เกวลิน
(https://xonly8.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fimage.free.in.th%2Fv%2F2013%2Fia%2F160225084722.jpg&hash=348febaa77f8756aefa3c69780e39ca3748fe2aa) (http://picture.in.th/id/03e73b1190440ee67d9e58361a35252a)
(https://xonly8.com/proxy.php?request=http%3A%2F%2Fimage.free.in.th%2Fv%2F2013%2Fiw%2F160219072212.jpg&hash=60fef58ac99d73490726d2bac9a5129369743442) (http://picture.in.th/id/d070183876a381cedd685761423aee37)
พี่หน่อย
ตอนที่ 22
เสียงกรุ๊งกริ๊ง ที่ผมไม่เคยได้ยินมาแสนนาน แต่กระนั้นผมก็ไม่เคยลืมเสียงนี้ได้เลย เมื่อผมได้ยินมันอีกครั้ง เท้าที่กำลังสาวก้าวเดินถึงกับชงัก ก่อนที่ผมจะรีบหันกลับมามอง ในหัวผมมีความรุ้สึกหลายอย่างประดังเข้ามาพร้อมๆกัน ทั้งคาดหวัง ว่าเจ้าของเสียงนั้นจะเป็นน้องกันตาโต ทั้งแปลกใจและไม่อยากเชื่อว่าน้องกันจะเป็นหนึ่งในผู้เข้าอบรม
ผมบอกไม่ถูกเลยครับว่าถ้าผมหันไปเห็นว่าเป็นน้องกันจริงๆ ผมจะดีใจ หรือตกใจกันแน่ แต่แล้วเมื่อผมหันกลับมามอง ผมกลับดีใจที่เห็นว่าเจ้าของเสียงกรุ๊งกริ๊งเฉกเช่นเดียวกับน้องกันนั้น ไม่ใช่น้องกันตัวจริง แม้เธอจะยังคงก้มหน้าจนผมไม่สามารถมองเห็นหน้าของเธอได้ถนัด แต่ขนาดของรูปร่างและเส้นผมที่หยิกหยักโศกยาวเคลียบ่า ไม่ใช่น้องกันตาโตแน่ เพราะเธอมีเส้นผมดำเงาเหยียดตรง
"น้องชื่ออะไรครับ..." ผมสอบถามชื่อเมื่อได้ยินว่าเธออยากขออยู่ทีมขายของผม
"หนูชื่อเกวค่ะ..เกวลิน...."
เธอตอบมาด้วยเสียงกรุ๊งกริ๋งหวานๆอีกครั้ง พร้อมเงยหน้าขึ้นมองสบตาผม ทำให้ผมเห็นหน้าของเกวได้ชัดว่าใบหน้าขาวๆของเธอนั้นเรียวรูปไข่ จุดเด่นบนใบหน้าที่มองเห็นเด่นชัด คือโค้งหน้าผากที่กว้างโหนกนูน สอดรับกับสันจมูกโด่งยาว และดวงตาคู่ใหญ่ สีอ่อนๆ ความรุ้สึกบอกผมว่าเกวลินคงเป็นเด็กลูกครึ่งอย่างแน่นอน แต่ผมก็ไม่ได้ทักถาม เมื่อเธอบอกชื่อกับผมแล้ว ผมก็หันกลับเดินลงบันได ไปหาพี่หน่อยทันที
แต่พอคล้อยหลังหูผมก็ยังพอได้ยินเสียงซุบซิบนินทาเกี่ยวกับตัวผมเบาๆ มาจากสาวๆกลุ่มนั้น เมื่อผมเดินลงไปที่ชั้น2 เพื่อไปห้องทำงานของพี่หน่อย ทันที ที่เปิดประตูเข้าไป พี่หน่อยก็เงยหน้าขึ้นมามองแล้วร้องบอก
"เป็นไงบ้างจ๊ะชาย..น้องๆทีมขายรุ่นนี้ พอเห็นแววใครบ้างมัยจ๊ะ..."
"เอ้อ..ผมต้องเลือกด้วยหรือครับ..." ผมรู้สึกแปลกใจ ว่าผมจะต้องเป็นผู้เลือกทีมขายชุดนี้ด้วยตนเองด้วยหรือ
"ใช่สิจ๊ะ...รุ่นของชาย พี่ก็เป็นคนเลือกชายเข้าทีมมาเอง..." พี่หน่อยเฉลยให้ฟัง
"อ่ะ..ผมยังไม่ได้ดูเลยครับ...ใครก็ได้มั้งครับ..พี่หน่อย.." ผมตอบไปตามตรง แต่พี่หน่อยจุ๊ปากอย่างขัดใจ พร้อมยื่นแฟ้มใบสมัครงานปึกหนึ่งส่งมาให้ แล้วบอกผมว่า
"พี่กะแล้ว..ว่าชายคงไม่ทราบเรื่องนี้.. ชายได้สิทธิ์เป็นผู้เลือกก่อนซุป.คนอื่นๆ เพราะชายทำยอดขายได้ท็อปเซลในปีที่ผ่านมา..เอ้า..ดูแฟ้มสมัครงานพวกนี้สิจ๊ะ..พี่เลือกมาแล้วได้ห้าหกคน..ชายดูสิว่าถูกใจมั๊ย.." ผมหยิบแฟ้มใบสมัครขึ้นมาเปิดดู พร้อมทรุดลงนั่งบนเก้าอี้ ตรงข้ามกับพี่หน่อย
ผมเปิดแฟ้มดูคร่าวๆ มีผู้ชายและผู้หญิงอย่างละครึ่ง แต่ในจำนวนหกแฟ้มที่พี่หน่อยเลือกให้ ไม่มีชื่อของเกวลินเลยแม้
แต่คนเดียว
"เลือกได้ทีมละกี่คนครับพี่..."
"น่าจะสิบคนนะจ๊ะ..แต่พี่ว่าอาทิตย์เดียวเท่านั้นแหละ คนที่ใจไม่สู้ ก็จะหายไปครึ่งหนึ่ง..เราจึงต้องเลือกคนที่มีลักษณะท่าทางสู้งาน อดทนได้ แบบชายไงจ๊ะ...."
เป็นความจริงอย่างที่พี่หน่อยพูดเลย รุ่นผมก็เป็นแบบนี้ ในวันแรกที่เริ่มทำงานในทีมพี่หน่อย ก็มีอยู่แปดคน พอผ่านไปแค่อาทิตย์เดียวก็หายไปครึ่ง แล้วสุดท้ายก็เหลือผมกับเพื่อนผู้หญิงอีกคนเท่านั้นเอง ที่อดทนสู้จนถึงทุกวันนี้
"ถ้าเช่นนั้นผมก็ต้องเลือกอีก4คนสิครับ..."
"จ๊ะ...." พี่หน่อยตอบมา ผมเลยสุ่มๆเอาในกองแฟ้มใบสมัคร โดยไม่ได้ดูหน้าดูชื่อดูเพศเลยแม้สักนิด
เมื่อเลือกมาได้แล้ว ผมจึงค่อยตรวจดูรายชื่ออีกครั้ง ในขณะที่หน่อยเดินถือแฟ้มใบสมัครที่เหลือ ไปให้ซุปคนอื่นๆที่รออยู่ในsection ด้านนอก เพื่อเลือกบ้าง แล้วก็ต้องแปลกใจ เมื่อใบสมัครอีกสี่ใบ ที่ผมเลือกสุ่มๆมั่วๆจากกองแฟ้มใบสมัครปึกใหญ่นั้น ดันมีชื่อของ
เกวลินหญิงสาวลูกครึ่งคนนั้นติดมาด้วย
พี่หน่อยหายออกจากห้องไปนานพอสมควร จนผมพอมีเวลาอ่านประวัติการศึกษาของลูกทีมทั้งสิบคนได้อย่างครบถ้วนโดยเฉพาะ
เกวลิน อายุเพียงแค่19ปี ประวัติการศึกษาของเธอ เรียนจบปวช.การขาย มาจากโรงเรียนพานิชย์เอกชนแห่งหนึ่ง เธอเป็นลุกครึ่งจริงๆอย่างที่ผมคาดการณ์ไว้แต่แรก
"ทำอะไรอยู่จ๊ะชาย..." พี่หน่อยร้องทักผม เมื่อเธอกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง
"อ่านประวัติลูกทีมน่ะครับ..." ผมตอบไปตามตรง แต่ตรงหน้าผมเป็นใบสมัครของเกวลิน ซึ่งเป็นคนที่ผมกำลังดูอยู่ พี่หน่อยชะโงกหน้าก้มลงมามองดูเช่นกัน
"เลือกได้เด็กคนนี้หรือจ๊ะ..."
พี่หน่อยพูดกลั้วเสียงหัวเราะขันๆ จ้องตาผมเขม็ง เหมือนต้องการที่จะอ่านความรุ้สึกในใจของผม แต่พี่หน่อยคงต้องผิดหวัง เพราะผม
ไม่ได้คิดอะไรเกี่ยวกับเกวลินเลยแม้สักนิด
"ผมก็หยิบใบสมัครมามั่วๆน่ะครับ.."
"จ๊ะพี่เห็น..ว่าชายไม่ได้เจนตนาเลือกเด็กคนนี้...แต่รุ้มั๊ยจ๊ะ..ว่าพวกซุปข้างนอกน่ะ เขาคงต่างเสียดาย เพราะพวกเขาเล็งจะแย่งเด็กคนนี้เข้าทีมกัน...ฮิฮิ..."
พี่หน่อยพูดพร้อมหัวเราะขำๆ จนผมรู้สึกแปลกใจ ว่าทำไมพวกซุปรุ่นพี่ๆ ถึงจะแย่งกันเลือกเกวลินเข้าทีม หรือว่าเธอจะเคยมีประวัติการทำงานด้านการขายมาก่อน แต่เท่าที่ผมอ่านผ่านตามานั้น เกวลินเพิ่งเรียนจบปวช. เมื่อกลางปีที่แล้วนี้เอง และยังไม่เคยทำงานที่ไหนมาก่อนสักแห่ง
"ทำไมครับ เธอขายเก่งหรือครับพี่หน่อย... พวกพี่ๆเค้าถึงแย่งกัน"
ผมพาซื่อถามออกไปด้วยความอยากรู้ แต่พี่หน่อยยังไม่ตอบมาทันที เธอกลับจ้องมองหน้าผมยิ้มๆ ดวงตาจ้องมองมาที่ตาผมเขม็ง เหมือนจับผิด แต่เมื่อเธอไม่พบว่าผมหลบตาเธอ เหมือนคนมีพิรุท พี่หน่อยก็หัวเราะขำๆแล้วบอก
"นี่ชายจ๊ะ..ชายไม่เห็นหรือว่าน้องคนนี้เค้าสวย..ฮิฮิ...พวกข้างนอกเขาเลยอยากได้ร่วมทีม จะได้ทำงานอย่างมีชีวิตชีวาไงจ๊ะ..ไม่ได้เกี่ยวกับขายเก่ง หรือไม่เก่งเลยจ๊ะ..."
พี่หน่อยตอบยิ้มๆ แล้วโอบไหล่ผมกอดโยกเบาๆ เหมือนพี่สาวหยอกล้อเล่นกับน้องชาย สักครู่พี่หน่อยก็เดินอ้อมหลังผมกลับไปนั่งที่
โต๊ะตามเดิม แต่ดวงตาเจ้ากรรมของผมสิครับ ดันมองจ้องอยู่ที่ตัวพี่หน่อย พอเธอทรุดตัวลงนั่ง กระโปรงสั้นๆสีแดงเพลิงของเธอเลยถลกเลิกขึ้นมาจนเอ้อ..จนเห็นกางเกงในสีขาวๆ แว๊บๆ เล่นเอาผมรีบเบนสายตามองต่ำลงมาที่ใบสมัครงานของเกวลิน ที่วางอยู่บนโต๊ะ พร้อมใจเต้นตึ๊กๆๆแรงๆ หน้าร้อนวาบๆจนแดงกล่ำ
"นี่ชาย!!..เพี๊ยะ!!..พี่ไม่ชอบนะที่ชายมองใบสมัครของเด็กคนนั้นแบบนี้"
พี่หน่อยพูดเสียงเขียวๆห้วนๆ พร้อมยื่นมือมาตีนแขนผมดังเพี๊ยะ จนผมรีบเงยหน้าจ้องมองเธอ เห็นพี่หน่อยทำหน้าบึงๆ งอนๆ คิ้วขมวดมุ่น แต่ยังมีรอยยิ้มขันๆที่มุมปากรูปกระจับของเธอ
ผมอยากแก้ตัวว่าผมไม่ได้มีเจนตนามองสมัครของเกวลินตามที่โดนพี่หน่อยกล่าวหาแม้สักนิดเลย แต่ที่ต้องหลุบสายตาลงต่ำนั้น เพราะพี่หน่อยนั่งโป๊ จนผมมองเห็นอะไรต่างหาก แต่ผมก็ไม่กล้าพูดออกไป
"พี่บอกไว้เลยนะจ๊ะ..ว่าพี่ยอมให้ชายกับน้องกันทิมา คนนั้นแค่คนเดียว..หญิงอื่นห้ามชายทำตาเจ้าชู้แบบนี้เด็ดขาด"
พี่หน่อยให้เหตุผล เสมือนกับเธอเป็นเจ้าของร่างกายและชีวิตผมอย่างนั้นแหละ ที่สามารถจะบงการห้ามทำอะไร หรืออนุญาตให้ทำอะไรได้ แต่ผมก็ไม่อยากโต้แย้งกับพี่หน่อย เพราะรุ้ดีว่า เธอนั้นดีกับผมขนาดไหน
"ครับ..ๆ" เมื่อผมตกปากรับคำ ทำให้พี่หน่อยดีใจ หน้าบึ้งๆงอนๆของเธอก็คลายออกเป็นยิ้มแย้มอย่างดีใจ มีความสุขขึ้นมาแทน
"พี่ครับ..หมดธุระแล้ว ผมขออนุญาตออกไปดูงานด้านนอกนะครับ..."
ผมบอกพี่หน่อยเบาๆ เพราะคาดการณ์ว่าอีกสักพักพอฝ่ายช่างบริการอบรมพนักงานรุ่นใหม่นี้แล้ว ก็คงจัดส่งพวกเขาเหล่นั้นลงมาตาม section ของแต่ละทีม จึงคิดว่าผมควรจะออกไปเตรียมตัว เพื่อต้อนรับลูกทีมของผมดีกว่า ที่จะมานั่งอึดอัดกับท่านั่งของพี่หน่อย ที่ไม่ค่อยระวังเลยว่ากระโปรงสั้นๆสีแดงเพลิงตัวนั้น มันทำให้ผมใจเต้นขนาดไหน
"อื้อออ..ชายจะรีบไปไหนจ๊ะ..นี่เพิ่งบ่าย อีกตั้งสองสามชั่วโมง กว่าแผนกช่างจะอบรมเด็กใหม่เสร็จ..นั่งเป็นเพื่อนพี่อีกสักพักสิจ๊ะ...."
พี่หน่อยพูดพร้อมขยับตัว สลับขาขึ้นนั่งไขว่ห้าง เหมือนมีเจตนาที่จะทำให้ผมมองเห็นอะไรๆ ที่เป็นสีขาวๆที่เธอสวมใส่อยู่ แต่คราวนี้ผมระวังตัวไว้ล่วงหน้าแล้ว พอเห็นพี่หน่อยขยับขา ผมก็เบนสายตามองไปที่ข้างฝาได้เสียก่อน ที่จะมองเห็นกางเกงในสีขาวๆตัวนั้น
ตอนที่23
"พี่หน่อยครับ..ผมเอ้อ..ขอไปที่ห้องผมดีกว่าครับ" ผมทนนั่งอึดอัดอยู่ในห้องพี่หน่อยอีกพักใหญ่ แม้ว่าพี่หน่อยจะขยับตัวเปลี่ยนท่านั่งไขว่ห้าวสลับขาอีกหลายครั้ง แต่ผมก็ไม่พยายามมอง
"อ้าว..เป็นอะไรจ๊ะชาย..รำคาญพี่หรอ..น่าจะนะ ขนาดพูดกับพี่ยังไม่ยอมมองเลย.."
พี่หน่อยทำเสียงตัดพ้อน้อยใจ คิดไปว่า ผมรังเกียจเธอ ซึ่งมันไม่เป็นความจริงเลยสักนิด แม้ว่าผมจะไม่ค่อยชอบท่านังของพี่หน่อย ที่มันทำให้ผมอึดอัด และใจเต้นแรงก็ตามที แต่ผมจะรังเกียจผู้มีบุญคุณอย่างพี่หน่อยได้อย่างไรกัน
"ไม่ใช่ครับ..ไม่ใช่อย่างที่พี่คิดเลย..ผมจะรำคาญพี่ได้อย่างไรล่ะ...พี่..ตะ..แต่ผมเกรงว่า ถ้าอยุ่ในห้องพี่นานกว่านี้ พวกคนอื่นจะเอาไปแอบนินทากันน่ะครับ.."ผมตอบอ้อมแอ้มไปตามความกังวล เกรงว่าถ้เผื่อมีการนินทาเกิดขึ้นจริง ๆ ไม่อยากให้พราหน่อยต้องได้รับความเสียหาย
"อื้อออ...ใครเขาจะนินทายังไง..พี่ไม่สนใจหรอกจ๊ะ..แล้วชายว่าเขาจะนินทาพี่เรื่องอะไรคะ..."
พี่หน่อยพูดยิ้มๆ พร้อมขยับขาวางลงเรียบก่อนจะชะโงกหน้าข้ามโต๊ะทำงานตัวใหญ่ ยื่นหน้ามากระซิบถามประโยคสุดท้ายกับผมเบาๆ จนผมได้กลิ่นน้ำหอมอย่างดีโชยออกมาเข้าจมูก สายตาที่ไม่กล้าหันไปมองทางอื่น นอกจากมองตรงไปที่ตัวเธอ เนื่องจากเกรงว่าพี่หน่อยจะเข้าใจผิดว่าผมรังเกียจอีก เลยสามารถมองรอดคอเสื้อบานๆย้วยๆสีสลับแดงดำของพี่หน่อยลึกเข้าไปถึงบราสีดำตัวเล็กๆ ที่
ห่อหุ้มเนินอกอวบใหญ่ไว้ได้เพียงครึ่งเต้า
เหมือนพี่หน่อยจะรุ้ว่าสายตาผมมองดูอยู่ เธอกลับทำอ้อยอิ่งกว่าจะดึงตัวกลับไปอย่างช้าๆ เพื่อกลับไปนั่งพิงเก้าอี้ตามเดิม เล่นเอาหน้าผมแดง พร้อมอึดอัดจนหายใจขัดๆ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พี่หน่อยหัวเราะอิอิ อย่างชอบใจที่ยั่วจนผมหน้าตาผมแดงๆตื่นๆเช่นนี้ แล้วจึงพยักหน้าออกปากให้ผมไปจากห้องเธอได้
ผมเดินตัวงอๆหลังค่อมๆจากไป ท่ามกลางเสียงหัวเราะอย่างขบขันจากพี่หน่อยตามหลัง พอออกมาพ้นห้องพร้อมปิดประตูเรียบร้อย ผมก็ถอนหายใจระบายความอึดอัดออกมาดังพรืด ก่อนจะแอบขยับจัดกางเกงให้เรียบร้อย แล้วเดินตรงไปที่โต๊ะทำงานของตัวเอง นั่งๆเอนๆ จนเบื่อ จึงหยิบโบว์ชัวร์สเป็คแอร์รุ่นใหม่ออกมาอ่าน ศึกษาหาความรู้ จนกระทั่งรุสึกเหมือนมีเงาดำๆจากคนกลุ่มให่มายืนด้านหน้า ผมจึงเงยหน้าขึ้นมอง เป็นพนักงานขายลูกทีมที่ผมเลือกไว้นั่นเอง ที่ผ่านการอบรมเสร็จแล้ว มารอพบผมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะเริ่มงานกันอย่างจริงจังในวันรุ่งขึ้น
"อ่ะขอโทษ..ผมมัวแต่ศึกษาโบว์ชัวร์ที่เพิ่งออกใหม่อยู่.เป็นยังไงกันบ้างละ..." ผมเงยหน้าขึ้นร้องทักทายต้อนรับลุกทีมคนใหม่ของผม ที่ยืนออกกันอยู่ถึง10คน แบ่งเป็นชายหญิงอย่างละครึ่งได้อย่างลงตัว
"ก็ดีครับ น่าสนใจดี..." เจ้าคงเดชเป็นคนแรกที่พูดตอบคำถามของผม ผมมองปราดสำรวจเสื้อผ้าการแต่งกายของเขาที่ดูสำอางค์เกินไป แล้วคาดเอาไว้ในใจว่านายคนนี้คงไม่สู้งานแน่
หลังจากนั้นผมก็ให้พวกเขาหาเก้าอี้มานั่ง ก่อนที่ผมจะอบรมเป็นครั้งสุดท้าย พร้อมให้กำลังใจแก่พวกเขาให้สู้งาน อย่างเพิ่งท้อแท้ พร้อมเล่าเรื่องของตนเองที่ประสพมาให้แก่พวกเขาฟังอย่างละเอียดอีกครั้งจนจบ
"หัวหน้าคะ...ปีที่แล้วหัวหน้าทำยอดขายได้กี่เครื่องคะ...มีคนบอกว่าทำได้ร้อยกว่าเครื่องจริงหรือเปล่าคะ..." เสียงกรุ๊งกริ๊งใสๆของลูกทีมผม สอบถามขึ้นมา ผมไม่ต้องดูหน้าก็รุ้ว่าต้องเป็นเกวลินหญิงสาวลูกครึ่งคนนั้นแน่
"จริงครับ..แต่ว่ามันได้ยอดขายมาแบบฟลุ๊คๆ น่ะครับ เผอิญผมจับงานโครงการได้...ไม่ได้เก่งกาจอะไรหรอก.."
ผมตอบเสียงเรียบๆกลับไป ไม่ได้คุยโวโอ้อวดแต่อย่างใดเลยสักนิด แต่กลับเรียกเสียงคุยจ๊อกแจ๊กจากลูกทีมสาวๆของผมได้ จนผมต้องกระแอมพวกเธอจึงหยุดคุยกัน
"ผมจะแบ่งพวกคุณๆออกมาเป็นคู่ๆนะครับ ชายหญิงจับคุ่กันเอง..พอพรุ่งนี้จะพาเดินไปพบลูกค้า..พวกคุณจับคู่กันเองได้เลยครับ..." ผมพูดเสร้จก้ลุกขึ้นจากโต๊ะ เพื่อให้เวลาพวกเราจับคู่กันตามอัธยาศัย จนครู่ใหญ่ผมจึงเดินกลับมาอีกครั้งแล้วสอบถาม
"ได้คู่ตามที่ผมบอกแล้วใช่มั๊ยครับ" ทุกคนรีบขานรับ จากนั้นผมก็ปล่อยพวกเขากลับบ้านไปก่อน พรุ่งนี้ค่อยมาทำงานกัน ผมหวังเอาไว้ว่า พรุ่งนี้ผมน่าจะเจอพวกเขาเหล่านี้ครบทุกคน
เมื่อลูกทีทั้งหมดของผมกลับไปแล้ว ผมจึงลุกขึ้นจากโต๊ะเมื่อเห้นว่าเลยเวลาเลิกงานไปแล้วเล็กน้อย เพื่อเดินไปบอกพี่หน่อยว่าผมจะกลับบ้านแล้ว
"เดี๋ยวก่อนจ๊ะชาย..รอพี่แป๊บนุง..."
แต่พี่หน่อยกลับเรียกรั้งผมไว้ให้รอก่อน พร้อมเก็บเอกสารต่างๆที่วางอยู่บนโต๊ะ ยัดใส่เข้าไปในลิ้นชักอย่างรีบร้อน แล้วเธอก็ขยับตัวลุกขึ้นเดินมาหาผม
"ไปห้างกับพี่ก่อนนะชาย..ไปรถพี่แหละ รถชายจอดไว้ที่ออฟฟิสก่อนนะ..."
แม้น้ำเสียงหวานๆพูดจาอ่อนโยนไม่เหมือนเป็นคำสั่ง แต่ผมก็ปฏิเสธไม่ออก จำใจเดินตามพี่หน่อยลงมาที่รถของเธอ พอถึงรถ เธอก็ยัดกุญแจรถใส่มือผม
"วันนี้พี่ยืนจนเมื่อยขา..ชายขับรถให้พี่นะจ๊ะ..." ผมปฏิเสธไม่ออก เมื่อพี่หน่อยพูดพร้อมก้มตัวลงจับขาเธอบีบเบาๆ เสมือนว่ามันปวดเมื่อยจริงๆ
"ครับ..."
ผมตอบรับสั้นๆเสียงเรียบๆ แม้จะไม่ยินดีนัก แต่ก็ไม่ถึงกับไม่พอใจในการกระทำของพี่หน่อย ผมกดรีโหมดเปิดประตูรถให้พี่หน่อยก้าวเท้าเข้าไปนั่งก่อน ที่จะเดินอ้อมมาทำหน้าที่คนขับ แม้ว่ามันจะเป็นครั้งแรกที่ผมได้นั่งขับรถยุโรปสายพันธ์ดีเยี่ยงนี้ แต่อุปกรณ์สวิทซ์ต่างๆ ก็ไม่ได้แตกต่างไปจากรถผม เพียงแค่ว่ามันเป็นของที่ดีกว่าสวยกว่า และ หรูกว่าเท่านั้นเอง
"ไปสยามเซ็นเตอร์กันนะ...ชาย..." พี่หน่อยร้องบอกเมื่อผมสตาร์ทรถ เสียงเครื่องยนต์ครางกระหึ่ม บ่งบอกได้เลยว่าเครื่องยนต์มันแรงกว่ารถผมเป็นไหนๆ
"ชายลองเร่งเครื่องแรงๆสิจ๊ะ..เสียงเครื่องยนต์มันเพราะดี..." ผมทำตามที่พี่หน่อยบอก รถบีเอ็มคูเป้สองประตุ ก็ทะยานวิ่งทำความเร็วขึ้นมาทันที มันเร็วจนผมต้องรีบผ่อนคันเร่ง เพราะเกรงว่าจะขับไปชนรถคันอื่น
"อื้อ...กลัวทำไมล่ะ..เป็นลูกผู้ชายเรื่องเล็กๆน้อยๆแบบนี้ไม่ต้องกลัว..เหยีบแรงๆเลยจ๊ะ.."พี่หน่อยพูดกลั้วเสียงหัวเราะขันๆ เมื่อผมทำหน้าตาเลิ่กลั่ก กลัวว่าจะทำให้เกิดอุบัติเหตุแล้วรถสวยๆป้ายแดงของพี่หน่อยจะเสียหาย
"อย่าเลยครับ เดี๋ยวรถพี่เสียหาย..".
ผมตอบไปตามความรุ้สึกจริงๆ ในขณะที่พี่หน่อยล้วงมือลงไปที่เก๊ะข้างคอนโซล แล้วหยิบตลับเทปเพลงออกมาใส่ช่องเล่น เสียงเพลงลูกกรุงหวานๆ จากนักร้องสาวดาวใจก็ดังกระหึ่มขึ้นมา เสมือนเรานั่งฟังดนตรีอยู่ในเล้าน์
"ชอบมั๊ยจ๊ะ..." พี่หน่อยถามยิ้มๆ ขึ้นมาลอยๆ
"ชอบครับ..เสียงเธอเพราะดี..." ผมคิดว่าพี่หน่อยถามถึงเพลงที่เธอเปิดให้ฟัง
"อื้อ..ชายนี่..พี่ถามถึงรถต่างหากว่าชอบมั๊ย..."
"ครับ..แต่อย่างผมคงไม่มีวาสนาได้เป็นเจ้าของแน่ครับ ..." ผมตอบแล้วหัวเราะขันๆที่ตัวเองเข้าใจผิด
"ถ้าชายชอบ..พี่ยกให้เอามั๊ย..." พี่หน่อยพูดขึ้นมา ไม่มีน้ำเสียงล้อเล่นเลยแม้แต่น้อย จนผมต้องเอียงหน้าหันมามอง
"จริง!...จริงๆจ๊ะ..ถ้าชายชอบพี่ยกให้..พี่ไม่ได้พูดเล่นนะ.." น้ำเสียงพี่หน่อยจริงจังจนผมไม่คิดว่าเธอพูดเล่นๆ จึงปฏิเสธกลับไปอย่างรวดเร็ว
"ผมรับไม่ได้ครับพี่...มันเกินตัวผมไป...แล้วพี่จะยกให้ผมทำไมครับ..." ผมถามพี่หน่อยด้วยน้ำเสียงจริงจังไม่ต่างจากเธอ พร้อมหันหน้ามามองหน้าพี่หน่อยแว๊บๆ
"พี่ให้ชายด้วยความเสน่หาไงจ๊ะ...แต่ไม่เป็นไรวันนี้ชายยังไม่รับ แต่วันหนึ่งมันก็ต้องเป็นของชาย...รวมทั้งคอนโดของพี่ด้วย...แน๊..ทำไมต้องทำหน้าแปลกใจแบบนี้ด้วย...พี่ไม่ใช่เจ้าบุญทุ่มหรือแม่ยกนะจ๊ะ..แต่พี่อยากให้ชายจริงๆ.."
[post]พี่หน่อยยังยืนยันคำพูด จนผมรู้สึกทั้งแปลกใจ และใจหายมันดูเหมือนมีลางบอกเหตุอย่างที่คนโบราณชอบพูดกัน แต่ผมจำต้องรีบสลัดเรื่องนี้ออกไปจากหัว เมื่อเห็นพี่หน่อยนั่งเงียบๆ ซีกหน้าที่ผมมองเห็นมันดูเศร้าๆ แบบที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน เธอไม่ซุกซนยวนยั่วให้ใจผมเต้นเหมือนอย่างที่เคย ผมจึงออกปากชวนคุย
"พี่ชวนผมมาห้างสยามทำไมครับ..."
"ไปซื้อเสื้อผ้ากันไงจ๊ะ..." วิบตาเดียวที่พี่หน่อยดูซึมเศร้า ก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม เสียงยังคงหวานๆ กับดวงตาที่ขี้เล่นซุกซนเหมือนสาวน้อย ยามเมื่ออยู่กับผมตามลำพัง
"พี่หน่อยจะซื้อชุดทำงานใหม่หรือครับ..."
"อื้อ..สงสัยจะลืมไปจริงๆ ว่าชายจะชวนพี่ไปงานโรงเรียนไม่ใช่หรือจ๊ะ..ไปงานแบบนี้ก็ต้องมีชุดสวยๆใส่กันสิเด็กโง่..."
พี่หน่อยพูดเสร็จก็ยื่นนิ้วมาคีบจมูกผมดึงเล่นเบาๆแล้วหัวเราะ ทำให้ผมนึกขึ้นได้ว่า ผมยังไม่ได้ไปติดต่อซื้อบัตรเข้างานจากครูสุกัญญาเลย จึงบอกพี่หน่อยไปตามตรง
"งั้นพรุ่งนี้ไปซื้อสิจ๊ะ..ไม่รู้ละถ้าชายหาซื้อบัตรมาไม่ได้ โดนพี่ลงโทษแน่..แบบนี้ๆ ฮิอิ"
พี่หน่อยพูดจบเธอก็แกล้วเอื้อมมือมาขยำขาแน่นๆของผมบีบเบาๆสลับแรงๆไปมา จนทำให้ผมรู้สึกจั๊กกะจี๋ หัวเราะออกมาดังๆอย่างลืมตัว ไม่รู้ว่าพี่หน่อยกำลังเอียงหน้ามาจ้องมองอยู่ตั้งแต่ตอนไหน
"ชายรู้มั๊ยจ๊ะ..ว่าเสียงหัวเราะของเธอ มันทำให้ใจพี่ปั่นป่วนขนาดไหน..." พี่หน่อยพูดพร้อมกับขยับตัวเขยิบหน้าขึ้นมาจุ๊บแก้มผมแรงๆดังฟอด ก่อนจะหัวเราะคิกคิก เมื่อเธอเห็นผมหน้าแดงกล่ำ ด้วยความอาย
จากนั้นพี่หน่อยก็นัวเนีย แกล้งผมไม่เลิก เธอเอนหัวลงมาอิงแนบหัวไหล่ผม มือข้างซ้ายเอื้อมมือกอดตัวผมเบาๆ วนนิ้วไปมาที่แผง จนผมเข้าเกียร์เปลี่ยนเกียร์ลำบาก เพราะทุกครั้งที่ยื่นแขนซ้ายไปเปลี่ยนเกียร์ แขนข้างนั้นจะต้องกระทบกับอกอวบใหญ่หยุนๆอยู่ร่ำไป แม้ผมจะพยายามระมัดระวังแค่ไหนก็ตามที บางจังหวะที่รถกำลังวิ่ง พี่หน่อยก็เงยหน้าขึ้นม่าจุ๊บแก้มผมบ้าง จุ๊บปลายคางผมบ้าง จนผมอายหน้าแดง
แต่ไม่ใช่อายเพราะกระจกข้างตัวมันใสแจ๋ว จนคนมองเข้ามาเห็นหรอกครับ และไม่ได้อายเพราะสาวที่นั่งนัวเนียผมนั้นสูงวัยกว่า แต่ผมอายที่โดนจูบต่างหาก อายที่พี่หน่อยทำให้ผมใจเต้นแรงและอึดอัด จนเมื่อรถเข้าจอดในช่องจอด ผมยังต้องใช้เวลาอีกสักครู่จึงสามารถลงมาจากรถโดยไม่มีใครมองว่าน่าเกลียดที่เป้ากางเกงตุง
วันนั้นพี่หน่อยเลือกซื้อชุดไปงานโรงเรียนได้ เป็นกางเกงขายาวบานๆดูไปคล้ายสวมกระโปรงแต่พอสวมใส่แล้วพี่หน่อยดูสวยสง่า เนื้อผ้าสีขาวทำด้วยผ้าลินินของนอก พอผมเห็นราคาของมันถึงกับคอย่น พร้อมเสื้อคอปาดตัวสั้นๆคลุมเอวลงมาได้หน่อยเดียว ถ้าเธอยกแขนเป็นได้เห็นพุงขาวๆแบนๆของพี่หน่อยแน่ ส่วนผมเป็นกางเกงยีนส์ลีวาย ใส่เข้ารูป จนลองใส่ดูแล้วเหมือนขาตนเองมันสูงยาวขึ้นกว่าเดิม พร้อมเสื้อโปโลลายสวยๆอีกตัว โดยที่พี่หน่อยเป็นคนแย่งออกเงินซื้อให้ แม้ตอนแรกผมไม่ยอมก็ตามที แต่สุดท้ายพี่หน่อยก็ชนะผมอีกตามเคย [/post]
::Thinking:: พระเอกของเราต้องคิดหนักละคราวนี้ วุ่นวายจริงเนาะ(ไม่งั้นมันจะเป็นนิยายได้ยังไง)
เป็นคนขี้เกรงใจจริงๆนะครับ นิสัยดีมากดีนะครับที่ผู้หญิงชอบแบบนี้
เนิ้อเรื่องเหมือนนิยายให้น่าติดตามดีครับ
ชายเป็นคนดี พี่หน่อยย่อมรักในตัวชาย
เกวลิน ผู้ที่มีหน้าผากอันกว้างโหนกนูน
::DookDig::
เปย์หนักขนาดนี้ ยอมใจพี่เค้าเหอะ