ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_KaohomLM

มั่วรัก นักเปิดซิง ตอนที่ 31: น้ำฟ้า

เริ่มโดย KaohomLM, เมษายน 19, 2024, 05:20:16 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

KaohomLM

   ที่หน้าห้องฉุกเฉิน ชาคริตยืนตัวแข็งทื่อ พยายามจ้องมองผ่านกระจกทึบเข้าไปในห้อง ราวกับพยายามจะมองให้ทะลุเข้าไป ว่าเกิดอะไรขึ้นอยู่ในห้องนั้นกันแน่
   ทันทีที่พวกตำรวจมาถึง ก็ช่วยกันห้ามเลือดแล้วพาตัวน้ำฟ้าส่งโรงพยาบาลประจำจังหวัดทันที
   และทันทีที่หมอในโรงพยาบาลประจำจังหวัดได้เห็นอาการ ก็จัดการทำเรื่องส่งตัวน้ำฟ้าต่อให้โรงพยาบาลขนาดใหญ่ในกรุงเทพโดยด่วนที่สุด
   ราชณิญาอ้างตัวว่าเป็นญาติ ขอติดรถฉุกเฉินไปด้วย ทิ้งให้ชาคริต เบญ และไผ่หลิวขับรถตามรถฉุกเฉินไป
   บรรยากาศในรถนั้นเงียบเชียบ ไม่มีใครพูดอะไรกับใครทั้งสิ้น
   มือที่จับพวงมาลัยนั้นสั่นเทา
   ใบหน้าของสองสาวที่นั่งหลังรถก็ชุ่มไปด้วยน้ำตา
   ราชณิญาไม่ได้โทรศัพท์ติดต่อมาเลย
   ชาคริตพยายามคิดว่านั่นเป็นเรื่องดีเพราะถ้า..................
   ไม่ เขาไม่กล้าคิดต่อแล้ว
   
   พอมาถึงโรงพยาบาลในกรุงเทพ ชาคริตกับสองสาวก็ตรงไปที่ห้องฉุกเฉินทันที
   ราชณิญานั่งอยู่หน้าห้อง น้ำตานองหน้า
   เห็นหน้าของน้องญา ชาคริตก็แทบเข่าอ่อนแล้ว
   "ญะ....ญา......"
   "พะ.......พี่ชาคริต....." ราชณิญาเสียงสั่นเทา "พี่น้ำฟ้า.....ยังหายใจ....."
   ถึงเนื้อหาของสารจะทำให้ใจชื้นได้บ้าง แต่ทั้งคำพูดที่ใช้......ยังหายใจ......และน้ำเสียงที่สั่นเครือเหมือนพร้อมจะร้องไห้ออกมาตลอดเวลา ไม่ทำให้ชาคริตรู้สึกดีขึ้นแม้แต่น้อย
   เบญกุมมือของเขาแน่น แต่ ณ เวลานี้ไม่มีความอบอุ่นใดจะแทรกซึมเข้าไปถึงดวงใจที่แข็งชาได้
   น้ำฟ้าถูกยิงตอนประมาณเที่ยงคืน
   แปดโมงเช้าแล้วยังไม่มีความคืบหน้าเลย นอกจากว่าในห้องฉุกเฉินยุ่งมาก หมอพยาบาลเข้าออกไม่มีหยุด
   ตลอดเวลา เหตุการณ์เมื่อวานเล่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในหัวชาคริต
   ภาพที่น้ำฟ้ากระโจนมาบังกระสุนจากไอ้ตี๋ด้วยร่างของเธอเอง
   นี่ถ้าเขาเร็วกว่านี้ ผลักตัวเธอออก หรือดันตัวเธอลงไปกับพื้น เรื่องก็คงไม่ลงเอยแบบนี้
   เขานี่มันผู้ชายที่ไม่เอาไหนเลยจริง ๆ
 
   พ่อแม่ของน้ำฟ้ามาถึงโรงพยาบาลตอนประมาณเก้าโมง
   แต่พยาบาลไม่ยอมให้แม้แต่พ่อแม่เข้าไปในห้องฉุกเฉิน ทั้งสองจึงได้แต่มานั่งรอที่หน้าห้องกับชาคริตและสามสาว
   รอ โดยที่ไม่รู้ว่าต้องรอถึงเมื่อไหร่
   รอ โดยที่ไม่รู้ว่ารออะไร
   รอที่จะชื้นใจขึ้นบ้าง
   หรือรอรับความเสียใจครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิต
   
   เที่ยง ยังไม่มีข่าวอะไรออกมาจากห้องฉุกเฉิน
   "พี่ชาคริต กินอะไรสักหน่อยไหมคะ" ราชณิญาถาม
   ชาคริตไม่ตอบอะไร
   กลับเป็นแม่ของน้ำฟ้าที่ ไปซื้อข้าวกล่องที่ร้านสะดวกซื้อในโรงพยาบาลมาให้ทั้งสี่คน
   "กินข้าวกันก่อนนะคะ หิวแย่แล้ว"
   "ขอบคุณนะครับ" ชาคริตรับข้าวกล่องไป ในใจเขาคิดว่าคงกินไม่ลง จนได้เห็นข้าวในมือจึงรู้ว่าเขาหิวแค่ไหน
   เขาไม่ได้กินมื้อกลางวัน มื้อเย็นเมื่อวาน แล้วก็มื้อเช้า วันนี้
   รอบตัวเขา ราชณิญา เบญ กับไผ่หลิวเหมือนจะตระหนักในข้อเดียวกันนี้ แต่ละคนต่างก้มหน้าก้มตากินข้าวกันอย่างเงียบเชียบ
   "น้ำฟ้าเขาเป็นเด็กเงียบ ๆ" คุณแม่พูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเทา "แม่ไม่เคยรู้เลยนะ ว่ามีเพื่อนเยอะขนาดนี้"
   "หนูเป็นเพื่อนสนิทที่คณะค่ะ" เบญเอ่ยปากขึ้นเป็นคนแรก "หนู...ไม่เคยเรียนมาในโรงเรียน ไม่รู้เรื่องการเข้าสังคมหลาย ๆ อย่าง น้ำฟ้าเป็นคนสอนหนูเรื่องพวกนี้ ทำให้หนูรู้ทันโลกมากขึ้น........."
   "เมื่อวาน ตอนที่มีการลักพาตัวกันกลางมหาลัย หนูกลัวมาก แต่น้ำฟ้าอยู่กับหนูตลอด คอยปลอบใจหนู.....น้ำฟ้าสัญญากับหนู ว่า....." เบญสะอื้น น้ำตาไหลพราก "ว่าจะช่วยให้หนูรอดออกไปให้ได้....."
   ทั้งพ่อและแม่ของน้ำฟ้าน้ำตาไหล เบญสะอื้นจนพูดอะไรไม่เป็นภาษา ราชณิญากับไผ่หลิวต้องช่วยกันปลอบ
   "หนู...ก็ติดหนี้ชีวิตพี่น้ำฟ้า" ราชณิญาเริ่มเล่าบ้าง "เมื่อปีที่แล้ว โจรลากหนูจะเอาไปข่มขืน ก็ได้พี่น้ำฟ้านี่แหละ หาตัวหนูจนเจอแล้วตามตำรวจมาช่วยทัน"
   "หนูไม่ได้สนิทกับน้ำฟ้ามาก" ไผ่หลิวบอก "แต่.....เท่าที่รู้จัก เขาเป็นคนดี มีน้ำใจ เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ แล้วก็เป็นคนที่พร้อมสั่งสอนคนอื่นเสมอ....หนูได้รู้อะไรจากเขามาเยอะ..........."
   ชาคริตไม่พูดอะไร แต่ความอัดอั้นตันใจของเขาหนักหนาเกินกว่าจะหลั่งออกมาเป็นคำพูด
   "น้ำฟ้าเขารักชาคริตนะ" คุณแม่พูดขึ้นในที่สุด
   "ผะ....ผม....ผมทราบครับ...." ชาคริตพูด น้ำเสียงยังสั่นเครือ "แล้ว ผมก็ต้องขอโทษคุณพ่อกับคุณแม่ด้วย.....ที่........เอ่อ..... น้ำฟ้าโกหกว่าไปอยู่หอ แต่จริง ๆ มาอยู่กับผม"
   "แม่ว่าแม่พอเดาออกอยู่" คุณแม่พูดเศร้า ๆ "ยัยน้ำฟ้าไม่เคยโกหกเก่งอยู่แล้ว มีอย่างที่ไหน ขอไปอยู่หอ แต่ไม่ขอเงินค่าหอ"

   จนเกือบ ๆ สี่โมงเย็นจึงได้มีรายงานความคืบหน้า
   "หมอผ่าตัดเอากระสุนปืนออก เย็บห้ามเลือด ฆ่าเชื้อ และดูดเลือดคั่งออกแล้วนะครับ" คุณหมอบอก "ขั้นตอนทุกอย่างผ่านไปได้เรียบร้อยดี"
   ชาคริตถอนหายใจด้วยความโล่งอก และได้ยินเสียงเดียวกันมาจากคนอีกห้าคนรอบกาย
   "แต่อาการของคนไข้ยังทรงตัวอยู่ อาจจะทรุดลง หรือเกิดอาการแทรกซ้อนได้ทุกเมื่อ ในส่วนนี้ หมอก็ได้กำชับพยาบาลให้คอยจับตาดูอยู่ตลอดเวลา"
   "ขอบคุณนะคะ คุณหมอ" แม่ของน้ำฟ้าพูด
   "ปัญหาใหญ่อีกอย่างนึง" คุณหมอพูดต่อ "คือคนไข้เสียเลือดไปเยอะมาก และเลือดของคนไข้เป็นกรุ๊ปหายาก ทางเราได้ติดต่อไปที่สภากาชาดแล้ว แต่ดูเหมือนว่าจะไม่มีเลือดกรุ๊ปนี้สต็อคไว้เลย....."
   "ถ้าต้องใช้เงิน เท่าไหร่ผมจ่ายได้ไม่อั้นครับ" ชาคริตบอก ไผ่หลิวพยักหน้า
   "มันไม่เกี่ยวกับเรื่องเงิน" คุณหมอบอก "มีเงินเท่าไหร่ ถ้าไม่มีใครที่เลือดกรุ๊ปนี้มาบริจาคซะอย่าง ก็เสกเลือดขึ้นมาให้ไม่ได้หรอก"
   "จริง ๆ แล้ว คนไข้สมควรได้รับเลือด แต่ ณ เวลานี้ ทางโรงพยาบาลไม่มีให้ ก็ได้แต่หวังว่าจะไม่มี....."
   "หมอคะ!!!! คนไข้ช็อคค่ะ!!!!!" พยาบาลยื่นหน้าออกมาจากห้องฉุกเฉินและร้องเรียก หมอรีบรุดกลับเข้าห้องฉุกเฉินไปในทันที

   เมื่อได้รู้ดังนั้น พ่อแม่ของน้ำฟ้า ชาคริต ราชณิญา เบญ และไผ่หลิวก็ไปตรวจเลือดกันทันที แต่ไม่มีใครที่กรุ๊ปเลือดตรงกับน้ำฟ้าเลย
   "เป็นพ่อแม่แท้ ๆ ลูกออกมาเลือดคนละกรุ๊ปซะงั้น" คุณพ่อบ่น
   หลังจากนั้น ชาคริตกับสามสาวก็พากันไปโพสต์ลงตามกรุ๊ปต่าง ๆ ในโซเชียลมีเดีย พยายามตามหาคนที่มีกรุ๊ปเลือดหายากกรุ๊ปเดียวกับน้ำฟ้า แต่ก็ไม่มีใครตอบอะไรมา
   ตอนแรกก็กรุ๊ปที่เกี่ยวกับบริจาคเลือด จนชาคริตตัดสินใจไปโพสต์สแปมตามกลุ่มต่าง ๆ จนถูกแบนอย่างรวดเร็ว แต่ก็ไม่ได้ผลลัพธ์อะไรที่เป็นที่น่าพึงพอใจ

   สองทุ่ม ไผ่หลิวนั่งคอพับ เบญยังคงกุมมือชาคริต ราชณิญายังนั่งข้างให้กำลังใจพ่อแม่ของน้ำฟ้า
   ใกล้ ๆ สี่ทุ่ม พยาบาลมาไล่ให้กลับบ้าน
   ชาคริตเดินออกมาจากโรงพยาบาลด้วยหัวใจที่หล่นอยู่ที่ตาตุ่ม
   กลับมาวันพรุ่งนี้เขาจะได้เจอกับน้ำฟ้าอีกไหมยังไม่รู้เลย
   ไม่ จะคิดอย่างนั้นไม่ได้
   น้ำฟ้าจะต้องรอด
   จนเมื่อเข้าไปนั่งในรถ ชาคริตจึงได้ปล่อยโฮออกมา
   "พี่ชาคริต....." ไผ่หลิวเอ่ยเบา ๆ
   "เพราะพี่แท้ ๆ...น้ำฟ้าถึงได้......."
   "พี่ชาคริตอย่าพูดอะไรอย่างนั้นสิ" ราชณิญาบอก
   ชาคริตสะอื้น
   "เบญ น้องญา พาชาคริตไปนั่งเบาะหลัง" ไผ่หลิวสั่ง "ชั้นขับกลับเอง"
   "ขับรถเป็นเหรอ" เบญถาม ปกติเธอเห็นชาคริตเป็นคนขับตลอด
   ไผ่หลิวดึงใบขับขี่จากในกระเป๋าออกมาให้ดูโดยไม่พูดอะไร และชี้ไปที่เบาะหลัง
   เบญกับราชณิญาช่วยกันหิ้วปีกชาคริตคนละข้าง ก่อนจะพาไปนั่งเบาะหลัง
   "ไม่เป็นไรนะ ชาคริต" เบญกระซิบ "น้ำฟ้าแข็งแกร่งกว่าที่คริตคิด ต้องรอดไปได้แน่"
   "ค่ะ พี่น้ำฟ้าไม่ยอมแพ้กับเรื่องแค่นี้หรอก" ราชณิญาบอก แม้ว่าตาของเธอเองก็ฉ่ำชื้น เธอซบหน้าลงกับแผงอกชาคริต เบญมองดูสาวรุ่นน้องอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะทำตาม ราชณิญาไม่ได้ว่าอะไร แม้ว่าหน้าผากของเธอแทบจะชนประสานกับของเบญแล้ว
   พอกลับถึงบ้าน ราชณิญากับเบญก็ช่วยกันประคองพาชาคริตที่ยังคงสะอึกสะอื้นขึ้นไปที่ห้องนอนใหญ่บนชั้นสาม
   โดยไม่ต้องพูดอะไรกัน ราชณิญาและเบญทิ้งตัวลงนอนขนาบคนละข้างของชาคริต ทั้งคู่ต่างแนบอิงชิดร่างเข้ามา ถ่ายทอดไออุ่นจากร่างกายและหัวใจเพื่อช่วยบรรเทาความเจ็บปวดให้ชาคริต ที่วันนี้ไม่มีอารมณ์จะคิดเรื่องอะไรนอกจากน้ำฟ้า
   พอไผ่หลิวขึ้นมาถึงห้องนอนใหญ่ ก็พบว่าทั้งสามคนหลับสนิทไปแล้ว ก็นั่นแหละ เมื่อวานไม่มีใครได้นอนเลยนี่นา
   ชาคริตกับเบญยังคงอยู่ในชุดนักศึกษา และราชณิญายังคงใส่ชุดนักเรียน ทุกคนเหนื่อยเกินกว่าจะไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว
   เตียงนอนใหญ่กว้างขวางพอที่เธอจะนอนด้วยได้....แต่....เธออยากจะนอนกอดพี่ชาคริตนี่ ไม่ใช่กอดน้องญาหรือยัยผมเปีย
   ร่างเล็กในชุดนักศึกษาค่อย ๆ คืบคลานขึ้นไปตรงปลายเตียง ก่อนจะขดเหมือนลูกแมวตัวหนึ่งอยู่แทบเท้าชายหนุ่มที่เธอรัก
   ใช่ เอาอย่างนี้ก็ได้
   
   ขณะเดียวกัน...... 

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน


yaiyai08


wink


Sri Trang

โดนยิงสามนัดจะไปเหลือเหลอ แล้วพ่อแม่ทำไมมีเลือดคนละกลุ่มหล่ะ

peddo

#5
เบญไม่อยู่อาจจะไม่มีคลื่นรบกวนนะครับ ต้องมีใครสักคนมาช่วยน้ำฟ้าได้
ไผ่หลิวก็นเป็นคนเก่งมากคนนึง ถ้าปรับความคิดได้ น่าจะเข้ากลุ่มได้ครับ
หลังเครดิตพีกจริงๆ

thetwotreeone



teerawatc

สงสารน้ำฟ้า หวังว่าจะมีปาฏิหาริย์ให้น้ำฟ้ากลับคืนมา

Wiwek

ไผ่หลิวทำตัวน่ารักแบบนี้ น้องญากับชาคริตคงต้องยอมบ้างล่ะ

aodpasa


sommchai

เพื่อนๆ ทั้ง ม.ไม่มีใครมีเลือดตรงกันเลยเหรอ



[Alt]air

ต้องมีคนมาช่วยน้ำฟ้าสิ ไม่มีใครจัดการทุกเรื่องได้อย่างน้ำฟ้าแล้ว