ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 16

เริ่มโดย เจตภูติ, กุมภาพันธ์ 17, 2021, 12:30:36 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

เจตภูติ

คุยกันก่อนอ่าน ช่วงนี้อาจจะออกงานช้าๆ หน่อย รู้สึกเหมือนเขียนไม่ค่อยออก แต่ก้รู้สึกขอบคุณนักอ่านที่ยังรออ่านกันอยู่ ผมเองก็จะพยายามพัฒนาการเขียนให้ดีขึ้นแล้วก็เร็วขึ้นไปด้วย หวังว่าจะยังคงรอกันอยู่ *มีซ่อนเนื้อหานะครับ

Darkness Circle / วงจรแห่งความมืด ตอนที่ 16


ท่ามกลางบรรยากาศร่มรื่นไปด้วยต้นไม้และดอกไม้นานาพันธุ์ใกล้กับเขื่อนกักเก็บ ด้านในพื้อนที่กว้างขว้างของรีสอร์ทมีบ้านเดี่ยวและห้องพักหลายหลัง หลายรูปแบบหลายสไตล์ และครบครันด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ที่ห้องอาหารของรีสอร์ทในตอนเช้าที่มีแขกเข้ามาใช้บริการยังไม่มากนัก เกวลีที่กำลังนั่งดื่มกาแฟเป็นการฆ่าเวลาระหว่างรอการมาถึงของทศพลตามที่ได้นัดหมายกันไว้

"รอนานไหมครับคุณปลา" ทศพลทักทายเมื่อเดินเข้าไปใกล้โต๊ะที่เกวลีนั่งอยู่ด้วยท่าทางเร่งรีบ ถึงเขาจะใช้เวลาตลอดช่วงวันหยุดที่รีสอร์ทแห่งนี้ไปกับการผักผ่อน และออกไปดูสถานที่สำหรับแผนงาน แต่ในหัวของเขาเอาแต่ใช้ความคิดเพื่อหาวิธีจัดการกับคนที่ทำให้ชีวิตของเขาวุ่นวายจนดึกดื่นทุกคืน ตั้งแต่วันที่เขาได้พบณัฐฐาโดยบังเอิญ ทำให้วันนี้เขาตื่นช้ากว่าที่คาดไว้เล็กน้อย

"เพิ่งมาถึงได้ไม่นานเองค่ะ กาแฟไหมคคะ" เกวลีรักษามรยาทในการเป็นเจ้าบ้านที่ดีความจริงเธอมารออยู่ครู่ใหญ่แล้ว ก่อนจะทำท่ายกเรียกหาบริกร

"ไม่เป็นไรครับ ผมเรียบร้อยแล้ว ร่างเอกสารสัญญาเป็นอย่างไรบ้างครับ" ทศพลรีบเข้าเรื่องทันทีเพื่อไม่ให้คู่สนทนาเสียเวลาไปมากกว่านี้

"นี่ค่ะ" เกวลีทำสัญญาณเป็นการยกเลิกคำขอก่อนหน้านี้กับผนักงานบริการที่กำลังเดินเข้ามาหา ก่อนจะยื่นแฟ้มเอกสารที่เตรียมไว้ส่งให้ทศพล

"อืม...ละเอียดมาก แล้วก็เรียบร้อยดีครับ ผมจะรีบนำเข้าที่ประชุมทันทีที่กลับไปเลยครับ" ทศพลตรวจดูรายละเอียดแล้วก็ยิ้มออกมาด้วยความพอใจ

"อะไรเรียบร้อยเหรอคะ" ธันย์ชนกที่แอบตามมาซุ่มดูพี่สาวที่โต๊ะด้านหลังของเกวลี ลุกเดินออกมาจากที่ที่เธอใช้เป็นที่ซ่อนแล้วเข้าไปทักทายคนทั้งคู่

"ใครกันครับเนี้ย" ทศพลหันไปถามเกวลีแกล้งทำหน้าเหมือนสงสัยทั้งที่รู้อยู่แล้วหญิงสาวคนนี้เป็นน้องสาวของเกวลี

"นี่ปิ่น น้องสาวปลาเองค่ะ" เกวลีแนะนำน้องสาวให้รู้จักกับทศพลก่อนจะหันไปกระซิบกับน้องสาว "แกมาทำอะไรพี่กำลังทำงานนะ"

"หนูก็มาเตรียมตัวฝึกงานไง" ธันย์ชนกกระซิบตอบพร้อมกับส่งสายตาอ้อนวอน

"ฝันไปเถอะฉันไม่ยอมให้แกมาฝึกงานที่นี่หรอก" เกวลีทำตาดุใส่เล็กน้อยเป็นการปราบน้องสาวไม่ให้ทำอะไรประหลาดต่อหน้าคู่เจรจาธุรกิจ

"นาาาา...พี่ปลา" ธันย์ชนกเริ่มอ้อนเหวลีเหมือนตอนเด็กๆ ที่เธอสามารถทำให้ให้พี่สาวใจอ่อนยอมตามใจได้เกือบทุกเรื่อง

"พอเลย อายคุณทศเขาบ้างสิ พี่อายจะแย่แล้วนะ ขอโทษด้วยนะคะคุณทศเจ้าเด็กนี่มันไม่รู้จักโต" เกวลีไม่หลงกลแม้จะรู้สึกอยากตามใจน้องสาวเหมือนทุกทีก็ตาม ห่อนจะตีไปที่แขนน้องสาวเบาๆ แล้วหันไปโค้งศรีษะให้ทศพล

"ไม่เป็นไรครับน่ารักดี" ทศพลส่งยิ้มให้แบบหนุ่มใหญ่ใจดี อบอุ่น รอยยิ้มมีเสน่ห์ของใบหน้าหล่อเหล่าคล้ายอยากจะสร้างความประทับใจให้สองพี่น้อง

"ม่ายยนะ พี่ปลา ถ้าพี่ไม่ช่วยหนู หนูก็ไม่ไปไหนทั้งนั้นแหละ" ธันย์ชนกเข้าไปกอดเอวพี่สาวแน่นไม่มีทีท่าว่าจะยอมปล่อยแม้พี่สาวจะพยายามแกะแขนออก

"เอาไว้คุยกันทีหลัง ให้พี่ทำงานก่อน" เกวลีเริ่มอายที่น้องสาววัยไกลเรียนจบระดับอุดมศึกษาแล้วยังทำตัวเหมือนเด็กประถมวัย

"ไม่ได้หรอกอาทิตย์หน้าต้องส่งเอกสารแล้วหาที่อื่นไม่ทันหรอก" ธันชนกจ้องหน้าพี่สาวด้วยดวงตาแน่วแน่ เหมือนจะบอกว่าเธอจะไม่ยอมหยุดการก่อกวนจนกว่าพี่สาวจะยอมทำตาม

"เอายังไงดีคะคุณทศ" เกวลีหันหน้าไปหาส่งสายคฃขอความช่วยเหลือ เผื่อความเป็นแขกและความเป็นผู้ใหญ่จะช่สยให้น้องสาวของเธอเกรงใจได้บ้าง

"เอาเป็นว่าผมขอตัวก่อนดีกว่านะครับ พี่น้องกฌคุยกกันดีๆ นะครับ" ทศพลรีบพละออกจากสถานการณ์วุ่นวายแต่ยิ้มออกมาได้เพราะคิดวิธีจัดการณัฐฐาได้แล้ว

..................................................

ที่ศาลาหน้าบ้านหลังใหญ่ในพื้นที่คฤหาสน์หรูของเศษฐีใหญ่ สาวสวยดวงตาเฉี่ยวนั่งผักผ่อนมองดูท้องฟ้ายามพระอาทิตย์ตกอย่างอารมณ์ดี

"พี่ดิวนั่งยิ้มอะไรอยู่ได้คนเดียว อะนุ่นซื้อมาฝาก" สุธิภาเดินเข้ามาพร้อมกับแก้วเครื่องดื่มสองแก้วเข้ามาหาอริสาที่นั่งเล่นอยู่ที่ศาลา ก่อนจะยื่นส่งให้อริสาหนึ่งแก้ว เธอมองดูลูกพี่ลูกน้องอย่างประหลาดใจเพราะรอยยิ้มและแววตาที่ดูสดใสของอริสาในตอนนี้เป็นแบบที่เธอไม่เคยได้เห็นตั้งแต่อริสามาพักอยู่ที่บ้าน ที่ส่วนใหญ่เวลาที่ลูกพี่ลูกน้องของเธออยู่คนเดียวมักจะนั่งเหม่อและมีแววตาเศร้าสร้อย

"นั่งคิดอะไรเพลินๆ นะ ไปไหนมาเหรอซื้อน้ำมาฝากด้วย น่ากินจัง" อริสายิ้มสวยรับแก้วเครื่องดื่มมาสำรวจดู ระหว่างที่สุธิภาจะนั่งลงตรงข้ามกับเธอแล้วมองหน้าเธอเหมือนกับจะสำรวจหาสิ่งผิดปกติ

"สังสัยหนูต้องไปหาอาจารย์เจษบ้างแล้ว"สุธภาเปรยขึ้นมาขณะที่ยังไม่ละสายตาไปจากหน้าสวยเฉี่ยวของลูกพี่ลูกน้อง

"หือ ว่าไงนะ จะไปทำไม" อริสาหุบยิ้มทันทีที่ได้ยินชื่อเษฎา

"ก็ดูพี่ดิวสิ ตั้งแต่ไปเจออาจารย์มาก็เหมือนจะอารมณ์ดีขึ้น หนูอยากรู้ว่าอาจารย์เขาทำยังไง ให้ของดีอะไรมารึเปล่า" สุธิภาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น และท่าทางสนอกสนใจ

"ไม่มีอะไรซะหน่อย ไม่ได้ทำอะไร แล้วก็ไม่ได้ให้อะไรมาด้วย" อาริสาหลบสายตา จะให้พูดออกไปได้อย่างไรว่าของดีที่หมอผีกำมะลอใช้ทำให้เธออารมณ์ดีป็นดุ้นเนื้ออันเขื่อง

"ไม่จริงอะ อาจารย์เจษมีวิชาดีแน่ๆ เมื่อวานตอนออกมาจากห้างในเมือง นุ่นเห็นพี่ทศด้วย ไม่ใช่ว่ามาตามหาหรือมาตามง้อพี่ดิวหรอกเหรอ" สุธิภารายงานเรื่องประหลาดที่เธอเจอโดยบังเอิญให้อริสาฟัง

"บ้า พี่ทศจะรู้ได้ไงว่าพี่อยู่นี่ พี่มานี่ไม่ได้บอกใครมีพ่อพี่รู้คนเดียว พ่อพี่ไม่บอกพี่ทศหรอก" หญิงสาวปฏิเสธเสียงแข็ง เพราะเชื่อใจผู้เป็นบิดา และเจาฎาเองก็คงไม่ใช่คนที่บอกที่อยู่ของเธอกัยทศพลเป็นแน่

"นั้นไงเห็นไหม ต้องเป็นอำนาจอิทธิฤทธิ์ของอาจารย์เจษดลจิตดลใจมาแน่ๆ" สุธิภาฟังเหตุผลของอริสาแล้วช่วยให้ความศรัทธาในตัวอาจารย์ขมังเวทย์มีมากขึ้นไปอีก

"ไม่น่าจะใช่มั้ง แค่บังเอิญรึเปล่า" อริสาพยายามหาเหตุผลมาหักล้างพยายามกันลูกพี่น้องสาวสวยออกจากเจษฎาด้วยความเป็นห่วง เพราะไม่รู้ว่าไอ้อาจารย์บ้ากามนั้นมีเหตุผลอะไรที่เข้ามาตีสนิทกับอาของเธอ

"แปลกๆ นะ ทำไมเหมือนพี่ดิวไม่ค่อยอยากให้นุ่นไปยุ่งกับอาจารย์เจษ" สุธิภายิ่งมีท่าทีสงสัยมากยิ่งกว่าเดิมที่อริสาตั้งท่ากีดกันแต่ไม่ยอมอธิบายเหตุผลให้เธอฟัง

"ก็ไม่ทำไมหรอก แค่ไม่อยากให้หมกหมุ่นกับเรื่องพวกนี้ มันไม่ดีหรอก" อริสายังคงเกลี้ยกล่อมต่อไป เพราะสุธิภาดูเหมือนจะยอมรับฟังคำห้ามปรามของเธอสักเท่าไหร่

ระหว่างที่สองพี่น้องกำลังสนทนากันอย่างออกรส ก็ได้ยินเสียงประตูรั้วหน้าบ้านเปิดออก พร้อมมีรถยนต์นั่งอเนกประสงค์สีขาวแล่นเข้ามาจอดที่โรงจอดรถของบ้าน หลังจากรถจอดสนิทประตูรถด้านหลังฝั่งคนนั่งก็เปิดออก พร้อมกับหนุ่มใหญ่มาดสำรวมสุขุมแต่งกายเรียบร้อยมิดชิดก้าวลงมาจากรถ แล้วยืนหันซ้ยแลขวาเหมือนกับไม่รู้ว่างต้องมาทำอะไรที่นี่กันแน่

"ตายยากชะมัด ผู้ถึงปีศาจปีศาจก็มา" สุธิภาพูดกับอริสาเสียงเบาเมื่อเห็นเจษฎาลงมารถ

"นั้นนะสิ แต่ว่ามาทำไมกัน" อริสาตอบกลับเสียงเบาแม้จะอยู่ห่างจากคนที่กำลังพูดถึงไกลพอสมควรดวงตาคู่สวยจ้องมองไปที่หนุ่มใหญ่ตาไม่กระพริบ แววตาทั้งดีใจและประหลาดใจ

"มาหาป๊าละมั้ง เอ๊ะ...หรือมาหาพี่ดิว เดี๋ยวนุ่นไปถามให้ดีกว่า" สุธิภาพูดจยก็วิ่งตัวปลิวออกจากศาลาไปที่โรงจอดรถทันที

"เดี๋ยว..." อริสาส่งเสียงเรียกไล่หลังตามไปเพราะห้ามไว้ไม่ทัน

"อาจารย์มาทำอะไรเหรอคะ" สุธิภารีบวิ่งมาหยุดยืนใช้ร่างขาวรูปร่างสมส่วนดึงดูดใจไม่แพ้อริสาเช้าไปขวางหน้าเจษฎาไว้

"เสี่ยมีเรื่องจะคุยกับผมนะครับคุณหนู" เจษฎาก้มหน้าหลบสายตาเล็กน้อย ทำท่าทางนอบน้อมแต่สายตาดันมองรอดเข้าไปในคอเสื้อยืด ที่กว้างพอจะเห็นเนินเนื้อด้านในเวลามองจากมุมกด ก่อนที่เขาจะหันไปเห็นสายตาดุดันที่จ้องมองเข้าจากศาลา

"นุ่นก็มีเรื่องจะปรึกษาอาจารย์เหมือนกัน อยู่คุยกับนุ่นก็สิค่ะ"

"เอ่อ...เอาไว้เสร็จธุระกับเสี่ยก่อนละกันครับ" เจษฎาตอบออย่างเลี่ยงๆ

"ก็ได้ แล้วหนูจะรอนะ" สุธิภาส่งสายตาเป็นประกายพร้อมกับยิ้มออกมาอย่างสดใส

"อาจารย์เชิญทางนี้ครับ เสี่ยรออยู่ที่ห้องทำงาน" ลูกน้องเสี่ยกวงที่เป็นคนขับรถไปรับเจษฎามาเดินเข้ามาบอกเขาเบาๆ

..................................................

ในห้องทำงานกว้างขวางเสี่ยพิพัทธ์นั่งอยู่ที่โต๊ะ ที่บนผนังดับประดาไปหัวสัตว์สต๊าฟและปืนโบราณ ที่พิ้นกลางห้องมีพรมหนังเสือดูน่าเกรงขาม และข้าวของเสริมดวงตาหลักหวงจุ้ยอีกหลายชิ้น วางกระจายไปตามจุดต่างๆ ตามตำรา

"เสี่ยมีอะไรให้ผมรับใช้เหรอครับ หรือว่าว่าจะให้ผมช่วยตามหาคนบงการยิงเสี่ย" เจษฎาถามเข้าตรงประเด็นทันทีหลังจากที่เข้าไปทักทายและนั่งลงที่เก้าอี้ตรงข้ามกับเสี่ยพิพัทธ์

"เรื่องนั้นช่างมันเถอะ หลังจากโดนลอบยิงฉันมาคิดดูดีๆ แล้ว ใครจะยิงอั๊วมันก็ไม่สำคัญหรอก เพราะยังไงซะอั๊วกับไอ้กำนันซักวันก็ต้องหักกันอยู่ดี อั๊วก็เลยคิดได้อยากจะรีบลงมือก่อนในตอนที่อั๊วยังมีแรงมีอำนาจ"

"ถ้าเสี่ยจะให้ผมทำของใส่กำนันผมทำไม่ได้หรอกนะ ใช้อาคมทำร้ายคนมันเป็นบาปหนัก" เจษฎาหาข้ออ้างปกปิดความไร้วิชาของตัวเอง

"ไม่ใช่แบบนั้น แค่อยากให้อาจารย์มาช่วยมาอยู่กับฝ่ายอั๊ว อาจารย์จะทำได้ไหม"

"แบบนั้นมันจะไม่เหมาะนะครับ เพราะผมจะกลายเป็นศัตรูกับกำนัน มันก็ทำให้ผมเสี่ยงอยู่เหมือนกันนะครับเกิดถูกกำนันจับได้ขึ้นมา" เจษฎาแสร้งทำกังวลทั้งที่ในใจแอบยิ้มที่เสี่ยพิพัทธ์ตัดสินใจจะเปิดศึกกับกำนันประเสริฐ เมื่อผู้มีอำนาจเข้าห่ำหั่นกัน ยอมเปิดช่องให้เขาหาประโยชน์ได้

"เสี่ยงแต่คุ้มนาอั๊วสถ้าอาจารย์ทำให้อั๊วยึดครองที่นี้ได้สำเร็จ อั๊วก็จะมีทั้งเงินทั้งอำนาจ อาจารย์เองก็จะอยู่ที่นี้ได้อย่างร่ำรวยแล้วก็สุขสบายสนใจไหม"

"ผมขอคิดดูก่อนได้ไหมครับ..."

"อย่าคิดนานนักละ อั๊วไม่ได้มีเวลารออาจารย์ไปตลอดหรอกนะ ความจริงอั๊วจะทำเองคนเดียวก็น่าจะทำได้ แล้วเมื่อหลายปีก่อนก็เกือบทำสำเร็จมาแล้วด้วย แต่มันติดอยู่เรื่องเดียว"

"ติดเรื่องอะไรเหรอครับ"

"ก็นังผู้หญิงคนนั้นที่มันเอาทำเมียนะสิ ไอ้กำนันมันก็ดีแต่ใช้ความรุนแรงข่มเหงชาวบ้านรับมือไม่อยากหรอก แต่เมียมันฉลาดเป็นบ้า ตั้งแต่เมียมันมาคอยวางแผนดูแลกิจการให้มัน อั๊วก็เล่นงานอะไรมันไม่ได้เลย ทำได้แต่คุมเชิงมาตลอด"

"ขนาดเสี่ยยังจัดการไม่ได้ แล้วอย่างนี้ผมจะช่วยอะไรได้ละครับ"

"ก็ใช่ถ้าแค่อั๊วคนเดียว แต่ว่าในโครงสร้างอำนาจของที่นี่มันเปลี่ยนไปนิดหน่อยแล้ว ตอนนี้มีตัวอาจารย์ก็มีมวลชนที่ศรัทธาคอยหนุนหลัง ถ้ามีอาจารย์มาช่วยอั๊วก็จัดการมันง่ายขึ้น"

เจษฎานิ่งเงียบครุ่นคิดวิเคราะห์แผนการที่เสี่ยพิพัทธ์เสนอมาคล้ายจะเป็นการหลอกใช้เขา แต่ฟังดูแล้วก็ไม่เลวนักเพราะเขาก็ไม่ได้ถูกหลอกใช้อยู่ฝ่ายเดียว และก็เป็นโอกาสดีที่จะเข้าใกล้เป้าหมาย แล้วถ้าเขาได้ของที่ต้องการมาก็คงจะชิ่งหนีออกไปจากที่นี่ทันทีอยู่แล้ว ถ้าได้รับการสนับสนุนจากเสี่ยพิพัทธ์ก็คงจะไม่ต้องเป็นกังวลเรื่องเงินทุนนั้นก็เป็นเรื่องที่ไม่แย่นัก ซึ่งเขาก็มั่นใจในตัวเองพอสมควรว่าจะหาทางเอาตัวรอดจากเกมแย่งอำนาจนี้ได้ "งั้นผมตกลงครับ ถ้าผมพอจะเป็นกำลังให้เสี่ยได้ผมก็ยินดีครับ"

"นั้นไง อั๊วว่าแล้ว อาจารย์เป็นคนเข้าใจอะไรง่ายจริงๆ เอานี่" เสี่ยพิพัทธ์ยิ้มร่า เมื่อได้คำตอบถูกใจรีบเปิดลิ้นชักโต๊ะแล้วยื่นถุงกระดาษให้เจษฎา

"อะไรเหรอครับ" เจษฎารับถุงกระดาษมาด้วยอาการงุนงง

"รับไว้เถอะอีกไม่นานอั๊วมีเรื่องจะต้องพึ่งอาจารย์ คิดซะว่าเป็นค่าเซ็นสัญญาละกัน" เสี่ยพิพัทยิ้มกว้างให้พร้อมกับทำมือเหมือนเชิญชวนให้เปิดดูด้านใน

"อ๋อ...ครับ" เจษฎาเปิดถุงดูก็พบกับเงินจำนวนหนึ่งมูลค่าก็ไม่น่าจะน้อยกว่าคราวที่เขามาที่นี้ก่อนหน้านี้

...ไอ้เสี่ยนี้ใช้เงินฟาดหัวตลอดเลยนะแถมใช้เงินสดอีก คงกะไม่ให้มีหลักฐานสาวมาถึงตัวเลยสินะ แบบก็คงกะจะเขี่ยกูทิ้งแต่แรกแล้วสินะ เจ้าเล่ห์นักนะมึง...

..................................................

"แกเข้าไปคุยอะไรกับเจ็ก" อริสาที่นั่งรออยู่ที่ห้องรับแขกรีบเดินเข้าไปหาเจษฎาทันที่เขาลงมาจากชั้นสองของบ้าน

"อ้าวสบายดีเหรอครับคุณดิว" เจษฎาเดินผ่านร่างสวยกระทัดรัดของอริสาไปนั่งที่โซฟาเพื่อรอรับประทานอาหารเย็นหลังจากทักทายหญิงสาวด้วยรอยยิ้มกวนๆ เขามั่นใจแล้วว่าแม้อริสาจะยังไม่ได้ยกโทษให้กับสิ่งที่เขาทำแต่ก็ไม่อาฆาตเขาจนอยู่ร่วมโลกกันไม่ได้แล้ว เพราะถ้าเธออยากให้เขาตายคงจะเปิดโปงเขากับอาของเธอ แล้วส่งคนมาอุ้มเขาไปทำอะไรซักอย่าางแล้ว

"ไม่ต้องพูดมาก ตอบคำถามมา" อริสาเดินตามมาคาดคั้นเอาคำตอบ

"ถ้าอาคุณอยากให้คุณรู้เขาก็คงจะบอกคุณเองแหละครับ หรือถ้าอยากจะให้ผมบอกก็ไปหาผมที่สำนักก็ได้นะครับ" เจษฎาแกล้งพูดคล้ายกับจะยั่วโมโหหญิงสาวเล็กด้วยเสียงอันเบา

"นี่แก อย่ามาลามปามนะ" อริสถึงกับเขินจนหน้าแดงรู้สึกเหมือนกำลังถูกชวนไปขึ้นเตียงอย่างไงอย่างงั้น จนต้องชี้หน้าหนุ่มใหญ่แล้วต่อว่าด้วยเสียงดุ

"ผมไม่กล้าหรอกครับ ถ้าคุณไม่ยอม" เจษฎายังยั่วโมโหอริสาต่อเนื่อง ไม่คิดว่าเวลที่เขินและโกรธไปด้วยจะดูน่ารักและมีเสน่ห์ขนาดนี้

"แกนะรีบกลับไปเลย" หญิงสาวตอบดลับด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง

"อ้าวอาจารย์จะกลับแล้วเหรอคะ ไหนบอกจะอยู่คุยกับนุ่นก่อนไง" สุธิภาเข้ามาขัดจังหวะการสนทนาของทั้งคู่

"ยังไม่กลับหรอกครับเสี่ยเขาชวนให้อยู่ทานข้าวเย็นด้วยนะครับ"

"งั้นก็ดีเลย เดี๋ยวช่วยดูดวงให้หนูหน่อยสิคะ" สุธิภาก็เข้าไปนั่งร่วมวงสนทนา โดยที่อริสาก็จำใจต้องนั่งอยู่ด้วยเพราะไม่อยากลูกพี่ลูกน้องสาวสวยอยู่กับเจษฎาสองต่อสอง

..................................................

"ขอบคุณนะครับคุณปลาที่ให้โอกาสผมได้เลี้ยงอาหารค่ำ แล้วยังพาผมร้านดีๆ แบบนี้อีก เอาครับหมดแก้วเลย" ทศพลยิ้มแบบโปรยเสน่ห์ยกแก้วเครื่องดื่มเทของของเหลวผสมแอลกอฮอล์เข้าปาก ขณะที่มองสาวสวยกำลังโยกศรีษะโงนเงนอยู่ตรงหน้าเขา หลังจากที่เขาออกอุบายพาเธอมาเลี้ยงอาหารเป็นขอบคุณเรื่องงานในช่วงหัวค่ำ แล้วพากันมานั่งฟังเพลงต่อที่ผับใหญ่ของเมือง

"ม่ายเปนรายค่ะ คูนทศเปนแขกโคนสามคานนี่คาาา" เกวลีที่นั่งดื่มเป็นเพื่อนทศพลมาจนถึงตอนนี้ก็สี่ทุ่มกว่าแล้วเริ่มมีอาการมึนเมาจนแทบจะครองสติไว้ไม่อยู่อย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังยกแก้วขึ้นมาดื่มตามทศพลไปได้ครึ่งแก้วก็ฟุบลงกับโต๊ะแล้วนิ่งไป ซึ่งความเมาส่วนหนึ่งก็มาจากน้ำมือจจากของทศพลที่ตั้งใจผสมเครื่องดื่มอย่างเข้มข้นและเติมเครื่องดื่มส่งให้เธอดื่มอย่างต่อเนื่อง หญิงสาวที่ไม่ทันเลห์เหลี่ยมของอดีตเพลย์บอยก็ดื่มเข้าไปด้วยความเที่ไม่อยากขัดใจลูกค้า

"คุณปลาดูท่าจะไม่ไหวแล้วนะครับ เรากลับกันเลยนะครับ"

"อือออ..." หญิงครางออกมาเหมือนอยากจะตอบคำถาม

ทศพลพาร่างที่ไร้สติของเกวลีออกจากร้านและขับรถมุ่งหน้าไปยังโรงแรมม่านรูดที่เขาหาข้อมูลเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อกลางวัน เมื่อเข้ามาถึงภายในห้องเขาก็จัดการพยุงร่างอ่อนแรงของหญิงสาวขึ้นไปนอนบนเตียงอย่างง่ายดายไร้การขัดขืน ทศพลยืนจ้องมองร่างเพรียวบางในชุดสูทกับกระโปรงทรงเอรัดฟิต ที่นอนหายใจระทวยอยู่บนเตียงหนานุ่มด้วยแววตาหื่นกระหาย

จิ้งจอกสังคมวัยสามสิบแปดปีลูบปากบนใบหน้าหล่อเหลา ด้วยการวางตัวน่าเชื่อถือร่วมกับประสบการณ์การหลอกลวงหญิงงสาวมาตั้งแต่วัยหนุ่ม ทำให้เขาสามารถพาหญิงสาวอ่อนเดียงสาคนนี้เข้ามาอยู่ในสถานการณ์ที่ให้เขาได้หาประโยชน์จากร่างกายที่สวยงาม และความสัมพันธ์ของเหยื่อสาวกับณัฐฐาที่เป็นเป้าหมาย

ทศพลเข้าไปเขย่าแขนเล็กเรียวสองสามครั้ง จนแน่ใจว่าหญิงสาวนั้นไม่สามารถรับรู้เหตุการณ์ต่างๆ รอบตัวแน่นอนแล้ว ก็จัดการสำรวจเรือนร่างของเหยื่อโดยเริ่มจากการเข้าไปซุกไซ้ที่ซอกคอ สูดดมกลิ่นน้ำหอมราคาแพงและกลิ่นของหญิงสาวโตเต็มวัย ก่อนจะลงลิ้นเลียชิมรส พร้อมกับปลดเสื้อสูทออกจากร่างกายท่อนบน จนเหลือแต่เสื้อเชิ้ตสีขาวผ้าบางเบาจนเห็นชุดชั้นในสีชมพูด้านในลางๆ ช่วยกระตุ้นราคะได้เป็นอย่างดี

หนุ่มใหญ่เห็นเต้านมที่นูนเด่นดันอกเสื้อขึ้นมาก็อดใจไม่ไหว เลยลูบไล้หน้าอกของเกวลีเบาๆ อย่างทะนุถนอม หน้าอกของเธอนั้นอวบอิ่มอัดแน่นอยู่เต็มบราชวนสัมผัส เขาจึงเปลี่ยนจากการลูบไล้เป็นบีบขยำเบาๆ พอสนุกมือ พร้อมกับเลื่อนใบหน้าเข้าไปประกบริมฝีปากพยายามชอนไชลิ้นเข้าไปในปากสวยของหญิงสาว

"อื้อออ..." เกวลีส่งเสียงหมือนกำลังรำคาญที่คนมารบกวนการนอน ก่อนจะพลิกร่างนอนตะแคงหันข้างให้กับทศพล ปฏิกริยาตอบโต้ของเธอทำเอาทสพลตกใจถอยร่างออกมาจากเตียงเป็นการตั้งหลัก

เกวลีที่ขยับกายนอนตะแคงข้างทำให้กระโปรงสั้นของเธอเลิกขึ้นมาจนเห็นต้นขาสวย ทศพลเห็นว่าหญิงสาวยังไม่ได้สติก็เอื้อมมือใหญ่เข้าไปลูบที่ต้นขาแล้วค่อยๆ เลื่อนเข้าหาพื้นที่ตรงกลางหว่างขาช้าๆ แต่ขาที่หนีบอยู่ทำให้มือใหญ่ทำงานไม่ไม่สะดวก ทำได้แค่ส่งนิ้วเข้าเขี่ยเบาๆ ตรงเป้ากางเกงเกงชั้นใน แต่เพียงแค่นั้นก็ส่งผลไม่น้อย ยิ่งเขาขยับนิ้วมากขึ้นเท่าไหร่สองขาก้อ้าออกมาเท่านั้น จนตอนนี้สองขาอ้ากว้างจนมองเห็นช่วงล่างได้เกือบทั้งหมด

ทศพลเมื่อได้ห็นความขาวของต้นขา และความโหนกความนูนที่ดันผ่านผ้ากางเกงชั้นในเข้าชุดกับบราด้านบนก็หมดความอดทน จึงใช้มืออีกข้างถ่างขาของเธอให้แหกแยกออกจากกัน จนร่างงามต้องพลิกกลับมานอนหงายตามกำลังแขนของหนุ่มใหญ่หน้าตาดี จากนั้นเขาก็ปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตออกจนเห็นเนื้อขาวๆ ด้านในแล้วล้วงมือผ่านบราเข้าไปกุมหน้าอกของเกวลี หญิงสาวบิดตัวเล็กน้อยส่งเสียงซี๊ดเบาๆ ลอดไรฟันออกมา มืออีกข้างก็ล้วงกางเกงชั้นในสัมผัสกลีบเนื้อนุ่มมือ ออกแรงขยับนิดหน่อยก็รับรู้ได้ถึงความชุ่มแฉะที่หญิงสาวขับออกมา

หนุ่มใหญ่จอมเจ้าเลห์จับนู่นจับนี้บนร่างกายหญิงสาวจนพอใจ ก็ได้เวลาจะลองลิ้มชิมรสความสาว ทำการแทรกใบหน้าหล่อเหล่าเข้าไปที่กลางหว่างขาสูดดมกลิ่นสาวก่อนจะค่อยๆ แลบลิ้นหนาออกมาจ่อเข้าไปใกล้เนินเนื้อโหนก ก็กลิ่นประหลาดบางอย่างลอยมากระทบจมูก เขาทำจมูกฟุดฟิดสูดกลิ่นเข้าไปแรงๆ เป็นการตรวจสอบนั้นไม่ใช่กลิ่นที่ออกมาจากร่องสวาทของหญิงสาวเป็นแน่

ทศพลถอยร่างออกมามองหาที่มาของกลิ่นเขาก็ต้องพบกับกลุ่มควันกลุ่มใหญ่ที่ลอยฟุ้งอยู่ทั่วห้อง เขามองกวาดสายตาหาต้นต่อของควันปริศนาก็พบว่าที่ช่องสำหรับส่งอาหารของห้องพักในโรงแรมม่านรูดมีควันกำลังพวยพุ่งเข้ามาในห้องอย่างมากมาย

...ชิบหาย ไฟไหม้รึไงวะ...
ด้วยความตระหนกตกใจร่างหนากำยำรีบวิ่งออกไปที่ประตูเพื่อตรวจสอบเหตุการณ์ แต่พอเข้าใกล้ประตูกลุ่มควันก็ทำให้เขาหายใจลำบากจนต้องใช้มือข้างหนึ่งดึงปกคอเสื้อขึ้นมาปิดจมูก ก่อนจะกลั้นหายใจแล้วเปิดประตูออกไปดู แต่เขายังไม่ทันได้สำรวจอะไรกลุ่มควันก็พุ่งเข้ามาใส่ที่ใบหน้าของเขา ก่อนที่ความรู้สึกเจ็บและจุกก็วิ่งเข้ามาจากดุ้นเนื้อและถุงอัณฑะผ่านเส้นประสาทส่งต่อไปยังสมอง จนทำให้เขารู้สึกหน้ามืดทรุดกายลงไปนอนตัวงอสองมือกุมความเป็นชายมิดสนิท สายตาพร่ามัวเพราะความเจ็บจุกและกลุ่มควันที่รายล้อมรอบตัวเขา ก่อนจะเห็นร่างเงาสีดำรางๆ เข้ามายืนอยู่ตรงหน้าแบบไม่รู้ที่มาที่ไป ก่อนร่างดำจะเตะเข้าใส่หว่างขาของเขาแบบไม่ยั้ง แม้จะมีมือป้องกันจุดสำคัญของผู้ชายไว้แต่ความแรงก็ยังส่งผ่านมือทั้งสองข้างเข้าไปหาความเป็นชายได้อยู่ดี ทศพลถูกเตะจนรู้สึกปวดระบบแน่นหน้าอกและหายใจไม่ออกในที่สุดก็หมดสติไป

..................................................

"อั๊ยยยย...พี่เอิร์ธ...มาด้ายงายอะ..." เกวลีที่นั่งหลับตาเพราะความมึนเมาซบไหล่ชายแปลกหน้าอยู่ที่ทางเท้าหน้าร้านอาหารกึ่งผับ ส่งเสียงอ้อแอ้ขึ้นมาทันทีที่วิศวัทที่เข้ามาเขย่าแขนของตัวเธอ พร้อมกับชี้ไปที่หน้า

"ผมมารับคุณปลาไงครับ" วิศวัทเข้าไปพยุงเธอขึ้น แต่หญิงสาวที่กำลังมึนเมากลับเข้าไปสวมกอดร่างสูงหนาขอเขา ใบหน้าสวยซบเข้าที่อกแกร่งราวกับจะซึบซับความอบอุ่น โดยที่ชายแปลกหน้าก็ลุกขึ้นตามแล้วมองดูทั้งคู่ด้วยสายตาแปลกๆ

"มา...ราบ...เค้า..เหยออออ..." เกวลีซุกไซ้จมูกสูดดมกลิ่นกายของชายหนุ่มอย่างไม่อายบุคคลที่สามเพราะฤทธิ์แอลกฮอล์

"ว่าแต่คุณเป็นใครครับ" วิศวัทประครองร่างสูงเพรียวในวงแขนไม่ให้ล้มลงเพราะตัวเธอนั้นดุเหมือนจะทรงตัวไว้ไม่อยู่ ก่อนจะหันไปถามชายแปลกหน้าที่อยู่กับเธอก่อนหน้านี้

"ผมทศพลครับ มาคุยเรื่องธุรกิจกับคุณปลา แต่ดูเหมือนเธอจะดื่มหนักไปหน่อย" ชายแปลกหน้าแนะนำตัวด้วยการสวมรอยเป็นทศพล พร้อมกับมองดูหญิงสาวที่กำลังกอดชายหนุ่มตรงหน้า รู้สึกโหวงๆ ที่หน้าอกอย่างหาคำอธิบายไม่ได้

"แต่ชุดคุณดูไม่เหมือนคนมาคุยธุรกิจเลยนะครับ"

"คือ...ผมพักอยู่ที่รีสอร์ทของคุณปลานะครับ ก็เลยแต่งตัวสบายๆ มา แล้วคุณคือ..."

"ผมวิศวัททำงานกับกับคุณพ่อของคุณปลานะครับ ต้องขอบคุณมากเลยนะครับที่เรียกผมมา"

"อืม...เป็นเรื่องสมควรทำอยู่แล้วครับ พอดีเห็นเบอร์คุณขึ้นมิสคอลอยู่คงจะเป็นห่วงมากเลยซินะครับ รีบพาคุณปลาไปพักก่อนเถอะครับ"

"ครับ ขอบคุณอีกครั้งนะครับ" วิศวัทรับคำแล้วพาตัวเกวลีที่ตัวอ่อนยวบยวบเหมอนคนไร้กระดูกไปที่รถ

ชายแปลกหน้าเดินตามไปส่งคนทั้งคู่แล้วยืนรอมองดูด้วยความรู้สึกแปลกๆ จนกระทั่งรถแล่นไปจนลับตาจึงได้กลับบ้าน

..................................................
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน

Mr.D

นึกว่าปลาจะเป็นสาวเก่ง เกือบไม่รอดเหมือนกันนะครับเนี่ย

samanlo ba


bangsan

ไอ้ทศพลทำชั่วไม่เว้นเลยนะไว้ต้องเจอกับเจษแก้แค้นให้สมใจ


ดวงใจ คำแสงราช

 ::HoHo::จะมีฉากเด็ดอาจาร์ยเจษกับคุณม้ายน้า

Nong5670


cd13579

ใครหื้อใครซ่า ข้าแบนเรียบ

ชายชรา

รอมาหลายวันคิดถึงอาจารย์เจษว่าสิ่งของที่ตามหาคืออะไรเป็นกำลังใจให้ครับรอติดตามตอนต่อไปครับ

Theman368


combibloc

มีตัวละครมาเรื่อยๆยิ่งสนุกครับมีหลากหลายเลย รับรองรออ่านแน่นอนครับ

kupong


bkambang


Boran Mark

แหม อริสา พอเจอหน้าอาจารย์ทำเป็นปากดี ยังเงี้ยะต้องปราบซะให้เข็ด

dawdom