ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

แค้นนี้ต้องชำระ (ไม่มีฉากหวิว อ่านเพลินๆตั้งรับโควิด19)

เริ่มโดย apinyaporn, มีนาคม 17, 2020, 03:49:16 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

apinyaporn

เล่าย้อนไปตอนอายุสามสิบกลางๆผมรับราชการครูอยู่ในกรุงเทพได้สิบกว่าปีอยู่ดีๆก็นึกทะลึ่งอยากจะหาประสบการณ์ไปเป็นครูบ้านนอก ข้อดีคือนอกจากจะเลื่อนขั้นตำแหน่งเร็วกว่าอยู่ในเมืองแล้วยังถือโอกาสได้ใช้ความรู้ความสามารถเผื่อแผ่ไปยังท้องถิ่นห่างไกลอีกด้วย

หลังจากยื่นความจำนงรออยูเกือบปีผมเลือกขอย้ายตัวเองไปที่โรงเรียนประจำอำเภอแห่งหนึ่งในจังหวัดเลย เมื่อถึงวันจริงๆทางเขตการศึกษาภาคเสนอให้ไปรับตำแหน่งในโรงเรียนที่มีขนาดเล็กกว่าแต่กินตำแหน่งรองผู้อำนวยการซึ่งถือว่าขั้นสูงกว่า พิจารณาดูแล้วทำเลที่ตั้งก็ไม่ได้ห่างไกลจากโรงเรียนเดิมสักเท่าไหร่จึงตอบตกลง โรงเรียนระดับมัธยมขนาดกลางมีนักเรียนไม่เกินหนึ่งพันคนแบ่งการเรียนการสอนเป็นหกระดับชั้นตามหลักสูตรของกระทรวง ผมสูดหายใจแรงเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดฟอกขัดล้างคราบฝุ่นควันพิษจากเมืองหลวงที่เกาะเกราอะกรังเป็นตะกรันนานนับตั้งแต่เกิด

ความแปลกประหลาดอย่างแรกคือที่นี่ทุกคนรู้จักกันหมด ครูอาจารย์นักเรียนผู้ปกครอง ถ้าเป็นคนในท้องที่ก็มักจะสืบสายเป็นญาติกันหรืออย่างน้อยก็ต้องรู้จักมักจี่คุ้นหน้าคุ้นตา ช่วงแรกๆผมทำตัวไม่ค่อยถูกเพราะยังติดโดดเดี่ยวแบบคนเมืองหลวงอยู่ไปเรื่อยๆเริ่มผ่อนคลายตัวเองละลายจริตท่านข้าราชการผู้วิเศษสูงทำตัวให้เล็กลงกลายเป็นครูบ้านๆทักทายยกมือไหว้หยอกล้อกับพ่อค้าแม่ค้าคนเดินไปมาส่วนใหญ่ก็ผู้ปกครองนักเรียนทั้งนั้น ไปตลาดทีไรได้ของฟรีติดไม้ติดมือกลับมาทุกที เริ่มรู้สึกว่าสิ่งนี้ล่ะคือความสุขของชีวิต

....................

ช่วงปิดเทอมใหญ่ท่านผู้อำนวยการออกปากจัดทริปอย่างไม่เป็นทางการชวนไปเดินเที่ยวขึ้นภูแห่งหนึ่งที่มีชื่อเสียงของจังหวัดเรา ครั้งล่าสุดที่เคยได้มาเยือนก็ต้องย้อนถอยไปถึงสมัยมหาลัยซึ่งจำได้ว่าโหดมันส์ฮาสนุกกันสุดๆ พวกครูเล็กครูน้อยและพนักงานที่ตอบตกลงจะไปด้วยเริ่มขยับออกกำลังกายเตรียมความพร้อมชวนกันออกมาวิ่งรอบสนามช่วงเย็นๆยิ่งใกล้ถึงวันที่ท่านผอ.กำหนดยิ่งครึกครื้นใครไม่รู้อาจนึกว่าเป็นช่วงกีฬาสี

ก่อนเดินทางเพียงสองวันพวกเราได้รับข่าวร้ายคือภรรยาขอท่านผอ.ประสบอุบัติเหตุทางรถอาการสาหัสแอดมิทห้องไอซียู ถึงแม้ท่านผอ.จะบอกให้พวกเราไปเที่ยวกันเองตามหมายกำหนดการเดิมแต่ก็ไม่มีใครมีกะจิตกะใจเพราะทุกคนล้วนสนิทสนมรู้จักกับภรรยาของท่านเป็นอย่างดี จึงเป็นอันว่าทริปขึ้นภูมีอันต้องเลื่อนโดยไม่มีกำหนด จากวันเป็นเดือนกิจกรรมออกกำลังฟิตร่างกายตอนเย็นเหล่าสมาชิกก็ค่อยๆร่อยหรอหายกันไปจนหมดรวมถึงผมด้วย

....................

เกือบสี่ปีผ่านไปจดหมายจากเขตการศึกษาก็ร่อนมาถึง ตำแหน่งรองผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการของโรงเรียนประจำจังหวัดพร้อมทั้งขั้นตำแหน่งที่เลื่อนสูงขึ้นพูดได้เลยว่ามันคือรางวัลของการทุ่มเท หลักชัยสุดท้ายก่อนก้าวขึ้นสู่ทำเนียบผู้อำนวยการ ผมแจ้งเรื่องนี้ให้ทุกคนที่โรงเรียนรู้ว่าการจากลากำลังจะมาถึง เริ่มไล่ขอบคุณทุกคนเรียงตัวสำหรับสามปีกว่าที่ดีมากๆ

          "เสียดายนะคะยังไม่ได้ขึ้นภูกันเลยท่านรองก็จะย้ายไปซะแล้ว" ครูคณิตศาสตร์สาวร่างสูงโปร่งผมสีดำขลับผิวเข้มคิ้วคมใบหน้าเรียวเปรยขึ้นลอยๆ

          "จริงๆผมก็ไม่ได้ย้ายไปไหนไกลนะ ตัวเมืองแค่นี้เอง" ผมยิ้ม "ถ้าจะไปกันเมื่อไหร่ก็โทรไปบอกเลย"
          "โอ้ย.. สงสัยท่านผอ.ไม่ไปแล้วล่ะค่ะนี่ก็รอมาจะสองปีแล้ว 55"

          "ครูอ้อยย้ายมาสอนที่โรงเรียนนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่นะ" ผมถามครูสาวรุ่นน้องอายุห่างกันเกือบสิบปี
          "อ้อยมาที่โรงเรียนนี้ก่อนท่านรองปีนึงค่ะ"
          "แล้วไม่เคยนึกเบื่ออยากย้ายกลับไปสอนที่ภูเก็ตบ้างเหรอ ครอบครัวครูก็อยู่ทางโน้นมาอยู่คนเดียวตั้งไกลแบบนี้พ่อแม่ไม่ห่วงเหรอ"
         
          "ไม่กลับหรอกค่ะภูเก็ตร้อน อ้อยชอบอยู่ที่อากาศหนาวๆมากกว่าไม่เปลืองค่าแอร์" ครูสาวยิ้มตอบ

นี่ถ้าไม่กลัวโดนครหาเรื่องสมภารกินไก่วัดผมคงเอ่ยปากบอกครูอ้อยตรงๆว่าผมแอบชอบเธอ ถึงแม้จะไม่ใช่คนสวยอะไรนักแต่ส่วนสูงเกินร้อยเจ็ดสิบหุ่นทรงนางแบบนั้นโดนใจผู้ชายเตี้ยม่อต้ออย่างผม ยิ่งตอนที่เธอใส่ชุดลูกเสือรัดติ้วผมยิ่งไม่อยากคลาดสายตาจากสะโพกกลมกลึงนั้นเลย

          "แล้วท่านรองจะย้ายไปเมื่อไหร่คะ" ครูอ้อยถาม
         
          "ครูอ้อยครับ.. ไปขึ้นภูกับผมมั้ย ถือว่าเที่ยวส่งท้าย" ผมสูดลมหายใจลึก "จะได้ไปด้วยกันก่อนที่ผมจะย้าย"
          "ความจริงอ้อยก็อยากไปนะคะตั้งแต่ล้มเลิกตอนนั้นจนป่านนี้ยังเสียดายอยู่เลย งั้นเดี๋ยวลองถามพวกครูคนอื่นก่อนนะคะว่าใครอยากไปบ้าง"
         
          "เอ่อ.. ไม่ต้องถามใครหรอก คนเยอะเรื่องมากผมกลัวจะล่มอีกไปกันแค่นี้นี่ล่ะ"
          "ไปกันสองคนเนี่ยนะ ขืนแม่อ้อยรู้เข้ามีหวังโดนด่าเละแน่" ครูอ้อยตอบยิ้มๆ ผมมั่นใจว่าเธอรู้ในสิ่งที่ผมคิด ไม่เช่นนั้นคงไม่กล้ามาคุยในห้องพักครูสองต่อสองแบบนี้หรอก
          "แล้วไม่บอกแม่ไม่ได้เหรอ"
          "โหย.. ไม่ได้หรอกค่ะโทรคุยกับแม่ทุกวัน"

          "ไปนะ.." ผมอ้อน
          "เดี๋ยวสิ อ้อยหาทางก่อน" ครูอ้อยยังไม่ตกปากรับคำผมเสียทีเดียว

....................

ทริปภูกระดึงของเราดำเนินไปอย่างเงียบเชียบไม่กระโตกกระตากให้ใครรู้ซึ่งผมค่อนข้างแปลกใจที่ครูอ้อยยอมร่วมมือเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ เธอโทรไปชวนน้องชายที่เรียนอยู่เชียงใหม่ให้ไปเป็นเพื่อน น้องชายก็ดันชวนแฟนสาวลงมาด้วยเลยกลายเป็นสองคู่ชู้ชื่นไปเสียอีก เพื่อป้องกันข้อครหางานนี้ ครูการ์ตูน ครูสอนวิชาภาษาไทยเพื่อนสนิทรุ่นราวคราวเดียวกันกับครูอ้อยจึงได้รับเชิญแกมขอร้องให้ร่วมทริปเป็นคนสุดท้าย

ผมเริ่มกังวลเรื่องชู้สาวจะรั่วไหลแต่ครูอ้อยคงจะเชื่อใจว่าเพื่อนไม่ใช่คนปากสว่างถึงกล้าออกปากชวน แต่ถึงแม้ใครจะรู้เรื่องที่ผมจีบครูอ้อยผมก็ไม่กลัวเพราะใกล้ถึงวันจะย้ายเต็มที อยู่คนละโรงเรียนคงไม่มีปัญหาอีกทั้งผมเองก็ยังโสดทั้งแท่งจะกลัวทำไม อย่างเดียวที่กลัวก็แค่เรื่องคนด่าหาว่าไม่เจียมบอดี้มากกว่า

ระยะหลังมานี้ผมดำเนินแผนการด้วยการมอง มองจิงมองจังมองแทบจะกินเลือดกินเนื้อถึงแม้ไม่เคยออกปากแต่ครูอ้อยก็คงจะเข้าใจได้ไม่ยากถ้าไม่เข้าข้างตัวเองจนเกินไปผมว่าเธอก็น่าจะมีใจให้

กำหนดการออกเดินทางตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเพราะต้องขับผ่านเมืองจะได้ขึ้นภูกันตั้งแต่เช้าแดดยังไม่ร้อนนัก แต่เอาเข้าจริงกว่าครูการ์ตูนจะเดินทางมาสมทบกับพวกเราเล่นเอาเกือบจะสิบโมงเช้า นอกจากเรื่องไม่ตรงต่อเวลาอันเป็นที่รู้กันแล้วเธอยังพูดมากจนไม่น่าเชื่อว่าจะเก็บความลับเรื่องผมกับครูอ้อยได้ แต่งานนี้อะไรผมก็คงต้องยอมๆไปก่อน ทุกวินาทีมีไว้เดินหน้าจีบครูอ้อยอย่างเดียว

....................

          "ท่านรอง.. ท่านรองขา" เสียงครูการ์ตูนเรียกชื่อผมเป็นครั้งที่ร้อย "รอด้วยค่ะ"
          "เป็นไงครับ ไหวมั้ย" ผมถามพยามทำน้ำเสียงให้ราบเรียบปราศจากอารมณ์

          "ไม่ไหวค่ะ ไม่ไหวแล้ว" เธอนั่งพิงรั้วเหล็กหอบตัวโยน "หายใจไม่ทัน อีกไกลมั้ยคะกว่าจะถึง"
          "นี่มันเพิ่งซำที่สองเองครับ ถามว่าไกลมั้ยก็คงจะไกลอยู่"
         
          "แล้วมีทั้งหมดกี่ซำล่ะคะ"
          "ห้าครับ.. ขึ้นถึงหลังแปแล้วยังต้องเดินทางราบต่ออีกสามกิโลกว่า"
          "โอ้ย..!! ไม่ไหวหรอค่ะ ตูนเดินไม่ไหวแน่ๆ"
          "ถ้างั้นครูการ์ตูนจะเดินลงก่อนมั้ยเดี๋ยวผมลงไปส่ง ให้พวกนั้นเค้าขึ้นนำไปกันก่อน"
         
          "ไม่เป็นไรค่ะ นั่งพักอีกสักแป๊ปเดี๋ยวก็คงจะพอเดินไหว" ครูการ์ตูนออเซาะสำออยนวดขาตัวเอง
          "เดินๆหยุดๆเหนื่อยกว่านะครับ สู้ลุยเดินแล้วไปพักทีเดียวดีกว่า"

          "เป็นไงบ้างตูน" ครูอ้อยเดินย้อนลงมาดูเพื่อน น้องชายกับแฟนสาวยืนรออยู่บนเนิน
          "เหนื่อยน่ะสิถามได้ แกไม่น่าชวนเรามาเลยอ่ะ"

          "ไหวมั้ย อ่ะน้ำ" ครูอ้อยส่งขวดน้ำให้

          "เดินๆหยุดๆแบบนี้เมื่อไหร่จะถึง" ผมบ่น
          "อยากถึงเร็วๆท่านรองเดินนำไปก่อนเลยก็ได้ค่ะ เพื่อนอ้อยเดี๋ยวอ้อยดูเอง" ครูอ้อยพูดเสียงเรียบ

          "ก็ไม่เป็นไรหรอก แหม.. เออ เดินไปด้วยกันนี่ล่ะเดี๋ยวก็ถึง" ผมขี้เกียจมีเรื่อง
          "ท่านรองน่ารักมากอ่ะ ไม่ทิ้งเรา" ครูการ์ตูนยิ้ม
         
          "ก็ถ้างั้นอ้อยฝากครูตูนด้วยละกันค่ะ" ครูอ้อยพูดแล้วสะบัดเดินกลับขึ้นเนินไปไม่หันมามอง

          "เค้าว่าคนเป็นแฟนกันจะรู้ใจกันก็ตอนเดินขึ้นเส้นทางนี้ล่ะค่ะ บางคู่รักกันมากไปเลยส่วนบางคู่กลายเป็นเกลียดกันเลิกกันก็มี ในสถานการณ์ที่เหนื่อยสุดๆคนเราจะแสดงธาตุแท้ออกมา"
          "พูดทำไมครับ"

          "ก็ดูครูอ้อยสิคะสงสัยจะเหนื่อย คุยกันดีๆก็เหวี่ยงใส่ท่านรองซะงั้น"
          "ครับ คงจะเหนื่อย"

          "ท่านรองดูคู่น้องชายของครูอ้อยสิคะ มุ้งมิ้งน่ารักเนอะ" ครูการ์ตูนชี้ชวนให้ผมแหงนมองตามขึ้นไป
          "ครับ.."           

          "ไอ้เรามันก็คนโสดคนเหงาเห็นเค้ามากับแฟนก็ตาร้อนเป็นธรรมดาค่ะ นี่ดีนะที่ท่านรองหยุดรออยู่เป็นเพื่อนไม่งั้นตูนมีหวังอกแตกตายเพราะความอิจฉาคู่โน้นแน่ๆ"

ผมนึกในใจว่าควยเหอะ สัส.. เคยได้ยินมาเหมือนกันเรื่องตำนานพิูจน์รักแท้บนเส้นทางเดินสุดโหดขึ้นสู่ยอดภู แต่ผมต้องการพิสูจน์กับครูอ้อยไม่ใช่ต้องคอยหอบหิ้วอีปากมากผีเจาะปากมาพูดแบบอีเตี้ยนี่ กว่าจะถูลู่ถูกังทั้งดึงทั้งดันถึงหลังแปก็ปาเข้าไปเกือบห้าโมงเย็น วีรกรรมต่อมาของอีนี่คือเหลือบไปเห็นรถลากขนกระเป๋าของพวกลูกหาบว่างอยู่คันนึง

          "ท่านรองนั่งไปเป็นเพื่อนตูนหน่อยสิคะ" ครูการ์ตูนพูดเสียงอ้อน
          "ครูก็นั่งไปสิเดี๋ยวก็ไปเจอกันตรงที่ทำการอยูดี"
          "โหย ใจคอท่านรองจะปล่อยให้ตูนไปคนเดียวเหรอคะจะมืดแล้วนา.. พวกลูกหาบแต่ละคนน่ากลัวจะตายเกิดมันพาเลี้ยวเข้าข้างทางล่ะแย่เลย" (ผมอยากจะอ้วก สวยตายห่าแล้วสัส)

          "นั่งสองคนเค้าลากไม่ไหวหรอกมั้ง"
          "เค้าบอกไหวค่ะ ถามแล้ว"
          "ไม่เอาไม่นั่ง.. ผมอายเค้า"
          "เดินตั้งสามกิโลตูนไม่ไหวหรอกค่ะ นะคะท่านรองนั่งไปเป็นเพื่อนหน่อย นะ ..นะคะ"

ผมหันมองครูอ้อยครูอ้อยก็เบือนหน้าหนีหันไปมองแฟนน้องชายเธอก็ยิ้มส่ายหน้าไม่เอาด้วย สรุปว่าผมต้องนั่งไปบนรถลากล้อยางทั้งกระเด็นกระดอนทั้งอับอายนักท่องเที่ยวคนอื่นๆถูกชี้ชวนให้ดูเป็นที่ตลกขบขันไปตลอดทาง

          "ครูอ้อยเค้าก็แบบนี้ล่ะค่ะชอบสันโดษอยู่คนเดียวทำอะไรคนเดียว เพื่อนๆชินแล้ว" ครูการ์ตูนนินทาเพื่อนสนิทให้ฟังระหว่างนั่งรถลาก "ไม่งั้นจะขึ้นมาสอนได้ยังไงถึงที่นี่ผู้หญิงตัวคนเดียวแท้ๆ"

          "ผมเคยถามว่าทำไมไม่เป็นครูที่ภูเก็ต ครูอ้อยเค้าไม่ตอบ"
          "จะให้ตอบยังไงล่ะคะก็ครูอ้อยหนีแฟนมา"
          "ห่ะ!! .. หนีแฟนมา"

          "ค่ะ สามีเลยดีกว่าไม่ใช่แฟนหรอก"
          "เล่ารายละเอียดให้ผมฟังหน่อยได้มั้ย"

          "อ้อยเค้าแต่งงานได้ไม่ถึงสองเดือนก็ขอหย่าเพราะรู้ความจริงว่าผัวติดยาและมักจะใช้ความรุนแรงลงมือกับเธอตอนที่เขาเมา แต่เขาไม่ยอมหย่าอ้อยก็เลยขอย้ายตัวเองหนีขึ้นมาเป็นครูประจำที่นี่" ครูการ์ตูนเล่า "เรื่องนี้ไม่เชื่อท่านรองถามน้องชายครูอ้อยดูก็ได้"

          "แล้วทำไมไม่แจ้งตำรวจ"
          "ตำรวจก็คนในท้องที่ญาติๆพวกๆกันทั้งนั้น อ้อยก็เลยมีทางเดียวคือต้องหนี"

          "แล้วคุณมาเล่าให้ผมฟังทำไม" ผมถาม ฟังแล้วรู้สึกชาไปทั้งตัว

          "อ้อยเค้ามาปรึกษาตูนว่าท่านรองมีทีท่าจีบเธอ ตูนก็เลยอาสาจะเคลียร์ให้เอง"

          "เฮ้ย..!! ผมไม่ได้จะจีบครูอ้อยซะหน่อย คุณเข้าใจอะไรผิดแล้วมั้ง" ผมทำปากแข็งปฏิเสธเสียงสูง
          "ไม่จีบก็ดีแล้วค่ะจะได้ไม่ต้องทำบาป คนเค้ายังไม่ได้หย่ากัน"

          "แล้วทำไมครูการ์ตูนไม่บอกผมเสียตั้งแต่ข้างล่างล่ะ จะได้ไม่ต้องเดินขึ้นมาให้เมื่อย" ผมสลดห่อเหี่ยวอย่างเห็นได้ชัด
          "บอกก่อนทริปก็ล่มสิคะ อิอิ.." ครูการ์ตูนอมยิ้มตอนรถลากมาถึงที่ทำการนักท่องเที่ยวพอดี

....................

เรามากันห้าคนจองบ้านพักของอุทธยานเพราะฝนอาจตกถ้านอนเต้นท์จะไม่สะดวก บ้านพักไม้ฐานปูนยกสูงประมาณเอวแบ่งห้องนอนออกเป็นสองปีก ตกลงกันว่าผมจะนอนกับน้องชายครูอ้อยส่วนสามสาวนอนอีกห้องที่มีเสริมเตียงเล็ก น้องชายเริ่มทำหน้าไม่พอใจเพราะอยากนอนห้องเดียวกับแฟนก็เลยต้องแบ่งห้องนอนกันใหม่แลกตัวให้ผมไปนอนเตียงเล็กร่วมห้องกับสาวๆ กว่าจะลงตัวได้ไม่ต้องทะเลาะกันก็มืดค่ำ ผมขอตัวไปหาอะไรกินคนเดียว ณจุดจุดนี้อารมณ์บ่จอยไม่อยากญาติดีกับใครทั้งสิ้น 

          "แอะ.. แอบมากินคนเดียวเหรอคะท่านรอง" ครูอ้อยเดินเข้ามานั่งร่วมโต้ะในร้านอาหาร
          "อ้าว ครู.. ทานอะไรสั่งเลยแม่ครัวเค้าทำรสชาติใช้ได้" ผมพูดแก้เก้อไปเรื่อย

          "ครูตูนคุยกับท่านรองรึยังคะ"
          "คุยเรื่องอะไร" ผมยังทำไก๋
          "คุยเรื่องอ้อยอ่ะค่ะ ตูนเค้าว่าจะคุยกับท่านรอง
"
          "อื้ม.. คุยแล้ว" ผมตักข้าวราดกะเพราไข่ดาวเข้าปาก "ทั้งหมดที่ผ่านมาผมขอโทษนะ.."
          "ไม่ต้องขอโทษหรอกค่ะ อ้อยผิดเองไม่ได้บอกตรงๆ"
          "ก็นั่นแหละ นึกแล้วก็อายเหมือนกันนะ ผมเป็นครูผู้ใหญ่ไม่ควรทำตัวรุ่มร่ามแบบนั้น"
         
          "กับท่านรองอ้อยก็มีความรู้สึกดีๆให้ แต่ยังไม่ได้หย่าก็คือยังไม่ได้หย่าค่ะหวังว่าท่านรองจะเข้าใจ" ครูอ้อยน้ำตารื้น

          "อืม.. ชั่งมันเถอะ ไม่เป็นไร"
          "อ้อยขอเป็นน้องสาวผู้มีให้แต่ความปราถนาดีของท่านรองนะคะ" ครูอ้อยยิ้มบางๆ

....................

ทั้งที่เหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าราวระบมไปทั้งขาหมดพลังงานกับการเดินขึ้นแต่เสียงผู้หญิงครางเบาๆเสียงกุกกักเอี๊ยดอ๊าดที่ดังแว่วมาจากห้องน้องชายมันรบกวนจิตใจเหลือเกิน กว่าจะหลับตาลงก็ดึกมากแล้วเสียงกรีดร้องดังลั่นบ้านพักหรืออาจบอกว่าดังลั่นป่าเลยก็ได้ดังขึ้นจนผมและสองสาวสะดุ้งตื่น หรือแม้คนทั้งอุทธยานก็อาจจะตกใจตื่นขึ้นมาพร้อมกัน 

          "ทาก!!! ทาก..!! นั่นอ่ะ นั่นอ่ะ..อยู่ตรงนั้น กรี๊ด.. หาสิ!! ไม่เอาแล้วเค้าไม่อยู่แล้ว จะลง ..จะลงเดี๋ยวนี้ ตอนนี้!!"

ผมนอนฟังเสียงกรี๊ดสลับกับคำว่าทาก ดูนาฬิกาตีสามกว่ามืดขนาดนี้อย่าว่าแต่จะเดินลงเลย แค่ส่องไฟฉายควานหาทากในห้องก็โกลาหลแล้วเพราะอุทธยานหยุดจ่ายไฟฟ้าตั้งแต่สี่ทุ่ม

นอนฟังจนเสียงกรี๊ดจนหลับไปนิดนึงก็ตื่นอีกเพราะอุทธยานประกาศเสียงตามสายรวมพลนักท่องเที่ยวที่จะเดินไปดูพระอาทิตย์ขึ้นตั้งแต่ตีสี่ แฟนของน้องชายยังยืนยันว่าจะขอเดินลงทันที ทุกคนช่วยกันกล่อมจนเธอยอมเดินไปดูพระอาทิตย์ขึ้นด้วยกันทั้งที่กลัวทาก เดินไปแขยงไปสะดุ้งไปแต่ก็ไม่อยากพลาดโมเม้นต์เก็บภาพไปอวดเพื่อนๆในโซเชียลเน็ตเวิร์ค

ครูอ้อยเดินมาปลุกแต่ผมคลุมโปงโบกมือขอไม่เดินไปด้วยเพราะง่วงเต็มทนขอนอนต่อดีกว่า เมื่อบ้านพักทั้งหลังเงียบเสียงลงทั้งที่ง่วงสุดจะง่วงกำลังจะเคลิ้มหลับผมกลับหลับไม่ลงสะดุ้งตัวลุกขึ้นมานั่งบนเตียง เดินเข้าไปในห้องน้องชายเปิดรื้อค้นดูกระเป๋าสัมภาระของแฟนมัน

ชุดชั้นในใช้แล้วในถุงก๊อบแก๊บถูกเอาออกมาวางเรียงบนเตียงนอน แชมพู ครีมนวด ครีมประทินผิวครีมกันแดดและสารพัดครีมที่ผมค้นเจอทั้งจากในห้องน้ำในกระเป๋าและบนโต้ะเครื่องแป้งถูกเปิดฝารอไว้ โดยเฉพาะน้ำยาทำความสะอาดเฉพาะจุดซ่อนเร้นขวดนั้นแยกไว้ต่างหาก ขอเน้นๆหน่อย

ผมคว้ากางเกงในผ้าซาตินลายลูกไม้ สังเกตุดีๆจะเห็นคราบบางๆสีขุ่นลองสูดดมสัมผัสกลิ่นแปลกเฉพาะตัว มือก็สาวท่อนเนื้อของตัวเองอย่างรีบเร่งเพราะงานรออยู่เยอะ(หลายขวด) ด้วยความตื่นเต้นจึงไม่ต้องรอนานนักน้ำแรกทะลักทะล้นใส่กระดาษทิชชู่ที่รองเตรียมไว้เทแบ่งน้ำว่าวสีขาวข้นใส่ขวดแชมพูกับครีมนวดผมอย่างละเท่าๆกัน

กางเกงในตัวจิ๋วสีฟ้ายังไม่ได้ใส่หอมละมุนกลิ่นน้ำยาปรับผ้านุ่มอุ่นๆอยู่ในอุ้งมือ ผมเริ่มสาวชักท่อนเนื้อรัวๆอีกรอบ น้ำในรอบนี้แบ่งเพียงเล็กน้อยขวดละนิดขวดละหน่อยเพื่อไม่ให้เกิดกลิ่นไม่พึงประสงค์ขณะใช้ ครีมทาหน้ายี่ห้อดังและครีมประทินผิวต่างๆเข้าคิวรอรับสส่วนผสมพิเศษ และแล้วก็มาถึงไฮไลท์ของงานซึ่งอันที่จริงผมควรจะเลือกมันเป็นขวดแรก น้ำยาล้างหี ขวดนี้หนึ่งน้ำเต็มๆผสมไปเลยข้นๆเขย่าๆไม่ต้องแบ่งใคร

เก็บข้าวของเข้าที่เดิมกลับมานอนเอนหลังสบายอารมณ์ก็นึกขึ้นได้ว่าสองสาวร่วมห้องยังไม่โดนเลยนี่นา ชุดชั้นในของครูสาวทั้งสองทั้งที่ใช้แล้วและยังไม่ได้ใช้ถูกกองรวมกันบนเตียงนอน สังเกตุว่าของครูอ้อยจะเป็นสไตล์เรียบๆเชยๆชิ้นใหญ่ๆส่วนของครูการ์ตูนไม่น่าเชื่อว่าเธอจะเลือกชุดชั้นในสไตล์หวือหวาเฟี้ยวฟ้าวเซ็กซี่ซีทรูมาเดินป่า จัดให้หนึ่งน้ำเต็มๆสำหรับขวดน้ำยาล้างหีของครูอ้อยกรอกแล้วเขย่าๆเช่นเคย ไม่แน่ครูการ์ตูนอาจแปลกใจที่ใช้ครีมนวดขวดนี้แล้วผมนิ่มสลวยสวยเก๋เงางามเป็นพิเศษ พิเศษใส่ไข่

ผมถอนหายใจเริ่มท้อกับพวกแชมพูครีมนวดและอีกสารพัดครีมที่เปิดฝาไว้พร้อมวางเรียงด้วยจำนวนคูณสอง แต่ก็เอาน่ะ มองผ่านหน้าต่างเห็นท้องฟ้าเพิ่งเริ่มทอแสงให้กำลังใจตัวเองว่ายังพอมีเวลาในจัดการบรรจุส่วนผสมพิเศษฝากลงไปให้ครบทุกขวด

....................

เก็บของเตรียมตัวพร้อมจะเดินลงจากยอดภูแม้จะเพิ่งเดินขึ้นมาเมื่อวานนี้เอง ถึงแฟนสาวของน้องชายครูอ้อยจะเปลี่ยนใจยอมอยู่เที่ยวต่อแต่ผมไม่สนใจปล่อยให้เข้าใจกันไปว่าผมเฮิร์ตเสียอาการจากเรื่องความรักแต่จริงๆแล้วเปล่าเลย ถามคำเดียวว่าหารถกลับกันเองได้ใช่มั้ยแล้วก็รีบเผ่นขาเดินลงผมยอมแบกกระเป๋าสัมภาระด้วยตัวเองเองไม่จ้างลูกหาบ ชุดชั้นในใช้แล้วของสามสาวอุ่นๆเหม็นเฉ่าๆอยู่ในเป้สะพายหลังแยกถุงไว้อย่างดีไม่ให้ปะปนกลิ่นใครกลิ่นมัน

เรื่องอกหักก็มีบ้างก็ชั่งแม่งรวมๆทริปนี้ก็ถือว่าสนุกดีนะ แต่เรื่องราวมันไม่ได้จบลงง่ายๆแบบนั้น     

....................

 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

solomon1977

อ่านแล้วนึกถึงความหลังสมัยขึ้นภูกระดึงเลยครับ แต่ของผมไม่มีการทำอะไรพิเรนทร์พิเรนแบบนี้นะ ตอนนั้นเมาอย่างเดียว แต่ก็ได้ไปดูพระอาทิตย์ขึ้น และไปดูพระอาทิตย์ตกที่ผาหล่มสัก ได้ไปเที่ยวน้ำตกเพ็ญพบผลพบ ตอนนั้นจำได้ว่า ที่ภูกระดึงมีกวางอยู่ 2 ตัว ไม่รู้ป่านนี้ยังอยู่หรือเปล่า หรือว่าไปกับไฟป่าแล้ว


biggiggog

ตอนขึ้นมาก็ยังดีๆ
ตอนลงกลายเป็นโจรโรคจิตซะงั้น
ขอบคุณครับ



Pigdavil

อ้าว...ท่านรอง ทำไมเป็นคนแบบนี้ ถึงขันขโมยกางเกงในเลยรึ แบบนีเค้าก็รู้กันหมดสิ

err


mourning.moment



solid17

ยังไม่ได้ทำอะไรเลยอกหัหสะแล้วท่านรองแต่ทำไมต้องแกล้งสาวๆด้วยนะ


pd19811983

ยังไม่เคยไปครับ เลยยังนึกไม่ออกว่าเหนื่อยแค่ไหน เดินขึ้นเขา แต่ก็อยากลองไปสักครั้งในชีวิตเหมือนกันครับ ตามต่อครับว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับผอ.


ziggy2