ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Nudist diary 3 / อูติก้านู้ดคลับ แคนซัส

เริ่มโดย footswitch, กรกฎาคม 09, 2023, 03:38:14 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

footswitch

ตอนที่2 https://xonly8.com/index.php?topic=265758.msg2683581#msg2683581




เคยออกตัวว่าทำงานเกี่ยวกับการออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ด้านประกันภัย ทำอย่างไรให้ผู้บริโภครู้สึกคุ้มค่าโดยที่บริษัทยังมีกำไร ความได้เปรียบเสียเปรียบบนกลยุทธ์เงื่อนไขของเวลาที่ต่างกัน ไม่มีหรอกคำว่า วินวิน ดูจากความโอฬารโอ่อ่าหรูหราของตึกอาคารสำนักงานใหญ่สูงหลายสิบชั้นใจกลางเมืองหลวงแห่งนี้ก็พอจะรู้ว่าใครคือผู้ชนะที่แท้จริงบนเกมการตลาดที่แข๋งขันกันอย่างบ้าคลั่ง

วันที่แสนยาวนานในห้องประชุมยืดเยื้อไปเรื่อยอย่างหาข้อสรุปจุดสิ้นสุดไม่ได้ อันที่จริงฉันไม่ชอบยุ่งเรื่องคนอื่นเท่าไหร่แต่หนึ่งในกลุ่มพนักงานสาวที่กำลังจับกลุ่มคุยกันอยู่หันมาพาดพิงตอนกำลังเดินไปเข้าห้องน้ำ

"ถ้าบริษัทยอมให้ใส่กางเกงมาทำงานแบบพี่เมี่ยงก็ดีเนอะ" สาวรุ่นน้องเบะปาก
"ทำไมล่ะ"
"สองสามวันที่ผ่านมาช่วงเช้าๆ มีผู้ชายคนนึงชอบมาทำลับๆ ล่อๆ ใต้สะพานลอยหน้าบริษัท"   
"ถ้าตอนเช้ามันจะยืนฝั่งโน้น ช่วงเย็นมันจะข้ามมาฝั่งนี้" พนักงานสาวอีกคนช่วยเสริม
"แล้วมันมายืนทำไม" ฉันถาม
"มันมาคอยดูกางเกงในพนักงานหญิงในตึกนี้ตอนเดินขึ้นสะพานลอย"
"ก็แจ้งตำรวจสิ" ฉันตกใจเล็กน้อย
"ตรงนั้นมีป้ายรถเมล์มันก็อ้างว่ายืนรอรถได้อยู่ดี ต้องย้ายป้ายรถออกไปหน่อย"
"เมื่อเช้าหนูมองหน้าด่าไอ่เชี่ยมันก็เฉยๆ นะ"
"โรคจิตขนาดนี้ด่าไม่รู้สึกหรอก ต้องกระทืบ"
"บนรถเมล์ก็มีนะ เมื่อวันก่อนรู้สึกเหมือนโดนเปิดกระโปรงพอหันไปมองหน้ามันก็หยุด"
"บนรถไฟฟ้าก็มี เดี๋ยวนี้พวกโรคจิตทำไมมันเยอะจัง"
"เค้าว่าพวกโรคจิตชอบผู้หญิงกางเกงในสีขาว ไม่รู้จริงรึเปล่า"

"ก็ใส่กางเกงขาสั้นไว้ข้างในสิ ใครอยากดูก็ให้มันดูไปเลย" ฉันเสนอเสียงเรียบ

"เอ่อ นี่ประชุมเสร็จแล้วเหรอคะ"
"อ๋อ เปล่า พอดีเบรกประชุมแป๊ปนึง ปวดฉี่มากเลยจะไปเข้าห้องน้ำเนี่ย" กลุ่มพนักงานสาวได้ยินว่าเบรกประชุมรีบแยกย้ายกันไปโต้ะทำงานของตัวเอง ฉันอดไม่ได้ที่จะมองชายกระโปรงสั้นเหนือเข่าของพวกเธอเหล่านั้น 

หัวข้อสนทนาเรื่องชายโรคจิตแอบดูกางเกงในสาวเหมือนค้อนทุบลงกลางสมอง ไม่ทันเตรียมตัวเตรียมใจรับสติจึงหลุดออกจากร่างอย่างง่ายดาย เข่าของฉันสั่นเกร็งเล็กน้อยขณะเดินไปเข้าห้องน้ำผู้บริหารที่อยู่สุดโถง มันสะอาดที่สุดและพื้นแห้งอยู่เสมอแลกกับการต้องเดินไกลกว่าห้องน้ำอื่นๆ พอสมควร ไม่ต้องสงสัยเลยว่าตอนนี้ฉันเปียกแฉะที่เนินเนื้อกลางหว่างขาแค่ไหน รู้สึกถึงหัวนมที่แข็งอยู่ภายในเสื้อชั้นใน ไรขนอ่อนแถวต้นคอตั้งชันวูบวาบจั๊กกะเดียม

'เกิดอารมณ์แบบนี้ในที่ทำงานดูไม่เป็นมืออาชีพอย่างมาก' ฉันบ่นกับเงาสะท้อนของตัวเองที่หน้ากระจกแล้วเดินเข้าห้องน้ำล็อคประตูนั่งบนโถส้วมที่ปิดสนิท ปลดตะขอกางเกงถอดกางเกงชั้นในสีดำออกไปให้พ้นทาง คว้าทิชชู่เปียกจากกระเป๋าถือเช็ดคราบขาวเปียกชื้นเหนอะหนืดจนสะอาดดี ดึงกระดาษทิชชู่เปียกอีกแผ่นเช็ดเนินเนื้อของตัวเองเบาๆ เลื่อนปลายนิ้วลูบไล้ปากช่องสะกิดเขี่ยล้วงลึกร่องน้ำแฉะชื้นว่านเสียวจนมันเต้นตอดเป็นจังหวะ หลับตาพริ้มกัดริมฝีปากตัวเกร็งสั่นระริกตื่นเต้น เสียวซ่านร่านจนเลยเถิดแบบนี้ท่าทางจะเอาไม่อยู่ ยกมือไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สิงสถิตอยู่ในตึกขอกระทำการบัดสีช่วยเหลือปลดเปลื้องตัวเอง ขยับขาซ้ายขึ้นเอนหลังเล็กน้อยเท่าที่ห้องน้ำจะอนุญาต นิ้วอันเปียกโชกจ่อรออยู่ตรงปากทาง และ โอเค.. ไปต่อ

ปลดกระดุมเสื้อแค่พอให้หน้าอกออกมาอยู่นอกบราหัวนมซึ่งตอนนี้ไม่ถูกกักขังด้วยบราสีดำอีกต่อไปถูกบดคลึงเคลื่อนเป็นวงกลม ฉันหลับตาปี๋หายใจหนักหน่วงอีกมือก็บดคลิตอริสด้วยสองนิ้วก่อนจะเขี่ยควานเข้าไปในรอยแยกเปียกโชกที่ทั้งสั่นทั้งบีบรัด "กำลังทำบ้าอะไรอยู่ นี่มันที่ทำงานนะ" ฉันขยับนิ้วออกช้าเนิบความซ่านเสียวเกร็งกระจายไปทั่วร่าง "โอย.. ซื้ดด" กัดริมฝีปากสูดอากาศให้เงียบที่สุดเท่าที่จะทำได้

ห้องน้ำผู้บริหารไม่แบ่งแยกชายหญิง หากมีใครสักคนอยู่ข้างนอกพวกเขาคงแว่วเสียงหอบหายใจหนักๆ เสียงน้ำกระฉอกเจ๊าะแจ๊ะ เขาคงกำลังทำหน้าสงสัยขณะที่ฉันถาโถมเร่งจังหวะมือเข้าออกบีบเต้าขยี้หัวนมหมายกระโจนเข้าเส้นชัย ยิ่งจินตนาการยิ่งเสียวยิ่งมีแรงกระตุ้นใหม่ๆ มากมายทับซ้อนพร้อมที่จะระเบิด กล้ามเนื้อท้องน้อยแข็งเกร็งสั่นอึดอัดแทบหายใจไม่ได้ แล้วมันก็เกิดขึ้น ระเบิดซ้อนระเบิดอีกลูกในเวลาเดียวกัน ต้นขาล้าร้าวสั่นสะท้าน หัวนมที่แข็งราวก้อนหินแค่สัมผัสแผ่วก็สะดุ้งเฮือกตัวโยน รอยกัดริมฝีปากแดงช้ำยังทิ้งรอยไว้อีกสองสามวันต่อมา 

ช่วยตัวเองครั้งนี้เซอร์ไพรส์มันส์ถึงใจสุดๆ ฉันมีรอยยิ้มบนใบหน้าพลางใช้ทิชชู่เปียกผืนใหม่มาทำความสะอาดจัดการตัวเอง ลุกขึ้น แต่งตัวให้ดูดีก่อนเดินกลับไปที่ห้องประชุม

........

สิบห้าปีที่แล้ว จำได้ว่าเพิ่งเปิดเทอมชั้นมัธยมหนึ่งไม่ถึงเดือน น้าอิ่มซึ่งเป็นน้องสาวแท้ๆ ของแม่เดินทางมาจากต่างจังหวัดเพื่อแอดมิทโรงพยาบาลผ่าตัดลำไส้ ซึ่งทางโรงพยาบาลแจ้งว่าต้องพักฟื้นประมาณห้าวัน เนื่องจากสามีไปทำงานต่างประเทศน้าอิ่มจึงต้องฝากลูกชายเพียงคนเดียวไว้กับแม่ช่วงที่เธอนอนรักษาตัว

น้องเก้อ เด็กชายผมเกรียนเรียนอยู่ชั้นประถมห้า ร่างผอมบางผิวคล้ำตามพ่อหน้าคมแบบแม่ สุภาพเรียบร้อย นิ่งเงียบไม่ค่อยพูดค่อยจา อาจเพราะอยู่แปลกที่หรือไม่ก็คิดถึงแม่ ทุกเย็นเมื่อกลับจากโรงพยาบาลแม่จะหาข้าวปลาให้กินพาอาบน้ำเตรียมชุดนอนส่วนพ่อก็ชวนคุยโน่นนี่ทำราวกับมีลูกชายอีกคน

ฉันแอบได้ยินแม่กับพ่อคุยกันเรื่องอาการป่วยไข้ของน้าอิ่มในทำนองว่าหนักหนากว่าที่คิดถึงขั้นว่าการเข้าโรงพยาบาลครั้งนี้อาจไม่ได้ออกมาอีกเลย จากสมาชิกชั่วคราวอาจต้องอยู่กันยาวๆ และฉันอาจได้น้องชายคนใหม่จริงๆ เรื่องนี้สร้างผลกระทบอย่างมาก ฉันสับสนและรู้สึกคล้ายหมาหวงก้าง จงอางหวงถิ่น

ช่วงหัวค่ำขณะที่พ่อกับน้องเก้อนั่งดูโทรทัศน์ฉันเพิ่งอาบน้ำเสร็จนุ่งผ้าขนหนูพันตัวเดินผ่านกลับเข้าห้องตัวเอง ใส่เสื้อยืดนอนหลวมโครกตัวโปรดกำลังหวีผมหน้ากระจก "เมี่ยง เมี่ยง เปิดประตูซิ" แม่เคาะประตูเรียก แทรกตัวเข้ามาในห้องทันทีที่ประตูเปิด

"ต่อจากนี้ไปทุกครั้งที่อยู่นอกห้องส่วนตัวเธอต้องแต่งตัวให้เรียบร้อย รู้มั้ย!" แม่สั่งเสียงเบาแต่หนักแน่น สายตาเลื่อนลงมองต่ำที่หน้าอก "แล้วก็ต้องใส่ยกทรงตลอดเวลาด้วย!"

"แต่นี่มันเสื้อนอน"
"ก็ต้องใส่ จากนี้ไปถ้าไม่ใส่ยกทรงก็ไม่ต้องนอกห้อง!" แม่ชี้นิ้ว
"ทำไมอ่ะ" ฉันหัวรั้นต้องการเหตุผล

"พ่อก็ผู้ชาย น้องเก้อก็ผู้ชาย แล้วแกจะออกไปเดินหัวนมตั้งเด่แบบนี้เนี่ยนะ" แม่ส่งสายตากร้าว "ตอนอาบน้ำก็ต้องเอาชุดไปเปลี่ยนในห้องน้ำห้ามเดินนุ่งผ้าเช็ดตัวโทงๆ โตเป็นสาวแล้วไม่ใช่เด็กๆ อย่าแรดให้มันมาก เข้าใจมั้ย!"

ฉันหน้าชาทั้งตกใจทั้งโกรธทั้งอายที่โดนแม่ด่าว่า แรด! ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไปหมดตั้งแต่สมาชิกใหม่ย้ายเข้ามาร่วมชายคา ฉันเกลียดชื่อจริงของตัวเองมาตลอด 'นิติธร' ผู้หญิงอะไรชื่อเหมือนผู้ชาย ฉันต้องโดนเพื่อนล้อเลียนเหตุเพราะพ่อกับแม่อยากได้ลูกชายมากกว่า

เสียงโทรศัพท์สัญญาณเรียกเข้ากลางดึกที่แม่ไม่เคยอยากรับ ข่าวร้ายจากทางโรงพยาบาลเรื่องอาการของน้าอิ่ม ฉันสะลึมสะลือเปิดประตูห้องนอนตามเสียงเรียก แม่กับพ่อแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยเตรียมตัวจะไปโรงพยาบาล "แม่ไปโรงพยาบาล เมี่ยงออกมาอยู่เป็นเพื่อนน้องหน่อยนะลูกพ่อเค้าแค่ไปส่งเดี๋ยวก็กลับมา" ฉันสะลึมสะลือนั่งเท้าแขนบนโต้ะกินข้าวที่หนุ่มน้อยฟุบอยู่ก่อนหน้า ได้ยินเสียงสะอื้นเบาๆ จึงรู้ว่าน้องเก้อยังไม่หลับ

เผลอไผลไปตอนไหนไม่รู้สะดุ้งตัวอีกทีมองนาฬิกาเกือบตีสอง น้องเก้อยังฟุบร้องไห้สะอึกสะอื้นอยู่อย่างเดิม ถึงไม่อยากจะญาติดีด้วยแต่เมื่อได้รับมอบหมายฉันก็พร้อมจะทำอย่างเต็มความสามารถ น้ำอัดลมสีดำพรายฟองนุ่มหนาของพ่อเทลงบนน้ำแข็งจากช่องแช่แข็ง ฉันปรนเปรอตัวเองให้อารมณ์ดีขึ้นด้วยการซดน้ำอัดลมตอนตีสอง พลางยื่นอีกแก้วให้น้องเก้อคิดในใจว่าโดนไม้เรียวก็ต้องโดนด้วยกัน

"แม่จะตายมั้ยพี่เมี่ยง" น้องเก้อหน้าเหยเกเกรอะน้ำตาผ่านการร้องไห้ติดต่อกันมาหลายชั่วโมง
"สวดมนต์ให้แม่กันมั้ย เดี๋ยวพี่ไปเอาหนังสือสวดมนต์มาให้"

สงสารน้องแต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรได้แต่ปลอบตอบไปเท่าที่สติปัญญาของเด็กมอหนึ่งจะคิดได้ แต่ไม่ว่าจะเสนออะไรน้องเก้อก็ยังปฏิเสธ ก้มหน้าดื่มน้ำนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาแต่ไม่ร้องไห้แล้ว พลันฉุกคิดถึงเสื้อนอนที่ทั้งเก่าทั้งย้วยเดินไปส่องกระจกดูตัวเองสองจุกหัวนมนูนเด่นแทบทะลุเสื้ออย่างที่แม่ด่าจริงๆ ฉันเริ่มสังเกตุเห็นพิรุธของหนุ่มน้อยที่ชอบหลบสายตาอยู่บ่อยๆ บรรยากาศความหมองเศร้าเปลี่ยนเป็นความตื่นเต้นเล็กๆ

"เล่นเกมกันมั้ย" ฉันเหลือบดูนาฬิกาคาดคะเนเวลาที่พ่อจะกลับถึงบ้าน
"เกมอะไร" น้องเก้อเบือนหน้าตอบอึกอัก

"เกมผู้หญิงจับได้ ผู้ชายดูได้อย่างเดียว"   
"ฮึ เกมอะไรนะ"
"ก็ได้ยินแล้วนี่ เล่นป่ะล่ะ" ฉันถาม
"แล้วเล่นมันยังไง" น้องเก้อกล้าๆ กลัวๆ แต่สีหน้าไม่เศร้าแล้ว
"ง่ายๆ ผู้ชายดูได้อย่างเดียวห้ามจับ แต่ผู้หญิงดูได้และก็จับได้ด้วย"
"จับอะไร" น้องเก้อถาม
"ถ้าจะเล่นก็ต้องยืนขึ้นก่อน"
"ไม่ยืน! ไม่เล่น" น้องเก้อเบือนหน้า
"ก็จับนี่ไง!" โดยไม่ทันให้ตั้งตัวฉันคว้าที่หว่างขาหนุ่มน้อย "นั่นไง จู๋แข็งจริงๆ ด้วย เมื่อกี๊แอบดูนมใช่มั้ยล่ะ"
"ไม่ได้แข็ง ไม่ได้ดูสักหน่อย!" น้องเก้อตัวงอเป็นกุ้งแต่ยังเถียง

"อยากดูก็บอกมาเถอะไม่เห็นจะต้องโกหกเลย" ฉันค่อยๆ เลิกชายเสื้อขึ้นเนิบช้าอ่อยขั้นสุดเปิดโปงสองกะเปาะขนาดฝ่ามืออย่างเปิดเผย "ถ้าอยากเล่นเกมก็ยืนขึ้น"

"นี่ไม่รู้สึกอายบ้างเลยเหรอ" หนุ่มน้อยจับจ้องเม็ดลูกเกดอย่างไม่ละสายตา
"แล้วเก้ออยากให้พี่อายหรือไม่อายล่ะ" ฉันถามกลับ

น้องเก้อค่อยๆ ยืนขึ้น กางเกงนอนเป้าตุงอย่างที่คิด ฉันย่อตัวหมายจะดึงลงแต่น้องเก้อผลักผละตัวหนี "ผู้ชายห้ามใช้มือ ยืนเฉยๆ สิ!" ขอบยางยืดกางเกงนอนถูกดึงลงกล้ามเนื้อวัยกระเตาะแข็งโด่โด่งเป็นเสากระโดงเรือเด้งชี้หน้า กล้ามเนื้อหน้าท้องน้อยๆ ของหนุ่มรุ่นน้องสั่นระริก "อยู่เฉยๆ สิ!" ฉันร้องปรามอีกครั้ง เคยเห็นในคลิปที่เขาเอามันใส่ปากและตอนนี้ฉันอยากทดลองทำมันจริงๆ เพียงสัมผัสลูบคลำบางเบาแท่งเนื้ออุ่นผงกหัวสองสามทีก็ฉีดพ่นพิษสีขาวขุ่นใส่หน้าตกใจผละตัวออกตามสัญชาติญาณแต่น้ำรักสีขาวขุ่นก็ยังราดรดลงบนเสื้อนอนตัวโปรด พลันเสียงรถของพ่อจอดที่หน้าประตูรั้ว น้องเก้อรีบคว้ากางเกงวิ่งเข้าห้องน้ำส่วนฉันกระโจนเข้าห้อง

"อ่าว หายไปไหนกันหมด" เสียงพ่อร้องถาม
"อยู่ในห้องน้ำคับ" น้องเก้อตอบ
"เมี่ยงล่ะลูก"

"ค่า.. " ฉันตอบจากในห้องขณะกำลังร้อนรนหาที่ซ่อนเสื้อนอนตัวโปรด

..........

ประชุมแผนงานส่วนหน้าเสร็จสิ้นลงเกือบสี่โมงเย็น ทั้งปวดเมื่อยล้าแต่ผลิตภัณฑ์ชิ้นใหม่ของฉันก็ได้รับการตอบรับอย่างดีในที่ประชุม หลังพรีเซนต์จบฉันไม่เคยคุ้นชินกับเสียงตบมือจอมปลอม ก็แค่หมาล่าเนื้อ มีคุณค่าเป็นที่ยกย่องตราบใดที่ยังคิดค้นสินค้าออกไปขายทำผลกำไรให้เขาได้ วันนี้เหนื่อยแล้ว ฉันเก็บของใช้ส่วนตัวลงประเป๋าถือ กางเกงในผ้าฝ้ายสีดำยังนอนอุ่นอยู่ในนั้นตั้งแต่ช่วงบ่าย

   ..........

วิชิต้า แคนซัส อูติก้านู้ดคลับ

เหล่าทราเวลบล็อคเกอร์ต่างกล่าวขวัญถึงดินแดนทางตอนกลางของประเทศสหรัฐอเมริกา ทะเลสาปอูติก้าอันสงบร่มเย็นเนินเขากว้างใหญ่เขียวขจี ประวัติกล่าวว่าพื้นที่บริเวณนี้ถูกเช่าระยะยาวต่อจากชาวพื้นเมืองโดย มิล กับ แฮ็ก สองเพื่อนซี้นักธุรกิจเพื่อจัดคอนเสริตบองโจวี่และวงดนตรีชื่อดังอื่นๆ ในปีสองพันหนึ่ง ผลตอบรับดีเกินคาดผู้ชมคอนเสริตล้นหลามจากทั่วสารทิศราวกับมันคือวู๊ดสต๊อกคืนชีพ

จากพฤติกรรมชอบโชว์ของผู้ชมในงานคอนเสริตครั้งนั้นสองเพื่อนซี้หัวใสได้ไอเดียว่า ผู้คนต่างค้นหาสถานที่ที่สามารถเปลือยในที่สาธารณะได้อย่างสนุกสนาน แถมยังกล่าวอ้างวัฒนธรรมการเปลือยเคล็ดลับเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงของชนพื้นเมืองในข้อความที่ใช้โปรโมทนิคมอาบแดด

นอกจากสถานที่อันสงบสวยงาม ไอเดียเรื่องสีสันของริสแบนด์สายรัดข้อมือก็เป็นที่สนใจของเอ็กซ์ฮิบิชั่นนิสต์จากทั่วโลก กล่าวคือ ริสแบนด์สีเขียวเปลือยอย่างเดียวเน้นท่องเที่ยวไม่ประสงค์การมีเพศสัมพันธุ์ ริสแบนด์สีฟ้าสำหรับมาเปลือยแบบคู่ใครคู่มัน ไม่แลกคู่ ส่วนสีแดงคือความสัมพันธ์แบบเปิดกว้าง รวมถึงการแลกคู่

ฉันกับเคทีเพื่อนหนุ่มชาวอินเดียมิตรเก่าที่คุ้นเคย เราปีนป่ายแบบเด็กๆ ขึ้นไปบนเวทีที่กว้างขวางมาก ฉันเดาว่าคงเคยเป็นเวทีคอนเสริตที่ยังไม่ได้รื้อถอนปล่อยทิ้งไว้เป็นพร็อพ

"ดูเหมือนว่าคุณกำลังมีช่วงเวลาที่ดี" เคทียิ้ม
"เปล่า ฉันเหนื่อยต่างหาก วันนี้คงเต้นรำกับผู้ชายมายี่สิบคนแล้วมั้ง"

ทราเวลบล็อคเกอร์ชาวอินเดียที่เดินทางไปเยือนสถานที่แปลกๆ มาแล้วทั่วโลกดูมึนเมานิดหน่อย ฉันเองก็เมาเหมือนกัน เคทีกับฉันเคยเจอกันหลายครั้งก่อนหน้านี้ เขาชอบไปเที่ยวเมืองไทยรู้จักผู้คนใหญ่ๆ โตๆ มากมาย รวยและชอบเต้นรำ

'ฉันจะสวมริสแบนด์สีเขียวนะ' ฉันเขียนย้ำในอีเมลเพื่อความชัดเจนเผื่อเขาจะได้เปลี่ยนใจทันหากมุ่งหวังสิ่งอื่นนอกจากการเป็นบัดดี้
'อ้าวเหรอ แต่ผมคิดว่าเราจะสวมริสแบนด์สีฟ้าด้วยกันนะ' มหาเศรษฐีแดนภาราตะหยอดมาแบบนี้เล่นเอาฉันหวั่นไหวเหมือนกัน

หนุ่มใหญ่ร่างกำยำเปลือยเปล่าเดินโทงเทงสำรวจไปทั่วเวทีผายมือกว้างสูดอากาศ ฉันปลดผ้าคลุมลงกับพื้นตั้งใจจะเดินตาม เขาชี้ที่แพนตี้ตัวจิ๋ว ฉันยังกลัวๆ กล้าๆ แต่ก็ยอมถอดบิกินี่ทั้งบนล่างจนเหลือเพียงตัวเปล่าเปลือยล่อนจ้อนกับหมวกปีกกว้างและรองเท้าบูทหนังสีน้ำตาล เดินไปหยุดตรงกลางเวทีแล้วหมุนตัวอย่างสวยงามจนเคทีตบมือให้ มองไปข้างล่างจินตนาการว่ามีผู้คนเรือนหมื่นเห็นฉันเปลือยทุกซอกทุกมุม ฉันแกล้งยั่วด้วยการโก่งบั้นท้ายส่ายก้นให้ผู้ชมเหมือนที่เคยเห็นในคอนเสริตร็อคแอนด์โรว์ ได้ผล ปืนกลสั้นประจำกายลำเขื่องของเพื่อนซี้ต่างวัยผงาดผงกหัวตั้งขนานกับพื้นโลก   

"จู๋แข็งแบบนี้ถ้าคลับนู้ดที่ไอซ์แลนด์เค้าไล่ออกไปเลยนะ ถือว่าเสียมารยาท" ฉันเผลอกลืนน้ำลายเอือกใหญ่ลงคอ นึกไม่ถึงว่านอกจากมรดกมหาศาลที่พ่อทิ้งไว้ให้นอกจากทรัพย์สินเงินทองก็ยังมีสิ่งนี้อีกที่เขารับสืบเชื้อสายมาแบบโอฬารอลังการงานสร้าง

"มียา .."
"อ๊ะ อ๊ะ" เคทีกระชับพื้นที่ขยับเข้าใกล้ ฉันถอยฉากรีบชูริสแบนด์สีเขียวเตือนสติเขา

"โอเค ขอโทษที่ทำให้ตกใจ แต่โปรดไว้ใจผม ได้โปรด" ท่าทีของเขาสงบลง "แต่ถ้าหากเราจะไปเปลี่ยนสายรัดข้อมือเป็นสีฟ้าด้วยกัน ต้องแลกกับอะไรเสียหายมากเท่าไหร่ผมก็ยอมนะ ผมรักคุณนะมียา" คำสารภาพรักของมหาเศรษฐีหนุ่มอบอุ่นชวนฝัน
"ปากบอกว่ารัก แต่ข้างล่างมันบอกว่าต้องการอย่างอื่นอยู่นะ" ฉันชี้ท่อนเนื้อลำเขื่องผงกหัวหงึกๆ

"คุณคือผู้หญิงในแบบที่ผู้ชายทั้งโลกต้องการ มียาที่รัก"
"ยังไง.. อย่าบอกว่าสวยนะเพราะอันนั้นเค้ารู้ตั้งนานแล้ว" ฉันยิ้มยั่ว
"ผมหลงไหลคลั่งใคล้ในทัศนคติของคุณ ภายใต้หน้ากากนักธุรกิจผู้ประสบความสำเร็จร่ำรวยมั่งคั่ง แท้จริงแล้วก็แค่คนโรคจิต รสนิยมวิปริตผิดทำนองคลองธรรม" เคทีเอ่ยเสียงสลด "แต่นี่เรากำลังยืนเปลือยกายด้วยกัน อิสรภาพ สายลมที่สัมผัสผ่านผิวเปลือยเปล่าของเราทั้งคู่ คุณทำให้ผมรู้สึกไม่แปลกแยก ไม่ต้องปกปิดซ่อนเร้นตัวตน มียา คุณทำให้ผมคลั่งรัก"

ฉันยิ้มแก้มปริซาบซึ้งในคำหวานอย่างกับสาววัยรุ่น อันที่จริงก็รู้สึกไม่ต่างกับเขา เรื่องที่แม่เตือนให้ใส่ยกทรงในวัยเด็กกลับสร้างปมสับสนในใจ บ้านไม่ใช่สถานที่ปลอดภัย "เธอเป็นสาวแล้ว ถึงยังไงพ่อเค้าก็เป็นผู้ชาย" คำพูดของแม่ทำให้ฉันไม่รู้สึกไว้ใจพ่อของตัวเองได้อีกต่อไป ฉันมีเคทีเป็นที่ปรึกษา เขาเป็นสุภาพบุรุษเวลาที่ฉันเมาและเปลือยเปล่า แต่..

"แต่อะไร" เคทีขมวดคิ้วสงสัย ปืนกลสั้นอันน่าเกรงขามตอนนี้อ่อนตัวกลายสภาพเป็นมะเขือยาวห้อยโตงเตง

"คุณเป็นคนดีนะ หล่อและก็รวยมากด้วย แต่ ฉันคงรับมือกับไอ้เจ้านั่นไม่ไหว" ฉันบุ้ยหน้ามองต่ำ
"คุณเลิกพูดเล่นสักทีได้ไหม นี่ผมจริงจังนะ"
"นี่ก็พูดเรื่องจริง ฉันก็รู้สึกดีกับคุณไม่งั้นคงไม่ยอมให้เห็นขนาดนี้หรอก แต่สรีระร่างกายของเรามันเข้ากันไม่ได้ อันเท่าแขนขนาดนั้นใส่เข้าไปมีหวังฉันคงตัวระเบิดตายแน่ๆ" ฉันได้แต่ถอนหายใจ "ถามว่ามาด้วยกันแบบนี้ไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือ เงี่ยนนะ อยากโดนเย็ดจุกๆ พูดเลย ไม่รู้ผู้หญิงอินเดียจิ๋มใหญ่ขนาดไหนนะหรือคุณอาจเหมาะกับพวกผู้หญิงฝรั่งมากกว่า แต่ไม่ใช่ฉันแน่ๆ"

"มียา.. " เศรษฐีอกหักสีหน้าสลดถอนหายใจยาว 
"เป็นเพื่อนกันแบบนี้อ่ะดีแล้ว" ฉันแอบน้ำตารื้น 

"เอ่อ ขอโทษนะคะ" สาวใหญ่สองคนนุ่งบิกินี่รัดติ้วหน้าอกหน้าใจหุ่นทรงสะบึมมาด้อมๆ มองๆ ตั้งแต่มื่อไหร่ก็ไม่รู้ "พอดีฉันกับเพื่อนแอบมองอยู่นานแล้ว ไม่รู้ว่าคุณสองคนกำลังมีปัญหาอะไรกันอยู่หรือเปล่าแต่ฉันกับเพื่อนอยากร่วมวงด้วย ขอบอกว่าเท่าที่แอบมองอยู่ฉันประทับใจท่อนเอ็นของคุณมาก คิดว่ามันคงจะยอดเยี่ยมถ้าเราจะสร้างประสบการณ์ทำมันบนเวทีคอนเสริตด้วยกัน เอ่อ.."

"พวกเราสวมริสแบนด์สีเขียวครับ" เคทีตัดบทชูข้อมือให้ดู "คุณอาจต้องมองหาพวกสายรัดข้อมือสีแดง"

"อ๋อ ถ้างั้นขอโทษที่รบกวนค่ะ" สาวใหญ่คู่ซี๊หน้าจ๋อยเสียเซลฟ์
"ยินดีครับ เดี๋ยวผมกับเพื่อนว่าจะไปที่คลับเฮาส์หาอะไรอร่อยๆ กินกัน ไปด้วยกันไหมครับ"
"ไม่รบกวนแล้วค่ะ โชคดีนะคะ" สาวใหญ่รีบพากันถอยฉาก

ไม่รู้ว่าโรแมนติกหรือเปล่าแต่ฉันกลับรู้สึกชอบมากกว่าเวลาที่เราเดินจูงมือคุยโน่นนี่กันแบบนี้ แต่ว่าส่วนนั้นของเขาสามารถดึงดูดสายตาผู้ชมระหว่างทางได้จริง ฉันได้แต่ขำ

"คุณอย่าโกนขนนะขอร้อง ไม่มีขนแบบสองคนนั้นมันดูเลี่ยนๆ โล้นๆ ยังไงชอบกล"
"ไอ่บ้า ประสาท ลามก โรคจิต วิปริต" ฉันบ่นระหว่างเดินไปคลับเฮาส์
"น้อมยอมรับทุกข้อหาครับ จากผู้ชายที่อยากเย็ดคุณอย่างสุดหัวใจ" เคทียิ้มหว่านสเน่ห์

"เงี่ยนนักก็ชักว่าวไปก่อนนะจ๊ะนายจ๋า" ฉันยิ้มยั่ว

..........

เช้าวันศุกร์ ฉันออกจากบ้านไปทำงานเช้ากว่าปกติเพราะต้องเผื่อเวลาเดินทาง นานแล้วที่ทำตัวเหินห่างจากขนส่งมวลชนยังงงๆ กับสายรถเมล์

"อ่าว ทำไมวันนี้ไม่ขับรถไปทำงานล่ะลูก" แม่เพิ่งใส่บาตรพระเสร็จเดินสวนกลับเข้าบ้าน
"วันศุกร์รถติดขี้เกียจขับ ว่าจะลองนั่งรถเมล์รถไฟฟ้าอะไรดูบ้าง" ฉันเอ่ยข้ออ้าง
"แปลกคน มีรถขับดีๆ อยากนั่งรถเมล์" แม่บ่นตามเคย
"หนูไปแล้วนะแม่ สวัสดีค่ะ" ฉันยกมือไหว้ลา

"เดี๋ยว! แล้วทำไมวันนี้ใส่กระโปรง ร้อยวันพันปีเห็นใส่แต่กางเกง"
"อ๋อ วันนี้ผู้ใหญ่เข้าบริษัท ต้องแต่งตัวเรียบร้อย"
แม่ถือวิสาสะใช้ทัพพีตักบาตรช้อนชายกระโปรงเลิกสูงจนเห็นเครื่องในผ้าซาตินสีขาวจั๊วะ

"ทำไมไม่ใส่กางเกงขาสั้นไว้ข้างใน เข้าบ้านไปใส่เดี๋ยวนี้เลย!"
"แม่อ่ะ.." ฉันฉากตัวหลบจัดชายกระโปรงให้เข้าที่ "อากาศมันร้อน ใส่ทำไมอ่ะ"
"ถ้างั้นก็ต้องขับรถไป ขึ้นรถเมล์ขึ้นสะพานลอยสมัยนี้พวกโรคจิตแอบถ่ายใต้กระโปรงเยอะแยะเดี๋ยวก็โดนดีเข้าหรอก ไปใส่ขาสั้นไว้ข้างในเดี๋ยวนี้เลย"

"มอไซค์มาแล้วไปแล้วค่าา หวัดดีค่าาา" ฉันรีบก้าวลอดซุ้มประตูรั้วโบกพี่วินทิ้งเสียงบ่นของแม่ไว้เบื้องหลัง





 

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน


songsak


therasak

นานๆ​จะมีแนว exhibitionism ที่ใช้ภาษา​ได้สละสลวย​ กระชับ​ ชัดเจน​และสิ่อสารอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้​มาให้อ่าน​  ขอบคุณ​ครับผม​

tatong2222

ว้าว สาวชอบโชว์ กล้าหาญซะจริงๆนะแม่คุณ มีความน่าลุ้นไปด้วยกัน

ones26421


Jim Lord


civil2

จะเจอพ่อหนุ่มที่สะพานลอยไหมนะ ถ้าเจอคงตื่นเต้นน่าดู

mayomdong

เขียนดีจัง เร้าอารมณ์มากครับ มาบ่อยๆนะครับ

dome2011


Xzysamor008


locklock leck


เสรี ชัยยา

คงอยากหาประสบการณ์จากคนโรคจิตบนรถเมล์

h-man

พล็อตเรื่อง สำนวนการเขียน ทำได้ดีระดับมืออาชีพหรือไม่ก็เป็นมืออาชีพอยู่แล้ว

สุดยอดครับ

artherox

รอดจากพ่อหนุ่มอินเดียมา จะไปโดนของใครเนี่ย