จากคนแต่ง
เรื่องนี้บอกไว้ก่อนนะครับยาวประมาณ 2-3 ตอนเท่านั้นบทรักมีไม่มากและขอซ่อนเหมือนเรื่องที่ผ่านมา ตอนแรกผมสองจิตสองใจว่าจะซ่อนดีหรือไม่ แต่สุดท้ายตัดสินใจซ่อน เพราะผมอยากได้คนที่อ่านจริงๆเท่านั้น ถึงบางความคิดเห็นจะมักง่ายมากไม่ตรงประมาณว่าสักแต่แสดงความเห็นเพื่อจะได้อ่าน ตรงนี้บอกตรงๆว่าท้อเหมือนกันครับ อย่างเรื่องที่ผ่านมา ผมต้องบอกไว้ก่อนว่าเรื่อง "ผีหลอกสายฟ้า"นั้นจบไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ถ้าใครได้อ่านจนจบก็คงจะรู้ดีว่าทุกอย่างมันเฉลยไปหมดแล้วครับไม่ได้ตัดจบครับผมวางพล็อตมาแล้วให้จบอย่างนี้ แต่เจอประเภทมักง่ายที่บอกว่า "จบอะไรคุยไม่รู้เรื่องเลย" แบบนี้มันก็มักง่ายเกินไปครับ ส่วนความเห็นดีๆนั้นๆบอกเลยครับ ขอบคุณมากๆเหมือนเป็นกำลังใจให้ผมหาจินตนาการมาแต่งได้ต่อไปเรื่อยๆครับ
ขอบคุณครับ
***Twintower***
------------------------------------------------------------------------------------------------------
ในลานจอดรถด้านหน้าตึกสูงประมาณ 20 ชั้นในกรุงวอชิงตันสหรัฐอเมริกา หญิงสาว 2 คนก้าวลงจากรถแล้วมองไปที่ตัวตึก
"พี่เค้าจะอยู่หรือเปล่านี่"
เป็นเสียงพูดด้วยความกังวลจากหญิงสาวร่างใหญ่ที่ถามไปยังอีกคนที่เป็นคนขับรถมาที่กำลังปิดประตู อีกฝ่ายนั้นส่ายหน้าและตอบด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
"ไม่รู้เหมือนกันปุ๊ก แต่ไหนๆตั้งใจมาแล้วก็ต้องมาให้เจอ เค้าคงไม่ได้ไปไหนมั้ง"
พูดจบเธอพยักหน้าชวนเพื่อนเดินเข้าไปในอาคารโดยที่อีกฝ่ายมองด้วยความสงสารและเห็นใจ ทั้งคู่ต่างมาอเมริการอบนี้แบบเร่งด่วนโดยไม่เตรียมการล่วงหน้า ดีที่มีวีซ่าอยู่แล้ว ในรอบ2-3ปี ที่ผ่านทั้งคู่ต่างมาเที่ยวสหรัฐบ่อยแต่ไม่เคยได้มาที่วอชิงตัน การมาครั้งนี้มันด่วนมากจนแทบจะเตรียมตัวไม่ทัน นึกอะไรก็ยัดใส่กระเป๋ามายิ่งช่วงปลายเดือนมกราคมอากาศที่วอชิงตันนั้นหนาวเป็นอย่างมาก โชคดีที่หิมะยังไม่ตก ทั้งคู่นั้นต่างบินมาถึงวอชิงตันเมื่อเช้านี้หลังจากเข้าพักที่โรงแรมต่างพักผ่อนกันครู่หนึ่งก่อนที่ช่วงบ่ายจะใช้รถที่เช่ามาขับมาที่ตึกแห่งนี้โดยใช้ GPS นั้นนำทางมาให้ เพราะต่างก็มั่นใจว่า GPS นำทั้งคู่มาไม่ผิดที่ เพราะเจ้าของตึกแห่งนี้เป็นบริษัทนายหน้าค้าหุ้นอับดับต้นๆของโลก ปุ๊กรู้สาเหตุดีว่าเพื่อนต้องมาที่นี่เพราะอะไร ทั้งๆที่เดือนหน้าเพื่อนจะแต่งงานแล้ว เมื่อเพื่อนขอร้องให้มาด้วย ปุ๊กนั้นไม่อาจปฏิเสธเพื่อนได้ เพราะที่ผ่านมาเธอก็ถือว่ามีส่วนในเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
ทันทีที่เข้ามาในอาคารอากาศนั้นอุ่นขึ้น ทั้งคู่เดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่มีพนักงานนั่งอยู่ 2คน
"มีอะไรให้ช่วยคะ"
เป็นเสียงจากพนักงานผู้หญิง ส่วนอีกคนเป็นผู้ชายผิวสีที่อยู่ในชุดสูทสีดำและสวมหูฟังวิทยุข้างเดียวนั้นแค่เหลือบตามามองก่อนจะก้มหน้าไปที่จอคอมเหมือนเดิม ฝ่ายหญิงที่เป็นคนขับรถมายิ้มตอบก่อนจะเอ่ยกลับเป็นภาษาอังกฤษที่ชัดเจน
"เอ่อ เราสองคนมาจากประเทศไทยนะคะ เรามีธุระด่วนต้องพบกับคุณนนทวัชคะ"
พอเอ่ยชื่อนี้ทำเอาเจ้าหน้าที่ผู้ชายที่นั่งก้มหน้านั้นเงยหน้าขึ้นมาทันที่ พนักงานทั้งคู่หันมาสบตากันก่อนที่ฝ่ายหญิงจะตอบกลับ
"นัดไว้ก่อนหรือเปล่าคะ เราขอทราบชื่อคะ"
"ไม่ได้นัคคะ เรามาอย่างเร่งด่วน"
"งั้นรบกวนของฝากเรื่องไว้ได้ไหมคะ เพราะจะมาพบรองประธานบริหารของที่นี่ต้องนัดไว้ล่วงหน้าคะ เสียใจด้วยนะคะ"
เจ้าหน้าที่ผู้หญิงพูดพร้อมส่งกระดาษกับปากกาให้แต่ปุ๊กนั้นพูดขึ้นมา
"ขอความกรุณาด้วยคะ เราทั้งคู่มีธุระด่วนจริงๆ ถึงต้องมาพบคุณธนวัชเป็นการด่วน ได้โปรดเถอะคะ เรามาจากประเทศไทยและพึ่งมาถึงวอชิงตันเมื่อเช้า เรารีบมาที่นี่โดยตรงอย่าเราให้เสียเที่ยวเลยคะ ได้โปรดเถอะคะ หรือจะให้เราคุยกับคุณนนทวัชก่อนก็ได้คะ เราลองติดต่อคุณนนทวัชจากประเทศไทยทุกช่องทางแล้วแต่ติดต่อไม่ได้ เราทั้งมีความจำเป็นต้องพบคุณนนทวัชจริงๆคะ ขอร้องละคะ"
น้ำเสียงและใบหน้าที่ดูวิงวอนของทั้งคู่ทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายชายที่พยักหน้ากับฝ่ายหญิงก่อนที่จะยกหูโทรศัพท์ขึ้นมา หลังจากที่มีการพูดคุย เจ้าหน้าที่หญิงขอทราบชื่อของทั้งคู่และขอพาสปอร์ตของทั้งคู่ไปสแกนที่เครื่องก่อนจะคืนพร้อมส่งบัตรผู้มาติดต่อให้ทั้งคู่ ส่วนฝ่ายชายนั้นเอามือจับที่หูฟังและหันหน้าไปทางกล้องวงจรปิดที่อยู่ด้านหลังและพยักหน้าให้ ทำให้ทั้งสองสาวพึ่งสังเกตุเห็นว่าบริเวณนั้นมีกล้องวงจรปิดอยู่หลายตัว และเจ้าหน้าที่ผู้หญิงได้บอกขึ้นมาหลังจากส่งบัตรให้พร้อมเดินนำทั้งคู่ไปที่ชุดรับแขกที่ดูหรูหรา
"รบกวนนั่งรอก่อนนะคะ เลขาคุณทิมจะมารับพวกคุณทั้งคู่ขึ้นไปพบคะ"
"ขอบคุณมากคะ"
เป็นคำกล่าวของหญิงสาวที่เป็นคนขับรถก่อนที่ทั้งคู่จะนั่งลงพร้อมมองไปรอบๆ
"ง่ายกว่าที่คิดนะนัน ไม่ใช่เราไม่ลองติดต่อแต่ก็ติดต่อพี่ทิมไม่ได้"
ปุ๊กพูดขึ้นมา
"นั่นนะสิ พี่ทิมคงเห็นเราจากวงจรปิด เพราะเห็นเจ้าหน้าที่ผู้ชายฟังจากวิทยุแล้วมองไปที่กล้อง เราก็พึ่งรู้นะว่าที่นี่เรียกคุณทิม พี่ทิมคงให้พวกฝรั่งเรียกชื่อเล่นมันออกเสียงง่ายกว่านนทวัช"
นันตอบเพื่อนพร้อมรอยยิ้มที่เศร้าๆ ปุ๊กจับมือเพื่อนเหมือนให้กำลังใจ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าในรอบอาทิตย์นี้เพื่อนเธอลองทุกวิถีทางที่จะติดต่อฝ่ายชาย แต่ไม่สามารถติดต่อได้ เพราะเบอร์โทรศัพท์ที่มีก็เป็นเบอร์ที่ทิมใช้ตอนอยู่เมืองไทย นันไม่รู้ว่าทิมยังใช้เบอร์นั้นหรือไม่เพราะโทรไปก็ปิดเครื่อง ลองถามจากเพื่อนอีกคนที่พี่ชายเป็นเพื่อนกับทิมก็ไม่มีใครรู้ ส่งความทางไลน์ทิมก็ไม่อ่าน พอเธอบอกให้เพื่อนส่งมาทางอินบ็อกของเฟซบุ๊กแต่นันตัดสินใจแล้วว่าจะมาพบทิมให้ได้ ทำให้ทั้งคู่บินด่วนมาหาทิม ทุกอย่างมันเกิดขึ้นหลังจากที่ เธอกับนันโพสต์รูปที่นันถ่ายพรีเวดดิ้งลงในเฟซของนัน ก่อนหน้านั้นทิมมักจะกดไลท์รูปที่นันโพสต์ทุกครั้งแต่ไม่แสดงความเห็นอะไร แต่พอมีรูปพรีเวดดิ้งของนัน ทิมนั้นไม่กดไลท์ และเมื่อ3-4วันที่ผ่านในเฟซของทิม พี่สาวที่เป็นลูกของป้าที่เลี้ยงทิมมาและตอนนี้เป็นอาจารย์แพทย์มาได้เข้ามาโพสต์ในเฟซของทิม
"เป็นไงละ สมน้ำหน้า ทำโชว์พาวว่าเก่ง 4 วันอยู่ได้ 4ประเทศ 4 ทวีป แล้วไงไม่สบายจนได้"
เพื่อนสนิทของทิมนั้นได้โพสต์ต่อ
"อ้าวทำไมละพี่กุ๊ก มันป่วยเป็นหรือไง"
"ก็อวดเก่งไงบอล ก่อนหน้านั้นอยู่ออสเตรเลียบอกว่ามาบริจาคเงินกับของช่วยดับไฟป่า วันศุกร์บินมาไทย วันเสาร์อยู่ไทย คืนนั้นบินไปอังกฤษทันที บอกให้พักก่อนมันก็ไม่ฟังนิสัยมันดื้อตั้งแต่เด็กแล้วอ้างจะไปดูบอลจองตั๋วไว้แล้ว วันอาทิตย์ดูบอลจบแทนที่จะพักที่อังกฤษสักวัน มันบินกลับสหรัฐเลย เป็นไงละ เจอควันที่ออสเตรเลียมาไทยเจอ PM2.5 แล้วมาเจออากาศเย็นที่อังกฤษ มันเดี้ยงเลย พี่กะแล้วว่ามันต้องไม่สบาย ทิมเป็นภูมิแพ้ตั้งแต่เด็กแล้ว เจอแบบนี้ไม่รอด พี่โทรไปหาเสียงมันแหบมาก ดีที่มันไปหาหมอแล้ว ไม่งั้นพี่จะบินไปลากมันมาที่เมืองไทยแล้ว อวดดีตลอด ถือว่ามีเครื่องบินส่วนตัวจะบินไปไหนก็ได้ พอไม่สบายแล้วใครจะช่วยดู อยู่คนเดียวที่นั่นด้วย ปล่อยตามยะถากรรมก็ไม่ได้พ่อกับแม่พี่ฝากฝังมันไว้เยอะ จนตอนนี้อยากจะฝังเต็มทีแล้ว ไม่เชื่อกันบ้างเลย"
พี่สาวของทิมสาธยายอย่างยาวเหยียด คนที่เข้าไปอ่านคงไม่รู้สึกอะไรมากนักแต่นันนั้นจับใจความได้โดยเฉพาะตอนที่บอลเพื่อนทิมที่เป็นพี่ชายของเพื่อนเธออีกคนได้โพสต์ตอบมาว่า
"ผมเจอมันวันเสาร์ช่วงบ่ายก็บอกให้มันอยู่ต่อแต่มันบอกว่าจะไปดูบอลให้ได้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมมันถึงรีบไปเหมือนไม่อยากอยู่ไทย บอลจะดูเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องไปถึงที่ปีหน้าก็มีอีก ระดับมันสบายอยู่แล้วหาตั๋วง่ายจะตาย ตอนที่เจอมัน มันก็เริ่มไอแล้ว แต่มันบอกผมว่าไม่เป็นอะไร"
เรื่องมันเกิดจากก่อนหน้านั้นในเฟซของทิมมีการแท็กรูปที่โพสต์จากทีมงานบริษัทที่ทำงานว่าทิมนำเงินและสิ่งของไปช่วยเหลือเรื่องไฟไหม้ป่าที่ออสเตรเลีย และวันศุกร์ทิมโพสต์ข้อความสั้นๆว่าจะกลับแวะเมืองไทยพร้อมกับเช็คอินที่สนามบินออสเตรเลียแต่วันเสาร์เป็นวันที่นันกับปุ๊กโพสต์ภาพพรีเวดดิ้งทั้งในอินสตราแกรมและเฟซบุ๊ก เป็นช่วงที่ทิมอยู่เมืองไทยเพราะตอนช่วงเย็นในเฟซของทิมมีแท็กรูปเข้ามาจากหลานสาวที่เป็นลูกพี่สาวทิมว่าทิมมาทานข้าวด้วย ทำให้นันโทรหาทิมทันทีแต่ติดต่อไม่ได้ เธอโทรหาเพื่อนที่ชื่อเบลก็ไม่รู้อะไรมาก จนวันอาทิตย์ช่วงค่ำทิมโพสต์ภาพสนามฟุตบอลในอังกฤษพร้อมพิมพ์ข้อความสั้นๆ "มาดูบอล" ทำให้นันรู้ว่าทิมไปถึงอังกฤษแล้ว เธอได้เข้าไปกดไลท์เพื่อให้ทิมรู้ แต่ทุกอย่างมันเงียบทิมไม่โพสต์อะไรเพิ่มเติม นอกจากเพื่อนเข้ามาโพสต์และทิมตอบทุกคน จนช่วงค่ำวันจันทร์ของเมืองไทยทิมนั้นกลับไปอยู่สหรัฐเป็นที่เรียบร้อยเพราะมีเช็คอินที่วอชิงตันพร้อมข้อความสั่นๆ "กลับที่พัก"และหลังจากนั้นอีก3-4วัน พี่สาวของทิมจึงมาโพสต์บ่นน้องชาย
จาก ประโยคที่บอกว่าที่บอลบอกว่า"ทิมไม่อยากอยู่เมืองไทย"นั้นสะดุดความรู้สึกของนันเป็นอย่างมาก 2 ปีเต็มๆ ที่ไม่เจอกันมีแต่กดไลท์ผ่านเฟซผ่านอินสตราแกรมแต่ไม่แสดงความเห็นอะไร 2 ปีเต็มๆที่เลิกรากัน ถึงจะจากกันด้วยดี แต่นันรู้ดีว่าทิมนั้นเป็นอะไร ทำให้เธอตัดสินใจบินด่วนมาหา ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นถึงเธอจะมาเที่ยวอเมริกาแต่ก็ไม่เคยมาถึงที่นี่เพราะไม่อยากให้ความรู้สึกเดิมๆกลับมาอีก แต่ครั้งนี้ความรู้สึกบอกว่าเธอต้องมาพบทิมให้ได้ ทั้งๆช่วงนี้ที่เมืองไทยเธอนั้นยุ่งมากกับงานแต่งที่กำลังจะมาถึง ทั้งคู่นั่งรอไม่นานนัก ผู้หญิงผิวดำที่รูปร่างหน้าตาสามารถเป็นนางแบบได้สบายๆ ได้เดินเข้ามาหาที่โต๊ะรับแขกก่อนจะทักขึ้นว่า
"สวัสดีคะ ดิฉันนาตาลีเป็นหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของที่นี่ พอดีคุณลอเรลเลขาของบอสติดงาน ดิฉันมารับคุณทั้งคู่ไปพบบอสแทน เชิญทางนี้คะ"
ต่างฝ่ายตางจับมือทักทายก่อนที่นาตาลีจะพาเดินไปอีกทางไม่ใช่ไปลิฟต์ที่เห็นอยู่ แต่พาเดินเลี้ยวไปอีกมุมของอาคารจะเห็นลิฟต์อีกตัวที่ดูจะอยู่ตรงที่ลับตา แต่มีประตูกระจกใสกั้น นาตาลีใช้บัตรที่คล้องคอแตะที่เครื่องสแกนตรงหน้าประตู ด้านหลังประตูจะมีผู้ชายใส่สูทและมีสวมหูฟังยืนอยู่หน้าลิฟต์ ไม่ห่างไปนักมีรปภ.อีก 2 คนที่พกปืน เหมือนกับใกล้ๆประตูทางเข้าอาคารที่มี รปภ.พร้อมอาวุธ 2 คน ก่อนจะเข้าลิฟต์ ผู้ชายที่ใส่สูทพยักหน้าให้นาตาลี ส่วนหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์เอาบัตรประจำตัวที่คล้องคออยู่ไปแตะที่แป้นกดหน้าลิฟต์ ทันทีที่ประตูเปิด เธอรีบก้าวเข้าไปก่อนจะเชิญทั้งสองสาวเข้ามาลิฟต์ ทั้งคู่เห็นนาตาลีเอาบัตรแตะพร้อมเอานิ้วชี้ทาบที่แป้นกดก่อนจะกดที่เลข 18 แล้วหันมาอธิบายกับทั้งคู่ว่า
"ที่นี่รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดคะ ลิฟต์นี้เฉพาะผู้บริหารระดับสูงเท่านั้นคะ"
"ทำไมดูเงียบๆจังคะ ไม่เหมือนบริษัทใหญ่เลย"
ปุ๊กเป็นคนถามขึ้น นาตาลียิ้มก่อนจะตอบ
"ในส่วนภายนอกจะเป็นแบบนี้ละคะ แต่ในส่วนออฟฟิตทุกชั้นจะวุ่นวายโดยเฉพาะชั้นที่ใช้ทำเรื่องเทรดหุ้น จะวุ่นวายที่สุดแต่ชั้นบนๆสำหรับผู้บริหารจะเงียบหน่อยคะ"
ทั้งคู่พยักหน้าเป็นจังหวะที่ถึงชั้น 18 พอดี พอประตูลิฟต์เปิดนาตาลีให้แขกเดินนำออกไป ส่วนเธอตามออกภายหลัง ในสายตาของแขกทั้งคู่ การตกแต่งของชั้นนี้ดูหรูหราเป็นอย่างมากทุกอย่างดูทันสมัย และที่เหมือนชั้นล่างมีประตูกระจกกั้นนาตาลีใช้บัตรแตะและสแกนลายนิ้วมือ ด้านหลังประตูผู้ชายในชุดสูทพร้อมหูฟังยืนอยู่ และตามทางเดินอีก2-3 คน นาตาลีเดินนำทั้งคู่ไปอีกด้าน พอถึงมุมทันทีที่เลี้ยวห้องทำงานขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ตรงหน้า เป็นห้องที่อยู่มุมตึกอีกด้านพอดี มีกระจกใสบานใหญ่นั้นกั้นอยู่ ทางเดินที่ทอดไปนั้นขวามือคือขอบตึกที่มีกระจกใสกั้นอยู่มองไปทิวทัศน์ที่งดงาม ส่วนด้านซ้ายนั้นเป็นห้องทำงานที่ขนาดย่อมกว่า นันกับปุ๊กอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเข้าไป ทำให้เห็นหลังกระจกสุภาพสตรีฝรั่งสาวสวยกำลังพูดโทรศัพท์อยู่พร้อมก้มไปมองในไอแพ่ดที่ถืออยู่ เธอเหลือบตาขึ้นมามองพอดีพร้อมกับยิ้มให้ ทั้งคู่ยิ้มตอบ พอเดินเลยไป ทำให้เห็นห้องตรงมุมนั้นชัดขึ้น เป้าหมายที่นันจะมาพบนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ดูหรูหราอย่างมาก มองเข้าไปจะเห็นอย่างได้ชัด ด้านหลังโต๊ะทำงานนั้นมองไปจะเห็นวิวที่สวยงามผ่านกระจกใสที่มองได้เกือบรอบห้อง พร้อมชุดรับแขกที่หรูหราเข้ากับห้อง มันเป็นห้องที่เหมาะกับผู้บริหารระดับสูงจริงๆ นาตาลีเดินไปเคาะประตูพร้อมผลักเข้าไป ทิมเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมส่งยิ้ม
"บอสคะ แขกจากไทยที่มาขอพบบอสคะ"
"ขอบคุณมากนาตาลี"
เสียงตอบที่ได้ยินมานั้นทำเอาปุ๊กกับนันหันมามองหน้ากันเพราะเป็นเสียงที่ค่อนข้างแหบ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์เชิญทั้งสองสาวเข้าไปในห้องก่อนที่เธอจะเดินกลับไป ทิมลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าวด้วยภาษาไทยพร้อมรอยยิ้ม
"มาเลยปุ๊ก นัน มานั่งตรงนี้ก็ได้ ไม่ต้องไปที่ชุดรับแขกหรอก"
ทั้งคู่เดินมานั่งตรงข้ามทิม ที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวเข้ารูป กางเกงสแลคสีดำ เยื้องไปด้านหลังมีที่แขวนเสื้อโค้ทกับสูทสีดำ บนโต๊ะขนาดใหญ่นั้นมีจอคอมพิวเตอร์ 2 จออยู่เยื้องกับตัวทินส่วนตรงหน้ามีเอกสารและไอแพ่ดกับโทรศัพท์มือถือวางอยู่ แต่ก่อนที่จะมีใครพูดอะไร มีพนักงานในชุดฟอร์มแม่บ้านเอากาแฟกับน้ำเย็นมาเสิร์ฟ แล้วรีบเดินออกไปหลังจากที่ทิมบอกขอบคุณ ปุ๊กนั้นเป็นฝ่ายถามก่อน
"จะถามว่าพี่ทิมสบายดีหรือเปล่าตามธรรมเนียมคงจะไม่ได้แล้ว พี่ทิมยังไม่หายหรือคะ ปุ๊กเห็นจากเฟซที่พี่สาวพี่ทิมบ่นแล้วพอมาเจอพี่เสียงพี่แหบมาก"
ทิมยิ้มออกมาทำให้ทั้งคู่นั้นเห็นชัดว่าใบหน้านั้นยังดูเหมือนคนพึ่งฟื้นไข้ ขอบตานั้นคล้ำเหมือนคนที่นอนน้อยทำงานหนัก
"ดีขึ้นแล้วละ อย่างที่พี่กุ๊กบอกพี่อวดดีเกินไป เดินทางตลอดไม่ยอมพักเจอทั้งควันไฟทั้งฝุ่นมาเจออากาศเย็นร่างกายมันปรับไม่ทัน เลยไม่สบาย"
"แล้วทำไมพี่ไม่พักผ่อนก่อนละคะเดินทางแบบนี้ นันว่ามันระห่ำเกินไปนะคะ อยู่ประเทศละวันสองวัน แถมคนละทวีปอีก"
เป็นประโยคแรกที่นันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงจากใจจริง ทิมได้แต่ยิ้มๆก่อนจะถามขึ้นมา
"แล้วที่มานี่มีอะไรด่วนหรือเปล่าละ"
ทำเอาทั้งคู่ต่างมองหน้ากัน ปุ๊กเสยกแก้วกาแฟขึ้นจิบทำให้นันเป็นคนพูด
"พี่ทิมทราบแล้วใช่ไหมคะว่านันจะแต่งงาน"
สีหน้าที่เซียวของทิมนั้นซีดลงไปอีกอย่างเห็นได้ชัดพร้อมกับการพยักหน้า ฝ่ายหญิงนั้นพูดต่อแต่พยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นไปมากกว่านี้
"นันอยากจะมาเชิญพี่ทิมด้วยตัวเองคะ ไม่ใช่นันไม่ติดต่อพี่แล้วนะคะ แต่นันติดต่อพี่ไม่ได้ เบอร์โทรที่พี่เคยใช้ก็ติดต่อไม่ได้โทรมาก็ปิดเครื่องตลอด นันพยายามทุกทางแต่ก็ไม่ได้ ทั้งเบลทั้งพี่บอลก็บอกว่าไม่มีเบอร์พี่ทิมที่สหรัฐ จะถามทางพี่กุ๊กนันก็ไม่กล้าคะ นันเกรงใจ นันเลยบินมาหาพี่เองคะ"
สายตาที่มองไปที่ทิมนั้นเป็นสายตาที่ตัดพ้อ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่บอลที่เป็นเพื่อนรักของทิมรวมทั้งเบลที่เป็นน้องสาวและเพื่อนเธอจะบอกว่าไม่มีเบอร์ติดต่อ ถ้าทิมไม่ได้เป็นคนสั่ง มันเป็นไปไม่ได้ที่สองพี่น้องนี้จะไม่มีเบอร์ของทิมที่สหรัฐ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะความตั้งใจของเธอคือจะมาพบทิมให้ได้
ทิมฝืนยิ้มก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แหบและพร่า
"เบอร์เก่าพี่ใช้มันเป็นเบอร์ของไทย พี่จะใช้ช่วงกลับไทยเท่านั้น"
นันไม่พูดอะไรกับคำตอบของทิมเพราะรู้ดีนิสัยดี เธอจึงเปิดกระเป๋าสะพายแล้วหยิบซองสีชมพูออกมาก่อนจะยื่นให้
"นี่คะพี่"
ปุ๊กนั้นมองอยู่ตลอดและเห็นว่าทั้งคนให้และคนรับนั้นมือสั่นทั้งคู่ ทิมรับซองสีชมพูที่จ่าหน้าถึงตนเองแล้วเปิดหยิบการ์ดขึ้นมาอ่าน สีหน้านั้นยิ่งซีดเข้าไปอีก ก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงที่พยายามปรับให้เป็นปกติ
"พี่ดีใจด้วยนะ"
นันเม้มปากและพยายามฝืนยิ้มพร้อมพยักหน้ารับ เธออยากจะบอกกับทิมว่าเธอไม่ได้มาเยาะเย้ยแต่อยากมาเจอว่า คนรักเก่านั้นเป็นอย่างไรบ้าง แต่สิ่งที่เห็นทิมนั้นดูจะนิ่งไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก เป็นปุ๊กที่ชวนคุยเพราะเห็นเพื่อนเธอนั้นก็นิ่งไปเช่นกัน
"ห้องทำงานพี่ทิมสวยมากนะคะ วิวก็สวยดีสมกับเป็นห้องทำงานรองประธานบริหารกระจกติดฟิลม์ใสใช่ไหมคะ"
"ใช่ติดฟิล์มไว้หมดแล้ว ต้องมาดูช่วงหิมะตกใหม่ๆมันจะสวยมาก เวลาพี่เครียดๆก็เดินไปดูวิวนะ มันผ่อนคลายได้เยอะ"
ทิมต้องพร้อมมองไปรอบๆห้อง แต่นันกลับไปสะดุดตาภาพที่ตั้งอยู่บนตู้เอกสารด้านหลังของทิม เป็นรูปทิมที่กำลังยืนดูวิวที่ภูเก็ต มันทำเอาเจ็บแปลบทันทีเพราะภาพนั้นเธอเป็นคนถ่ายเอง ตอนที่ทั้งคู่ไปเที่ยวภูเก็ต การสนทนาเป็นฝ่ายปุ๊กที่ชวนคุยมากกว่า จนโทรศัพท์มือถือทิมที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น ทิมหยิบขึ้นมาอ่านข้อความก่อนจะพูดขึ้นว่า
"พี่ต้องขอตัวก่อนนะ มีงานต้องทำ เอ่อแล้วเรามาที่นี่กันยังไงพักที่โรงแรมไหนละ"
คราวนี้นันเป็นฝ่ายตอบ ทิมนิ่งก่อนจะก้มหน้าลงไปจดข้อความที่สมุดโน๊ตไปครู่หนึ่งก่อนจะพูด
"งั้นเย็นนี้พี่เชิญทั้งสองคนมาทานมื้อเย็นที่บ้านพี่แล้วกันนะ เราจะได้คุยกันมากกว่านี้"
"ได้คะพี่ แล้วบ้านพี่อยู่ที่ไหนคะ"
ทิมยิ้มก่อนจะตอบแฟนเก่า
"ไม่ต้องห่วง เย็นนี้สัก 6 โมงเย็นแล้วกัน พี่จะให้คนไปรับเราที่โรงแรมดีกว่าสะดวกดี"
พูดจบทิมยกหูโทรศัพท์ตั้งโต๊ะขึ้นมาแล้วกดตัวเลข 4ตัว รอสายอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูด
"ลอเรลเชิญที่ห้องครับ"
ชั่วครู่มีเสียงเคาะประตู ทั้งคู่หันไปมอง คนที่ก้าวเข้ามาคือหญิงสาวที่ทั้งคู่เห็นเมื่อสักครู่นี้ เมื่อเห็นเต็มตัวทำให้แขกทั้งคู่บอกกับตัวเองว่า ผู้หญิงฝรั่งคนที่ก้าวเข้ามานั้นทั้งสวยสง่าและหุ่นดีดูดีกว่านาตาลีมาก ในมือนั้นถือไอแพ่ดและวิทยุสื่อสารเครื่องเล็กๆ ลอเรลเดินยิ้มเข้ามาที่โต๊ะก่อนที่ทิมจะแนะนำเป็นภาษาอังกฤษ
"นี่คุณลอเรลเลขาของพี่เอง"
พร้อมกับแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักลอเรลยิ้มให้ทั้งคู่ก่อนเดินมาด้านข้างโต๊ะแล้วส่งไอแพ่ดให้กับทิม ซึ่งทิมก้มลงดูพร้อมพยักหน้าก่อนจะพูด
"ตามนั้นเลย เพิ่มทุนอีกนิดตัวนี้เราจะได้กำไรไม่ต่ำกว่า 10 % "
แล้วหันมาที่ทั้งคู่
"พี่จะให้ลอเรลลงไปส่งเราทั้งคู่นะพี่ขอตัวทำงานก่อนเย็นนี้เจอกัน"
ทิมกล่าวพร้อมลุกขึ้น ทั้งปุ๊กกับนันเอ่ยลา ปุ๊กนั้นดูออกว่านัน นั้นมีอาการไม่ค่อยจะดีเช่นเดียวกับทิม ลอเรลก้าวนำทั้งคู่ออกนอกห้องทำงาน นันหันกลับมามองอีกครั้งเห็นทิมกำลังนั่งดูการ์ดแต่งงานด้วยสีหน้าที่ดูออกว่าปวดร้าว นันรีบหันหน้ากลับเพราะกลัวจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ และเห็นลอเรลยกวิทยุขึ้นพูด เมื่อเดินไปถึงลิฟต์ประตูลิฟต์นั้นเปิดรออยู่แล้ว ลอเรลก้าวนำทั้งคู่เข้าไปและทำเหมือนกับที่นาตาลีทำ และเธอก้มลงมองอ่านข้อความที่โทรศัพท์มือถือที่ส่งเสียงแล้วหันมาบอกกับทั้งคู่ว่า
"เย็นนี้ดิฉันจะไปรับพวกคุณที่โรงแรมนะคะ บอสสั่งมาแล้ว 6โมงเย็นเราเจอกันที่ล็อบบี้นะคะ"
ทั้งคู่ต่างยิ้มรับ พอถึงชั้นล่างลอเรลเป็นคนจัดการเรื่องบัตรผู้ติดต่อก่อนจะเดินไปส่งทั้งคู่ที่ประตูทางเข้าอาคาร จากอาคารไปที่ลานจอดรถ ปุ๊กกับนันไม่ได้พูดอะไร พอไปถึงรถนันส่งรีโมทรถให้ปุ๊กและพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ
"ปุ๊กขับแทนที ฉันไม่ไหวแล้ว"
ปุ๊กทำตามที่เพื่อนบอก หลังจากขับรถมุ่งหน้าไปที่โรงแรม ปุ๊กนั้นไม่พูดอะไร เพราะรู้ว่าเพื่อนนั้นกำลังเสียใจ นันพยามยามกลั้นเสียงสะอื้นและน้ำตาก่อนจะพูด
"เมื่อกี้ตอนเดินออกจากห้องฉันหันไปเห็นพี่ทิมดูการ์ดสีหน้าของเขาไม่ดีเลย"
ปุ๊กถอนหายใจแล้วตอบเพื่อน
"ก็นั่นแหละ ก่อนมาฉันก็ถามย้ำกับแกแล้วว่าจะดีหรือที่มา เพราะมันจะเจ็บทั้งคู่ ฉันเข้าใจที่แกอยากเจอ แต่ในสถานการณ์แบบนี้เจอกันก็ยิ่งเจ็บปวดทั้งคู่ แต่ก็นั่นแหละนะ เรื่องนี้ฉันก็มีส่วนผิด"
"ไม่แกไม่ผิดหรอก เพราะคนตัดสินใจคือฉัน"
เธอตอบเพื่อนพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมา ปุ๊กหันมามองเพื่อนด้วยความเป็นห่วง เมื่อ 2 ปีเศษที่ผ่าน นันนั้นมาปรับทุกข์ให้เธอฟังเรื่องแฟนที่ตั้งใจจะไปทำงานที่สหรัฐให้ได้ ทั้งๆที่งานในเมืองไทยก็มั่นคงแล้ว นันพยายามให้ทิมเปลี่ยนความคิดแต่ทิมยืนยันคำเดิม นันรู้ดีว่าถ้าฝ่ายชายไปทำงานที่นั่นทั้งคู่ต้องเลิกกันแน่นอน นันรักทิมมากเป็นเรื่องปุ๊กรู้อย่างดีเพราะที่ผ่านมาเพื่อนนั้นเจ็บช้ำกับความรักมาตลอด จนมาเจอทิมที่นันมั่นใจว่าเป็นรักแท้ เมื่อเป็นแบบนี้เธอเองเป็นคนที่บอกเพื่อนว่าให้ขอเลิกกันก่อนที่ทิมจะมาสหรัฐเพราะมันจะได้เจ็บน้อยกว่า และความห่างไกลมันอาจจะช่วยเยียวยา นันเก็บไปคิดและก่อนที่ทิมจะเดินทาง นันขอเลิกกับทิม โดยให้เหตุผลในเรื่องระยะห่างและทิมไม่ให้คำตอบว่าจะกลับมาเมืองไทย ทิมรับฟังด้วยเหตุผลและไม่รั้ง ทำให้ทั้งคู่จากกันด้วยดี หลังจากนั้นทั้งคู่ไม่เจอกันอีกเลย วันที่ทิมเดินทางไป นันจะไปส่งแต่ไม่เจอทั้งคู่คลาดกัน เพราะนันไม่รู้ว่าทิมนั้นเปลี่ยนแผนการเดินทางจากที่แรกจะเป็นเครื่องโดยสารธรรมดา แต่ทางบริษัทได้ส่งเครื่องบินส่วนตัวมารับ แต่ช่องทางสื่อสารทางโซเชี่ยลนั้นทั้งคู่ต่างไม่บล็อกกัน เพียงแต่ทิมนั้นโพสต์เรื่องราวหรือรูปภาพน้อยลงมาก ไม่เหมือนนันที่โพสต์ตามปกติ และทิมจะมากดไลท์ให้ทุกครั้งที่เธอโพสต์รูปแต่ไม่แสดงความเห็นอะไร มีแต่นันที่ลองไปแสดงความเห็นทิมก็แค่กดไลท์ให้แต่ไม่ตอบอะไร เหมือนกับในวันเกิดที่นันอวยพรทิมตลอดแต่ทุกอย่างเหมือนเดิม ปุ๊กที่เป็นเพื่อนกับทิมในเฟซด้วย นั้นรับรู้ตลอดแต่ไม่ไปแสดงความคิดเห็นอะไร
เรื่องส่วนตัวของทิมในสหรัฐนั้นค่อนข้างจะไม่ใครรู้แต่นันกับปุ๊กมารู้ทีหลังว่า ทิมนั้นมีเครื่องบินส่วนตัวใช้เพราะช่วงที่ครอบครัวของพี่สาวทิมบินไปเยี่ยมทิมที่สหรัฐ หลานสาวของทิมได้โพสต์รูปตอนนั่งบนเก้าอี้หรูและแท็กไปที่ทิม โดยระบุข้อความว่า
"กิ่งกำลังจะไปสหรัฐคะ คุณน้าทิมส่งเครื่องบินมารับ"
ทำให้นันอดไม่ไหวต้องพิมพ์ถามเพราะเธอรู้จักกับครอบครัวของพี่สาวทิมพอสมควร
"หนูกิ่งนั่งเครื่องบินส่วนตัวเลยหรือคะนี่"
คำตอบที่หลานสาวทิมตอบมา
"ใช่คะพ่อกับแม่จะไปเยี่ยมน้าทิม น้าทิมเลยส่งเครื่องบินมารับคะ"
ทำให้นันกับปุ๊กรู้ว่าทิมนั้นต้องการความก้าวหน้าจริงๆ นันเคยเข้าไปลองดูโปรไฟร์ของบริษัทที่ทิมทำงาน ปรากฏชื่อของทิมในตำแหน่งรองประธานบริหาร หลังจากนั้นมีผู้ชายมาจีบนันหลายคน จนในที่สุดนันตัดสินใจกับความรักครั้งใหม่แต่เธอไม่เปิดเผยผ่านโลกโซเชี่ยล ปล่อยทุกอย่างให้เป็นอย่างเงียบๆ จนกลางปีที่แล้วผู้ชายขอแต่งงานนันตอบตกลง ก่อนจะมาเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในเฟซของทิมนันรู้ทันทีว่าเพราะอะไร เธอจึงอยากมาเจอและพูดคุยกับทิม แต่พอเห็นสภาพของทิมแล้วทำเอาเธอใจไม่ดี
ความรักของทั้งคู่เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อน นันเจอกับทิมครั้งแรกที่บ้านของเบลเพื่อนสนิทของเธออีกคนตั้งสมัยเรียนมหาวิทยาลัย วันนั้นบังเอิญทิมไปหาเพื่อนสนิทที่เป็นพี่ชายของเพื่อนเธอ จากที่นั่งคุยระหว่างทานข้าวทำให้เธอรู้ว่าทิมนั้นจบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของสหรัฐ และปัจจุบันนั้นทำงานเป็นนักวิเคราะห์หุ้น ที่ผ่านการสอบ CFA (Chartered Financial Analyst ) ทั้ง 3 ระดับมาเรียบร้อยแล้ว ตอนแรกเธอก็ งงๆเพราะนันไม่ค่อยมีความรู้เรื่องหุ้นจนทิมอธิบายคร่าวๆว่าอาชีพนี้ต้องทำอะไร แต่ตอนนี้เธอกำลังเปิดบริษัทออแกไนเซอร์ แต่จากการพูดคุยทำให้รู้ว่าทิมนั้นเก่งมาก จนทิมกลับไปเธอถึงได้รู้ประวัติเพิ่มว่าทิมนั้นกำพร้าพ่อกับแม่ตั้งแต่เล็กๆ เพราะเครื่องบินตก ปู่กับย่าเป็นคนเลี้ยงทิมมา จนช่วงเรียนมัธยม ปู่กับย่านั้นได้เสียชีวิตไล่เลี่ยกัน ทำให้ป้าซึ่งเป็นพี่สาวแท้ๆของพ่อทิมมารับอุปการะทิมต่อ นันรู้เรื่องคร่าวๆทำให้ยิ่งสนใจทิมมากขึ้น
หลังจากวันนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก้าวหน้าไปมากจนกลายเป็นแฟนกัน ทำให้นันรู้เพิ่มกับประวัติของทิมเพราะทิมไม่ปิดบัง พ่อกับแม่นั้นเป็นข้าราชการและได้ไปอบรมที่สหรัฐ แต่ช่วงกลับประเทศไทยเครื่องบินถูกลอบวางระเบิดจากการก่อการร้าย ทำให้ปู่กับย่าต้องเลี้ยงดูทิมส่วนตากับยายนั้นเสียชีวิตไปก่อนที่ทิมจะเกิด ปู่กับย่านั้นก็ไม่ได้ทำงานอะไรนอกจากค้าขายเล็กๆน้อยๆก่อนหน้านั้นมีพ่อของทิมที่เป็นเสาหลักของครอบครัว ถึงจะได้เงินที่ชดเชยมาพอสมควรแต่ดูแล้วมันก็ไม่เพียงพอและปู่กับย่าตั้งใจใช้เงินที่ได้จากเสียชีวิตของพ่อกับแม่ทิมมาเป็นทุนการศึกษาให้ทิมและเรื่องที่จำเป็นเท่านั้น ทำให้ชีวิตทิมค่อนข้างลำบากอยู่เหมือนกัน ต้องช่วยปู่กับย่าทำงานหาเงินมาส่งเสียตัวเอง ถึงจะมีเงินแต่ปู่กับย่าวางแผนให้ทิมนั้นใช้เงินที่ได้มาอย่างประหยัดเพราะให้เป็นทุนการศึกษาจนถึงเรียนปริญญาตรี จนปู่กับย่าจากไป ป้าที่เป็นลูกสาวคนโตได้เข้ามาอุปการะต่อทิมต้องย้ายจากต่างจังหวัดมากรุงเทพและขายที่กับบ้านหลังเดิมเพราะไม่มีใครดูแล ป้าของทิมนั้นมีลูกสาวคนเดียวเหมือนกัน แต่ลุงกับป้าที่ฐานะปานกลางก็ต้องใช้เงินเยอะเพราะลูกสาวนั้นสอบติดหมอ ทิมนั้นเข้าใจ เลยทำงานส่งเสียตัวเองเพราะเอาเงินที่ได้มาเป็นค่าใช้จ่ายรายวันของตัวเองไม่ว่าจะรับจ้างเป็นเด็กเสิรฟ์ในร้านอาหาร ช่วยขนผักในตลาด ตลอดจนเป็นกระเป๋ารถสองแถว ทิมทำมาทั้งหมด ส่วนเงินก้อนที่ได้มานั้นเก็บไว้เป็นค่าเทอมกับซื้ออุปกรณ์การเรียนเท่านั้น
จนจบปริญญาตรีด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 ก่อนจะสอบได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาโทที่สหรัฐ ในต่างแดนทิมใช้ชีวิตไม่ต่างจากอยู่เมืองไทย รับจ้างทำงานสารพัดจนเรียนจบ ก่อนจะกลับมาทำงานเป็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่เมืองไทยหลังจากที่ได้งานทิมตัดสินใจแยกตัวออกมาพักคนเดียวเพราะไม่อยากเพิ่มภาระให้กับลุงและป้า อีกทั้งพี่สาวของทิมกำลังจะแต่งงาน อีกอย่างเป็นเพราะทิมชอบใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ด้วยความที่เรียนเก่งโดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวตัวเลขทำให้ทิมนั้นวิเคราะห์หุ้นได้ค่อนข้างแม่นยำ จนมีผลตอบแทนดี ช่วงนั้นทุกอย่างเริ่มดีขึ้นแต่ทั้งลุงกับป้าก็มาเสียชีวิตไล่เลี่ยกันอีก ลุงเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถคว่ำถึงจะไม่เสียชีวิตทันทีแต่ก็ยื้อชีวิตได้เพียง 3 วัน ส่วนป้านั้นเป็นมะเร็งถึงพี่สาวของทิมจะช่วยสุดความสามารถแต่ก็ไม่ไหวเพราะกว่าจะรู้ป้าก็เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายแล้ว ซึ่งก่อนจะจากไปได้ทั้งคู่ฝากฝังทิมไว้กับกุ๊กที่เป็นลูกสาวคนเดียวพอสมควร เพราะทั้งลุงกับป้ารักทิมเหมือนลูกคนหนึ่ง
ยิ่งรู้เรื่องของทิมทำให้นันทั้งรู้สึกสงสารและประทับใจ ชีวิตมันช่างต่างกันเธอนั้นเป็นลูกข้าราชการระดับสูงมีฐานะถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนูโดยตลอด จนความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นเป็นไปอย่างลึกซึ้งโดยความยินยอมของนัน มันเริ่มจากทั้งคู่ไปเที่ยวหัวหินโดยนันเป็นฝ่ายชวน คืนนั้นในห้องพักโรงแรมหรูติดชายหาด ร่างของนันถูกวางลงบนที่นอนโดยที่มือทั้งสองของเธอโอบรอบคอทิมแล้วดึงเข้ามาหา ปากทั้งคู่ทาบกันแน่นสนิท มันไม่ใช่จูบครั้งของทั้งคู่เพราะก่อนหน้านั้นทั้งคู่มีการสัมผัสภายนอกกันมาบ้างแล้ว พอร่างของทิมทาบบนตัวของหญิงสาว จมูกจะเริ่มซุกไซร้ไปตามใบหน้าติ่งหูและซอกคอของแฟนสาว มันสร้างความเสียวให้กับนันอย่างมาก ถึงครั้งนี้มันจะไม่ใช่ครั้งแรกของเธอ นันเคยผ่านเรื่องแบบนี้มาบ้างกับแฟนเก่ายิ่งทิมเลื่อนหน้าไปตรงทรวงอกที่พุ่งตระหง่าน เสื้อยืดที่เธอสวมอยู่ถูกถอดออก นันไม่สวมยกทรงหลังจากอาบน้ำเสร็จ หัวนมสีน้ำตาลนั้นดูเชิญชวนทิมอย่างมาก เมื่อลิ้นและริมฝีปากของทิมไปสัมผัส เสียงครางอย่างแผ่วเบาออกจากปากเธอ ทิมดูดสลับไปมาทั้งสองเต้า ส่วนมือเลื่อนไปขยำตรงเป้ากางกางขาสั้น นันอ้าขาออกทันที ทิมขยำอยู่พักหนึ่งแล้วถึงเลื่อนมือผ่านขอบกางเกง ไปจนสัมผัสขอบกางเกงในแล้วเลื่อนผ่านเข้าไป นิ้วนั้นเริ่มสัมผัสกับขนหมอยที่ดก จนไปถึงช่องทางที่เริ่มมีน้ำหล่อลื่นออกมา ทิมใช้นิ้วเขี่ยไปที่รูหี ทำเอานันผวากอดทิมแน่นขึ้น ทิมดื่มนมของแฟนสาวจนพอใจแล้วถึงเลื่อนหน้าลงไปด้านล่าง หน้าท้องที่ขาวแบนราบนั้นทิมบรรจงจูบอย่างแผ่วเบาส่วนมือนั้นดึงกางเกงทั้งตัวนอกตัวในของนันลง และนันนั้นยกก้นให้ถอดอย่างง่ายดาย
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน
เรื่องนี้ดราม่าแบบมีคนที่เสียหรือเสียสละทั้งสองคน ความก้าวหน้ากับความรักที่เหมือนเส้นขนาน
เลิกทั้งที่ยังรัก เจ็บทั้ง 2 ฝ่าย
เลิกทั้งที่ยังรัก
งานน่าติดตามมาก ผลงานแปลกไม่เหมือนใคร นำไปทำนิยายได้เลยครบ
เรื่องใหม่มาแล้ว ปวดตับนิดๆตั้งแต่เริ่มเลย
ทิมนี่สู้ชีวิต น่าจะได้เจอคนดีบ้าง
สงสารทิม นันไม่น่าทึ้งกันเลย แต่ก้อนะ ชะตาชีวิตถูกกำหนดไว้แล้ว
ถ้ายังทำอย่างนี้ก็จะเจ็บทั้งสองฝ่าย เห้ออ่านแล้วก็เศร้าแทนต้องเลิกกันทั้งที่ยังรัก
ผลงานของท่านtwintowerไม่เคยทำให้ผิดหวังเลยครับ
น่าติดตามเนื้อเรื่องเริ่มจากความเศร้า หวังว่าจะจบที่ความสุข
ขยี้หัวใจเหลือเกินนะ
ทำตามใจตัวเองบ้างเถิด
นันจะมีรีเทิร์นมั้ย หรือเพื่อนปุ๊กจะมีบทบาทเข้าแทรก เอ๊ะ เหมือนจะมีกุ๊กอีกคน แค่ 2-3 ตอน จะพอเหรอ
เลิกกันแบบนี้เจ็บยิ่งกว่าทะเลาะกันแล้วเลิกอีก
เนื้อเรื่องขยี้หัวใจมากครับ
ปูเรื่องมาแบบเศร้าๆ จะเป็นเสียวเคล้าน้ำตาหรือเปล่าหนอ
บรรยายเนื้อเรื่องละเอียดเห็นภาพครับ เริ่มด้วยความเศร้า ของคนรักที่จากกันเพราะระยะทาง
เริ่มเรื่องจากความเศร้า แล้วต่อไปจะเป็นอย่างไร รอติดตามนะครับ
คือเริ่มเรื่องก็เศร้าแล้ว แบบนี้นี้น่าติดตามว่าต่อไปจะออกหัวรึก้อย
::WowWow::เศร้ามากอ่านแล้วต้องตามเรยเรื่องนี้ อย่าให้รอนานนะครับ ขอร้อง
เริ่มเรื่องนี้เหมือนกับเงื่อนไขมัดตัวนันให้ห่างจากทิมอย่างตั้งใจ แล้วอยู่ห่างกันขนาดนี้จะปรับความเข้าใจอย่างไร แถมยังเอาการ์ดแต่งงานมาส่งให้สะเทือนใจอีก ทำร้ายจิตใจกันจริงๆ
ผมว่าทั้ง ทิม และนัน คงปวดใจทั้งคู่
แลดูยังรักกันอยู่นะ แต่ไม่กล้าบอกกันเองสุดท้าย อดทั้งคู่
ถ้าคิดว่ายังรักกันอยู่ไม่น่าเลิกคบกันเพราะเหตุว่าอยู่ไกลกันหรอก
เปิดเรื่องนึกว่าจะแนวสองหญิงหนึ่งชาย แต่กลับมาแนวดราม่าก็ดีอีกแบบครับ
ผมไม่ได้เห็นผลงานดราม่าจากคุณtwintower มานานมากแล้ว อ่านเรื่องนี้ให้อารมณ์คล้ายๆภพรักเลยครับ
ดราม่ามาเต็มขอบคุณมากครับ เปลี่ยนแนวไปเรื่อยๆขอบคุณครับ
ถ้ามีรูปประกอบด้วย จะดีมากเลยครับ
ตั้งแต่เกริ่นเรื่องมา งานนี้ดราม่าแน่เลย เห็นการ์ดเชิญแล้วปวดตับ
จากกันทั้งที่ยังรักกันนี่มันเป็นอะไรที่ทรมารสุดๆแล้ว
อ้างจาก: twintower เมื่อ มกราคม 29, 2020, 10:00:53 หลังเที่ยง
จากคนแต่ง
เรื่องนี้บอกไว้ก่อนนะครับยาวประมาณ 2-3 ตอนเท่านั้นบทรักมีไม่มากและขอซ่อนเหมือนเรื่องที่ผ่านมา ตอนแรกผมสองจิตสองใจว่าจะซ่อนดีหรือไม่ แต่สุดท้ายตัดสินใจซ่อน เพราะผมอยากได้คนที่อ่านจริงๆเท่านั้น ถึงบางความคิดเห็นจะมักง่ายมากไม่ตรงประมาณว่าสักแต่แสดงความเห็นเพื่อจะได้อ่าน ตรงนี้บอกตรงๆว่าท้อเหมือนกันครับ อย่างเรื่องที่ผ่านมา ผมต้องบอกไว้ก่อนว่าเรื่อง "ผีหลอกสายฟ้า"นั้นจบไปอย่างสมบูรณ์แล้ว ถ้าใครได้อ่านจนจบก็คงจะรู้ดีว่าทุกอย่างมันเฉลยไปหมดแล้วครับไม่ได้ตัดจบครับผมวางพล็อตมาแล้วให้จบอย่างนี้ แต่เจอประเภทมักง่ายที่บอกว่า "จบอะไรคุยไม่รู้เรื่องเลย" แบบนี้มันก็มักง่ายเกินไปครับ ส่วนความเห็นดีๆนั้นๆบอกเลยครับ ขอบคุณมากๆเหมือนเป็นกำลังใจให้ผมหาจินตนาการมาแต่งได้ต่อไปเรื่อยๆครับ
ขอบคุณครับ
***Twintower***
------------------------------------------------------------------------------------------------------
ในลานจอดรถด้านหน้าตึกสูงประมาณ 20 ชั้นในกรุงวอชิงตันสหรัฐอเมริกา หญิงสาว 2 คนก้าวลงจากรถแล้วมองไปที่ตัวตึก
"พี่เค้าจะอยู่หรือเปล่านี่"
เป็นเสียงพูดด้วยความกังวลจากหญิงสาวร่างใหญ่ที่ถามไปยังอีกคนที่เป็นคนขับรถมาที่กำลังปิดประตู อีกฝ่ายนั้นส่ายหน้าและตบด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ
"ไม่รู้เหมือนกันปุ๊ก แต่ไหนๆตั้งใจมาแล้วก็ต้องมาให้เจอ เค้าคงไม่ได้ไปไหนมั้ง"
พูดจบเธอพยักหน้าชวนเพื่อนเดินเข้าไปในอาคารโดยที่อีกฝ่ายมองด้วยความสงสารและเห็นใจ ทั้งคู่ต่างมาอเมริการอบนี้แบบเร่งด่วนโดยไม่เตรียมการล่วงหน้า ดีที่มีวีซ่าอยู่แล้ว ในรอบ2-3ปี ที่ผ่านทั้งคู่ต่างมาเที่ยวสหรัฐบ่อยแต่ไม่เคยได้มาที่วอชิงตัน การมาครั้งนี้มันด่วนมากจนแทบจะเตรียมตัวไม่ทัน นึกอะไรก็ยัดใส่กระเป๋ามายิ่งช่วงปลายเดือนมกราคมอากาศที่วอชิงตันนั้นหนาวเป็นอย่างมาก โชคดีที่หิมะยังไม่ตก ทั้งคู่นั้นต่างบินมาถึงวอชิงตันเมื่อเช้านี้หลังจากเข้าพักที่โรงแรมต่างพักผ่อนกันครู่หนึ่งก่อนที่ช่วงบ่ายจะใช้รถที่เช่ามาขับมาที่ตึกแห่งนี้โดยใช้ GPS นั้นนำทางมาให้ เพราะต่างก็มั่นใจว่า GPS นำทั้งคู่มาไม่ผิดที่ เพราะเจ้าของตึกแห่งนี้เป็นบริษัทนายหน้าค้าหุ้นอับดับต้นๆของโลก ปุ๊กรู้สาเหตุดีว่าเพื่อนต้องมาที่นี่เพราะอะไร ทั้งๆที่เดือนหน้าเพื่อนจะแต่งงานแล้ว เมื่อเพื่อนขอร้องให้มาด้วย ปุ๊กนั้นไม่อาจปฏิเสธเพื่อนได้ เพราะที่ผ่านมาเธอก็ถือว่ามีส่วนในเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน
ทันทีที่เข้ามาในอาคารอากาศนั้นอุ่นขึ้น ทั้งคู่เดินตรงไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ที่มีพนักงานนั่งอยู่ 2คน
"มีอะไรให้ช่วยคะ"
เป็นเสียงจากพนักงานผู้หญิง ส่วนอีกคนเป็นผู้ชายผิวสีที่อยู่ในชุดสูทสีดำและสวมหูฟังวิทยุข้างเดียวนั้นแค่เหลือบตามามองก่อนจะก้มหน้าไปที่จอคอมเหมือนเดิม ฝ่ายหญิงที่เป็นคนขับรถมายิ้มตอบก่อนจะเอ่ยกลับเป็นภาษาอังกฤษที่ชัดเจน
"เอ่อ เราสองคนมาจากประเทศไทยนะคะ เรามีธุระด่วนต้องพบกับคุณนนทวัชคะ"
พอเอ่ยชื่อนี้ทำเอาเจ้าหน้าที่ผู้ชายที่นั่งก้มหน้านั้นเงยหน้าขึ้นมาทันที่ พนักงานทั้งคู่หันมาสบตากันก่อนที่ฝ่ายหญิงจะตอบกลับ
"นัดไว้ก่อนหรือเปล่าคะ เราขอทราบชื่อคะ"
"ไม่ได้นัคคะ เรามาอย่างเร่งด่วน"
"งั้นรบกวนของฝากเรื่องไว้ได้ไหมคะ เพราะจะมาพบรองประธานบริหารของที่นี่ต้องนัดไว้ล่วงหน้าคะ เสียใจด้วยนะคะ"
เจ้าหน้าที่ผู้หญิงพูดพร้อมส่งกระดาษกับปากกาให้แต่ปุ๊กนั้นพูดขึ้นมา
"ขอความกรุณาด้วยคะ เราทั้งคู่มีธุระด่วนจริงๆ ถึงต้องมาพบคุณธนวัชเป็นการด่วน ได้โปรดเถอะคะ เรามาจากประเทศไทยและพึ่งมาถึงวอชิงตันเมื่อเช้า เรารีบมาที่นี่โดยตรงอย่าเราให้เสียเที่ยวเลยคะ ได้โปรดเถอะคะ หรือจะให้เราคุยกับคุณนนทวัชก่อนก็ได้คะ เราลองติดต่อคุณนนทวัชจากประเทศไทยทุกช่องทางแล้วแต่ติดต่อไม่ได้ เราทั้งมีความจำเป็นต้องพบคุณนนทวัชจริงๆคะ ขอร้องละคะ"
น้ำเสียงและใบหน้าที่ดูวิงวอนของทั้งคู่ทำให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายชายที่พยักหน้ากับฝ่ายหญิงก่อนที่จะยกหูโทรศัพท์ขึ้นมา หลังจากที่มีการพูดคุย เจ้าหน้าที่หญิงขอทราบชื่อของทั้งคู่และขอพาสปอร์ตของทั้งคู่ไปสแกนที่เครื่องก่อนจะคืนพร้อมส่งบัตรผู้มาติดต่อให้ทั้งคู่ ส่วนฝ่ายชายนั้นเอามือจับที่หูฟังและหันหน้าไปทางกล้องวงจรปิดที่อยู่ด้านหลังและพยักหน้าให้ ทำให้ทั้งสองสาวพึ่งสังเกตุเห็นว่าบริเวณนั้นมีกล้องวงจรปิดอยู่หลายตัว และเจ้าหน้าที่ผู้หญิงได้บอกขึ้นมาหลังจากส่งบัตรให้พร้อมเดินนำทั้งคู่ไปที่ชุดรับแขกที่ดูหรูหรา
"รบกวนนั่งรอก่อนจะคะ เลขาคุณทิมจะมารับพวกคุณทั้งคู่ขึ้นไปพบคะ"
"ขอบคุณมากคะ"
เป็นคำกล่าวของหญิงสาวที่เป็นคนขับรถก่อนที่ทั้งคู่จะนั่งลงพร้อมมองไปรอบๆ
"ง่ายกว่าที่คิดนะนัน ไม่ใช่เราไม่ลองติดต่อแต่ก็ติดต่อพี่ทิมไม่ได้"
ปุ๊กพูดขึ้นมา
"นั่นนะสิ พี่ทิมคงเห็นเราจากวงจรปิด เพราะเห็นเจ้าหน้าที่ผู้ชายฟังจากวิทยุแล้วมองไปที่กล้อง เราก็พึ่งรู้นะว่าที่นี่เรียกคุณทิม พี่ทิมคงให้พวกฝรั่งเรียกชื่อเล่นมันออกเสียงง่ายกว่านนทวัช"
นันตอบเพื่อนพร้อมรอยยิ้มที่เศร้าๆ ปุ๊กจับมือเพื่อนเหมือนให้กำลังใจ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าในรอบอาทิตย์นี้เพื่อนเธอลองทุกวิถีทางที่จะติดต่อฝ่ายชาย แต่ไม่สามารถติดต่อได้ เพราะเบอร์โทรศัพท์ที่มีก็เป็นเบอร์ที่ทิมใช้ตอนอยู่เมืองไทย นันไม่รู้ว่าทิมยังใช้เบอร์นั้นหรือไม่เพราะโทรไปก็ปิดเครื่อง ลองถามจากเพื่อนอีกคนที่พี่ชายเป็นเพื่อนกับทิมก็ไม่มีใครรู้ ส่งความทางไลน์ทิมก็ไม่อ่าน พอเธอบอกให้เพื่อนส่งมาทางอินบ็อกของเฟซบุ๊กแต่นันตัดสินใจแล้วว่าจะมาพบทิมให้ได้ ทำให้ทั้งคู่บินด่วนมาหาทิม ทุกอย่างมันเกิดขึ้นหลังจากที่ เธอกับนันโพสต์รูปที่นันถ่ายพรีเวดดิ้งลงในเฟซของนัน ก่อนหน้านั้นทิมมักจะกดไลท์รูปที่นันโพสต์ทุกครั้งแต่ไม่แสดงความเห็นอะไร แต่พอมีรูปพรีเวดดิ้งของนัน ทิมนั้นไม่กดไลท์ และเมื่อ3-4วันที่ผ่านในเฟซของทิม พี่สาวที่เป็นลูกของป้าที่เลี้ยงทิมมาและตอนนี้เป็นอาจารย์แพทย์มาได้เข้ามาโพสต์ในเฟซของทิม
"เป็นไงละ สมน้ำหน้า ทำโชว์พาวว่าเก่ง 4 วันอยู่ได้ 4ประเทศ 4 ทวีป แล้วไงไม่สบายจนได้"
เพื่อนสนิทของทิมนั้นได้โพสต์ต่อ
"อ้าวทำไมละพี่กุ๊ก มันป่วยเป็นหรือไง"
"ก็อวดเก่งไงบอล ก่อนหน้านั้นอยู่ออสเตรเลียบอกว่ามาบริจาคเงินกับของช่วยดับไฟป่า วันศุกร์บินมาไทย วันเสาร์อยู่ไทย คืนนั้นบินไปอังกฤษทันที บอกให้พักก่อนมันก็ไม่ฟังนิสัยมันดื้อตั้งแต่เด็กแล้วอ้างจะไปดูบอลจองตั๋วไว้แล้ว วันอาทิตย์ดูบอลจบแทนที่จะพักที่อังกฤษสักวัน มันบินกลับสหรัฐเลย เป็นไงละ เจอควันที่ออสเตรเลียมาไทยเจอ PM2.5 แล้วมาเจออากาศเย็นที่อังกฤษ มันเดี้ยงเลย พี่กะแล้วว่ามันต้องไม่สบาย ทิมเป็นภูมิแพ้ตั้งแต่เด็กแล้ว เจอแบบนี้ไม่รอด พี่โทรไปหาเสียงมันแหบมาก ดีที่มันไปหาหมอแล้ว ไม่งั้นพี่จะบินไปลากมันมาที่เมืองไทยแล้ว อวดดีตลอด ถือว่ามีเครื่องบินส่วนตัวจะบินไปไหนก็ได้ พอไม่สบายแล้วใครจะช่วยดู อยู่คนเดียวที่นั่นด้วย ปล่อยตามยะถากรรมก็ไม่ได้พ่อกับแม่พี่ฝากฝังมันไว้เยอะ จนตอนนี้อยากจะฝังเต็มทีแล้ว ไม่เชื่อกันบ้างเลย"
พี่สาวของทิมสาธยายอย่างยาวเหยียด คนที่เข้าไปอ่านคงไม่รู้สึกอะไรมากนักแต่นันนั้นจับใจความได้โดยเฉพาะตอนที่บอลเพื่อนทิมที่เป็นพี่ชายของเพื่อนเธออีกคนได้โพสต์ตอบมาว่า
"ผมเจอมันวันเสาร์ช่วงบ่ายก็บอกให้มันอยู่ต่อแต่มันบอกว่าจะไปดูบอลให้ได้ ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมมันถึงรีบไปเหมือนไม่อยากอยู่ไทย บอลจะดูเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องไปถึงที่ปีหน้าก็มีอีก ระดับมันสบายอยู่แล้วหาตั๋วง่ายจะตาย ตอนที่เจอมัน มันก็เริ่มไอแล้ว แต่มันบอกผมว่าไม่เป็นอะไร"
เรื่องมันเกิดจากก่อนหน้านั้นในเฟซของทิมมีการแท็กรูปที่โพสต์จากทีมงานบริษัทที่ทำงานว่าทิมนำเงินและสิ่งของไปช่วยเหลือเรื่องไฟไหม้ป่าที่ออสเตรเลีย และวันศุกร์ทิมโพสต์ข้อความสั้นๆว่าจะกลับแวะเมืองไทยพร้อมกับเช็คอินที่สนามบินออสเตรเลียแต่วันเสาร์เป็นวันที่นันกับปุ๊กโพสต์ภาพพรีเวดดิ้งทั้งในอินสตราแกรมและเฟซบุ๊ก เป็นช่วงที่ทิมอยู่เมืองไทยเพราะตอนช่วงเย็นในเฟซของทิมมีแท็กรูปเข้ามาจากหลานสาวที่เป็นลูกพี่สาวทิมว่าทิมมาทานข้าวด้วย ทำให้นันโทรหาทิมทันทีแต่ติดต่อไม่ได้ เธอโทรหาเพื่อนที่ชื่อเบลก็ไม่รู้อะไรมาก จนวันอาทิตย์ช่วงค่ำทิมโพสต์ภาพสนามฟุตบอลในอังกฤษพร้อมพิมพ์ข้อความสั้นๆ "มาดูบอล" ทำให้นันรู้ว่าทิมไปถึงอังกฤษแล้ว เธอได้เข้าไปกดไลท์เพื่อให้ทิมรู้ แต่ทุกอย่างมันเงียบทิมไม่โพสต์อะไรเพิ่มเติม นอกจากเพื่อนเข้ามาโพสต์และทิมตอบทุกคน จนช่วงค่ำวันจันทร์ของเมืองไทยทิมนั้นกลับไปอยู่สหรัฐเป็นที่เรียบร้อยเพราะมีเช็คอินที่วอชิงตันพร้อมข้อความสั่นๆ "กลับที่พัก"และหลังจากนั้นอีก3-4วัน พี่สาวของทิมจึงมาโพสต์บ่นน้องชาย
จาก ประโยคที่บอกว่าที่บอลบอกว่า"ทิมไม่อยากอยู่เมืองไทย"นั้นสะดุดความรู้สึกของนันเป็นอย่างมาก 2 ปีเต็มๆ ที่ไม่เจอกันมีแต่กดไลท์ผ่านเฟซผ่านอินสตราแกรมแต่ไม่แสดงความเห็นอะไร 2 ปีเต็มๆที่เลิกรากัน ถึงจะจากกันด้วยดี แต่นันรู้ดีว่าทิมนั้นเป็นอะไร ทำให้เธอตัดสินใจบินด่วนมาหา ทั้งๆที่ก่อนหน้านั้นถึงเธอจะมาเที่ยวอเมริกาแต่ก็ไม่เคยมาถึงที่นี่เพราะไม่อยากให้ความรู้สึกเดิมๆกลับมาอีก แต่ครั้งนี้ความรู้สึกบอกว่าเธอต้องมาพบทิมให้ได้ ทั้งๆช่วงนี้ที่เมืองไทยเธอนั้นยุ่งมากกับงานแต่งที่กำลังจะมาถึง ทั้งคู่นั่งรอไม่นานนัก ผู้หญิงผิวดำที่รูปร่างหน้าตาสามารถเป็นนางแบบได้สบายๆ ได้เดินเข้ามาหาที่โต๊ะรับแขกก่อนจะทักขึ้นว่า
"สวัสดีคะ ดิฉันนาตาลีเป็นหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ของที่นี่ พอดีคุณลอเรลเลขาของบอสติดงาน ดิฉันมารับคุณทั้งคู่ไปพบบอสแทน เชิญทางนี้คะ"
ต่างฝ่ายตางจับมือทักทายก่อนที่นาตาลีจะพาเดินไปอีกทางไม่ใช่ไปลิฟต์ที่เห็นอยู่ แต่พาเดินเลี้ยวไปอีกมุมของอาคารจะเห็นลิฟต์อีกตัวที่ดูจะอยู่ตรงที่ลับตา แต่มีประตูกระจกใสกั้น นาตาลีใช้บัตรที่คล้องคอแตะที่เครื่องสแกนตรงหน้าประตู ด้านหลังประตูจะมีผู้ชายใส่สูทและมีสวมหูฟังยืนอยู่หน้าลิฟต์ ไม่ห่างไปนักมีรปภ.อีก 2 คนที่พกปืน เหมือนกับใกล้ๆประตูทางเข้าอาคารที่มี รปภ.พร้อมอาวุธ 2 คน ก่อนจะเข้าลิฟต์ ผู้ชายที่ใส่สูทพยักหน้าให้นาตาลี ส่วนหัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์เอาบัตรประจำตัวที่คล้องคออยู่ไปแตะที่แป้นกดหน้าลิฟต์ ทันทีที่ประตูเปิด เธอรีบก้าวเข้าไปก่อนจะเชิญทั้งสองสาวเข้ามาลิฟต์ ทั้งคู่เห็นนาตาลีเอาบัตรแตะพร้อมเอานิ้วชี้ทาบที่แป้นกดก่อนจะกดที่เลข 18 แล้วหันมาอธิบายกับทั้งคู่ว่า
"ที่นี่รักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดคะ ลิฟต์นี้เฉพาะผู้บริหารระดับสูงเท่านั้นคะ"
"ทำไมดูเงียบๆจังคะ ไม่เหมือนบริษัทใหญ่เลย"
ปุ๊กเป็นคนถามขึ้น นาตาลียิ้มก่อนจะตอบ
"ในส่วนภายนอกจะเป็นแบบนี้ละคะ แต่ในส่วนออฟฟิตทุกชั้นจะวุ่นวายโดยเฉพาะชั้นที่ใช้ทำเรื่องเทรดหุ้น จะวุ่นวายที่สุดแต่ชั้นบนๆสำหรับผู้บริหารจะเงียบหน่อยคะ"
ทั้งคู่พยักหน้าเป็นจังหวะที่ถึงชั้น 18 พอดี พอประตูลิฟต์เปิดนาตาลีให้แขกเดินนำออกไป ส่วนเธอตามออกภายหลัง ในสายตาของแขกทั้งคู่ การตกแต่งแต่งของชั้นนี้ดูหรูหราเป็นอย่างมากทุกอย่างดูทันสมัย และที่เหมือนชั้นล่างมีประตูกระจกกั้นนาตาลีใช้บัตรแตะและสแกนลายนิ้วมือ ด้านหลังประตูผู้ชายในชุดสูทพร้อมหูฟังยืนอยู่ และตามทางเดินอีก2-3 คน นาตาลีเดินนำทั้งคู่ไปอีกด้าน พอถึงมุมทันทีที่เลี้ยวห้องทำงานขนาดใหญ่ปรากฏอยู่ตรงหน้า เป็นห้องที่อยู่มุมตึกอีกด้านพอดี มีกระจกใสบานใหญ่นั้นกั้นอยู่ ทางเดินที่ทอดไปนั้นขวามือคือขอบตึกที่มีกระจกใสกั้นอยู่มองไปทิวทัศน์ที่งดงาม ส่วนด้านซ้ายนั้นเป็นห้องทำงานที่ขนาดย่อมกว่า นันกับปุ๊กอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองเข้าไป ทำให้เห็นหลังกระจกสุภาพสตรีฝรั่งสาวสวยกำลังพูดโทรศัพท์อยู่พร้อมก้มไปมองในไอแพ่ดที่ถืออยู่ เธอเหลือบตาขึ้นมามองพอดีพร้อมกับยิ้มให้ ทั้งคู่ยิ้มตอบ พอเดินเลยไป ทำให้เห็นห้องตรงมุมนั้นชัดขึ้น เป้าหมายที่นันจะมาพบนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานขนาดใหญ่ดูหรูหราอย่างมาก มองเข้าไปจะเห็นอย่างได้ชัด ด้านหลังโต๊ะทำงานนั้นมองไปจะเห็นวิวที่สวยงามผ่านกระจกใสที่มองได้เกือบรอบห้อง พร้อมชุดรับแขกที่หรูหราเข้ากับห้อง มันเป็นห้องที่เหมาะกับผู้บริหารระดับสูงจริงๆ นาตาลีเดินไปเคาะประตูพร้อมผลักเข้าไป ทิมเงยหน้าขึ้นมามองพร้อมส่งยิ้ม
"บอสคะ แขกจากไทยที่มาขอพบบอสคะ"
"ขอบคุณมากนาตาลี"
เสียงตอบที่ได้ยินมานั้นทำเอาปุ๊กกับนันหันมามองหน้ากันเพราะเป็นเสียงที่ค่อนข้างแหบ ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์เชิญทั้งสองสาวเข้าไปในห้องก่อนที่เธอจะเดินกลับไป ทิมลุกขึ้นยืนพร้อมกล่าวด้วยภาษาไทยพร้อมรอยยิ้ม
"มาเลยปุ๊ก นัน มานั่งตรงนี้ก็ได้ ไม่ต้องไปที่ชุดรับแขกหรอก"
ทั้งคู่เดินมานั่งตรงข้ามทิม ที่อยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวเข้ารูป กางเกงสแลคสีดำ เยื้องไปด้านหลังมีที่แขวนเสื้อโค้ทกับสูทสีดำ บนโต๊ะขนาดใหญ่นั้นมีจอคอมพิวเตอร์ 2 จออยู่เยื้องกับตัวทินส่วนตรงหน้ามีเอกสารและไอแพ่ดกับโทรศัพท์มือถือวางอยู่ แต่ก่อนที่จะมีใครพูดอะไร มีพนักงานในชุดฟอร์มแม่บ้านเอากาแฟกับน้ำเย็นมาเสิร์ฟ แล้วรีบเดินออกไปหลังจากที่ทิมบอกขอบคุณ ปุ๊กนั้นเป็นฝ่ายถามก่อน
"จะถามว่าพี่ทิมสบายดีหรือเปล่าตามธรรมเนียมคงจะไม่ได้แล้ว พี่ทิมยังไม่หายหรือคะ ปุ๊กเห็นจากเฟซที่พี่สาวพี่ทิมบ่นแล้วพอมาเจอพี่เสียงพี่แหบมาก"
ทิมยิ้มออกมาทำให้ทั้งคู่นั้นเห็นชัดว่าใบหน้านั้นยังดูเหมือนคนพึ่งฟื้นไข้ ขอบตานั้นคล้ำเหมือนคนที่นอนน้อยทำงานหนัก
"ดีขึ้นแล้วละ อย่างที่พี่กุ๊กบอกพี่อวดดีเกินไป เดินทางตลอดไม่ยอมพักเจอทั้งควันไฟทั้งฝุ่นมาเจออากาศเย็นร่างกายมันปรับไม่ทัน เลยไม่สบาย"
"แล้วทำไมพี่ไม่พักผ่อนก่อนละคะเดินทางแบบนี้ นันว่ามันระห่ำเกินไปนะคะ อยู่ประเทศละวันสองวัน แถมคนละทวีปอีก"
เป็นประโยคแรกที่นันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วงจากใจจริง ทิมได้แต่ยิ้มๆก่อนจะถามขึ้นมา
"แล้วที่มานี่มีอะไรด่วนหรือเปล่าละ"
ทำเอาทั้งคู่ต่างมองหน้ากัน ปุ๊กเสยกแก้วกาแฟขึ้นจิบทำให้นันเป็นคนพูด
"พี่ทิมทราบแล้วใช่ไหมคะว่านันจะแต่งงาน"
สีหน้าที่เซียวของทิมนั้นซีดลงไปอีกอย่างเห็นได้ชัดพร้อมกับการพยักหน้า ฝ่ายหญิงนั้นพูดต่อแต่พยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นไปมากกว่านี้
"นันอยากจะมาเชิญพี่ทิมด้วยตัวเองคะ ไม่ใช่นันไม่ติดต่อพี่แล้วนะคะ แต่นันติดต่อพี่ไม่ได้ เบอร์โทรที่พี่เคยใช้ก็ติดต่อไม่ได้โทรมาก็ปิดเครื่องตลอด นันพยายามทุกทางแต่ก็ไม่ได้ ทั้งเบลทั้งพี่บอลก็บอกว่าไม่มีเบอร์พี่ทิมที่สหรัฐ จะถามทางพี่กุ๊กนันก็ไม่กล้าคะ นันเกรงใจ นันเลยบินมาหาพี่เองคะ"
สายตาที่มองไปที่ทิมนั้นเป็นสายตาที่ตัดพ้อ ทำไมเธอจะไม่รู้ว่าเพราะอะไรที่บอลที่เป็นเพื่อนรักของทิมรวมทั้งเบลที่เป็นน้องสาวและเพื่อนเธอจะบอกว่าไม่มีเบอร์ติดต่อ ถ้าทิมไม่ได้เป็นคนสั่ง มันเป็นไปไม่ได้ที่สองพี่น้องนี้จะไม่มีเบอร์ของทิมที่สหรัฐ แต่นั่นไม่ใช่เรื่องใหญ่เพราะความตั้งใจของเธอคือจะมาพบทิมให้ได้
ทิมฝืนยิ้มก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่แหบและพร่า
"เบอร์เก่าพี่ใช้มันเป็นเบอร์ของไทย พี่จะใช้ช่วงกลับไทยเท่านั้น"
นันไม่พูดอะไรกับคำตอบของทิมเพราะรู้ดีนิสัยดี เธอจึงเปิดกระเป๋าสะพายแล้วหยิบซองสีชมพูออกมาก่อนจะยื่นให้
"นี่คะพี่"
ปุ๊กนั้นมองอยู่ตลอดและเห็นว่าทั้งคนให้และคนรับนั้นมือสั่นทั้งคู่ ทิมรับซองสีชมพูที่จ่าหน้าถึงตนเองแล้วเปิดหยิบการ์ดขึ้นมาอ่าน สีหน้านั้นยิ่งซีดเข้าไปอีก ก่อนจะพูดออกมาด้วยเสียงที่พยายามปรับให้เป็นปกติ
"พี่ดีใจด้วยนะ"
นันเม้มปากและพยายามฝืนยิ้มพร้อมพยักหน้ารับ เธออยากจะบอกกับทิมว่าเธอไม่ได้มาเยาะเย้ยแต่อยากมาเจอว่า คนรักเก่านั้นเป็นอย่างไรบ้าง แต่สิ่งที่เห็นทิมนั้นดูจะนิ่งไม่ยอมพูดอะไรออกมาอีก เป็นปุ๊กที่ชวนคุยเพราะเห็นเพื่อนเธอนั้นก็นิ่งไปเช่นกัน
"ห้องทำงานพี่ทิมสวยมากนะคะ วิวก็สวยดีสมกับเป็นห้องทำงานรองประธานบริหารกระจกติดฟิลม์ใสใช่ไหมคะ"
"ใช่ติดฟิล์มไว้หมดแล้ว ต้องมาดูช่วงหิมะตกใหม่ๆมันจะสวยมาก เวลาพี่เครียดๆก็เดินไปดูวิวนะ มันผ่อนคลายได้เยอะ"
ทิมต้องพร้อมมองไปรอบๆห้อง แต่นันกลับไปสะดุดตาภาพที่ตั้งอยู่บนตู้เอกสารด้านหลังของทิม เป็นรูปทิมที่กำลังยืนดูวิวที่ภูเก็ต มันทำเอาเจ็บแปลบทันทีเพราะภาพนั้นเธอเป็นคนถ่ายเอง ตอนที่ทั้งคู่ไปเที่ยวภูเก็ต การสนทนาเป็นฝ่ายปุ๊กที่ชวนคุยมากกว่า จนโทรศัพท์มือถือทิมที่วางอยู่บนโต๊ะดังขึ้น ทิมหยิบขึ้นมาอ่านข้อความก่อนจะพูดขึ้นว่า
"พี่ต้องขอตัวก่อนนะ มีงานต้องทำ เอ่อแล้วเรามาที่นี่กันยังไงพักที่โรงแรมไหนละ"
คราวนี้นันเป็นฝ่ายตอบ ทิมนิ่งก่อนจะก้มหน้าลงไปจดข้อความที่สมุดโน๊ตไปครู่หนึ่งก่อนจะพูด
"งั้นเย็นนี้พี่เชิญทั้งสองคนมาทานมื้อเย็นที่บ้านพี่แล้วกันนะ เราจะได้คุยกันมากกว่านี้"
"ได้คะพี่ แล้วบ้านพี่อยู่ที่ไหนคะ"
ทิมยิ้มก่อนจะตอบแฟนเก่า
"ไม่ต้องห่วง เย็นนี้สัก 6 โมงเย็นแล้วกัน พี่จะให้คนไปรับเราที่โรงแรมดีกว่าสะดวกดี"
พูดจบทิมยกหูโทรศัพท์ตั้งโต๊ะขึ้นมาแล้วกดตัวเลข 4ตัว รอสายอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูด
"ลอเรลเชิญที่ห้องครับ"
ชั่วครู่มีเสียงเคาะประตู ทั้งคู่หันไปมอง คนที่ก้าวเข้ามาคือหญิงสาวที่ทั้งคู่เห็นเมื่อสักครู่นี้ เมื่อเห็นเต็มตัวทำให้แขกทั้งคู่บอกกับตัวเองว่า ผู้หญิงฝรั่งคนที่ก้าวเข้ามานั้นทั้งสวยสง่าและหุ่นดีดูดีกว่านาตาลีมาก ในมือนั้นถือไอแพ่ดและวิทยุสื่อสารเครื่องเล็กๆ ลอเรลเดินยิ้มเข้ามาที่โต๊ะก่อนที่ทิมจะแนะนำเป็นภาษาอังกฤษ
"นี่คุณลอเรลเลขาของพี่เอง"
พร้อมกับแนะนำทั้งคู่ให้รู้จักลอเรลยิ้มให้ทั้งคู่ก่อนเดินมาด้านข้างโต๊ะแล้วส่งไอแพ่ดให้กับทิม ซึ่งทิมก้มลงดูพร้อมพยักหน้าก่อนจะพูด
"ตามนั้นเลย เพิ่มทุนอีกนิดตัวนี้เราจะได้กำไรไม่ต่ำกว่า 10 % "
แล้วหันมาที่ทั้งคู่
"พี่จะให้ลอเรลลงไปส่งเราทั้งคู่นะพี่ขอตัวทำงานก่อนเย็นนี้เจอกัน"
ทิมกล่าวพร้อมลุกขึ้น ทั้งปุ๊กกับนันเอ่ยลา ปุ๊กนั้นดูออกว่านัน นั้นมีอาการไม่ค่อยจะดีเช่นเดียวกับทิม ลอเรลก้าวนำทั้งคู่ออกนอกห้องทำงาน นันหันกลับมามองอีกครั้งเห็นทิมกำลังนั่งดูการ์ดแต่งงานด้วยสีหน้าที่ดูออกว่าปวดร้าว นันรีบหันหน้ากลับเพราะกลัวจะกลั้นน้ำตาไม่อยู่ และเห็นลอเรลยกวิทยุขึ้นพูด เมื่อเดินไปถึงลิฟต์ประตูลิฟต์นั้นเปิดรออยู่แล้ว ลอเรลก้าวนำทั้งคู่เข้าไปและทำเหมือนกับที่นาตาลีทำ และเธอก้มลงมองอ่านข้อความที่โทรศัพท์มือถือที่ส่งเสียงแล้วหันมาบอกกับทั้งคู่ว่า
"เย็นนี้ดิฉันจะไปรับพวกคุณที่โรงแรมนะคะ บอสสั่งมาแล้ว 6โมงเย็นเราเจอกันที่ล็อบบี้นะคะ"
ทั้งคู่ต่างยิ้มรับ พอถึงชั้นล่างลอเรลเป็นคนจัดการเรื่องบัตรผู้ติดต่อก่อนจะเดินไปส่งทั้งคู่ที่ประตูทางเข้าอาคาร จากอาคารไปที่ลานจอดรถ ปุ๊กกับนันไม่ได้พูดอะไร พอไปถึงรถนันส่งรีโมทรถให้ปุ๊กและพูดด้วยเสียงที่สั่นเครือ
"ปุ๊กขับแทนที ฉันไม่ไหวแล้ว"
ปุ๊กทำตามที่เพื่อนบอก หลังจากขับรถมุ่งหน้าไปที่โรงแรม ปุ๊กนั้นไม่พูดอะไร เพราะรู้ว่าเพื่อนนั้นกำลังเสียใจ นันพยามยามกลั้นเสียงสะอื้นและน้ำตาก่อนจะพูด
"เมื่อกี้ตอนเดินออกจากห้องฉันหันไปเห็นพี่ทิมดูการ์ดสีหน้าของเขาไม่ดีเลย"
ปุ๊กถอนหายใจแล้วตอบเพื่อน
"ก็นั่นแหละ ก่อนมาฉันก็ถามย้ำกับแกแล้วว่าจะดีหรือที่มา เพราะมันจะเจ็บทั้งคู่ ฉันเข้าใจที่แกอยากเจอ แต่ในสถานการณ์แบบนี้เจอกันก็ยิ่งเจ็บปวดทั้งคู่ แต่ก็นั่นแหละนะ เรื่องนี้ฉันก็มีส่วนผิด"
"ไม่แกไม่ผิดหรอก เพราะคนตัดสินใจคือฉัน"
เธอตอบเพื่อนพร้อมน้ำตาที่ไหลออกมา ปุ๊กหันมามองเพื่อนด้วยความเป็นห่วง เมื่อ 2 ปีเศษที่ผ่าน นันนั้นมาปรับทุกข์ให้เธอฟังเรื่องแฟนที่ตั้งใจจะไปทำงานที่สหรัฐให้ได้ ทั้งๆที่งานในเมืองไทยก็มั่นคงแล้ว นันพยายามให้ทิมเปลี่ยนความคิดแต่ทิมยืนยันคำเดิม นันรู้ดีว่าถ้าฝ่ายชายไปทำงานที่นั่นทั้งคู่ต้องเลิกกันแน่นอน นันรักทิมมากเป็นเรื่องปุ๊กรู้อย่างดีเพราะที่ผ่านมาเพื่อนนั้นเจ็บช้ำกับความรักมาตลอด จนมาเจอทิมที่นันมั่นใจว่าเป็นรักแท้ เมื่อเป็นแบบนี้เธอเองเป็นคนที่บอกเพื่อนว่าให้ขอเลิกกันก่อนที่ทิมจะมาสหรัฐเพราะมันจะได้เจ็บน้อยกว่า และความห่างไกลมันอาจจะช่วยเยียวยา นันเก็บไปคิดและก่อนที่ทิมจะเดินทาง นันขอเลิกกับทิม โดยให้เหตุผลในเรื่องระยะห่างและทิมไม่ให้คำตอบว่าจะกลับมาเมืองไทย ทิมรับฟังด้วยเหตุผลและไม่รั้ง ทำให้ทั้งคู่จากกันด้วยดี หลังจากนั้นทั้งคู่ไม่เจอกันอีกเลย วันที่ทิมเดินทางไป นันจะไปส่งแต่ไม่เจอทั้งคู่คลาดกัน เพราะนันไม่รู้ว่าทิมนั้นเปลี่ยนแผนการเดินทางจากที่แรกจะเป็นเครื่องโดยสารธรรมดา แต่ทางบริษัทได้ส่งเครื่องบินส่วนตัวมารับ แต่ช่องทางสื่อสารทางโซเชี่ยลนั้นทั้งคู่ต่างไม่บล็อกกัน เพียงแต่ทิมนั้นโพสต์เรื่องราวหรือรูปภาพน้อยลงมาก ไม่เหมือนนันที่โพสต์ตามปกติ และทิมจะมากดไลท์ให้ทุกครั้งที่เธอโพสต์รูปแต่ไม่แสดงความเห็นอะไร มีแต่นันที่ลองไปแสดงความเห็นทิมก็แค่กดไลท์ให้แต่ไม่ตอบอะไร เหมือนกับในวันเกิดที่นันอวยพรทิมตลอดแต่ทุกอย่างเหมือนเดิม ปุ๊กที่เป็นเพื่อนกับทิมในเฟซด้วย นั้นรับรู้ตลอดแต่ไม่ไปแสดงความคิดเห็นอะไร
เรื่องส่วนตัวของทิมในสหรัฐนั้นค่อนข้างจะไม่ใครรู้แต่นันกับปุ๊กมารู้ทีหลังว่า ทิมนั้นมีเครื่องบินส่วนตัวใช้เพราะช่วงที่ครอบครัวของพี่สาวทิมบินไปเยี่ยมทิมที่สหรัฐ หลานสาวของทิมได้โพสต์รูปตอนนั่งบนเก้าอี้หรูและแท็กไปที่ทิม โดยระบุข้อความว่า
"กิ่งกำลังจะไปสหรัฐคะ คุณอาทิมส่งเครื่องบินมารับ"
ทำให้นันอดไม่ไหวต้องพิมพ์ถามเพราะเธอรู้จักกับครอบครัวของพี่สาวทิมพอสมควร
"หนูกิ่งนั่งเครื่องบินส่วนตัวเลยหรือคะนี่"
คำตอบที่หลานสาวทิมตอบมา
"ใช่คะพ่อกับแม่จะไปเยี่ยมอาทิม อาทิมเลยส่งเครื่องบินมารับคะ"
ทำให้นันกับปุ๊กรู้ว่าทิมนั้นต้องการความก้าวหน้าจริงๆ นันเคยเข้าไปลองดูโปรไฟร์ของบริษัทที่ทิมทำงาน ปรากฏชื่อของทิมในตำแหน่งรองประธานบริหาร หลังจากนั้นมีผู้ชายมาจีบนันหลายคน จนในที่สุดนันตัดสินใจกับความรักครั้งใหม่แต่เธอไม่เปิดเผยผ่านโลกโซเชี่ยล ปล่อยทุกอย่างให้เป็นอย่างเงียบๆ จนกลางปีที่แล้วผู้ชายขอแต่งงานนันตอบตกลง ก่อนจะมาเปิดเผยเมื่อไม่นานมานี้ ปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นในเฟซของทิมนันรู้ทันทีว่าเพราะอะไร เธอจึงอยากมาเจอและพูดคุยกับทิม แต่พอเห็นสภาพของทิมแล้วทำเอาเธอใจไม่ดี
ความรักของทั้งคู่เกิดขึ้นเมื่อ 5 ปีก่อน นันเจอกับทิมครั้งแรกที่บ้านของเบลเพื่อนสนิทของเธออีกคนตั้งสมัยเรียนมหาวิทยาลัย วันนั้นบังเอิญทิมไปหาเพื่อนสนิทที่เป็นพี่ชายของเพื่อนเธอ จากที่นั่งคุยระหว่างทานข้าวทำให้เธอรู้ว่าทิมนั้นจบปริญญาโทจากมหาวิทยาลัยชื่อดังของสหรัฐ และปัจจุบันนั้นทำงานเป็นนักวิเคราะห์หุ้น ที่ผ่านการสอบ CFA (Chartered Financial Analyst ) ทั้ง 3 ระดับมาเรียบร้อยแล้ว ตอนแรกเธอก็ งงๆเพราะนันไม่ค่อยมีความรู้เรื่องหุ้นจนทิมอธิบายคร่าวๆว่าอาชีพนี้ต้องทำอะไร แต่ตอนนี้เธอกำลังเปิดบริษัทออแกไนเซอร์ แต่จากการพูดคุยทำให้รู้ว่าทิมนั้นเก่งมาก จนทิมกลับไปเธอถึงได้รู้ประวัติเพิ่มว่าทิมนั้นกำพร้าพ่อกับแม่ตั้งแต่เล็กๆ เพราะเครื่องบินตก ปู่กับย่าเป็นคนเลี้ยงทิมมา จนช่วงเรียนมัธยม ปู่กับย่านั้นได้เสียชีวิตไล่เลี่ยกัน ทำให้ป้าซึ่งเป็นพี่สาวแท้ๆของพ่อทิมมารับอุปการะทิมต่อ นันรู้เรื่องคร่าวๆทำให้ยิ่งสนใจทิมมากขึ้น
หลังจากวันนั้นความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก้าวหน้าไปมากจนกลายเป็นแฟนกัน ทำให้นันรู้เพิ่มกับประวัติของทิมเพราะทิมไม่ปิดบัง พ่อกับแม่นั้นเป็นข้าราชการและได้ไปอบรมที่สหรัฐ แต่ช่วงกลับประเทศไทยเครื่องบินถูกลอบวางระเบิดจากการก่อการร้าย ทำให้ปู่กับย่าต้องเลี้ยงดูทิมส่วนตากับยายนั้นเสียชีวิตไปก่อนที่ทิมจะเกิด ปู่กับย่านั้นก็ไม่ได้ทำงานอะไรนอกจากค้าขายเล็กๆน้อยๆก่อนหน้านั้นมีพ่อของทิมที่เป็นเสาหลักของครอบครัว ถึงจะได้เงินที่ชดเชยมาพอสมควรแต่ดูแล้วมันก็ไม่เพียงพอและปู่กับย่าตั้งใจใช้เงินที่ได้จากเสียชีวิตของพ่อกับแม่ทิมมาเป็นทุนการศึกษาให้ทิมและเรื่องที่จำเป็นเท่านั้น ทำให้ชีวิตทิมค่อนข้างลำบากอยู่เหมือนกัน ต้องช่วยปู่กับย่าทำงานหาเงินมาส่งเสียตัวเอง ถึงจะมีเงินแต่ปู่กับย่าวางแผนให้ทิมนั้นใช้เงินที่ได้มาอย่างประหยัดเพราะให้เป็นทุนการศึกษาจนถึงเรียนปริญญาตรี จนปู่กับย่าจากไป ป้าที่เป็นลูกสาวคนโตได้เข้ามาอุปการะต่อทิมต้องย้ายจากต่างจังหวัดมากรุงเทพและขายที่กับบ้านหลังเดิมเพราะไม่มีใครดูแล ป้าของทิมนั้นมีลูกสาวคนเดียวเหมือนกัน แต่ลุงกับป้าที่ฐานะปานกลางก็ต้องใช้เงินเยอะเพราะลูกสาวนั้นสอบติดหมอ ทิมนั้นเข้าใจ เลยทำงานส่งเสียตัวเองเพราะเอาเงินที่ได้มาเป็นค่าใช้จ่ายรายวันของตัวเองไม่ว่าจะรับจ้างเป็นเด็กเสิรฟ์ในร้านอาหาร ช่วยขนผักในตลาด ตลอดจนเป็นกระเป๋ารถสองแถว ทิมทำมาทั้งหมด ส่วนเงินก้อนที่ได้มานั้นเก็บไว้เป็นค่าเทอมกับซื้ออุปกรณ์การเรียนเท่านั้น
จนจบปริญญาตรีด้วยเกียรตินิยมอันดับ 1 ก่อนจะสอบได้ทุนไปเรียนต่อปริญญาโทที่สหรัฐ ในต่างแดนทิมใช้ชีวิตไม่ต่างจากอยู่เมืองไทย รับจ้างทำงานสารพัดจนเรียนจบ ก่อนจะกลับมาทำงานเป็นนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ที่เมืองไทยหลังจากที่ได้งานทิมตัดสินใจแยกตัวออกมาพักคนเดียวเพราะไม่อยากเพิ่มภาระให้กับลุงและป้า อีกทั้งพี่สาวของทิมกำลังจะแต่งงาน อีกอย่างเป็นเพราะทิมชอบใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ด้วยความที่เรียนเก่งโดยเฉพาะเรื่องเกี่ยวตัวเลขทำให้ทิมนั้นวิเคราะห์หุ้นได้ค่อนข้างแม่นยำ จนมีผลตอบแทนดี ช่วงนั้นทุกอย่างเริ่มดีขึ้นแต่ทั้งลุงกับป้าก็มาเสียชีวิตไล่เลี่ยกันอีก ลุงเสียชีวิตจากอุบัติเหตุรถคว่ำถึงจะไม่เสียชีวิตทันทีแต่ก็ยื้อชีวิตได้เพียง 3 วัน ส่วนป้านั้นเป็นมะเร็งถึงพี่สาวของทิมจะช่วยสุดความสามารถแต่ก็ไม่ไหวเพราะกว่าจะรู้ป้าก็เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายแล้ว ซึ่งก่อนจะจากไปได้ทั้งคู่ฝากฝังทิมไว้กับกุ๊กที่เป็นลูกสาวคนเดียวพอสมควร เพราะทั้งลุงกับป้ารักทิมเหมือนลูกคนหนึ่ง
ยิ่งรู้เรื่องของทิมทำให้นันทั้งรู้สึกสงสารและประทับใจ ชีวิตมันช่างต่างกันเธอนั้นเป็นลูกข้าราชการระดับสูงมีฐานะถูกเลี้ยงมาอย่างคุณหนูโดยตลอด จนความสัมพันธ์ของทั้งคู่นั้นเป็นไปอย่างลึกซึ้งโดยความยินยอมของนัน มันเริ่มจากทั้งคู่ไปเที่ยวหัวหินโดยนันเป็นฝ่ายชวน คืนนั้นในห้องพักโรงแรมหรูติดชายหาด ร่างของนันถูกวางลงบนที่นอนโดยที่มือทั้งสองของเธอโอบรอบคอทิมแล้วดึงเข้ามาหา ปากทั้งคู่ทาบกันแน่นสนิท มันไม่ใช่จูบครั้งของทั้งคู่เพราะก่อนหน้านั้นทั้งคู่มีการสัมผัสภายนอกกันมาบ้างแล้ว พอร่างของทิมทาบบนตัวของหญิงสาว จมูกจะเริ่มซุกไซร้ไปตามใบหน้าติ่งหูและซอกคอของแฟนสาว มันสร้างความเสียวให้กับนันอย่างมาก ถึงครั้งนี้มันจะไม่ใช่ครั้งแรกของเธอ นันเคยผ่านเรื่องแบบนี้มาบ้างกับแฟนเก่ายิ่งทิมเลื่อนหน้าไปตรงทรวงอกที่พุ่งตระหง่าน เสื้อยืดที่เธอสวมอยู่ถูกถอดออก นันไม่สวมยกทรงหลังจากอาบน้ำเสร็จ หัวนมสีน้ำตาลนั้นดูเชิญชวนทิมอย่างมาก เมื่อลิ้นและริมฝีปากของทิมไปสัมผัส เสียงครางอย่างแผ่วเบาออกจากปากเธอ ทิมดูดสลับไปมาทั้งสองเต้า ส่วนมือเลื่อนไปขยำตรงเป้ากางกางขาสั้น นันอ้าขาออกทันที ทิมขยำอยู่พักหนึ่งแล้วถึงเลื่อนมือผ่านขอบกางเกง ไปจนสัมผัสขอบกางเกงในแล้วเลื่อนผ่านเข้าไป นิ้วนั้นเริ่มสัมผัสกับขนหมอยที่ดก จนไปถึงช่องทางที่เริ่มมีน้ำหล่อลื่นออกมา ทิมใช้นิ้วเขี่ยไปที่รูหี ทำเอานันผวากอดทิมแน่นขึ้น ทิมดื่มนมของแฟนสาวจนพอใจแล้วถึงเลื่อนหน้าลงไปด้านล่าง หน้าท้องที่ขาวแบนราบนั้นทิมบรรจงจูบอย่างแผ่วเบาส่วนมือนั้นดึงกางเกงทั้งตัวนอกตัวในของนันลง และนันนั้นยกก้นให้ถอดอย่างง่ายดาย
สงสารทั้งคู่ คนหนึ่งต้องการความรัก อีกคนต้องการความก้าวหน้าในชีวิต
เลิกทั้งที่ยังรักอ่านแล้วเศร้าจัง
เลิกกันเพราะไม่มองอนาคต เกิดจากความเห็นแก่ตัว สุดท้ายอย่าบอกว่าทิมจะสมหวังกับเพื่อนนันนะครับ
ได้ลุ้นทั้งเรื่องดราม่า เรื่องบทเสียว แต่งได้ดีเลยครับ
คู่นี้ต้องมีรีเทิร์นแน่นอน
น่าสงสารทั้งทิมและนันที่ถูกพรากให้จากกันด้วยระยะทางและความห่างเลิกกันทั้งที่ใจยังรักแบบนี้เจ็บปวดทั้งคู่แต่ก็แอบลุ้นให้กลับมาคู่กันนะครับ
เอาสะเศร้าตามเลย
เปิดเรื่องด้วยดราม่าบีบหัวใจ
แต่ท้ายเรื่องน่าจะแฮปปี้เอนดิ้งนะครับ
คนที่เสียสละ มักจะพบกับความสุขในชีวิตคับ
ผมก็สงสารทิม แต่คงได้เจอสิ่งที่ดีๆนะ
งานนี้เปิดมาแบบต่างคนต่างเจ็บ
ตอนท้ายก็ไม่น่าจะต่างกัน
ขอบคุณครับ
น่าสงสารทิมนะ การที่มาทำงานที่อเมริกาไม่น่าทำให้นันต้องเลิกเลย
ชอบสถานการณ์ที่ประกอบเรื่องตรงกับปัจจุบันมาก ไฟป่าที่ออสเตียเรีย pm 2.5 ในไทย และชอบที่สุดคือนันหมอยดก
กลับมาลำลึกความหลัง แน่ๆ
::DookDig::เจ็บทั้งคู่
สงสารทิมครับ น่าติดตามมาก
เป็นความรักที่ต้องเลือก ทำให้เจ็บปวดทั้งสองฝ่าย
มีความเศร้าปนความสุขจะจบด้วยรอยยิ้มรึเสียน้ำตา ทิมน่าสงสาร
::HeyHey::เจ็บก่อนดีกว่าจะมาเจ็บปวดทีหล้ง
รักแท้ย่อมแพ้ระยะทางเสมอ
รักแท้แม้จะเจ็บแต่พร้อมเสียสละเพื่อความสุขของคนที่รัก
เรื่องนี้ต้องมีอะไรที่ลึกกว่านี้ น่าติดตามครับ
น่าจะเสียว เศร้า เป็นกำลังใจให้ครับ ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆ
ผู้หญิงเหมือนตามมาขยี้ อะ.....
คิดเองว่าห่างกันไม่ได้ ตัวเองแต่งงานละยังจะอยากให้คนที่ตัวเองบอกเลิกมางาน ทั้งๆที่เค้าอยู่ต่างประเทศ...
เจริญporn เถอะโยม -*-
ดราม่าก่อนแล้วตามด้วยอีโรติค
นี่สินะ ความรักในขีวิตจริงถึงแม้รักกันมากแต่ก้มีเหตุผลบางอย่างทำให้อยู่ด้วยกันไม่ได้ ขึ้นกับฝ่ายหยิงแล้วละว่าจะทำตามหัวใจจริงๆมั้ย
หน้าสงสารพระเอกน่งเองจัง
เนื้อเรื่องเดินได้เร้าใจดีครับ
ดราม่าแบบนี้มีเสียน้ำตาน้ำท่วมแน่นอน
เรื่องเล่าได้ยาวแน่ๆ ปวดตับ
ดราม่าแน่ๆงานนี้
อ่านแล้วสงสารทั้งคู่เลยครับ
เรื่องราวบีบหัวใจจริงๆ สาวเจ้ากันไปแต่งงานแล้วจะส่งการ์ดให้กับตัวเข้าไปอีก อูยบีบหัวใจจริงๆ
ยังรักกันอยู่แท้ๆ จะเลิกกันทำไมนะ เศร้าเลย
มันเจ็บทั้งคู่นะ ที่ต้องเลิกทั้งๆที่ยังรักกันอยู่
เปิดมาดราม่าน่าสงสารทั้งคู่เลย แต่ได้ลุ้นติดตามว่าจะเป็นยังไงต่อ ขอบคุณผู้แต่งมากครับสำหรับผลงานดีๆ
เป็นแนวชีวิตที่บีบหัวใจมากครับหลากหลายอารมย์บางคำก็เข้ากับชีวิตตัวเองขอบคุณที่นำมาให้ได้อ่านนะครับ
ดำเนินเรื่องดีมากครับ
เนื้อเรื่องดูเศร้ามาก ไม่รู้ว่าจะจบแบบไหน
เนื้อเรื่องบรรยายถึงความรู้สึกของตัวละครแต่ละตัวได้ดีตามสไตล์ คุณ twintower เลยครับ พระเอกจะเป็นคนเงียบขรึม มีอะไรในใจเยอะ ไม่ชอบแสดงความรู้สึก แต่เป็นคนเจ้าเสน่ห์ ตามสไตล์เลย
แอบสงสาร เพราะเรื่องนี้ท่าทางจะรักนางเอกอยู่ แต่ไม่กล้าแสดงออก น่าจะช็อคไปพอสมควร
ตื่นเต้นได้ลุ้น
แค่ฟังก็ปวดใจละครับ งานกับความรัก มันมักจะไปด้วยกันไม่ได้
อ่านแค่ตอนแรก สงสารทิม คนรอบข้างจากไปเกือบหมด มีความรักก็ต้องจากกัน เป็นผู้เสียสละ
ถ่านไฟเก่าจะคุส่งท้ายป่ะ
เจ็บปวดด้วยกันทั้งคู้
เหมือนเนื่อเรื่องมันเคยผ่าน ๆ มาคล้าย ๆ บางเรื่องที่แต่งไว้รึเปบ่าครับท่าน twintower หรือผมจำผิด ถ้าจำผิดต้องขออภัยด้วยนะครับเพราะชื่อตัวละครมันคล้าย ๆ กัน
เลิกกันทั้งที่ยังนักกันนี่มันทรมานมากนะ แต่งฝ่ายต่างยังมีใจให้กัน ปล้วยิ่งนันเอาการ์ดแต่งงานมาให้แบบนี้อีกยิ่งช้ำใจไปกันใหญ่ แต่ตอนที่ทิมกลับไปไทยอาจจะบอกนันก็ได้ว่า แต่งงานกันเถอะ แต่กลับมาแล้วเจอเซอร์ไพร?ยิ่งกว่าคือนันมีรูปพรีเวดดิ้งนี่ล่ะ
เรื่องนี้ต้องมีคนเสียสละคนหนึ่งแต่จะเสียอะไรละ ช่างน่าติดตามจริงๆ ขอบคุณครับ
จะมีถ่านไฟเก่าลุกโชนสั่งลาไหมนี่
หวังว่านันจะยกเลิกงานแต่งแล้วกลับไปหาทิม
แนวปวดตับมาอีกแล้ว แต่กินใจกินอารมณ์มากครับ
............เรื่องราว..สายไฮโซ.น่าติดตามย่างยิ่ง..ครับ
::Crying::
รักมากเจ็บมาก
การสร้างอนาคตย่อมมีผู้เสียสละ ทิมเสียสละคนรักเพื่ออนาคต ยิ่งอ่านยิ่งดรามา ยิ่งน่าติดตาม
นานมากแล้ว ที่ผลงานของท่าน twintower ได้ห่างหายไป กลับครั้งนี้ก็ไม่ผิดหวัง
สุดท้ายแล้ว นันกับทิมก็ไม่น่าจะกลับมาคบกันได้อีก ทั้งๆที่ต่างฝ่ายต่างรักกัน
ปูเรื่องมาดีมากเลยครับ เสียดายที่จะมีแค่ 2-3 ตอน ลุ้นให้มีตอนเสริมครับผม
ดราม่ามากเลย พระเอกน่าจะสู้ขอคืนดีนะ
แนวที่ชอบครับ คุณ Twin tower เขียนเรื่องแนวนี้ได้สนุกมากๆคครับ
เนื้อเรื่องดราม่าชวนปวดตับมากๆเลย เลิกกันทั้งที่ยังรักกันทั้งคู่ สงสัยต้องเสียน้ำตาแน่ๆเลย
เนื้อเรื่องดีครับ ผมชอบตั้งแต่เรื่อง หัวใจที่ปิดตายเเล้วครับ ชอบแนวนี้
ตัวละครมีความเรียลิตี้มากครับ ทำให้เรารู้สึกว่ามันความเป็นเรื่องจริงแอบแฝงอยู่ไม่มากก็น้อยครับ
สงสารทิมนะครับ ทิมเค้าต้องการความก้าวหน้าให้ตัวเองเพื่อแต่งงานกับนัน แต่นันเชื่อเพื่อนเลยทำให้แยกจากกัน
เริ่มต้นเศร้าเลย น่าติดตามครับ
เลิกกันมีแต่เจ็บและก็เสียว
ความรัก กับ ความก้าวหน้าในการงาน. จะเป็นอย่างไร
เนื้อเรื่องดีเลยคับ น่าลุ้นน่าติดตาามมากก
นันไม่แฟร์เลย ทำตัวเหมือนห่วงก้างทั้งที่ตัวเองเป็นฝ่ายบอกเลิก
รู้ว่าทิมยังรักก็ยังตามไปเจอ ถ้ารักกันจริงควรไปเงียบๆดีกว่า
เจอก็เจ็บไม่เจอก็เจ็บ หมายถึงทิมนะ
เพียงแต่นันรู้สึกผิดเลยคิดว่าจะรู้สึกดีว่าได้มาบอกแล้ว เห็นแก่ตัวมากๆ
เนื้อเรื่องดำเนินไปให้น่าติดตามว่าเรื่องราวของทิมจะเป็นอย่างไร
หลังกินข้าวเสร็จน่าจะมีป้าบๆกันแน่ๆเลยเเบบนี้
น่าสงสารทิมจริงๆ เลิกกันทั้งที่ยังรัก แล้วแฟนเก่ายังตามมาแจกการ์ดแต่งงานอีก
เรื่องที่อ่านแล้วก็เศร้าแทน เมื่อต้องเลิกทั้งที่ยังรักกัน
เริ่มต้นเศร้าแล้วมีโอกาสกลับมาคืนดีกันมั้ย
กลิ่นดราม่าขยี้ตับมาแตืไกลเลยนะครับ
จะมีรักรีเทินหรือไม่นะ
ลงรายละเอียดตัวละครลึกดีครับ ทำให้รู้ว่าทำไม ทิมถึงเลือกไปทำงานโดยต้องเลิกกัน ส่วน นัน ก็ชีวิตสบายๆเลยคิดง่ายๆ
อย่างนี้น่าจะมีลมพัดหวนนะ ลงทุนมาขนาดนี้ครับ
บรรยายสภาพแวดล้อมของตัวละครได้ดีมากครับ บางครั้งเผลอคิดว่าเป็นเรื่องจริง ตัวละครเดินได้อย่างธรรมชาติ ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆครับ
น่าจะต้องมีใครสักคนเข้ามดามหัวใจของพระเอกเราหน่อยนะครับแบบนี้
บอกเลยนะครับว่ายังไม่ได้อ่านเรื่องนี้แต่ผมชอบแนวการเขียนแบบของท่านมากๆขอติดตามผลงานต่อไปนะครับ
ทิมผู้น่าสงสาร
::Hmmm:: น่าจะพลิกตอนหลังนะแบบนี้
น่ทมงสารทิมมากๆเลย
โศกนาฏกรรมความรักเลยนะครับนี่
จากกันทั้งที่ยังรัก...กลับมาเหมือนเดิมดีกว่าครับ
เห็นใจทั้งสองฝ่ายเลย
คู่นี้ถ้ามีรีเทิร์นจะรีเทิร์นยังไงครับเนี่ย นันกำลังแต่งงานซ่ะด้วย
คุณTwintower อธิบายรายละเอียดเยอะมากครับ เหมือนได้ยืนอยู่ในเหตุการณ์ด้วยเลยครับ
อ่านเพลินมากเลยครับ
เริ่มด้วยความเศร้า แต่จบด้วยเรื่อง xxxx หรือเปล่า ::DookDig:: ::DookDig:: ::DookDig::
สงสารคุณทิมมากครับ
เห็นชื่อเรื่องแล้วแอบคิดว่าต้องเป็นเรื่องที่ไม่สมหวังของตัวเอก ตัดสินใจเลิกเพราะกลัวที่จะคบกันด้วยระยะทางที่ห่างไกลกัน เป็นเพราะนันเคยมีประสบการณ์คบแฟนเก่าแบบระยะทางห่างใกลกันรึเปล่าครับแล้วไม่รอด ก็เลยกลัวว่ากับทิมจะไปกันไม่รอด กลัวจะเจ็บอีกครั้ง ซึ่งทิมน่าจะทำให้นันมั่นใจมากกว่านี้นะครับจะได้ไม่เลิกกัน เจ็บปวดเหมือนกันนะครับ เลิกกันทั้งๆที่ยังรักกันอยู่
ปวดใจทั้ง 2 ฝ่ายแน่นอนเรื่องนี้
เนื้อเรื่องบีบหัวใจมากเลย
รักสามเศร้าหรือเปล่านี่
เนื้อเรื่องดราม่ามาก
สงสาร เลิกทั้งที่ยังรัก คงเจ็บน่าดู
ติดตามผลงานผู้เขียนมาพอสมควร แม้จะมีบทบรรยายค่อนข้างมาก บทสนทนาน้อยกว่าท่านอื่นๆที่ชอบและติดตาม แต่ก็เดินเรื่องได้น่าติดตาม ถูกจริตส่วนตัว
เห็นใจผู้แต่ง ในเรื่องของคอมเม้นบันทอนกำลังใจ การแต่งเรื่องมันยากมากครับ ถ้าไม่ชอบ ไม่ถูกจริต ข้ามๆไปซะจะดีกว่า มาเม้นไร้สาระ
ส่วนการจบเรื่อง ผมชอบแนวทิ้งบางอย่างให้คิดต่อเอง โดยคลายปมหลักไว้แล้ว แนวเรื่องเลขาส้ม ผมมองว่า สมบูรณ์ในตัวแล้วครับ..... แม้จะแอบคิด ให้อยู่แบบ3คนก็ตาม
อ่านแล้วเศร้าอ่ะครับ รู้ว่าเจ็บก็ยังจะเอาการ์ดมาให้อีก
จะรีเทินไหมน้า
เนื้อเรื่องมีรายละเอียดดีครับ ทำให้มีมิติ เอามาทำเป็นละครได้เลย
แค่ชื่อคนแต่ง ก็อยากอ่าน เชื่อมั่นในระดับนี้แล้วครับ
คุณทิมเป็นผู้ชายในอุดมคติ
อ่านแล้วนึกถึงเพลง กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง ขึ้นมาเลยครับ
เหมือนคำว่าความรักคือความเสียสระ ::Horror::
น่าติดตามมาก
ผมกลับมองว่าการที่มีคนวิจารณ์ว่าทำไมจบไม่รู้เรื่องก็เป็นกระจกสะท้อนที่ดีอย่างหนึ่งนะครับ
เราอาจจะต้องมาพิจารณาว่าทำไมคนส่วนหนึ่งคิดแบบนั้น
มีอะไรที่เราจะปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้ไหม
อย่าไปเสียกำลังใจเลยครับ
น่าติดตามมากครับ
ละเมียดละไมดีมาก ค่อยๆปูเรื่องมีรายละเอียดให้จินตนาการตาม รักเลยแบบนี้
ไม่หน้าทำร้ายกันเลย แค่ระยะทางที่ไกลกัน มันไม่ใช้อุปสัก นันเห็นแก่ตัวเกินไป กลัวตัวเองจะเจ็บ แต่ไม่ได้สนใจว่าอีกฝ่ายจะมากแค่ไหน
เข้าทำนองรักแท้ยอมเสียสละ
ทรมานหัวใจและหัวกระเจี้ยวมากครับ
เรื่องนี้มาดร่ามาเลยหรอครับ ผมว่าเหตุการณ์แบบนี้น่าจะเจ็บทั้งคู่เลย เลิกกันทั้งที่ยังรักกันแบบนี้
เนื้อเรื่องสนุกมาก ทั้งคู่จำใจเลิกกันเพราะระยะทาง
น่าจะเป็นเรื่องเศร้า รักกันมาแต่ยังเลิกกัน แล้วยังตามมายื่นการ์ดงานแต่งให้อีกนะช่างกล้า
เรื่องนี้เข้าข่ายรักทรมานแน่ๆแล้วจะมีบทxกันไหมนะ
ผู้เขียนวางพล๊อตเรื่อง ชวนติดตามมากเลยครับ เหมือนกำลังอ่านนิยายเรื่องนึง หรือกำลังดูหนังเรื่องนึง ปูเรื่องเพื่อให้ผู้อ่านได้เข้าใจที่มาของตัวละครแต่ละตัว สนุกและชวนติดตามากเลย
เพื่อความก้าวหน้า เลิกทั้งๆที่ยังรัก จะมีรีเทินไหม
อ้างจาก: mario เมื่อ มกราคม 31, 2020, 04:12:14 ก่อนเที่ยง
ผมกลับมองว่าการที่มีคนวิจารณ์ว่าทำไมจบไม่รู้เรื่องก็เป็นกระจกสะท้อนที่ดีอย่างหนึ่งนะครับ
เราอาจจะต้องมาพิจารณาว่าทำไมคนส่วนหนึ่งคิดแบบนั้น
มีอะไรที่เราจะปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิมได้ไหม
อย่าไปเสียกำลังใจเลยครับ
ที่ยกตัวอย่างมาคือ
รีพลาย์มักง่ายครับ และเจ้าของความเห็นที่ยกตัวอย่างจะแสดงความเห็นแบบมักง่ายมาตลอด ตั้งแต่ผีหลอกสายฟ้าตอนแรกแล้ว คืออยากอ่านแต่แสดงความเห็นแบบมักง่ายมากครับ อย่างนี้ไม่นับเป็นกระจกสะท้อนครับ
มีคราม่าด้วย เลิกทั้งยังรัก น่าติดตามมากครับ
สู้ๆครับพี่ทิมชีวิตเราต้องเดินต่อไป
ถ้ารักกันจริง การทำงานคนละทวีปก็น่าจะตกลงกันได้ ไม่น่าจะต้องถึงกับเลิกรากัน คิดกันง่ายจริงๆ
สงสารทิมเลยครับ
โอย อยากจะอ่สนต่อ น่าสนใจแบบที่ไม่ต้องพิมพ์ตัวใหญ่เล็กเลยครับ
เรื่องนี้เริ่มได้เศร้าจริงๆครับท่าน twintower
เนื้อเรื่องดีครับ
ผมอ่านแล้วสงสารทิมเลยครับ
ผลงานดีมีคุณภาพมาแล้ว ติดตามมานานทุกเรื่องครับ
เนื้อเรื่องน่าสนใจมากๆครับ
เรื่อง ี่น่าติดตามครับ
คุณTwintowerมีเรื่องรักในต่างแดนที่เขียนไว้ค่อนข้างบ่อย แต่มักเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยราบรื่นกับแต่ละฝ่าย แต่ละเรื่องสนุกต่งกันไปคนละแบบ
เรื่องใหม่ก็คงได้อ่านวิถีของคนไทยอีกชุดหนึ่งซึ่งคงมีเกิดขึ้นได้เหมือนกัน ขอบคุณที่สร้างสรรผลงานดีๆ ให้ครับ
หวังว่าจะจบแบบมีความสุขนะครับ
น่าสงสารทั้งสองคนเลย
เปิดเรื่องได้ดีเช่นเคยครับ
จากที่เคยลำบาก ก้าวมาสู่ความมีฐานะ ความรักมันโหดร้าย แต่ก็ทำให้สู้ชีวิต
ขอบคุณครับ เสียวปนเศร้า อยากให้เขาสมหวังกันจัวครับ
ได้เปิดบริสุทธิ์นันหรือเปล่า
เป็นผลงานที่น่าติดตามอีกเรื่องนึง ว่าการเสียสละเพื่อความรักนั้นจะจบลงอย่างไร
เดินทางมาไกลเลย ลงทุนมาก ได้ไปเที่ยวด้วยเลย
น่าสงสารทิมชีวิตผ่านความพลัดพรากมาตลอดแต่ท้ายสุดอาจสมหวังก็ได้นะครับผมหวังอย่างนั้น
ติดตามทุกผลงานครับ ชอบติดตามเนื้อเรื่องที่ไม่ใช่ sex story แต่เหมือนนิยายดีๆเรื่องนึงเลย
รอติดตามตอนต่อไปนะครับ
น่าสงสารทิมมากครับ
เรื่องนี้ฟิลลิ่งคล้ายๆทางเดินที่เลือกเลยครับ รู้สึกเศร้าๆยังไงไม่รู้นะครับเนี่ย
สงสารทิมจังเลย แต่ก็พอเข้าใจนันนะ
รักที่ต้องพรากจาก...แต่กลับมาตอกย้ำด้วยการ์ดแต่งงาน ... สุดท้าย จะ เหลืออะไร...นอกจากความร้าวรานและเจ็บลึก
สตอรี่อยากกะหนัง น่าติดตาม
น่าติดตามมาก มันต้องมีอะไรมากกว่านี้ อยากรู้ว่าทั้งสองจะเป็นอย่างไรต่อ
เลิกกันทั้งที่ยังรักกันอยู่ น่าจะมีเบื้องหลังอะไรลึกๆอยู่แน่ๆ
เรื่องราวชวนให้ติดตามระหว่างนันกะทิมจเป็นยังไงต่อ
อ่านแล้วเศร้า
ทำไมชีวิตของทิมถึงเจือแต่เรืองร้านๆนะ
ติดตามผลงานมานานครับ ทิมกับนันจะหวนกลับมาคืนดีกันอีกได้ไหม
เจ็บปวด
บินข้ามโลกมาส่งซองสีชมพู
เลิกทั้งที่ยังรัก เจ็บทั้ง 2 ฝ่าย น่าสงสารทิมสุดๆ
มีเรื่องให้อ่านหลายรูปแบบดีมากครับ เรื่องนี้ก็มาลุ้นกันว่าเลิกไปแล้ว แต่กลับมาสนุกกันได้หรือป่าว
เหมือนกำลังอ่านนิยายรักอยู่เลยครับ
หวังว่าสุดท้ายทั้งคู่จะได้มีความสุขในเส้นทางที่ตนเองเลือกนะครับ
ลึกซึ้งกันมาก่อนหรือเปล่า...เลิกกันแล้ว...จะแต่งงานใหม่ยังเอาการ์ดมาให้อีก...เจ็บ
เนื้อเรื่องสุดยอด น่าติดตาม
แค่ห่างกันทำไมต้องเลิกด้วย อ่านแล้วน้ำตาซึม
โดนมากับตัวเองเลย
ไม่เคยอ่านเรื่องแนวนี้เลย มีเนื้อเรื่องเหมือนพล๊อตมาดี ถ้าเขียนยาวอีกหน่อย (มากกว่า 2-3 ตอน)น่าจะเป็นนิยายขายได้นะครับ
คือยิ่งอ่านยิ่งอินไม่ได้มีดีแค่บทเสียวแต่บทสนทนาระหว่างตัวละครก็เหมาะเจาะพอดี อีกอย่างบรรยายได้เห็นภาพบรรยากาศเมืองนอกมากๆครับ
ติดตามมาตลอด เขียนดีครับ มีทเนื้อเรื่องที่ดี
อ่านแล้ว คล้ายในส่วนของชีวิตจริงเลยครับ เล่าเรื่องได้น่าอ่านต่อครับผม
มีความเศร้าอยู่ลึก. ผู้ชายพยายามทำทุกอย่างให้ตัวเองอยู่ ฝ่ายหญิงอดทนนิดก็จะเจอความสุขแล้ว. สู้ต่อไปนะทิม
สงสารแฟนนางเอกนะเนี่ย ทำแบบนี้ในชีวิตจริงคงพักกันหมดทุกฝ่าย แต่ถ้าเป็นเรื่องเสียวเราก็ต้องเอนจอยกันไป :D
จากแบล็คกราวน์ชีวิตของทิมคงต้องการสร้างความมั่นคงในชีวิตมากๆ แต่ฝ่ายหญิงไม่เคยลำบากเลยไม่เข้าใจ น่าเสียดายครับ
รู้แต่ว่ามันสะเทือนใจ คนเคยอกหักจัง...
มีใจให้กัน แต่บางที ฐิถิ กับการเอาแต่ความคิดตัวเอง ก็ทำให้ห่างจากกัน
งานดีมากคับ
ขอบคุณครับ
กามาเทพแผงศร
เนื้อเรื่องบีบหัวใจดีแท้ครับ
เนื้อเรื่องดีมากเลยครับ
ทั้งสงสารและเห็นใจทั้งสองฝ่าย เรื่องความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคนที่จะตกลงกันและเข้าใจกัน
น่าติดตามเนื้อเรื่องเริ่มจากความเศร้า หวังว่าจะจบที่ความสุข
มาดราม่ามั่ยเน้อครับ
ดูจากชื่อเรื่องและเนื้อหาแล้ว คงจะต้องจากกันทั้งที่ยังรักกันอยู่...เฮ้ออออ
สงสารทิม แตโชคชะตาชีวิตได้ถูกกำหนดไว้แล้ว
กายสละง่าย หัวใจสละยากกว่า
สงสารทิมมาก ในเรื่องความรักอาจผิดหวัง
แต่ดูจากสภาพรายล้อมแล้ว ทิมน่าจะสามารถแยกความใคร่ออกจากความรักได้ รอดูว่ามีบทพิศวาสสังวาสข้ามเชื้อชาติหรือไม่
เนื่อเรื่องน่าสนใจครับ
กลัวจบแบบไม่สมหวังมากเลยครับ
Love story. หากจะรัก ต้องลืมคำว่าเสียใจ
รักข้ามขอบฟ้า
รักไร้พรหมแดน
นันจะอยากมาสานสัมพันธ์ก่อนแต่งงานหรือปล่าวน้า
ผมชอบอ่านแนวนี้ครับ ดูมันเป็นความรักที่ต้องเสียสละจริงๆ เพื่ออนาคตของอีกฝ่าย
แต่แอบชอบยิ่งกว่า หากจบแบบhappy endingครับ
ความรักที่เป็นขนาน รอสักวัน ที่จะมาบรรจบ แม้ว่าอาจจะไม่มี ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจเลือก
ทำตามที่ใจปราถนาดีแล้ว
::Doubt:: อ่านแล้วชอบนะ ชวนติดตามเลย จะเป็นไงต่อนะ หัวใจรักที่เสียสละ
เรื่องน่าจะมาในแนวเศร้าแน่ๆๆเลย แต่ไม่รู้ว่าใครจะเสียสละ กันแน่ ติดตามครับ ขอบคุณมากครับ
แล้วจะจบแบบไหนอะ
ชอบเนื้อเรื่องมากครับ น่าติดตามมาก
เศร้าเลยครับ จากกันทั้งที่ยังรัก
แค่อ่านตอนแรก ก็น้ำตาไหลแล้ว ดรามาแน่ ๆ เศร้ามาก เรื่องนี้
รู้สึกเหมือนได้ อ่านนิยายดีๆสักเรื่อง ที่ต้องคอยเอาใจช่วยตลอด
ดีใจทุกครั้งที่ได้อ่านเขียนของท่าน^__^
เริ่มเนื้อเรื่องปูมาได้ดีชวนอ่านติดตาม
::Oops::ออกแนวดราม่ามีเสียสละเรื่องความรักอ่านแล้วน่าเห็นใจทั้งสองฝ่าย
อีโรติกดราม่า ผู้แต่งใช้จินตนาการมากนะครับ บรรยายรายละเอียดแน่นมากเลย
ความสงสารนำมาซึ่งความรัก แต่ความรักไม่แน่จะนำมาซึ่งความเสียสละ และอาจนำมาซึ่งความเห็นแก่ตัว
ลองอ่านดู
สั้น กระชับ แต่น่าติดตามว่าจะออกแนวไหน
เจ็บปวดมากจะแต่งงานเอาการ์ดมาให้แฟนเก่า
เลิกกันแบบนี้เจ็บยิ่งกว่าทะเลาะกันแล้วเลิก
จัดหนักครับ
เปิดเรื่องมาก็เศร้าแล้วแฟนเก่าเอาการ์ดแต่งงานมาให้ แต่น่าติดตามครับ
จินตนาการลึกล้ำมากครับ เดาทิศทางไม่ออกเลย
สงสารทิม นันไม่น่าทิ้งเลย
สงสารพี่ทิม
โดนใจมากครับ
เลิกกันทั้งที่ยังรัก เหตุผลฝ่ายหญิงน้อยไปหน่อย ไม่เชื่อในรัก
ถ่านไฟเก่าจะปะทุไหม
หวังว่านันจะยกเลิกงานแต่งแล้วกลับไปหาทิม
เรื่องนี้เคยมีภาคก่อนมาหรือเปล่า อ่านตอนแรกมันจะงงๆต้องตามอ่านภาคแรกก่อนถึงจะเข้าใจหรือเปล่า
รักคือการให้ รึปล่าวนะ
ขอบคุณมากครับ ลูกผู้ชายตัวจริงยอมเสียสละคนที่ตัวเองรักให้คนอื่น
ชอบการปูพื้นเรื่องที่ทำให้เห็นทั้งสองรักกันมาก่อนแค่ไหน และต้องแยกจากกันอย่างไร
แต่ยังไงก็ตาม สาวเจ้าตามมาหาถึงถิ่นแบบนี้ ถ่านไฟเก่าจะจุดติดรึไม่ อิอิ
เรื่องนี้ดราม่าแบบมีคนที่เสียหรือเสียสละทั้งสองคนเพือความก้าวหน้ากับความรักที่เหมือนเส้นขนานของพี่น้องครับ
อยากบอกว่าหลากหลายอารมณ์ คละเคล้ากันไปครับ
ดราม่าดีครับ น่าค้นหา
เปิดเรื่องมาก็กดดันเลยครับแต่ก็น่าติดตามมากๆ ผมยังกลับไปย้อนอ่านเรื่องเก่าๆอยู่เลยครับ
เป็นเรื่องราวของชีวิตที่เหมือนโลดแล่นในชีวิตจริง ผู้เขียนบรรยายได้ดี และเริ่มบท love scene ในตอนท้าย น่าติดตาม
ผลงานท่าน ไม่เคยผิดหวังจริง รายละเอียดเก็บมาทุกจุด อ่านเพลินมากครับ
เลิกกันแบบนี้เจ็บแทน ไม่ใช่ไม่รัก แต่เลิกเพราะเหตุผล ขอบคุณครับ
สะท้อนใจกับคนที่ผิดหวังในเรื่องความรัก ทำให้รู้ว่าไม่ได้มีเราคนเดียวที่เจ็บปวดกับเรื่องแบบนี้
อ่านแล้วบีบหัวใจจริงๆครับ
รอติดตามครับผม
อ่านแล้วสงสารทั้งคู่เลยครับ
เจ็บสุดๆ
ชีวิตที่เสียสละมากๆ น่าสงสารชีวิต
แนวดรามาก็มา แต่ก็เย็ดกันมันส์
เปิดเรื่องกดดันพระเอกเราเลย
เศร้าร้องไห้
ผูููู้้้้หญิงอะไร จะแต่งงานแล้วยังหวงก้าง
งงใจกับการมาแจกการ์ดแต่งงานแฟนเก่า
เรื่องแนวนี้ต้องบอกว่าไม่ใช่เรื่องเสียวครับ จะออกแนวโรมานซ์มากกว่า แต่ก็เป็นโรมานซ์ที่แซ๊บแซ่บครับ
เป็นเรื่อง drama-sex ที่ชวนอ่านมากเลยครับ
ใครจะเป็นคนที่เสียสละ
บางครั้งก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน
ว่ารักกัน จะต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลาหรือไม่
เสียดายความรักดีๆจัง
เธอรักฉัน ฉันรักเธอ บางครั้งอาจะไม่เพียงพอ
ต้องเลิกกันทั้งที่ยังรักกันมันก็เจ็บด้วยกันทั้งคู่แต่สำหรับทิมคือเจ็บนานเนื่องจากเรื่องส่วนตัวแต่หนหลังด้วย
เข้มข้นและโหดร้ายมาก
น่าติดตามมาก ผลงานแปลกไม่เหมือนใคร นำไปทำนิยายได้เลยครบ
ขอบคุณครับ
ฟินๆไปครับชอบแนวนี้
เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง
ทิม นัน จะสมหวังไหมนะ
นันจะอยากมาสานสัมพันธ์ก่อนแต่งงานหรือปล่าว
ท่าทางเรื่องราวเหมือนคนรักกัน มีเหตุที่ไปกันไม่ได้ เปิดเรื่องน่าสนใจครับ
เริ่มเรื่องด้วยความเศร้า เสียใจ ผิดหวัง แต่น่าติดตามมาก ๆ แต่จะจบลงตรงไหนต้องติดตามต่อ
::Crying::
เนื้อเรื่องรันทดมากเลย..แบบมีคนเสียสละแบบนี้
ถ่านไฟเก่า
รักแท้แพ้ระยะทาง
ดี
การจากกันทั้งๆที่ยังรักกันนั้นเจ็บปวดมากๆ คุณ Twin บรรยายเรื่องนี้ได้ดีมากๆ รับรองได้ว่ามีการค้นคว้าข้อมูลมาเขียน ไม่ใช่นั่งเทียนเขียนเอาเอง เหมือน หัวใจรักที่ปิดตาย/เรื่องเล่าของทินกร ที่ในรายละเอียดในเรื่องมีข้อมูลดีมากๆ ขอบคุณสำหรับบทประพันธ์ดีๆครับ
เมื่อก่อน (เมื่อครั้งยังหนุ่มอยู่) ไม่ค่อยชอบอ่านนิยายแนวดราม่า หรือนิยายรัก แต่มาเดี๋ยวนี้ เผอิญไปดูซีรียส์เกาหลีบ่อยๆ เข้า ก็เลยชอบอ่านนิยายประโลมโลกที่เป็นแนวดราม่าและรักๆ ใคร่ บางครั้งนั่งดูซีรียส์เกาหลี เห็นตัวละครผู้หญิงที่สวย และเคยสวย (หญิงวัยกลางคน) ที่ยังดูดีอยู่ ดันไปนึกถึงว่าพวกผู้ชายนที่อยู่ใกล้ชิดต้องได้ล่อแน่ๆ (ติดไปด้ายยยย) ต้องรีบกลับเข้ามาในเว็บสุดยอดแห่งนี้ทุกทีเชียว
ผมชอบแนวนิยายของคุณ Twintower ก็เพราะเป็นนิยายที่แต่งอย่างมีเนื้อหาที่มีสาระ ไม่มุ่งเน้นที่บทเสียวอย่างเดียว ทำให้ได้อรรถรสในการอ่านมาก เพราะปกติแล้วผมไม่ค่อยได้ใส่ใจในรายละเอียดช่วงของบทเสียวเท่าไหร่ ยกเว้นบทบรรยายที่เร้าอารมณ์ได้ดี จึงจะอ่านอย่างละเอียด ไล่ไปทีละอักษรทีเดียว ส่วนเสียงครวญครางส่วนใหญ่ที่ยาวๆ เช่น อ้าาาาาาาา ซี้ดดดดดดดด ฯลฯ ผมจะลบเสียงยาวๆ ออกหมด เหลือไว้แค่ อ้า ซี้ด เป็นต้น เพื่อให้ไฟล์เวิร์ดที่ผมเซฟเอาไปจัดรูปแบบและแก้ไขคำผิด เว้นวรรคตอน ฉีกคำให้ถูกต้อง บางครั้งก็ต้องใช้การบีบอักษร เพื่อให้เกิดความสวยงามน่าอ่าน (ผมจะเซฟไปแล้วจัดรูปแบบไปด้วย อ่านไปด้วย บางเรื่องที่ยาวๆ ก็ใช้เวลานานพอสมควร แต่ก็ชอบนะ