ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu

ผู้ชนะสิบทิศ ฉบับแปลงถอดความ โดย wattana2015 หนุ่มชายขอบ ตอนที่ 1 ลูกร่วมนม

เริ่มโดย wattana2015, กรกฎาคม 08, 2017, 12:32:30 ก่อนเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

wattana2015

ผู้ชนะสิบทิศ ฉบับแปลงถอดความ   โดย wattana2015 หนุ่มชายขอบ

ตะละแม่จันทรา

ตอนที่ 1 ลูกร่วมนม

   ผม wattana2015 หนุ่มชายขอบตะเข็บชายแดน ขอนำเอาผลงานอมตะนามระบือเรื่อง ผู้ชนะสิบทิศ ของท่านยาขอบ มาดัดแปลงโดยสำนวนหนุ่มชายขอบ ลดเรื่องราชาศัพท์ให้เหลือเพียงศัพท์บ้านๆให้เข้าใจง่ายๆ อารมณ์ประมาณ สามก๊ก ฉบับวนิพกนั่นเอง สนุกไม่สนุกก็ลองติดตามดูกันนะครับ ถ้ามีสิ่งใดไม่ถูกใจผมก็ขออภัยมา ณ ที่นี้นะครับ

   เวลานั้นกาลเวลาผ่านพุทธกาลล่วงแล้ว 2083 พรรษา  เมงกะยินโยตั้งตนขึ้นเป็นกษัตริย์ ทรงพระนามพระเจ้าสิริชัยยะสุระ ยกเศวตฉัตรขึ้น ณ เมืองตองอู แผ่เรืองกฤษฎานุภาพขจรขจายไปทั่วดินแตนพุกามประเทศ เมืองใหญ่น้อยล้วนให้ความเกรงใจต่างพากันผูกพันเจริญราชไมตรีซึ่งกันและกันเป็นอันดีเอาไว้ บรรดาหัวเมืองที่เป็นใหญ่ทั้งมวลคือ เมืองอังวะ เมืองหงสาวดี และเมืองแปร นั้นต่างก็อยู่กันอย่างสงบไม่รุกล้ำกันและกัน

   ในกาลครั้งนั้นพระเจ้าสิริชัยยะสุระนั้นมีพระราชธิดาอันประสูติแต่พระอัครมเหสีที่ล่วงลับแล้วพระองค์หนึ่ง มีพระราชบุตรอันประสูติแต่พระราชเทวีอึกองค์หนึ่ง ทั้งสองร่วมชันษาเดียวกันโดยฝ่ายพระราชบุตรอ่อนวัยกว่าเพียงเล็กน้อย หน่อเนื้อกษัตริย์น้อยๆทั้งสองมีพระแม่นมร่วมกันคือแม่เลาขีนางนม แม่เลาชีนางนมนั้นเองก็มีบุตรชายคนหนึ่งแก่เดือนกว่าราชบุตรหลวงนั้นเพียง 7 เดือน ทารกทั้งสามนั้นจึงได้ดื่มเลือดในอกเดียวหรือน้ำนมมารดาเดียวกันสืบมาแต่น้อย ทั้งสามจึงเจริญวัยเติบโตมาเพราะด้วยการฟูมฟักเลี้ยงดูจากแม่นมเลาชีนั้นมาด้วยกัน ลูกเจ้าสองลูกไพร่ของแม่นางนมเองหนึ่ง

   และแม้แม่เลาชีนางนมจะมีอำนาจวาสนาเพราะเป็นถึงพระนมลูกหลวงทั้งสองนั้นแต่นางก็ไม่เคยใช้ข้อได้เปรียบที่นางมีใช้ข่มเหงผู้น้อยกว่าใดๆแม้แต่น้อย กลับมีนิสัยเมตตาเอื้ออาธรแก่ผู้น้อยกว่าต้องตามลักษณะผู้นำคนที่ดีที่เอาใจใส่ผู้น้อยกว่า ด้วยเหตุนี้เมื่อนางจะว่ากล่าวตักเตือนผู้ใดไม่ว่านางสนม นางพระกำนัลใดจึงมีแต่คนให้ความเคารพและนับถือนาง เพราะเหตุดังนั้นลูกชายของนางที่เป็นลูกไพร่นั้นจึงมีฐานะละม้ายลูกหลวงทั้งสองไปด้วย และทั้งสามก็ได้สนิทชิดเชื้อเล่นหัวสนิทสนมจนเจริญวัยมาด้วยกันในพระราชวังตองอูจนย่างเข้าสู่วัยรุ่น

   พระเจ้าสิริชัยยะสุระพระราชทานนามราชกุมารีอันประสูติแต่พระอัครมเหสีอันล่วงลับนั้นว่า ตะละแม่จันทรา  ราชบุตรอันประสูติแต่พระราชเทวีมีนามว่า มังตรา  และแม่นมเลาชีก็ให้ชื่อบุตรชายของตนว่า จะเด็ด  อันมังตราราฃบุตรนั้นมีลิ้นดำอันเป็นอัศจรรย์มาแต่กำเนิด มีนิสัยขี้โมโหเจ้าอารมณ์ ชอบสิ่งใดก็มักเอาแต่ใจ เป็นคนมุทะลุทำสิ่งใดไม่มีเหตุผล ไม่คิดถึงผลได้ผลเสียที่จะตามมาแต่อย่างใด และแม้ว่ามังตราราฃบุตรนั้นจะมีสติปัญญาฉลาดเฉียบแหลมช่างพูดช่างเจรจาอยู่บ้างแต่ก็ยังเป็นที่รักแก่คนทั้งหลายน้อยกว่าจะเด็ดสหายร่วมน้ำนม จะเด็ดนั้นเองกลับฉลาดในการเจรจากับผู้คนจนเป็นที่รักใคร่แก่ตนทั่วไปมากกว่า ทั้งจะเล่าเรียนศิลปะวิทยาการใดๆมังตราก็มิอาจเรียนได้แตกฉานกว่าจะเด็ดสหายร่วมพระนมของตน

    มีหลายครั้งสองหนุ่มวัยรุ่นต่างโต้เถียงด้วยเรื่องศิลปะวิทยาการที่ทั้งคู่เรียนมาด้วยกัน แต่ด้วยความที่จะเด็ดนั้นฉลาดที่จะถนอมน้ำใจมังตราเมื่อเห็นว่าฝ่ายมังตรานั้นหมายจะเอาชนะจนลืมตัวก็มักจะยอมอ่อนข้อให้งดเสียซึ่งอาการทุ่มเถียงนั้น ไม่ได้โต้เถียงให้เป็นเรื่องยาวสืบ ตัวตะละแม่จันทราที่มักทราบความเป็นไปดังนั้นก็จึงมีจิตใจรักใคร่ในตัวจะเด็ดมากกว่ามังตราผู้เป็นน้องชายร่วมพระราชบิดา มังตรานั้นทราบเรื่องนี้ดีด้วยใจริษยาก็มิสู้จะพอใจในตัวจะเด็ดและพี่สาวร่วมบิดานัก คิดไปตามประสาเด็กเอาแต่ใจจะว่ากล่าวหรือข่มขู่พี่สาวก็ยังไม่ถนัดมือนักเพราะยังมีจะเด็ดเองกีดขวางเป็นคนกลางอยู่ ทั้งน้ำพระทัยพระราชบุตรมังตราเองแม้จะวิวาททุ่มเถียงหรือริษยาอย่างไรก็ตามแต่ก็ยังมีความรักแลเมตตาให้แก่จะเด็ดเมื่อนึกถึงค่าที่จะเด็ดให้ความจงรักภักดีแก่ตนด้วยใจสุจริตอยู่ ครั้นจะหาเรื่องรุกตะละแม่จันทราพระพี่นางโดยไม่มีเหตุผลก็ยังเกรงใจจะเด็ด เพราะมังตราเองก็ทราบว่าจะเด็ดนั้นหลงรักในตะละแม่จันทราพระพี่นางอยู่เช่นกัน

   จนอยู่มาวันหนึ่ง บ่าวนายวัยรุ่นทั้งสองต่างเล่นสนุกคึกคะนองอยู่ต่อหน้าพระราชเทวีซึ่งเป็นพระราชมารดาของมังตรา พอตะละแม่จันทราทำเรื่องไม่ถูกใจมังตราก็ตรงเข้าผลักไสพระพี่นางต่อหน้า พระราชเทวีผู้มารดาเห็นเหตุการณ์ดังนั้นก็ดุบุตรชายของตนเอาว่า

"เจ้าลิ้นดำทำดังนี้ไม่ถูก อันตะละแม่จันทราแม้ว่าเป็นพี่สาวก็ไม่ใช่พี่สาวร่วมมารดา ทั้งอายุก็ห่างกันเพียงไม่กี่วัน เป็นหนุ่มสาววัยพอๆกัน จะถูกเนื้อต้องตัวกันย่อมไม่สมควร ทำตัวเหมือนไม่ได้สืบเชื้อสายกษัตริย์อันประเสริฐ ถ้าความนี้ล่วงรู้ถึงหูสมเด็จพ่อพระองค์ก็จะตำหนิเอาว่าเป็นคนถ่อยไม่รู้จารีตประเพณี ถ้าต่อไปวันข้างหน้ายังทำตัวเช่นนี้อีกแม่จะลงโทษเจ้า"

    มังตรานั้นเป็นเด็กฉลาดเจ้าเล่ห์เจ้ากลพอผู้เป็นแม่โกรธตนก็ได้ทีคืดถึงอุบายที่จะแกล้งทำให้จะเด็ดและตะละแม่จันทราอยู่ห่างกันได้ทันที จึงคอยท่าให้มารดาให้พระทัยเย็นลงแล้วก็แกล้งประจบประแจงเอาใจพระราชเทวีผู้แม่จนลืมความผิดของตนเมื่อครู่ แล้วก็เอาเรื่องที่ตะละแม่จันทรากับจะเด็ดนั้นสนิทสนมกันขึ้นทูลบ้าง พระราชเทวีเมื่อทราบความนั้นก็คิดในใจตามว่า อันความใกล้ชิดของเด็กทั้งสองถึงในขณะนี้จะยังไม่แน่ใจว่ารักใคร่ชอบพอฉันชู้สาวหรือไม่  แต่ก็ไม่ควรปล่อยปละละเลยให้เกิดเรื่องไม่งามในวันข้างหน้าได้ เหมือนทิ้งไม้เลื้อยไว้ในฤดูฝนรังแต่จะเติบใหญ่จนเกินควบคุมควรที่จะตัดรากเสียจะได้ไม่มีปัญหาต่อเนื่องตามมาแต่ภายหลัง  แต่จะสั่งให้แยกจากกันโดยอำนาจก็กลัวว่าแม่เลาชีพระนมจะน้อยใจเอาได้  จำเป็นต้องเรียกนางมาพบเพื่อไม่ให้เป็นที่ขัดใจกันทั้งสองฝ่าย คิดได้ดังนั้นก็ให้นางในเชิญแม่เลาชีพระนมหลวงมาเฝ้าแล้วพูดกับนางว่า

"แม่เลาชี อันตะละแม่จันทราลูกสาวเราเติบใหญ่สมควรจะได้รับการสั่งสอนอบรมซึ่งกิจทั้งปวงอันขัตติยะนารีแล้ว ควรที่ได้เวลาจะขอรับตัวนางคืนมารับการอบรมอยู่ ณ ตำหนักเราเพื่อการดังว่านี้  อันลูกเราซึ่งท่านฟูมฟักอุ้มชูนางมาแต่น้อยแม้นมิใช่แม่ก็เสมอเหมือนหนึ่งดังแม่นั้นก็จัดเป็นคุณแก่เราอยู่ เอาเช่นนี้ก็แล้วกันข้าขอสนองคุณท่านด้วยเงิน ๑๐๐ แท่งให้ท่านเป็นสินน้ำใจ ขอท่านอย่ามีความเสียใจต่อการที่เรารับนางคืนเลย"

   แม่เลาชีได้ฟังวาจาพระราชเทวีดังนั้นแล้วก็ร้องไห้แล้วว่า

"ความเสียใจนั้นข้าพไม่มีอันใด เพราะทราบว่าพระนางจะดูแลและให้ความสุขแก่ตะละแม่ได้ดีกว่าข้าพเจ้า เพียงแต่เวลาที่ข้าพได้เลี้ยงดูอุ้มชูมาตั้งแต่อายุไม่ครบเดือนจนจะสิบห้าพรรษานั้นเล่า ถึงจะหักอย่างไรก็ไม่วายห่วงอาลัยในตัวนาง ตลอดเวลาที่นางได้รับการฟูมฟักเลี้ยงดูจากข้าพเจ้านั้น  ข้าพเจ้านั้นก็เอาใจใส่ยิ่งกว่ามังตราพระราชบุตรและจะเด็ดผู้บุตรของข้าพเจ้าเสียอีก  เนื่องด้วยเพราะตะละแม่เป็นหญิงและกำพร้ามารดามาแต่น้อย  ทั้งนี้เพราะข้าพเจ้าเป็นคนต่ำต้อยที่ได้เป็นถึงพระนมลูกหลวงย่อมถือว่าเป็นการสนองคุณพระเจ้าอยู่หัวแล้ว จะถือเอาน้ำนมแลสิ่งของที่ข้าพเจ้าที่ได้ให้แก่ตะละแม่นั้นเป็นบุญคุณย่อมมิได้ ฉะนั้นข้าพเจ้าขอยกเงิน ๑๐๐ แท่งอันจะพระราชทานแก่ข้าน้อยนี้ถวายมอบให้แก่แม่จันทราเป็นส่วนแสดงความคิดถึงของข้าพเจ้านั้นเถิด"

  พระราชเทวีทราบถึงน้ำใจรักอันบริสุทธิ์ที่นางมีต่อตะละแม่จันทราก็เกิดความเอ็นตู แล้วพูดปลอบนางว่า

"แม่เลาชีขอท่านอย่าเอาความห่างไกลดังว่านั้นมาเป็นกังวลเลย จากเรือนท่านมายังตำหนักหลวงแห่งนี้ก็ห่างเพียงหัววังแลท้ายวัง หาใช่ไกลเหมือนนางไปอยู่เมืองอื่น เมื่อท่านแก่ชราจะมาเยี่ยมนางบ่อยมิได้ เราก็ส่งลูกเราไปเยี่ยมเยียนสัก ๑๐ วันต่อครั้งหนึ่ง"
"ขอบพระทัยในความเมตตาของพระนางที่มีแก่แม่นมแก่ๆคนนี้เพคะ ข้าพเจ้าขอทูลลากลับเรือนไปแจ้งข่าวให้นางทราบเพคะ"

  แล้วแม่เลาชีก็กลับเรือน แลแจ้งการอันพระราชเทวีรับสั่งนั้นแก่ตะละแม่จันทรา ข้าทาสผู้คนในเรือนรู้ข่าวก็พากันห้อมล้อมอาลัยในตัวเจ้านางน้อย  เว้นก็แต่มังตราตัวต้นคิดที่สามารถทำการสมดังหวังก็อมยิ้มในหน้า

  ครั้นเมื่อเย็นค่ำลง คนในเรือนพระนมต่างหลับกันหมดแล้ว แต่ยังตะละแม่จันทราพระราชธิดาน้อยจะต้องจากเรือนที่นางเคยอาศัยก็มิอาจข่มตาหลับได้ลง ยิ่งดึกพระราชธิดาก็ยิ่งเศร้าใจนัก จึงลุกออกมาจากห้องที่นอนกับแม่เลาชีพระนม เดินมาหยุดดูสวนน้อยบริเวณเรือนที่นางคุ้นมาแต่น้อยแล้วทอดถอนใจ

  ฝ่ายเจ้าหนุ่มน้อยจะเด็ดก็ทราบเรื่องที่แม่ไปเฝ้าพระราชเทวี ก็เศร้าใจหลบหน้าหลบไม่พูดจากับผู้ใด แล้วค่ำคืนนั้นก็หาได้หลับนอนลงเป็นปกติไม่ คนทั้งเรือนจะห่วงอาลัยก็แต่ตะละแม่จันทราแต่ไม่มีใครคิดห่วงในตัวจะเด็ดแต่อย่างไร เมื่อนอนไม่หลับก็ก็มานั่งซึมอยู่บนคบไม้ริมชานเรือนพระนมนั้นเอง



  เมื่อจะเด็ดเห็นคนเดินมาอยู่แถวชานบ้าน ก็มองเข้าไปพอเห็นว่านั่นคือตะละแม่จันทราก็ให้ดีใจนัก จึงโจนขึ้นมาบนชานเรือนมาหานางแล้วเอี้อนเอ่ยวาจากับนาง

"แม่จันทราเอย ช่างเป็นวาสนาของจะเด็ดนัก จึงดลบันดาลให้เราได้พบกันเช่นนี้ก่อนจะจากไป"

   
"ข้าพเจ้านั้นยินดีนักที่ได้ยินวาจาของพี่ท่านเยี่ยงนี้ อันชาตินี้น้องคงต้องเชื่อแล้วว่าจะหาใครที่รักในตัวน้องจันทรานี้เกินกว่าจะเด็ดพี่ท่านคงไม่มีแล้ว น้ำใจพี่ข้อนี้จันทราก็รู้อยู่เต็มอก  แต่ขอท่านพี่จงอดทนรอไปก่อนเถิด แม้ภายหน้าไม่สมหวังดังที่ตั้งใจมั่นแล้ว อย่ากลัวว่าจันทราจะไม่กล้าหนีตามท่านเลย แต่เวลานี้น้องนั้นหลบจากแม่เลาชีมานานเกินเวลาแล้วสมควรที่น้องจะกลับไปหาท่าน ก่อนที่จะเป็นที่ผิดสังเกตและเป็นที่ครหาตามมาน้องนั้นต้องขอลาจากจะเด็ดพี่ท่านเสียก่อน ไว้ต่อเมื่อเวลาสิบวันข้างหน้าถ้ามังตราไม่จงใจขัดขวางเสียก่อนเราคงได้พบกันใหม่นะพี่ท่านขา"

   เจ้าหนุ่มจะเด็ดยังอาลัยรักในตัวนางนัก คงยังกอดร่างงามนั้นมิยอมปล่อยมือแต่อย่างใด...

เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน


Ashirakrub Janpool

ผมชอบเรื่องนี้มากจริงๆ แต่เสียดายที่ต้นฉบับดันแต่งไม่จบซะนี่

ksatan

สุดยอดครับท่าน แนวอิงประวัติศาตร์ได้รู้วิถีชีวิตของคนรุ่นก่อน




ประเสริฐ เอียงสันเทียะ

เรื่องใหม่มา ขอบคุณนะคับที่แต่งให้อ่านผมตามอ่านที่เรื่องสนุกที่กเรื่องชอบมากๆๆ



thum2520

ขอบคุณครับ แต่เห็นมีบางคอมเม้นท์ว่าแต่งไม่จบ อย่างไรฝากผู้ประพันธ์ด้วยนะครับ อิอิ

songsak

ผู้ชนะสิบทิศเวอร์ชั่นนี้น่าอ่านมากๆเลยครับ จะติดตามทุกตอนเลย

goza13



wood007