ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

แอบคนข้างบ้าน ตอนที่ ๑

เริ่มโดย นีโอ, มีนาคม 10, 2016, 09:51:04 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

นีโอ



คุยก่อนอ่าน

เมื่อวานลงเรื่องของคุณไวไฟไป วันนี้ก็อยากจะลงเรื่องของตัวเองบ้าง ขอบอกก่อนนะครับ ว่าเรื่องนี้
นำเรื่องจริงเพียง ๑๐% มาเขียน ที่เหลือจินตนาการล้วนๆ อย่าทึกทักว่าจริงทั้งหมด พระเอกของเรื่องก็คือนีโอเอง
อ่านกันสนุกๆ และถ้าอยากจะเก็บไว้ก็ก๊อปไว้ในคอมนะครับ อย่าเอาไปลงเว็ปอื่นๆ โดยเฉพาะพวกเว็ปเก็บเงิน เกลียดมาก!!!
ผมและเพื่อนๆไม่ค่อยปรากฏตัวในที่สาธารณะง่ายๆ ฉะนั้น&ฉะนี้ ช่วยรักษาข้อตกลงกันด้วย จะได้เห็นหน้ากันนานๆ
และเมื่ออ่านก็มีน้ำใจรีพลายงามๆเป็นกำลังใจกันด้วย กำลังใจคือสิ่งหล่อเลี้ยงผลงานของพวกเรา

ด้วยไมตรีจิต นีโอ




เกริ่นนำ


เดี๋ยวนี้เพลงค่ายไหนค่ายนั้น ถ้าไม่มีเพลงออกมากระชากอารมณ์บรรดาพวก"ฉันรักผัวเขา" หรือ "หลงรักเมียชาวบ้าน" ถือว่าเชยมาก

เอาแบบน่าหยิกน่าหยอกก่อนไหม เอ้า... วงไอน้ำ ร้องมาโลด

"หลงรักคนมีเจ้าของ แอบมองอยู่ทุกวัน ไปหลงรักแฟนชาวบ้านทั้งที่รู้ตัว คนน่ารัก
ถูกใจนักไม่เคยเป็นอย่างนี้....อี๊ๆๆๆ"


มิวสิกวิดีโอก็น่ารักดีทีเดียว ไปขี่จักรยานเล่นหน้าบ้านเขา แค่ได้เห็นหยากไย่ซอกหน้าต่างบ้านก็ชื่นใจ

แต่ถ้ามาแนวขมขื่น จนมีอาการแอบรักเมียชาวบ้านแบบเข้าเส้น ก็ต้องยกให้เพลงของพ่อไวพจน์ เพชรสุพรรณ

"...มีผัวแล้ว พี่ก็ยังรัก
แม้พี่อกหักรักษาไม่หาย
จะคอยทูนหัว จนผัวเธอตาย
บอกอย่างไม่อายหน้าด้านหน้าทน..."


ยอมเลวแค่ขอให้ได้รักก็พอ...ก็น่าเห็นใจอยู่เหมือนกันนะ ขนาดบอกอย่างไม่อายซ้ำยังหน้าด้านหน้าทน
ไม่สนกระแส ไม่แคร์สื่อ ใดๆทั้งสิ้น





เมื่อครั้งที่ผมยังเป็นหนุ่มน้อยหน้าอ่อนวัยยี่สิบต้นๆ ก็คนหนึ่งล่ะที่มีอุดมการณ์หนักและแน่นว่าจะไม่เล่นด้วยแน่ๆ (ถึงอยากจะเล่นก็คิดว่าคงไม่มีใครจะเล่นด้วยแน่ๆ) เพราะคิดว่าเรื่องแบบนี้ไม่ว่าใครหน้าไหน ถ้าลองได้เจอเรื่องแบบนี้กับตัวเองก็ต้องมีแต่ทุกข์กับทุกข์ ทุกข์ทั้งเรา ทุกข์ทั้งเขา ทุกข์ทั้งแฟนเขา เรียกว่าทุกข์ยกกำลังสามเลย

ทุกข์ที่เรา เพราะต้องคิดมาก ฟูมฟายมาก อยากให้เขารัก อยากเป็นเจ้าของ เมื่อไม่ได้ก็จมทุกข์ ร้องไห้ใต้น้ำฝักบัวอย่างบ้าคลั่ง (ทำให้เปลืองน้ำเล่น)ซึ่งก็ไม่เข้าใจว่าทำไม วัยรุ่นยุค 90 S เวลาอกหักทำไมชอบนอนแช่น้ำ เดินตากฝน หรือเปิดน้ำฝักบัวรดหัวแล้วคร่ำครวญด้วยความเศร้าเสียใจ....

ทุกข์ที่เขา เพราะทำให้เขาต้องลังเลใจ ไม่ซื่อสัตย์กับแฟน ทำให้ความเครียดลงกระเพาะ

ทุกข์ที่แฟนเขา เพราะทำให้เขาไม่ไว้วางใจกัน หวาดระแวง ทะเลาะผิดใจกัน ทำให้เครียดไมเกรนขึ้น


ไม่รู้ว่าการแย่งของของคนอื่นมาใช้ มันเหมือนความรู้สึกที่เราเคยแย่งปากกาเพื่อนมาใช้หรือเปล่านะ เพราะหลายคนมีความรู้สึกว่าของของคนอื่นมันใช้ดีกว่าของตัวเอง อย่างปากกาซื้อมาใหม่ถอดด้าม แต่ใช้แล้วมันไม่ถนัดมือ เขียนไม่คล่อง แต่พอไปเอาปากกาเพื่อนมาใช้ เอ๊ะๆ ทำไมมันเขียนดีจัง นุ่มลื่น อิ๊บเอาเลยแล้วกัน... คำตอบนั้นอยู่ในสายลมที่ผมในวัยหนุ่มน้อยไม่มีทางรู้หากไม่ได้สัมผัส...

ชีวิตของคนเรานี่มันก็แปลก เป็นเพราะโชคชะตากำหนดและเคราะห์กรรมบัลดานให้เป็นไปหรือไรหนอ เพราะบางครั้งความรักมักจะมาในเวลาที่ไม่เหมาะ หรือมากับคนที่ไม่เหมาะไม่ควร อย่างกรณีนี้ คือความรักมาพร้อมกับคนที่มีเจ้าของแล้ว จะไปแย่งมาดื้อๆก็ใช่เรื่อง แล้วเราจะแน่ใจได้อย่างไรว่าถ้าได้เป็นแฟนเขาแล้ว เขาจะมารักเราจริง หรือแน่ใจได้อย่างไรว่าเขาจะมั่นคง เพราะขนาดเรายังแย่งเขามาได้ เขายังโลเลมาหาเราได้ คนอื่นก็ต้องแย่งเขาต่อไปได้ คนอื่นก็ต้องทำให้เขาโลเลได้เหมือนกัน เรียกว่ามาอย่างไรก็ไปอย่างนั้น

ในวัยหนุ่มนั้นผมมักจะเตือนตัวเองในเรื่องความรักอยู่เสมอว่า อย่าปิดหูปิดตาตัวเอง จนไม่มองว่าโลกภายนอกมีคนอีกมากแค่ไหนที่รอเราเดินไปชนแล้วฝากรอยลิปสติกไว้ที่อกเสื้อเหมือนโฆษณา มิสทีน หรือมีคนที่กำลังรอเราไปเจอแล้วปิ๊งที่ข้างรถเข็นขายส้มตำหน้าปากซอย วลีที่ว่า ผู้ชายไม่ได้มีคนเดียวในโลก ผู้หญิงที่ตรงใจเราไม่ได้มีคนเดียวในโลก เป็นเรื่องจริง เพียงแค่ลองเปิดใจให้กว้าง แล้วมองส่วนดีๆที่มีอยู่ในคนอื่น แต่...ผู้ชายดีๆ ส่วนใหญ่มักจะบวชอยู่...ผู้หญิงดีๆส่วนมากมักจะมีผัวแล้ว ช่างน่าเสียดายนัก...

รักคนมีเจ้าของเป็นความรู้สึกผิดทางใจ เป็นเหมือนบ่อนทำลายตัวเล็กๆ ที่กำลังเข้าไปทำลายความรักของคนอื่น แม้เขาจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม บางคนกลับบอกว่า ถึงแม้เขาจะมีแฟนแล้ว แต่ก็ขอแค่ได้รักเขาข้างเดียวก็พอแล้ว

แต่ถ้าการรักเขาข้างเดียวมันทำให้ต้องเกิดทุกข์ เรายังจะดักดานอยู่กับรักรสทุกข์นี้อยู่ หรือจะออกไปใช้ชีวิตโสดให้สนุกเพื่อรอคนใหม่ๆ...

แต่ถ้าเพื่อนๆ สมาชิกหลายคนสนุกกับอาการ "รักเขาข้างเดียว" ไม่ได้ก็ไม่เห็นแปลก แค่ได้ทำอะไรดีๆ ให้เขา ได้เห็นเขามีความสุข โดยไม่จำเป็นต้องครอบครองหรือเป็นเจ้าของกันก็ได้ ถ้าหลายๆท่านเป็นเช่นนี้คิดเช่นนี้และเป็นได้อย่างนี้ก็เริ่มเข้าเค้าของการรู้จักรักเป็นแล้ว คือรักอย่างผู้ให้ อย่างมีเมตตา ปรารถนาให้เขามีความสุข ...

"เจริญพร...."

"สาาา------ธุ...."









ตอนที่ ๑

หนุมน้อยนีโอกับคนสวยเมียคนข้างบ้าน



เริ่มเรื่อง...

เกริ่นมาแบบคนมีสติธรรมะธรรมโมน่าเลื่อมใส แต่เรื่องที่ท่านๆจะได้อ่านต่อไปนี้มันเป็นเรื่องของความขาดสติในช่วงวัยหนุ่มที่อายุเริ่ม ๒๐ ต้นๆของคนเขียน เพลานั้นประมาณปีพุทธศักราช ๒๕๔๒ เป็นช่วงของ Y2K. ซึ่ง นายนีโอ ได้มีโอกาสทำงานในสำนักงานหมู่บ้านจัดสรรย่านฝั่งธนแห่งหนึ่ง โดยนีโอทำหน้าที่เก็บงานในบ้านจัดสรรทของลูกค้าย้ายเข้ามาอยู่ในฐานะหัวหน้าช่าง ซึ่งเป็นงานที่ต้องคอยดูแลบริการช่วยเหลือลูกค้าจิปาถะ

ไม่ว่าไฟฟ้าจะดับ น้ำรั่วน้ำไม่ไหล หลังคารั่ว ผนังร้าว ฝ้าหลุด ถนนทรุด ท่อหลุด ส้วมตันฯลฯซึ่งก็เป็นงานแก้ไขจุกจิกน่ารำคาญมากทีเดียว และเป็นงานที่ไม่มีใครในสำนักงานอยากทำ จึงโยนมาให้ผม และเรียกเสียโก้หรูว่า "โฟร์แมนเก็บงาน"  หน้าที่ในแต่ละวันก็ตระเวนเข้าบ้านโน้นออกบ้านนี้คอยซ่อมแซมงานที่บรรดาช่างมักง่ายทำทิ้งไว้  จึงเป็นที่รู้จักมักคุ้นกับคนในหมู่บ้าน ซึ่งในโครงการหนึ่งมีบ้านประมาณ ๒๐๐ หลัง ต้องอยู่เก็บงานเป็นปีๆ จนกว่าจะหมดระยะประกัน

และในหนึ่งโครงการมักจะมีบ้านขายไม่ออกหนึ่งถึงสองหลังเสมอ ด้วยสาเหตุต่างๆกันไป เช่นตรงทางสามแพร่งบ้าง หันหน้าเข้าหาทิศตะวันตกบ้าง และมีคนตาย!!! ซึ่งในโครงการแรกที่ผมเข้าไปทำงานนั้นก็มีอยู่หลังหนึ่ง มีช่างรับเหมาประสบภาวะขาดทุนจนคิดสั้นผูกคอตายในห้องน้ำของบ้านหลังนั้น และเมื่อผมเข้าไปทำงานก็อาศัยบ้านหลังนี้เป็นที่ซุกหัวนอนเพื่อประหยัดเงินค่าเช่าที่พักโดยไม่ได้ล่วงรู้เบื้องหลังเลย

ซึ่งตอนแรกๆออกจะแปลกใจว่าทำไมถึงไม่มีใครพักบ้านหลังนี้เลยทั้งๆกว้างขวาง สองชั้น สามห้องนอน สามห้องน้ำ มีสวนรกๆสร้างห้องไว้เก็บวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้างมีบางส่วนวางทิ้งไว้รอบบ้านจนแทบไม่มีที่ว่าง ผมพักอยู่หลายวันอย่างปรกติสุข  ขณะที่ผู้คนในสำนักงานต่างมองผมแปลกๆในตอนเช้าเสมอๆ ทำท่าเหมือนสงสัยอะไรบางอย่าง แต่ไม่กล้าถามราวจะรอให้ผมเป็นฝ่ายเล่า เป็นอย่างนี้หลายวันจนกระทั่งวันที่สามหรือสี่จำไม่ได้ ผู้ร่วมงานคนหนึ่งได้เอ่ยถามผมขณะนั่งล้อมวงพักกินข้าวเที่ยงด้วยท่าทีสงสัยหนักหนา



"นีโอ...นอนหลับสบายดีมั๊ย?"
ออกจะแปลกใจที่ถูกถามแต่ก็ยิ้มแย้มตอบไปว่า "สบายดี...เสียแต่ยุงเยอะไปหน่อย"
"ไม่มีอะไรเลยเหรอ?"
ผมยิ่งแปลกใจคำถาม  มองหน้าเขาอย่างสงสัยขณะผู้ร่วมโต๊ะคนอื่นๆก็จ้องเสียจนผมประหม่า
"นอนหลับสบายดีทุกคืน ไม่มีอะไรเลยรึ?"
"หลับสบายดี ไม่มีอะไร?"
หลายคนมองหน้ากันแล้วพูดคุยๆเบาๆ
"มันแน่ว่ะ คนก่อนๆอยู่ได้ไม่เกินสองวัน เจอทุกราย"
"เจออะไรเหรอ...." ผมถามอย่างแปลกใจ

และผู้ร่วมงานคนนั้นก็เล่าให้ฟังว่า "บ้านหลังนี้นะ  มีผู้รับเหมามันเจ๊งไม่มีเงินจ่ายคนงาน ถูกกดดันจนผูกคอตายหนีหนี้ และมันก็ผูกคอตายในห้องน้ำชั้นสอง ตอนมันตายใหม่ๆมีคนเห็นช่างมาทำงานในห้องน้ำนั้นทั้งวันทั้งคืน พอบ้านเสร็จก็มีคนเห็นช่างถือเชือกเดินขึ้นชั้นสองพอตามไปดูก็ไม่เจอ ข่าวเรื่องมีช่างผูกคอตายแพร่ไปถึงหูลูกค้าก็ไม่มีใครกล้าชื้อ แม้บริษัทจะปิดข่าวหลอกขายลูกค้าถูกๆ แต่พอลูกค้ารู้ก็มาคืนบ้านและขอชื้อหลังอื่นแทน แพงกว่าก็เอา...

เมื่อขายไม่ออกบริษัทเลยเอาไว้เป็นที่เก็บอุปกรณ์ก่อสร้างและให้พนักงานไปพัก แต่พอใครไปอยู่ก็มักจะเจอดีทุกราย บางทีก็เจอช่างเดินสวนออกจากห้องน้ำเวลากลางคืน เสียงคนทำงานในห้องน้ำก๊อกๆแก๊กๆพอออกมาดูก็ไม่เจอใคร บางรายก็เห็นช่างคนนี้ทำหน้าเศร้าห้อยหัวลงมาจากฝ้า...บราๆๆๆ"


ผมนั่งฟังประวัติที่พักด้วยใบหน้าอย่างไรไม่รู้ แต่ที่รู้ๆคือใจหายวูบเย็นสันหลังวาบ
"แล้วที่เอ็งนอนๆอยู่นี่ ไม่มีอะไรแปลกๆบ้างเลยรึ?"
ผมส่ายหน้า และนึกในใจ 'มันไม่มานะดีแล้ว จะให้มาทำแมวน้ำอะไรฟร่ะ'

แต่เอ...หรือมาแล้วแต่ผมอาจจะไม่รู้ก็ได้ เพราะช่างในสังกัดของผมเปลี่ยนหน้าบ่อยๆจนจำไม่ได้  มันอาจจะแอบปะปนมาตอนดึกๆเวลาช่างขี้เมาหลายคนมาเคาะประตูขอนอนในบ้านหลังนี้ด้วย เพราะเมาหนักจนกลับบ้านไม่ไหวบ้าง เมียไม่ให้เข้าบ้านบ้าง...ก็ได้

เมื่อได้ทราบประวัติสยองของที่พักอาศัย นีโอไม่รอช้าที่จะรีบปากคอสั่นไปเข้าพบผู้จัดการซึ่งเป็นลูกพี่ผู้มีพระคุณมาตั้งแต่วัยละอ่อนและเป็นคนดึงผมมาทำงานที่นั้นทันทีในช่วงบ่าย

"มีอะไรวะ มาหากูหน้าซีดเชียว"

ลูกพี่ในตำแหน่งผู้จัดการหมู่บ้านเอ่ยถามผมอย่างสนิทสนมเพราะเคยร่วมหัวจมท้ายติดสอยห้อยตามกันมาตั้งแต่แกเป็นอันทพาลประจำย่านฝั่งธนจนปัจจุบัน(ในขณะนั้นจนกระทั่งบัดนี้)เป็นผู้จัดการหมู่บ้านจัดสรรค์ที่มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ทุกโครงการของแกคนแห่มาจองจนบางโครงการเต็มตั้งแต่ยังไม่ถมที่ เพราะแกจับตลาดคนระดับชั้นกลางจนถึงชั้นล่างที่อยากจะมีบ้านหลังเล็กๆราคาไม่แพงเป็นของตัวเอง

ผมรีบบอกสาเหตุทันที "เฮียครับ เอ่อ...ผมจะย้ายออกจากบ้านในโครงการไผ่ตันครับ"
"จะย้ายทำไมวะ พักฟรีอยู่ฟรีไม่ชอบหรอ?"
"คือว่า...เอ่อ....บ้านหลังนั้น...เอ่อ...." ผมบอกตะกุกตะกัก
"มึงโดนผีไอ้นิตย์(ชื่อผู้รับเหมาที่เสียชีวิต)หลอกแล้วเหรอ?" ผู้จัดการพูดแทรกขึ้นบ่งบอกว่าพอรู้ที่มาที่ไป
"เปล่าครับ..."
"อ้าว? มันยังไม่หลอกมึง แล้วมึงจะย้ายออกไปทำไม?" ผู้จัดการพูดราวเรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดา
"จะต้องให้มันหลอกผมก่อนรึไง ผมถึงจะย้ายออกไปได้!?" ผมถามอย่างเหลืออด

"ก็เออซิวะ!!! " ผู้จัดการบอกเสียงเรียบๆ "มึงย้ายไปแล้ว จะไปอยู่ที่ไหน ห้องเช่าแถวๆนี้ก็แพง เงินเดือนมึงแค่หกพันจะพอยาไส้หรือวะ บ้านหลังนั้นกว้างขวาง น้ำ ไฟ พร้อม อยู่ฟรี นอนฟรี มึงเงี่ยนๆขึ้นมาจะเอาสาวๆมาปี้กูก็ไมว่า  มึงอยู่ๆไปเถอะ จะได้ช่วยเฝ้าของให้กูด้วย ทั้งนั่งร้าน ทั้งเหล็กแบบ รถเฮียบ ของสารพัดรวมราคาหลายล้านเก็บไว้ที่นั่น มึงอยู่นอนเฝ้ากูเบาใจนอนตาหลับ ไม่ต้องกลัวว่ามึงจะขโมยไปขาย เพราะกูไว้ใจมึงได้"

คำพูดหวังดีนั้นทำเอาผมไตร่ตรองอยู่ ๕ วินาทีก่อนจะบอกออกไป

"เฮียให้ผมนอนเฝ้าแล้วเฮียนอนตาหลับ แต่ผมหลับตาไม่ลงหรอกเฮีย มันมีเอ่อ....อยู่เฝ้าด้วยอ่ะห์..."

"มึงไม่ต้องไปกลัวมันหรอกน่า มึงนอนมาตั้งกี่คืนแล้ว มันยังไม่มาหลอกมึงเลย ถ้ามันอยากจะหลอกมึง มันมาหลอกตั้งแต่คืนแรกแล้ว หมั่นสวดมนต์ก่อนนอน ทำบุญกรวดน้ำไปให้มันแล้วขอมันอย่ามารบกวน มึงก็อยู่ได้สบายแล้วจะได้ประหยัดค่าใช้จ่ายของมึงด้วย เอาเงินส่วนนี้มาไว้ใช้อย่างอื่นดีกว่า เชื่อกูเถอะ"

คำพูดหวังดีของผู้จัดการทำเอานีโอหนุ่มในเวลานั้นไม่อาจหลีกหนีไปไหนได้ เพราะเงินเดือนอันน้อยนิดไม่อาจแบ่งไปใช้ส่วนอื่นได้ แค่เดือนชนเดือนยังแทบจะไม่พอ และที่ลูกพี่ให้เงินเดือนน้อยนิดก็เพราะต้องการดัดนิสัยให้ผมรู้จักควบคุมรายจ่าย เนื่องจากผมเป็นคนสุรุ่ยสุร่าย อันนี้ไม่รู้ว่าเป็นความหวังดีหรือความงกของแก แต่เวลาไปเที่ยว นวด หรือลงอ่าง แกมักออกให้ผมไม่อั้น บางครั้งยังช่วยเหลือยามครอบครัวของผมเดือดร้อนอีก ผมจึงเป็นหนี้บุญคุณของแกมากและสำนึกมาถึงปัจจุบันแม้จะไม่ได้อยู่รับใช้แกแล้วก็ตาม แต่ยามเข้ากรุงเทพฯก็แวะไปหาทุกครั้งพร้อมของฝาก

มัวซาบซึ้งอดีตเดี๋ยวจะยาวไปเรื่องอื่นๆ มาว่าเรื่องนี้ต่อดีกว่า....

รัตติกาลที่เคลื่อนผ่านทำเอาผมนอนไม่หลับหลังจากทราบประวัติที่พัก นอนหลอนนอนสะดุ้งหวั่นผวาเกรงว่าผีผู้รับเหมาคนนี้จะมาหลอก อันคนเรานี่ก็แปลก ตอนไม่รู้ก็ไม่กลัว พอรู้ถึงได้กลัว และพอกลัวก็นอนไม่หลับกระสับกระส่าย ถึงจะสวดมนต์ก่อนนอน แผ่เมตตา พลางบนบานสานกล่าวว่าอย่ามาหลอกมาหลอนจะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ก็ยังไม่อาจวางใจ ทุรนทุรายหวาดผวากว่าจะหลับตาลงไปได้ก็เกือบๆฟ้าสาง เมื่อออกไปทำงานก็แอบงีบตามร่มไม้ไป

ความกลัวเข้าครอบงำทำเอาขวัญผวา เวลาอาบน้ำฟอกสบู่สระผมนี่ไม่ต้องพูดถึง ผวาจะมีพลังงานลึกลับบางอย่างมาช่วยฟอกสบู่ถูหลัง ยิ่งสระผมต้องหลับตาทุกครั้งเวลาล้างนั้น กว่าจะลืมตาได้ต้องทำใจอยู่นาน เพราะเกรงว่าลืมตาขึ้นมาจะจ๊ะเอ๋กับพลังงานลึกลับที่ไม่อยากเจอ ดึกๆหมาก็หอนสร้างบรรยากาศ ปวดฉี่ปวดขี้ดึกๆต้องอดทนอดกลั้นเอาไว้ ทุกข์กายทุกข์ใจเกินจะบรรยาย

และเป็นอยู่หลายคืนหลานวัน แต่เนิ่นนานไปก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น นอกจากนีโอหนุ่มจะหลอกตัวเอง และพบว่าไอ้ที่กลัวๆล้วนแต่มีสาเหตุ เช่นประตูหน้าบ้านมีคนมาเคาะไม่หยุด แรกๆก็กลัวแต่นานเข้าก็รำคาญเดินไปเปิดก็พบว่าหมาที่นอนเฝ้าหน้าประตูมันสะบัดหางไล่ยุงมาโดนเสียงคล้ายคนเคาะ  บนฝ้ามีเสียงดังปุ้งๆก็เพราะแมวไล่จับหนู เห็นหน้าคนในกระจกลางๆเวลากลางคืนก็เงาหน้าเราเอง ไม่ใช่พลังงานลึกลับที่ไหนมาทำ อยู่มาเรื่อยๆจนกระทั่งคุ้นชินและแน่ใจว่า วิญญาณของผู้รับเหมาคนนี้อาจจะไปเกิดใหม่หรือพอใจในสิ่งของที่ผมหมั่นทำบุญตักบาตรกรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลส่งไปให้หรือไม่ก็สงสารคนซื่อๆอย่างผมจนไม่อยากหลอกให้ผวา  ทำให้ผมอยู่เป็นปรกติสุขเรื่อยมา

จนกระทั่ง.........
บ้านหลังข้างๆรั้วติดกันลูกค้าจองชื้อไว้ได้ย้ายเข้ามาอ
ยู่

ลูกค้าที่ชื้อบ้านและย้ายมาอยู่เป็นเรื่องปรกติธรรมดา และผมก็ต้องทำหน้าที่พาลูกค้าเข้าไปสำรวจตรวจตราภายในบ้านว่าพร้อมเข้ามาอยู่ได้และให้สัญญาว่าจะคอยดูแลซ่อมแซมส่วนชำรุดจากความบ่กพร่องของการก่อสร้าง ซึ่งก็เป็นเรื่องปรกติธรรมดาเหมือนกัน แต่ว่าที่ไม่ปรกติธรรมดาก็คือ หญิงสาวที่มากับเจ้าของบ้านนั้น ขอใช้สำนวนสมัยวัยรุ่นในขณะนั้นบอกตรงๆว่า 'ผู้หญิงอะไรวะ สวยฉิบหาย....'และวัยก็คงจะประมาณ ๒๐ ต้นๆคงไม่อ่อนแต่ไม่แก่กว่าผมเท่าไหร่

ผมเองก็เจอผู้หญิงสวยๆมาเยอะ แต่ไม่เคยเจอใครที่นอกจากจะสวยและยังอัธยาศัยดี พูดจาไพเราะ ยิ้มหวานตรึงใจยิ่งนัก แค่ได้เจอเพียงครั้งก็ทำเอาผมแทบเพ้อลอบมองเธอแล้วทำท่าเก้อเขิล ซึ่งเธอเองก็ให้ความเป็นกันเองไม่ได้รังเกียจหัวหน้าช่างตัวดำๆเพราะกรำแดดและมีตำแหน่งต้อยต่ำ

หลังจากพากตรวจตราบ้านเสร็จ เจ้าของบ้านก็ทำการย้ายของเข้ามาอยู่ ผมก็มาคอยอำนวยการอย่างเต็มใจด้วยหมายจะเจอหญิงสาวคนสวย ที่สูงโปร่ง ผิวขาว ใบหน้ากลมรีปากจิ้มลิ้มสีชมพูสด จมูกโด่งน้อยๆ ดวงตาโตๆ เส้นผมยาวสลวยย้อมสีน้ำตาลจางๆ ทรวดทรงองค์เอวเหมาะเจาะ ก้นงอนกลมกลึง ที่สำคัญสองเต้านั่น อื้อหือ...





"นมยังกะหัวเด็ก" ช่างในสังกัดของผมเอ่ยบอกขณะยืนมองเธอที่กำลังบอกคนขนของเข้าบ้าน
"พูดจาสุภาพหน่อย เขาเป็นลูกค้าของบริษัทเรานะ" ผมปราม
"หัวหน้าอย่าทำเป็นเก๊กขรึมน่า...ผมรู้น่าว่าแอบมองเหมือนกัน" ช่างเอ่ยบอกมาอย่างรู้ทัน
"เออ..แต่ให้มันมีเชิงหน่อย อย่าปากเปราะพูดไปเรื่อย เดี๋ยวพ่อของเขาได้ยินจะด่าเอา"

ช่างคนนั้นขมวดคิ้วมองหน้าผม "พ่อของคุณนาย!!!"

"เออ..เดี๋ยวพ่อเขาจะมาด่าเอา ว่าพูดจาล่วงเกินลูกสาวเขา" ผมสำทับและบุ้ยใบ้ไปที่ชายวัยที่คะเนด้วยสายตาน่าจะสี่สิบต้นๆซึ่งจากวุฒิภาวะ รูปร่างสันทัดหัวเถิก อ้วนลงพุง สวมแว่นสายตา เดาว่าน่าจะเป็นพ่อของเธอ

"คนนั้นไม่ใช่พ่อนะหัวหน้า แต่เป็นผัวของคุณนายคนสวยนั่น"

ช่างบอกมาทำเอาผมอ้าปากหวอพลางอุทาน "ผัวเหรอ?!?!?"

"ก็ใช่น่ะซี" ช่างบอกย้ำ "นี่หัวหน้าไม่รู้เหรอ ว่าคุณนายคนสวยนี่มีผัวแก่ เขารู้กันทั้งหมู่บ้านแล้ว ไปอยู่ไหนมา"
ผมใจหายวาบชาวูบไปทั้งตัวด้วยความเสียดายของ แต่รีบตั้งสติรักษาอาการ

"จะผัวหรือพ่อก็เรื่องของเขา เรามีหน้าที่บริการก็ทำไปให้เต็มกำลังและสติปัญญา ไปๆๆ ไปทำงาน อย่าอู้"
"แน๊ๆๆๆกลบเกลื่อนๆๆเสียดายหล่ะซิ" ช่างเอ่ยแซวมา
"เสียดายอะไรวะ สวยๆกว่านี้ยังมีอีกเยอะ แค่สวย แค่ขาว แค่อวบ มีดีเท่านั้นเอง"

ผมบอกแล้วเดินไปดูงานด้านอื่นต่อ แต่ในใจก็ยอมรับว่าเสียดายจริงๆ ยังสาวยังแส้แท้ๆทำไมมีผัวแก่เสียได้

จากแฟ้มประวัติลูกค้าสามีคราวพ่อของเธอนั้นมีนามว่า นายกอบชัยหรือเรียกง่ายๆว่าพี่ชัย เป็นผู้จัดการสาขาของบริษัทขนส่งสินค้าแห่งหนึ่ง ส่วนภรรยาคราวลูกนั้นชื่อดุจดาว ผมและช่างเรียกกันว่าคุณดาว ทำงานเป็นครูอยู่นอสเชอรี่ใกล้ๆหมู่บ้าน แม้จะต่างวัยแต่ทั้งสองก็ดูเป็นคู่รักที่หวานชื่นเข้าอกเข้าใจกันดี

การที่มีคนสวยๆมาอยู่ข้างๆบ้าน ทำให้ผมรู้สึกมีชีวิตชีวาที่ได้เห็นสิ่งสวยๆงามๆทุกยามเช้าก่อนไปทำงานและทุกยามเย็นที่กลับสู่ที่พำนัก แต่ในความรื่นรมย์ก็แฝงด้วยความเสียดายที่ดอกไม้งามดอกนี้มีเจ้าของ และก็สูงวัยไม่มีความเหมาะสม แต่ก็คงเป็นบุญกรรมทำร่วมกันมา เพราะทั้งสองก็ครองรักผาสุกหวานชื่นจนน่าอิจฉา หญิงสาวเองก็ดูเปล่งปลั่งมีน้ำนวลด้วยเลือดฝาดสาว ส่วนผัวหรือสามีก็ใบหน้าผ่องใสมีสง่าราศี แต่ตัวผมกลับปวดใจลึกๆทุกครั้งที่เห็นทั้งสองตระกองกอดหยอกเย้าเวลามาช่วยกันทำสวนเล็กๆหลังบ้านในวันหยุด หยอกกันไปกอดกันมาร่างกายถูๆไถสักพักก็มักจะจูงมือพากันเดินเข้าบ้านไป และไปทำอะไรก็เดาได้ไม่ยาก

และเพราะบ้านอยู่ติดกันมีเพียงรั้วสูงหนึ่งเมตรห้าสิบเซนติเมตรทำให้ผมได้เห็นอะไรดีๆบ่อยครั้งอย่างไม่ตั้งใจ บางครั้งผมก็เห็นหญิงสาวพันกายหลวมๆด้วยผ้าเช็ดตัวมายืนตากผ้าข้างๆรั้ว สองเต้าขาวๆถูกพันด้วยผ้าหมิ่นเหม่จนแทบจะทะลักหลุดออกมาอวด ชายผ้าก็ชะเวิ้บชะวาบยามยกแขนจนส่วนสงวนผลุบๆโผล่ๆเห็นรำไรๆ ผมหยุดจ้องมองราวต้องมนต์บางครั้งบางหนเธอหันมาเห็นผมแทนที่จะเขิลอายกลับยิ้มหวานมาให้และเอ่ยทักทายเสียอีก เป็นผมที่ต้องอายแก่ใจยิ้มแก้เก้อและเดินตัวงอเลี่ยงไป


 
ส่วนการที่เธอชอบทำสวนปลูกต้นไม้ก็ยังพาความวาบหวิวใจมาให้ผมอีก เพราะเธอชอบใส่กางเกงขาสั้นและสั้นจนถึงขาหนีบ สวมเสื้อยืดคอกว้างสีขาวบางๆและบางจนเห็นยกทรงสีดำที่รองรับเต้าใหญ่ๆขาวๆคู่นั้นแบบจะเอาไม่อยู่ เวลานั่งยองๆก้มๆเงยๆ เห็นทั้งเต้าทั้งลิงโผล่ เดือดร้อนผมต้องเดินตัวงอทุกครั้งที่ได้เห็น การกระทำของเธอเช่นนี้ผมไม่อาจทราบได้ว่าเป็นความเคยชินของเธอหรือเป็นเจตนาจะยั่วผม หากเข้าข้างตัวเองก็คิดว่าเป็นอย่างหลัง แต่ในความเป็นจริงน่าจะเป็นอย่างแรกมากกว่า เพราะหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ในหมู่บ้านต่างก็ร่ำลือถึงพฤติกรรมนี้และแวะเวียนหาเหตุสัญจรผ่านมาสอดส่ายสายตาแอบชำเรืองดูเธอทำสวนเสมอๆ



"ช่างนีโอ วันนี้กินข้าวเย็นด้วยกันไหม?" เสียงพี่ชัย สามีของคุณดาวคนสวยเอ่ยบอกเมื่อกลับจากทำงาน

พี่ชัยสามีของคุณดาวนั้น เพิ่งได้เลื่อนเป็นผู้จัดการภาคของบริษัท ระยะหลังๆมักเดินทางขึ้นเหนือล่องใต้ประจำ ไม่ค่อยอยู่บ้าน อาทิตย์นึงจะกลับมานอนค้างบ้านสักวัน บ่อยครั้งก็มักจะเอ่ยปากฝากบ้านและภรรยาให้ผมช่วยดูแล ซึ่งผมก็คอยเฝ้าดูแลด้วยความเต็มใจ จนระยะหลังผมจึงสนิทกับบ้านข้างๆจนสามารถเดินเข้านอกออกในได้ระดับหนึ่ง

"ขอบคุณครับ แต่ผมเกรงจะรบกวนพี่ชัย ไปกินบ่อยๆ เกรงใจครับ"
ผมตอบไปตามมารยาท แต่พอเขาชวนทีไรก็ไปทุกทีไม่เคยพลาด
"เฮ้ย..เกรงใจอะไร อาบน้ำเสร็จแล้วมาเลยนะ วันนี้เป็นวันพิเศษ วันเกิดน้องดาวเค้า..."
"โอ๊ย..ผมไม่รู้ เลยไม่ได้เตรียมของขวัญให้เลย"
"ฮื่อ.อ.อ...ของขวัญอะไรไม่ต้องหรอก เราไม่จัดงานใหญ่โตอะไรนี่ ทุกปีวันเกิดพี่กับน้องดาวก็แค่เป่าเค้กสองคนแล้วฉลองกันเงียบๆ ปีนี้มีน้องนีโอมาร่วมด้วย คงจะสนุก..."
และมื้อค่ำคืนนั้นผมก็ได้เข้าไปร่วมโต๊ะในฐานะแขกของบ้านพร้อมๆกับร่วมร้องเพลงอวยพรวันเกิดให้คุณดาว ซึ่งมีอาหารคาวหวานเหล้าเบียร์เพียบรวมทั้งเค้กสั่งทำพิเศษ หลังจากเป่าเทียนตัดเค้กกินกันเสร็จสรรพ พี่ชัยก็ชวนผมดื่มฉลองเป็นกรณีพิเศษ ผมขัดไม่ได้จึงนั่งกินเป็นเพื่อน และก็แปลกใจที่เห็นคุณดาวนั่งรินเบียร์นั่งดื่มร่วมโต๊ะด้วย
"คุณดาวดื่มเบียร์เป็นด้วยหรือครับ...." ผมถามอย่างสงสัย
"น้องดาวเค้าดื่มประจำ มันบำรุงเลือดลม เค้าถึงสวยเปล่งปลั่งอย่างงี้ไง" พี่ชัยตอบแทนอย่างภาคภูมิใจ
"แหม..ผมนึกว่าคุณดาวจะชอบดื่มน้ำส้มแบบนางเอกเสียอีก" ผมพูดจาเย้าไป
"ดื่มน้ำส้มน่ะ สมัยนี้มันเด็กนั่งดริ้ง นางเอกสมัยนี้ต้องต้องดื่มเบียร์แทน" คุณดาวตอบติดตลกมาอย่างเป็นกันเอง

พวกเรานั่งดื่มกันไปเรื่อยๆจนเวลาสงัดกำดัดยาม แอลกอฮอร์ก็แทรกซึมเข้าระบบประสาทตามจำนวนบริโภค
การพูดคุยก็ออกรสออกชาติขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง.....

เหล้าหมดไปหลายกลม(ขวด) เบียร์เปล่าๆที่คุณดาวดื่มตั้งอยู่ประมาณ ๕ – ๖ ขวด
ผมปรือตามองผ่านความมึนเมาแล้วนึกทึ่งในใจ ผู้หญิงอะไรวะ ดื่มเบียร์ดุชะมัด

"ไหนว่าพี่ชัยจะมีของขวัญพิเศษให้ดาวไง?" คุณดาวเอ่ยถามสามีแล้วโอบกอดคอสั้นพลางจูบแก้มอย่างเสน่หา
ผู้สามียิ้มกริ่มมองใบหน้าขาวๆที่แดงซ่านด้วยฤทธิ์แอลกอฮอร์พลางโอบเอวคอดหอมแก้มตอบ
"มีให้แน่ๆจ๊ะ ดาวจ๋า อดใจรอเดี๋ยวนะ"
"อมพะนำอะไร เอาออกมาให้ดูหน่อยสิ..." คุณดาวพูดแล้วเอียงแก้มขาวๆมาเบียบใบหน้าอวบๆหยาบกล้านของพี่ชัย มองยังไงก็ไม่เหมาะสม ไม่รุ้คุณดาวไปพิศวาสได้อย่างไง
"ใจร้อนจริ๊งงง" พี่ชัยพูดอ้อแอ้ๆพลางใช้สองมือบีบเคล้นไปตามเนื้อตัวอวบอั๋นขาวผ่องของภรรยาสาว

"ซ๊วบบบบ..." ผมยกแก้วเหล้ากระดกลงลำคอ พลางถอนหายใจ พลางคิดว่า 'ทำอะไรไม่เกรงใจกรูเล้ย....'

"เอ่อ...น้องนีโอ...." พี่ชัยพูดเสียงอ้อแอ้ๆ "ดึกแล้วนะ กลับไปนอนเถอะ..."

ผมมองใบหน้าที่ตาปรือๆง่วงๆแฝงความหงี่ของพี่ชัยแบบเข้าใจ
แสดงว่าอยากจะเยิ้บเมียแล้ว ผมจึงไม่คิดจะอยู่เป็นก้างขวางคอ เขาเอ่ยปากไล่เเล้ว จะหน้าด้านอยู่ทำไม

"อื่อ...ผมก็ง่วงแล้ว ขอตัวก่อนนะครับ..."

 ผมผุดลุกขึ้นเพราะไม่ต้องบอกก็เข้าใจถ่องแท้ว่าเขาไล่กลับแล้ว และเกิดอารมณ์จะปิ๊ดปี้ปิดกัน ดังนั้นจึงไม่สมควรอยู่เป็นก.ข.ค. สบตาพี่ดาวที่ใบหน้าแดงซ่านง่วงงุนก็เสียวหัวใจแปลบๆก่อนจะเอ่ยลาและเดินจากไป ทั้งสองไม่คิดจะมาส่งผม พอเดินหันหลังมาก็ได้ยินเสียงอู้อี้ๆโครมครามของเก้าอี้โต๊เอี้ยดอ้าดเพราะแรงกอดรัดฟัดเหวี่ยงหยอกเย้ากัน เฮ้อ...นึกถึงเรือนร่างของคุณดาวถูกกอดรัดบีบเคล้น ถูก....

มันปวดใจลึกๆทุกที ผมเดินถอนหายใจหนักๆออกมาหน้าบ้านปิดประตู หันหลังไปเห็นไฟดับไล่หลังมาก็ส่ายหัวเดินเซมาที่หน้ารั้ว พอจะเปิดประตูก็คลำๆกระเป๋าเสื้อดู 'อ้าวเฮ้ยลืมมือถือไว้ที่โต๊ะ เวรกรรม....'

 ผมรีบเปิดประตูกลับเข้าไปในบ้าน เดินโซเซฝ่าความมืดเข้ามาจนถึงโต๊ะอาหาร พยายามควานมือหาและมองซ้ายมองขวาหามือถือใหญ่ อ้อมันวางอยู่ตรงซิ้งล้างจานนั่นเอง เอามือถือใส่กระเป๋า  มองหาสองผัวเมียก็ไม่เจอ เข้าใจว่าคงขึ้นห้องไปปั้มป้ามกันแล้ว เมาแล้วเซ๊กส์นี่หว่า.........นี่ถ้าไม่เกรงใจคงปี้ให้เราดูไปแล้ว ผมนึกในใจด้วยความเมา แต่ก็ต้องแปลกใจที่เห็นชั้นสองเปิดไฟ มีเสียงกุกกั๊กๆพูดคุยเบาๆ

"จะเอาตรงนี้จริงๆเหรอ...อย่าเลยนะพี่...เดี๋ยวคนมาเห็น..."เสียงห้ามของคุณดาวดังมา
"นี่แหล่ะของขวัญพิเศษให้ดาว...พี่ฝันมานาน อยากมีบ้านเป้นของตัวเอง แล้วเย็ดดาวที่ระเบียง..."
"แต่ดาวว่าอย่า...อุ๊บ..ทำเล....ย......อุ๊ย ...ทำไมพี่ชัยถึงพิเรนอย่างนี้อู๊ย...อย่าล้วง..."
เสียงของคุณดาวกระเส่า
"ชอบไหมหล่ะ..จุดเสียวของดาวไม่ใช่เหรอ..ตรงนี้...ถอดกางเกงนะ เดี๋ยวพี่จะลงลิ้นให้...."
"อย่าเลยนะ..ไปในห้องดีกว่า...ดาวกลัวคนมาเห็นจริงๆ"
"ตื่นเต้นดี..ไม่ชอบเหรอ...ไหนว่าดาวชอบที่ตื่นเต้นๆไง ระเบียงนี่ พี่สั่งทำเพื่องานนี้โดยเฉพาะ...."


ผมงุนงงและสับสนในเสียงที่ได้ยิน ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงตีนบันได รู้โดยไม่ต้องถามเทพธิดาพยากรณ์ หมอคอนเฟิร์ม ฟัน ญาณทิพย์หรือพวกจิตสัมผัส ณ บัดนี้ ข้างบนตรงระเบียงด้านหลังบ้านที่ถูกสั่งทำพิเศษ สองผัวเมียกำลังจะอึ๊บกัน  ด้วยความอยากรู้อยากเห็นมันแล่นเข้ามาในหัวผม ด้วยความคะนองบวกความเมา ทำให้ผมค่อยๆย่อง ขึ้นไป ก้าวขึ้นไปบนชั้นสอง ช้าๆเงียบๆ ผมค่อยๆยื่นหน้าออกไปดูทีละนิด ทีละนิด ภาพที่เห็นอยู่ตรงหน้าคือพี่ชัยและคุณดาวยืนอยู่ที่ระเบียง คุณชัยกำลังล้วงๆใส่กางเกงในที่อยู่ใต้กางเกงขาสั้นของคุณดาวพลางวนมือควานไปมาอย่างสนุก ส่วนคุณดาวก็พยายามขัดขืนเบาๆพอเป็นพิธีเอามือเรียวจับๆดึงๆแขนของสามีตัวเองไว้

"นะๆดาวนะ ขอพี่เอาน้องดาวตรงนี้เถอะ"เอาเถอะ" พี่ชัยพูดพลางล้วงมือยิกๆอยู่ใต้กางเกงขาสั้นของคุณดาว

"เดี๋ยวใครมาเห็นมันจะไม่ดี ดาวอาย...." คุณดาวปฏิเสธเสียงสั่นปัดไม้ปีดมือสามีที่ยุ่มย่ามยุบยับทั้งในกางเกงและที่ใต้เสื้อขยุ้มหน้าอกใหญ่ๆมองราวมีตัวอะไรกำลังมุดอยู่ใต้เนื้อผ้าตรงหน้าอก ปากบอกไม่ๆล้วงไปบีบมาสักพัก คุณดาวก็ถอนหายใจหนักๆยืนตัวอ่อนปล่อยให้สามีทำตามใจพลางเชิดหกน้าหลับตาพริ้ม ห่อปากสวยครางเลาๆ ท่าทางจะมีอารมณ์แล้ว พี่ชัยพอล้วงควักจนเมียสาวเคลิ้มตามไม่ขัดขืน ก็เหมือนจะได้ใจล้วงเข้าไปหนักมือจนร่างอวบสะท้านเฮือกๆเร้าใจนีโอหนุ่มยิ่งนัก มองไปควยแข็งไปด้วยความตื่นเต้นที่จะเห็นคนเย็ดกันให้ดูสดๆในระยะเผาขน

พี่ชัยจับร่างเมียสาวให้หันหน้าไปชิดระเบียง สองมือปลดตะขอกางเกงขาสั้นรูดทีเดียวหลุดทั้งกางเกงนอกกางเกหงใน เผยให้เห็นกลุ่มขนดกดำกระจุกใหญ่ที่ยุ่งเหยิ่งเพราะมือของสามีบนบริเวณ เนื้อรูปสามเหลี่ยม พี่ชัยไม่รอช้าเอานิ้วแยงล้วงเข้าล้วงออกระรัว นีโอหนุ่มมองผ่านแสงต่ำๆของไฟหัวเสานอกรั้ว เห็นท่อนล่างขาวผ่องของคุณดาวชัดๆ สองขาเรียวแยกออกกว้างรับการล้วงอย่างรุนแรง เธอหลับตาพริ้มห่อปากครางเบาๆอย่างเคลิ้บเคลิ้ม ฝ่ายสามีก็ดูจะชอบใจนั่งคุกเข่าเอาใบหน้าหยาบๆแนบแก้มก้นขาวๆเนื้อเนียมหลับตาล้วงนิ้วเข้าออกราวหาอะไรบางอย่าง เสียงล้วงนิ้วกลางมุดเข้าๆออกๆใส่หว่างขาของคุณดาวดังแข่งเสียงแมลงกลางคืนดัง แจ๊ะ...แจ๊ะ...แจ๊ะ....



"ไม่ ได้เย็ดน้องดาวมาตั้งสองอาทิตย์กว่าแล้วนะ " พี่ชัยพูดเสียงกระเส่า "มีเมียสวยๆอย่างนี้ เวลาไปต่างจังหวัดพี่ไม่สยาบใจจริงๆ กลัวใครจะเข้ามาตีท้ายครัว รู้ไหมว่าพี่รักและหวงน้องดาวมาก.ก.ก...ทนลำบากทำงานหามรุ่งหามค่ำชื้อบ้านก็เพื่อน้องดาวคนเดียว อย่านอกใจไปทำอย่างงี้กับใครนะ..น้องดาว..เมียของพี่...อื้อ.อ.อ..."

 นีโอหนุ่มแอบดูอยู่กลืนน้ำลายลงคอค่อนข้างยาก รู้สึกคอแหบแห้งไปหมด ใจหวิวๆ มองมือของพี่ชัยอีกเลื่อนผ่านหน้าท้องแบบราบของคุณดาวลงไปถึงหว่างขาก็สลับระรัวล้วงบีบบี้จุดกระสันอย่างเมามัน คุณดาวถ่างขาออกกว้างซบร่างไปกับระเบียงพลางเชิดหน้าหลับตาห่อปากครางไม่เป็นภาษา เห็นอาการของเมียคนสวยระทวยหวามไปกับการเล้าโลม สายตาของพี่ชัยฉายแววผู้พิชิตผสมความหื่นจากอารมณ์กามา จากนั้นก็ละมือจากทุ่งกระสันมาลูบไล้ไปมาทั่วแผ่นหลังขาวเนียนสะอาดตา... เลื่อนมือลงมาถึงเอว..... ไล้มาถึงที่สะโพก............ สองมือบีบขยำที่ก้อยก้นกลมกลึงจนล้นทะลักง่ามนิ้วมือ พี่ชัยทำราวกับจะละเลียดเชยชมร่างงามให้หนำใจเต็มอิ่ม ส่วนนีโอหนุ่มผู้แอบมอง แทบจะน้ำแตกออกมาเสียให้ได้ มันเร้าใจไม่น้อยกว่าทั้งสองที่มาแอบเย็ดกันตรงระเบีย