🧡 XONLY 🧡

FICTION ZONE => เรื่องเล่าประสบกามเสียว => ผู้ประพันธ์บอร์ด => หัวข้อที่ตั้งโดย: twintower เมื่อ มกราคม 31, 2017, 05:50:30 หลังเที่ยง

ชื่อ: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: twintower เมื่อ มกราคม 31, 2017, 05:50:30 หลังเที่ยง
 ในห้องประชุมของของบริษัทที่ทำธุรกิจโรงแรมและรีสอร์ทชื่อดัง บรรยากาศในห้องที่มีพนักงานเกือบ 10 คนดูเคร่งเครียด ไม่มีการพูดจาอะไรกันเท่าไหร่  จนชายสูงวัยที่ผมเริ่มมีสีขาวก้าวเข้ามาในห้องพร้อมเลขาที่เดินตามติด ก่อนเดินเข้าไปนั่งหัวโต๊ะ ส่วนเลขาเดินไปนั่งอีกด้านหนึ่งพร้อมเอาอุปกรณ์บันทึกเสียงและสมุดมาจดมาเตรียมจดบันทึก  ดิเรกหรือที่ใครๆในบริษัทเรียกกันว่าท่านหรือไม่ก็คุณเหรก เจ้าของและ MD.บริษัทแห่งนี้เหลือบตาไปมองลูกสาวและลูกชายที่หัวอยู่ใกล้ๆหัวโต๊ะทั้งด้านซ้ายและขวามือก่อนที่จะพูดมาว่า

"เอาว่าไง  มีเรื่องด่วนอะไรกัน ถึงต้องเรียกประชุมด่วน"

"เอ่อ คุณพ่อครับ คือแบบนี้ รีสอร์ทเราที่กำลังสร้างที่ระยองนะครับ มีปัญหาเรื่องที่ดินแล้วละครับ"

ลูกชายคนเล็กที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการพัฒนาธุรกิจและฝ่ายปฏิบัติการขององค์กร พูดกับผู้เป็นพ่อแบบไม่เต็มเสียงนัก

"อ้าว มีปัญหาอะไรละ ไวย์ ไหนบอกตอนที่เราตกลงซื้อที่ไม่มีปัญหาไง"

ลูกชายก้มหน้านิ่ง ก่อนที่จะพูดกับผู้เป็นพ่อไม่เต็มเสียงอีกครั้ง"

"คือ เอ่อ มันคือแบบนี้ครับ"

แล้วก็นิ่งไปจนผู้เป็นพ่อเริ่มขมวดคิ้วหันไปมองหน้าลูกสาวคนโต ที่เป็นผู้ช่วยตนเองเหมือนจะถามว่ามันคืออะไร  แต่แล้ว นิติกรบริษัทก็พูดขึ้นมาแทนว่า

"อย่างนี้ครับ ท่าน คงจะจำเรื่องที่ดินที่เราไปกว้านซื้อมาและมีที่ดินส่วนหนึ่งที่เป็นเนินสูงๆ มองไปเห็นทะเลอย่างชัดเจน และอยู่ไม่ห่างทะเล  ท่านจำได้ใช่ไหมครับ"

"อืม  ผมจำได้สิคุณกำพลเป็นที่ดินที่สวยมากตามภาพกับโฉนดที่เอามาให้ดูแล้วยังไงต่อละ  อะไรคือปัญหา  เพราะเราก็เริ่มการก่อสร้างไปพอสมควรแล้วนี่"

นิติกรถอนหายใจออกมาเล็กน้อยก่อนอธิบายให้กับเจ้าของบริษัทให้รู้ว่า  ที่ดินที่สวยงามตรงนั้นมีเนื้อประมาณ 10 ไร่ ซึ่งตอนซื้อนั้นไม่มีปัญหาเพราะทางนายหน้าที่ดินแจ้งว่าเป็นที่ดินที่รกร้างปล่อยไว้นานและมีโฉนดยืนยันจากกรมที่ดิน ทางบริษัทเลยซื้อมาทันทีเพราะราคาถูกมากเมื่อรวมกับที่ดินที่ซื้อไปก่อนหน้านี้ทำให้เป็นทำเลที่ดียิ่งขึ้น   แต่เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาได้มีเจ้าของที่ดินนำโฉนดมายืนยันว่าที่ 10 ไร่นี้ทางบริษัทฯได้ก่อสร้างรุกล้ำที่ และเตรียมดำเนินคดีกับทางบริษัทแล้ว

ดิเรกเมื่อได้ยินเรื่องนี้ทำเอาถอนหายใจออกมา ก่อนจะพูดว่า

" เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นได้ยังไงและทำไมผมพึ่งรู้"

"คือทางพวกเรา นึกว่าจะแก้ปัญหาได้ครับพ่อ แต่เจ้าของไม่ยอมจริงๆ"

ลูกชายเป็นฝ่ายพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ซีดเซียว

"มันเกิดขึ้นเมื่อไหร่ไวย์"

"1อาทิตย์ได้แล้วครับ"

"วุ้นรู้เรื่องนี้หรือเปล่า"

ผู้เป็นพ่อหันไปถามลูกสาวคนโต

"รู้เมื่อเช้าค่ะ"

ผู้เป็นพ่อถอนหายอีกครั้งก่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่เริ่มหงุดหงิดว่า

"เอาละ ไหนบอกที่มาที่ไปสิ  เอาเนื้อๆนะ ไม่ต้องมีน้ำ"

ทุกสายตามองมาที่ลูกชายคนเล็กก่อนที่ไวย์จะบอกผู้เป็นพ่อด้วยน้ำเสียงสั่นๆ ว่า ลูกชายเจ้าของที่ดินมาตรวจที่ดินและมาเจอว่าทางบริษัทฯได้ล้อมรั้วจึงเรื่องขึ้นมา แต่ตนเองให้นายหน้าที่ขายที่ดินไปเจรจาขอซื้อและรวมถึงฝ่ายนิติกรให้ไปประสานกับทางกรมที่ดินด้วย  แต่ลูกชายเจ้าของที่ดินไม่ยอมและเตรียมนำเรื่องไปแจ้งความและฟ้องร้องแต่ทางบริษัทดึงเรื่องไว้อยู่อธิบายไปถึงตรงนี้ ผู้เป็นพ่อพูดด้วยน้ำเสียงที่ทุกคนถึงกับสะดุ้งว่า

"ไม่ใช่ตรงนี้  พ่ออยากรู้เรื่องที่ดิน ว่าโฉนดมันมีที่มาที่ไปยังไงและเป็นที่ดินของเค้าจริงหรือเปล่า  บอกตรงนี้ก่อน เรื่องอื่นไว้ทีหลัง"

ลูกชายที่หน้าซีดอยู่แล้วยิ่งดูสลดลงไปอีกเพราะงานนี้ตนเองเป็นฝ่ายผิดตั้งแต่ต้น  ก่อนจะสารภาพว่า  ตอนไปสำรวจที่ดินว่าจะสร้างรีสอร์ท ซึ่งพอเห็นที่ตรงที่มีปัญหานี้ทำให้อยากได้ด้วย  แต่จนใจที่หาเจ้าของไม่ได้  ลองสอบถามเจ้าของที่ดินที่ซื้อและที่ดินติดกันก็ไม่ทราบว่าเจ้าของอยู่ที่ไหน รวมถึงคนแถวๆนั้นก็ไม่ทราบว่าเจ้าของอยู่ไหนไม่เห็นมานานร่วม10 กว่าปีแล้ว แถมปล่อยให้ที่ร้างว่างเปล่า  ตนเองลองให้นายหน้าติดตามก็หาเจ้าของไม่ได้   ด้วยความอยากได้ที่แปลงนั้นเพิ่มเติมจากเดิมและคิดว่าเจ้าของปล่อยไว้ไม่สนใจ เลยใช้วิธีซิกแซ็กจ่ายใต้โต๊ะให้กับเจ้าหน้าที่ของที่ดิน  เพื่อแก้โฉนด ขยายที่เพิ่มและมารายงานกับผู้เป็นพ่อว่าซื้อที่ดินได้เพิ่มขึ้น

แต่เมื่ออาทิตย์ที่ผ่านมาลูกชายเจ้าของที่แท้จริงมาดูที่เรื่องเลยแดงขึ้นมา แต่ใน 1อาทิตย์ ที่ผ่านมาตนเองพยายามจะเคลียร์เรื่องให้จบด้วยตนเองโดยให้นายหน้าไปเจรจาขอซื้อที่ดินจากทางเจ้าของถึงบ้านให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์กับนิติกรไปช่วยเจรจากับทางกรมที่ดินและพยายามหาทางปิดข่าวไม่ให้ถึงสื่อมวลชน  และขอร้องให้คนเกี่ยวข้องอย่างพึ่งรายงานผู้เป็นพ่อหรือพี่สาวแต่ไม่สามารถทำได้เพราะทางลูกชายเจ้าของที่ไม่ยอมและเตรียมจะแจ้งความกับฟ้องร้องแล้ว   พอลูกชายรายงานจบ ผู้เป็นพ่อถึงกับเอานิ้วไปคีบสันจมูกและหลับตานิ่ง  ก่อนจะเงยหน้าไปถาม ผจก.ฝ่ายประชาสัมพันธ์ที่รับผิดชอบดูแลภาพลักษณ์บริษัทด้วยว่า

"คุณบัวแล้วตอนนี้เราทำอะไรไปบ้างใน อาทิตย์ที่ผ่านมา"

"เอ่อ บัวกับฝ่ายนิติกร ได้ไปคุยกับทางกรมที่ดินไว้แล้วคะซึ่งพอจะได้ผลบ้าง  และพยายามปิดข่าวไว้ก่อนคะ  แต่คงได้ไม่นานเท่าไหร่"

"คุณบัวไปคุยกับลูกเค้าหรือยังหรือไม่ก็เจ้าของนะ"

"คุณอ็อดไปคะไปคุยกับเจ้าของแล้ว"

เธอหมายถึงนายหน้าขายที่ดินที่ดูแลเรื่องนี้ให้กับบริษัทมานานแล้ว

"แล้วทางเรามีใครไปคุยกับเค้าหรือยัง"

"มีแต่ชัยครับพ่อที่เจอวันที่เค้ามาโวยวายชัยไปตรวจงานพอดีนะครับ"

ลูกชายเป็นคนบอกเสริมเพราะชัยในที่นี้คือผู้ช่วยของตนเองและชัยได้โทรแจ้งตนเองหลังจากที่ได้คุยเบื้องต้นและไม่เป็นผล

"เรื่องถึงตำรวจหรือยัง"

"ยังคะ  เราพยายามเจรจาอยู่"

"แล้วเจ้าหน้าที่ของกรมที่ดินที่ทำเรื่องนี้ละ"

"ทางต้นสังกัดสั่งพักงานอยู่รอตั้งกรรมการสอบอยู่ครับ"

ครั้งนี้นิติกรเป็นคนตอบ ก่อนที่ ดิเรกจะหันไปทางลูกชายแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่พอใจอย่างมาก

"สรุปคือแกให้ทำโฉนดปลอมขึ้น เลวมากไวย์เลวจริงๆ  เพื่อจะเอาที่ตรงนั้นมาแล้วแกคิดมั่งหรือเปล่าว่าผลกระทบมันจะขนาดไหน  ถ้าข่าวรั่วออกมาเมื่อไหร่  ฉิบหายป่นปี้กันไปหมด  ชื่อเสียงที่สร้างมาแต่คุณตาคุณยายแกบรรลัยหมด  พ่อจะเอาหน้าไปไว้ไหน  เจ้าของโรงแรมรีสอร์ทหรูหลายแห่งโกงที่ดินชาวบ้านมาสร้างรีสอร์ท  เงินที่ส่งแกไปเรียนถึงเมืองนอกมันช่วยให้แกฉลาดขึ้นมาหรือเปล่า  หรือพ่อไม่เคยสอนแกเรื่องจรรยาบรรณ บรรลัยกันแน่งานนี้ แล้วพึ่งมาบอกกันบอกได้คำเดียวฉิบหายแน่ๆคราวนี้  ที่สำคัญพ่อไว้ใจปล่อยให้แกทำเองทั้งหมดแต่ต้น  งานนี้พ่อไม่เคยก้าวก่ายปล่อยให้แกตัดสินใจเองทั้งหมด พ่อรับรายงานอย่างเดียว แต่แกทำแบบนี้ แล้วจะให้พ่อไว้ใจแกได้ยังไงหาไวย์  แกทำฉิบหายหมดมันต้องมีคนรับผิดชอบ"

"ผมสั่งทำเองครับพ่อ คนอื่นไม่เกี่ยว"

ไวย์พูดเสียงสั่นๆขึ้นมาเพื่อยอมรับความผิดตนเอง แต่ผู้เป็นพ่อไม่สนใจก่อนหันไปมองหน้าลูกสาว และพูดขึ้นมาว่า

"เอาเรื่องนี้พักไว้ก่อน ทีนี้เราจะหาวิธีแก้ไขกันยังไง ให้ออกมาดีที่สุดและกระทบกับชื่อเสียงของเราให้น้อยที่สุด"

"วุ้นคิดไว้แล้วคะ"

"ยังไง"

"วุ้นเตรียมไว้ 3 ทาง คือ 1 เราขอซื้อจากเจ้าของโดยตรงข้อมูลที่วุ้นรู้คือที่ของเค้ามีที่ทั้งหมดประมาณ 16 ไร่เศษๆ เราขอซื้อ 10ไร่ตรงที่เราต้องการ  แต่วุ้นคำนวณแล้วอาจจะต้องจ่าย8 หลักปลายๆ ถึงเก้าหลักคะ"

ผู้เป็นพ่อพยักหน้า แล้วปล่อยให้ลูกสาวพูดต่อ

"2 คือเราทำสัญญาขอเช่าจากเค้า จะ 30-40 ปีก็ได้  แต่เรามีทางเลือกให้เค้าด้วยว่านอกจากค่าเช่าเราจะจ่ายเปอร์เซ็นต์จากกำไรที่เราได้ตรงที่พักบนที่ของเค้าให้ด้วยทุกปี ไม่ก็แบ่งหุ้นให้เค้าคะ  ส่วนวิธีที่ 3 คือคืนให้เค้าพร้อมจ่ายค่าเสียหาย  แต่วุ้นอยากให้เป็นวิธีแรก เพราะที่ตรงนั้นสวยจริงๆ  สร้างบ้านหรือห้องพักหรูๆได้สบายๆ  แต่ตรงที่เราจ่ายเพิ่มเราต้องมาคำนวณกันใหม่ว่าเราจะคืนทุนกันได้กี่ปีเพราะงบมันสูงขึ้นแน่นอน"

"ทุกคนว่ายังไง"

ผู้เป็นประธานในที่ประชุมถามขึ้นมา  ทุกคนในที่ประชุมต่างสนับสนุนแนวคิดของลูกสาวคนโตแต่ติงถึงเรื่องการที่จะขอเช่าและยังจะแบ่งเปอร์เซ็นต์หรือไม่แบ่งหุ้นให้มันไม่น่าถึงขนาดนั้นแต่ก็เงียบไปทันทีเมื่อผู้เป็นประธานบอกมาว่า

"เอาละ เอาละ  ผมเห็นด้วยกับวุ้นที่ต้องจ่ายสูงขนาดนี้  เพราะเหมือนค่าทำขวัญเค้าด้วย ตกลงเอาตามนี้เตรียมหาคนไปเจรจา  แต่เจ้าของที่ชื่ออะไรละ"

พอฝ่ายนิติกรเป็นคนตอบ ทำเอาดิเรกถึงกับหน้าเปลี่ยนสีเมื่อได้ยินชื่อนามสกุลของเจ้าของที่ ก่อนถามย้ำไปอีกครั้ง พอได้ยินรอบที่สอง ตนเองถึงกับเอามือมาเช็ดเหงื่อที่แตกออกมาตรงหน้าผากทันที แต่ถ้าใครสังเกตดีๆเลขาของดิเรกที่ชื่อขวัญก็มีกิริยาใกล้เคียงกับเจ้านายเมื่อได้ยินนามสกุลนี้  เธอไม่ได้ยินนามสกุลนี้มานานแล้วตั้งแต่เธอกลับมาทำงานที่เมืองไทยแต่ก็แข็งใจจดบันทึกการประชุมต่อไป ทั้งที่ๆในใจเริ่มสับสนไปหมดแล้ว  แต่ลูกสาวก็ถามผู้เป็นพ่อด้วยความห่วงใย

"เป็นอะไรหรือเปล่าคะพ่อเอายามั้ยคะ"

ผู้เป็นพ่อส่ายหน้าก่อนถามนิติกรกับ ผจก.ฝ่ายประชาสัมพันธ์อีกครั้งว่า

"ตกลงทางเรายังไม่ใครไปคุยกับเจ้าของหรือลูกชายโดยตรงแบบเป็นทางการใช่ไหม"

"ใช่คะ อย่างที่บัวเรียนคุณเหรกว่า มีแต่คุณอ็อดคะ"

"แล้วคุณอ็อดละตอนนี้อยู่ไหน"

"รออยู่ข้างล่างคะ"

"ไปคุยถึงบ้านเลยหรือเปล่า"

"คะ"

"คุยกับเจ้าของหรือลูกชาย"

"ทั้งเจ้าของทั้งลูกชายคะ"

"คุณอ็อดไปคุยกี่ครั้งแล้ว"

"2 ครั้งคะ พอแกได้เบอร์ติดต่อมาแกก็บินไปหาเอากระเช้าไปให้ถึงบ้านแต่ลูกชายเค้าไม่รับ ครั้งที่ 2 ก็เมื่อวานคะ  แต่ไม่สำเร็จ ทางเค้าเตรียมจะแจ้งความแล้วด้วยคะ คุณอ็อดแกเลยขอร้องไว้ก่อนและบอกว่าไม่เกินวันพรุ่งนี้จะให้คำตอบกับทางเจ้าของคะ"

"บ้านเค้าอยู่ที่ไหน"

"เชียงใหม่คะ นี่คงเป็นอีกเหตุผลนึงที่ไม่ค่อยมาดูที่ เห็นคุณอ็อดว่าลูกชายพึ่งกลับมาจากเมืองนอกด้วย"

ดิเรกเอามือกุมขมับสักครู่พร้อมพึมพำว่า

"มิน่าถึงหาไม่เจอย้ายไปเชียงใหม่กับไปเมืองนอกนี่เอง"

แต่ตนเองนั้นรู้ทันทีว่าเรื่องนี้มันใหญ่เกินกว่าที่คิดเสียเมื่อได้ยินนามสกุลนี้แล้วก่อนจะบอกกับทุกคนว่า

"เอาแบบนี้ เรื่องนี้ผมเป็นคนไปเจรจาเองเพราะมันใหญ่กว่าที่คิด จะที่ไหนก็แล้วแต่ทางนั้นสะดวก จะเชิญมาคุยที่นี่ก็ได้ ออกค่าเครื่องบินให้หมดมีรถรับส่ง ให้พร้อม หรือจะให้ผมบินไปหาก็ได้ เอาให้เร็วที่สุด รายงานต่างๆของเรื่องนี้ต้องมาถึงโต๊ะผมวันนี้ ส่งมาให้ขวัญรวบรวม แล้วเราไวย์"

ผู้เป็นพ่อหันไปหาลูกชายที่นั่งเงียบมาตลอด

"พ่อในฐานะ MD. จะสั่งพักงานแก 15 วัน ห้ามและยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้อีกเป็นอันขาดห้ามเข้าบริษัทตลอด 15 วันนี้ ให้ตัดเงินเดือน 20 % 3เดือน รวมถึงงดโบนัสปีนี้ด้วยพ่อจะให้ฝ่ายบุคคลทำหนังสือแจ้งไปที่แกด้วย ไม่ต้องมาถึง MD.ให้ VP.HR. เซ็นได้เลย ตามนี้เข้าใจไหม"

"ครับพ่อ"

ผู้เป็นลูกตอบรับโดยไม่มีเงื่อนไข และทุกคนรู้ดีว่าคุณดิเรกนั้นเข้มงวดขนาดไหนกับการทำงาน  ขนาดลูกชายยังไม่เว้นก่อนที่ดิเรกจะพูดต่อว่า

"เอาละเท่านี้  ให้คนที่เกี่ยวข้องทิ้งงานทุกอย่างหันมาทำเรื่องนี้ก่อน  แล้วเรียกคุณอ็อดไปหาผมที่ห้องเดี๋ยวนี้"

ก่อนที่จะเดินออกจากห้องโดยไม่สนใจลูกชายที่นั่งก้มหน้านิ่งเพราะรู้ว่าถ้ากลับถึงบ้านจะโดนหนักกว่านี้แน่นอน พี่สาวกับน้องชายสบตากันก่อนที่พี่สาวจะเดินตามพ่อออกไป   ส่วนไวย์นั้นหันไปสบตากับชัยหนุ่มรุ่นพี่ที่เป็นผู้ช่วยตนเอง แต่ก็ไม่พูดอะไร  เพราะทั้งคู่ต่างรู้กันว่าเรื่องนี้เป็นผลงานของทั้งคู่แต่ไวย์นั้นเป็นคนรับไปเต็มๆเพราะเป็นคนสั่งการในเรื่องนี้ด้วยเหตุที่ที่ต้องการผลงานและที่ดินตรงนั้นสวยงามทำให้อยากได้เลยปิดบังความจริงกับผู้เป็นพ่อ    รายงานไปโดยไม่บอกทั้งหมดและใช้อิทธิพลอ้างชื่อของผู้เป็นพ่อในการทำเรื่องนี้โดยที่พ่อไม่รู้เรื่องด้วย  จนความมาแตกในวันนี้เพราะลูกชายเจ้าของที่ดินนั้นจะเอาเรื่องให้ถึงที่สุดเนื่องจากตนเองไม่สามารถเจรจาได้ จนต้องปรึกษาพี่สาวและแจ้งให้ผู้เป็นพ่อทราบทันที

2 วันต่อมาในห้องประชุมขนาดเล็กในโรงแรมหรูแห่งหนึ่งที่ระยอง  ในห้องมีโต๊ะอาหารตั้งอยู่เพียงโต๊ะเดียวเท่านั้น  ดิเรกลงทุนเช่าห้องเพื่อเลี้ยงอาหารและเจรจากับเจ้าของที่ดินโดยเฉพาะ ดิเรกพาลูกสาวมาด้วยพร้อมชัยที่เป็นผู้ช่วยของลูกชาย รวมถึงกำพลที่เป็นนิติกรของบริษัทที่มาเพื่อเตรียมร่างสัญญาในข้อตกลง ที่จะเกิดขึ้น  รวมถึงบัวและขวัญที่มาด้วย และ   อ็อดที่เป็นนายหน้าที่ดินที่เคยเจอทั้งเจ้าของที่ดินและลูกชายดิเรกให้อ็อดเป็นคนนัดเจอกันในวันนี้    ส่วนอีกคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะเป็นชายวัยกลางคนตัดผมสั้นเกรียนสวมแจ็กแก็ตสูททับเสื้ออีกที ซึ่งทุกคนจะเรียกว่า พี่รอดที่ทำหน้าที่เป็นคนสนิทของดิเรกหรืออีกนัยหนึ่งคือบอดี้การ์ดประจำตัว รอดนั้นเคยเป็นทหารมาก่อนที่จะเป็นบอดี้การ์ดให้ดิเรกได้ประมาณ 10 ปีแล้ว ระหว่างที่นั่งรอ ถ้าใครสังเกตดีๆ ดิเรกนั้นจะดูกระสับกระส่าย รวมถึงขวัญที่แอบเหลือบไปทางประตูบ่อยๆ ซึ่งระหว่างนั้นดิเรกได้คุยกับอ็อดด้วยน้ำเสียงแข็งตลอดตั้งแต่เกิดเรื่องขึ้น

"ตกลงเป็นลูกชายเค้าใช่ไหมคุณอ็อดที่จะมาคุยด้วย"

"ใช่ครับท่าน อย่างที่ผมเรียนไปแล้วว่าทางเจ้าของจะให้ลูกชายมาคุย และทางลูกชายเป็นคนนัดเองว่าให้มาคุยวันนี้ครับท่าน"

"อ้อ  แล้วลูกชายเค้าชื่ออะไรนะ"

ดิเรกถามทั้งๆที่รู้อยู่คำตอบอยู่แล้ว

"ชื่อเล่นคุณ มิ่งครับ ชื่อจริงคุณมงคลครับ"

"อืมแล้วรูปร่างเป็นยังไงละ"

"ตัวสูงใหญ่ครับ ล่ำสันมากครับแล้ว เหมือนจะพึ่งกลับจากอเมริกาครับ"

"อ๋อแล้วนิสัยเป็นยังไงมั่งละคุณอ็อด"

คราวนี้ผู้เป็นลูกสาวถามขึ้น

"พูดน้อยครับ แต่เหมือนจะพูดคำไหนคำนั้น ผมพยายามจะประนีประนอมแต่เจ้าตัวก็ไม่ยอมครับ"

"ก็คุณไปร่วมมือกับไอ้ไวย์นี่แล้วเป็นไงละ ทั้งๆที่รู้ว่าผิด"

คราวนี้นายหน้าก้มหน้านิ่ง  เหมือนยอมรับชะตากรรมว่าต่อไปนี้ตัวเองคงจะทำงานร่วมกับตระกูลนี้ไม่ได้อีกแล้วเนื่องจากความผิดในครั้งนี้รวมถึงโดนตำหนิอย่างรุนแรงจากคุณดิเรกเรื่องที่ไม่ยอมบอกว่าลูกชายตนเองได้กระทำการอะไรลงไป ถึงตนเองจะหาวิธีป้องกันไว้แล้ว ว่าต่อให้มีความผิดเจ้าหน้าที่ที่ทำจะเป็นคนผิดฝ่ายเดียวเท่านั้น  เพราะไม่มีหลักฐานอะไรสาวได้ถึงคุณไวย์แน่นอน แต่พอเห็นคุณดิเรกยกนาฬิกาขึ้นมาดู  ตนเองรู้ทันทีว่าอะไร

"ท่านครับ  ผมโทรตามให้ครับ ว่าคุณมิ่งถึงไหนแล้วจวนเวลานัดแล้ว"

พูดจบอ็อดรีบเอาโทรศัพท์โทรหาลูกชายเจ้าของที่ทันที และทุกคนได้ยินอ็อดพูดถึงลานจอดรถแล้วซึ่งแสดงว่ามิ่งมาตรงตามเวลาที่นัดไว้   ก่อนที่จะวางสายและอ็อดรีบขอตัวไปรับมิ่งที่รถ และทันทีที่ร่างผู้ชายสองคนก้าวผ่านประตูเข้ามา สายตาของทุกคนมองไปผู้ชายร่างสูงใหญ่ล่ำสันตัดผมรองทรงสั้น ใบหน้าค่อนข้างคล้ำเหมือนคนทำงานกลางแดด  แต่งกายด้วยกางเกงยีนส์เสื้อเชิ้ตแขนยาวที่พับแขนขึ้นมาถึงข้อศอกและใส่รองเท้าผ้าใบ มีแว่นกันแดดคาดที่หน้าผาก ในมือมีซองเอกสารติดมาด้วย

ขวัญนั้นสายตาเป็นประกายทันทีที่เห็นชายหนุ่มก้าวเข้ามารวมถึงดิเรกที่ซ่อนความดีใจไม่อยู่        อ็อดเดินพาชายหนุ่มมาที่โต๊ะก่อนแนะนำให้ทุกคนรู้จัก  แต่มิ่งแค่พยักหน้าไม่ไหว้ใครเลย   ขวัญนั้นหน้าเสียทันทีที่มิ่งแสดงสีหน้าเรียบเฉยกับเธอ ก่อนที่ทุกคนจะนั่งลง ตาของมิ่งประสานกับตาของดิเรกที่นั่งตรงกันข้ามพร้อมกับสายตาที่ทุกคนดูออกว่าไม่เป็นมิตรเท่าไหร่นัก แต่วุ้นส่งสัญญาณให้ขวัญบอกให้บ๋อยที่ยืนรออยู่เสริฟอาหารทันที  ทุกคนรอให้อาหารเสริฟเสร็จก่อน ขวัญพยักหน้าให้บ๋อยออกไปได้

"เอ่อคุณมิ่งครับอย่างที่ผมบอกไว้คุณท่านจะมาเจรจากับคุณมิ่งเรื่องที่นะครับคือ......"

แต่อ็อดพูดไม่ทันจบ ดิเรกยกมือให้หยุดพูดและตนเองพูดต่อทันทีว่า

"มิ่งสบายดีนะลูก  แล้วแม่เป็นยังไงบ้าง"

ประโยคนี้ทำเอาทุกคน งงทันทีแต่แล้วขวัญที่ นั่งอยู่ไม่ห่างมองหน้าทั้งสองสลับไปมาแล้วเห็นว่าโครงหน้าของดิเรกกับมิ่งนั้นเหมือนกันมาก  ขวัญทำตาโตทันทีแต่ก่อนที่คนอื่นจะเฉลียวใจอะไร  มิ่งพูดออกมาทันทีด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ

"เรื่องวันนี้ผมต้องการคือเอาที่ดินของแม่ผมคืนมา ก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปกว่านี้  ถ้าไม่คืนเรื่องคงจะไปคุยกันในศาลแน่นอน  เพราะถ้าวันนี้ไม่จบผมเตรียมเรื่องไปแจ้งความกับฟ้องศาลแล้ว  ผมไม่สนใจว่าบริษัทคุณจะใหญ่แค่ไหนถึงตอนนี้คุณจะปิดข่าวได้ เพราะอำนาจอะไรก็แล้วแต่  แต่อย่าลืมว่านี่ยุคไหน อย่านึกว่าผมไม่มีวิธีอื่น แค่ผมพิมพ์ลงในเวปก็รู้กันหมดแล้วและผมมีทั้งรูปถ่ายทั้งโฉนดทั้งแผนที่จากดาวเทียมผมเตรียมไว้หมดแล้ว จะมาโกงแบบนี้คงยอมไม่ได้"

"นี่คุณขู่เราหรือไง"

ชัยพูดขึ้นทันทีเพราะไม่ถูกชะตาตั้งแต่เจอวันแรกแล้ว ชัยนึกว่าฝ่ายตนเองถือไพ่เหนือกว่าและคิดดูถูกมิ่งว่า ต่อให้เคยทำงานจากเมืองนอกคงทำงานแบบใช้แรงงานเพราะดูจากลักษณะเหมือนพวกใช้แรงงานมาก

"ใครขู่ใคร  คุณเองนี่ที่พูดตั้งแต่ตอนเจอกันวันแรกว่าคุณเป็นฝ่ายถูก  แต่พอเอาโฉนดมายืนยันคุณหายหน้าไปทันที"

"ชัยผมสั่งให้หุบปาก"

น้ำเสียงที่เด็ดขาดมาจากดิเรกที่พูดโดยไม่หันหน้ามามองหน้าผู้ช่วยลูกชาย แล้วคุยกับมิ่งต่อทันทีโดยเป็นข้อเสนอที่ใครๆก็นึกไม่ถึงแม้กระทั่งลูกสาว

"มิ่ง เอาแบบนี้พ่อคืนที่ให้ ตามนี้นะ พ่อยอมรับผิดในทุกเรื่อง"

"ทุกเรื่องเลยหรือ"

เสียงที่แข็งตอบมาพร้อมสายตาที่ส่อถึงความเกลียดชัง ทำเอาดิเรกนิ่งก่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่ปวดร้าวออกมาว่า

"ใช่ทุกเรื่องแต่ตอนนี้เอาเรื่องนี้ก่อน พ่อจะคืนให้ทันที จะสั่งให้รื้อรั้วที่ล้อมไว้ภายในวันนี้ และจะรีบปรับพื้นที่คืนให้เหมือนเดิมเร็วที่สุด"

"เหมือนเดิม  รู้หรือเปล่าว่ามีอะไรบ้าง"

"ก็เป็นที่ว่างเปล่าไมใช่หรือ"

"ว่างเปล่า"

ชายหนุ่มทวนคำของผู้อาวุโส ก่อนที่จะยิ้มเหยียดๆแล้วหยิบเอาภาพถ่ายขนาด8X10 2-3รูปออกจากซองเอกสาร ก่อนร่อนไปตรงหน้าดิเรก

"เอาดูซะ มันมีอะไรบ้าง จะเอารูปถ่ายทางอากาศไหม มีทั้งบ้านมีทั้งศาลามีบ่อน้ำที่โดนรื้อโดนถมไปหมดแล้ว บ้านนี้เป็นของคุณตาคุณยายปลูกไว้อยู่ตอนมาดูสวนด้วย แล้วบอกได้ว่าไงที่ว่างเปล่า"

ดิเรกหยิบรูปตรงหน้าที่ถูกร่อนมา และเห็นบ้านปูนผสมไม้ 2ชั้น และศาลาริมบ่อน้ำพร้อมต้นไม้นานาพรรณก่อนเหลือบตาไปมองที่อ็อดกับชัยทันที   เพราะทั้งคู่และลูกชายรายงานมาตลอดว่าเป็นที่รกร้างว่างเปล่า พร้อมความรู้สึกที่เจ็บปวดใจที่เพิ่มขึ้นไม่ใช่กิริยาที่ชายหนุ่มแสดงออกมาให้เห็น เพราะตนเองคาดไว้ไม่ผิดและยอมรับกับการกระทำแบบนี้ แต่คำว่าบ้านคุณตาคุณยายมันสร้างความปวดร้าวให้อย่างมาก  ดิเรกถอนหายใจเบาๆก่อนยื่นให้ลูกสาวดูก่อนแล้วถึงโยนรูปไปให้ชัยกับอ็อดดู

"เอางี้ลูก  พ่อขอเวลาสักหน่อยจะทำคืนให้เหมือนเดิมทุกอย่างพ่อสัญญาทั้งบ้านและบ่อน้ำรวมถึงศาลาริมน้ำ ต้นไม้ทุกต้นพ่อจะให้คนทำให้เหมือนเดิม  แต่ค่าเสียหายแล้วแต่ลูกจะเรียกร้องนะ ส่วนการคืนที่พ่อจะขอเวลา 90 วันทำให้เหมือนเดิมมิ่งว่าไงลูก"

"แล้วที่คนของคุณบอกว่าวันเดียวก็ทำได้ นะว่ายังไง"

มิ่งพูดพร้อมมองไปที่ชัยที่ไม่กล้าสบตาเพราะคำพูดนี่ตนเองพูดใส่หน้ามิ่งในวันแรกที่เจอกันตอนมิ่งไปเห็นว่าที่ของแม่ตนถูกล้อมรั้วและชัยพูดว่าถ้าจะคืนให้ไม่ปัญหาวันเดียวก็ทำให้เหมือนเดิมเสร็จ  แต่ดิเรกที่ได้ยินมิ่งเรียกตนเองว่าคุณนั้นทำให้สีหน้ายิ่งซีดขึ้นแต่มองมาที่ชัยด้วยสายตาที่ไม่พอใจอย่างยิ่ง ก่อนจะหันไปบอกมิ่งว่า

"ต่อให้พ่อเกณฑ์คนมาทั้งบริษัท จ้างคนมาเป็นร้อยเป็นพันมันก็ทำไม่ได้หรอกลูกเข้าใจพ่อหน่อยสิ"

"60 วัน"

ดิเรกจึงหันไปปรึกษากับลูกสาวที่ยัง งงๆกับพฤติกรรมของพ่อที่อยู่ดีๆเรียกผู้ชายคนนี้ว่าลูกแต่เธอนึกไปว่าพ่อคงอยากจะให้การเจรจาเป็นไปด้วยดีเลยเรียกว่าลูกแต่อีกฝ่ายทำไมถึงหยาบกระด้างเช่นนี้พร้อมทั้งเรียกกำพลเข้ามาคุย ก่อนจะบอกชายหนุ่มที่สีหน้ายังเรียบเฉยว่า

"โอเคลูก 60 วัน และค่าเสียหายพ่อจ่ายให้35 ล้านนะลูก"

ทำเอาทุกคนถึงกับตกใจกับค่าชดเชยที่ดิเรกเป็นฝ่ายเสนอให้เพราะมันสูงกว่าที่ทุกคนคิด แม้กระทั่งลูกสาว แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรเพราะเห็นว่าพ่อนั้นกำลังเครียดอย่างมาก

"เกินกำหนด 60 วันยังคืนที่และทำให้เหมือนเดิมไม่ได้ คิดค่าปรับวันละ 3แสน"

"ได้ลูกพ่อยอมทำตามข้อเสนอ"

แต่ระหว่างที่ทั้งคู่คุยกัน รอดนั้นสังเกตพฤติกรรมของชายหนุ่มตลอดและยิ่งตอนที่ชายหนุ่มยกแขนขึ้น  รอดเห็นรอยสักที่ท้องแขนของมิ่ง เป็นรูปเลื่อมสลักลายมีรอยประทับสีแดงสดและฟันเลื่อยที่ดูเหมือนกำลังแสยะยิ้มอยู่ พอเห็นรอยสักของมิ่งทำเอารอดถึงกับยิ้มออกมาเล็กน้อยก่อนเหลือบมองไปที่เจ้านาย  แต่แล้ววุ้นที่เงียบมาตลอดก็พูดกับมิ่งด้วยน้ำเสียงที่ไพเราะว่า

"คุณมิ่งไม่ฟังข้อเสนอของเราก่อนหรือคะ เพื่อจะได้มีทางเลือกทางอื่น"

"30 วันเกินกำหนดค่าปรับ 3แสน5"

ชายหนุ่มพูดสวนขึ้นมาทันทีโดยที่หญิงสาวพูดไม่ทันจบประโยคทำเอาวุ้นอ้าปากค้างแต่ถูกพ่อบอกขึ้นมาด้วยน้ำเสียงสั่นๆว่า

"วุ้นหยุดก่อนลูกให้พ่อพูดคนเดียว  มิ่งเวลา 30 วันนะไม่ทางเป็นไปได้ลูก แค่ปรับพื้นที่ก็ใช้เวลาพอสมควรแล้วไหนจะต้นไม้ที่พ่อต้องปลูกชดใช้ด้วยนะลูก  พ่อขอร้องขอเป็น 60 วัน พ่อจะเพิ่มค่าปรับให้เป็นวันละ 5แสนส่วนค่าเสียหายพ่อจ่ายเพิ่มให้เป็น40 ล้าน และพ่อจะให้คนไปดูแลต้นไม้ 1 ปีลูก พ่อกราบขอร้องจริงๆ จะให้พ่อกราบมิ่งจริงๆก็ได้กับความผิดที่ผ่านมาของพ่อ"

น้ำตาของดิเรกเริ่มคลอขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าที่เย็นชาไร้การตอบรับของชายหนุ่ม  ก่อนที่มิ่งจะลุกขึ้นยืนและบอกว่า

"60 วันนับวันพรุ่งนี้เป็นวันแรกสัญญาต้องให้เสร็จภายใน 2 วัน  ผมยังอยู่ที่ระยอง  ถ้ามะรืนนี้ไม่มีสัญญามาเซ็น  ก็ไปคุยกันที่โรงพักพร้อมรับหมายศาลและอีกอย่างไม่ต้องให้คนไปกวนแม่ผมอีกแล้ว  เราอยู่กันอย่างสงบมานานแล้ว อย่านึกว่าจะมีเงินแล้วเอามาฟาดหัวผมกับแม่ได้นะ เงินไม่ว่าจะเป็น พันบาทหรือจะกี่ล้านก็แล้วแต่ผมกับแม่ไม่สนใจหรอกผมจะเอาที่ของตากับยายคืนจำไว้"

พูดจบมิ่งเดินออกไปโดยไม่สบตากับใครแม้กระทั่งขวัญที่พยายามมองมาตลอดส่วนดิเรกยิ่งได้ยินคำพูดโดยเฉพาะคำว่าเงินพันบาทที่ชายหนุ่มจงใจเน้น ทำเอาตัวเองหน้าเสียดวงตามีน้ำคลอ ออกมาให้เห็นอย่างชัดเจนแถมมันเพิ่มความปวดใจให้ตนเองเข้าไปอีก และพอเดินไปไม่กี่ก้าวมิ่งหันมาบอกกับดิเรกด้วยประโยคที่ใครนึกไม่ถึง

"อีกอย่างยังกล้าเรียกตัวเองว่าพ่ออีกหรือ และดูแลคนของคุณให้ดีหน่อยนะเพราะที่ผ่านมามารยาททรามเหลือเกิน"

ชัยที่นั่งฟังมาตลอดและสุดทนกับคำพูดและพฤติกรรมของมิ่ง ถึงกับทนไม่ไหว ลุกจากเก้าอี้และถลันเข้าไปหามิ่งทันพร้อมกับเอามือขยุ้มไปที่คอเสื้ออีกข้างเงื้อจะชก โดยที่ใครๆห้ามไม่ทันพร้อมกับคำพูดว่า

"กูสุดจะทนกับมึงแล้วไอ้มิ่ง"

รอดนั้นวิ่งจะเข้าไปห้ามแต่ไม่ทันและสิ่งที่ทุกคนเห็นแทบจะไม่ทันคือมือของชัยที่ขยุ้มคอเสื้อมิ่งอยู่นั้นถูกปัดออกทันที และก่อนที่กำปั้นของชัยจะไปสัมผัสหน้าของมิ่ง สันมือทั้งสองข้างของมิ่งนั้นไปประกบตรงคอของชัยพร้อมดันขึ้น ทำให้ชัยนั้นขาลอยจากพื้น  จนดิ้นไปมาก่อนที่มิ่งจะปล่อยให้ลงไปนอนกลิ้งกับพื้น และมิ่งตามเข้าไปคร่อมทันทีโดยเอาเข่าข้างหนึ่งกดไปหน้าอกของชัยพร้อมกับมือล้วงไปที่กระเป๋าหลังพร้อมดึงมีดพับสปริงออกมาก่อนจะควงอย่างชำนาญ และกดสปริงดีดใบมีดออกมา พร้อมเงื้อขึ้นแต่ทันใดนั้นขวัญที่อยู่ใกล้ๆวิ่งเข้าไปดึงมือของมิ่งที่เงื้อขึ้นพร้อมกับร้องว่า

"มิ่งอย่าได้ไปรด ขวัญของร้องอย่ามีเรื่อง มิ่งๆๆๆหยุดๆๆนะ ขอร้อง"

เธอพูดขึ้นมาอย่างตกใจพร้อมน้ำตาที่นองหน้า ส่วนรอดนั้นเดินเข้ามาพร้อมกับบอกว่า

"คุณมิ่งครับ พอเถอะครับ  มันคนละชั้นกัน เทียบกันไม่ติดคุณมิ่งก็รู้"

ทุกอย่างมันเกิดขึ้นเร็วมาก จนทุกคนบนโต๊ะทำอะไรไม่ถูก ดิเรกได้แต่นั่งตะลึงและคิดว่าชัยตายแน่นอน  มิ่งกระชากมือออกจากขวัญ โดยไม่หันไปมองก่อนลุกขึ้นควงมีดเพื่อพับใบมีดเก็บเข้าที่เดิมอย่างคนที่ชำนาญ และก้มลงเก็บซองเอกสาร และหันไปบอกกับชัยที่ยังนอนหน้าซีดเผือดเป็นภาษาอังกฤษ ที่แปลเป็นไทยทำนองว่า

"ไอ้ลูกกะหรี่คนละชั้นกันอย่ามาเทียบรุ่น  ไม่อย่างงั้นเอ็งไม่รอดแน่นี่แค่เตือนก่อน"

มิ่งมองมาที่รอดอีกครั้ง  ก่อนที่รอดจะเอ่ยประโยคหนึ่งออกมาเพื่อพูดกับมิ่งโดยตรงที่ทำเอาทุกคนในห้องถึงกับงง ว่า

"The Only Easy Day Was Yesterday"(วันที่ง่ายมีเพียงวันที่เป็นวันวาน)

เป็นครั้งแรกที่ทุกคนเห็นมิ่งยิ้มออกมา และตอบกลับประโยคเดียวกับที่รอดพูดออกมา ก่อนที่ถามว่า

"คุณรอดเคยอยู่หน่วยนี้ของไทยหรือไงครับ"

"เปล่าครับ  แต่ผมเคยอยู่กับพวกที่ป่าหวายของไทยมาก่อนครับ"

"ยินดีที่ได้รู้จักครับ"

"เช่นกันครับคุณมิ่ง"

รอดพูดพร้อมประคองชัยที่ยังหน้าซีดเผือดให้ลุกขึ้นนั่ง แต่ยังไม่วายที่ทำท่าจะปากดี แต่ดิเรกพูดขึ้นมาทันทีว่า

"ชัย หุบปาก ยังไงมิ่งเค้าก็เป็นลูกผม ส่วนความผิดของคุณกลับไปบริษัทแล้วค่อยคุยกัน  มิ่งพ่อขอโทษอีกครั้งกับพฤติกรรมคนของพ่อ"

มิ่งไม่ตอบอะไรเพียงแต่สบตากับรอดและยิ้มให้ก่อนจะเดินออกไป เหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น  แล้วรอดบอกกับชัยแต่ทุกคนได้ยินชัดเจนว่า

"คุณชัย คุณกำลังเล่นกับพญายมนะ ผมเตือนไว้ก่อน เมื่อกี้คุณมิ่งเค้ายั้งมือไว้ ไม่อย่างงั้นคุณตายไปแล้ว  มีดนะเค้าแค่เอามาขู่คุณรู้หรือเปล่า เพราะมือเปล่าคุณมิ่งนะหักคอคุณได้สบายๆ"

"หมายความว่ายังไงพี่รอด"

ชัยที่ลุกขึ้นยืนแต่ยังดูผวากับสิ่งที่พึ่งเกิดขึ้นอยู่รวมถึงอาการเคล็ดขัดยอกที่ลำคอที่เจ้าตัวพึ่งรู้สึก

"คุณมิ่งนะเป็นทหารหน่วยเนวี่ซีลของสหรัฐคุณคงได้ยินนะ ถ้าคุณดูหนังแอ็คชั่นบ่อยๆ"

ชัยพยักหน้าด้วยสีหน้าที่หวาดกลัวแล้วเริ่มเอามือไปลูบคลำที่คอแต่ยังไม่วายถามต่อไปว่า

"แล้วพี่รอดรู้ได้ยังไง"

"รอยสักที่แขนเค้าไงครับ  นี่เค้าแค่สั่งสอนคุณนะ  ถ้าจริงๆแล้วผมว่าคุณเข้าไม่ถึงตัวเค้าหรอกเดชะบุญจริงๆ"

ชัยแทบเข่าอ่อนเมื่อได้ยินแบบนี้พร้อมหลบสายตาของเจ้านายที่มองมา  ก่อนที่ดิเรกจะพยายามสะกดอารมณ์แล้วบอกว่า

"เอาละ เอาละ พอแล้ว กินกันก่อนแล้วค่อยกลับสั่งอาหารมาเยอะ ไม่กินก็เสียดาย มาๆกินกัน ขวัญไปล้างหน้าล้างตาก่อนแล้วค่อยมากินข้าวนะ "


เลขาพยักหน้ารับคำก่อนเดินไปห้องน้ำแล้ว ตัวเองตักอาหารตรงหน้าทันที ทั้งที่จิตใจนั่นปั่นป่วนไปหมดแต่พยายามทำตัวให้เป็นปกติเหมือนไม่เกิดอะไรขึ้น แม้แต่ลูกสาวที่กระซิบถามเรื่องที่บอกว่ามิ่งคือลูก ดิเรกก็ตอบลูกไปว่ากลับไปแล้วค่อยคุยกัน จนทุกอย่างเรียบร้อย ทุกคนต่างไปขึ้นรถ  พ่อกับลูกสาวขึ้นไปนั่งตอนหลังของรถคันหรูโดยรอดไปนั่งข้างคนขับ ส่วนที่เหลือไปขึ้นรถตู้โดยอ๊อดแยกไปที่รถของตนเอง  ระหว่างที่กลับ วุ้นไม่ถามอะไรพ่อมากนักทั้งๆที่มีเรื่องจะถามอยู่มากแต่ผู้เป็นพ่อส่งสายตาเหมือนจะกับว่าให้ไปคุยตอนกลับไปถึง  แต่ดิเรกก็ได้ถามไปยัง คนสนิทว่า

"ไหนรอดว่าไงนะ มิ่งเป็นทหารเรือสหรัฐหรือ"

"ครับท่าน ผมเห็นจากรอยสักที่แขน หน่วยซีลของสหรัฐจะสักลายแบบนี้แทบทุกคนครับ ผมพอจะดูออกครับ ประโยคที่ผมพูดออกมาก็เป็นคำขวัญของหน่วยซีลครับ แถมความจำดีเลิศคุณอ็อดแนะนำแค่หนเดียวคุณมิ่งจำได้หมดทุกคนเรียกชื่อผมถูกทั้งๆที่ทำกิริยาเหมือนไม่สนใจ  แปลว่าได้รับการฝึกมาอย่างดีครับ"

"อืมมิน่า ถึงดูล่ำสันเหลือเกิน"

"ครับท่าน แต่เรื่องที่ท่านให้ผมไปสืบก่อนหน้านี้เวลามันกระชั้นเกินไปเลยหาข้อมูลไม่ทัน แต่แบบนี้คงง่ายขึ้นผมจะลองไปถามเพื่อนๆที่ยังทำงานอยู่ว่า คุณมิ่งเคยมาทำงานในไทยหรือเปล่า เพราะเป็นคนไทยและพูดไทยได้ น่าจะเคยเข้ามาเมืองไทยบ้างครับอาจจะเป็นการฝึกร่วมกับทางเราหรือไม่ก็คุ้มกันบุคคลสำคัญของสหรัฐเพราะคุณมิ่งสื่อสารภาษาไทยได้"

"ก็ลองดู แต่เรื่องนี้ไม่สำคัญเท่าไหร่แต่ผมอยากให้ลองสืบดูว่ามิ่งลาออกจากมาทหารหรือยัง ลองดูนะ ถ้าไม่ได้ก็ไม่เป็นไรเพราะเรื่องนี้มันไกลตัวเรา "

"ครับท่านผมจะพยามยาม"

แล้วโทรศัพท์ของดิเรกก็ดังขึ้น เจ้าตัวหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูก่อนหันไปบอกลูกสาวว่าแม่โทรมา ซึ่งวุ้นได้ยินพ่อพูดว่า คุยได้บางส่วนแต่ต้องทำสัญญาก่อน ไว้ถึงบ้านแล้วค่อยคุย  ก่อนที่ดิเรกจะโทรเข้าบริษัท บอกให้ผจก.ฝ่ายก่อสร้างรอก่อนกำลังเข้าออฟฟิตไปถึงแล้วมีเรื่องด่วนต้องคุยและสั่งให้รื้อรั้วที่ล้อมตรงบริเวณที่ของมิ่งทันที  หลังจากนั้นทั้งรถต่างเงียบไปทั้งหมดแต่วุ้นก็พูดขึ้นมาว่า

"พ่อคะ  คุณขวัญอีกคนที่ดูเหมือนจะรู้จักมิ่งมาก่อน"

"ใช่พ่อไม่ลืมหรอกกลับไปถึงแล้วค่อยคุยกับขวัญอีกที ว่ารู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่"

วุ้นนั้นมีคำถามกับพ่อมากมายแต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ เพราะเห็นผู้เป็นพ่อนั่งเงียบด้วยสีหน้าที่เคร่งเครียด  ส่วนในรถตู้อีกคันที่ขับตามมา บัวที่นั่งข้างๆขวัญตัดสินใจถามเลขาเจ้านายว่า

"ขวัญรู้จักกับคุณมิ่งมาก่อนหรือไง"

หญิงสาวยิ้มแบบเศร้าๆก่อนบอกว่า

"ค่ะ รู้จักกันตอนเรียนที่สหรัฐ เราเรียนคณะเดียวกัน"

"แล้วที่เค้าเป็นทหารคุณขวัญพอรู้หรือเปล่า"

ชัยที่นั่งเงียบมาตลอดเป็นฝ่ายถามขึ้นทันที  เพราะตนเองก็สงสัยเรื่องนี้

"รู้ว่าแค่ไปสมัครคะ  แล้วขวัญก็กลับเมืองไทยก่อนเพราะที่บ้านเรียกให้กลับ"

ชัยนิ่งเงียบไปทันทีเพราะไม่รู้ว่ากลับไปจะเจออะไรบ้าง  ที่ทำไปนั้น ชัยอยากจะโชว์ว่าตนเองกล้าต่อหน้าวุ้น หญิงสาวที่หมายปองมานานแล้วแต่วุ้นไม่เคยสนใจ และยิ่งเจ้านายประกาศว่า มิ่งเป็นลูกอีกคน ทำเอาเจ้าตัวใจไม่ดีเข้าไปใหญ่แต่รู้สึกว่าโชคดีที่มิ่งไม่เอาจริง ไม่อย่างนั้นตัวเองแย่แน่ ชัยยิ่งคิดยิ่งผวาเมื่อนึกถึงตอนที่มิ่งยกเอาสันมือยกตัวเองขึ้น แสดงว่าแรงเยอะมากๆ แถมตอนที่มีดโผล่มาเห็นทำเอาเจ้าตัวผวาไม่หายตอนนี้ได้แต่นั่งนวดคอตัวเองไปตลอดทาง ส่วนบัวก็พยามยามถามขวัญเรื่องที่เจ้านายบอกว่าเป็นลูก ขวัญก็บอกว่าไม่ทราบเพราะมิ่งอยู่กับลุงและป้าที่เป็นคนอเมริกาไม่เคยเอ่ยถึงพ่อ  แต่ทั้งคู่ต่างเห็นตรงกันว่าคุณดิเรกกับมิ่งมีโครงหน้าที่เหมือนกันมาก

พอทุกคนเงียบ ขวัญนึกย้อนไปถึงเรื่องเมื่อ 10 กว่าปีก่อน ตอนที่เธอจบมัธยมใหม่ๆแต่เลือกไปเรียนต่อที่สหรัฐทันที ซึ่งตอนแรกเธอไปนั้นมีปัญหาในเรื่องภาษามากทั้งๆที่ตอนเรียนในเมืองไทยขวัญจัดว่าเก่งเรื่องภาษาพอสมควรแต่พอไปเรียนจริงๆแล้วมันสื่อสารลำบากกว่าที่คาดไว้ และใยช่วงแรกที่เธอไปเรียเธอพยามยามเดินหาตึกที่ไปเรียนเพราะสับสนกับหนทาง และได้มีผู้ชายคนหนึ่งที่ดูเป็นคนเอเชียได้เดินเข้ามาถามเธอเป็นภาษาไทยว่า

"ขอโทษคนไทยหรือเปล่าครับ"

เธอตอบไปด้วยความดีใจเพราะเจอคนชาติเดียวกัน

"ค่ะ คนไทยคะ"

"มีอะไรให้ช่วยหรือเปล่าครับ"

"เอ่อ คือจะไปเรียนนะคะแต่เรียนครั้งแรกยังหาทางไปตึกไม่เจอ"

"วิชาอะไรครับ"

เธอตอบพร้อมยกหนังสือให้ดู ชายหนุ่มยิ้มออกมาและตอบว่า

"ไปด้วยกันครับ  ผมเรียนวิชานี้เหมือนกันครับ  พึ่งมาอยู่ใช่ไหมครับคุณ......"

"ขวัญคะ"

"ผมมิ่งครับ  ยินดีที่ได้รู้จักครับ"

"เช่นกันคะ และขอบคุณนะคะ"

มิ่งยิ้มรับและเดินนำขวัญไปที่ห้องเรียนและจากการพูดคุยทำให้รู้ว่าทั้งคู่เรียนคณะเดียวกัน มิ่งบอกเธอว่าย้ายมาอยู่ที่สหรัฐได้ตั้งแต่ 7 ขวบและมาอยู่กับลุงที่แต่งงานกับหญิงชาวอเมริกัน  มิ่งนั้นช่วยเธอได้เยอะในเรื่องของภาษา จนทำให้เธอพูดคล่องขึ้นและมิ่งเป็นคนไทยคนเดียวที่เธอสนิทที่สุด จนขึ้นปี 2 จากความใกล้ชิดกลายเป็นความสัมพันธ์อันลึกซึ้งที่เธอเต็มใจ ด้วยความที่เข้าวัยสาวเต็มตัว ความเปล่าเปลี่ยวที่ห่างบ้านและความสนิทใจกับผู้ชายคนไทยที่เปรียบเสมือนพี่เลี้ยงเธอ ขวัญได้ย้ายตัวเองมาพักห้องเดียวกับมิ่ง ซึ่งมิ่งในนั้นเหมือนเด็กอเมริกันทั่วๆไปพอเริ่มโตจะแยกมาอยู่คนเดียวและหางานพิเศษทำ  โดยมิ่งไปทำงานพิเศษเป็นลูกมือในร้านอาหารไทยเพราะมิ่งบอกว่าตอนอยู่เมืองไทยเคยช่วยแม่ทำร้านอาหาร  แต่เธอไม่ได้ทำงานอะไรเนื่องจากทางบ้านส่งเงินมาให้ใช้ตลอด แต่เธอกับมิ่งก็อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข มิ่งพาเธอไปบ้านลุงกับป้าหลายครั้ง

ส่วนในเรื่องเซ็กส์นั้น เธอยังจำได้ว่าครั้งแรกของเธอนั้นทำเอาทั้งเจ็บทั้งแสบไปหมด แต่พอผ่านๆไปเธอเริ่มชำนาญ จนมิ่งติดใจลีลาการใช้ปากให้กับเธอ  ทั้งคู่มีเซ็กส์กันแทบตลอด  เหมือนอย่างวันหนึ่งช่วงฤดูร้อนในห้องพักหลังจากที่มิ่งกลับจากทำงานพิเศษเรียบร้อยส่วนเธอเอาผ้าที่ไปซักมาตากที่ระเบียงห้อง แล้วมานอนอ่านหนังสือบนเตียง ส่วนมิ่งไปอาบน้ำและนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวออกมาจากห้องน้ำ ก่อนเดินไปนั่งบนเตียงข้างๆแฟนสาว  แล้วถามว่า

"หิวหรือยัง"

"ยังนะ ขออ่านหนังสือแป็บนึง มิ่งหิวหรือยังละ"

"ไม่เท่าไหร่งั้นขอนอนนิดนึงวันนี้ลูกค้าเยอะ"

มิ่งพูดจบก็ล้มตัวลงนอนข้างๆแฟนสาวทันที ขวัญนั้นอ่านหนังสือไปครู่ใหญ่ก่อนหันมามองร่างของแฟนหนุ่มที่เหมือนจะหลับสนิท โดยยังนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว  สายตาเธอสำรวจไปทั่งร่างของมิ่ง ที่มีความล่ำสันจากการที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และพอสายตากวาดลงไปตรงกลางลำตัว สิ่งหนึ่งนูนออกมาอย่างเห็นได้ชัดภายใต้ผ้าขนหนู ทำเอาขวัญอดใจไม่ไหวเธอเอามือไปลูบคลำอย่างแผ่วเบากับสิ่งที่ทำให้เธอมีความสุขมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง  จนมิ่งนั้นรู้ตัวลืมตาขึ้นมา สายตาทั้งคู่ประสานกัน  มิ่งปลดผ้าเช็ดตัวออกแล้วโยนไปข้างๆเตียง  ขวัญนั้นตาเป็นประกายขึ้นมาทันทีที่เห็นร่างเปลือยของมิ่ง เอาหน้าซุกลงไปตรงอกของมิ่งทันที ส่วนมือนั้นลูบคลำควยของแฟนหนุ่มที่เริ่มแข็งตัวขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง ปากของเธอสัมผัสที่หัวนมของมิ่งพร้อมใช้ลิ้นเลียไปมาทั้งสองข้าง  ก่อนจะเลื่อนตัวเอาปากไปประกบ มิ่งเอามือล้วงเข้าไปในกางเกงของขวัญและลูบคลำสะโพกของเธอไปมา  ก่อนจะฝ่ายหญิงสาวจะลุกขึ้นนั่งแล้วรีบจัดการเสื้อผ้าของตนเองอย่างรวดเร็ว พอร่างกายเปลือยเปล่าแล้ว  ขวัญเอาหน้าอกที่ขนาดพอดีกับตัวเองมาจ่อที่ปากมิ่งทันที

มิ่งสนองตอบแฟนสาวตามความต้องการ ดูดสลับหัวนมสีทับทิมที่เริ่มบานขยายไปมา ส่วน มือลูบคลำสะโพกที่งอนงาม จนขวัญเลื่อนตัวขึ้นไปอีก  พอโคกหีอันสมตัวจ่อที่ปากมิ่ง ที่เจ้าตัวเอามือสองข้างมาโอบประคองที่เอวของหญิงสาวก่อนจะเอาลิ้นเลียโคกหีที่ชุ่มฉ่ำ ขวัญครางออกมาไม่เป็นภาษาทันที ที่ลิ้นของมิ่งกวาดเข้าไปในโพรงหีของเธอเป็นอีกจุดหนึ่งที่ขวัญเจอเข้าไปทีไรเธอมักจะครางแบบลืมตัวทุกครั้งเพราะมันสร้างความเสียวให้กับเธอได้อย่างดีทุกครั้ง  ใบหน้าของขวัญแหงนขึ้นดวงตาหลับพริ้มพร้อมสีหน้าที่ดูออกว่าเสียวเป็นอย่างยิ่ง

"ดีคะที่รัก โอ้ว มิ่งขาดีคะซี๊ด โอ่วๆๆๆๆๆ"

แต่เธอก็เป็นฝ่ายดึงตัวออกมาก่อนที่ลิ้นของมิ่งจะพาเธอไปถึงจุดหมายซะก่อน ขวัญอยากยืดเกมส์รักครั้งนี้ออกไปให้นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ ขวัญเลื่อนตัวลงมาด้านล่างเอาปากจูบกับมิ่งอีกครั้งก่อนจะเลื่อนไปที่หัวนมอีกครั้ง และเลื่อนลงไปตรงเป้าหมายที่เธอต้องการ  ควยของมิ่งนั้นผงาดเต็มที่ ขวัญเริ่มเอาลิ่นเลียไปทั่ว ก่อนเอาปากครอบ  ครั้งนี้เป็นฝ่ายมิ่งที่ครางขึ้นมาบ้าง  ขวัญใช้ปากได้เก่งมากมันมาจากการดูหนังและลองของจริงกับควยของมิ่งจนชำนาญ มิ่งเอามือไปลูบคลำนมของแฟนสาวไปด้วยพร้อมกับครางไม่หยุด จนขวัญที่ทนไม่ไหวเช่นกัน เธอหยุดใช้ปากก่อนจะมานั่งคร่อมบนตัวมิ่งแล้วจับควยของมิ่งมาจ่อที่รูหีเธอแล้วหย่อนตัวลงไปจนสุดก่อนขย่มตัวอย่างช้าๆ  มิ่งลุกขึ้นนั่งเอามือจับเอวแฟนสาวที่กำลังขย่มตัวและส่งเสียงครวญคราง  บางครั้งมิ่งเอาหน้าไปซุกที่นมของขวัญและดูดสลับไปมาด้วย แต่ขวัญก็ขย่มไม่หยุดจนเร่งจังหวะแรงขึ้นเป็นการส่งสัญญาณไปยังมิ่งว่าตัวเองจวนจะถึงจุดหมายแล้วแล้วพร้อมเอามือไปบีบที่ไหล่ของมิ่งทั้งสองข้างก่อนที่มิ่งจะเด้งตัวสวนขึ้นไปพร้อมกับการกระเด้าลงมาของขวัญแล้วมิ่งปล่อยน้ำรักออกมาพร้อมกับการตอดรัดภายในของขวัญ  มิ่งเอาหน้าไปซบที่ทรวงอกของขวัญพร้อมหายใจแรงๆขวัญก็เช่นกัน  ต่อจากนั้นทั้งคู่ต่างล้มตัวลงไปนอนกอดกันบนเตียง

จนมิ่งพาเธอไปล้างตัวและแต่งตัวมาทานอาหารเย็นที่มิ่งซื้อเข้ามาวันนี้มิ่งซื้อเบียร์มาด้วยเพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุดเลยกินได้ตามสบาย จนทั้งคู่ต่างมึนๆทั้งคู่เพราะดื่มไปเยอะพอสมควร  มิ่งอุ้มขวัญที่แทบจะไม่สติมานอนที่เตียงและตัวนอนข้างๆ จนขวัญพลิกตัวไปนอนคว่ำ เป็นจังหวะที่มิ่งเอามือกวาดไปโดนก้นแฟนสาวพอดี  มิ่งเลยถือโอกาสลูบคลำไปมา ก่อนจะล้วงเข้าไปจับเนื้อแท้ๆ  ขวัญเป็นคนที่มีสะโพกสวยจริงๆ จนมิ่งเกิดอารมณ์ขึ้นมาอีกครั้ง มิ่งจัดการถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมดรวมถึงเสื้อผ้าของขวัญที่นอนอยู่ด้วย มิ่งเริ่มหอมแก้วของเธอ ขวัญในตอนนั้นยังครึ่งหลับครึ่งตื่นเพราะฤทธิ์เบียร์ตะแคงหน้ามารับการจูบของมิ่ง ก่อนที่ มิ่งจะเริ่มพรมจูบไปตามแผ่นหลังที่ขาวสะอาด แล้วเลื่อนไปตรงก้นที่งอนงาม มิ่งกับไปเบาๆ  ขวัญเผลอตัวครางออกมาเบาๆ  เธอเริ่มรู้สึกตัว พอมิ่งซุกหน้าไปตรงร่องก้น  ขวัญเผลอตัวยกก้นให้สูงขึ้นทันที  เพราะเธอรู้ว่ามิ่งเลียหีให้เธอมาหลายครั้งในท่านี้ มิ่งสนองความต้องการของเธอทันที  ขวัญถึงกับส่ายก้นไปมาเมื่อเจอพิษสงลิ้นของมิ่งอีกครั้ง เธอยิ่งยกก้นสูงขึ้นกว่าเดิมเพื่อให้แฟนหนุ่มเลียให้เธอได้สะดวกยิ่งขึ้น

แต่อาจเป็นเพราะในฤทธิ์ของเบียร์ที่ทั้งคู่ดื่มเข้าไปมาก  ทำให้มิ่งอยากลองรักเส้นทางใหม่ยิ่งเห็นสะโพกที่ขาวงอนของแฟนสาวอยู่ตรงหน้า  มิ่งหยุดเลียทันทีก่อนจะเปลี่ยนมาประกบด้านหลังของขวัญ  ตอนแรกขวัญนึกว่าเธอจะโดนมิ่งจับเย็ดในท่าด็อกกี้ แต่ผิดคาดมิ่งเอานิ้วล้วงเข้าไปในรูที่เต็มไปด้วยความแฉะและเอามาทารอบรูก้นเธอ ก่อนที่มิ่งจะจัดท่าให้ถนัดและบอกเธอว่า

"ที่รักขอลองเส้นทางใหม่นะ"

ก่อนที่ขวัญจะตอบว่าอะไรมิ่งดันควยเข้าไปในรูก้นเธอทันที ทำเอาเธอร้องลั่นมันเจ็บกว่าครั้งแรกที่เธอเสียความสาวให้กับมิ่งเสียอีก แต่มิ่งนั้นจับเอวเธอไว้แน่นขวัญจะดิ้นหนีก็ไม่ได้ เธอได้แต่ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดและบอกให้มิ่งหยุด แต่มิ่งนั้นกัดฟันเดินหน้าดันเข้าไปจนสุด เพราะช่องทางใหม่นี้มันทั้งแคบและฟิตเป็นอย่างมาก อีกอย่างเป็นเพราะความอยากลองบวกกับฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ด้วย หลังจากนั้นมิ่งเริ่มกระเด้าปากส่งเสียงบอกแฟนสาวว่า

"ทนหน่อยนะขวัญมิ่งอยากลองแบบใหม่บ้าง"

พร้อมกับเอานิ้วล้วงเข้าไปในรูหีของแฟนสาวสลับกับเขี่ยที่เม็ดแตด ทำเอาขวัญบรรเทาอาการเจ็บไปได้บ้างโดยมีความเสียวเข้ามาแทนที่และด้วยความมึนเมาจากฤทธิ์ของเบียร์ หลังจากที่มิ่งกระเด้าทางประตูหลังเธอได้สักพัก  ขวัญเริ่มเด้งรับเหมือนทุกครั้งและเสียงร้องอย่างเจ็บปวดกลายเป็นเสียงครางด้วยความเสียวแทน

"มิ่ง เบาๆหน่อยอูวซี๊ดดดดดด  มิ่งขาอย่าบี้เม็ดขวัญเสียวโอ้วววววว"

จนเธอครางไม่เป็นภาษาเมื่อแฟนหนุ่มยิ่งเร่งมือในล้วงเข้าไปในรูหีพร้อมเร่งจังหวะการกระเด้าประตูหลังเธอจนมิ่งปล่อยน้ำรักเข้าสู่ด้านหลังของเธอ ไล่ๆกับอาการตอดรัดพร้อมอาการเกร็งของเธอ มิ่งผละออกจากตัวเธอแล้วมานอนบนเตียงพร้อมดึงเธอเข้ามากอด

"คนบ้าเค้าเจ็บ"

ขวัญบอกพร้อมซุกหน้าลงไปที่ไหล่ของมิ่ง

"นิดนึงน่า ลองของใหม่บ้าง"

"มันเจ็บนี่ไม่เอาและนะแบบนี้"

"ไม่รู้ไม่สนใจ"

ขวัญหยิกมิ่งแรงๆที่เอวก่อนกอดชายหนุ่มแน่นแล้วหลับไปด้วยความอ่อนเพลียของทั้งคู่ หลังจากนั้นชีวิตเซ็กส์ของทั้งคู่ก็มีรสชาติเพิ่มขึ้น  เพราะช่องทางรักใหม่มันกลายเป็นช่องทางที่เพิ่มความเสียวให้กับขวัญเป็นอย่างยิ่ง ขวัญนั่งนึกถึงอดีตอันสดชื่น  แต่ทำไมวันนี้มิ่งเปลี่ยนไปมากทั้งสีหน้าและแววตา  เธอพอจะรู้ว่ามิ่งคงโกรธเธอไม่หายในสิ่งที่เธอเคยทำไว้กับมิ่งแต่อย่างน้อยมิ่งน่าจะแสดงว่าเคยรู้จักเธอมาบ้างแต่นี่ไม่ใช่เลยมิ่งทำเหมือนไม่รู้จักเธอ ไม่สบตาเธอสักครั้งแม้กระทั่งตอนที่เกิดเรื่องที่เธอไปดึงมือชายหนุ่มมิ่งก็ไม่หันมามองเธอ ยิ่งคิดเธอยิ่งเสียใจ
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: cd13579 เมื่อ มกราคม 31, 2017, 06:54:10 หลังเที่ยง
แค่เห็นคติผมนี้กุมขมับกับไอ้ชัยเลย เหยียบตีนซีลไม่จบแค่เจ็บตัวเผลอๆมีตาย เรื่องราวซับซ้อนมีมิติเช่นเคยนะท่าน




................................................

ใครจะอ่านผลงานทุกตอนในห้องนี้ ถ้าทำตามกติกา-เงื่อนไขนี้ไม่ได้ แล้วรีพลายมักง่ายผ่านไปที หรือ รีพลาย ขอบคุณครับ,ขอบคุณ,
ขอบคุณค่ะ,ติดตามครับ,สนุกมากครับ,ติดตามต่อ.
อะไรประมาณนี้ จะแบนเลยนะ ขอบคุณมากๆครับ ก็ไม่ต้อง thank,
thank you,thx
ขี้หมาหลายแหล เหล่านี้ก็อย่าให้เห็น จัดรูดแบนไปยาวๆถ้าเจอ นี่เป็นข้อตกลงไว่ก่อนอ่านระหว่างเจ้าของงาน กับสมาชิก ::Angry::
ถ้า รีพลายผิดเงื่อนไขมาหรือ โชว์พาล์วอยู่มานาน โชว์เก๋า โชว์สด โชว์เกรียน ทำมึนลองมาจะแบนเลย เพื่อสมาชิกอีกส่วนที่พร้อมทำตามกติกา
::Cheeky:: เพราะไม่เช่นนั้น รีพลายคุณอาจทำให้ สมาชิกที่ปฏิบัติตามพลอยอดอ่านไปด้วย ฉะนั้นไม่แน่ใจ อย่าพิมพ์เอามักง่ายมั่วๆ..
ถ้าคิดว่า กฏนี้มันยากก็ไปหาที่อื่นเสพนะ อย่าเข้ามาใช้มาอ่านงานที่ห้องนี้ อ๋อ ใครโดน pm เตือนถ้ายังมึนจะแบนจาก 6 เดือนเป็น 1 ปี. .


กฎที่วางนี่ไม่ได้เขียนเอา ฮา เนอะ แบนจริงใครอยู่นานแล้วคงรู้จัก แว่น ดี..คิดว่า ฉัน
แบนจริงหรือเตือนเอาสนุกเล่นๆ..อย่าๆลอง เดี๋ยวจะเสียความรู้สึกด้วยรีพลายคุณเอง
ทำตามเงื่อนไข ยากอะไร หรือ จะโชว์เกรียน..เตือน,ขอร้อง,ขอความร่วมมือ
แล้วเมื่อไม่รักษาสิทธิ์-ประโยชน์คุณเอง ก็แบนไปใช้เวปอื่น.
.


................................................................................................................
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: ultrasonic เมื่อ มกราคม 31, 2017, 07:02:33 หลังเที่ยง
พร็อดเรื่องน่าติดตามครับ
ผูกปมไว้ดีมากเลย  ::KO::
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: nothinghill เมื่อ มกราคม 31, 2017, 08:02:18 หลังเที่ยง
หืม  กล้ากับซีลเลยเหรอ
ไม่รู้ว่าคุณมิ่งจบ ซีลไทย ด้วยรึเปล่านะ ถ้าจบซีลไทยด้วยนี่ แม่งไม่ใช่คนละ  (พิ้นที่หนาวก็ลุยได้ ร้อนก็ลุยได้)
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: sthanya เมื่อ มกราคม 31, 2017, 08:52:57 หลังเที่ยง
ดุเดือด เข้มข้น ดราม่า ครบรส ยาว ๆ ไปครับ เรื่องนี้
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: micky เมื่อ มกราคม 31, 2017, 09:38:53 หลังเที่ยง
ขอบคุณครับ เนื้อเรื่องฉีกแนวไปเลยครับ มีฉากตื่นเต้น รอติดตามตอนต่อไป
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: waveviviann เมื่อ มกราคม 31, 2017, 09:48:12 หลังเที่ยง
ขวัญทำอะไรไว้กับมิ่งบ้าง ถึงขนาดเจอหน้ายังไม่ยากทัก 
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: biggiggog เมื่อ มกราคม 31, 2017, 10:03:55 หลังเที่ยง
ท่าทางจะดราม่าเข้มข้นเลยนะเนี่ย
เลยเข้าใจเลยว่าทำไมตั้งชื่อเรื่องแบบนี้
::Punch::
ขอบคุณมากๆครับ
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: ff2551 เมื่อ มกราคม 31, 2017, 11:11:23 หลังเที่ยง
ขึ้นต้นเรื่องได้น่าสนใจมากครับ อยากให้เป็นเรื่องยาว ๆ ไปเลยครับ
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: fantastica เมื่อ มกราคม 31, 2017, 11:53:11 หลังเที่ยง
เรื่องราวมีปม ให้นักอ่านอย่างเราได้คิด วิเคราะห์ ติดตามอีกแล้ว
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: tantawanjames เมื่อ มกราคม 31, 2017, 11:57:48 หลังเที่ยง
เรื่องราวน่าจะซับซ้อนน่าดู รอติดตามครับ
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: naitoom เมื่อ มกราคม 31, 2017, 11:58:44 หลังเที่ยง
เรื่องเริ่มต้นมาดีครับ ถ้าไม่มีบทXท้ายเรื่อง ผมต้องบอกว่าเป็นเรื่องดราม่าแน่ๆ
สนุกครับ เรื่องซับซ้อนน่าติดตามครับ
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: lunla เมื่อ กุมภาพันธ์ 01, 2017, 12:13:15 ก่อนเที่ยง
ลงชื่อติดตามไว้ก่อนครับ เปิดมาสามรอบอ่านไม่จบสักที มีเหตุให้สะดุด

พระเอกเราน่าจะเป็นสตีเว่น ซีกัลเมืองไทย
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: sofee เมื่อ กุมภาพันธ์ 01, 2017, 01:31:44 ก่อนเที่ยง
อ่านเพลินเลยครับ
ผูกเรื่องดีมากๆ ถึงไม่มีฉาก sex ก็ตาม
รอติดตามตอนต่อไปนะครับ
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: ppeak เมื่อ กุมภาพันธ์ 01, 2017, 04:07:10 ก่อนเที่ยง
แค่เปิดเรื่องก็ดราม่าเข้มข้นน่าติดตามมากครับ ทั้งเรื่องครอบครัวและเรื่องความรัก นายมิ่งน่าจะเจ็บมาเยอะถึงได้นิ่งเย็นชาขนาดนี้
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: swss2511 เมื่อ กุมภาพันธ์ 01, 2017, 06:17:18 ก่อนเที่ยง
ความหลังฝังใจจะทำให้เรื่องนี้หยุดยาก จะทำให้ทุกคนเจ็บปวดและทรมาณใจ
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: oit758 เมื่อ กุมภาพันธ์ 01, 2017, 06:28:59 ก่อนเที่ยง
 เริ่มต้นดำเนินเรื่องได้น่าสนใจมากครับ ลูกชายอีกคนน่าจะไม่พอใจแน่ๆ เปิดมาตอนแรกก็ดราม่ายาวซะแล้ว ขอบคุณมากครับ
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: whizper เมื่อ กุมภาพันธ์ 01, 2017, 06:30:41 ก่อนเที่ยง
มีทั้งดราม่า ทั้งบู๊ แถมพร๊อตเรื่องก็น่าสนุก ขอบคุณที่แต่งมาให้อ่านกัน รอติดตามตอนต่อๆไปอยู่ครับ
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: olemantu เมื่อ กุมภาพันธ์ 01, 2017, 08:29:28 ก่อนเที่ยง
ไม่ได้คิดว่าเป็นแนว แอคชั่นหรือดราม่า สักเท่าไรหรอก  เพราะอย่างไรเรื่องสนุก ๆนี้ก็อยุ่ในบอร์ดเสียว
แต่คิดว่าความซับซ้อนต่ง ๆคงมาจากเรื่องเสียวของแต่ละคนเป็นเหตุเท่านั้น  สนุกชวนให้ติดตามมาก ๆ ครับ
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: huangdi เมื่อ กุมภาพันธ์ 01, 2017, 09:57:58 ก่อนเที่ยง
เรื่องราวน่าติดตามมากครับ แค่ตอนแรกเท่านั้นยังสนุกขนาดนี้ รอตอนต่อไปใจจดใจจ่อเลยครับ

ขอบคุณมากครับ
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: tetete เมื่อ กุมภาพันธ์ 01, 2017, 11:03:20 ก่อนเที่ยง
มาเป็นแนวดราม่าน่าติดตามมากครับ พระเอกอยู่หน่วยซีลด้วยอาจจะมีฉากบู๊ตามมาด้วยก็ได้นะครับ
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: sstk012 เมื่อ กุมภาพันธ์ 01, 2017, 11:03:29 ก่อนเที่ยง
เป็นอีกเรื่องที่น่าติดตามครับ มาเต็มทุกรสชาด ทั้งดราม่าผสมกับความเข้มข้น มีเบื้องหลังของตัวละคนหลายตัวที่น่าติดตาม สนุกมากครับ เป็นกำลังใจให้กับผู้เขียนครับ
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: tanavong เมื่อ กุมภาพันธ์ 01, 2017, 11:08:30 ก่อนเที่ยง
เรื่องราวทำให้อินตามไปด้วยเลยครับ
แถมยังมีความลับซ่อนอยู่ในเรื่องดูแล้วไม่น้อยเลยครับ
แสดงถึงความตั้งใจอยางมากของผู้แตงเลยทีเดียว
ขอบคุณครับ
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: biochem เมื่อ กุมภาพันธ์ 01, 2017, 12:14:58 หลังเที่ยง
ขอบคุณมากครับ

ครบรส รายละเอียดมาเต็ม เนื้อเรื่องกระชับ

สมกับที่แฟนคลับอย่างผมรอมาตลอด
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: phaii เมื่อ กุมภาพันธ์ 01, 2017, 12:23:53 หลังเที่ยง
ผูกเรื่องได้ดีมากครับ น่าติดตามอย่างยิ่ง
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: pinmonkey เมื่อ กุมภาพันธ์ 01, 2017, 01:29:04 หลังเที่ยง
พ่อผิดไปแล้วมิ่ง คงเป็นความคิดของคุณเหรกนะครับ แต่ว่าถึงจะอย่างไรพ่อก็คือผู้ให้กำเนิดอยู่ดี คิดว่าความกตัญญูต้องมาก่อนนะครับสำหรับคนไทยเรา และการให้อภัยเป็นสิ่งที่งดงามที่สุดในยุคสมัยนี้นะครับ ส่วนน้องขวัญนั้นก็น่าติดตามว่ามีเหตุอะไรทำให้ทั้งสองต้องแยกกันซึ่งน่าจะมีทาง "ถ่านไฟเก่าคุโชน" นะครับ ขอบคุณมากครับ
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: therasak เมื่อ กุมภาพันธ์ 01, 2017, 01:38:02 หลังเที่ยง
รักมากแค้นมาก งานนี้่แค้นหลายเด้งเลย ทั้งพ่อ ทั้งแฟน คงวุ่นวายพัลวันกว่าจะสะสางกันได้ เอาใจช่วยคนเขียนครับ
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: kuniine เมื่อ กุมภาพันธ์ 01, 2017, 01:51:16 หลังเที่ยง
เนื่้อเรื่องน่าติดตามครับ อยากรู้จังว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วนายมิ่งจะได้ฟาดสาวไหนเป็นรายต่อไป
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: sutawee banbangbua เมื่อ กุมภาพันธ์ 01, 2017, 02:20:18 หลังเที่ยง
พระเอกมีแค้นที่ต้องชำแหละ อีกแล้ว
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: 0915666141 เมื่อ กุมภาพันธ์ 01, 2017, 03:01:27 หลังเที่ยง
ยังคงรักษาแนวการเขียนไว้ได้เหมือนเดิม แตกต่างตรงเนื้อหายังน่าสนใจมากๆ
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: suratad เมื่อ กุมภาพันธ์ 01, 2017, 03:52:49 หลังเที่ยง
เรื่องยาว สนุกมากๆครับ แถมตบท้ายด้วยบทเสียว ชอบมากๆครับผม
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: pitsanume เมื่อ กุมภาพันธ์ 01, 2017, 04:37:34 หลังเที่ยง
ขอบคุณครับ เป็นการเริ่มเรื่องที่สนุกมากครับ มีครบทุกอย่าง น่าติดตามมากครับว่าเรื่องมันเริ่มต้นอย่างไร แล้วจะจบอย่างไร

รอติดตามครับ ว่าแล้วจะเป็นอย่างไรต่อไป เป็นกำลังใจให้ผู้ประพันธ์ครับ
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: elviswhat เมื่อ กุมภาพันธ์ 01, 2017, 06:14:52 หลังเที่ยง
เปิดหัวเรื่องมาได้น่าอ่านมาก ๆ ครับ ชัยนี่สมควรโดนจริง ๆ เล่นกับใครไม่เล่นมาเล่นกับเนวีซีล
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: donki เมื่อ กุมภาพันธ์ 01, 2017, 06:37:58 หลังเที่ยง
ยอดเยี่ยมครับ ยินดีที่ได้อ่านผลงานใหม่
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: dwarf เมื่อ กุมภาพันธ์ 01, 2017, 08:25:44 หลังเที่ยง
ขอบคุณครับ...พล็อตเรื่องเดินแนว..พ่อทิ้งแม่กับลูกไป..จนสร้างความเกลียดชังในใจของตัวลูก..พ่อเริ่มสำนึกอย่าแก้ตัว..แต่จะสร้างความผิดนั้นได้อย่างไร...น่าติดตามครับ
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: tacklove เมื่อ กุมภาพันธ์ 01, 2017, 09:51:43 หลังเที่ยง
คุณดิเรกกล้าทุ่มขนาดนี้ น่าจะมีอะไรอยู่ลึกๆเป็นแน่ มิ่งนายสุดยอดไปเลย หน่วยซีลเชียวเนอะ
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: swbkk เมื่อ กุมภาพันธ์ 02, 2017, 04:40:57 หลังเที่ยง
แค่ชื่อช้ันผู้แต่งก็ประกันคุณภาพอยู่แล้ว  เรื่องสนุกน่าติดตาม ซับซ้อนนิดๆพอให้อยากตามอ่านต่อ การบรรยายฉากและตัวบุคคลเยี่ยมยอด ฉากอีโรติคก็แทรกอยู่อย่างพอดี ที่อยากชมที่สุดคือตัวสะกดการันต์ การเว้นวรรคตอน ประโยคสนทนา ต้องมีการทบทวนและตรวจเช็คอย่างดีแน่ก่อนจะปล่อยงานออกมา ทุกอย่างขอยกนิ้วให้ท่านผู้แต่งครับ.........
มีข้อตินิดเดียว...........คนอ่านติดซะแล้ว   อยากอ่านต่อครับ 5 5 5 ::Thankyou::
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: someday เมื่อ กุมภาพันธ์ 02, 2017, 11:30:42 หลังเที่ยง
มิ่งเป็นลูกแท้ๆของดิเรกใช่มั๊ยนี่ เหมือนจะใช่เลย แต่สงสัยจะแค้นดิเรกที่ทิ้งแม่ไป รึว่าเลิกกันตอนเด็กเกินจำพ่อได้ รึแค่แค้นเรื่องที่ ::Hmmm::
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: sunnie06 เมื่อ กุมภาพันธ์ 03, 2017, 12:32:15 ก่อนเที่ยง
เรื่องราวเข้มข้นเหมือนเดิมครับ ชอบมาก
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: kabyala เมื่อ กุมภาพันธ์ 04, 2017, 12:29:14 หลังเที่ยง
อย่าไปว่าชัยมันเลย คนอยากจะแสดงตัวเป้นพระเอกหน้านาง ผมว่าหลายๆคนก็คงจะเป้นแบบนี้ เนื้อเรื่องผุกได้สวยครับชวนให้แกะไม่ว่าตัวพ่อจะเคยปูกปมใว้ยังไงแถมสาวที่กลับไทยโดยที่อาจจะมีอะไรทำให้มิ่งต้องตกอยู่ในปนนั้นผุกใจแค้นหรือเจ้บปวดใว้ คงต้องแกะไปทีละปมละครับ ขอบคุณครับ
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: txxt30 เมื่อ กุมภาพันธ์ 05, 2017, 07:37:44 ก่อนเที่ยง
ชอบอ่านแนวนี้เหมือนกันครับ  เขียนมาเรื่อยๆ นะครับ
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: ponggunyuki2527 เมื่อ กุมภาพันธ์ 06, 2017, 10:54:31 หลังเที่ยง
ชื่อเรื่องดี เปิดเรื่องมาได้น่าสนใจมากครับ เป็นอีกเรื่องที่ผมจะยกป้ายไฟเชียร์และติดตามครับ มาเร็วๆๆนะครับ ผมรออยู่
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: gumpxxxx เมื่อ กุมภาพันธ์ 07, 2017, 11:17:58 ก่อนเที่ยง
เปิดเรื่องมาได้สนุกมากครับ มีปมขัดแย้ง มีปมเฉือนคม  และน่าจะมีชิงรักหักสวาท

ตอนนี้เปิดมาแล้วคือ มิ่งกับขวัญ และจะมี มิ่ง กับวุ้นมั๊ย ถ้ามีนี่ถือเป็นเซ็กซ์ระหว่างพี่น้องกันเลยเชียว
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: twintower เมื่อ กุมภาพันธ์ 07, 2017, 11:29:30 ก่อนเที่ยง
 gumpxxxx  ไม่มีทางมีครับ  เพราะผมไม่ชอบแนวแบบนี้
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: somc217 เมื่อ กุมภาพันธ์ 08, 2017, 01:45:21 หลังเที่ยง
เรื่องสนุกน่าติดตามมาก
เริ่มต้นมาแบบที่ไม่สามารถคาดเดาเรื่องได้เลย
ชอบครับ
ขอบคุณมาก
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: hanabombam เมื่อ กุมภาพันธ์ 09, 2017, 06:37:01 ก่อนเที่ยง
พระเอกอยู่ทีมซีลซะด้วย เรื่องนี้สนุกครบรสจริงๆ ทิ้งปมให้คาใจหลายเรื่อง เช่นเรื่องขวัญ เรื่องคุณดิเรก เป็นต้น ทำให้อยากอ่านตอนต่อไปไวๆ ขอบคุณสำหรับผลงานดีๆ ครับ
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: e20pat เมื่อ กุมภาพันธ์ 11, 2017, 07:26:29 หลังเที่ยง
ขอบคุณครับ
เนื้อเรื่องน่าติดตาม อ่านเพลินเลยครับ
น่าติดตามมาก
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: exelier เมื่อ กุมภาพันธ์ 13, 2017, 12:45:04 หลังเที่ยง
แหม่ ออกแนวล้างแค้นให้แม่นะครับ จะได้ลูกสาวที่เป็นลูกพี่ลูกน้องมั้ยนะ
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: wattana2015 เมื่อ กุมภาพันธ์ 24, 2017, 09:18:07 หลังเที่ยง
เป็นนิยายที่ครบเครื่องจริงๆครับเรื่องนี้  ผมขอชื่นชมอย่างมากเลยครับ  เข้มข้นได้อารมณ์สุดๆ  ชอบจังแนวนี้   ::Fighto::
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: spr566 เมื่อ มีนาคม 09, 2017, 12:03:12 หลังเที่ยง
คราวแรกงง ๆกับซีล ที่แท้คือหน่วยจู่โจมใต้นำ้นะ่เอง
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: dawdom เมื่อ มิถุนายน 16, 2019, 06:18:00 หลังเที่ยง
เรื่องน่าติดตามมากครับ มีจัดประตูหลังกันด้วยนะเนี่ย
ชื่อ: Re: ทิฐิหรือความเกลียด 1
โดย: hanabombam เมื่อ กันยายน 07, 2020, 08:58:47 หลังเที่ยง
ขวัญต้องทำให้มิ่งเจ็บมากแน่ๆ ถึงไม่คิดจะมองหน้าขวัญเลย