ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_nato87

รวมเรื่องสั้นโคตรอีโรติกของนาย Nato87 : สอนเสียวคุณครูมายด์คนสวย ตอนที่ 3

เริ่มโดย nato87, ตุลาคม 09, 2020, 12:00:35 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

คำถามเอาฮา คุณอยากให้ครูมายด์มาจอยในจักรวาลลุงพลไหม?

อยาก
71 (52.6%)
อย่าเลย
64 (47.4%)

จำนวนสมาชิกโหวดทั้งหมด: 135

nato87

พูดคุยก่อนอ่าน : ก่อนอื่นขอโฆษณาและประชาสัมพันธ์สักนิดนะครับ 'สอนเสียวคุณครูมายด์คนสวย' หรือชื่ออย่างเป็นทางการก็คือ 'โฉมงามและตาเฉื่อย' วางจำหน่ายแบบ E-Book บน MEB เป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ ก็จะมีสองเล่มจบครับผม

เนื้อหาหลัก ๆ ก็ตามที่ผมได้ลงทาง Tunwalai แล้วก็ Fictionlog แต่จะมีการรีไรท์ แก้ข้อมูลที่ผิดพลาด หลาย ๆ อย่างให้อ่านเข้าใจง่ายขึ้น

ตอนนี้มีโปรโมชั่นลด 20 เปอร์เซนต์นะครับ สำหรับนิยายของผมบน E-book จะมีถึงวันที่ 13 นี้เท่านั้น ยกเว้นเรื่องโฉมงามและตาเฉื่อยที่พึ่งลงไป


สำหรับตอนนี้ ค่อนข้างยาวเป็นประวัติการ โดยผมได้รวมตอนที่ 3 และบางส่วนของตอนที่ 4 ฉบับสมบูรณ์ให้ทุกคนได้ลองอ่านกัน ผมขอสงวนสิทธิให้คนที่จ่ายเงินนะครับผม

ปล.เกมรักฉบับใต้ดิน ไม่เกินวันเสาร์หรืออาทิตย์ทุกท่านจะได้อ่านตอนใหม่ครับ




https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6NjoiODU1MjYwIjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NjoiMTM0NjEwIjt9

นิยายรายตอน อาจอัพเดตช้าสักหน่อยนะครับ เรื่องนี้ผมมีปัญหาทางเทคนิคมาก เลยต้องแก้ข้อมูลที่ผิดพลาดพอสมควร

http://www.tunwalai.com/story/387382/%e0%b9%82%e0%b8%89%e0%b8%a1%e0%b8%87%e0%b8%b2%e0%b8%a1%e0%b9%81%e0%b8%a5%e0%b8%b0%e0%b8%95%e0%b8%b2%e0%b9%80%e0%b8%89%e0%b8%b7%e0%b9%88%e0%b8%ad%e0%b8%a2

https://fictionlog.co/b/5e461d17605496001a7a4891

###########################

ความเดิมจากตอนที่แล้ว


https://xonly8.com/index.php?topic=227455.0

อ้างถึง"นักเรียน 100 เซนติเมตร เท่ากับกี่เมตรคะ?" ครูมายด์ใช้ไม้ชี้ที่ตัวเลขบนกระดาน

"1 เมตร" เหล่าบรรดานักเรียนตอบอย่างพร้อมเพรียง

"แล้ว 4 เมตร กับ 30 เซนติเมตร จะเท่ากับกีเซนติเมตรคะ?" ครูมายด์ชี้ไปที่ตัวเลขในบรรทัดต่อไป

"430 เซนติเมตครับ/ค่ะ!!" เหล่านักเรียนตัวน้อยกลุ่มเดิมตอบกลับมา

"เก่งมากจ๊ะ" ครูมายด์ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว กระโปรงสแล็คสีดำยิ้มให้นักเรียน แม่พิมพ์ของชาติเหลือบมองนาฬิกาก็พบว่าอีกไม่นานจะหมดคาบแล้ว ก็เลยเตรียมมอบการบ้านให้นักเรียนกลับไปทำ "เดี๋ยวจะหมดคาบแล้ว อาจารย์จะฝากการบ้านไว้ให้นักเรียนไปทำที่บ้านนะคะ เปิดหนังสือเรียนหน้าที่ 55 นะคะ"

พอมณฑกานต์สั่งการบ้านเด็กเสร็จ เสียงกริ่งที่เป็นสัญญาณหมดเวลาคาบเรียนก็ดังขึ้น หญิงสาวหยิบหนังสือตำราเรียนกลับไปที่ห้องพักครูเพื่อพักผ่อนอิริยาบท บางครั้งถ้ามีการบ้านเด็ก อาจารย์สาวก็จะนั่งตรวจการบ้านเด็กจนเสร็จ ก่อนเดินทางกลับบ้านพักที่อยู่ไม่ไกลนัก

ด้วยความสวยของมณฑกานต์ ในระยะเวลาไม่นานความสวยของเธอก็ร่ำลือไปทั่วหมู่บ้านผานกพิราบขาว จนทำให้มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่แวะเวียนมาที่โรงเรียนแห่งนี้เพื่อมาดูหน้าของคุณครูคนสวยจากกรุงเทพ

อ้างถึงตัดมาที่เสี่ยเล้ง หลังจากกลับมาถึงบ้าน แกได้คุยโทรศัพท์กับชายฉกรรจ์จากประเทศเพื่อนบ้านอย่าง "ไอ้อ่อง" ที่คอยเป็นเอเยนต์ขนยาเสพติดเข้ามาจากประเทศเพื่อนบ้านสู่ประเทศไทย

"ไอ้อ่อง ของที่ได้เมื่อไรจะส่งมาวะ" เสี่ยเล้งคุยโทรศัพท์กับไอ้อ่องอย่างหัวเสีย เพราะรายได้จากการค้ายาเสพติดในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมาลดน้อยถอยลงไปมาก

"เสี่ยใจเย็น ๆ หน่อย ตอนนี้ทางการไทยคุมเข้มหนัก เพราะตอนนี้มีสงครามระหว่างชนกลุ่มน้อยกับรัฐบาลประเทศเพื่อนบ้าน" ไอ้อ่องพูดด้วยสำเนียงแปลก ๆ แต่ยังพอฟังและจับใจความได้ "เดี๋ยวถ้าตำรวจกับทหารไทยเผลอ ผมจะให้ลูกน้องเอาของไปส่งให้"

"กูต้องการของเดี๋ยวนี้ไอ้อ่อง!!!" เสี่ยเล้งยืนยันหนักแน่น "เอาแบบนี้ เดี๋ยวกูจะส่งลูกน้องไปเอาของฝั่งนั้น แล้วมึงใส่ของมา"

"เสี่ยจะขนของมาตรง ๆ เลยเหรอ?" ไอ้อ่องถามด้วยความสงสัย "เสี่ยไม่กลัวตำรวจกับทหารไทยจะจับได้เหรอ?"

"กูมีวิธี" เสี่ยเล้งตอบ "มึงเตรียมของไว้แล้วกัน เดี๋ยวกูส่งลูกน้องไปเอาของจากมึง"

เสี่ยเล้งวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ แล้วเอามือลูบปลายคางครุ่นคิดวิธีการขนยาเสพติดมาฝั่งไทย จะขนมากับรถโดยตรงก็คงผ่านด่านตรวจตำรวจตระเวนชายแดนก็คงยาก จนในที่สุดแกก็นึกไอเดียบางอย่างออก

"กูรู้แล้วจะทำยังไง!?" เสียเล้งนึกไอเดียออก "ในเมื่อขนมาทางรถไม่ได้ ก็ส่งคนไปขนกลับมาแล้วกัน!!!"

เสี่ยเล้งโทรเรียกไอ้แดง ที่เป็นลูกน้องคู่ใจเพื่อเตรียมการบางอย่าง

"ฮัลโหล เสี่ยเล้ง มีธุระอะไรจะให้ฉันรับใช้จ๊ะ?" ไอ้แดงถาม

"ไอ้แดง กูมีงานให้มึงทำ มึงเกณฑ์คนไว้สัก 4-5 คน กูจะไปเอาของจากฝั่งโน้นมาขายที่ไทย"

..............................

ทางด้านมณฑกานต์ หลังจากกลับมาที่บ้านพัก เธอได้อาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอน และเตรียมพร้อมสำหรับบทเรียนในการสอนหนังสือเด็กในวันรุ่งขึ้น ระหว่างเตรียมตำราไว้สอนหนังสือนักเรียน อาจารย์สาวก็พูดคุยกับแฟนหนุ่มที่กรุงเทพ

"คิดถึงมายด์จังเลย" หนุ่มเบนซ์สารภาพ "อยากเจอมายด์เร็ว ๆ จังเลย"

"อยากเจอก็ขับรถมาซิคะสุดหล่อ" มณฑกานต์ยิ้มหร่าให้แฟนหนุ่มบนหน้าจอโน๊ตบุ๊ค ผ่านโปรแกรมสนทนาออนไลน์

"เป็นไงบ้าง ชีวิตที่นั่น ปรับตัวได้มากน้อยแค่ไหนแล้ว?" แฟนหนุ่มถาม "เปลี่ยนใจกลับมาทำงานที่กรุงเทพยังทันนะมายด์"

"ถ้าคิดจะกล่อมมายด์ ฝันไปเถอะเบนซ์ เอาจริง ๆ ชีวิตที่นี่ก็โอเคดี สงบร่มรื่น ผู้คนที่นี่ก็ดูซื่อ ๆ จริงใจ" อาจารย์สาวตอบตามตรง "ดูไม่ค่อยมีลับลมคมในเหมือนคนในเมืองหลวง"

"พูดเหมือนเบนซ์เป็นคนไว้ใจไม่ได้ยังไงยังงั้นเลย" หนุ่มเบนซ์แซวแฟนสาวเล่น

"จะร้อนตัวไปทำไมละคะสุดหล่อ" อาจารย์สาวคนสวยใช้มือรองปลายคาง มองแฟนหนุ่มด้วยรอยยิ้ม "ไม่ต้องกลัวหรอก ยังไงมายด์ก็ยังรักเบนซ์เหมือนเดิม"

"เบนซ์ก็รักมายด์" ชายหนุ่มสารภาพ "ความจริงเบนซ์อยากจะคุยกับมายด์เรื่อย ๆ นะ แต่พรุ่งนี้เบนซ์มีประชุมที่สำนักงานใหญ่แต่เช้า แล้วเดี๋ยวเราค่อยคุยกันนะมายด์"

"จ๊ะ มายด์รักเบนซ์นะ" มณฑกานต์หลับตาพริ้ม ทำปากจุ๊บใส่แฟนหนุ่ม "Kiss me My prince!!"

"I love you too my Princess!!!" หนุ่มเบนซ์ตอบเป็นภาษาอังกฤษ "Good Night!!!"

แล้วมณฑกานต์ก็ปิดโน๊ตบุ๊ค พลางเหลือบมองนาฬิกาที่แขวนบนเพดาน ก็พบว่าตอนนี้เป็นเวลาเกือบ 4 ทุ่มแล้ว

"ได้เวลานอนแล้วเรา" หญิงสาวลุกขึ้นยืดเส้นยืดสาย ก่อนตัดสินใจเดินเข้าไปในห้องน้ำเพื่อเตรียมแปรงฟันและเข้านอน ระหว่างที่กำลังเปิดก๊อกน้ำ มณฑกานต์ก็ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายบางอย่างจากด้านล่าง "เสียงอะไรน่ะ?"

ไม่รู้ว่าอะไรดลใจให้มณฑกานต์ แอบเดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วเอาหูแนบกับฝาพนังบ้าน เพื่อแอบฟังว่าเกิดอะไรขึ้นภายนอกบ้าน

"มีอะไรให้พวกเราทำวะพี่แดง" เสียงของชายฉกรรจ์สำเนียงเหน่อ ๆ ดังขึ้น

"เสี่ยเล้งมีงานให้เราทำ" ไอ้แดงตอบ

"นายแดง?" ใช่คนที่คุยกับเราเมื่อตอนนั้นหรือเปล่าเนี่ย? มณฑกานต์นึกถึงนายแดง คนสวนที่มาพูดคุยกับเธอเมื่อไม่กี่วันก่อน นี่ก็ดึกมากแล้ว ตกลงนายแดงกับพรรคพวกกำลังคิดจะทำอะไรอยู่นะ

"เดี๋ยวเราจะไปขนของฝั่งโน้นกัน เก็บเป็นความลับนะโว้ย อย่าให้ใครรู้" ไอ้แดงสั่งกำชับทุกอย่างให้เป็นความลับ ก่อนที่เสียงรถยนต์จะแล่นเข้ามาภายในโรงเรียน

มณฑกานต์แอบชำเลืองมองผ่านช่องหน้าตา ก็เห็นแสงไฟสาดส่องเข้ามาภายในตัวบ้านของเธอ ภาพที่เธอเห็นคือภาพนายแดงและพรรคพวกอีกสามสี่คนกำลังขึ้นรถกระบะเพื่อมุ่งหน้าไป ณ ที่ไหนสักแห่งในจังหวัดราชบุรี

"นายแดงคิดจะทำอะไรกันนะ?" มณฑกานต์นึกสงสัยว่าทำไมนายแดงและพรรคพวกต้องมาทำอะไรลับ ๆ ล่อ ๆ ในยามวิกาลแบบนี้ ทำไมเธอรู้สึกไม่ดีเลยนะ มันต้องเป็นเรื่องไม่ดีแน่นอน


##########################


มณฑกานต์เผชิญหน้ากับตาเฉื่อยที่กำลังกวาดเศษกิ่งไม้ใบไม้ เพื่อถามถึงความจริงที่เกิดขึ้น แต่ดูเหมือนว่าฝ่ายตาเฉื่อยไม่ค่อยเต็มใจบอกความจริงนัก

"ว่าไงคะลุงเฉื่อย?" อาจารย์สาวร่นคิ้วใส่ภารโรงเฒ่า "ตกลงความจริงคืออะไรกันแน่คะ? บอกมายด์มาเถอะค่ะ"

"ผมบอกคุณครูไม่ได้จริง ๆ ครับ" ตาเฉื่อยตอบ ก่อนกลับไปกวาดเศษกิ่งไม้ใบไม้ต่อ "ครูอย่ายุ่งกับเรื่องดีเลยจะดีกว่าครับ"

"ลุงพูดแบบนี้ แสดงว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่?" มณฑกานต์ยังไม่ยอมเลิกรา "ลุงคะ มายด์เป็นครูของที่นี่นะ มายด์ไม่ได้มาที่นี่เพื่อสอนหนังสืออย่างเดียวนะคะ แต่มายด์ต้องรับผิดชอบและปกป้องเด็กจากเรื่องที่ไม่ดี บอกมายด์มาเถอะค่ะลุง ถ้ามีปัญหาอะไร เดี๋ยวเรามาช่วยคิดหาวิธีแก้ไขจะดีกว่านะ"



ฟังดูเป็นคนมีอุดมการณ์เหลือเกิน อาจารย์สาวคนนี้ ตาเฉื่อยหันไปมองด้วยความรู้สึกลำบากใจ จะเอายังไงดีนะ?

"บอกมายด์มาเถอะค่ะ แล้วเรื่องนี้จะเป็นความลับระหว่างเราสองคน" มณฑกานต์หนักแน่นในจุดยืน

"ครูเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว จะไปทำอะไรได้?" ตาเฉื่อยตอบ "ผมบอกครูมายด์ไม่ได้จริง ๆ ที่ผมทำแบบนี้ เพื่อความปลอดภัยของครูเองนะครับ"

"ถ้าลุงพูดแบบนี้ แสดงว่าต้องเกิดเรื่องไม่ดีกับหมู่บ้านของเราใช่ไหมคะ?" ร่างบางยังไม่ยอมเลิกล้มความตั้งใจ
"ครูไม่ใช่คนที่นี่ ครูอย่ารู้เลยดีกว่าครับ" ภารโรงเฒ่าตัดบท

"ต้องรู้ซิ!!" มณฑกานต์ไม่ยอมเลิกรา "ลุงเฉื่อยคะ!! ถ้ามีเรื่องอะไรไม่ดีเกิดขึ้น แล้วลุงยังปิดบังความจริงอยู่แบบนี้ มายด์จะถือว่าลุงเป็นหนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิดนะคะ!!"

"เฮ้อ!!!!" ชายสูงวัยถอนหายใจยาว อยากจะต่อว่าอาจารย์สาวว่าทำไมถึงเซ้าซี้ ก็กลัวว่าจะไม่สุภาพ เพราะอีกฝ่ายเป็นถึงแม่พิมพ์ของชาติ สุดท้าย ในเมื่อเตือนดี ๆ กันแล้วไม่ฟัง ตาเฉื่อยเลยต้องตัดสินใจอะไรบางอย่าง

"ว่าไงคะลุง?" หญิงสาวถามอีกครั้ง "ตกลงจะบอกมายด์ได้หรือยัง?"

"ถ้าผมบอกครู ครูต้องเก็บเรื่องนี้เป็นความลับนะครับ" ชายสูงวัยตอบ

"ได้ค่ะลุง มายด์จะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ"

แล้วตาเฉื่อยก็เล่าความจริงทุกอย่างที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านผาพิราบขาวให้อาจารย์สาวได้รับรู้ มณฑกานต์ถึงกับส่ายหน้าเพราะรับความจริงที่เกิดขึ้นไม่ได้

และความจริงก็คือ เสี่ยเล้งแอบลักลอบค้ายาเสพติดและค้าของเถื่อนจากประเทศเพื่อนบ้าน เพียงแต่ที่ผ่านมายังไม่มีหลักฐาน และตัวเสี่ยเล้งเองก็ได้ชื่อว่าเป็นผู้มีอิทธิพลในหมู่บ้านผาพิราบขาว จนทำให้ไม่มีใครกล้าไปวุ่นวายด้วย

"แล้วทำไมถึงไม่มีใครแจ้งความคะลุงเฉื่อย?" มณฑกานต์ถาม

"ครูไม่รู้อะไร" ตาเฉื่อยส่ายหน้า "ตำรวจก็ทำอะไรไม่ได้หรอกครับ เพราะเสี่ยเล้งแกมีอิทธิพล แกรู้จักกับคนใหญ่คนโต พวกคนมีสี ผมบอกความจริงครูแล้ว ครูก็ระมัดระวังตัวด้วยนะครับ ทางที่ดี อย่าไปวุ่นวายกับคนพวกนั้นอีกจะดีกว่า"

"ค่ะ มายด์จะจำไว้ขึ้นใจเลย" อาจารย์สาวตอบ "แต่ยังไง มายด์จะลองหาวิธีช่วยทุกคนในหมู่บ้านดู มายด์รับไม่ได้หรอกนะคะ ที่จะมาเห็นชาวบ้านและเยาวชนของหมู่บ้านผาพิราบขาวจะต้องตกเป็นทาสยาเสพติดแบบนี้"

"ครูเป็นคนดีจริง ๆ นะครับ" ตาเฉื่อยยิ้ม "แต่จะทำอะไร ครูต้องระวังตัวให้ดีนะครับ ครูเป็นผู้หญิงคนเดียว มาจากต่างบ้านต่างแดน ผมเป็นห่วง"

"ขอบคุณค่ะลุง" ร่างบางยิ้มรับ "ที่เป็นห่วงสวัสดิภาพของมายด์'

เพราะคำว่า 'เป็นห่วง' ในมุมมองของครูสาวและตาเฒ่ามันต่างกัน มณฑกานต์มองว่าตาเฉื่อยเป็นห่วงเธอในฐานะผู้หลักผู้ใหญ่คนหนึ่ง แต่ตาเฉื่อยไม่ได้มองแบบนั้น ตาเฉื่อยมองอาจารย์สาวในมุมที่แตกต่างออกไป มันมีความเสน่หาเชิงชู้สาวเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย

"เอาเป็นว่ามายด์ขอบคุณลุงเฉื่อยนะคะ ที่บอกความจริงมายด์" มณฑกานต์ยิ้ม "มายด์จะระวังตัวให้ดี เดี๋ยวมายด์ขอตัวก่อนนะคะลุงเฉื่อย"

"ครับ ขอให้โชคดีครับ" ตาเฉื่อยพนมมือรับไหว้จากอาจารย์สาวที่เดินกลับขึ้นอาคารเรียนไป ในใจก็คิดเป็นห่วง กลัวว่าถ้าพวกเสี่ยเล้งรู้ความจริง อาจารย์สาวจากเมืองกรุงจะใช้ชีวิตสุขสงบที่หมู่บ้านผาพิราบขาวไม่ได้อีกต่อไป

แต่สิ่งที่สองคนนี้คาดไม่ถึงก็คือ ไอ้แดง ลูกน้องของเสี่ยเล้งที่แอบนัดแนะลูกน้องไปขนยาเสพติดจากประเทศเพื่อนบ้านกำลังแอบมองอยู่ด้วยความสงสัย สองคนนี้คุยอะไรกันนะ เพื่อให้ความจริงนี้กระจ่าง ไอ้แดงก็เลยเดินเข้าไปทักทายลุงเฉื่อยตามปกติ

"ลุงเฉื่อย!!!" ไอ้แดงเรียกชื่อภารโรงเฒ่าเสียงดัง "ตื่นแต่เช้าเลยนะลุง!!"

ตาเฉื่อยมีท่าทางตกใจอย่างเห็นได้ชัด จนไอ้แดงสังเกตเห็น แต่แกยังแกล้งยิ้มแย้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"ไอ้แดง? มีอะไรเหรอวะ?" ลุงเฉื่อยเอ่ยปากถามไป มือก็กวาดเศษกิ่งไม้เศษใบไม้บนพื้น

"ลุงคุยอะไรกับคุณครูคนสวยเหรอ?" ไอ้แดงถาม "เห็นยืนคุยตั้งนานทำหน้าทำตาเคร่งเครียดจัง?"

"ไม่มีอะไรหรอก" ภารโรงเฒ่าตัดบท "อย่ามาถามเซ้าซี้กู กูจะทำงาน!!"

ไอ้แดงรู้สึกสงสัยในพฤติกรรมของตาเฉื่อยและครูมายด์ คิดว่าสองคนนี้ต้องคุยอะไรกันสักอย่าง แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องอะไร สุดท้าย ไอ้แดง ลูกน้องของเสี่ยเล้งก็เดินกลับออกมา ปล่อยให้ตาเฉื่อยกวาดเศษกิ่งไม้ใบไม้แห้งแบบนั้นต่อไป

ในจังหวะที่ไอ้แดงเดินกลับไป ตาเฉื่อยก็หันไปมองด้วยท่าทางหวาดระแวง ได้แต่ภาวนาว่าอย่าให้ไอ้แดงระแคะระคายอะไรไปมากกว่านี้เลย ไม่เช่นนั้นละก็เกิดเรื่องใหญ่ที่หมู่บ้านผาพิราบขาวแน่นอน ส่วนตัวแล้ว ลุงเฉื่อยไม่ได้ห่วงตัวเองหรอก แกห่วงครูมายด์มากกว่า ครูมายด์ยังสาวยังสวย แถมมาเป็นครูสอนที่โรงเรียนบ้านนอกใกล้ชายแดนตัวคนเดียวอีกต่างหาก

ตัดมาทางฝั่งมณฑกานต์ หลังจากพานักเรียนมายืนเข้าแถวเคารพธงชาติเสร็จแล้ว เธอก็พานักเรียนเข้าห้องเรียน และเตรียมพร้อมสำหรับการสอนในช่วงคาบเช้า โดยวิชาที่เธอสอนก็คือคณิตศาสตร์

หลังจากหมดคาบเรียน มณฑกานต์ก็เดินกลับไปที่ห้องพักครูพร้อมกับเด็กนักเรียนตัวน้อยที่เดินถือกองสมุดการบ้าน เธอใช้เวลาในช่วงสายของวันในการตรวจการบ้านเด็กจนเสร็จในช่วงเที่ยง

"เสร็จสักที!!1" ครูมายด์วางสมุดนักเรียนคนสุดท้ายบนโต๊ะ พลางเหลือบมองนาฬิกาบอกเวลาเที่ยงวัน อาจารย์สาวคนสวยก็เลยลุกขึ้นเพื่อไปหาข้าวเที่ยงกินที่โรงอาหาร

..............................

มนฑกานต์นั่งกินข้าวมื้อเที่ยงในโรงอาหาร มือก็ปาดสมาร์ทโฟนตรวจข่าวสารบ้านเมือง จนมาพบกับข่าวด่วนบนสื่อโซเชียลที่เด้งขึ้นมา

"เกิดการปะทะกันระหว่างกองทัพชนกลุ่มน้อยคะฉ่ายและกองทัพมินทูบริเวณตะเข็บชายแดนไทย ตอนนี้กองทัพภาคที่หนึ่ง ได้ระดมทหารเพื่อเฝ้าระวังเหตุการณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว"

ภาพข่าวที่มณฑกานต์เห็นคือการสู้รบกันระหว่างกองทัพชนกลุ่มน้อยคะฉ่ายและกองทัพมินทูที่เป็นไปอย่างดุเดือด เมื่อเช็คข่าวก็พบว่าจุดที่เกิดการปะทะกันไม่ห่างจากหมู่บ้านที่เธออาศัยอยู่มากนัก

แต่มณฑกานต์ยังรู้สึกอุ่นใจอยู่บ้าง เพราะกองทัพได้ส่งกำลังทหารเฝ้าดูสถานการณ์ตามแนวชายแดนอย่างใกล้ชิด อีกทั้งภายในโรงเรียนยังมีหลุมหลบภัยที่ถูกสร้างขึ้นไว้เตรียมพร้อมในสถานการณ์ไม่คาดฝันอีกด้วย



อาจารย์สาวยังมองโลกในแง่ดีว่าคงไม่มีเรื่องราวร้ายแรงเกิดขึ้น เพราะยังเชื่อมั่นว่าทหารและตำรวจตระเวนชายแดนจะสามารถรับมือกับสถานการณ์ต่อไปได้ หลังจากกินข้าวมื้อเที่ยงเสร็จ มณฑ์กานต์ก็กลับไปที่ห้องพักครูเพื่อเตรียมตัวสอนในช่วงคาบบ่ายต่อไป

..............................

"มายด์อยู่ที่นั่น มายด์ไม่เป็นไรนะ?" หนุ่มเบนซ์ บดินทร์ พนักงานธนาคารแผนกสินเชื่อโทรถามแฟนสาวแม่พิมพ์ของชาติด้วยความเป็นห่วง "เบนซ์ได้ข่าวว่าโรงเรียนที่มายด์สอน อยู่ใกล้กับชายแดนตรงที่มีการสู้รบในข่าวไม่ใช่เหรอ?"
"มายด์ก็ระวังตัวอยู่ แต่คิดว่าคงไม่มีอะไรหรอก" มณฑกานต์ในชุดนอนสีพาลเทลยืนมองดูวิวทิวทัศน์ด้านนอกในยามค่ำคืน "มีทหารและตำรวจตระเวนชายแดนเฝ้าดูเหตุการณ์อยู่ เบนซ์อย่าคิดมากเลย คงไม่มีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นหรอก"

"ฟังแบบนี้ก็โล่งใจหน่อย" หนุ่มเบนซ์ตอบ "งั้นเบนซ์ขอวางสายก่อนนะ พรุ่งนี้เบนซ์มีประชุมแต่เช้า ดูแลตัวเอง นอนหลับฝันดี คิดถึงเสมอนะมายด์"

"คิดถึงเหมือนกันจ๊ะ สุดหล่อของมายด์" มณฑ์กานต์ยิ้ม ก่อนกดวางสาย

หญิงสาวกลับไปทบทวนตำราหนังสือที่จะเอาไว้สอนเด็กในวันรุ่งขึ้นตามปกติ ระหว่างที่กำลังนั่งทำงาน เธอก็ได้ยินเสียงดังเหมือนพลุสองสามครั้ง ด้วยความสงสัย มณฑกานต์เลยลุกขึ้นแล้วรีบวิ่งไปดูที่หน้าต่าง

"ตู้ม!!!! ตู้ม!!! ปัง ปัง ปัง ปัง!!!"

"นั่นอะไรน่ะ?" ภาพที่มณฑกานต์เห็น คือภาพแสงไฟสีขาวเหนือแนวเทือกเขากั้นเขตชายแดนไทยและสาธารณรัฐมินทูที่ห่างออกไปราว 10 กิโลเมตร แล้วเสียงพลุที่เธอได้ยินก็ดังขึ้นอีกสองสามครั้ง

มณฑกานต์เลยเปิดสมาร์ทโฟนเช็คข่าว สำนักข่าวต่างรายงานโดยพร้อมเพียงว่าเกิดการสู้รบกันในช่วงกลางดึกของกองทัพประเทศเพื่อนบ้านและชนกลุ่มน้อยคะฉ่าย โดยทางการระบุว่ากองทัพมินทูได้ระดมยิงปืนใหญ่ใส่ฐานที่มั่นของชนกลุ่มน้อยคะฉ่ายอย่างหนัก เพื่อยึดพื้นที่คืนจากชนกลุ่มน้อย

"สถานการณ์ไม่สู้ดีแหะ" อาจารย์สาวคนสวยรีบปิดบานหน้าต่างแล้วใส่กลอนล็อกหน้าต่าง ก่อนปิดไฟแล้วกลับไปนอน แต่ยังไม่วายเช็คข่าวบนสมาร์ทโฟนที่กำลังรายงานการสู้รบระหว่างกองทัพประเทศเพื่อนบ้านและชนกลุ่มน้อยอย่างใกล้ชิด

"ท่านคะ ตอนนี้สถานการณ์บริเวณชายแดนเป็นยังไงบ้างคะ?" นักข่าวจากสำนักข่าวแห่งหนึ่งเอ่ยปากถามแม่ทัพภาคทางโทรศัพท์

"ตอนนี้ผมได้สั่งให้ทหารทุกหน่วยตรึงกำลังตามแนวชายแดน โดยมีกำลังจากตำรวจตระเวนชายแดน ทหารพราน คอยสนับสนุนตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อคอยดูแลความสงบเรียบร้อยของพี่น้องประชาชนครับ"

"ท่านคะ อยากทราบว่าการต่อสู้ระหว่างประเทศเพื่อนบ้านและชนกลุ่มน้อย จะส่งผลกระทบต่อประเทศไทยอย่างไร แล้วทางกองทัพมีหลักปฏิบัติอย่างไรในสถานการณ์เช่นนี้คะ?"

"ในสถานการณ์เช่นนี้ รัฐบาลไทยจะรักษาความเป็นกลางและไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกิจการภายในของประเทศเพื่อนบ้าน และทหารไทยจะไม่ยิงตอบโต้ใครก่อน เว้นเสียแต่จะถูกอีกฝ่ายยิง ทหารของเราจึงจะยิงโต้ตอบไป แต่จะเป็นการโต้ตอบตามสมควร จะไม่มีการทำเกินกว่าเหตุครับ" แม่ทัพภาคตอบ

มณฑกานต์ได้ฟังแบบนั้นก็รู้สึกอุ่นใจอยู่บ้าง เพราะเชื่อว่ากองทัพไทยจะสามารถรับมือกับสถานการณ์สู้รบระหว่างประเทศมินทูและชนกลุ่มน้อยคะฉ่าย ท่ามกลางเสียงดังปืนคล้ายพลุเป็นระยะ

สุดท้าย อาจารย์สาวคล้อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย เพราะพรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้าเพื่อไปสอนหนังสืออีก

..............................

ในช่วงเช้าวันรุ่งขึ้น มณฑกานต์เดินทางไปสอนหนังสือตามปกติ วันนี้อาจารย์สาวเดินผ่านตาเฉื่อย ภารโรงประจำโรงเรียนผาพิราบขาวที่กำลังกวาดรดน้ำต้นไม้อยู่

"สวัสดีค่ะลุง" หญิงสาวทักทายภารโรงเฒ่า ก่อนเดินเข้าอาคารเรียนไป

"สวัสดีครับครู" ตาเฉื่อยตอบกลับ พลางเหลือบมองสัดส่วนด้านหลังของมณฑกานต์ พอได้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งของอาจารย์สาวแล้วมันทำให้จิตใจคนแก่ใกล้ลงโลงศพมันกระชุ่มกระชวยเสียเหลือเกิน

หลังจากทำงานเสร็จ ตาเฉื่อยก็ไปหาข้าวเช้ากินแล้วก็พักผ่อนตามอัธยาศัยในห้องพักภารโรง จนกระทั่งมีคนมาตามให้ไปช่วยเปลี่ยนพัดลมติดเพดานในห้องพักครูหน่อย ตาเฉื่อยเดินไปที่ห้องเรียน พอเข้าไปก็เจอมณฑกานต์กำลังยืนดูกับเหล่าบรรดาอาจารย์ที่เหลืออีกสองสามคน

"ลุงเฉื่อย รบกวนด้วยนะคะ" มณฑกานต์ยิ้มให้ลุงเฉื่อย ที่กำลังเดินเข้ามาในห้องพักครู

"เดี๋ยวลุงจัดการให้นะครับ" ตาเฉื่อยยิ้มให้ครูสาว ก่อนปีนขึ้นไปเปลี่ยนพัดลมบนเพดานโดยใช้บันไดช่าง ตาเฉื่อยแกะพัดลมเพดานอย่างคล่องแคล้ว และใช้เวลาเพียงไม่นานก็เสร็จ "โอเค เรียบร้อยละ"

ตาเฉื่อยเดินไปกดสวิตซ์พัดลมเพื่อเช็คสภาพ พอเห็นว่าพัดลมทำงานได้ตามปกติ แกก็เตรียมเก็บของกลับห้อง แต่มณฑกานต์ได้เข้ามาแทรกพอดี

"ลุงเฉื่อย กินน้ำก่อนค่ะ" มณฑกานต์ยื่นแก้วน้ำให้ตาเฉื่อย

"ขอบคุณครับครู" ภารโรงเฒ่าหยิบเอาแก้วน้ำจากมืออาจารย์สาว ฝ่ามือที่หยาบกร้านของตาเฒ่าได้สัมผัสกับฝ่ามือที่แสนอ่อนนุ่มของมณฑกานต์ แม้เพียงแค่เสี้ยววินาที แต่สำหรับตาเฉื่อยแล้ว เรียกได้ว่านี่คือกำไรชีวิตแล้ว



มือก็นุ่ม ผิวขาวเหลืองชวนมอง ริมฝีปากอิ่มเอิบ หน้าผากโหนกนูน กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของแชมพูสระผมของมณฑกานต์ลอยแตะจมูกตาเฉื่อย คนอะไรมันจะหอมไปทั้งตัวได้ถึงขนาดนี้เนี่ย แม่คุณ!!!
ตาเฉื่อยดื่มน้ำที่มณฑกานต์หยิบยื่นมาให้ดับกระหาย ก่อนหอบบันไดช่างและกล่องอุปกรณ์ช่างกลับไปที่ห้องพักภารโรง พอกลับมาถึงห้อง ตาเฉื่อยก็นั่งยิ้มแป้นอย่างมีความสุข แกเริ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังตกหลุมรักครูสาวรุ่นราวคราวลูกคราวหลานมากขึ้นก็ครั้งนี้แหละ

"ไม่เอาซิว้า!!! หักห้ามใจเถอะมึง!!!" ตาเฉื่อยพยายามเตือนสติตัวเอง ไม่ให้คิดไปไกลกว่านี้ ตัวเองแก่ใกล้จะลงโลงอยู่แล้ว ยังจะคิดอยากมีเมียเด็กรุ่นราวคราวลูกคราวหลาน และที่สำคัญยังเป็นแม่พิมพ์ของชาติอีก สถานะทางสังคมต่างกันมากเกินไป

สุดท้ายเสียงกริ๊งพักเที่ยงก็ดังขึ้น ตาเฉื่อยได้ยินเสียงเจื้อยแจ้วของเด็ก ๆ ดังขึ้น ก็เลยลุกขึ้นเดินไปดูด้านนอก ก็เห็นกลุ่มนักเรียนกำลังวิ่งไปโรงอาหารเพื่อหาข้าวเที่ยงกิน

"อย่าวิ่งค่ะนักเรียน!!! เดี๋ยวหกล้มนะคะ!!!" ครูมายด์เอ่ยปากเตือนนักเรียนตัวน้อยด้วยความเป็นห่วง พอเห็นตาเฉื่อยยืนดูอยู่ ครูสาวก็หันมายิ้มหวานให้ "ไม่กินข้าวเหรอคะลุง?"

"เดี๋ยวลุงตามไปครับ" ลุงเฉื่อยยิ้มตอบ

มณฑกานต์ในชุดเครื่องแบบสีกากีเดินตามเด็กนักเรียนไปกินข้าวที่โรงอาหาร ตาเฉื่อยรู้จักว่าอาจารย์สาวคนสวยจากเมืองหลวงคนนี้เริ่มปรับตัวกับชีวิตชนบทได้มากขึ้นแล้ว มณฑกานต์กลายเป็นขวัญใจของใครหลายคนในโรงเรียนผาพิราบขาว ไม่ว่าจะเป็นเหล่าบรรดานักเรียนตัวน้อย หนุ่มน้อยและหนุ่มใหญ่ภายในหมู่บ้านที่ต่างแวะเวียนมาดูความสวยของสาวเมืองกรุงอย่างมณฑกานต์

แต่คนอย่างมณฑกานต์นั้นไม่ได้สนใจอะไร เธอสนเพียงแค่ได้ทำหน้าที่เป็นแม่พิมพ์ของชาติที่ดี ได้สอนหนังสือเหล่านักเรียนตัวน้อย ให้เติบโตขึ้นมาเป็นคนดีในสังคมต่อไป อีกอย่างคือเธอมีคนรักอย่างหนุ่มเบนซ์ บดินทร์ พนักงานฝ่ายสินเชื่อของธนาคาร เป็นเจ้าของหัวใจตัวจริงอยู่แล้ว

ตาเฉื่อยเดินไปที่โรงอาหาร นั่งกินข้าวอยู่คนเดียว ตาเฒ่าแอบมองอาจารย์สาวที่กำลังนั่งกินข้าวและนั่งเล่นสมาร์ทโฟนอยู่ฝั่งตรงข้าม

ไม่รู้ว่าอะไรมันดลใจให้ตาเฒ่าอย่างไอ้เฉื่อย ถึงมาตกหลุมรักเด็กสาวรุ่นราวคราวลูกคราวหลานได้ถึงขนาดนี้ จะว่าไปแกเองก็ครองตนเป็นโสดมานาน เมียก็ตายไปหลายปี ไม่มีลูกด้วยกัน ทุกวันนี้อยู่ได้เพราะมีหลานคอยดูแล แต่บางทีคนแก่ก็อยากมีใครสักคนคอยดูแลเอาอกเอาใจบ้าง

พอรู้สึกว่ามีใครมอง มณฑกานต์ก็เลยเงยหน้าขึ้นมา เธอเห็นตาเฉื่อยกำลังมองมาที่เธออยู่ ตาเฉื่อยที่รู้ตัวก็เลยรีบก้มหน้ากินข้าวไปตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

"แกมองอะไรของนะ?" มณฑกานต์ครุ่นคิดในใจ แต่ก็ไม่ได้ติดใจอะไร อาจารย์สาวคนสวยหันกลับมากินข้าวและเลื่อนหน้าจอสมาร์ทโฟนดูข่าวสารบ้านเมืองต่อไป

..............................

ในช่วงบ่าย มณฑกานต์ได้ทำการตรวจการบ้านเด็กนักเรียน กว่าจะเสร็จก็กินเวลาไปเกือบห้าโมงเย็น เรียกได้ว่านี่คือกิจวัตรประจำวันของอาจารย์สาวผู้มั่นในอุดมการณ์อย่างเธอเลยก็ว่าได้

'เห้อ!!! เสร็จสักที!!!" ร่างบางจัดวางกองสมุดของนักเรียนไว้บนโต๊ะ ก่อนเตรียมตัวเก็บกระเป๋าและสัมภาระกลับบ้านพักของตัวเอง ตั้งใจว่าอยากจะนอนพักผ่อนยาว ๆ เพราะวันนี่คือวันศุกร์สุดสัปดาห์สักหน่อย

มณฑกานต์ลุกขึ้นหยิบกระเป๋าสะพายแล้วเดินออกมาจากห้อง ก่อนเดินออกมาก็ไม่ลืมที่จะปิดสวิตซ์ไฟและปิดประตู ระหว่างเดินลงมาจากอาคาร อาจารย์สาวก็เหลือบเห็นไอ้แดง ลูกน้องเสี่ยเล้งกำลังยืนคุยกับคนแปลกหน้าอยู่หน้าโรงเรียน

มณฑกานต์นึกถึงคำเตือนของลุงเฉื่อย ที่อย่าไปยุ่งกับคนพวกนี้ เธอก็เลยเดินเลี่ยงไป แต่ไม่วายถูกไอ้แดงเรียกทักจนได้

"จะกลับแล้วเหรอจ๊ะครู?" ไอ้แดงเอ่ยปากถามกับมณฑกานต์

"ค่ะ" มณฑกานต์ตอบแบบขอไปที หญิงสาวเหลือบเห็นสายตาของคนแปลกหน้าในชุดสีดำกางเกงสีดำ แถมหน้าตาคนพวกนี้ดูเหมือนไม่ใช่คนแถวนี้

"สวยจังน้องสาว!!!" หนึ่งในชายชุดดำเอ่ยปากแซวด้วยสำเนียงแปลก ๆ ที่ฟังดูแล้วไม่น่าจะใช่คนแถวนี้ ท่ามกลางเสียงหัวเราะชอบใจของพรรคพวก

มณฑกานต์รีบเดินหนีออกไปให้เร็วที่สุด เพราะรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย ท่ามกลางเสียงหัวเราะของไอ้แดงและพรรคพวก

"พวกมึงอย่าเสียมารยาท นั่นครูมายด์ แฟนเสี่ยเล้งนะเว้ย!!!" ไอ้เล้งเอ่ยปากห้ามพรรคพวกที่เป็นคนจากประเทศเพื่อนบ้าน

"แล้วไง? สวย ๆ แบบนี้น่าจับทำเมียชะมัด" ไอ้อ่องเอ่ยปากขึ้นมา "ตูดเป็นตูด เอวเป็นเอว มันน่านัก!!!"

"เห้ย!!! ให้มันน้อย ๆ หน่อย ผู้หญิงคนนี้ เสี่ยเล้งจองไว้แล้ว" ไอ้แดงออกโรงเตือน "ว่าแต่พวกมึงจะเอายังไงต่อ?"

"ตอนนี้ทหารมินทูกับทหารคะฉ่ายกำลังยิงกันไฟแลบที่ฝั่งโน้น ทหารกับตำรวจไทยก็อยู่กันเต็มพื้นที่ชายแดนไปหมด" ไอ้อ่องตอบ "พวกเราคงต้องหลบอยู่ที่นี่สักระยะ รอจนกว่าสถานการณ์สงบ พวกเราถึงจะกลับไป"

"เดี๋ยวพวกมึงตามกูมาที่บ้านเสี่ยเล้ง มาเอาเงินส่วนแบ่ง แล้วจะไปไหนก็ไป" ไอ้แดงตอบ "นั่น!! รถมาแล้ว ไปโว้ย!!"

แล้วไอ้แดงและพรรคพวกก็ขึ้นรถกระบะที่เสี่ยเล้งส่งมารับกลับไปที่บ้านเพื่อรับค่าจ้าง ก่อนแยกย้ายกันไปทางใครทางมัน

ขณะเดียวกัน มณฑกานต์ที่กำลังเดินกลับบ้านแอบสังเกตเห็นท่าทางผิดสังเกตของไอ้แดงและคนแปลกหน้าเหล่านั้น ในใจก็สังหรณ์ใจว่าไม่น่าจะใช่เรื่องที่ดีแน่นอน

"จะเอาไงดีนะเรา?" มณฑกานต์คิดหนัก ในใจก็อยากจะสืบหาความจริง แต่อีกใจก็กังวลจากคำเตือนของลุงเฉื่อย ที่ได้เตือนออกมาแล้วว่าอย่าไปยุ่งกับเรื่องของคนพวกนี้

แต่ว่า ถ้าเกิดคนพวกนี้กำลังวางแผนไม่ดีอยู่ละ? ชาวบ้านตาดำ ๆ และเด็กนักเรียนที่ไม่ได้รู้อิโหน่อิเหน่เกิดเดือดร้อนไปด้วย จะเป็นยังไง?

..............................

หลังจากกลับมาถึงบ้าน มณฑกานต์ก็อาบน้ำ แต่งตัวแล้วใช้เวลาที่เหลือไปกับการพักผ่อนด้วยการดูเน็ตฟลิกซ์ทางเน็ตในช่วงค่ำของคืนวันศุกร์ พอดูไปได้สักพัก หนุ่มเบนซ์ก็ไลน์เข้ามาทักแฟนสาวด้วยความคิดถึง

"สวัสดีคนสวย ทำอะไรอยู่?"

"ดูหนังอยู่ค๊า สุดหล่อ" มณฑกานต์นอนคว่ำดูเน็ตฟลิกซ์บนโน๊ตบุ๊คอย่างสบายอารมณ์ มือก็กดพิมพ์โต้ตอบแฟนหนุ่มอย่างอารมณ์ดี "คิดถึงเค้าเหรอเตงงงง?"



"คิดเถิงงงง คิดเถิงงงงงใจจะขาดเลยจ๊ะ" หนุ่มเบนซ์พิมพ์ไลน์กลับมา พร้อมตบท้ายด้วยรูปตัวการ์ตูนน่ารัก

"เป็นไงบ้าง ประชุมเสร็จหรือยัง?" สาวมายด์พิมพ์ถามกลับไป พลางเหลือบมองนาฬิกาเป็นเวลาเกือบสองทุ่ม ก็คิดว่าน่าจะประชุมกันเสร็จแล้ว

"เสร็จแล้ว นี่ก็มาปาร์ตี้กับพี่ที่ทำงานกัน" หนุ่มเบนซ์ตอบกลับมา

"จ้า อย่าดื่มเยอะนะ เป็นห่วง ขับรถกลับก็ขับดี ๆ ล่ะ" แสงหน้าจอสีฟ้าฉายบนใบหน้าของมณฑกานต์ "มีอะไรก็ทักมาละกันสุดหล่อ"

พอวางโทรศัพท์ สาวมายด์ก็นั่งดูเน็ตฟลิกซ์ต่อ จนเวลาล่วงเลยมาถึงช่วง 4 ทุ่ม อาจารย์สาวคนสวย ขวัญใจเด็กนักเรียนหมู่บ้านผาพิราบขาวก็ปิดโน๊ตบุ๊คเตรียมเข้านอน

หญิงสาวลุกขึ้นบิดขี้เกียจ เตรียมไปเข้าห้องน้ำทำธุระส่วนตัว พอเดินออกมา มณฑกานต์ก็ได้ยินเสียงผิดปกติหน้าบ้าน

"เสียงอะไรน่ะ?" มณฑกานต์ร่นคิ้วย่องมองหน้าประตูด้วยความสงสัยว่ามีเสียงอะไรดังอยู่ด้านนอก

ด้วยความสงสัย มณฑกานต์ก็เลยปลดล็อคกลอนประตูแล้วตั้งใจจะแง้มประตูออกไปดูว่ามีอะไรอยู่ด้านนอก แค่นั้นเองกลุ่มชายฉกรรจ์ชุดดำจำนวนสามคนก็รุมเข้ามาหามณฑกานต์ทันที

"อร๊าย!!! อะไรเนี่ยพวกแก!! ช่วยด้วย!!!" มณฑกานต์พยายามร้องขอความช่วยเหลือ แต่กลับถูกกลุ่มชายฉกรรจ์ผลักเข้าไปในห้อง พร้อมกับพยายามโปะยาสลบใส่หน้า

"อย่าขัดขืน ไม่งั้นตาย!!!!" ชายฉกรรจ์ในชุดดำคลุมโม่งกลุ่มนี้ขู่มณฑกานต์ด้วยสำเนียงที่ไม่ใช่คนไทยอย่างแน่นอน มณฑกานต์พยายามต่อสู้ขัดขืน แต่ด้วยฤทธิ์ยาสลบ เลยทำให้เธอสิ้นแรงกลุ่มชายฉกรรจ์ชุดดำกลุ่มนั้นเลยประคองร่างของอาจารย์สาวคนสวยลงไปนอนบนเตียง

ในจังหวะนั้นเอง กลุ่มชายฉกรรจ์สามคนก็เกิดมีปากเสียงกัน มณฑกานต์ที่อยู่ในสภาพกึ่งหลับกึ่งตื่นได้ยินเสียงโต้เถียงที่ฟังไม่รู้เรื่อง และไม่น่าจะใช่ภาษาไทยแน่นอน

"พวกมึง!!! ออกไปให้หมด!!!"

และแล้วอัศวินขี่ม้าขาวก็ปรากฏตัวขึ้น ไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นตาเฉื่อย ภารโรงหนุ่มใหญ่วัย 60 ปี ที่ถือปืนลูกซองแฝดเข้ามาภายในบ้านพักอาจารย์เพื่อเข้ามาช่วยเหลือมณฑกานต์จากพวกทรชน พวกมันทั้งสามยืนชิดเรียงแถวหน้ากระดาน ยกมือขึ้นเหนือหัวเพื่อแสดงว่ายอมจำนน

"พวกมึงไปเลยนะ!!! ก่อนที่กูจะเปลี่ยนใจ!!!" ตาเฉื่อยเล็งปืนลูกซองแฝดใส่ทรชนอย่างไม่เกรงกลัว "ไป!!!"

พอสิ้นสุดคำขู่ของตาเฉื่อย กลุ่มชายชุดดำทั้งสามคนก็รีบวิ่งออกไปจากบ้าน เหลือไว้เพียงแค่ตาเฉื่อยในชุดกางเกงขาก๊วยสีดำ เสื้อยืดสีขาวถูก ๆ และมณฑกานต์ในชุดนอนแขนยาวสีชมพู กางเกงขาสั้น ที่นอนหมดสภาพอยู่บนเตียง

มณฑกานต์มองดูตาเฉื่อยด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความหวัง เพราะเข้าใจว่าตาเฉื่อยจะเข้ามาช่วย แต่ความจริงแล้ว...

ตาเฉื่อยเดินไปที่ประตู เหลือบมองซ้ายขวา จนมั่นใจแล้วว่าไม่มีใคร ก็เลยล็อคประตูแล้ววางปืนลูกซองเอาไว้ที่โต๊ะ ก่อนเดินเข้ามาหาอาจารย์สาวคนสวยที่ยังสลึมสลือด้วยฤทธิ์ยา

"เกือบไปแล้วนะครับคุณครู" ตาเฉื่อยเอ่ยปากด้วยความเป็นห่วงเป็นไย ทว่าท่าทางกลับตรงกันข้าม ชายสูงวัยถลกเสื้อยืดของตัวเองออก แล้วทิ้งตัวนั่งลงไปข้างอาจารย์สาวที่กำลังตื่นตระหนกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น "ไม่ต้องกลัวแล้วนะครับ ลุงมาช่วยแล้ว"

"อื้อ!!!" มณฑกานต์พยายามขัดขืน ไอ้คำว่าช่วยของตาเฉื่อยนี่คืออะไรกันแน่ ตัวร้ายที่แท้จริงในคราบพระเอกถือวิสาสะลูบไล้เรียวขาสวยของอาจารย์สาวคนสวยที่ตัวเองแอบหมายปองมานาน

"ขาสวยจริง ๆ ครับคุณครู" ตาเฉื่อยหันไปยิ้มให้มณฑกานต์ ก่อนทำในสิ่งที่คาดไม่ถึง ด้วยการโน้มตัวลงไปโลมเลียขาของอาจารย์สาวคนสวยราวกับว่าเป็นแท่งไอศกรีมยังงั้นเลยทีเดียว

ตาเฉื่อยทั้งเลียและซุกไซเรียวขาของอาจารย์มณฑกานต์คนสวยด้วยไฟเสน่หา ชายสูงวัยยกขาแม่พิมพ์ของชาติขึ้นจนเผยให้เห็นข้อพับเข่าด้านใน ภารโรงเฒ่าหันไปยิ้มให้อาจารย์สาว ก่อนทำการละเลียดด้วยปลายลิ้นตรงข้อพับด้านในนั้นด้วยไฟเสน่หา

"ขอให้รับรู้ไว้นะครับ ว่าสิ่งที่ลุงทำไปทั้งหมด เพราะลุงรักครูนะครับ" ตาเฉื่อยสารภาพความในใจออกมา "เป็นเมียลุงนะครับคุณครู"

"อือ....อย่า...อย่า....ไม่!!" มณฑกานต์พยายามร้องขอความเมตตาจากตาเฉื่อย ที่ตอนแรกก็คิดว่าเป็นพ่อพระ เป็นพระเอกขี่ม้าขาวจะมาช่วยเธอจากแก๊งทรชน แต่ความจริงแล้ว ตาเฉื่อยแกก็แอบเล็งมณฑกานต์มานานแล้วเหมือนกัน

"ไม่ต้องกลัวนะครับ ถ้าเกิดครูท้องขึ้นมา เดี๋ยวลุงรับผิดชอบเองนะครับ" ตาเฉื่อยยืนยันความเป็นสุภาพบุรุษจอมปลอมให้มณฑกานต์ได้เข้าใจ ขณะกำลังจะยัดเยียดความเป็นสามีให้กับแม่พิมพ์ของชาติผู้แสนโชคร้ายคนนี้


...แล้วจุดเริ่มต้นของปฏิบัติการณ์อุกอาจของตาเฉื่อยมันเริ่มจากตอนไหนกันนะ? เพื่อที่จะเข้าใจเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จำเป็นที่ต้องเล่าย้อนหลังกลับไปที่จุดเริ่มต้นของเรื่องราวเสียก่อน

..............................

หลังจากได้รับเงินจากเสี่ยเล้ง ไอ้อ่องและเกลอก็พูดคุยกันว่าจะเอายังไงต่อ เพราะตอนนี้จะข้ามฝั่งไทยไปก็ไม่ได้ เพราะมีแต่ทหารและตำรวจตระเวนชายแดนอยู่เต็มไปหมด

"เฮ้ย!! พวกมึงอ่ะ" ไอ้อ่องนั่งกินข้าวอยู่ร้านก๋วยเตี๋ยวริมถนนสถานีขนส่งไม่ไกลจากหมู่บ้าน มันพูดด้วยภาษามินทูกับเพื่อนอีกสองคน "พวกมึงเห็นคุณครูคนไทยคนนั้นไหม?"

"เห็นซิลูกพี่" ลูกน้องของไอ้อ่องตอบ "โคตรสวยเลยวะ เสียดายที่เป็นเมียไอ้เล้งมัน"

"ช่างหัวไอ้เล้งเถอะ!!!" ไอ้อ่องตอบหน้ามุ่ย ก่อนเริ่มเข้าประเด็นสำคัญ "แล้วพวกมึงอยากได้นังนั่นเป็นเมียไหม?"

"เอาดิลูกพี่ ลูกพี่มีแผนเหรอ?" ลูกน้องของไอ้อ่องสองคนหันไปมองหน้ากัน ก่อนหันกลับมามองไอ้อ่องลูกพี่ใหญ่ "พวกเราเอาด้วยลูกพี่!!! เรื่องกาม ๆ ขอให้บอก ไม่เคยพลาด!!!"

"คืนนี้ เดี๋ยวสักประมาณสามสี่ทุ่ม เราจะลงมือกัน" ไอ้อ่องตอบด้วยภาษาท้องถิ่นในร้านก๋วยเตี๋ยว โดยที่พวกมันทั้งสามไม่ทันสังเกตเลยว่า ตาเฒ่าที่นั่งข้างหลังคือตาเฉื่อย และที่สำคัญ แกฟังภาษาของพวกมันออก

หลังจากสามทรชนจ่ายเงินกับแม่ค้าแล้วเดินกลับออกไป ตาเฉื่อยก็หันไปมองทั้งสามคนด้วยแววตาสงบนิ่ง เหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรบางอย่างที่ไม่มีใครรู้ได้

...ใครจะไปคิด ว่าคนอย่างตาเฉื่อย ที่ตอนแรกก็คิดว่าจะเป็นพระเอกขี่ม้าขาวมาช่วยมณฑกานต์ จะกลายมาเป็นตัวร้ายเสียเอง เมื่อตาเฉื่อยถือวิสาสะหยิบชิ้นปลามันที่ไอ้อ่องและพรรคพวกเล็งเอาไว้ไปกินเสียเอง

ย้อนกลับไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน มณฑกานต์ได้มีโอกาสไปดูดวงกับหมอดูตาบอดท่านหนึ่ง ที่มีเสียงเล่าลือกันว่าสามารถทำนายอนาคตได้อย่างแม่นยำ โดยมณฑกานต์ได้เดินทางไปกับเพื่อนสนิทเพื่อให้หมอดูตาบอดท่านนี้ได้ทำนายทายทักในเรื่องต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น สุขภาพ อาชีพการงาน และความรัก

"เราเป็นคนมีวาสนาดี สุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคภัยเบียดเบียน อาชีพการงานจะรุ่งเรือง เป็นที่ยอมรับของผู้คน จะมีชื่อเสียงจากการทำงานไกลต่างบ้านต่างเมือง" หมอดูตาบอดทำนายผลจากการสัมผัสฝ่ามือของมณฑกานต์

"แล้วเรื่องความรักละคะหมอ?" มณฑกานต์ถาม "กับแฟนที่คบอยู่ปัจจุบัน จะได้คบกันยาวถึงขั้นแต่งงานเลยหรือเปล่าคะ?"

"อืม..." หมอดูตาบอดนิ่งเงียบ "ผู้ชายคนนี้ยังไม่ใช่ตัวจริงของเรานะ จะมีเหตุให้เลิกกัน"

"เลิกกัน?" หญิงสาวร่นคิ้วด้วยความแปลกใจ "เพราะอะไรรู้ไหมคะ? มีมือที่สามเหรอ?"

"อืม...ด้วยหลายปัจจัย" หมอดูตาบอดตอบ "ที่หมอพอจะบอกได้ก็คือระยะทาง ระยะทางที่ไกลเกินไป เลยทำให้ใจคนเปลี่ยนแปลง"

พอได้ยินแบบนั้น มณฑกานต์ก็เก็บเอาไปนอยด์อยู่หลายวัน เธอเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้หนุ่มเบนซ์ บดินทร์ฟัง ชายหนุ่มก็หัวเราะร่วน

"หมอดูก็คู่กับหมอเดานั่นแหละมายด์" หนุ่มเบนซ์ตอบ "อย่าเก็บเอามาคิดมากเลย ยังไงเบนซ์ก็ยังรักมายด์เหมือนเดิมไม่เปลี่ยนใจหรอก"

"ได้ยินแบบนี้ก็ค่อยยังชั่วหน่อย สัญญากับมายด์นะว่าจะรอมายด์กลับมา มายด์ไม่ได้ไปมีคนอื่นนะเบนซ์ มายด์ไปทำงาน ไปสอนหนังสือเด็ก"

"อืม เบนซ์สัญญา" หนุ่มธนาคารแผนกสินเชื่อธุรกิจให้คำมั่นสัญญากับว่าที่อาจารย์สาวแม่พิมพ์ของชาติ ก่อนที่มณฑกานต์จะเดินทางมาสอนหนังสือที่โรงเรียนผาพิราบขาวในเวลาต่อมา

..............................

ตัดมาที่ปัจจุบัน ตอนนี้ตาเฉื่อยกำลังถือวิสาสะสำรวจเรือนร่างของมณฑกานต์ที่นอนแผ่หลาอยู่บนเตียงนอนโดยไม่อาจขัดขืนได้ ต้องขอบคุณฤทธิ์ยาสลบที่พวกแก๊งสามช่านั่นใช้เพื่อหวังเคลมอาจารย์สาว สุดท้ายเลยกลายเป็นตาเฉื่อยเลยฉวยโอกาสหยิบชิ้นปลามันนี้มาครองแทน

"เป็นบุญวาสนาของไอ้เฉื่อยจริง ๆ ที่จะได้เมียเป็นครู" ชายสูงวัยเริ่มปลดกระดุมเสื้อนอนของมณฑกานต์ไล่เรียงตั้งแต่เม็ดบนจนถึงเม็ดล่าง "ขาวเหลือเกินนะแม่คุณเอ้ย!!!"

"อือ!!!!!" มณฑกานต์ร้องครางในลำคอ ขณะกำลังถูกตาเฉื่อยเปิดเสื้อแล้วซุกไซ้ท้องน้อยของเธออย่างหื่นกระหาย

"หอมเหลือเกิน หอมทั้งตัวเลย" ตาเฉื่อยเงยหน้ามองอาจารย์สาวคนสวยด้วยรอยยิ้ม "เมียรักของลุงเฉื่อย"

ว่าแล้วตาเฉื่อยก็เลยถลกบราเซียสีขาวออก จนเผยให้เห็นยอดปทุมถัน ไม่รอช้า ชายสูงวัยละเลียดชิมรสชาตินมสดจากเต้าแม่พิมพ์ของชาติด้วยความหื่นกระหาย

"อย่า!!! อย่าค่ะลุงเฉื่อย!!" มณฑกานต์ครางอู้อี้ในลำคอ แต่ก็ไม่อาจนำพา เพราะตอนนี้ตาเฉื่อยกำลังหน้ามืด ไม่สนผิดชอบชั่วดีอีกแล้ว

ตาเฉื่อยถอดเสื้อนอนของมณฑกานต์ออก แล้วก็ล้วงมือเข้าไปปลดตะขอบบราเซียของครูสาว ตอนนี้ช่วงบนของมณฑกานต์เปลือยเปล่าหมดจด เผยให้เห็นหน้าอกหน้าใจที่แม้แต่หนุ่มเบนซ์คนรักก็ไม่เคยได้เห็นมาก่อน

แล้วตาเฉื่อยเป็นใครกัน ถึงได้ถือวิสาสะมาทำเช่นนี้ แต่ใครจะไปสนใจล่ะ แข่งอะไรมันแข่งได้ แต่แข่งบุญแข่งวาสนามันแข่งกันไม่ได้ ว่าแล้วตาเฉื่อยโน้มศีรษะลงไปซุกกลางอกของมณฑกานต์ แกส่ายหัวไปมาเพื่อสัมผัสกับความนุ่มเนียนของเนินเขาคู่ มือก็บีบเค้นเต้าอาจารย์สาวคนสวยจนแทบแหลกเละคามือ เรียกได้ว่านี่มันเกินที่ฝันแล้วไอ้เฉื่อย

"อือ!!!" ร่างบางพยายามร้องขอความช่วยเหลือ หนวดของตาเฉื่อยถูไถกับเนินอกของเธอ จนทำให้เกิดความรู้สึกระคายเคืองปนสยิวในคราวเดียวกัน

"เดี๋ยวเรามาสนุกกันนะครับเมียรักของลุง" ว่าแล้วตาเฉื่อยก็ถอดกางเกงขาสั้นของมณฑกานต์ออก จนเผยให้เห็นกางเกงชั้นในสีขาวลายลูกไม้

และภาพที่ทำให้ตาเฉื่อยถึงกับต้องกลืนน้ำลายดังเอื้อก คือความโหนกนูนของเนินสาว เรียกได้ว่าถูกใจตาเฉื่อยยิ่งนัก ถ้าเป็นภาษาวัยรุ่นสมัยนี้ก็ต้องบอกว่าอยากกระแทกไลค์อยากกดเลิฟให้เลยทีเดียว

"อือ!!! ลุงเฉื่อย!!! อย่าค่ะ!!!!" หญิงสาวพยายามร้องห้ามตาเฉื่อย ที่กำลังถือวิสาสะโน้มศีรษะลงไปสูดดมกลิ่นกายสาวตรงเป้ากางเกงของเธอ นี่มันอะไรกันนะ ทำไมเธอต้องมาเจอเรื่องอะไรแบบนี้ด้วย "ใครก็ได้ช่วย....อุ๊บ!!!!"

"อย่าร้องนะครับ!!!!" ตาเฉื่อยต้องเล่นบทโหดด้วยการปิดปากอาจารย์สาว "แถวนี้มีแต่คนอยากล่อครูทั้งนั้นแหละ ยอมเป็นเมียผมซะ แล้วครูจะได้อยู่อย่างปลอดภัย"

พอเจอทั้งปลอบทั้งขู่แบบนี้ มณฑกานต์ก็เลยปล่อยโฮออกมา อยากจะลุกแล้วหนีก็ทำไมได้เพราะฤทธิ์ยา

"อูมดีเหลือเกิน นี่มันแม่พันธุ์ชั้นเลิศเลยนะเนี่ย" ตาเฉื่อยจอมหื่นโน้มตัวลงซุกไซ้เนินสาวของมณฑกานต์ ทั้งสูดดมและโลมเลีย จนหญิงสาวร้องครางออกมา

พออดใจไม่ไหว ตาเฉื่อยก็เลยถลกกางเกงในตัวน้อยออกมา และในที่สุด ความลับของอาจารย์สาวก็เปิดเผยต่อสายตาของภารโรงเฒ่าจอมหื่น และนั่นคือภาพที่สวยงามที่สุดในชีวิตของชายชราเลยก็ว่าได้

เนินสาวอวบอูม ไรขนขึ้นเป็นแนวสามเหลี่ยม และที่สำคัญก็คือ กลีบสาวขาวเนียนเหมือนผลตาลเฉาะ พอเห็นอะไรสวยงามแบบนี้ ก็เลยทำให้ตาเฉื่อยรู้สึกคอแห้งผาก อยากดื่มอะไรแก้กระหายเสียหน่อย

"ขอลุงชิมหน่อยนะครับ" ว่าแล้วตาเฉื่อยก็โน้มศีรษะลงไปดูดเลียกลีบสาวของมณฑกานต์ ที่เรียกได้ว่าไม่ผิดหวัง

"อื้อ!!!!" มณฑกานต์ครางกระเส่าด้วยความสยิว เมื่อถูกปลายลิ้นของภารโรงเฒ่าตวัดเลียตรงจุดที่อ่อนไหวที่สุดในร่างกาย "อย่า...ค่ะ...อื้ออออ!!!"

ร่างบางทำได้เพียงแค่ครางออกมา ส่วนตาเฉื่อยกำลังเพลิดเพลินไปกับการละเลียดกลีบสาวที่กำลังเปียกแฉะ ยังไม่หนำใจเพียงเท่านี้ ชายชราแหวกกลีบสาวจนเผยให้เห็นเนื้ออ่อนสีชมพูและถ้ำสาวที่กำลังตอดรัดเป็นจังหวะท้าทายสายตา

ว่าแล้วตาเฉื่อยก็ห่อลิ้นแล้วแทงเข้าไป มณฑกานต์ถึงแอ่นตัวเกร็ง หญิงสาวหลับตาพริ้ม แก้มแดงระเรือด้วยความเสียวซ่าน

ตาเฉื่อยใช้ลิ้นดุนดันเข้าไป สลับกับการตวัดเลียรอบทางเข้าถ้ำสาวที่แสนหวานและชุ่มฉ่ำ ชายชราเพลิดเพลินไปกับการละเลียดชิมน้ำหวานที่ไหลออกมาเป็นสายจากถ้ำสาวของมณฑกานต์

"อ๊า!!!!" มณฑกานต์ตอนนี้ได้แต่แอ่นตัว ลืมไปหมดแล้วว่าเธอกำลังถูกตาเฉื่อยขืนใจ สิ่งที่รับรู้ในตอนนี้มีเพียงแค่รสชาติความเสียวที่แปลกใหม่ มันให้ความรู้สึกเหมือนตอนที่เธอสำเร็จความใคร่ด้วยปลายนิ้วของตัวเอง เพียงแต่ครั้งนี้ มันทรงพลังกว่าเยอะ

ลิ้นของตาเฉื่อยโลมเลียไปทั่วถ้ำสาวและกลีบกุหลาบงามจนเปียกแฉะ ใบหน้าของชายสูงวัยเปียกชุ่มไปด้วยสารคัดหลั่งจากช่องปากของตัวเองและถ้ำสาวของมณฑกานต์ พอรู้สึกว่าฝ่ายหญิงเริ่มเครื่องร้อนได้ที่ ตาเฉื่อยก็คิดว่าคงถึงเวลาแล้วที่จะต้องมอบประสบการณ์พิเศษ ที่มณฑกานต์จะไม่มีวันลืมตลอดไปจนวันตาย


ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ ทุกท่านสามารถติดตามเรื่องราวทั้งหมดผ่านทาง Fictionlog, Tunwalai และฉบับเต็มใน MEB ตามที่ท่านสะดวก ขอบพระคุณอย่างสูงที่อุดหนุนค่าขนมให้ผมครับ สัญญาว่าจะสร้างสรรค์ผลงานที่เสียวสะท้านทรวงทั้งบนดินและใต้ดินตลอดไป
ฝากติดตามเพจเฟสบุ๊คของผมด้วยนะครับ

https://web.facebook.com/Nato87.The.Storyteller

chanky2007

พระเอกจะขี่ม้าขาวแล้ว ขาวเนียนด้วย
เมื่อวานเห็นท่านนาโต้มาในแชทก็คิดว่า น่าจะมีของมาฝาก
แล้วก็มีด้วย แต่ค้างไปหน่อย

ขอบคุณครับ

Nato87 : ขอฝากร้านนิดนึงนะครับ (อย่าพึ่งลำคาญนะครับ ช่วงนี้ต้องขายของหน่อย) สำหรับตอนที่เหลือทั้งหมดให้ติดตามทาง MEB ตามที่ผมได้แปะลิ้งค์เอาไว้ นั่นเป็นตอนที่สมบูรณ์ที่สุดแล้ว มีทั้งหมด 2 เล่ม เล่มละ 20 ตอนครับ หรือท่านสามารถติดตามผ่านทาง Fictionlog และ Tunwalai ได้ (แต่อาจจะช้าหน่อย เพราะผมต้องรีไรท์บางบทใหม่ตามฉบับเต็มครับ)
คิดว่าดี ก็ทำไป

tetete


Alligator





sofee


asdf4321

ลุงเฉื่อนมามุกลุงพลเลย ดีกว่าหน่อยตรงที่คาบเหยื่อชาวบ้านไปแซบ ไม่ได้วางยาเอง เหอๆๆ ขอบคุณครับ
แม้ว่าใครจะประเมินตัวเราให้ต่ำต้อย แต่คุณค่าของเราไม่ได้ด้อยตามไปด้วย



makesomenoise666




Ideology