ข่าว:

🎉🎉🎉 XONLY เปิดรับลงทะเบียนสมาชิกใหม่อีกครั้ง จำกัดวันละ 50 คน จนกว่าแอดมินจะขี้เกียจรับ😀

Main Menu
avatar_nato87

เกมรักภารโรงเฒ่า ปี 2 ตอนที่ 13 : นางเอกคนใหม่

เริ่มโดย nato87, มกราคม 05, 2021, 04:27:54 หลังเที่ยง

หัวข้อก่อนหน้า - หัวข้อถัดไป

0 สมาชิก และ 1 ผู้มาเยือน กำลังดูหัวข้อนี้

นางเอกคนไหน ทำให้ร่างกายของคุณ 'เสียน้ำ' ในร่างกาย มากที่สุดครับ (เลือกได้ 3 คน)

ใบเฟิร์น - เนตรชนก
โดนัท - ณิชา
พิมมี่ - พิมพาภรณ์
นาถ - นาถลดา
ยัยอุ๊ - หทัยรัตน์
หมอพลอย - พลอยพรรณ
อีฟ - อรัญญา
หมวย - เดือนดารา
ทราย - ฉัตรพร

Mrweed


xijikoh

หมอพลอยนี่เป็นคนที่ไม่ค่อยชอบบอกเหตุผลของตัวเองให้คนอื่นรู้


sathit91




wehwhwhw shgsh


gonggang1150





ชอบอ่าน

อ้างจาก: nato87 เมื่อ มกราคม 05, 2021, 04:27:54 หลังเที่ยง
พูดคุยก่อนอ่าน : มาแล้ว ๆ ออกตัวก่อนว่าตอนนี้ไม่มีฉากเลิฟซีนนะครับ พักยกก่อน ตอนนี้เราจะเป็นการปูเรื่องราวกันก่อน อย่าตกใจถ้าตอนนี้ลุงพลมีบทจึ๋งเดียว 55555+ ให้แกพักยกก่อน เพราะแกกำลังจะเจอบิ๊กแมตซ์เอลกลาซิโก้กับครูเบสท์นะครับ

แต่ถึงจะพูดแบบนี้ ครูเบสท์ก็ดันโผล่มาตอนใกล้จบ ซึ่งเธอจะปรากฏตัวเต็ม ๆ ในตอนต่อ ๆ ไป ในฐานะนางเอกตัวจริง และหมอพลอยจะกลายเป็นตัวร้าย จริง ๆ ก็ไม่ได้ร้ายหรอก ออกแนวเทา ๆ มากกว่า....นะ 555+

ถ้าคุณได้อ่านตอนนี้ คุณจะเห็นถึงความเย็นชา หมางเมิน ห่างเหิน ของหมอพลอย ที่กระทำต่อลุงพลและน้องลูกขวัญ โดยเฉพาะน้องลูกขวัญ ตอนนี้มีบทเด่นสุดของเรื่องในตอนนี้ครับผม แล้วก็พิเศษหน่อย คือการแนะนำ 'ตัวละครใหม่' อย่างน้อง น้ำปั่น ศรันยพร ที่ผมเคยแนะนำตัวเอาไว้ในกระทู้นี้ นะครับ


https://xonly8.com/index.php?topic=217645.msg1314255#msg1314255



ก็ขอให้สนุกกับการอ่านครับ


ปล.มีเกมสนุก ๆ อีกละ ผมไม่รู้ว่าพวกคุณสนุกกับผมหรือเปล่า แต่ผมอยากถามคุณว่า ในบรรดานางเอกที่อยู่ในคอลเล็คชั่นลุงพล ณ ขณะนี้ 9 คน นางเอกคนไหนที่ทำให้ร่างกายของคุณเสียน้ำมากที่สุดครับ (เลือกได้ 3 คนนะ)

#######################

ความเดิมจากตอนที่แล้ว


https://xonly8.com/index.php?topic=238599.0

ลูกขวัญ ภาสินี ในชุดนักเรียนคอนแวนต์เดินทางมาที่วิทยาลัยพยาบาลที่หมอพลอยทำงาน เพื่อนัดสัมภาษณ์กับคณะอาจารย์ที่ทำงานในองค์กรแห่งนี้

"เฮ้อ..." สาวน้อยลูกคุณหนูหยุดนิ่งอยู่หน้าอาคารเรียน เธอมีนัดสัมภาษณ์เพื่อสมัครเข้าเรียนในคณะแพทย์ศาสตร์ตามที่เธอตั้งใจเอาไว้ เพียงแต่ ก่อนหน้านั้น มีเรื่องที่ทำให้เธอและครอบครัวรู้สึกไม่สบายใจเกิดขึ้น ซึ่งมันเกี่ยวข้องกับครอบครัวของหมอพลอย ไอดอลที่เธอให้ความเคารพ โดยหมอพลอยได้ทำงานอยู่ที่วิทยาลัยแพทย์และพยาบาลแห่งนี้อีกด้วย



นายหัวภูชิตและพี่ชายของเธอ พยายามไม่พูดถึงเรื่องข่าวฉาวที่เกิดขึ้น ถึงแม้จะไม่ได้มีการระบุตัวตนที่ชัดเจน แต่เหล่าบรรดาคอการเมืองต่างรู้ดีว่า นักการเมืองผู้กว้างขวางของภาคตะวันออกคือท่านวิทยา และนักการเมืองผู้กว้างขวางแห่งภาคใต้ก็คือนายหัวภูชิต นั่นเอง

เพราะลูกขวัญยังเด็กเกินไป นายหัวภูชิตเลยไม่อยากให้ลูกสาวคนเล็กของบ้านต้องมารับรู้ปัญหาของผู้ใหญ่ที่เกิดขึ้น นายหัวเลยขอร้องให้ลูกขวัญทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ไม่ต้องไปยุ่งหรือวุ่นวายกับปัญหาที่เกิดขึ้น

ตอนแรกลูกขวัญก็เชื่อฟัง คำสอนของนายหัวภูชิตผู้เป็นพ่อ ว่าอย่าเข้ามายุ่งกับเรื่องวุ่นวายของผู้ใหญ่ จนกระทั่งในกลางดึกคืนหนึ่ง เธอแอบไปได้ยินเสียงพ่อคุยโทรศัพท์กับทนายประจำตัว จึงได้ทราบว่าตอนนี้บ้านของเธอและบ้านของหมอพลอยกำลังกลายเป็นคู่กรณีกัน

"พอมีทางชนะไหมทนาย!!!" เสียงของนายหัวภูชิตดังเล็ดลอดออกมาจากห้องทำงาน โดยมีลูกขวัญแอบเอาหูแนบฟังอยู่หน้าประตู

"ผมบอกตามตรงว่ายาก..." ทนายความประจำบ้านตอบ "แต่ก็พอมีทางอยู่บ้าง เว้นเสียแต่..."

"ต้องการเงินเท่าไรก็ว่ามาทนาย!!!" นายหัวภูชิตตอบด้วยโทสะ "เรื่องเงินไม่ใช่ปัญหา!!! ไอ้วิทยามันทำกันเกินไปแล้ว!!!!"

"ผมขอแสดงความเห็นหน่อยนะครับ" เสียงของทนายความดังขึ้น "ผมรู้จักกับทนายของท่านวิทยาดี ก็ได้คุยกันนอกรอบ ทนายฝ่ายนั้นบอกว่า ท่านวิทยาไม่รู้เรื่องมาก่อน เหมือนมีบุคคลที่สาม ที่มีส่วนได้ส่วนเสียกับท่านวิทยาและเจ้านายเข้ามามีส่วนร่วม ด้วยการเอาข้อมูลไปขายให้นักข่าว..."

"แล้วมันใครวะ!!!" นายหัวภูชิตแผดเสียงดัง "ถ้าไม่ใช่ไอ้วิทยา แล้วมันใครวะ!!!"

"ถ้าถามว่าใครทำ ผมว่านั่นเป็นอีกประเด็นหนึ่ง แต่ประเด็นสำคัญคือ เราจะทำยังไงเพื่อพิสูจน์ว่าหลักฐานที่ถูกเปิดโปงไม่มีน้ำหนักมากพอที่ศาลจะรับฟ้องได้"

"ก็บอกไปว่าข้อมูลพวกนั้นเป็นข้อมูลเท็จไปซิ!!!!" นายหัวตอบ "แจ้งความกลับไปด้วยข้อหาหมิ่นประมาท แจ้งความเท็จ พรบ.คอมพิวเตอร์ อะไรก็ว่าไป ทนาย!!! คุณต้องจัดการเรื่องนี้ให้ได้ ต้องการเงินเท่าไรก็ว่ามา!!!"

แล้วลูกขวัญก็เดินจากมา ด้วยความรู้สึกที่ชาไปทั้งร่าง ไม่คิดว่าปัญหาที่เกิดขึ้นในตอนนี้มันจะรุนแรงมากถึงขนาดนี้ ก็รุนแรงถึงขนาดที่พ่อของเธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟได้ มันคงไม่ใช่เรื่องธรรมดา

ลูกขวัญคิดว่า บางทีนี่อาจเป็นฝีมือของหมอพลอย เพราะคิดว่าหมอพลอยมีส่วนได้ส่วนเสียกับเรื่องนี้ เธอไม่รู้รายละเอียดลงลึกมากมายหรอก แต่ลางสังหรณ์ของเธอมันบอกแบบนั้น หมอพลอยคือผู้อยู่เบื้องหลังทั้งหมด

.............................

ตัดมาที่ปัจจุบัน

"ปะ...ไปทำหน้าที่ของเราให้จบ!!!" ลูกขวัญถอนหายใจเฮือกใหญ่ และให้กำลังใจตัวเองอีกรอบ ก่อนเดินสะพายกระเป๋าเข้าไปภายในอาคารเรียน แล้วขึ้นลิฟต์ขึ้นไปบนตัวอาคารเพื่อพบกับคณะอาจารย์ที่เป็นกรรมการในการสัมภาษณ์ในครั้งนี้

พอออกมาจากลิฟต์ ลูกขวัญก็เดินไปตามทาง เธอเห็นเด็กนักเรียนมัธยมปลายจากต่างโรงเรียนกำลังนั่งรอตรงม้านั่งริมระเบียง บางคนก็มากับผู้ปกครอง ลูกขวัญเลยเดินไปตรวจสอบเลขทะเบียนผู้สอบนัดสัมภาษณ์กับเจ้าหน้าที่หน้าห้อง

"มาสัมภาษณ์เหรอคะน้อง ชื่ออะไรคะ?" เจ้าหน้าที่วิทยาลัยพยาบาลหญิงเอ่ยปากถามเด็กสาวหน้าตาดีด้วยไมตรี

"เอ่อ ภาสินี ถิ่นทวีพัฒนา ณ ภูเก็ต ค่ะ" ลูกขวัญตอบ เจ้าหน้าที่คนนั้นตรวจสอบไม่นานก็พบรายชื่อของเดกสาว แน่นอนละ นามสกุลดังและยาวขนาดนี้ ไม่เจอก็แปลกแล้ว

"น้องภาสินีนะคะ..." เจ้าหน้าที่วิทยาลัยพยาบาลใช้ปากกาน้ำเงินติ๊กชื่อ "ลำดับที่ 69 นะคะ เดี๋ยวน้องนั่งรอก่อนนะคะ"



"ค่ะ ได้ค่ะ" ลูกขวัญหยิบบัตรคิวจากเจ้าหน้าที่พยาบาล แล้วเดินกลับมานั่งรอตรงริมระเบียง ในกลุ่มเด็กนักเรียน ม.ปลาย ที่มาสมัครเรียนคณะแพทย์ศาสตร์ราว 100 คน ลูกขวัญไม่รู้จักใครสักคน ด้วยเหตุนี้ เลยทำให้เธอหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาเล่นแก้เซ็งไปตามเรื่องระหว่างรอ

ระหว่างนั่งรอ เธอก็เหลือบไปเห็น หนุ่มใหญ่ในชุดสูทสีดำ กำลังเดินมากับเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเธอในชุดนักเรียนมัธยมปลาย ที่ดูจากป้ายปักชื่อไม่น่าจะมาจากโรงเรียนภายในกรุงเทพ ซึ่งคาดว่าสองคนนี้น่าจะเป็นพ่อลูกกัน พ่อลูกคู่นี้เดินไปที่โต๊ะของเจ้าหน้าที่เพื่อตรวจสอบรายชื่อนัดสัมภาษณ์

"สวัสดีครับ คือผมพาลูกสาวมารายงานตัวเพื่อสัมภาษณ์น่ะครับ" หนุ่มใหญ่คนนั้นเอ่ยปากกับเจ้าหน้าที่หน้าห้อง "ลูกสาวผมชื่อ ศรันย์พร..."

ลูกขวัญแอบชำเลืองมอง ก็เห็นเด็กสาวรุ่นราวคราวเดียวกับเธอ ดูเป็นเด็กสาวหน้าตาน่ารัก ผิวขาว เรียกได้ว่าอาจจะขาวพอ ๆ กับเธอเลย ลูกขวัญคิดว่า บุคลิกท่าทางของศรันย์พร น่าจะมาจากครอบครัวที่มั่งมีพอสมควรเลยทีเดียว

พอได้หมายเลขลำดับเสร็จแล้ว พ่อลูกคู่นี้ก็เดินออกมา หนุ่มใหญู่ผู้เป็นพ่อเหลือบเห็นลูกขวัญก็ยิ้มทักทาย ก่อนเอ่ยคำพูดบางอย่างออกมา

"มาสัมภาษณ์เหรอจ๊ะหนู? ลุงพาลูกมาสัมภาษณ์เหมือนกัน เดี๋ยวลุงรบกวนฝากลูกสาวลุงนั่งด้วยนะ"

"ค่ะ..." ลูกขวัญพยักหน้ายิ้ม พลางเหลือบมองสองพ่อลูกที่ดูเป็นมิตร

ระหว่างนั่งรอ ลูกขวัญก็ได้ยินสองพ่อลูกคุยกันด้วยเรื่องจิปาถะมากมายโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เธอรู้ว่า นอกจากเธอแล้ว ยังมีเด็กสาวคนอื่นที่ถูกครอบครัวคาดหวังเอาไว้สูงเช่นเดียวกัน

"ถ้าหนูสัมภาษณ์ผ่าน หนูขออยู่คอนโดและขอซื้อรถได้ไหมคะพ่อ?" เด็กสาวคนนั้นเอ่ยปากกับผู้เป็นพ่อ

"อยู่หอในเถอะลูก มันปลอดภัยกว่า ส่วนรถ เอาไว้ก่อน ให้เราโตกว่านี้ มีความรับผิดชอบกว่านี้แล้วเดี๋ยวค่อยมาว่ากัน"

เด็กสาวคนนั้นดูผิดหวังไม่น้อย ลูกขวัญที่นั่งอยู่ข้าง ๆ ก็เล่นสมาร์ทโฟนไปตามเรื่อง ระหว่างรอคิว เด็กสาวจากจันทบุรีก็เอ่ยปากทักลูกขวัญ

"เธอ ๆ เธอชื่ออะไรอ่ะ เธอมาจากโรงเรียนไหนเหรอ?"

"เราชื่อลูกขวัญ" ลูกสาวนายหัวภูชิตตอบอย่างเป็นมิตร "เรามาจากโรงเรียน... แล้วเธอละ เธอชื่ออะไร"



"อือออ โรงเรียนไฮโซซะด้วย!!!" พอได้ยินชื่อโรงเรียนของลูกขวัญ เด็กสาวจากจันทบุรีก็ทำตาโต "เราชื่อน้ำปั่น ชื่อจริงชื่อศรันย์พร ยินดีที่ได้รู้จักกันนะ ไว้ถ้าเราได้เรียนแพทย์ศาสตร์ เราคงได้เจอกัน"

"จ๊ะ ขอให้เราทั้งสองคนได้เรียนที่เดียวกันนะ" ลูกขวัญยิ้มตอบอย่างมีไมตรี

แล้วน้ำปั่นก็หันไปคุยกับพ่อของเธอต่อ จนกระทั่งมีคนโทรเข้ามาหาพ่อของน้ำปั่น หนุ่มใหญ่เลยปลีกตัวลุกขึ้นไปโทรศัพท์ น้ำปั่นพอเห็นพ่อเดินออกไป ก็เลยหันมาชวนลูกขวัญคุยแก้เซ็ง

"เธอ ๆ เธอเป็นเด็กกรุงเทพเหรอ?" น้ำปั่นเอ่ยปากถามตาแป๋ว

"เราเป็นเด็กภูเก็ต แต่มาโตและเรียนที่กรุงเทพ" ลูกขวัญยิ้ม "เธอมาจากไหนเหรอ?"

"จันทบุรี" น้ำปั่นตอบ "แล้วที่กรุงเทพเป็นยังไงบ้าง? รถติดมากไหม? ห้างเยอะหรือเปล่า?"

ดูเหมือนว่าน้ำปั่นจะเป็นเด็กต่างจังหวัด ที่ไม่ค่อยรับรู้ความเป็นไปภายในกรุงเทพมากมายนัก เธอเคยเห็นภาพความเจริญของกรุงเทพผ่านสื่อโทรทัศน์และสื่อโซเชียล นี่อาจเป็นครั้งแรกในชีวิตก็ได้ ที่เธอจะได้มาใช้ชีวิตในเมืองหลวงแห่งนี้อย่างเต็มรูปแบบในฐานะนักศึกษาแพทย์ศาสตร์

"มากซิ โดยเฉพาะช่วงเวลาเร่งด่วน แต่พอถึงช่วงเทศกาลหยุดยาวสำคัญ ๆ ก็เงียบ ไม่ต่างจากเมืองร้าง ส่วนห้าง ก็เยอะอยู่" ลูกสาวนายหัวตอบไปตามที่เธอได้เคยสัมผัส

"อืมมม...เราเคยมาเที่ยวกรุงเทพตอนเด็กไง" สาวน้อยจากจันทบุรีตอบ "นี่เป็นครั้งแรกที่เราจะได้มาใช้ชีวิตที่นี่ ก็เลยอยากรู้ เลยถามเป็นข้อมูล อย่าลำคาญเราเลยนะ"

"ไม่หรอก..." ลูกขวัญยิ้ม ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเรียกหมายเลขผู้สมัครขึ้นมา

"หมายเลข 69 นางสาวภาสินี ถิ่นทวีพัฒนา ณ ภูเก็ต เชิญค่ะ!!!"

"เดี๋ยวเราขอตัวก่อนนะน้ำปั่น" ลูกขวัญลุกขึ้นสะพายกระเป๋าเตรียมเข้าไปภายในห้องสัมภาษณ์ "ขอให้เราได้เจอกันในวันมอบตัวนะ"

"จ๊ะ ยินดีที่ได้รู้จักนะลูกขวัญ" น้ำปั่นยิ้มหวาน ก่อนที่ลูกขวัญจะเดินเข้าไปภายในห้องสัมภาษณ์ ที่เธอไม่คาดคิดมาก่อนว่า หนึ่งในคณะกรรมการที่นั่งอยู่ จะมีหมอพลอยรวมอยู่ในนั้นด้วย

"นางสาวภาสินี ถิ่นทวีพัฒนา ณ ภูเก็ต ใช่ไหมครับ?" คณะกรรมการผายมือเชิญให้ผู้สมัครนั่งที่โต๊ะทำงาน "เชิญนั่งครับ"

"ค่ะ..." ลูกขวัญดูประหม่าไม่น้อย เมื่อเห็นหมอพลอยในชุดสูทสีดำนั่งอยู่ร่วมกับคณะกรรมการ หมอพลอยดูสงบนิ่ง เมื่อเห็นลูกขวัญ ลูกสาวของตระกูลที่คิดทำลายครอบครัวเธอปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า

และแล้ว การสัมภาษณ์ก็เริ่มต้นขึ้น คณะกรรมการเปิดแฟ้มเอกสารผลการเรียนของลูกขวัญดูด้วยท่าทางจริงจัง ก่อนเริ่มเปิดประเด็นคำถามชุดแรกทันที

"ด้วยชื่อเสียงของสถาบันที่หนูเรียน ผลการเรียน แล้วก็ประกาศนียบัตรต่าง ๆ อาจารย์ก็บอกตามตรงนะครับว่า หนูผ่านเกณฑ์ทุกอย่างที่สถาบันของเราต้องการ เอาละ มาเริ่มกัน พร้อมแล้วใช่ไหมจ๊ะ น้องภาสินี? เราชื่อเล่นชื่ออะไรนะ ลูกขวัญใช่ไหม?"

"ใช่ค่ะอาจารย์..." ลูกสาวนายหัวภูชิตยิ้ม

"เพราะอะไรที่ทำให้หนูอยากเรียนคณะแพทย์ศาสตร์ของเรา?"

ลูกขวัญแอบชำเลืองมองหมอพลอยที่นั่งอยู่ ฝั่งตรงข้าม ความจริงแล้วที่เธออยากมาเรียนที่นี่ ส่วนหนึ่งเพราะเธออยากเก่งแบบหมอพลอย หญิงสาวที่เธอมองว่าเป็นไอดอล พี่สาว และผู้หญิงเก่งที่เธออยากจะเป็น

"คือหนู...หนูอยากเป็นคนที่มีคุณค่า มีความสามารถ ที่จะช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน หนูเลยอยากเป็นหมอเพื่อช่วยเหลือชีวิตเพื่อนมนุษย์ด้วยกันค่ะ"

และแล้วลูกขวัญก็เอ่ยปากตอบคำถามจากคณะกรรมการ การสัมภาษณ์เป็นไปด้วยดี ก่อนที่ลูกขวัญจะเดินออกมาจากห้องสัมภาษณ์

.............................

ตัดมาที่ช่วงพักเที่ยง หลังจากสัมภาษณ์เสร็จแล้ว ลูกขวัญก็แวะหาอะไรกินที่โรงอาหารภายในวิทยาลัยพยาบาลก่อนที่พ่อของเธอจะส่งคนมารับกลับบ้าน ลูกคุณหนูจากบ้านนายหัวภูชิตเดินเข้าไปภายในโรงอาหารแห่งนี้เพื่อหวังซึมซับบรรยากาศ ก่อนที่จะมาเป็นนักศึกษาแพทย์เต็มตัวในอีกไม่นาน

"จะกินอะไรดีนะ?" ลูกขวัญสะพายกระเป๋านักเรียนมองร้านค้าภายในโรงอาหารตาแป๋ว มีทั้งร้านข้าวแกงราคาไม่แพง ร้านอาหารตามสั่ง ร้านข้าวขาหมู ร้านก๋วยเตี๋ยว ร้านอาหารมุสลิม "ร้านอาหารตามสั่งแล้วกัน แต่คนมันเยอะแหะ!!! เอาไงดี!!!"

และแล้ว เธอก็เหลือบไปเห็นร้านขายน้ำเต้าหู้ และชายสูงวัยที่เป็นเจ้าของร้าน ทันใดนั้น เธอก็จำได้ว่าลุงคนนี้คือคนที่มีประเด็นกับพี่ชายของเธอนั่นเอง

ทางด้านลุงพล ที่กำลังง่วนอยู่กับการเทปาท่องโก๋ที่ทอดเสร็จแล้วลงบนถาด พอเหลือบไปเห็นสาวน้อยคอนแวนต์ ก็จำได้ว่าเด็กสาวคนนี้เป็นน้องสาวของภูวนาท หนุ่มไฮโซที่เข้ามาพัวพันกับหมอพลอย ตาเฒ่าหื่นเลยยิ้มให้ แต่ว่า...

"อะไรวะ?" ลุงพลถึงกับบ่นอุบ เมื่อเห็นนางฟ้าคอนแวนต์รีบเดินจากไป

สงสัยจะเป็นเรื่องเมื่อวันก่อนแน่ ๆ ที่ลุงพลเข้าไปขวางไอ้บอย แต่ช่างเถอะ เพราะสักพักก็มีลูกค้ามาซื้อน้ำเต้าหู้ปาท่องโก๋ร้านแก พอขายไปได้สักพัก ลุงพลก็เหลือบไปเห็นหมอพลอยเดินเข้ามาหาข้าวเที่ยงกินที่โรงอาหาร

"หมอพลอยนี่หว่า!!!" ลุงพลยิ้มแป้นหน้าบาน เมื่อเห็นหมอพลอยที่เสร็จจากการสัมภาษณ์ผู้สมัครเข้าเรียนคณะแพทย์ศาสตร์ แต่ดูเหมือนว่าหมอพลอยจะแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นลุงพล ด้วยการเดินผ่านหน้า ไม่แม้แต่จะชายตาแลตาเฒ่าเลยแม้แต่น้อย

ลุงพลได้แต่มองแผ่นหลังและบั้นท้ายของหมอพลอยตาละห้อย สงสัยหมอพลอยคนสวยยังไม่หายโกรธเรื่องเมื่อวันก่อนแน่นอน เฮ้อ!!! ใจแข็งเหลือเกินนะคุณหมอน้ำแข็ง

.............................

ลูกขวัญเดินไปซื้อก๋วยเตี๋ยวกิน พอกินเสร็จแล้ว เธอก็เดินออกมาจากโรงอาหาร กลับไปนั่งรอใต้อาคารทำการ เพื่อรอคนขับรถมารับ ระหว่างรอก็นั่งเล่นสมาร์ทโฟน คุยไลน์กับเพื่อน ๆ แก้เซ็งไปตามเรื่อง



"ลูกขวัญ? ยังไม่กลับบ้านอีกเหรอ?" น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น ภาสินีที่นั่งอยู่บนโต๊ะไม้เงยหน้า ก็เห็นหมอพลอยยืนอยู่

"พี่พลอย?" ลูกขวัญลุกขึ้นพนมมือไหว้ด้วยความเคารพที่มีให้ไม่เปลี่ยนแปลง

"สวัสดีจ๊ะ" หมอพลอยพนมมือไหว้กลับ "พี่มีอะไรจะคุยกับเราเป็นการส่วนตัวหน่อย สะดวกคุยไหม?"

"ได้ค่ะ..." ลูกขวัญพยักหน้า ส่วนหมอพลอยก็หย่อนตัวนั่งบนโต๊ะไม้ ประสานมือบนโต๊ะ ก่อนรวบรวมสมาธิเพื่อพูดคุยธุระส่วนตัวกับลูกขวัญ

"พี่คิดว่าลูกขวัญน่าจะรู้เรื่องแล้ว ที่พี่กับพี่บอย คงไม่ได้แต่งงานกัน" หมอพลอยเปิดประเด็น "ลูกขวัญคงไม่โกรธพี่ใช่ไหม?"

"ค่ะ..." รอยยิ้มบนใบหน้าลูกสาวนายหัวเลือนหายในบัดดล เมื่อได้ยินคำพูดจากบุคคลที่เธอให้ความเคารพรัก "พี่พลอยคงดีใจซินะคะ ที่พี่จะได้ไม่ต้องมาแต่งงานกับพี่ชายของหนู"

"เรื่องความรักบางทีมันหักห้ามใจกันไม่ได้นะจ๊ะลูกขวัญ" หมอพลอยพยายามตอบด้วยโทนสีโอนย่อน "พี่ไม่ได้รักพี่บอย...ขอโทษด้วยนะ ถ้าคำตอบนี้มันอาจทำให้ลูกขวัญผิดหวัง"

"ไม่ได้รักก็พอเข้าใจหรอกค่ะพี่พลอย..." ลูกขวัญเริ่มทำหน้าจ๋อย ก่อนเหลือบมองหมอพลอยด้วยนัยน์ตาโศก "แล้วทำไม? ถึงต้องทำกันขนาดนี้คะ?"

"ลูกขวัญ..." หมอพลอยเหมือนรู้ว่าลูกขวัญกำลังหมายถึงอะไร เด็กสาวกำลังหมายถึงเรื่องคดีความ ที่พ่อของหมอพลอยให้ทนายมาพูดคุยกับพ่อของเรื่องเรื่องคดีความที่กำลังเป็นประเด็นอยู่ในขณะนี้

"พี่พลอย? หนูรู้เรื่องทั้งหมดแล้วนะคะ พี่รู้ไหมคะว่าพ่อของหนูต้องเข้าโรงพยาบาลเพราะเรื่องนี้?" ลูกขวัญเริ่มตัดพ้อ "พี่ไม่อยากแต่งงานกับพี่ชายของหนู หนูเองก็รู้ดี แต่หนูไม่คิดมาก่อนเลยว่า พี่พลอยจะทำถึงขนาดนี้ พี่พลอยคะ? พี่ยังมีหัวใจอยู่หรือเปล่าคะ? ไม่คิดว่าทำกันเกินไปเหรอ? ถ้าไม่อยากแต่งงานกับพี่ชายหนู ก็น่าจะพูดกันตรง ๆ ไม่เห็นต้องทำกันขนาดนี้เลย"

"ลูกขวัญ..." หมอพลอยถอนหายใจยาว เมื่อเจอคำตัดพ้อน้อยใจของภาสินี เด็กสาวที่เธอคิดว่าเหมือนน้องสาวของเธออีกคน "บางที เรื่องบางเรื่องของผู้ใหญ่ เด็กก็ไม่เข้าใจหรอก"

"งั้นก็อธิบายมาซิคะ? บอกความจริงหนูมาเถอะ หนูรับได้" ลูกขวัญตอบ "พ่อของหนู พี่ชายของหนูไปทำอะไรไว้กับครอบครัวของพี่พลอย พี่พลอยถึงทำแบบนี้?"


โปรดติดตามตอนต่อไป...


zuzarman