ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

อยู่ถูกที่ ถูกที่เวลา ก็อาจจะเจอคำว่า”ส้มหล่น”

เริ่มโดย pongwut, มกราคม 23, 2024, 07:01:35 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

pongwut

   นี่คืออีกหนึ่งเหตุการณ์จริง ที่ผมได้นำมาเล่ามาแชร์  และสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดในครั้งนี้ มันเป็นอีกหนึ่งครั้งที่เกิดขึ้นกับตัวผม ในแบบที่ตัวผมเองไม่ทันได้ตั้งตัว อยู่ๆก็มาได้มาเจอแบบงงๆ เพียงเพราะว่าในวันนั้นตัวผมเอง ดันไปอยู่ถูกที่ และถูกเวลาแค่นั่นจริงๆ
     และเรื่องราวที่ผมจะแชร์ในครั้งนี้ จริงๆมันได้มีอะไรมากมาย และไม่มีอะไรที่ซับซ้อน มันเป็นแค่เรื่องราวเล็กๆน้อยๆ แต่ที่ผมนำมาเล่ามาแชร์ เพราะว่ามันก็มีในบางจังหวะ ในบางมุม และบางสถานการณ์ รวมไปถึงบางคน  ที่ผมยอมรับว่าตัวผมเองก็รู้สึกตื่นเต้น และก็มีอารณ์กับสิ่งที่ได้เจอ

       เรื่องราวทั้งหมดนี้มันเพิ่งจะเกิดขึ้น ในวันคริสต์มาส (25-12-66 ) โดยมีพนักงานธุรการ ชื่อ เฟิร์น เป็นคนสำคัญในเรื่องราวที่เกิดขึ้นในครั้งนี้  แต่ก่อนหน้านั้น ในช่วงที่บริษัทผมได้เจอมรสุมของโควิดช่วงในปี63-65 มันทำให้แนวทางขององค์กรได้เปลี่ยนไป (เหมือนถ่ายเลือดใหม่)  โดยที่พนักงานเก่าๆได้ลาออกไป ก็มีพนักงานใหม่ๆผลัดเปลี่ยนกันเข้ามา และเฟิร์นก็เป็นหนึ่งในพนักงานใหม่ที่เข้ามาในช่วงต้นปี 2566  โดยที่จริงๆแล้วส่วนตัวผมไม่ได้รู้จักกับเฟิร์น และไม่เคยได้พูดคุยกันมาก่อน เพราะตัวผมทำงานในส่วน
ของอ๊อฟฟิศใหญ่ชั้น10  และเฟิร์นก็ไม่ใช่ธุรการที่นั่งแผนกติดกับผม แต่เป็นธุระการที่อยู่อ๊อฟฟิศชั้นล่างที่เดียวกับฝ่ายซ่อมบำรุง วิศกรไฟฟ้าและเครื่องกล  และที่สำคัญก่อนหน้านั้น ผมเองเคยเจอเฟิร์นเพียงแค่3 ครั้งเท่านั้น  ครั้งแรกที่ผมเจอเฟิร์นตอนที่ผมไปประชุมงานรื้อถอนที่อ๊อฟฟิศชั้นล่าง ส่วน2ครั้งหลัง ผมเจอเฟิร์นตอนที่เธอเอาเอกสารขึ้นมาเครียร์บิลกับธุระการชั้น10 
............จากที่ผมเคยเห็นเธอ เฟิร์นน่าจะอายุ27 -29ปี ผิวตัวขาวเหลืองทั่วๆไป ส่วนหน้าตาเธอแม้จะไม่ใช่คนสวยติดอันดับต้นๆในบริษัท แต่ภาพรวมก็ถือว่าเป็นคนหน้าตาดูดี และออกไปทาง ดูเอ็กซ์ ดูยั่ว ดูแรดแบบคนแรงๆ (แบบถ้าด่ามากูด่ากลับ) โดยที่เฟิร์นเป็นคนผิวขาว (ไม่ใช่ขาวจั๊วออร่า)  ใบหน้า รูปหน้าเรียวยาว หน้าผากกว้าง ตาโตใส่ Bigeye เสริมจมูกโด่งเป็นแท่ง ริมฝีปากอูมเหมือนคนอมฟันยางอยู่ตลอดเวลา (เพราะใส่เหล็กดัดฟัน) ส่วนทรงผมไว้ผมยาวปลายผมดัดลอนใหญ่  และในส่วนรูปร่างเฟิร์นเป็นผู้หญิงที่ตัวสูงมาก (น่าจะ167ขึ้น) ในส่วนด้านบนจะดูไม่ใหญ่ ทั้งแขน ช่วงหัวใหล่ และเอว แต่หน้าอกจะใหญ่โดดเด่นขึ้นมา (หน้าอกน่าจะคัพ e)  ตรงกันข้ามส่วนด้านล่าง ที่ต่ำกว่าเอวลงมา ตรงตูดและต้นขาที่ดูใหญ่ไปสักนิด (สะโพกนะจะ38up)  ทุกครั้งที่ผมเจอเฟิร์น ผมยอมรับว่าหน้าตาและหุ่นก็ไม่ใช่สิ่งที่ผมจะจำเธอได้ แต่ทุกครั้งที่ผมได้เจอเฟิร์น(ทั้ง3ครั้ง) สิ่งที่ผมเห็นและจำได้ตลอด นั่นก็คือ เฟิร์นจะชอบใส่กระโปรงสั้นมาก ทั้งกระโปรงทรงเอสีขาว ทั้งกระโปรงสั้นๆบานๆผ้าพริ้วจีบรอบตัว ทุกครั้งที่ผมเจอเฟิร์นด้วยกระโปรงที่สั้นจนมองเห็นต้นขาอ่อนขาวๆอวบๆ และยิ่งไปกว่านั้นจังหวะที่เฟิร์นก้าวเดินแล้วเหล่ตามองตาม ก็มีลุ้นให้ได้เสียวอยู่ตลอดทุกครั้ง 
...........และแม้ว่าผมจะไม่รู้จักกับเฟิร์น แต่ผมก็พอจะรู้คร่าวๆจากคนอื่นๆเล่าให้ได้ฟังว่า เฟิร์นเป็นแม่ลูก1 เพิ่งมาทำงานใหม่พร้อมกับสามีชื่อ พี่นพ อายุ44ปี ซึ่งเป็นโฟร์แมนไฟฟ้าของฝ่ายซ่อมบำรุง และตัวผมเองก็เคยได้พูดคุยกับพี่นพ ตอนทำงานร่วมกันช่วงต้นปี ผมจึงรู้ว่าพี่นพเป็นคนยังไง โดยลักษณะพี่นพเป็นคนตัวเล็กผอม สูงน่าจจะแค่160-162(ตัวเล็กกว่าเมีย) ตัดผมสั้น(แบบทรงทหาร)และมีบุคลิกดูเงียบๆ ดูเป็นคนนิ่งๆพูดน้อยและใจเย็น  และที่สำคัญตัวพี่นพเอง เคยเป็นพนักงานเก่าแก่ของบริษัทเคยทำงานที่นี่ก่อนผม แต่ได้ลาออกไปก่อนผมจะมาทำที่นี่ แล้วก็เพิ่งจะกลับเข้ามาใหม่ ด้วยการชวนของช่างโป้ง วิศวกรเครื่องกล (ไอ้หัวหงอกโจทก์เก่าผม ที่ผมเคยเล่าไป) เพราะไอ้หงอกตัวจี๊ดกับพี่นพเคยทำงานด้วยกันมาก่อนหลายสิบปี  แถมยังเป็นเพื่อนสนิทสมัยเรียนปวช.ที่เดียวกัน  ก่อนช่างโป้งจะไปเรียนจบ ป.ตรี และนั่นก็คือสิ่งที่ผมรู้เกี่ยวกับตัวของเฟิร์น
.............จุดเริ่มของเหตุการณ์นี้ ก็มาจากงานเลี้ยงปีใหม่ของบริษัท ซึ่งมันไม่ได้จัดมานานมากตั้งแต่ยุคโควิด โดยที่บริษัทได้จัดเป็นวันที่ตรงกับวัน คริสต์มาส และจัดงานที่สถานที่เดิมทุกปีที่จัด นั่นก็คือโกดังให้เช่าในเครือของบริษัทแถวบางนา แต่ในตอนนั้นหลายๆคนที่เป็นพนักงานเก่าๆที่หลงเหลืออยู่ในบริษัท ก็ไม่ได้ลงชื่อไปร่วมงานกันหลายคน โดยเฉพาะฝ่ายบัญชี และธุรการชั้น10 รวมไปถึงสาวๆฝ่ายการเงินหลายคน (ซึ่งฝ่ายการเงินมีแต่คนสวยๆ ที่ชอบแต่งตัวเซ็กซี่) เหตุผล
เพราะหลายๆคนมองว่ามันไกล และไม่มีรถไปรับ-ส่งเหมือนทุกครั้งที่จัด (บริษัทประหยัดงบ) และที่สำคัญการปรับเงินสิ้นปีก็ได้ชะรอออกไป มันจึงทำให้อารมณ์อยากสนุกมันหายไป จึงพากันไม่ไปร่วมงานในวันนั้น แต่สำหรับพนักงานใหม่ๆส่วนมากก็จะไปกันหมด และส่วนตัวผมเองลึกๆก็ไม่อยากไป แต่ด้วยตำแหน่งผมที่สูงขึ้น หัวหน้าแผนกผมก็ขอให้ผมไป ผมจึงได้ไปร่วมงานในวันนั้น
............โดยที่ในวันนั้น บริษัทได้ประกาศบอกให้พนักงานทักคนเลิกงานบ่าย2 เพื่อที่จะให้พนักงานไปเตรียมตัวเพื่อจะไปงานเลี้ยงบริษัทตอน1ทุ่ม  โดยที่ theme concept งานในวันนั้นเป็น "วันวานวานยังหวานอยู่"  ซึ่งให้แต่ละคนใส่ชุดที่ย้อนวัยที่เคยผ่านมา หรือว่าอยากจะเป็นในตอนวัยเด็ก แต่ส่วนตัวผมก็ไม่เคยใส่ชุดตาม concept เลยสักครั้ง(ส่วนมากพวกสาวๆและพวกที่บ้ากิจกรรมจะแต่ง)  และวันนั้นเองผมก็กลับไปอาบน้ำแต่งตัวแบบปกติใส่เสื้อเชิ๊ตกางเกงผ้า จากนั้นผมขับรถไปรับน้องๆสถาปนิกในแผนกอีก 2คน พอไปถึงที่จัดงานประมาณ18.30น  และในปีนี้ทางบริษัทไม่ได้จัดภายในโถงโกดัง แต่จัดด้านนอกอาคาร ตรงที่ถนนหลักด้านหน้าระหว่างโกดัง สองฝั่ง ซึ่งเป็นถนนฝั่งละสามเลน กว้างทั้งหมดประมาณ 20เมตร(รวมเกาะกลาง )โดยที่มีเวทีวงดนตรีเล่นสด ตั้งเวทีติดกับหน้าโกดังฝั่งซ้ายมือ และที่นั่งจัดเป็นโต๊ะจีนโต๊ะกลมนั่งโต๊ะละ6คน  แบ่งเป็น3โซนใหญ่ๆ โซนแรกซ้ายมือจากหน้าเวที เป็นส่วนอ๊อฟฟิศชั้นล่าง ก็พวกธุรการและพนักงานซ่อมบำรุงและวิศกร งานระบบต่างๆ โซนสองตรงกลางจะเป็นผู้บริหารและหัวหน้าแผนกต่างรวมไปถึงแขกภายนอกคนสำคัญ และโซนสามขวามือสุดจากหน้าเวที ก็คือพนักงานชั้น10  สาปัตย์โยธา บัญชี ธุรการ การเงิน และกฎหมาย  โดยที่โต๊ะที่ผมนั่งจะติดลานหน้าเวที
..........หลังจากผมมาถึงงานเป็นกลุ่มแรกๆ ผมและน้องๆในแผนก ก็พากันนั่งกินน้ำอัดลมและเปิดเหล้าดื่มไปก่อน จากนั้นช่วงจะ1ทุ่มพนักงานก็ได้เริ่มทยอยกันเข้ามานั่งเรื่อยๆ โดยเฉพาะพนักงานฝั่งที่ผมนั่ง ก็นัดกันใส่ชุด Cosplay เป็นพนักงานแอร์โฮสเตส ทั้งสูท ทั้งกระโปรงทรงเอ รวมไปถึงหมวกและเครื่องหมายต่างๆติดเต็มยศ บางแผนกก็ใส่เป็นแนวนักเรียนญี่ปุ่น เสื้อเชิ้ตแขนสั้น-ยาวสีขาว มีโบว์คล้องที่คอรวมไปถึงผูกเนคไท ส่วนด้านล่างใส่เป็นกระโปรงบานๆสั้น ลายสก๊อตที่จีบรอบตัว และก็มีบางกลุ่มย้อนวัยไปก็ใส่ชุดนักเรียนมัธยมปลายมา  ในตอนนั้นพนักงานที่เดินเข้ามา ใส่ชุดกันมาแบบจัดเต็มกันมาก ไม่ว่าจะหนุ่ม จะสาว หรือแม้แต่สาวใหญ่ สาวแก่ ใส่แว่น ไม่ใส่แว่น ก็แต่งตัวกันมาจัดเต็ม แบบลงทุนซื้อลงทุนเช่า โดยที่ลืมอายุกันไปเลย ทำให้โต๊ะที่ผมนั่งแทบจะไม่เข้าพวก (เหมือนพวกผมเองที่มาผิดงาน)
...........พอถึงเวลา17.45 น. ก็มีพิธีการเปิดงาน โดยประธานบริษัทและผู้บริหาร  และหลังจากนั้นวงดนตรีแสดงสดได้ขึ้นเล่น เริ่มจากเพลงช้าๆเบาๆ ทั้งเพลงเก่าเพลงใหม่ ทั้งเพลงร๊อก เพลงป๊อบ และเพลงลูกทุ่ง โดยที่โต๊ะผมนั้งอยู่ใกล้ๆลานเวที ก็รับเสียงจากลำโพงไปเต็มๆ (หูผมแทบไม่ได้ยินอะไรนอกจากเสียงเพลงที่ดัง)  จนกระทั้งบนเวที ก็เริ่มปล่อยเพลงเร็วแบบเมดเล่ย์ พร้อมทั้งสาวๆแดนเซอร์4คนของวงก็ขึ้นมาบนเวที โดยชุดที่ใส่เป็นเซ็ตชุดหนังสีดำเงา เสื้อเกาะอกกางเกงขาสั้นจู๋ที่รัดรั้งเป้า พอขึ้นมาแล้วก็โยกส่วยเอว กระเด้าเอวตามจังหวะเพลง ทำให้บรรยากาศรอบๆโต๊ะ ก็ครึกครื้นขึ้นมาอีกครั้ง พนักงานหลายๆคนก็เริ่มจะทยอยลุกขึ้นยืนที่โต๊ะแล้วเต้นตาม มีเฉพาะโต๊ะผมที่นั่งดูกันอย่างเดียว โดยที่ตัวผมเอง ก็มองขึ้นไปบนเวทีดูสาวๆแดนเซอร์ที่กำลังโยกร่อนเอว รวมทั้งส่วยสายตาเหลือบไปมองพนักงานสาวๆโต๊ะข้างๆที่ยืนขึ้นเต้น ซึ่งในตอนนั้นมันก็ทำให้ผมเองรู้สึกว่า การมาในงานครั้งนี้ มันดีกว่าที่ผมคิดเอาไว้อีก
...........พอหลังจากเพลงเร็วร้องไปซักสามเพลง ในขณะนั้นก็เป็นพวกพนักงานส่วนโซนแรก เป็นพวกพนักงานอ๊อฟฟิศชั้นล่าง ก็เริ่มทยอยเดินถือแก้วเหล้าและขวดเหล้า ออกมาจากโต๊ะและเดินเข้ามาเต้นที่หน้าลานเวที นำโดยขาใหญ่ ตัวตึง นั่นคือช่างโป้ง(ไอ้หัวหงอก)และในวันนั้นพนักงาน อ๊อฟฟิศชั้นล่าง จะเป็นเด็กจบสายช่าง ก็เลยแต่งตัวแบบย้อยวัย ใส่ชุดนักเรียนนักศึกษา โดยผู้ชายส่วนใหญ่ก็จะใส่เสื้อซ๊อปของแต่ละสถาบัน ที่ตัวเองเคยเรียนจบมา ส่วนผู้หญิงก็แต่งชุดนักเรียนนักศึกษา  และในขณะเดียวกัน พอโซนพนักงานชั้น10 โซนฝั่งที่ผมนั่งพอเห็นพนักงานอีกฝั่งเดินออกไปเต้นก็เลยชวนพากันลุกขึ้น และเดินกรูเข้าไปเต้นหน้าลานเวทีบ้าง ภาพในนาทีนั้น ภาพที่ผมเห็นพนักงานเกือบจะครึ่งร้อย ทั้งหญิงและชาย วัยรุ่น รุ่นใหญ่ พากันไปยืนเต้น ทั้งโยกทั้งกระโดด ทั้งสบัดหัวไป-มา มั่วซั่วกันไปหมด ไม่รู้ใครเป็นใคร เป็นภาพที่ทุกคนกำลังสนุกส์ ทั้งมันส์ทั้งเมา
...........และในตอนนั้นตัวผมก็ไม่พลาด ที่จะนั่งหันไปจ้องตามองดูพวกพนักงานสาวๆ ที่ออกไปยืนโยกตัวเต้นหน้าลานเวที โดยเฉพาะพวกที่ใส่กระโปรงทรงเอสั้นๆรัดๆ และยิ่งเป็นผู้หญิงกลุ่มที่แต่งตัวแนวนักเรียนญี่ปุ่น ที่ใส่เป็นกระโปรงบานๆสั้นๆจีบรอบตัว ที่มีทั้งสาววัยรุ่น สาวใหญ่  มองดูแล้วได้ลุ้น และยิ่งในจังหวะกระโดดตัวขึ้นกับเพลงท่อนฮูค ภาพที่กระโปรงบานๆกระพรือเปิดขึ้นตาม ทำให้มองเห็นเกือบทั้งหมด ในส่วนลับที่กระโปรงปกปิดไว้ ทั้งโคลนต้นขา ง่ามขา รวมทั้งเป้าสามเหลี่ยม ที่โผล่แว๊บๆออกมาให้เห็น  ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่จะใส่ถุงน่องสีเนื้อและก็มีกางเกงสเตย์ซับในสีดำขาสั้นกุดใส่ทับเซฟไว้ แต่มองดูก็เห็นเป็นเป็นเซฟ (shape ) สัดส่วนในส่วนนั้น ทั้งต้นขาใหญ่ ต้นขาเล็ก โหนกหีใหญ่ โหนกหีแบน และทั้งก้นใหญ่ก้นรีบ รวมทั้งอิริยาบถที่พนักงานหญิง ได้ปลดปล่อยออกมาโดยการเต้น ส่วนตัวผมก็รู้สึกมีอารมณ์ตามกับภาพที่เห็นในตอนนั้น
..............ในจังหวะผมหันไปมองสาวๆ ที่กำลังเต้นมันส์กัน ผมมองดูกำลังเพลินๆ....แต่อยู่ๆก็มีกลุ่มผู้หญิงสามคน ได้เดินถือแก้วเหล้าแหวกฝูงชนที่เต้นกันอยู่ โดยเดินมาจากอีกฝั่ง และได้มายืนโยกตัวเบาๆที่ฝั่งผมนั่ง  ซึ่งห่างจากที่ผมนั่งแค่เมตรกว่าๆ และผู้หญิงแก๊งสามคนนั้น ก็คือพนักงานต้อนรับ และธุระการส่วนของชั้นล่าง โดยที่ผู้หญิงสองในสามคนนั้น ผมไม่เคยเห็นหน้าและไม่รู้จัก(เพราะน่าเป็นคนเข้าใหม่) แต่ที่ผมเคยเห็นและพอรู้จักแบบคร่าวๆก่อนหน้า นั่นก็คือเฟิร์น เมียพี่นพ และทั้งสามคนจะแต่งชุดย้อนวัยในconcept ชุดนักศึกษาแบบเต็มยศ ไม่ใช่มีแค่เสื้อและโปรง แต่มีทั้งเข็มติดหน้าอก ทั้งกระดุมเงิน ทั้งตุ๊งติ่งใส่ติดมาครบหมด (ซึ่งเป็นของมหาลัยเอกชนแถวบางเขน)  ในตอนนั้นผู้หญิงสองคนที่ยืนเต้นข้างๆเฟิร์นแต่งชุดนักศึกษา แต่ใส่เป็นกระโปรงพลีทยาวดูเรียบร้อย และซึ่งมันต่างกันกับเฟิร์น "แบบฟ้ากับเหว" แค่ผมมองเห็นเฟิร์นตั้งแต่ไกลๆ อารมณ์ผมก็เงี่ยนขึ้นมาตามทันที นอกจากหน้าตาเธอที่ ดูแรด ดูยั่วแล้ว วันนั้นเฟิร์นใส่ชุดนักศึกษาได้ยั่วมาก ไล่ตั้งแต่เสื้อเชิ๊ตขาวที่รัดตัวจนกระดุมบริเวณที่รัดสองเต้าได้ปริออกเป็นช่อง จนเห็นยกทรงสีดำ และที่สำคัญกระโปรงที่เธอใส่เป็นทรงเอผ่าหลังเป็นทรงเอวต่ำ ทั้งสั้นและรัดแน่นทั้งสะโพกและต้นขา กระโปรงที่เธอใส่ยาวน่าจะแค่10-12"  แค่เฟิร์นยืนเฉยๆเป้าด้านหน้าและแก้มก้นด้านหลังก็แทบจะโผล่แล๊บออกมา จากชายระโปรงล่างเธอแล้ว (เธอสุดจริงๆ)
............และสิ่งที่ทำให้ผมเงี่ยนขึ้นไปอีก เพราะสิ่งที่ผมเห็น  ในจังหวะที่เพลงเร็วกำลังร้องสนุก ทุกคนกำลังยืนเต้นกันอย่างเมามันส์ ทุกสายตาก็มองขึ้นไปที่เวที  และตัวเฟิร์นที่กำลังเต้นๆอยู่ เฟิร์นก็ได้เดินหันตัวเอาแผ่นหลังแนบชนกันกับหลังเพื่อน โดยเอาหลังสีกัน แล้วค่อยๆเต้นส่ายตัวย่อเอวลงมา แล้วเอามือทั้งสองจับที่ต้นขาทั้งสองข้างเธอ พร้อมกับถ่างขาสองข้างแยกออก(อ่าซ่า) แล้วยืนสบัดเอวกระเด้าแบบรัวๆ เน้นๆ มาทางที่ผมนั่ง.....โอ้วครับ.....แม่เจ้า.....ภาพที่กระโปรงรัดๆสั้นๆเธอได้เลื่อนขึ้นไปค้างที่เอว ตามการแยกขา ทุกอย่างตรงเป้าสามเหลี่ยมขนาดใหญ่ โผล่ออกมาให้ผมเห็นทั้งยวง  และที่สำคัญเฟิร์นเธอไม่ได้ใส่ซับในเซฟด้วยซ้ำ ภาพที่ผมเห็นด้านบนเป็นถุงน่องสีเนื้อรัดแนบเป้าเเน่นมีเส้นตะเขปถุงน่องผ่ากลางเป้า มองผ่านทะลุเข้าไปจะเห็นเป็นกางในสีดำ ที่ห่อหุ้มรัดแน่นที่เป้า ชัดเจนมาก.....วินาทีนั้นผมนั่งดูแล้วใจสั่นมาก  ซึ่งเฟิร์นยืนย่อตัวกระเด้าแช่นานมากกว่าจะหยุด (แช่เกือบๆ30วิ) จากนั้นเฟิร์นก็ยืดตัวขึ้นยืนและดึงกระโปรงนักศึกษาลง แล้วยืนเต้นต่อ
..........ซึ่งจังหวะที่เฟิร์นยืนเต้นกางขากระเด้าลม ในตอนนั้นหลายคนก็ยังไม่ทันสังเกตุเพราะคนแยอะ และผู้ชายส่วนใหญ่มัวแต่เงยหน้าแต่มองแดนเซอร์ที่โยกบนเวที แต่ก็มีบางคนที่เต้นๆอยู่ข้างๆเฟิร์น ที่ได้ยืนมองดู  และหนึ่งในนั่นก็ซื่อกานณ์(ผมรู้จัก)เป็นโฟร์แมนไฟฟ้ารุ่นน้องผมไม่กี่ปี ที่ยืนมองตลอด  และเป็นกานณ์เองพอได้เห็น และคงมีอารมณ์แบบที่ผมมี จึงได้พยามเข้าไปนัวเนียทำเนียน ไปเต้นข้างๆแก๊งสามสาวตรงนั้น แต่เป้าหมายกานณ์จริงๆคือก็ตัวเฟิร์น  โดยอาศัยลูกไม้เก่านั่นก็คือคนรู้จักกัน (สองคนอยู่อ๊อฟฟิศล่างด้วยกัน) ซึ่งกานณ์ที่รู้จักกับแก๊งนั้นอยู่แล้ว จึงสามารถจับแขน ดึงตัวเฟิร์นเข้ามาหาแล้ว ส่วยเอวโยกตัวเข้าหากันชวนให้เฟิร์นมาเต้นด้วย  ซึ่งจริงๆมันก็ดีสำหรับผม เพราะท่าเต้นเฟิร์นก็ขยับตัวมากขึ้น ทำให้กระโปรงเธอก็ล่นขึ้นสูงตลอด บางช๊อตก็เห็นเป้าปลายสามเหลี่ยมโผล่ออกมา บางท่าก็เห็นแก้มก้มโผล่ออกทั้งสองข้าง ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ผมมองตามควยผมโด่แข็งขึ้นตลอด  และพอเต้นได้สักพักใหญ่ๆเฟิร์นกับเพื่อนก็หยุดเต้น แล้วเดินกับไปนั่งที่โต๊ะ
...........ในห้วงเวลาที่เพลงเร็วๆมันส์ๆ ขับร้องอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในเวลาเดียวกัน พนักหลายๆคนก็เข้าๆออกๆจากหน้าเวที  เหนื่อยก็พักเติมเหล้า เมาก็เข้าไปเต้นต่อ  และเฟิร์นกับเพื่อนก็เข้าๆ-ออกๆ ที่ลานหน้าเวลาทีตลอด แต่ส่วนมากเฟิร์นก็จะเลือกจะไปเต้นที่โซนอีกฝั่งโต๊ะที่เธอนั่ง หรือไม่ก็เต้นบริเวณกลางๆวงซึ่งคนเต้นแยอะๆ ผมก็พยามจะมองเธอตลอด สลับกับมองบนเวที  จนเวลา3ทุ่มกว่าๆ น้องๆ2สถาปนิกที่มาด้วยกับผม พอจะเริ่มเมาก็ขอตัวลุกขึ้นเดินไปเต้นที่หน้าเวที  ในตอนนั้นที่โต๊ะผมจึงเหลือแค่ผมและหัวหน้าแผนก และก็น้องในแผนกที่เป็นผู้หญิง และเป็นเวลาเดียวกันที่ เอ๋ โฟร์แมนไฟฟ้า เพื่อนรุ่นน้องที่สนิทกับผม(ร่วมงานกันบ่อยๆ) ก็เดินออกจากหน้าเวทีแล้วเดินมาหาผม โดยเอ๋ก็พยามชวนผมไปเต้น แต่ผมก็ปฎิเสธไป เอ๋จึงเดินกลับไปเต้นต่อ....แต่ไม่กี่นาทีเอ๋ก็เดินมาหาผมอีกที แล้วชวนให้ผมไปนั่งที่โต๊ะอีกฝั่งโซนอ๊อฟฟิศชั่นล่าง และในตอนนั้นผมตกลง เพราะในตอนนั้นผมก็รู้สึกว่าโซนที่ผมนั่งอยู่ เริ่มจะไม่สนุก เพราะกลุ่มสาวๆที่ยืนเต้นรอบๆโต๊ะ ก็พากันไปหน้าเวทีเกือบหมด ผมจึงเดินตามเอ๋ไปอีกฝั่ง โดยเดินผ่านโซนผู้บริหารไป
..........พอผมข้ามไปอีกฝั่งโซนนั่ง ซึ่งเป็นโต๊ะกลมที่อยู่ติดกับแถวลานหน้าเวทีเหมือนกัน แต่ตอนนั้นผมนั่งหันหลังให้เวที เพราะว่าเก้าอี้ที่เหลือที่หันไปหน้าเวที ก็ถูกกระเป๋าพนักงานโต๊ะนั้นวางกันหมด และในตรงนั้นก็มีเอ๋นั่งข้างๆซ้ายมือผมนั่งชงเหล้า และถัดไปที่โต๊ะติดกัน ด้านขวามือผมเยื้องไปด้านหน้าผมประมาณ1 เมตร ก็มีพี่นพแฟนของเฟิร์นที่กำลังนั่งกินเหล้ากับพนักงานซ่อมบำรุง ซื่ออาร์ม และในตอนนั้น ด้วยความที่เคยทำงานร่วมกันมา หมด ตัวผมกับเอ๋ พี่นพ และอาร์ม ก็นั่งกินเหล้าคุยกัน ในเรื่องทั่วๆไปและระหว่างที่นั่งคุยผมก็มองไปที่พี่นพซึ่งแกก็จะดูนิ่งๆ ทำตัวหวานเย็นเหมือนที่แกเป็น แต่ตอนนั้นผมก็รู้ว่าแกก็คงเมาไม่น้อย เพราะแกเป็นคนกินเหล้าเพียวไม่ผสม  จนกระทั่งมีจังหวะผมนั่งหันหลังมองไปที่หน้าเวทีอีกครั้ง เพราะอยากจะดูว่าหน้าเวทีสนุกแค่ใหน โดยลานเต้นหน้าเวทีก็ห่างจากผมแค่ 5-7เมตรเท่านั้น และภาพที่ผมเห็นแก๊งกลุ่มเฟิร์น3คน กำลังเต้นแบบสุดเหวียง โดยมีพนักงานชาย4-5คน พยามเต้นข้างๆพวกเธอแบบคลอเคลียสลับคู่กันไปมา ซึ่งก็เป็นพนักชายฝ่ายช่างที่พวกเธอรู้จัก แต่ที่ทำให้ผมมองดูแบบไม่กระพริบตา นั่นก็เพราะเป็นช่างโป้ง(ไอ้หงอก) ที่เต้นคู่กับเฟิร์น โดยที่ทั้งสองก็หันข้างส่ายสะโพกชนกัน บางครั้งก็จับมือเฟิร์นยกชูขึ้นแล้วใช้สองมือจับไปที่เอวเฟิร์นพร้อมกับส่ายเป้าร่อนควยไป-มา ด้านหน้าเฟิร์น และสิ่งที่ผมสังเกตุการเต้นของช่างโป้งรวมไปถึงผู้ชายที่เต้นๆในกลุ่มนั้น สายตาจะเหล่มองที่บริเวณเป้าของเฟิร์นตลอด เพราะทุกครั้งที่เฟิร์นขยับตัวกระโปรงเธอที่มันทั้งสั่นและรัด จะถลกเลื่อนขึ้นอยู่ตลอด จนเป้าด้านหน้าและแก้มก้นด้านหลับแล๊บออกมา( แบบชัดเจน ) แม้ว่าเฟิร์นก็จะพยามจับดึงลงทุกครั้ง เหมือนทุกคนที่เต้นอยู่ก็มองเห็นกันมาตลอด ซึ่งชุดที่เฟิร์นใส่ก็ดูยั่วควยอยู่แล้ว แถมยังได้มายืนมองเป้าและแก้มก้นแล๊บออกมาให้เห็นใกล้ๆจ๊ะๆ ใครๆก็คงอยากมองทั้งนั้น รวมถึงตัวผม
............จนกระทั้งในตอนนั้นบนเวทีก็เปลี่ยนไปร้องเพลงช้า ทุกคนก็ทยอยเดินกลับโต๊ะ และตัวเฟิร์นเองก็ได้เดินเข้ามา ด้วยท่าทางที่เมามาก(เธอเดินเซ)พอมาถึงที่โต๊ะ เฟิร์นก็ได้เดินอ้อมเอาสองมือคล้องที่คอพี่นพจากด้านหลัง แล้วเหมือนจะพยามให้พี่นพลุกขึ้นมาเต้นเบาๆกับเธอ ในทำนองเพลงร๊อกจังหวะช้าๆ แต่พี่นพด้วยบุคลิกและเป็นผู้ใหญ่ก็ไม่ลุกขึ้นตามที่เมีย(เฟิร์น)บอก เฟิร์นด้วยอาการที่เมาก็ยังยืนชูไม้ชูมือร้องเพลงตามเสียงเพลง ขณะเดียวกันที่ช่างโป้งกับพวกก็เดินมาถึง แล้วช่างโป้งก็ขยันหันเก้าอี้มาทางพวกผมใกล้ๆที่เฟิร์นยืน ...และจังหวะนั้นเอง...อยู่ๆเฟิร์นเองที่มีอาการเมา ก็ทิ้งตัวลงไปนั่งที่ตักช่างโป้ง (แบบที่ก้นเธอทับลงไปเต็มๆเป้าควยช่างโป้ง) แล้วเฟิร์นก็ยังคงแหกปากร้องเพลงต่อ ทุกคนที่เห็นก็พากันหัวเราะลั่น จนพี่นพผัวเธอหันกลับไปมอง แต่ก็ยิ้มๆไม่ได้ว่าอะไร แต่ด้วยช่างโป้งเห็นเป็นเมียเพื่อน ก็ได้จับเอวยกเฟิร์นขึ้นยืน แต่ช่างโป้งก็ยังอาศัยลูกตามน้ำเอามือซ้ายขึ้นมาจับและกดบีบที่หน้าอกฝั่งขวาเฟิร์น (เต็มๆแบบตั้งใจ) แต่ทำเป็นเนียรพยุงตัวเฟิร์นมานั่งเก้าอี้ข้างๆพี่นพ ผมและเอ๋ที่เห็นชัดเจน จนผมสองคนก็หันหน้ามายิ้มให้กัน (ประมาณว่าพี่หงอกเอาอีกแล้ว)
............จนกระทั้งผมนั่งได้สักพักก็ทนฟังช่างโป้ง พูดจาโอ้อวด พ่นขี้ฟันไม่ไหว (คนไม่ชอบหน้ากัน) ผมจึงขอตัวกลับไปที่โต๊ะฝั่งอ๊อฟฟิศชั้น10 ที่เดิม  ในขณะเดียวกันนั้นบนเวทีก็เริ่มเล่นเพลงเร็วอีกครั้ง  ตัวผมที่นั้งตรงนั้นสักพักใหญ่ๆผมก็อยากสูบบุหรี่  โดยจุดที่ให้สูบบุหรี่ห่างจากโต๊ะผมประมาณ 30 กว่าเมตร  ซึ่งเป็นข้างตึกโกดังด้านฝั่งตรงข้ามเวที เป็นที่นั่งม้าหินอ่อนตรงสวนหย่อมที่ผมเคยไปสูบเมื่อหลายปีก่อน  ผมจึงเดินย้อนผ่านโซนโต๊ะผู้บริหารและโซนโต๊ะอ๊อฟฟิศชั้นล่าง  พอผมกำลังเดินผ่านกำแพงโกดังจะถึงสวน ผมมองไปที่สวนหย่อมซึ่งตรงนั้นได้ถูกจัดสวนใหม่ มีไฟกิ่งตามแนวพุ่มไม้และพุ่มต้นเข็ม มันเลยดูไม่มืดมากแบบเมื่อก่อน (แต่ก็ไม่ได้สว่างจ้า) จังหวะที่ผมเดินเข้าไปถึง ก็จะมีพนักงาน4-5คนทั้งหญิงและชาย ที่ยืนสูบบุหรี่และยืนคุยกัน ตรงหน้าทางเดินเข้าสวนหย่อมบนฟุตบาท ก็ได้เดินสวนผ่านผมออกมา  แต่ผมเองไม่อยากยืนสูบตรงนั่นจึงเดินเลี้ยวซ้ายเข้าไปในสวนที่มีที่นั่ง ซึ่งเดินเข้าไปอีกประมาณ3-4 เมตรจากฟุตบาท  จะเห็นโต๊ะหินอ่อนสีเหลี่ยม และมีม้านั่งเป็นหินอ่อนยาวไม่มีพนักพิง ล้อมโต๊ะทั้งสี่ด้าน ตรงนั้นก็มีอยู่3 โต๊ะ
...........จังหวะที่ผมนั่งลงเสร็จโดยผมนั่งหันหน้าไปที่ถนน และกำลังหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด แต่อยู่ๆก็มีเสียงจากด้านข้างกำแพงโกดัง(ทางขวามือผม).....โอ้วววครับ....ผมหันไปมอง ซึ่งเป็นเฟิร์นที่ถือโทรศัพท์คุยได้เดินผ่าแหวกพุ่มไม้เข้ามา (เธอน่าจะยื่นที่ข้างกำแพงโกดังมาก่อนแต่ผมไม่เห็น) และที่สำคัญจังหวะนั้น ตัวเฟิร์นเดินแบบลักษณะเซไป-มา ได้สดุดขอบหิน(curb)ที่วางแนวทางเดิน จนเกือบจะล้มทำให้รองเท้าผ้าใบสีขาวข้างซ้ายเธอหลุด และเฟิร์นก็ทิ้งรองเท้าไว้ตรงนั้น (เหมือนเธอจะเมามาก)  แล้วได้เดินผ่านหน้าผมไปแบบไม่สนใจผม จากนั้นเฟิร์นก็เดินตรงไปที่โต๊ะหินอ่อน ที่ติดกับโต๊ะที่ผมนั่งห่างกันแค่2เมตร ....และที่ยิ่งไปกว่านั้น จังหวะผมได้หันไปมองตาม...โอ้ววว....แม่เจ้า.....เฟิร์นหันหน้ามาทางที่ผมนั่ง มือข้างขวาถือโทรศัพท์ มือซ้ายท้าวศอกที่ขอบโต๊ะหินอ่อน แล้วก้มหน้ามองพื้นคุยโทรศัพท์ต่อ โดยที่ขาทั้งสองข้างได้ถ่างแยกออกด้วยท่านั่งคล่อมกับม้านั่งหินอ่อนยาว (ถ่างออกเกือบๆ90 องศา)  ภาพที่ผมเห็น กระโปรงนักศึกษาสีดำสั้นๆรัดๆ ได้ย่นขึ้นเลื่อนขึ้นไปกองที่เอว มองแทบไม่เห็นว่าใส่กระโปรงเลยด้วยซ้ำ ทำให้ทุกๆอย่างตรงเป้าของเฟิร์นได้โผล่ออกมาให้เห็นทั้งสะโพก  ไล่ตั้งแต่ถุงน่องสีเนื้อและกางเกงในสีดำด้านใน ที่รัดแน่นตึงที่เป้าหี รวมไปถึงสัดส่วน รูปทรง ขนาด และความนูนโค้งของโหนกหี ทุกๆอย่างได้เปิดออกมาให้ผมเห็นจนหมด
............ภาพที่เฟิร์นนั่งก้มหน้าเอามือซ้ายกุมหัวขยี้ผมและคุยโทรศัพท์อยู่ เธอไม่ได้สนใจอะไรทั้งนั่น โดยที่ตัวผมเองได้นั่งสูบบุหรี่หันไปมอง พร้อมกับเอามือขวาผมแอบถูที่เป้าควยตามในสิ่งที่เห็น.....มันเป็นช่วงนาทีที่ผมเห็นแล้วเงี่ยนจริงๆ  ผมไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มานั่งดูหีเมียชาวบ้านฟรีๆแบบนี้ และที่สำคัญผมมองนั่งมองเธอที่อยู่ในท่านั้น จนบุหรี่ผมสูบหมดไปหนึ่งตัว เฟิร์นยังคงนั่งก้มหน้าพงกหัวอยู่ในท่านั้นตลอด ผมจึงจับบุหรี่ขึ้นมาเพื่อจุดสูบอีกตัว เพื่อที่จะมองให้มันหนำใจไปเลย และจะได้อ้างได้ว่าแค่นั่งสูบบุหรี่ไม่ได้นั่งดู ระหว่างที่ผมสูบบุหรี่ตัวที่สองได้นิดหน่อย เฟิร์นก็ยกหัวขึ้นแล้ววางโทรศัพท์บนโต๊ะ พร้อมกับหยีตาในท่าทางสะลึมสะลือ มองมาที่ผมแล้วพูดขึ้นว่า " นั่น...นั่นใครน่ะ.....พี่หนูขอบุหรี่ตัวหนึ่งชิ....ขอหนูตัวหนึ่ง"  พร้อมกับกวักมือเรียกผมให้ผมเอาไปให้ และในตอนนั้นผมไม่ได้ตอบเธอ แต่ผมได้ลุกขึ้นพร้อมกับบุหรี่หนึ่งตัวแล้วเดินไปโต๊ะที่เฟิร์นนั่ง พอผมยื่น
บุหรี่ให้และเฟิร์มหยิบขึ้นไปคาบ จากนั้นผมก็รีบจุดไฟต่อบุหรี่ให้ (ในตอนนั้นเฟิร์นไม่สน และไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผมเป็นใคร)  และในตอนนั้นผมได้กลิ่นเหมือนเป็นกลิ่นคาวอวกเบาๆ แต่เธอไม่อวกใส่ตัวเหมือนกลิ่นมันติดแค่ที่ปาก  ระหว่างนั่นผมก็ถอยเดินกลับไปโต๊ะ 
..........ในขณะที่ผมกลับไปนั่งที่เดิม และหันไปมองเฟิร์นอีกรอบ ผมได้เห็นเธอเงยหน้าสูบบุหรี่ไป2-3 ที จากนั้นเฟิร์นก็นั่งเอี้ยวลำตัวเอาหน้าหนุนที่แขนซ้าย แล้วซบหน้าลงไปที่โต๊ะหินอ่อน ส่วนมือขวาวางเยียดตรงไปกับโต๊ะหินอ่อน โดยนิ้วมือขวาเธอที่ยังคีบบุหรี่อยู่  ภาพในตอนนั้นเฟิร์นยังนั่งคล่อมถ่างขาที่ม้านั่ง แล้วเอี้ยวตัวซบหน้าลงโต๊ะ ผมนั่งดูอยู่ตลอดจน แต่เฟิร์นก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นมาหรือจะสูบบุหรี่ต่อ จนกระทั้งบุหรี่ได้ใหม้เกือบจะหมดตัว และในช่วงนั้นผมรู้สึกว่า เธอคงจะเมาไม่ไหวจริงๆ และตัวผมเองก็นั่งดูได้เห็นเป้าหีเฟิร์นจนหมด ควยผมแข็งโด่จนปวด (เรียกได้ว่าหนำใจ)ผมได้ลุกขึ้นเดินไปจับบุหรี่จากนิ้วเฟิร์นทิ้งลงพื้น ในตอนนั้นเฟิร์นก็ยังพอขยับตัวอยู่เล็กน้อย  จากนั้นผมจึงตัดสินใจเดินออกจากส่วนหย่อม เพื่อที่จะไปบอกกับพี่นพผัวเธอให้มาดูเฟิร์น
..........และจังหวะที่ผมเดินไปถึงฟุตบาทด้วยหน้า  ผมมองไปที่โต๊ะกินเลี้ยง....โอ้วววครับ....วินาทีนั้น พนักงานทุกคนกำลังสนุกสุดเหวี่ยงกับเพลงและแดนเซอร์บนเวที แทบไม่มีใครเดินออกมาแถวนี้เลย และจริงๆตรงที่ผมยืนอยู่200กว่าคนตรงนั้น ที่สูบบุหรี่มีไม่ถึง10คน ส่วนมากก็จะบุหรี่ไฟฟ้าและสามารถแอบสูบที่โต๊ะได้เลย  วินาทีนั้นจากสิ่งที่ผมเห็นมันแว๊บเข้ามาในหัวผมทันที  จนผมเองก็ลังเลใจมาก เพราะบรรยากาศ โอกาส สภาพแวดล้อม ซึ่งมันเป็นใจทุกอย่าง รวมทั้งตัวผมเองก็ยังเงี่ยนอยู่เต็มกราฟ จนกระทั้งความหน้ามืดที่ความเงี่ยครอบงำสมอง และผมเองก็ไม่รู้ตัวจริงๆว่าคิดยังไงเหมือนว่าลึกๆผมเสียดาย ในสิ่งที่ผมเพิ่งเห็น(เฟิร์น)ตรงหน้าที่เมามาก ผมคิดแค่ว่าตอนนั้นผมอยากจะทำอะไรได้มากกว่าแค่แอบดู ผมตัดสินใจหันหลังแล้งเดินย้อนกลับไปที่เดิม มุ่งไปโต๊ะที่เฟิร์นนั่ง
.............โอ้ววคับ....พอผมเดินไปถึงจุดที่เฟิร์นนั่ง  สิ่งที่ผมคิดไว้ในหัวมันก็เป็นจริงๆ เพราะตอนนั้นผมไปยืนใกล้ๆเฟิร์น สิ่งแรกที่ผมได้ยินนั่นคือเสียงกรนที่ดังเป็นจังหวะ (เธอหลับ) แต่ในนาทีนั่นผมเองก็ไม่กล้าจะทำอะไรทั้งนั้น เพราะผมก็ไม่รู้ว่าเฟิร์นหลับลึกแค่ใหน หรือแค่เพิ่งหลับ อาจจะตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นไปได้  ในวินาทีนั้นผมก็กกล้าๆกลัวๆ แต่สิ่งที่ผมได้ตัดสินใจมาขนาดนี้ ผมจึงกลั่นใจโดยใช้สองมือจับที่แขนเธอ แล้วเขย่าตัวเฟิร์นเบาๆ แล้วพูดขึ้นเบาๆว่า " น้องๆ น้องคับ เป็นอะไรรึเปล่า น้องเมาใช่ใหม? " แต่สิ่งที่ผมรับรู้ตอนนั้น เฟิร์นไม่มีการตอบโต้ผมกลับเลย ยังคงฟุบหน้านอนกรนเหมือน...โอ้วววครับ....วินาทีนั้นผมรู้สึกว่าเธอน่าจะน๊อคไปจริงๆ  ผมได้ตัดสินใจอีกครั้ง โดยผมขยับเดินไปด้านหลังเฟิร์น แล้วมองดูรอบๆซึ่งก็ยังไม่มีใครเข้ามา ผมตัดสินใจจับที่ตัวเฟิร์นตรงที่ไหล่สองข้างแล้วเขย่าตัวเธอเบาๆอีกครั้ง  และทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม จากนั้นตัวผมที่หน้ามืดและเงี่ยน ผมได้เลื่อนสองมือผมลงจากไหล่ลงมาที่ใต้ราวแขนทั้งสองข้างเฟิร์น (ผมทำเป็นว่ากำลังจะเขย่าตัวเบาๆ และพูดเบาๆเหมือนจะปลุกเธอ...) สิ่งที่เกิดขึ้นเฟิร์นยังนอนนิ่งไม่ตอบสนอง จนกระทั้งผมเริ่มได้ใจ และผมได้ตัดสินใจย่อตัวลงต่ำ พร้อมกับเลื่อนผ่ามือสองข้างจากใต้รางแขนเธอ เลื่อนเข้าไปจับที่สองเต้านมของเฟิร์น(เต็มๆมือ) จากทางด้านหลัง(แบบตั้งใจจับ) โดยที่ผมจับเต้านมเธอพร้อมกับนวดบีบและคลึงแบบเน้นๆทั้งสองข้าง จับนวดผ่านเสื้อนักศึกษาที่รัดๆ..ในแบบจังหวะ บีบช้าๆ...เค้นเน้นๆ...ผมรู้สึกได้เลยถึงความใหญ่และนุ่มยวบยาบตามมือที่บีบ...(ผมโครตฟิน)
.......ในระหว่างที่ผมย่อตัวเอามืออ้อมไปบีบเต้านมเฟิร์นอยู่ ซึ่งผมก็มั่นใจมากขึ้น และสิ่งที่ผมอยากสัมผัสมากกว่าหน้าอก นั่นคือเป้าหีเฟิร์นที่ยังนั่งถ่างขาคล่อมเก้าอี้เปิดหวออาซ่าอยู่  ผมได้ปล่อยมือขวาผมจาหน้าอก แล้วเลื่อนผ่ามือขวาผมจับกุมไปที่กลางง่ามขากลางเป้าสามเหลี่ยมเธอทันที  แล้วค่อยๆเลื่อนผ้ามือลูบถูไปกลางเป้าแบบช้าๆเบาๆ  มือผมสัมผัสได้ถึงความลื่นปนสากของเนื้อถุงน่องที่รัดแน่นเป้าของเฟิร์น....เป็นวินาทีที่ผมโครตฟิน มือซ้ายบีบเต้านวดหน้าอกใหญ่ มือขวาผมลูบเป้าหี......จนในช่วงที่ผมทำแบบนั้นได้ประมาณหนึ่งนาทีกว่า  ผมก็ปล่อยมือทุกอย่างจากตัวเฟิร์น เพราะผมกลัวพลาดมีคนเผลอเข้ามา  (ใจผมยังกล้าๆกลัวๆ)  แต่ทุกอย่างก็ยังปกติ  แต่ผมไม่กล้าจะทำต่อในท่านั้นเพราะว่า ถ้าใครมายืนแถวฟุตบาท ถ้าหันมาสังเกตุจะเห็นว่ามีคนฟุบหลับบนโต๊ะ  ผมจึงตัดสินใจอีกครั้ง โดยการค่อยๆเอามือสองข้างประคองจับตัวเฟิร์นที่นอนเอี้ยวพุบบนโต๊ะ โดยการดึงตัวเฟิร์นมา แล้วหย่อนลำตัวเฟิร์นลงนอนราบไปกับเก้าอีม้าหินยาว เพื่อที่จะได้พลางตาคน (ถ้าไม่เข้าหรือสังเกตุมองอาจจะไม่เห็น) แต่ในตอนนั้นเฟิร์นก็มีขยับตัวบ้าง และบ่นพรึมพร่ำ  พูดไม่ได้ศัพท์ เหมือนว่ากำลังฝันอยู่
............จนกระทั้งตัวเฟิร์นอ้าปากค้าง นอนหงายราบไปกับม้านั่งโดยที่ขาสองข้างยังแยกกางออก ผมยืนตัดสินใจอยู่หลายวิ  ว่าผมจะทำยังไงต่อ  ใจหนึ่งก็กลัวใจหนึ่งก็อยาก เพราะเป็นเฟิร์นบุคลิกที่ดูเอ๊กตัวแม่ แถมยังใส่ในชุดนักศึกษาด้วย  จากนั้นผมไม่รอช้า ผมทำในสิ่งที่ผมอยากทำ นั่นคือการที่ผมย่อตัวลงนั่งคุกเข่า ข้างๆตัวเฟิร์นด้านซ้ายเธอ ที่ยังนอนหงายบนม้านั่งยาว ผมได้ยื่นหน้าก้มมุดเข้าไประหว่างขาเฟิร์น แล้วเอาจมูกดันแนบเข้าไปที่กลางเป้าหีเฟิร์น แล้วสูดดมและเลียไปทั่วบริเวณเป้าสามเหลี่ยมเธอ บนถุงน่องและกางเกงในสีดำ พร้อมด้วยมือสองข้างยื่นเหยียดไปบีบนวดเต้านมทั้งสองข้างเธอไปพร้อมๆกัน วินาทีนั้น..นอกจากกลิ่นเหมือนน้ำหอมจากเฟิร์น ก็เป็นกลิ่นอับจากเป้าหีเธอ ซึ่งที่แรงมาก แต่ตอนนั้นผมไม่ได้ใส่ใจ คงเป็นเพราะเธอเต้นมากจนเกิดกลิ่น....ผมนั่งสูดดมและบีบหน้าอกเธอได้หนึ่งนาทีกว่าๆ ผมรู้สึกว่าผมใช้เวลานานไปมาก ผมจึงยกหัวขึ้นแล้วตัดสินใจรูดซิปกางเกงผ้า แล้วจับท่อนควยที่แข็งโด่ ออกจากขากางบ๊อกเซอร์ จากนั้มผมก็ได้ทำสิ่งที่มันเสี่ยงๆอีกครั้ง โดยการเอาสองมือจับขอบถุงน่องพร้อมทั้งกางเกงในสีดำของเฟิร์นเพื่อดึงลงมา วินาทีนั้นด้วยถุงน่องที่รัดแน่น สะโพกของเธอที่ใหญ่ มันถอดยากกว่าที่ผมคิดเพราะมันรัดมาก (ผมต้องออกแรงแบบระมัดระวังเพราะกลัวถุงน่องขาด)  พอผมดึงถุงน่องเธอลงมาพร้อมกับกางเกงในสีดำผิวผ้าเรียบแบบไร้ขอบของเธอ ม้วนลงมาด้วยกันจนเสร็จ....โอ้ววครับ....ภาพที่ผมเห็น...จากแสงไฟที่ส่องผ่าน   ภาพโหนกหีที่นูนโค้งของเฟิร์น(ขนาดใหญ่กำลังดี) มีขนหมอยบนเหนือสองครีบหี ที่ดกดำเป็นพุ่ม ตรงกลางครีบมีร่องแยกผ่ายาวลงมา และมีเม็ดแต็ดเป็นช่อสีดำคล้ำ ปลิ้นออกมาจากร่องกลาง ส่วนหน้าท้องและสีข้างสะโพกมีเส้นแตกลายงาชัดเจน  (ซึ่งเพราะเธอเป็นแม่ลูก1 เลยท้องลาย )  และที่สำคัญกลิ่นส่วนลับของเฟิร์นก็แรงยิ่งกว่าเดิม มันเป็นกลิ่นเค็มเยี่ยวปนกลิ่นคาวอับชื้น  (กลิ่นเหมือนกางเกงในไม่ซัก)
............พอทุกอย่างด้านล่างของเฟิร์นได้ถูกผมเปิดออกมาหมด  ผมมีเวลาไม่มากในสถาณะการณ์ตรงนั้น ผมไม่กล้าจะลักหลับเธอด้วยการสอดใส่ที่รู เพราะผมกลัวจะเป็นเรื่องและทิ้งหลักฐานเพราะถ้าเอาควยสอดใส่ ยังไงเธอก็รู้ตัวตอนส่างเมา ผมตัดสินใจเปลี่ยนความคิดด้วยการนั่งคุกเข่า จับท่อนควยชักเว้าไปพร้อมกับการก้มหน้าลงไป แล้วใช้ลิ้นเลียที่ช่อเม็ดแตดเธอ แบบเบาๆบางๆเอาลิ้นเฉียดๆสกิดๆแทน แม้ว่ากลิ่นเค็มเยี่ยวและกลิ่นอับตรงนั้นจะแรง แต่ด้วยความกระสันของผม  ในระหว่างที่ผมใช้ลิ้นเลียและมือซ้ายชักเว้าตาม ผมเหล่ตามองขึ้นไปมองที่หน้าเฟิร์น ที่กำลังหลับไม่ได้สติ แถมยังอ้าปากหายใจเข้าออกแรง  ผมย้อนนึกถึงก่อนหน้านั้น ทุกครั้งครั้งที่ผมเห็นเธอ ผมยอมรับว่าผมมองหน้าเธอ ผมมีอารมณ์ตลอด  ยิ่งภาพที่เธอยืนย่อตัวกางขาเต้นกระเด้าลมเมื่อไม่กี่ซั่วโมงก่อน ผมก็ยิ่งเงี่ยนขึ้นไปอีก  เพราะด้วยหน้าตาเฟิร์นที่ดูดี แบบดูแรด ดูเอ๊ก และดูเป็นคนแรงแบบคนมั่นใจสูง  ที่สำคัญยังชอบใส่กระโปรงสั้นเดินโชว์ขาอ่อนไปทั่ว ตอนนั้นผมไม่รู้หรอกว่าผู้ชายที่อยู่ชั้นล่างเกือบ20คน ที่อยู่กันมาเป็นปีๆจะเห็นเธอแล้วมีอารมณ์ขนาดใหน หรือจะมีใครพยามแอบส่องดูกางเกงในเธอบ้าง  แต่ที่ดูจากการเข้าไปรุมล้อมเต้นกับเฟิร์นวันนี้  ก็น่าจะบอกได้ว่าทุกคนก็อยากกับเธอมากขนาดใหน  แต่ก็คงทำได้ดีสุดแค่นั้น เพราะผัวเธออยู่ทั้งคน แถมยังอยู่แผนกเดียวกัน....แต่ผมที่อยู่ตรงนี้ เห็นเธอแค่4ครั้ง ผมกลับได้มาเห็นหี  ได้จับนม  แถมยังกำลังนั่งเลียติ่งหี หีที่มีแต่ผัวเธอเท่านั้นที่ควรได้เสียบ ได้เลีย แบบถูกตามกฎหมาย  "แต่ตอนนี้ผมได้เลีย" ....โอ้ววครับ จังหวะผมนึกย้อนกับสิ่งที่เกิดขึ้น น้ำเว้าผมจะพุ่ง ผมรีบลุกขึ้นแล้วปล่อยไปที่แก้มซ้ายเฟิร์น.....เต็มๆ.....(และน้ำเว้าผมแยอะมากนองเต็มแก้มเธอ)
...........ในจังหวะที่น้ำผมพุ่ง มันเหมือนกับฟ้าเปิด ความเงี่ยนหายไป พร้อมกับผิดชอบชั่วดีได้เข้ามา ตอนนั้นผมพะวงไปหมด ผมรีบเอามือผมขวาผมไปลูบน้ำเว้าที่นองเต็มแก้มเฟิร์น โดยที่ผมลูบไปทั้วทั้งหน้ารวมทั้งลูบไปที่ริมฝีปากเธอ เพื่อจะได้ให้น้ำเว้ากระจายสลายไป   พร้อมทั้งผมรีบดึงถุงน่องและกางเกงในสีดำเธอขึ้นจนเสร็จ และพยามจัดให้เหมือนเดิมที่สุด  และก่อนที่ผมจะไปผมได้จัดท่าเฟิร์นใหม่โดยยกตัวเธอจากนอนหงาย มาเป็นนั่งเป็นท่าปกติ แบบเข่าชิดก้มหน้าซบไปที่โต๊ะหินอ่อน ตอนนั้นผมเองก็กลัวเธอจะรู้สึกตัว เพราะในจังหวะที่ผมจับนั่งเธอ เฟิร์นได้ขยับตัวงัวเงียเหมือนจะตื่น แต่สุดท้ายก็ยังหลับต่อ (ใจผมหล่นไปตาตุ่ม) พอผมจัดทุกอย่างเสร็จผมก็จัดแจงตัวเอง พร้อมกับผมรีบไปเก็บรองเท้ามาใส่ให้เฟิร์นข้างที่หลุด แล้วลุกเดินไปที่ฟุตบามหน้าสวน  ตอนนั้นผมไม่แต่ใจว่าใครจะสงสัยอะไรหรือเปล่า โดยเฉพาะพี่นพที่ไม่เห็นเมียแก เพราะผมรู้สึกว่าผมใช้เวลาทุกอย่างตั้งแต่เจอเฟิร์นเดินมา ก็เกิน20นาที 
..........ตอนนั้นผมไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่สิ่งที่ผมคิดได้เร็วๆและต้องทำในตอนนั้น  นั่นคือผมได้รีบโทรไปหาเอ๋โฟร์แมนไฟฟ้า โดยบอกว่าผมเดินออกมาจะสูบบุหรี่ แต่เห็นแฟนพี่นพนอนเหมือนจะเมาอยู่ที่โต๊ะในสวน  เลยฝากบอกเอ๋บอกพี่นพให้มาดู พอผมโทรเสร็จ  ไม่เกิน2นาที พี่นพก็เดินตรงมา โดยมีอีก2คนเดินตามหลังมา นั่นคือเอ๋ และก็ช่างโป้ง (ซึ่งผมไม่รู้จริงๆว่าไอ้หงอกจะตามมาทำไม)  พอพี่นพเจอผมก็ถามผมว่า เมียเขานอนอยู่ตรงใหนผมก็ชี้บอกไป จากนั้นพี่นพก็เดินเข้าไปหาเฟิร์น โดยที่ไอ้หงอกก็ได้เดินตามเข้าไปด้วย  มีแค่ผมและเอ๋ยืนมองอยู่ด้านนอกตรงฟุตบาท และทันใดนั้นเองก็มีเสียงช่างโป้งพูดขึ้นว่า " นพ เอ็งไปถนนใหญ่เรียกแท็กซี่มาเลย สภาพมัน(เฟิร์น)ไม่ไหวแล้วหละเอ็งพาไอ้เฟิร์นกลับเลยดีกว่า เดี๋ยวกูไปพากลับ " จากนั้นช่างโป้งก็ได้เดินออกมาบอกเอ๋ว่า " เอ๋ เอ็งเดินกลับไปหยิบกระเป๋าพี่และของสองคนนั้นมาพี่จะรอ"  พอช่างโป้งพูดจบพี่นพก็เดินสวนออกไปที่ถนนใหญ่ ที่ห่างจากสวนตรงนั้นประมาณ 15 เมตร และเอ๋ก็หันหลังเดินกลับไปเอาของ  พร้อมกันที่ช่างโป้งหันหลังเดินตรงไปที่เฟิร์น  ผมเองอาศัยจังหวะนั่น โดยทำทีจะเดินตามเอ๋กลับไปที่โต๊ะ แต่ตอนนั้นผมคิดได้ว่าผมควรจะอยู่เพื่อจะดูว่า มีอะไร หรือใครสงสัยอะไรบ้าง ผมจึงชื่งย่องเบาเดินหลบเลี้ยวขวา ไปที่ทางเดินริมตึกโกดัง ซึ่งด้านซ้ายเป็นกำแพงโกดัง ด้านขวาเป็นต้นไม้และพุ่มไม้กันระหว่างทางเดินกับสวนหย่อม (ที่เฟิร์นเดินทะลุมา)
............จังหวะผมเดินก้มตัวย่องเดินเข้าไป จนลึกเกือบสุดซอกทางเดิน ซึ่งมันก็มีกำบังจากพุ่มไม้และต้นไม้ประดับพวกลีลาวดี และดูมืดกว่าด้านหน้าถนน โดยที่ผมแอบยืนเงียบๆ แล้วมองไปที่โต๊ะหินอ่อนที่ห่างจากผม 7-10เมตร  และในจังหวะนั้นเอง.....โอ้วววครับ.....สิ่งที่ผมคิดลึกๆไว้ในใจ....มันได้เกิดขึ้นจริงๆ.....ภาพที่ผมเห็น.....มันเหมือนผมกำลังยืนมองดูตัวผมเอง.....ภาพที่ช่างโป้ยืนตรงด้านหลังเฟิร์นที่ยังฟุบบนโต๊ะ แล้วสอดทั้งมือสองข้างอ้อมหลังล้วงลงไปจับที่หน้าอกเฟิร์น แล้วยืนบีบหน้าอกเฟิร์นเล่น  พร้อมกับสายตาที่ส่ายมองดูคนตลอด...จากนั้นพอช่างโป้งยืนบีบหน้าอกเฟิร์นได้สักพัก ก็ขยับตัวลงมานั่งที่ข้างๆตัวฝั่งซ้ายมือ แล้วใช้มือขวาอ้อมไปคล้องที่เอวขวาเฟิร์น ส่วนมือข้างซ้ายล้วงจกสอดเข้าไปที่เป้าหีเฟิร์นที่ยังฟุบอยู่....โอ้ววครับ....จังหวะนั้นช่างโป้งกำลังนั่งจกหีเฟิร์น แม้ว่าผมจะมองอยู่ด้านหลังเยื้องขวา แต่ท่าทางการกระทำมันชัดเจนมาก......ผมยื่นมองก็รู้สึกเสียวตาม ในสิ่งที่ผมเห็นตรงหน้า
..........ในช่วงเวลานั้น สิ่งที่ผมเห็นช่างโป้ที่ทำฟอร์มนั่งนิ่งๆแล้วล้วงหีเฟิร์นได้นานอยู่หลายนาที  ก็ลุกขึ้นแล้วเดินไปด้านหน้า บริเวณทางเข้าสวนหย่อม พร้อมกันเอ๋ก็เดินหอบกระเป๋าสามคนนั้นมาพอดี จากนั้นช่างโป้งก็พูดขึ้นกับเอ๋ว่า " เอ๋มึงเอากระเป๋ามาให้พี่ แล้วเดินไปหานพบอกให้แท็กซี่วนเข้ามาเลย เฟิร์นตัวใหญ่คงแบกไม่ไหว " จากนั้นเอ๋ก็เดินไปหาพี่นพที่ถนนใหญ่ช่างโป้ก็มองตาม แล้วถือกระเป๋าเดินวางโต๊ะเก่าที่ผมนั่ง......จากนั้นช่างโป้งก็เดินกลับมาที่โต๊ะที่เฟิร์นนั่ง.........และในจังหวะนั้นเอง......ทำผมที่ยื่นควยหดจากที่เพิ่งปล่อยน้ำออกไป....กลายเป็นควยโด่แข็งขึ้นมาอีก...ในสิ่งที่ช้างโป้งกำลังทำ........แม่เจ้า....ภาพที่ช่างโป้ง ชายตัวใหญ่สูง180 อายุสี่สิบกว่าๆ หัวหงอกทั้งหัว จับไปที่ตัวเฟิร์นที่นั่งฟุบเมาแบบไม่ได้สติ และอยู่ในสภาพร่างที่อ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรง ได้จับอุ้มเฟิร์นขึ้นมานอนราบด้านบนโต๊ะหินอ่อน โดยที่ช่วงขาทั้งสองข้างเธอหย่อนลงล่าง จากนั้นช่างโป้งก็ขยับตัวเข้าไปจับที่ขาทั้งสองข้างเฟิร์น แล้วยกขึ้นพาดคอ พร้อมกับก้มหัวเข้าไปสูดดมที่เป้าหีเฟิร์น....ทั้งดมทั้งสบัดหน้าถูไปมาที่เป้าของเฟิร์น......แม่เจ้า....ภาพนั้นผเห็นแล้วเงี่ยนตามทันที
............ในระหว่างช่วงเวลา ที่รอสองคนไปเรียกแท็กซี่มา ช่องว่างของเวลานั้น ช่างโป้ ทั้งก้มดมหี (เดาว่าน่าจะเลียด้วย) ทั้งลุกยืนไปจับบีบหน้าอก รวมทัังยังโน้มตัวก้มหน้าลงไปหอมแก้ม และไซน์ซอกคอเฟิร์น (ทำทุกๆอย่างเท่าที่จะทำได้ในตอนนั้น)  ในสิ่งที่ผมเห็นที้งหมด ผมไม่รู้จริงๆ ว่าจะช่างโป้งมันจะได้กล้าขนาดนั้น  จริงๆผมคิดว่ามันไม่แปลกเพราะผมก็ทำ และตัวเฟิร์นก็ดูยั่วจริงๆ ทั้งก่อนหน้านั้นที่เธอเป็น ทั้งหน้าตา และบุคลิกการแต่งตัว ร่วมถึงท่าทางที่เธอได้แสดงให้เห็น และตอนนี้ยังมาใส่ชุดนักศึกษายั่วควย แถมยังเมาแบบไม่ได้สติ....เชื่อว่าถ้าโอกาศมีใครๆก็ทำ...แต่ที่ช่างโป้งต่างจากผม  เพราะเฟิร์นที่โดนลักหลับ
ตรงนั้น  มันดันเป็นเมียของเพื่อนตัวเอง...และเป็นเพื่อนสนิทแบบซี้ปึ๊กด้วยซ้ำ (หลายๆเรื่องที่นินทาไอ้หงอก ผมยังไม่กล้าพูดต่อหน้าพี่นพเลย)  ผมเองนีกไม่ออกจริงๆ  ตอนพี่นพแต่งงานกับเฟิร์น ช่างโป้งอาจจะเป็นเพื่อนเจ้าบ่าว ไปรถน้ำสังข์ อาจจะอวยพรให้คู่บ่าวสาว มีลูกเต็มบ้านมีหลานเต็มเมือง...ในตอนนั้นอาจจะแสดงความปราบปลื้มยินดีต่อคู่รักพี่นพกับเฟิร์น.....แต่ในตอนนี้กลับมาแอบลักหลับลวนลามใส่เฟิร์นยิ่งกว่าพวกเด็กเอ็น แต่ซึ่งดันเป็นผู้หญิงคนเดียวกัน  ที่ขึ้นชื่อว่าเมียของเพื่อน  และผมก็คิดว่าลูกของเฟิร์นและพี่นพ
ก็คงจะเรียกช่างโป้งว่าลุง...แต่สิ่งที่ช่างโป้งกำลังทำมันเป็นสิ่งเด็กควรเรียกว่าพ่อไม่ใช่ลุง......มันเกินที่ผมจะบรรยายจริงๆกับ...ไอ้หงอก
..........ช่วงเวลาเกือบจะ5นาที ที่ผมยื่นควยโด่ แอบมองช่างโป้งกระทำกับเฟิร์น  ในตอนนั้นก็มีแสงไฟจากน้ารถส่องลอดมาจากพุ่มไม้  จังหวะนั้นช่างโป้งรีบจับตัวเฟิร์นลากลงมาจากโต๊ะ อยู่ในท่ายืนประคองตัวเฟิร์น (ทำอย่างรวดเร็ว) จากนั้นรถแท็กซี่ก็วนมาจอดเทียบฟุตบาท  พร้อมกับจากโป้งก็ได้ยกตัวเฟิร์นขึ้นมาอุ้ม แล้วค่อยๆเดินตรงไปด้านหน้า และตัวผมก็อาศัยจังหวะนั่นค่อยๆเดินขนานกันออกไปที่ด้านหน้า (ทำเหมือนเพิ่งย้อนกับมาสวนหย่อมใหม่)  จนกระทั้งพี่นพและเอ๋ก็ออกมาจากแท็กซี่ โดยที่ช่างโป้งที่อุ้มเฟิร์นอยู่ บอกให้พี่นพและเอ๋ไปเก็บกระเป๋าที่วางบนโต๊ะขึ้นไปวางเบาะหลังรถ  จากนั้นช่างโป้งก็ให้พี่นพ รีบไปนั่งด้านเบาะหน้ารถคู่กับคนขับ  ในระหว่างนั่นผมก็เดินไปหาเอ๋ที่ยืนมองหลังรถ....และจังหวะนั้นเอง...ช่างโป้งได้วางตัวเฟิร์นลงในท่ายืน แล้วเอามือซ้ายสอดเข้าไปง่ามขาแล้วช้อนมือจับเป้าหีเฟิร์น แล้วยกตัวเฟิร์นไปนั่งที่เบาะหลัง....แม่เจ้า....จังหวะนั้นผมและเอ๋ยืนอยู่ข้างๆมองเห็นเต็มๆ....ผมกับเอ๋จนต้องหันมองหน้ากัน...(ช่างโป้งแม่งเอาทุกช๊อตทุกโอกาสจริงๆ) จากนั้นรถแท็กซี่ก็ขับออกไป
...........และจากจังนั้นเองผมก็หันถามเอ๋ตรงๆว่า "เอ๋เห็นใช่ใหม? " เอ๋ก็ตอบทันทีว่า "เห็นครับ "ผมก็แกล้งถามต่อไปว่า "แต่เอ๋คิดยังไงว๊ะ " ตอนนั้นเองก็เล่าให้ผมฟังประมาณว่า  จริงๆทุกคนอ๊อฟฟิศชั้นล่างก็รู้สันดานพี่หงอก(ช่างโป้ง)ดี  ว่าเป็นคนบ้ากาม ลามก ม้อทุกคนที่อยู่ใกล้ และช่างโป้งก็เป็นคนเดียวที่กล้าไปแหย่เฟิร์น เพราะเฟิร์นเป็นคนแรง แต่พี่หงอกก็เคยตบก้นเฟิร์น ตอนเฟิร์นใส่กระโปรงสั่นๆรัดๆ และก็เคยโดยเฟิร์นด่ากลางห้อง ตอนไปพูดทะลึ่งกับเฟิร์นแซวว่าเฟิร์นขาใหญ่  แต่เอ๋ก็พูดแบบมองโลกในแง่ดี ในทำนองว่า จริงๆพี่หงอกคงไม่คิดอะไรกับเฟิร์น สิ่งที่เห็นก็คงจะแค่เมา และพี่หงอกกับพี่นพก็เป็นเพื่อนกันมาเกิน20 ปี  ทั้งสองสนิทกันมาก สำหรับคนอื่นพี่หงอกน่าจะเอาจริงแต่กับเฟิร์นเอ๋ก็คิดว่า คงแค่เล่นๆ เพราะนั่นคือเมียของเพื่อนแก......พอผมฟังเอ๋เล่ามา...ผมคันปากแทบจะหลุดปาก พูดเรื่องผมเห็นให้หมด...แต่สุดท้าย ผมเงียบไว้มันดีกับตัวผมเอง
.......พอเดินกลับไปถึงที่โต๊ะ ผมก็ไม่รู้จริงๆว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น ผมไม่รู้จริงๆ ผมนึกแค่เล่นๆ  แม้ว่ามันอาจจะไม่มีอะไรเกิดขึ้นเลย  ในแบบที่ว่าช่างโป้งจะได้เย็ดกับเฟิร์น ซึ่งก็น่าจะเป็นไปได้ยาก  เพราะพี่นพก็ยังดูมีสติ แต่สิ่งที่ผมคิด ผัวนั่งเบาะหน้า เมียที่เมาไม่ได้สตินั่งๆนอนที่เบาะหลัง แล้วมีช่างโป้ง คนที่เพิ่งก้มหน้าดมหีเมียเพื่อนก่อนขึ้นรถ ได้นั่งอยู่ข้างๆเฟิร์น  ผมคิดว่าช่วงที่รถวิ่งเบาะหลังมืดๆ....เฟิร์นมีหีแฉะแน่  มือปลาหมึกทำงานแน่นอน  และผมยังคิดว่า ผมกับช่างโป้งที่ไม่ค่อยถูกชะตากัน มันอาจจะเพราะผมกับช่างโป้งมีอะไรคล้ายๆกัน  เหลี่ยมทันกัน  นิสัยเรื่องกับผู้หญิงที่กล้าได้กล้าเสียทำอะไรเสี่ยงๆเหมือนกัน  แต่เท่าที่ผมดูตั้งแต่เรื่องกับน้องใหม่(ที่ผมเล่าไป) ผมรู้สึกว่าผมกับช่างโป้งต่างกัน ตรงความเนียน  เพราะช่างโป้งมักจะแสดงออกแบบโจ่งครึ่ม และแสดงออกจู่โจมที่มากเกินไป บางครั้งผมรู้สึกว่า มันมากจนบางทีกล้าที่จะทำให้คนอื่นเห็น เหมือนกับว่าคุมความเงี่ยนไม่อยู่ถ้าได้เงี่ยนแล้ว ผมคิดว่าแม้แต่พ่อแท้ยังห้ามยาก
.......พอวันรุ่งขึ้น ซึ่งพนักงานหลายคนก็ลาหยุดกัน เพราะเมาวันงานเลี้ยง และวันนั้นเป็นช่วงบ่าย ผมอยากลงไปเช็คของ(ดูเฟิร์น) อยากไปดูเฟิร์นว่าเป็นยังไง ผมจึงชวนกล้าสถาปนิกรุ่นน้องลงไปอ๊อฟฟิศชั้นล่าง โดยผมให้เหตุผลว่าจะไปหาป้าแมว เพื่อเช็คบิลงานสี ว่าของที่สั่งจำนวนมันตรงกับตารางเมตรใหม? (จริงๆมันเป็นข้ออ้าง เพราะพื้นที่ผมคิดเองมันถูกแล้ว )  พอผมลงไปถึงประตูทางเข้าอ๊อฟฟิศชั้นล่าง และผมก็ได้เห็นเฟิร์นกำลังยืนคุยกับพนักงานประชาสัมพันธ์ โดยวันนั้นเธอใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีดำ กระโปรงทรงเอสีครีมผ่าหลัง ทั้งสั้นทั้งรัด (ใส่โครตสั้นเลย)  และเธอก็หันมามองผมแล้วพูดว่า " พี่  ใช่พี่ที่เป็นสถาปนิก ที่จะมาหาป้าแมวใช่ใหม?ค๊ะ พอดีป้าไม่อยู่แกฝากเอกสารให้หนู เดี๋ยวหนูพาไปเอาค๊ะ " จากนั้นเฟิร์นก็เดินนำผมไป โดยที่ผมสองคนเดินตาม ระว่างเดินผมก็สกิดกล้าให้มองตามหลังเฟิร์น กล้าก็หัวเราะเบาๆ พอเข้าไปโถงโต๊ะทำงานพวกฝ่ายช่าง เฟิร์นก็เดินไปเอาแก้วกาแฟที่ถือยื่นให้พี่นพผัวเธอ ที่นั่งดูเอกสารอยู่ จากนั้นก็ไปหยิบเอกสารที่เป็นสำเนามาให้ผม  และจังหวะนั้นเองเฟิร์นก็พูดขึ้นว่า " เป็นพี่ใช่ใหม? ที่เป็นคนบอกพี่นพว่าหนูนอนเมาอยู่ ยังไงก็ขอบคุณพี่มากนะค๊ะ  เมื่อคืนหนูเมามากจริงๆ ไม่รู้ไม่นอนพุบที่นั่นได้ยังไง (เธอหัวเราะ)  " วินาทีนั้นผมโล่งอก เหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก  เพราะว่าผมรอดแล้ว
...........ในระหว่างที่ผมเดินกลับ แต่ในตอนนั้นผมก็ไม่เจอไอ้หงอก และผมก็ไม่รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นบ้าง หรือแค่พี่หงอกไปส่งเสร็จแล้วก็กลับ ระว่างผมเดินไปกับกล้า กล้าก็พูดขึ้นประมาณว่า " พี่ผมว่าชั้น10เราใส่กระโปรงสั้นแล้ว แต่ผู้หญิงคนเมื่อกี้
แม่งใส่โครตสั้นเลย แล้วห้องนั่นผู้ชายแยอะด้วย แบบนี้ไม่นั่งดูกันตาแฉะเลยรึ(หัวเราะ) "  ผมได้ยินกล้าผมก็หัวเราะ เพราะปกติกล้าไม่ค่อยพูดแบบนี้  (เฟิร์นคงจะใส่สั้นมากจริงๆ) และถ้ามันเป็นไปได้ผมก็อยากบอกกับกล้าจริงๆว่า  ภายใต้กระโปรงสั้นๆและกางเกงในไม่รู้ว่าวันนี้เธอใส่สีอะไร  แต่สิ่งที่พี่รู้ เธอคนนั้น หมอยดก และเม็ดแตดคล้ำ แถมยังมีกลิ่นเหม็นด้วยนะ  แต่ผมก็คงไม่เล่าให้กล้าฟัง จากนั้นมาทุกอย่างก็เป็นปกติ  ผมก็ได้กำไรจากงานเลี้ยงคืนนั้น
       
        นี่คืออีกหนึ่งเหตุการณ์ที่ผมได้เจอมา จริงๆผมไม่รู้ว่ามันเรียกว่าเรื่องเสียวได้ใหม? เพราะมันไม่ได้จบแบบที่ได้เสียกัน   มันเป็นแค่เหตุการณ์เล็กๆน้อยๆ  จริงๆผมก็คิดนะว่า ผมจะแชร์ให้อ่านดีหรือไม่  สุดท้ายผมคิดว่า แม้มันจะแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆ แต่ผมอยู่ตรงนั้น...ผมกลับรู้สึกว่ามันทำให้ผมตื่นเต้นจริงๆ กับสิ่งที่เกิดขึ้น  อย่างน้อยก็เอามาเล่าสู่กันอ่าน 



bmaII

รอมาต่อเรื่องราวใหม่ๆ ที่อ่านแล้วชอบเพราะเก็บรายละเอียดมาเขียนให้อ่าน ขอบคุณมาก และยังรอตอนต่อๆ ที่จะมาเขียนให้อ่านอีก
ยังไม่ได้อ่าน แต่มาขอตอบเป็นลำดับ 1 สักหน

dome2011


1819

รอเรื่องเล่าของท่านไรท์ตลอด อ่านเพลิน เก็บรายละเอียดได้ดี บรรยายต้อนนี้ ทั้งภาพ สี กลิ่น เหมือนมัน ลอยมาให้ สัมผัสเลย 555
กรุงเทพเป็นเมืองที่มีคนเหงา มากกว่าเสาไฟฟ้า

chanky2007

สนุกดีครับ ไม่ได้เสีย แต่ก็ได้เสียวครับ
อารมณ์แบบนี้ หนุ่มๆ หลายคนก็คงอยากเจอสักรอบ

ขอบคุณครับ
คิดว่าดี ก็ทำไป

sanboston

ผิดกลิ่น รั้งไม่อยู่เลยนะท่าน กลิ่นแรงเรื่องธรรมชาติ

Otaza

บรรยายงานเลี้ยงเหมือนว่าได้ไปด้วยเลยครับ ชอบมากครับ


ขาวดำ

ยังไม่ได้อ่านขอเม้นท์ก่อน 😁😁

ยินดีที่เขียน มาแบ่งปันเรื่อยๆนะครับ 
มันก็ไม่แน่

pigboy

บรรยายได้ละเอียดดีมากครับ


hanabombam


tuktong21

ยังดีที่มีสติสัมปชัญญะ ถ้าจิ้มล่ะก็ เป็นเรื่องเลย