะดึงผ้าเช็ดตัวออก "รอยอะไรแดงๆเต็มตัวไปหมดเลยเนี่ย หันหลังซิ"
         
          "ไม่รู้ครับ" ผมเขินนิดๆอยู่เหมือนกัน ไม่ได้ใส่กางเกงในด้วยสิ

          "นี่มันรอยเกาทั้งนั้นเลยนี่ หูย..เกาซะเลือดซิบเลยน้าโจ นี่สงสัยยัยนัดมันซักผ้าปูที่นอนไม่ดีน่ะสิถึงได้เกาจนตัวลายไปหมดแบบนี้"
          "อ๋อ.. ไม่หรอกครับ"

          "อืม.. ว่าแต่ น้าโจนี่ก็หุ่นดีนะเนี่ย ปีนี้อายุเท่าไหร่แล้ว" สายตาเธอสอดส่ายไปตามเนื้อตัวของผม
          "สิบห้าครับ.."
          "โห สิบห้าเอง ตัวสูงเกือบจะเท่าพี่แล้วนะ" พี่นิ้งขยับใกล้เทียบความสูงผมยาวสลวยคลอเคลียไหล่ผม เจ้าน้องชายผมเริ่มมีปฏิกริยาทันทีที่มันได้กลิ่นน้ำหอมจางๆ

          "อื้ม.. ไว้ให้ตัวหายลายซะก่อนแล้วขอพี่จะถ่ายรูปเก็บไว้หน่อยนะ เผื่อเอาไปเสนอผู้ใหญ่" พี่นิ้งยักคิ้วข้างเดียว

          "เอ่อ.. พี่นิ้ง มีที่ตัดเล็บมั้ยครับ" ผมถาม
          "มี น่าจะอยู่ตรงโต้ะเครื่องแป้งอ่ะบนห้องพี่อ่ะ น้าโจขึ้นไปหยิบเองเลยประตูไม่ได้ล็อก"
          "ขอบคุณครับ"

ผมชอบพี่นิ้งในแง่ที่เธอแน่วแน่พอที่จะทิ้งมหาวิทยาลัยเอาไว้เบื้องหลัง ในเมื่อรู้ใจตัวเองแน่แล้วว่าชอบสิ่งใดจึงไม่ยอมที่จะเสียเวลาไปกับความไร้สาระของวิถีวัยรุ่นแม้สักนาทีเดียว รางวัลภาพถ่ายชนะเลิศอันดับหนึ่งซึ่งจัดขึ้นโดยสถานีโทรทัศน์ซีเอ็นบีซีเป็นประจำทุกปีคือเหรียญรางวัลที่ยืนยันว่าพี่นิ้งตัดสินใจถูก

....................

พี่ต่ายชวนผมไว้สองสามวันแล้วว่าจะพาผมไปเที่ยวที่โรงเรียน ถึงแม้จะอยู่ในช่วงปิดเทอมแต่พี่ต่ายก็ต้องมาเข้าเวรอยู่เฝ้าโรงเรียนเฉกเช่นอาจารย์คนอื่นๆ จึงชวนผมติดสอยห้อยผมมาเปิดหูเปิดตา

          "วางกระเป๋าไว้บนเก้าอี้นั่นแหละจ้ะ ขอบใจนะ โจไปเดินเล่นแถวนี้ก่อนก็ได้โรงเรียนยังปิดเทอมอยู่ ไม่มีใครหรอก เดี๋ยวบ่ายๆยัยนิ้งจะมารับ" พี่ต่ายเสนอ
          "พี่ต่ายเป็นถึงผู้อำนวยการยังต้องมาเข้าเวรอีกเหรอครับ"
          "ใช่จ้ะ ถ้าผอ.ยังเบี้ยวงานแล้วจะเป็นขวัญกำลังใจให้ลูกน้องได้ยังไงล่ะ" พี่ต่ายยิ้ม
          "แล้วต้องนอนค้างด้วยเหรอครับ"
          "ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกจ้ะ นอกจากพี่แล้วยังมีคุณครูคนอื่นๆอีกสองสามคน ไม่เหงาหรอก"
          "ครับ.."
          "ไปเดินเล่นเถอะเดี๋ยวพี่ว่าจะเซ็นต์เอกสารอะไรหน่อย โรงเรียนพี่ต่ายสวยนะ เผื่อโจอาจเปลี่ยนใจ" พี่ต่ายยิ้ม
         
          "ผมไม่ไปเรียนอาชีวะก็ได้นะครับ"
          "แหม.. พี่ต่ายพูดเล่นน่ะจ้ะ ไปเถอะ"

....................

ภิบาลเขตวิทยา ผมอ่านตัวอักษรบนแผ่นไม้เก่าคร่ำนัยว่าน่าจะเป็นป้ายชื่อโรงเรียนในสมัยก่อน หุ่นลอยรูปสำริดนั่นน่าจะเป็นปู่ของผม พระยาสมเดช อภิบาลเขต ครูใหญ่คนแรก ดูจากตัวเลขที่จากรึกไว้นับได้เกือบร้อยปี

ต้นก้ามปูยักษ์แซมระหว่างหมู่ตึกสไตล์โคโรเนียลสะท้อนบรรยากาศความเป็นบ้านของขุนน้ำขุนนางเก่า แน่ล่ะ คนที่ครอบครองที่ดินในย่านนี้ได้คงไม่ใช่เศรษฐีธรรมดาเป็นแน่ ไม่น่าเชื่อว่าในโอบล้อมของกำแพงตึกสำนักงานและคอนโดมิเนียมย่านสุขุมวิทจะมีสถานที่ที่สวยงามขนาดนี้ได้ พี่ต่ายบอกว่าตึกสูงเหล่านี้จะต้องจ่ายค่าเสียโอกาสในแสงแดดให้โรงเรียนเป็นรายปีด้วย ผมเดินทอดน่องไปตามทางเดินปูนแทรกไปบนพรมหญ้ามาเลย์ที่เจริญเติบโตได้ดีในร่มเงา คงแค่ตอนเที่ยงวันพระอาทิตย์ตรงหัวเท่านั้นพืชพรรณพวกนี้ถึงจะได้ลองลิ้มชิมรสของแสงแดด

เดินเลยสนามบาสเกตบอลไปหน่อยก็เห็นอาคารสามชั้นยืนสงบนิ่งอยู่ใต้ร่มเงาของต้นก้ามปูยักษ์ คราบราดำเกาะเกรอะตามผนัง ประตูม่านเหล็กถูกเปิดไว้ครึ่งเดียว ..โรงยิม

เวทีมวยสีทึมตั้งตะหง่านอยู่ในแสงสลัว ผมถือวิสาสะเดินเข้าไปลูบฝุ่นหนาเตอะจับพื้นเวทีที่สูงเท่าหัว เดินตามขอบเวทีจนเลยไปสะดุดที่รูปขาวดำแขวนผนัง มันแทบจะเป็นรูปก๊อปปี้เดียวกันกับรูปบนผนังที่บ้านพี่ต่าย ส่วนรูปข้างๆเป็นรูปสีออกแดงตุ่นๆ ชายคนเดิมยิ้มกว้างใส่นวมถือถ้วยรางวัล

ผมได้ยินเสียงอะไรสักอย่างที่มันเบามากๆพึมพำอยู่ที่ข้าหู จะว่าเสียงนั้นกำลังเรียกชื่อผมอยู่ก็ไม่มั่นใจจนต้องหลับตาตั้งสติฟัง รู้สึกมึนงงอย่างประหลาดวูบวาบเหมือนใจหายหรือไม่ก็หล่นไปอยู่ที่เท้า ช่วยตัวเองได้เพียงหลับตาสูดลมหายใจเข้าลึกประคองตัวไว้ไม่ให้ล้ม ค่อยๆเดินคืบสืบเท้าไปเกาะเสาเวที

....................

          "เฮ้ย!! ใครขึ้นไปเล่นบนเวทีวะ!! เฮ้ย!! ใครอ่ะ ได้ยินมั้ยเนี่ย!!" เสียงดังจากในเงามืด "เฮ้ย!! ลงมาเดี๋ยวนี้เลย ยังอีก!!"

          "อ้าว ไอ้ศัก!! เฮ้ย!! ไอ้ชิบหาย เดี๋ยวนี้หัวมึงล้านขนาดนี้เลยเหรอวะ 55"
          "เชี่ยล่ะ ..ไอ้เด็กเปรต กูบอกให้มึงลงมาไง!!" ชายหุ่นท้วมผมบางถอดเสื้อใส่กางเกงวอร์มเดินมาประชิดข้างเวที

          "เฮ้ย!! ขึ้นมาวัดกันซักยกมั้ยวะไอ้เด็กฮาร์ท.. มา หนุกๆ"
          ".........."

          "อ้าว.. ยืนนิ่งทำเหี้ยอะไรอ่ะขึ้นมาดิ!! ขึ้นไหวป่าวเนี่ย แดกจนอ้วนเลยนะมึง"
          "เอ่อ.." ชายวัยกลางคนยืนนิ่งเกร็งมือไม้สั่นหอบหายใจถี่ "เอ่อ.."
          "มา!! เอาเบาๆก็ได้ไอ้ห่า..อยากเหงื่อออกวะ มาวะ!! ศัก"
          "เมื่อกี๊มึงเรียกกูว่าอะไรนะ"
          "ไอ้อ้วน!! ไอ้หัวล้าน แล้วอะไรอีกวะ"
         
          "มึงเรียกกูว่าเด็กฮาร์ทเหรอ"
          "เออ เรื่องมากชิบหาย มา ขึ้นมา!!"

          "จะต่อยกันได้ไง ไม่มีนวม" เขาตอบเสียงสั่น
          "อ้าว.. ไอ้อ้วน!! มึงก็ไปเอานวมมาดิ"
          "เออ งั้นเดี๋ยวกูไปเอานวมมาก่อน มึงรออยู่ตรงนี้นะ"
   
          "เร็ว!! 55 วิ่งดิ ไอ้อ้วน!! 55"

....................

          "โจ โจ... โจ ได้ยินพี่มั้ย" ผมเห็นเค้าหน้าพี่ต่ายลางๆ
          "โอ่ย.. ไม่เป็นไรมากแบบนี้ผมค่อยโล่งใจหน่อย" ชายวัยกลางคนในชุดพละยืนลูบหัวเป่าปากปู๊ด

          "แล้วนี่ไปมายังไงกันคะเนี่ยนายโจได้สลบไสลขนาดนี้"
          "คือ.. ผมเห็นน้องชายผอ.ขึ้นไปเล่นบนเวทีมวยน่ะครับเรียกให้ลงมาก็ไม่ยอมลง จะให้ผมขึ้นไปซ้อมด้วยท่าเดียว" อาจารย์ศักดายิ้ม
          "อาจารย์ก็เลยซัดน้องชายดิชั้นเปรี้ยงเดียวสลบแบบนี้เลยใช่มั้ยคะ" น้ำเสียงพี่ต่ายฉุนมาก
          "คือ.. ผมนึกว่าเค้าจะการ์ดรับอ่ะครับ ไม่นึกว่าคุณโจจะเปิดคางรับ แล้วก็เลยอุ้มมาห้องพยาบาลนี่ล่ะครับ"
         
          "เป็นไงบ้าง ฮึ.. โจ"
          "โอเคแล้วครับ ..ขอบคุณครับ"
          "เล่นอะไรกันพิเรนทร์ๆ อาจารย์ศักดาก็ด้วย!! นี่เด็กนะคะจะไปจริงจังอย่างกับคนโตได้ยังไง" อาจารย์ศักดากุมเป้าก้มหน้าชำเลืองมองผม

          "งั้นก็นอนพักซะก่อนละกัน เดี๋ยวยัยนิ้งก็คงจะมาแล้ว" พี่ต่ายคิ้วขมวดแทบจะชนกัน "โอเคค่ะ ไม่มีอะไรแล้ว งั้นเชิญอาจารย์ตามสะดวกเถอะค่ะ"
          "ผอ.นอนเวรคืนนี้เหรอครับ"
          "ใช่ค่ะ ทำไมคะ"
          "เปล่าครับ ผมแค่จะบอกว่าผมนอนในโรงยิม มีอะไรก็เรียกได้นะครับ"
          "แต่วันนี้ไม่ใช่เวรของอาจารย์ศักดานี่คะ"
          "อ๋อ.. ผมมานอนโรงยิมทุกวันแหละครับ แหะๆ" อาจารย์วัยใกล้เกษียณลูบหัวยิ้ม "งั้นผมไปนะครับ ขอโทษนะครับคุณโจ"
          "ครับ เอ๊ย!! ขอโทษครับอาจารย์" ผมยกมือไหว้ขอโทษ

          "แล้วนี่เป็นไงมาไงถึงได้ไปท้าอาจารย์ศักดาต่อยได้ล่ะ เธอนี่ก็เหลือเกินจริงๆ ไหนรายงานมาซิ ..ฮึ!!" พี่ต่ายเริ่มซักไซ้
          "ผมจำอะไรไม่ได้เลยครับ"
          "จำไม่ได้เนี่ยนะ!!" พี่ต่ายถามย้ำ
         
          "จำได้แค่ว่ายืนดูรูปอยู่แล้วก็รู้สึกมึนๆ จากนั้นตามที่อาจารย์เค้าเล่ามาผมไม่รู้เรื่องเลยครับ"  ผมตอบตามจริง

          "ยืนดูรูป รูปอะไร" พี่ถ่ายถาม
          "รูปพี่ตุ๋ย รูปเหมือนกับรูปที่บ้านเราเลย"
          ".........." พี่ต่ายนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรต่อสักคำ

....................

ผมเดินเข้าบ้านอย่างอ่อนระโหยเหมือนคนร่างพัง คล้ายหมดเรี่ยวแรงจากภายใน ออกปากขอบคุณพี่นิ้งที่ไปรับแล้วกะว่าจะเข้าห้องทิ้งตัวลงนอนสักหน่อย ก่อนเข้าห้องยังหันไปมองรูปพี่ตุ๋ยบนฝาผนังเพิ่มความมั่นใจว่าแทบจะเป็นรูปก๊อปปี้เดียวกันกับที่โรงยิมจริงๆไม่ได้ตาฝาดหรือคิดไปเอง ถึงแม้จะยังไม่มืดค่ำแต่ภายในห้องที่ไม่มีหน้าต่างแบบนี้ก็สลัวจนแทบจะมองอะไรไม่เห็น ผมปีนขึ้นเก้าอี้ใช้ไม้บรรทัดเขี่ยยันต์แผ่นนั้นออก มันลอยละล่องค่อยๆร่วงลงสู่พื้น

          "มาดีๆนะครับไม่เอาแบบน่ากลัวนะครับผม"

ผมยกมือประนมแหงนมองไปจามเพดานห้อง ทุกอย่างสงบนิ่งไม่ไหวติง มีเพียงเสียงจากโทรทัศน์ดังลอดเข้ามาในห้อง จำได้ว่าไม่ได้หลับ เสียงพี่นัดกับพี่จอยพูดเสียงดังลั่นว่ากลับมาถึงบ้านแล้ว เสียงพี่นิ้งเล่าเกี่ยวกับเรื่องที่ผมโดนน็อกคาเวทีในหมัดเดียวลอดเข้ามาตามซอกประตู พยามเงี่ยหูฟังว่าสามพี่สาวพูดถึงผมอย่างไรบ้าง

          "มึงยอมรับกูใช่มั้ย" เสียงนั้นเบาแผ่วแทรกเข้ามาในโสตประสาท

          "มึงยอมรับกูใช่มั้ย"

          "พี่ตุ๋ยใช่มั้ยครับ ยะ.. ยอม ผมยอมรับครับ"

ผมยกมือขึ้นประนมอีกครั้งกลุ่มควันสีดำปรากฏขึ้นให้เห็นเป็นครั้งที่สอง มันคืบใกล้เข้ามาจนได้กลิ่นเหม็นเอียนๆคล้ายขนนกไหม้ ผมรู้สึกมวูบวาบใจหายคล้ายเมื่อตอนกลางวัน แต่คราวนี้ภาพไม่ตัด รู้สึกเหมือนตาหูจมูกปากของเราทับซ้อนกันอยู่ คล้ายนอนในถุงผ้าแพรแสนจะบางเบา

เขาสื่อบอกในสติว่ายันต์แผ่นนั้นกั้นขวางกักขังเขาเป็นเวลามากกว่าสี่สิบปี ทุกนาทีที่ผ่านทำได้เพียงวนเวียนอยู่ภายในห้องนี้ มันสุดแสนจะน่าเบื่อหน่ายกับการรอคอยที่ไม่มีวันสิ้นสุด ถึงแม้พี่ถาวรจะเคยเข้ามานอนในห้องนี้บ้างแต่เขาก็สื่อสารอะไรไม่ได้เลยด้วยอนุภาคของวิญญาณอันแสนจะบางเบา เขาดีใจมากที่สื่อสารกับผมได้

          "รอยเล็บพวกนี้ พี่ทำร้ายผมรึเปล่าครับ" ผมถามตัวเอง
          "กูคัน" เสียงนั้นชัดเจนดังขึ้นกว่าเดิมมาก "กูคันมาสี่สิบปีแล้ว แต่เกาไม่ได้"
          "คัน.. พี่ก็เลยมาสิงผมตอนหลับแล้วก็เกาเนี่ยนะ"
          "กูยังมีความรู้สึก มีอารมณ์ แต่กูไม่มีมือจะปลดเปลื้องมัน"
          "แล้วที่ผมโดยต่อยปลายคางจังๆก็ใช่ใช่มั้ยครับเนี่ย ยังเจ็บอยู่เลยพอแล้วนะ"
          "เออ ไม่โดนต่อยนานแล้ว อยากจะรับรู้ความรู้สึกอีกครั้ง"

          "คือ สรุปเอาตามความเข้าใจของผมนะ คือว่าพี่ตุ๋ยเป็นวิญญาณที่ยังเต็มไปด้วยความรู้สึกเหมือนตอนที่ยังไม่ตาย แต่ไม่มีมือก็เลยทำอะไรไม่ได้" ผมถามย้ำ
          "ร้องไห้ก็ไม่มีน้ำตา" วิญญาณพี่ตุ๋ยตอบ
          "ก็เลยจะมาอาศัยร่างกายผมทำโน่นทำนี่ ว่างั้นเถอะ"

          "มึงเอายันต์แผ่นนั้นเก็บรักษาติดตัวไว้ให้ดี กูจะอยู่กับมึง ช่วยมึง"
          "ต้องแลกเปลี่ยนกับอะไรมั้ยครับ" ผมถามกันไว้ก่อน

          "กูนอนตายอยู่ตรงนั้นน่ะ กูก็แค่นักมวยขี้แพ้นอนช้ำในตาย มึงช่วยพากูไปถึงเหรียญทองมวยนักเรียนไทยซักครั้งเถอะวะ ถ้ามึงช่วยกูกูจะช่วยมึง" วิญญาณพี่ตุ๋ยสื่อกับผมในสติ
       
          "ช่วยผม.. งั้นเอาแค่แบบคราวที่แล้วอ่ะครับ ไม่ต้องเข้าสิง เอาแค่ฝันเปียกก็พอ แต่ขอเปลี่ยนคนบ้างนะ" ผมลองเอ่ยขอวิญญาณดู
          "มึงอยากได้แค่ฝันเองเหรอวะ" วิญญาณพี่ตุ๋ยถาม
          "หลานนะพี่ หลานแท้ๆเลยด้วย หลานผมก็เหมือนหลานพี่นั่นแหละ" ผมแย้ง

          "มึงลองวนเวียนอยู่ในห้องนี้สี่สิบปีแบบกูสิวะ ยังไงนังพวกนั้นมันก็ผู้หญิงนี่หว่า เอาเข้าจริงๆกูตายก่อนที่นังต่ายมันจะเกิดด้วยซ้ำ"
          "เอาตามใจพี่ละกันแต่ผมไม่เอาด้วยนะ พี่ต้อยพี่ติ๋มพี่ต่ายมีบุญคุณกับผมมากมายผมกินบนเรือนขี้บนหลังคาเนรคุณแกไม่ลงหรอก ไหนจะแม่ใหญ่อีก"

          "อีนั่นล่ะตัวแสบ ที่พ่อทิ้งแม่กูไปอยู่ใต้ก็เพราะอีนังแม่ใหญ่ของมึงนี่แหละตัวเหี้ยเลย"
          "อ้าว นี่พี่ตุ๋ยไม่ใช่ลูกแม่ใหญ่เหรอครับ" ผมถาม
          "อีสถุน!! มึงอย่าริเอามันมาเทียบกับแม่กูเชียว"

....................

แสงดาวพราวฟ้าไร้เมฆในคืนเดือนมืด แสงไฟระยิบของเมืองเบื้องล่างคล้ายเงาสะท้อนแสงดาวในบึงน้ำนิ่ง ค่ำคืนนี้มองจากระเบียงชั้นสามสิบเห็นได้ไกลถึงสะพานแขวน

          "พี่เข้าเวรดูโรงเรียนจากตรงนี้นี่ผิดมั้ย" พี่ต่ายถาม
          "อะไรนะครับ" น้ากฤษยิ้มอบอุ่น
          "พี่ถามว่าพี่เข้าเวรอยู่บนห้องเนี้ย ผิดมั้ย"
          "มองจากข้างบนตอนกลางคืนสวยดีนะครับ" สองคนชี้ชวนกันมองจากระเบียงลงมาที่หลังคาหมู่ตึกเรียนและบริเวณเบื้องล่าง

          "กฤษยังไม่ได้ตอบพี่เลยว่าผิดมั้ย" พี่ต่ายยิ้มยวน
          "จะให้ผมตอบว่าไงดีล่ะครับ ถ้ามองในมุมของอัยการผมก็ต้องยึดถือความถูกต้อง แต่ถ้าตอบในมุมของผู้อำนวยการก็ไม่เห็นจะเป็นไร ก็มันโรงเรียนของพี่นี่ครับ" น้ากฤษตอบ
          "แต่พี่อยากให้กฤษตอบว่าผิด"
          "ทำไมล่ะครับ"
          "ก็จะได้โดนกฤษลงโทษไง"

          "งั้นก็ ผิดครับ"
          "ผิดเพราะพี่ทิ้งงานมาเป็นนังร่านอยู่ในห้องนี้ใช่มั้ยจ้ะ" พี่ต่ายยิ้มยั่ว

          "เปล่าครับ พี่ต่ายแต่งตัวผิดระเบียบต่างหาก"
          "ผิดระเบียบยังไงจ้ะ นี่พี่ก็เลือกบางจนจะเห็นถึงใส้อยู่แล้วนะ"

          "นี่ครับพี่ต่าย" น้ากฤษเอาของที่แอบไว้ข้างหลังมาโชว์
          "กล้องโพลาลอยด์" พี่ต่ายตาโพลง
          "ครับ จะได้ไม่ต้องล้างฟิล์มไง"

          "ถ่ายตรงไหนดีอ่ะ"
          "ตรงระเบียงนี่แหละครับ" น้ากฤษเล่นถ่ายทีเผลอแสงแฟลชสว่างวาบ กระดาษอัดภาพค่อยๆเลื่อนออกมาจากกล้อง

          "ไหนดูดิ๊!! โหย ทุเรศอ่ะกฤษ ถ่ายใหม่!!"
          "โอเคครับ เออ.. พี่ต่ายช่วยแหวกเสื้อให้เห็นหน้าอกชัดๆได้มั้ย"
          "นี่ยังไม่เห็นอีกเหรอ.. อ่ะ" พี่ต่ายดึงคอเสื้อลงประชด รูปนี้ต้องขยาย

          "คราวนี้ขอแบบเห็นข้างล่างบ้างนะครับ"
          "นายกฤษ!! เดี๋ยวเหอะ!! เอาใหญ่แล้วนะ"

          "ขอชุดวันเกิดครับพี่ต่าย" น้ากฤษมือสั่น ผ้าขนหนูตุงเป็นเสากระโดงเรือ
          "ถ้าจะขนาดนั้นพี่ว่าเราไปถ่ายกันต่อในห้องเหอะ ไป"

พี่ต่ายทำท่าจะเดินเข้าห้องแต่น้ากฤษกันเอาไว้ ชุดนอนซีทรูสีฟ้าอ่อนถูกปลดเปลื้องลงไปกองกับพื้น เรือนร่างของอดีตพี่สะใภ้อกเอวสะโพกยังดูดีไม่แพ้หลานๆ นึกขอบคุณพี่ชายตัวเองที่ตาถั่วมัวแต่ไปมั่วกับสาวอื่นพี่สะใภ้ก็เลยผ่านการใช้งานไม่หนักไม่สึกหรอ

หลอดไฟระเบียงดับลงตามคำขอของพี่ต่าย น้ากฤษกระชับหลังโอบซุกไซร้ไปตามต้นคอขาว สองมือบดเคล้นคลึงสองเต้าดุนดันจนหัวนมแข็งเป็นไต ท่อนเนื้อมาตรฐานชายไทยป้วนเปี้ยนแถวง่ามขา น้ากฤษวางกล้องลงที่โต้ะกระจก พี่ต่ายใช้สองมือจับราวระเบียงก้มโค้งหันก้นให้อย่างรู้ใจ

          "SSS ammm.. ไม่ถ่ายแล้วเหรอกฤษ ..อูยยย" น้ากฤษกดสะโพกผายดันท่อนเอ็นเข้าไปอย่างกัปตันผู้ชำนาญร่องน้ำ
          "ผมทนไม่ไหวแล้วครับ เดี๋ยวค่อยถ่ายต่อ พี่ต่ายน่าเย็ดเหลือเกิน" น้ากฤษเร่งจังหวะถี่ขึ้นอีก

          "อื๊มมม.. อ๊อยย.. sss ซื้ดด.. เสียว กฤษ.."
          "ครับพี่ต่าย"
          "พาพี่ไปเอากันต่อในห้องเถอะนะ นะกฤษ ..นะ"
          "ทำไมล่ะครับ ไม่มีใครเห็นหรอกครับพี่ต่าย ดูสิ ไม่มีใครเลย"

          "เปล่า พี่กลัวตกลงไปตาย" พี่ต่ายเหลียวหลังมามอง
          "อ๋อ.. ครับ โทษครับ"

....................

           

....................

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

numvego

#1
น้าต่ายเป็นนางเอกซะแล้ว




ขอฝากคำเตือน  ก่อนคอมเม้นต์ จากเจ้แว่น
................................................
ใครจะอ่านผลงานทุกตอนในห้องนี้ ถ้าทำตามกติกา-เงื่อนไขนี้ไม่ได้ แล้วรีพลายมักง่ายผ่านไปที หรือ รีพลาย ขอบคุณครับ,ขอบคุณ,ขอบคุณค่ะ,ติดตามครับ,สนุกมากครับ,ติดตามต่อ. อะไรประมาณนี้ จะแบนเลยนะ ขอบคุณมากๆครับ ก็ไม่ต้อง thank,thank you,thx ขี้หมาหลายแหล เหล่านี้ก็อย่าให้เห็น จัดรูดแบนไปยาวๆถ้าเจอ นี่เป็นข้อตกลงไว่ก่อนอ่านระหว่างเจ้าของงาน กับสมาชิก ::Angry:: ถ้า รีพลายผิดเงื่อนไขมาหรือ โชว์พาล์วอยู่มานาน โชว์เก๋า โชว์สด โชว์เกรียน ทำมึนลองมาจะแบนเลย เพื่อสมาชิกอีกส่วนที่พร้อมทำตามกติกา ::Cheeky:: เพราะไม่เช่นนั้น รีพลายคุณอาจทำให้ สมาชิกที่ปฏิบัติตามพลอยอดอ่านไปด้วย ฉะนั้นไม่แน่ใจ อย่าพิมพ์เอามักง่ายมั่วๆ..ถ้าคิดว่า กฏนี้มันยากก็ไปหาที่อื่นเสพนะ อย่าเข้ามาใช้มาอ่านงานที่ห้องนี้ อ๋อ ใครโดน pm เตือนถ้ายังมึนจะแบนจาก 6 เดือนเป็น 1ปี. .

กฎที่วางนี่ไม่ได้เขียนเอา ฮา เนอะ แบนจริงใครอยู่นานแล้วคงรู้จัก แว่น ดี..คิดว่า ฉันแบนจริงหรือเตือนเอาสนุกเล่นๆ..อย่าๆลอง เดี๋ยวจะเสียความรู้สึกด้วยรีพลายคุณเอง ทำตามเงื่อนไข ยากอะไร หรือ จะโชว์เกรียน..เตือน,ขอร้อง,ขอความร่วมมือ แล้วเมื่อไม่รักษาสิทธิ์-ประโยชน์คุณเอง ก็แบนไปใช้เวปอื่น. .
................................................................................................................


mysoon

สาวแต่ละนางมีที่ปลดปล่อยของตัวเองนี่เอง

bossbellbest


mark5111

มีผีช่วยอย่างงี้กลัวทำไม ลุยให้หมดบ้านเลย

au2000

สื่อกับผีได้ เรื่องคงสนุกแน่ๆ
มาแปลกน่าติดตาม

Pongsathorn Suwannarit

คนช่วยผี ผีช่วยคน ต่างคนต่างตอบแทน วินๆ

warone07

มีผีช่วยแบบนี้ดีเหมือนกันแหะ แต่ระวังจะเสร็จผีไปด้วยนะ

mrcat2019

แบบบนี้ก็เยี่ยมเลย ต่างคนต่างช่วยกัน วินๆทั้งคู่

pssbr

มีผีช่วยแบบนี้ คงไม่ใช่แค่ชกมวยเก่งอย่างเดียว ต้องมีแถมสนุกๆ แน่ๆ

จิรภัทร โฉมทอง

น้าโจ มีตัวช่วยแล้ว บ้านสาวโสด เสร็จทั้งบ้านแน่

six

มาแล้วตัวช่วย. คราวนี้ได้เจออะไรอีกเยอะ

swss2511

มีผีมาช่วยคราวนี้คงได้เสียวจริงๆเสียที

Channarong Saekow

โจ้  น่าจะใช้ชื่อว่า โจ้หมัดผีสิง ดีกว่าน่ะ  แล้วสาวคนแรกของโจ้คือใครกันน่ะ ::Doubt::