คุยก่อนอ่าน
มาถึงตอนที่ ๔ ตามสัญญา ใครอยากอ่านต่อก็เชิญไปโหลดอ่านต่อที่ MEB ได้นะครับ
ขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านผลงานเสมอมา ขอบคุณทุกท่านที่ตอบคอมเม้นท์ให้กำลังใจกัน ถึงจะน้อยก็อบอุ่น
ดีกว่ามากแล้วไร้คุณภาพ ผลงานเรื่องนี้เขียนมาตั้งแต่ปี ๕๓ สำนวนจึงออกแนวเก่าที่บรรยายละเอียด ไม่รวบรัดเหมือนสมัยนี้
ดังนั้นจึงอาจไม่ถูกใจคนยุคใหม่ ในยุคเร่งรีบ แต่ก็ยังดีมีคนรุ่นเดียวกันติดตามสนับสนุน ส่วนเรื่องรูปประกอบนั้น
ผมไม่มีเวลาหาลงจริงๆ และลิ้งค์เก่าๆที่เคยทำไว้ก็เน่าไปหมดแล้ว ดังนั้นจะแก้ไขในเรื่องต่อไป
แล้วพบกันใหม่ในเรื่องต่อไป
ด้วยไมตรีจิต นีโอ-----------------------------------------
ขอฝากสักนิด
เรามีสิทธิ์ที่จะเขียนอะไรก็ได้
เช่นเดียวกับคนอ่านก็มีสิทธิ์ที่จะเลือกอ่านงานแบบไหนก็ได้
ถ้าเขาไม่ชอบงานที่เราเขียนนี่ถึงกับต้องคิดว่าเขาโลกแคบไม่มีรสนิยมด้วยหรือ
ตั้งสติแล้วคิดใหม่ไม่ใช่คนอ่านที่โลกแคบ แต่ใจของคนเขียนต่างหากที่คับแคบ
ถ้าคิดว่างานเราดีแล้ว สมเหตุสมผลในหัวใจเราแล้วก็จงทำต่อไป
แต่คนอ่านจะอ่านไหมก็เป็นเหตุผลส่วนตัวของเขาเช่นกัน ความชอบคนเราไม่เหมือนกัน
ควรหรือที่จะแขวะเพื่อให้เขาคิดแบบเราให้ได้ ถึงใครบางคนนะ^^
---------------------------------------
กดอ่านก่อนอ่านผลงาน อาจารย์พี่นีโอ (https://xonly8.com/index.php?topic=168733)
ถ้าไม่มีความมืด มนุษย์จะไม่รู้จักแสงสว่าง ถ้าไม่มีความชั่ว มนุษย์จะไม่รู้จักความดี
ตำนานแห่งการต่อสู้ระหว่างความดีและความชั่วได้เริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
การรวมกลุ่มของผู้กล้าที่มีความแตกต่างกัน เพื่อหยุดยั้งเจ้าแห่งความมืดกับแผนการอันโหดร้ายไร้เมตรตา
นี่คือการต่อสู้อันกล้าหาญ และ มหัศจรรย์พันลึก จุดหมายคือ...ปกป้องเผ่าพันธุ์มนุษย์<>::<>::<>::<>::<>::<>
บทนำ....
เสียงใบพัดของเฮลิคอปเตอร์ที่กำลังร่อนลงจอด บนลานจอดของดาดฟ้าตึกสูงกลางกรุงดึงความสนใจของเจ้าหน้าที่ซึ่งกำลังทำงานอยู่ในบริเวณนั้นให้หันไปมอง หลายคนจ้องร่างของ วาเล็ค มอทัซ ที่กำลังก้าวลงจากเครื่องด้วยความแปลกใจเนื่องจากสมาชิกของหัวหน้ากลุ่มฝ่ายกลายพันธุ์ผู้นี้ไม่เดินทางมายังสำนักงานใหญ่บ่อยนัก บางคนซุบซิบถามกันด้วยความสงสัยแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อถูกผู้ถูกกล่าวถึง ปรายตาชำเลืองมองมาขวางๆ ทุกคนยืนนิ่งแข็งค้างอยู่กับที่ทันทีกระทั่งเขาเดินหายเข้าไปในตัวอาคาร ทั้งหมดจึงถอนใจด้วยความโล่งอกและหันกลับไปทำงานตามปรกติ
วาเล็ค มอทัซ เดินไปตามทาง ที่ทอดผ่านอาคารแต่ละหลังไปอย่างไม่รีบเร่งนัก หากบังเอิญมีเจ้าหน้าที่ขององค์กรเดินสวนทางมาพวกเขาจะพากันหยุดและก้มศีรษะ ลงเพื่อทำความเคารพและหลีกทางให้เขาเดินผ่านไป บางคนถึงกับก้มหน้าลงหลบสายตาเขาด้วยความหวาดกลัว แสดงถึงความสำคัญและน่ายำเกรงของบุคคลนี้
หลังจากเดินผ่านห้องชุดภายในอาคาร ที่ทำการทันสมัยไปหลายหลัง เขาเดินมาจนถึงที่ประตูหินขนาดใหญ่และกวาดสายตามองไปโดยรอบก่อนจะเงยหน้าขึ้นอ่านตัวอักษรโบราณสลักซึ่งถูกจารึกเอาไว้บนแผ่นศิลาเก่าแก่เหนือประตู เขายืนนิ่งไปชั่วขณะเหมือนกำลังคิดถึงผู้ที่กำลังจะเข้าไปพบ ก่อนที่เขาจะยกมือข้าง หนึ่งขึ้นสอดเข้าไปในปากของอสูรศิลาที่ประดับอยู่ด้านหน้า
พลันคิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันเมื่อเขี้ยวหินของมันฝังลงไปในเนื้อ เลือดสีแดงเข้มไหลลงไปตรงร่องกลางซึมผ่านรูพรุนของหินลงไปจนถึงส่วนกลางของ ลำตัว เสียงกลไกดังลั่นขึ้นหนึ่งครั้งก่อนบานประตูหนาหนักจะเลื่อนเปิดออกปล่อย กระแสลมเย็นยะเยือกไหลออกมาปะทะกายของเขา วาเล็ค มอทัซ มองทางเดินที่ทอดยาวด้วยสีหน้านิ่งสงบจนกระทั่งมีเสียง ของใครคนหนึ่งเอ่ยทักอย่างเย็นยะเยือก...
"คุณมาเร็วกว่าที่คิดนะครับ"
จอมผีดิบชำเลืองสายตาไปยังชายร่างผอมสูงในเครื่องแต่งกายคล้ายหัวหน้าคนรับใช้ในยุคขุนนาง ซึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างเงียบๆ ชายผู้นั้นค้อมตัวลงเล็กน้อยพร้อมกับผายมือเชื้อเชิญ
"กรุณาตามผมมา"
ชายผู้นั้นเดินนำหน้าไปทันที จอมผีดิบยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงก้าวตามโดยมีเสียงของประตูหินซึ่งกำลังเลื่อนปิดดังไล่หลัง ทั้งสองเดินไปบนพื้นศิลาราคาสูงรอบๆตัวถูกสร้างเป็นโถงทางเดินที่ดูยาวไกล บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความลึกลับและเงียบเชียบปราศจากสุ่มเสียงใดๆนอกจากเสียงย่ำเท้าที่ดังก้องตามจังหวะการก้าวเดิน และแสงจากไฟบนเพดานก็สว่างเพียงลางๆ กับความมืดสลัวๆ หากเป็นคนธรรมดาทั่วไปคงหวาดวิตกกับบรรยากาศอันน่ากลัวเช่นนี้ แต่จอมผีดิบยังคง เดินตามหัวหน้าคนรับใช้อย่างไม่สนใจสภาพแวดล้อมรอบตัวเท่าใดนัก
เขาก้าวตามเข้าไปด้านในจนกระทั่งถึงห้องโถงใหญ่ หัวหน้าคนรับใช้จึงหยุดและหันหน้ากลับมา
"ผมจะไปแจ้งให้นายท่านทราบว่าคุณเดินทางมาถึงแล้ว กรุณารอที่ห้องน้ำชาก่อนครับ"
"ฮื่อ.อ.อ..." จอมผีดิบพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้
เอ่อจบหัวหน้าคนรับใช้ก็เดินออกไป วาเล็ค มอทัซ ยกมือไพล่หลังยืนนิ่งราวรูปปั้น การมาของเขาครั้งนี้ไม่ยากต่อการคาดเดาผล แต่เขาก็ต้องมาเพื่ออย่างน้อยจะรั้งเวลาแห่งการแตกหักให้ยืดออกไปสักระยะ เพื่อเขาจะได้มีเวลาเตรียมตัวและตั้งหลักสำหรับเรื่องก่อการใหญ่ยึดอำนาจขององค์กร ซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะกระทำ
อีกด้านหนึ่งของภายในตึกหลังนี้
กำลังมีการประชุมกันอยู่....
"ดีมากๆ แปลว่าตลอดไตรมาสแรกโครงการต่างๆของเราดำเนินไปอย่างราบรื่นและเรียบร้อยดี"
ประธานประชุมผมสีขาวผู้สูงวัยนั่งที่หัวโต๊ะในห้องประชุมชั้นที่สิบเก้า อาคารสำนักงานของต่างชาติแห่งหนึ่งใจกลางกรุงเทพฯเอ่ยขึ้น หลังจากที่เขาฟังรายงานความคืบหน้าของโครงการต่างๆ จากผู้จัดการฝ่ายทั้งหลาย รวมทั้งผู้จัดการฝ่ายการตลาดและประชาสัมพันธ์ ชาวไทยที่นั่งอยู่ปลายโต๊ะรูปวงรีนั้น ภายในห้องบรรยากาศมืดสลัว มีไฟเปิดไม่กี่ดวง
ที่นี่เป็นที่ทำการของบริษัทข้ามชาติ นอกจากประธานเป็นชาวต่างชาติแล้ว ผู้ถือหุ้นส่วนใหญ่ก็มีหลายชาติหลายภาษา...
และพวกเขาไม่ใช่มนุษย์ธรรมดา..แต่พวกเขาเป็น... แวมไพร์....
"หุ้นต่างๆของเราเป็นอย่างไรบ้าง มาเยดะ..." ประธานเอ่ยถามชายชาวเอเชียที่นั่งตรงข้าม
"หุ้นทุกตัวที่กลุ่มเราถืออยู่ ดัชนีขึ้นสูงสุดในกระดาน ไตรมาสแรกเรากำไรงดงาม..." ชายญี่ปุ่นหน้าตาคงคุณวุฒิตอบเสียงเรียบๆ
ประธานผมขาวหันไปทางชายผิวดำ ที่ไว้ผมทรงเด๊ตร็อค "แล้วบัญชีเงินฝากที่สวิสล่ะ บ็อบ มาเล่ย์.."
"เรามีพอใช้เลี้ยงดูและแบ่งปันสมาชิกได้อีกประมาณ ๕ ปี..."
"ธนาคารเลือดของเราล่ะ มีสำรองพอใช้ยามฉุกเฉินเท่าไหร่" หันไปถามทางชาวยุโรปผมขาวที่หน้าผากโหนกใหญ่
"สำรองไว้ใช้ได้ประมาณ ๖ เดือน แต่ต้องแจกจ่ายเฉพาะพันธุ์แท้เท่านั้น..." ชายคนนั้นตอบมา
ประธานผมขาวถอนหายใจ "อื่อ.อ.อ...ดี...ทุกอย่างราบรื่นดี...แต่...."
"ไอ้หมอนั่นก่อปัญหาอีกแล้วหรือ? เฟอร์กูสัน ..." ผู้ร่วมหุ้นที่นั่งด้านข้างเอ่ยถาม
ประธานผมขาวชื่อ เฟอร์กูสัน พยักหน้า "ฮื่อ.อ...แต่ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวผมจะจัดการเอง...."
ท่านประธานกดปุ่มสัญญาณไมโครโฟนตั้งโต๊ะตัวจิ๋ว กรอกเสียงเนิบๆ
"ซอนญ่า ไปบอก วาเล็ค ให้เข้ามาได้..."
เสียงหวานๆขานรับมา "ค่ะ...ท่านประธาน."
สักครู่ประตูห้องประชุมก็เปิดออก
ชายผมยาวใบหน้าขาวซีดเดินเข้ามา ทุกสายตาหันไปมองอย่างเอือมระอา แต่เขาก็เดินอาดๆเข้ามายืนด้านข้างๆอย่างไม่สะทบสะท้าน พลางยิ้มเย็นๆให้ทุกคน แต่ทุกคนที่สบตาก็พากันเมินหน้าหนีเหมือนไม่อยากจะสมาคมด้วย มันเป็นท่าทีแสดงความชิงชังอย่างเห็นได้ชัด วาเล็ค มอทัซ จอมผีดิบผู้เข้ามาใหม่ยิ้มหยันๆในกริยาที่ทุกคนกระทำต่อเขา
ด้านท่านประธาน เฟอร์กูสันเขาเอนกายประสานมือไว้ที่ตักและไขว้ห้าง เขาจ้องหน้า มอทัซ ด้วยสายตาไม่พอใจ
เขาเอ่ยเสียงเรียบๆ "มอทัซ นายคงรู้ว่าพวกเราเรียกนายมาเพื่ออะไร?"
"คุณแจ้งผมแล้วนี่ ...." จอมผีดิบตอบเสียงราบๆ
"นายเคยบอกว่า ต้องการฟังจากคณะบอร์ดในสภาของเรา เอาละลองถามดูสิ ว่ามีใครสนับสนุนนายบ้าง..."
จอมผีดิบกวาดตามองไปรอบๆแล้วยิ้ม "แค่ดูจากอาการและสายตาที่ชื่นชมในตัวของผม ก็คงจะไม่ต้องถามอะไรแล้วล่ะ....."
"เข้าใจง่ายดีนี่ นับตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไปนายจงหยุดกิจกรรมทั้งหมด เราจะส่งคนไปตรวจบันทึกยึดคืนทั้งอุปกรณ์และงบต่างๆกลับมาส่วนกลางทั้งหมด และนาย......." ประธานผมขาวเว้นระยะ มองจอมผีดิบที่ยืนนิ่งมองไปทางอื่นเหมือนไม่สนใจคำพูดของเขาที่กล่าวบอก แต่เขายังพูดต่อ "....และนายจงควบคุมพรรคพวกกลายพันธุ์ของนายให้อยู่กับร่องกับรอย อย่าไปเที่ยวแพร่เชื้อเพิ่มจำนวนขึ้นอีก เราเบื่อที่จะต้องคอยออกจัดการเศษเดนกลายพันธุ์เหล่านั้น...."
จบประโยค ประธาน เฟอร์กูสัน ก็ชำเรืองมอง ปฏิกิริยาของ จอมผีดิบที่ยังยืนนิ่ง
สักครู่ วาเล็ค มอทัซ ก็ทำท่าขำเบาๆ
"หนึ่งในพวกเศษเดนที่คุณว่า รวมถึงผมด้วยไหม?" จอมผีดิบเอ่ยถามพร้อมรอยยิ้มยั่ว
ชายผมขาวนั่งนิ่งจ้องตาของ มอทัซ เขาเอ่ยเสียงเครียดๆ "ฉันคือผีดิบพันธุ์แท้ ฉันทำทุกอย่างเพื่อรักษาเผ่าพันธุ์ และจะไม่ยอมให้นายเอาความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ของเราไปเสี่ยงอย่างเด็ดขาด...."
อยู่ๆจอมผีดิบก็หัวเราะลั่น แล้วเดินจ้องหน้าทุกๆคนที่นั่งอยู่ทีละคนๆ เขาพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย
"หุ หุ หุ เมื่อตอนที่ วาติกันไล่ล่ากวาดล้างพวกคุณ กลายพันธุ์อย่างพวกเราถูกพวกคุณใช้เป็นกองกำลังแนวหน้าต่อสู้กับพวกนักล่ารัตติกาล ตลอดเวลาหลายสิบปีพวกกลายพันธุ์คอยออกต่อสู้และเสียสละชีพกับพวกนักล่าเพื่อปกป้องพวกคุณ ส่วนทางนี้พวกคุณๆผู้เป็นพันธุ์แท้ก็ใช้สมองค้าขาย ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังคอยกอบโกยและ กินอยู่กันอย่างสุขสบาย เมื่อพวกคุณสมบูรณ์พูนสุข พวกกลายพันธุ์ก็ถูกมองเป็นพลเรือนชั้นสอง ซึ่งเป็นส่วนเกินและน่ารังเกียจสำหรับพวกคุณเหมือนเดิม นับว่าเป็นเรื่องน่าขันสิ้นดี.."
วาเล็ค มอทัซ มองจ้องตาทุกคนในที่นั้นอย่างหยามๆ
"เราต่างมีหน้าที่ ตอนนี้หน้าที่ของนายกับพรรคพวกสำหรับเราจบลงแล้ว ขอบใจที่นายและผองพวกทำเพื่อพวกเรามาตลอด ๒๕ ปี เราจะยกย่องเทินทูนชื่อเสียงของพวกนายไว้ในหอเกียรติยศของแวมไพร์..." ประธารผมขาวเอ่ยเรียบๆ
"ผมไม่ต้องการเกียรติยศจอมปลอมนั่น....เมื่อทุกท่านในที่นี่ไม่สนับสนุนผม ก็ถือว่าเราจบกัน ต่อไปนี้ผมจะดำเนินตามนโยบายของผมเองโดยไม่มีใครมากำหนดแนวทางให้กับผมและพรรคพวก..." จอมผีดิบประกาศกร้าว
หนึ่งในที่ประชุมลุกขึ้นชี้หน้าจอมผีดิบ "แต่พวกเราจะไม่ปล่อยให้นายทำอะไรตามใจได้หรอก..."
"อย่างงั้นหรอ?...หุ..หุ...หุ...." วาเล็ค มอทัซ เดินมาใกล้ๆ เขาจ้องหน้า มองด้วยสายตาท้าทาย "แล้วคุณจะทำอะไรผมได้?"
"วาเล็ค...นายจะโอหังมากเกินไปแล้วนะ..." ผู้ถูกท้าทายทำท่าเดือดสุดขีด
"อย่า พอล....ให้ฉันคุยกับเขาก่อน...." ชายผมขาวเอ่ยห้าม มองหน้าพรรคพวกและพยักหน้าให้นั่งลง
อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ประธาน ของเหล่าผีดิบลุกขึ้นยืนแล้วเดินไปหา วาเล็ค มอทัซ ใกล้ๆ
เขาเอ่ยเสียงจริงจัง "อย่าฝืนคิดการณ์ไกลเกินตัว เราอยู่ร่วมกับมนุษย์โลกนี้มาหลายพันปี ต่อให้นายพยายามแค่ไหน นายก็ครองโลกไม่ได้หรอก เพราะว่านายยังไม่รู้จักโลกนี้ดีพอ เลิกฝันเรื่องนั้นซะ แล้วจงอยู่อย่างพอเพียง ฉันจะไม่พูดอะไรกับนายมากกว่านี้อีก ถ้านายล้ำเส้นอีก ฉันจะจัดการนายเอง..."
"ที่สภาแห่งนี้ทำไม่ได้เพราะพวกคุณมัวหดหัวหลบอยู่แต่ใต้หลืบของเงามืดไง พวกคุณไม่เคยโผล่หัวออกไปเรียนรู้ภายนอก ไม่เคยคิดแก้ปัญหาระยะยาว เรียกว่าวิสัยทัศน์สั้นมากๆ พลังของเรายิ่งใหญ่และเหนือกว่ามนุษย์มากมายทำไมไม่ทำ หากเราทำอย่างจริงจังทางสำเร็จไม่ไกลเกินเอื้อมหรอก กล้าๆหน่อยท่านประธาน..." วาเล็ค มอทัซ เอ่ยเสียงกร้าวแล้วกวาดตามองทุกคนในที่นั้น
ประธาน เฟอร์กูสัน ขบกราม ท่าทางโกรธในความหัวรั้นของ จอมผีดิบ "ทำไมนายถึงกระหายสงครามนัก ทำไมนายไม่คิดถึงการอยู่ร่วมกันอย่างสันติสุข.."
"สันติสุขจอมปลอมที่ต้องอยู่อย่างหวาดผวา ผมไม่เห็นด้วยอย่างเด็ดขาด" วาเล็ค มอทัซ ยืนยันอุดมการณ์โดยไม่สนเหตุผล "สันติสุขเป็นคำพูดของผู้ขี้ขลาด อย่างทุกคนที่นั่งอยู่ในสภานี่ไง!"
ผู้ฟังคำตอบ สูดลมหายใจลึกๆ แล้วเอ่ยเครียดๆ " พวกเราไม่สนับสนุนนายแล้ว นายจะทำอะไรได้ มอทัซ ..."
"นั่นไม่ใช่ปัญหา โครงการของผมจะดำเนินต่อไป ตราบเท่าที่ผมยังอยู่ พวกกลายพันธุ์ที่คิดและเห็นด้วยกับผม เขาต่างสนับสนุนผมเต็มที่ และที่สำคัญ...." วาเล็ค มอทัซ หยุดพูดแล้วยิ้มอย่างเหนือกว่า "...พวกเขามีจำนวนมากกว่าพันธุ์แท้อย่างพวกคุณที่หดหัวอยู่ในกระดองตรงนี้หลายเท่า..."
"แต่พวกเรามีกฎควบคุม...." ประธาน เฟอร์กี้ ยังเอ่ยแย้งแต่ต้องชะงักเมื่อ วาเล็ค มอทัซ ยกมือห้าม
เขาเอ่ยอย่างหยันๆ "กฎนั่นพวกคุณพันธุ์แท้บัญญัติขึ้น และมันจะใช้ได้สำหรับพวกพันธุ์แท้ๆเท่านั้น ต่อไปนี้พวกกลายพันธุ์อย่างพวกเรา จะขอบัญญัติกฎเองบ้าง และพวกคุณไม่มีทางขวางพวกเราได้หรอก....."
ในที่ประชุมต่างนิ่งเงียบ การใช้เหตุผลโต้เถียงไม่อาจหยุดยั้ง จอมผีดิบ วาเล็ค มอทัซ ได้
ประธานผีดิบ เฟอร์กูสัน นั่งลง เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่าย พลางเอ่ยเสียงเครียดๆ "วาเล็ค เราไม่มีอะไรจะคุยกับนายแล้ว เชิญนายกลับออกไปได้...."
"หุ หุ หุ... ถ้าเช่นนั้นผมขอตัว....." วาเล็ค มอทัซ เดินหัวเราะหยามๆออกไป....
ทุกใบหน้าและสายตาที่มองตามไปต่างระคนไปด้วยเจ็บแค้นในความผยองและอวดดีของจอมผีดิบ นอกคอกคนนี้
แต่สำหรับชายผมขาวผู้เป็นประธานของเหล่าผีดิบ
ทั้งใบหน้าและแววตาของเขา แฝงไปด้วยด้วยความกังวลใจ
เนื่องจากพอมองเห็นเค้าลางแห่งหายนะของเผ่าพันธุ์ที่กำลังคืบคลานเข้ามาใกล้เพราะการชักนำของชายผู้นี้
ถ้าไม่รีบหยุดยั้งเขาไว้.....
....วาเล็ค มอทัซ...(https://i.imgur.com/NO0fC6Z.jpg)
______________________________
ศึกหมอผี ตอนที่ ๒๘
ภัยซ่อนเร้น ( The Phantom Menace. )
______________________________
ภายในโพลงดิน ที่เป็นสมรภูมิต่อสู้ของเหล่านักล่ากับพวกผีดิบ
ร่างของผีดิบตนหนึ่งถูกแทงทะลุหลังก่อนจะสลายกลายเป็นขี้เถ้าไป ผู้ลงมือคือ นักล่าสาว แคทเทอรีน นั่นเอง
สาวนักล่าหันไปมองด้านหลัง หมอผีหนุ่มและหนุ่มนักล่าก็กำลังจัดการพวกผีดิบตนเองอื่นๆจนกระทั่งตกตายไปจนสิ้น
ดาบเงินถูกสะบัดไล่ฝุ่นเถ้าที่ติดอยู่และถูกเก็บเข้าฝัก สาวนักล่าเดินเข้าไปหาผู้ร่วมทีม
เธอเอ่ยต่อสองหนุ่มว่า "จัดการพวกเศษสวะนี่หมดแล้ว เราไปลุยถล่มรังของมันกันเถอะ..."
"แต่คุณยังบาดเจ็บอยู่นะ แล้วคุณกำลังต้องการ..เอ่อ.อ.อ....วัคซีน...ด้วย.." หมอผีหนุ่มบอก
หนุ่มนักล่าก็เห็นด้วย "ใช่...ผมว่าเรากลับกันก่อนเถอะ ไปเตรียมตัวให้พร้อมค่อยมาใหม่..."
"แต่พวกมันรู้ตัวแล้ว หากเราไม่จัดการตอนนี้พวกมันก็คงจะหนีไปก่อความเดือดร้อนได้อีก" สาวนักล่าออกความเห็น
ทั้งสองหนุ่มมองหน้ากัน หมอผีหนุ่มจึงว่า "แจ็กค์...คุณพาคุณแคทกลับไปก่อน ผมจะจัดการที่นี่เอง..."
"นายนึกว่าตัวเองเป็นใคร จะจัดการกวาดล้างที่นี่ได้ลำพัง ตะกี้ยังหนีไม่มีฟอร์มเลย" นักล่าสาวเอ่ยอย่างดูแคลน
หมอผีหนุ่มตอบยิ้มๆ "ก็ผมมันอุตริอยากปราบผีแบบฝรั่งนี่ เลยพลาดไปหน่อย แต่คราวนี้ไม่แล้ว ผมจะปราบพวกมันตามสไตล์ของผม รับรองไม่เสียฟอร์มเหมือนคราวที่แล้วแน่ๆ"
"แต่ฉันคงปล่อยให้นายไปทำเรื่องใหญ่ๆอย่างนั้นลำพังไม่ได้" นักล่าสาวยืนยัน
หนุ่มนักล่าจึงแทรกบ้าง "ผมว่าเรากลับหมดนี่แหล่ะ แล้วผมว่า..." นักล่าหนุ่ม มอง สาวนักล่าห่วงๆ " แคท...คุณดูสารรูปตัวเองบ้าง เจอพวกปลายแถวคุณอาจสู้ไหว แต่ถ้าเจอพวกเลเวลสูงๆ คุณคงลำบากแน่ๆ กลับไปเตรียมตัวกันก่อนดีกว่า..."
"จะรีบกลับไปไหนกันเล่า?" เสียงเย็นๆของหญิงสาวถามมา
ทั้งหมดหันไปมองก็เห็นหญิงสาวรูปร่างสูงโปร่ง ผมสีขาวยาวแค่ไหล่สวมชุดสีขาวเน้นรัดสัดส่วนชวนมองเดินลงมาช้าๆเรือนร่างของเธอช่างอวบแน่น จมูกและเรียงปากอิ่มเชิดท้าทายใจเพศชายนัก อีกทั้งแววตาก็หยาดเยิ้มยั่วใจชวนให้เกิดอารมณ์เสียจริง ยิ่งสองเต้าที่อูมเต่งซึ่งโผล่พ้นเกาะอกออกมากว่าครึ่งนั้นเล่า ก็น่าสัมผัสจับต้องคลึงเคล้าเสียเหลือเกิน เรียกว่าใครเห็นเป็นต้องเกิดได้อย่างไม่อาจหักห้ามหากเธอเข้ามายั่วยวน
แต่ที่ทำให้ต้องชะงักเพราะข้างหลังมีบุรุษในชุดคอมมานโดอาวุธปืนครบมือหลายสิบคนวิ่งกรูตามลงมา ทั้งหมดตีวงล้อมเข้ามา ปืนทุกกระบอกเล็งมาที่ทั้งสาม มองไปทางไหนก็เห็นแต่กระบอกปืนที่พร้อมลั่นกระสุนใส่ ทำเอาทั้งสามหันหลังชนกันแบบเตรียมพร้อมในวงล้อมที่หนาแน่นนี้
สาวชุดขาวยิ้มเย็นยะเยือก พลางเท้าเอวเอ่ยทักหยันๆ "โอ้โฮ้...อยู่กันพร้อมหน้าเลย เรด รีปเปอร์ นักล่าค่าหัว แล้วก็....."
"หมอผีสินจ้า...." หมอผีหนุ่มตอบทะเล้นๆ
สาวนักล่าถึงเอ่ยดุๆ "ยังจะมีอารมณ์พูดเล่นอีก...."
"พนันกัน ๕๐ ยูโร เรารอดเอาไหม?"นักล่าค่าหัวหนุ่มถามเย้าๆ พลางมองดูจำนวนเหล่าผีดิบในชุดทหารคลุมหน้าสีดำทั้งชุด
สาวนักล่าเอ่ยเครียดๆ "นั่น...นาง แวมไพร์รอร่า นะ....."
"อื่อ.อ.....งั้น...คงต้องเพิ่มเดิมพันอีกสักหน่อยเป็น ๑๒๐ ยูโรเลย เพราะดูท่าทางจะต้องหนักแน่ๆ" หนุ่มนักล่าเปลี่ยนเสียงเป็นเครียดๆขึ้น
หมอผีหนุ่มอดสงสัยไม่ได้ "ใครหรอ?"
"รอร่า สไตร์เกอร์ ฉายาเขี้ยวช่องคลอด โหด อำมหิต และวิตถารที่สุดในหมู่พวกแวมไพร์" หนุ่มนักล่าตอบ
คำตอบทำเอาหมอผีหนุ่มงงๆ ขมวดคิ้ว "เขี้ยวช่องคลอด ฟังดูไม่น่ากลัวเลยนะ น่าพิสูจน์มากกว่า...."
"พวกไม่เคยเจอก็พูดกันอย่างงี้แหล่ะ แต่พอได้พิสูจน์เรียบร้อยทุกราย..." หนุ่มนักล่าบอก หมอผีหนุ่มยังทำหน้าสงสัย
สาวนักล่ามองหมอผีหนุ่มและทำท่าเคืองๆ เธอว่า "จ้องตาไม่กระพริบเลย อยากพิสูจน์หรือไง?"
"อื่อ.อ.อ...ก็น่าสนนะ จะลองดูว่าสาวๆแวมไพร์นี่จะแตกต่างกันไหม อยากรู้ไว้เป็นประสบการณ์...."
สาวนักล่าหยิกแขนของเขาทันที เธอทำเสียงเขียวๆ "อย่า...แม้นแต่จะคิดเชียวนะ...."
"มีอะไรกันหรอ?" หนุ่มนักล่าค่าหัวถามงงๆ
หมอผีหนุ่มตอบเขินๆ "เอ่อ.อ.อ...อ์...ไม่มีอะไร มาช่วยกันคิดหาทางเอาตัวรอดกันดีกว่า..."
"คริ...คริ...คริ...นี่ยังคิดว่าจะรอดอีกหรอ?" สาวแวมไพร์ชุดขาวเอ่ยอย่างขบขัน
สาวนักล่าเอ่ยเสียงเครียดๆ "อย่างไรเสีย พวกฉันก็ไม่ยอมถูกจับหรือฆ่าได้ง่ายๆหรอก...."
"น่าเสียดายทีท่านมอทัซ สั่งให้จับตัวแกเป็นๆ ไม่อย่างนั้นฉันคงจะตัดคอของแกด้วยมือของฉันเองแน่ๆ นังแวมไพร์นอกคอกไม่รักพวกพ้อง!!!.."
สาวนักล่าผวาเข้าหาพร้อมชักดาบ "ไม่ต้องอ้าง และไม่ต้องรออะไร เข้ามาเลย..."
"ยิง!!!!" สาวชุดขาวสั่งทันที
ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง! ปัง!..............
เสียงปืนระดมยิงใส่ทั้งสามดังหูดับตับไหม้
นักล่าสาวกระโดดตีลังกาม้วนตัวไปยืนด้านหลังของพวกพลปืน พอเท้าแตะพื้นเธอก็หมุนตัวกลับมาตวัดาบฟันใส่พวกมันสาม – สี่ คนที่หันไปหมายยิงใส่ ร่างที่ต้องอาวุธผงะหงายท้องลงไปนอนกับพื้นชักดิ้นสอง – สามทีก็สลายร่างกลายเป็นฝุ่นเถ้าไป พวกที่เหลือกำลังตะลึงก็เจอนักล่าสาวพุ่งเข้าฟันใส่จนแตกฮือหลบกันระนาว
ฝ่ายหมอผีหนุ่มเองมีผิวหนังคงกระพันอยู่แล้ว เขาวิ่งฝ่าคมกระสุนเข้าหาพวกผีดิบโดดมีนักล่าหนุ่มวิ่งตามมาเพื่อใช้เขาเป็นเป็นที่กำบังกระสุน พอเข้าใกล้พวกวายร้ายผีดิบหมอผีหนุ่มก็ตวัดดาบไล่ฟันไม่เลือกเช่นกัน หลายร่างต้องอาวุธล้มหงายกลายเป็นขี้เถ้าไป ส่วนนักล่าหนุ่มเองก็ใช้ปืนแม็กนั่นกระบอกสีเงินในมือทั้งสองข้างยิงใส่พวกผีดิบไม่ยั้ง และด้วยกระสุนที่ทำจากแร่เงินพอพวกผีดิบโดนก็ร่างสลายกลายเป็นฝุ่นเถ้าไปทันที....
เมื่อเกิดการสู้ระยะประชิด พวกเหล่าพลปืนของพวกผีดิบก็แตกกระเจิง ถูกทั้งสามพันธมิตรนักปราบผีร่วมด้วยช่วยกันไล่อัดไล่ฆ่าอย่างสนุกมือ ทำเอานางแวมไพร์ผู้นำตาแดงก่ำด้วยความโกรธที่เหล่าพลปืนไม่ได้เรื่อง นางแย่งปืนจากเจ้าคนหนึ่งมาและเล็งไปที่สาวนักล่าซึ่งกำลังตวัดดาบตัดคอผีดิบตนหนึ่งขาดกระเด็น นางแวมไพร์วาดกระบอกปืนใส่และลั่นไกทันทีหมายยิงร่างขาวๆอวบๆให้เป็นรูพรุนด้วยคมกระสุน
แต่ด้วยเสียงร้องเตือนจากหมอผีหนุ่ม สาวนักล่ากระโดดหลบได้เส้นยาแดงผ่าแปด แต่นางแวมไพร์ยังส่ายกระบอกปืนไล่ยิงไม่หยุด แต่นักล่าสาวก็กลิ้งม้วนตัวหลบไปได้ และกระสุนพลาดไปโดนพวกตนล้มลงดีดดิ้นหลายคนนางแวมไพร์ก็ไม่สนยังคงยิงใส่และร้องด่าพวกตนที่ไม่ระวัง สาวนักล่าอาศัยจังหวะที่ลูกปืนหมดกระโจนเข้าหาและเตะปืนในมือของนางกระเด็นไป ทำเอานางแวมไพร์สุดแค้นกระชากมีดโค้งคู่ของตนออกมารับมือ
นางแวมไพร์ทำหน้าตาขึงขัง พลางพูดขู่ "เก่งนักใช่ไหม นังเรด รีปเปอร์ วันนี้ฉันจะตัดคอของแกเอง.."
"กระจอกอย่างแกทำได้หรอ...." สาวนักล่าตวัดดาบไปด้านข้างพลางยืดตัวตรง สายตาเย็นชาฉายแววเหี้ยมๆ
แวมไพร์สาวขยับตัวเข้าหา นางร้องคำราม "แกยังไม่รู้จักฉันดีพอ ถึงกล้าพูดอย่างนั้น..."
"ถ้าอย่างนั้นช่วยแนะนำหน่อย อยากเรียนรู้เหมือนกันว่าแกจะแน่เหมือนปากไหม?"
"ถ้าอย่างนั้นเตรียมเจอบทเรียนแรกได้เลย นัง..เรด รีปเปอร์..." พูดจบนางแวมไพร์ยั่วสวาทก็กระโจนเข้าหานักล่าสาว
ทั้งสองพุ่งเข้าหากัน ต่างวาดอาวุธคู่กายเข้าปะทะกันอย่างคล่องแคล่ว ผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างรู้เชิงและทันกัน ไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำ ขณะที่ฝ่ายสองหนุ่มเองก็จัดการกับพวกพลปืนจนพวกมันลดจำนวนลงเรื่อยๆจนเหลือไม่กี่คน แต่ทั้งสองก็อดห่วงสาวนักล่าไม่ได้ ทว่าเธอก็ยังต่อกรกับสาวแวมไพร์ได้อย่างสูสี
แต่ขณะสู้กันอยู่ ด้านปากโพลงกลุ่มพลปืนอีกหลายสิบคนโผล่เข้ามาพร้อมกับชายร่างใหญ่
พอมาถึงพวกมันก็ระดมยิงใส่ทั้งสองฝ่ายหูดับตับไหม้ไม่สนใจว่าจะโดนใคร ทำเอาทั้งสองฝ่ายกลิ้งตัวหลบกันจ้าระหวั่น
สาวแวมไพร์มองผู้ใหม่ พอรู้ว่าเป็นใครก็แสนเดือดดาล ขณะผู้มาใหม่หัวเราะร่วน
เจ้าผมยาวสีทองถามสาวแวมไพร์เย้ยๆ "ว่าไง รอร่า จัดการสวะง่ายๆแค่นี้ยังไม่เรียบร้อยอีกเรอะ?"
"ริโอ้...แกให้พวกมันยิงมั่วอย่างงี้ได้อย่างไง เกิดโดนฉันเข้าทำอย่างไง?" หญิงสาวต่อว่าอย่างเกรี้ยวกราด
"แหม...อย่างเธอกระสุนไอ้พวกนี้ไม่โดนได้ง่ายๆหรอก" เจ้าริโอ้ร่างใหญ่บอกอย่างไม่แคร์อะไร
สาวแวมไพร์เม้มปากท่าทางเคืองๆ "แกนะแก....ฮึ!!"
"ล้อมจับมันไว้ให้ได้ อย่าให้มันหนีไป..." เจ้าริโอ้ผู้มาใหม่ร้องสั่งลูกน้อง
เสียงปืนดังสนั่นลั่นโพลง สามคนพิฆาตผีต้องหลบหัวซุกหัวซุนตามหลืบหิน กระสุนเจาะเศษหินปลิวกระจาย
หมอผีหนุ่มคอยกันร่างของสาวนักล่าเอาไว้ ขณะหนุ่มนักล่าค่าหัวคอยยิงโต้ แต่ก็เจอยิงกลับมาชนิดโงหัวไม่ขึ้น
เจ้าริโอ้ร่างใหญ่เองก็มันเขี้ยว มันแย่งปืนลูกน้องและยิงใส่พร้อมระเบิดเสียงหัวเราะอย่างชอบใจ โดยเฉพาะตรงที่นักล่าฆ่าหัวหมอบอยู่มันกระหน่ำยิงใส่เหมือนมีเรื่องราวอาฆาตอยู่ในใจ...
"ว่าไง? ไอ้ แจ็กค์ แดร์โรว์ เอ็งบอกจะจับข้าตอนไม่ใช่หรือ โผล่หัวออกมาสิวะ" กระหน่ำยิงใส่แล้วร้องท้าทาย
สาวแวมไพร์ คลานมาหาแล้วยืนขึ้นข้างๆ เสียงต่อว่าดังขึ้น "แกนี่มันระห่ำจริงๆ ไม่ห่วงจะโดนฉันบ้างหรือไง?"
"กลัวโดนยิงก็อย่ามาขวางสิ.." เจ้าริโอ้บอกอย่างไม่แคร์คนฟัง
"พอแล้ว ท่านมอทัซ สั่งจับเป็นนัก เรค รีปเปอร์ เดี๋ยวพลาดไปโดนมันตาย" สาวแวมไพร์ร้องสั่ง
เจ้าริโอ้ทำสายตาไม่พอใจ แต่มันก็ยกมือบอกพรรคพวก "หยุดยิง...."
ชั่วครู่เสียงปืนจึงเงียบลง
เจ้าริโอ้ร้องบอกทั้งสามพันธมิตร "เฮ้ย....ออกมายอมจำนนได้แล้ว ไม่งั้นข้าจะสั่งยิงให้ตายหมู่นะโว้ย..."
"อย่าหวังเลย...ไอ้พวกผีดิบจากนรก พวกข้ายอมตายไม่ยอมจำนนพวกเอ็ง" สาวนักล่าตอบกลับมาอย่างเด็ดเดี่ยว
เจ้าริโอ้ มองสาวแวมไพร์ยิ้มๆ "พวกมันว่าไม่ยอมอ่ะ"
"ก็สนองศรัทรามันไปสิ..." สาวแวมไพร์บอกเสียงเรียบๆดวงตาวาวด้วยความขุ่นเคือง
"หากพลั้งมือไปนาง เรด รีปเปอร์ ตายจะไปบอกท่าน มอทัซ อย่างไง?" เจ้าร่างใหญ่บอกเสียงเครียดๆ
"ฮื่อ.อ.อ....." นางแวมไพร์ทำท่าหนักใจ "ถ้าอย่างนั้นก็กระหนาบเข้าไปจับมัน..."
"ได้เลย...." รับคำแล้ว มันก็หันไปสั่งลูกน้อง "ตีวงล้อมกระชับพื้นที่เข้าไป กระหน่ำยิงตรึงมันไว้ ฆ่าได้ทุกคนยกเว้นนาง เรด รีปเปอร์ อย่าให้มันมีรอยขีดข่วนนะ...."
สิ้นคำสั่งเสียงปืนก็คำรามลั่นไม่ขาดระยะอีกครั้ง
นักล่าค่าหัวถามพรรคพวก "เอาไงดี มันมาเป็นกองทัพ กระหน่ำยิงเราอย่างกับหนังสงครามเลย"
"พาคุณแคทหนีไป เขากำลังแย่...." หมอผีหนุ่มบอก
นักล่าค่าหัวมองงงๆ แต่พอเห็นอาการของหญิงสาวก็เข้าใจ ยามนี้เธอเริ่มตัวสั่นตาขวางอีกแล้ว "นะ..นี่...วัคซีนขาดหรอ?"
"รอบที่สองแล้ว รอบแรกพอแก้ได้ทัน..." หมอผีหนุ่มบอก
นักล่าค่าหัวจ้องหน้าเขา แล้วถามอย่างสงสัย "รอบแรกแก้ได้ทัน คุณแก้ได้อย่างไง?"
"เอาน่า...อย่าสงสัย รีบพาแคทไปเร็วๆ มันบีบพื้นที่เข้ามาแล้ว" หมอผีหนุ่มรีบตัดบท
นักล่าหนุ่มลากร่างที่สั่นงั่กๆของนักล่าสาวให้ถอยตามไป "แคท..ยังไหวไหม?"
"ฮื่อ.อ.อ.อ.อ....อ์....." สาวนักล่าพยายามพยักหน้า ตาดำไม่เหลือแววแล้ว ตัวสั่นราวจับไข้หนัก
แต่ก่อนจะถอย นักล่าหนุ่มอดถามสหายด้วยความห่วงไม่ได้ "แล้วคุณรับมือพวกมันไหวหรอ มันมีเป็นกองทัพเลยนะ"
"จะพยายามลองดู รีบๆไปกันเถอะ..."
หนุ่มนักล่าลากร่างคู่หูไปพร้อมอวยพร "โชคดีนะ...."
หนุ่มนักล่าลากร่างของหญิงสาวนักล่าให้ตามไปอย่างทุลักทุเลเพราะต้องคอยหลบกระสุนที่ยิงไล่หลังมา
พอทั้งสองไปห่างและพวกพลปืนของผีดิบยกโขยงไล่เข้ามา หมอผีหนุ่มควักระเบิดมือออกมาจากย่ามและรอจังหวะ
เขาโผล่ขวางพวกมันพร้อมแกะสลักและโยนใส่ พวกมันสะดุ้งตกใจกระโดดหลบกันเป็นแถว
แต่ก็ไม่ทันระเบิดทำงานแตกตัวเสียงดังสนั่นพื้นดินและเพดานโพลงสะเทือน
ร่างของพวกผีดิบแถวหน้าฉีกขาดกระจายด้วยแรงทำลายล้าง แต่พวกที่เหลือก็ยังกระหน่ำยิงใส่
หมอผีหนุ่มหยิบลูกระเบิดออกมาขวางใส่พวกมันอีกหลายลูก แต่ก็ทำได้แค่สกัดพวกมันไว้ เพราะพวกยังหนุนเนื่องมาต่อไม่ขาดระยะ จนกระทั่งลูกระเบิดหมดหมอผีหนุ่มจึงต้องออกวิ่งตามทั้งสองไป....
เจ้าริโอ้เห็นพรรคพวกพลาดท่าตกตายมากมายก็แค้นเคือง มันสั่งพวกที่เหลือทันที "รีบตามไป แล้วฆ่ามันให้ได้..."
ที่ทางออกของจากโพลงใต้ดินด้านหนึ่ง นักล่าค่าหัวพาร่างอวบอัดที่ไร้เรี่ยวแรงของสาวนักล่าขึ้นมาได้ แต่ก็เล่นเอาเขาเหนื่อยแทบหมดแรง และต้องตกใจเมื่อหมอผีหนุ่มโผล่ตามไล่หลังมา เขาเกือบจะยิงใส่ดีที่ได้ทันเห็นเสียก่อนว่าเป็นใคร ทั้งสองจึงช่วยกันลากร่างของสาวนักล่ามาหลบหลังโขดหิน
หมอผีหนุ่มว่า "คุณพาแคทหนีกลับไปรับวัคซีนโดยด่วน ทางนี้ผมจะล่อมันไว้เอง"
"ผมติดต่อหน่วยไปแล้ว อีกสักครู่คงจะมารับ" นักล่าหนุ่มบอกเสียงหอบๆ
หมอผีหนุ่มสงสัย เขาจึงถาม "แล้วพวกคุณจะมาหาถูกได้อย่างไง?"
"ในตัวทีมผู้ร่วมงานของเราทุกคนจะฝังชิฟเอาไว้ และเราจะค้นหาคนๆนั้นจากสัญญาณชิฟภายในตัว ตอนนี้พวกเขารู้แล้วว่าเราอยู่ที่ไหน ผมตามพวกคุณมาถูกก็จากสัญญาณชิฟนี่แหล่ะ.." นักล่าหนุ่มอธิบาย หมอผีหนุ่มพยักหน้าอย่างเข้าใจ
เขาบอกนักล่าอีกครั้ง "ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปเถอะ แล้วระวังนะ..."
"ระวังอยู่แล้วพวกผีดิบน่ะ"
"ไม่ใช่ระวังพวกผีดิบ ให้ระวังอย่าให้ชิฟหายไม่งั้นพวกคุณจะตามหาไม่เจอ..."
บอกจบหมอผีหนุ่มก็วิ่งไปอีกทาง เมื่อพวกผีดิบตามขึ้นมาจากโพลง พวกมันออกวิ่งไล่ตามเขาไปทันที
นักล่าหนุ่มส่ายหัว พลางรำพึง"นึกว่าเราขี้เล่นเป็นคนเดียวนะนี่ หมอผีคนนี้ก็กวนไม่เบาเหมือนกัน รอดให้ได้นะสหาย"
เอ่ยจบเขาก็ประคองพาร่างแน่นเนื้อของสาวนักล่าที่อาการชักร่อแร่ตาขวางวิ่งไปอีกทาง
พวกแวมไพร์ไล่ล่าตามหมอผีหนุ่มไปทั้งโขยง หมอผีหนุ่มซุ่มแย่งปืนจากพวกมันได้ก็ยิงใส่จนพวกที่ไล่ตามมาล้มกลิ้งระเนระนาด ทว่าเจ้าริโอ้ร่างใหญ่ที่ตามมาทันมันกระโดดกอดร่างของเขาตอนเผลอจนล้มลงเสียหลักไปด้วยกัน พอตั้งหลักได้ก็ซัดกันด้วยกำปั้นดิบๆ แต่พวกสมุนที่ตามมาก็ช่วยกันรุมจนเกิดการนัวเนียซัดกันมั่วไปหมด
จนกระทั่งสมุนคนสุดท้ายถูกชกคว่ำไป เจ้าริโอ้ฉวยโอกาสตอนหมอผีหนุ่มกำลังอ่อนแรง มันบีบคอของเขาแล้วยกร่างขึ้นแขวนกลางอากาศ หมอผีหนุ่มตาเหลือกพยายามทั้งดิ้นทั้งถีบใส่มันเพื่อให้ตัวเองหลุดเป็นอิสระ ทว่าทั้งหมัด เท้า และกำปั้นของเขาไม่อาจทำให้มันสะเทือนได้ และดาบฟ้าลั่นก็หลุดจากมือไปก่อนหน้า
ขณะที่หมอผีหนุ่มจะหมดลม เขาชักมีดหมอออกมาจากย่าม และตัดฉับไปที่ข้อมือของเจ้าริโอ้ร่างยักษ์
เจ้าร่างยักษ์ร้องลั่นกุมข้อมือที่ขาด หมอผีหนุ่มฉวยโอกาสถีบร่างของมันกลิ้งตกเนินไป และนั่งทรุดหอบหายใจตัวโยน
แต่ยังไม่ทันที่จะหายเหนื่อยเหลือบมองไปก็เห็นแวมไพร์สาวพาพวกวิ่งใกล้เข้ามาอีกเป็นโขยง เขาส่ายหน้าหน่ายๆก่อนจะลุกขึ้นไปเก็บดาบคู่มือและวิ่งหนีต่อไป
หมอผีหนุ่มวิ่งมาถึงที่ท่าน้ำเห็นเรือหางยาวของคนหาปลาแถวนั้นจอดอยู่ มองซ้าย – ขวาไม่เห็นมีใครก็กระโดดลงไปแล้วพยายามติดเครื่อง พวกวายร้ายตามมาก็ระดมยิงใส่ หมอผีหนุ่มใช้ปลายดาบขันรูกุญแจและติดเครื่องจนได้ก็ขับเรือหางยาวหนีออกจากท่าไป แม้นจะมีพวกผีดิบสอง – สาม คนกระโดดตามมาทันและพยายามช่วยกันหยุดเขาไว้แต่ก็ถูกเขาอัดตกน้ำหรือไม่ก็ถูกฟันด้วยดาบร่างสลายกลายเป็นเถ้าไป นางแวมไพร์สาวมองตามหมอผีหนุ่มที่ขับเรือหางยาวหายไปในความมืดของคุ้งน้ำอย่างเจ็บใจ
"ฮึ่ม.ม.ม...เจ็บใจจริงๆ มันหนีไปได้ต่อหน้าต่อตา..."สาวแวมไพร์กัดฟันแล้วเค้นเสียงแค้นๆ
ลูกน้องคนหนึ่งเอ่ยถาม "เอาไงต่อครับคุณ รอร่า?"
แวมไพร์สาวไม่ตอบ สะบัดก้นเดินหันหลังไป พวกลูกสมุนก็เดินตามกลับไปเป็นพรวน
เดินเรื่อยๆมาจนเจอเจ้าริโอ้ ที่กำลังนอนร้องโอดโอยขณะลูกน้องช่วยกันประคองและดูอาการ
เจ้าริโอ้ร้องลั่นเมื่อลูกน้องพันแผลให้ "ระยำเอ้ย!!! เบาๆเจ็บโว้ย...."
"ชริ..มีกันมาเป็นกองทัพ มันแค่สามคนก็เอาไม่อยู่..." สาวแวมไพร์เอ่ยอย่างดูแคลน
เจ้าริโอ้ผุดลุกขึ้นต่อว่าเคืองๆ "หล่อนเองก็ห่วยเหมือนกัน ถึงปล่อยมันหนีไปได้"
"ถ้าไม่ใช่เพราะแกมาแส่ ฉันก็จับพวกมันได้แล้ว" สาวแวมไพร์เอ่ยอย่างเคืองๆ
"อย่ามาโทษกันสิ...เก่งจริงเมื่อกี้ตามไปทำไมจับมันไม่ได้ล่ะ?"
"แก.....ไอ้ริโอ้!"
แต่ก่อนจะเถียงกันเสียงแหบๆทรงอำนาจก็ดังแทรกห้ามมา "พอแล้วทั้งคู่..."
ชายผมยาวหน้าขาวซีดเดินออกมาจากความมืด ทุกคนในที่นั้นก้มหัวทำความเคารพ เขามาหยุดยืนที่เบื้องหน้าของเจ้าร่างใหญ่และแวมไพร์สาว สายตาเย็นชาไม่มีแววบ่งบอกอารมณ์ แต่กระนั้นทั้งหมดก็รู้สึกเย็นยะเยือกยามอยู่ใกล้ และยิ่งทำงานพลาดก็เกรงการลงทัณฑ์จากจอมผีดิบยิ่งนัก เพราะตัวอย่างที่เห็นมามีแต่ต้องสิ้นชีวาอย่างโหดร้ายทรมาน
เจ้าร่างใหญ่เอ่ยเสียงสั่นๆ "ทะ..ท่าน มอทัซ คะ..คือว่า...."
"ไม่ต้องบอกหรอก ข้าเห็นสภาพพวกแกก็พอจะรู้แล้ว นับว่ามันแน่จริงๆที่หนีรอดไปได้..." จอมผีดิบบอกเสียงเย็นๆ
"ทำไมไม่ฆ่ามันเลย ง่ายกว่าเยอะนะท่าน" แวมไพร์สาวถามอย่างกังขา
จอมผีดิบยิ้มน้อยๆ "ข้าจำเป็นต้องใช้ตัวของนางกึ่งมนุษย์นั่น และพวกเจ้าด้วย..."
"เอ่อ.อ.อ...หมายความว่าไงครับท่าน มอทัซ..." เจ้าลูกน้องร่างใหญ่ถามเสียงกังวลๆ
จอมผีดิบจับไหล่ของมันแล้วบอก "ข้าต้องการครองโลกและมีพลังเหนือใคร ข้าทำคนเดียวไม่ได้ ข้าต้องให้พวกแกช่วย"
"คะ..ครับ...พวกเรายินดีรับใช้ท่าน มอทัซ..." เจ้าร่างใหญ่ถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะจะไม่ถูกลงโทษจากที่พลาดเมื่อครู่
แวมไพร์สาวเอ่ยบ้าง "แต่เจ้าหมอผีคนไทยนั่นไม่เบานะ มันเล่นเอาพวกเราหัวปั่นไปเลย ไม่มีมันละก็ นาง เรด รีปเปอร์ไม่รอดมือของพวกเราไปได้หรอก"
"สำหรับข้ามันก็แค่แมลงวันน่ารำคาญเท่านั้น ไว้ค่อยจัดการมันทีหลัง ตอนนี้เรามีเป้าหมายหลักสำคัญรออยู่" จอมผีดิบเอ่ย
นางแวมไพร์สาวและเจ้าร่างใหญ่ขมวดคิ้ว นางแวมไพร์ถามว่า "เป้าหมายหลักอะไรหรอ?"
"หุ หุ หุ.....จัดการพวกสภาแวมไพร์ ตอนนี้เราต้องรัฐประหารยึดอำนาจของพวกมันเป็นปฐม" จอมผีดิบบอกเป้าหมาย
เจ้าร่างใหญ่หัวเราะร่วน "ฮะ..ฮะ..ฮะ...ข้าเห็นด้วย หมั่นไส้มานานแล้วไอ้พวกสภาบอร์ด วางมาดวางฟอร์มเหลือเกิน เวลามันมองพวกเรานี่เหมือนสิ่งน่ารังเกียจ ข้าจะลากมันมากระทืบๆๆๆให้จมดินเลย..."
"ใช่...เรารับใช้ให้พวกมันมานานแล้ว ถึงคราวเราจะเอาทุกสิ่งที่พลีชีพเพื่อพวกมันคืนมาเสียที..."น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดูถูกขณะสายตาเลื่อนไปมองขอบฟ้าที่กำลังเรืองรองเบื้องหน้า สายตาของเขาทอประกายวาวอย่างอาฆาต "ดีที่พวกเจ้าเห็นด้วย ช้า – เร็ว พวกมันก็ต้องกำจัดเราอยู่แล้ว เราจะต้องชิงลงมือก่อน โดยเริ่มที่เจ้าประธานของพวกมัน คราวนี้แกจบแน่......อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน....หุ หุ หุ..."
จอมผีดิบเอ่ยชื่อเป้าหมายแล้วยิ้มที่มุมปาก
--------------------------------------------------------
แสง แดดยามเช้าส่องผ่านหน้าต่างเข้ามากระทบใบหน้าทำให้สาวนักล่าแวมไพร์ต้องหรี่ตาและยกมือขึ้นป้อง เธอขยับตัวเล็กน้อยก็รู้สึกระบมไปทั้งตัว พยายามคิดทบทวนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน โดยเฉพาะเรื่องของหมอผีหนุ่มที่ฉวยโอกาสล่วงเกินเธอ แสงแดดยังคงส่องไล้ใบหน้างาม เธอลุกขึ้นและเดินไปยืนที่หน่าต่างพร้อมกับดึงผ้าม่านลงมาปิดด้วยท่าทาง รำคาญก่อนจะเดินไปที่ห้องน้ำเพื่อล้างหน้าล้างตา
จากนั้นจึงเปิดตู้เพื่อ เปลี่ยนชุด แต่เมื่อเห็นเสื้อผ้าที่แขวนอยู่ในนั้นแล้วลูกครึ่งแวมไพร์ก็ต้องถอนใจ เธอดึงชุดหนังสีดำประจำตัวออกมาจ้องนิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงผลัดชุดนอนออก หลังจากสวมเสื้อผ้าใหม่เป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงสวมทับด้วยเสื้อคลุมอีกครั้ง เธอสำรวจตรวจตราร่างกายในกระจกชั่วครู่ก็เดินออกจากห้องพักของตนไป
มาถึงที่โรงอาหารของหน่วย หมอผีหนุ่มและนักล่าค่าหัวกำลังคุยกันอย่างถูกคอ เธอเดินมาเงียบๆเมื่อนักล่าค่าหัวมองเห็นเธอมาเขาก็เงียบทำให้หมอผีหนุ่มหันไปมองตาม เขาจึงได้สบสายตาเย็นชาแต่แฝงความขุ่นเคืองลึกๆไว้ข้างใน หมอผีหนุ่มฉีกยิ้มกว้างรีบลุกขึ้นขยับเก้าอี้ด้านข้างให้
เขาเอ่ยเสียงระรื่น "เชิญนั่งครับคุณแคท..."
"ขอบใจ..." หญิงสาวทิ้งตัวลงนั่ง
"ทานอะไรไหม?" หมอผีหนุ่มถามอย่างเอาใจ
หญิงสาวชำเลืองมองด้วยหางตา รู้สึกเคืองๆ แต่ก็บอกไปอย่างเสียไม่ได้ "คาปูชิโน่...."
"สักครู่....." พูดจบก็หันกายไปยังเคาเตอร์ หยิบกาแฟผงมาเทใส่แก้วฮัมเพลงไปใส่น้ำร้อนแล้วชงให้อย่างอารมณ์ดี
นักล่าค่าหัวหนุ่มมองงงๆ เขาขมวดคิ้วทำหน้าล้อๆ "เหมือนคุณกับเขาสนิทกันมากๆนะ ไปเสี่ยงตายด้วยกันคืนเดียวก็..."
"เงียบไปเลย แจ็กค์ อย่าคุยเรื่องไร้สาระน่า..." หญิงสาวบอกเสียงดุๆ
แต่ก่อนจะคุยต่อ หมอผีหนุ่มก็เอากาแฟมาวางให้ขัดจังหวะ "มาแล้วครับ คาปูชิโน่ จากเขาช่อง..."
"....เชิญ...." นักล่าค่าหัวทำหน้าทะเล้นแล้วผายมือให้หญิงสาว ทำเอาเธอเม้มปากแล้วยกขึ้นดื่มด้วยสายตาเคืองๆ
หมอผีหนุ่มนั่งลงแล้วเอ่ยถามน้ำเสียงห่วงใย "เอ่อ.อ.อ...คุณแคทหายดีแล้วหรือครับ..."
"ดีแล้ว..ฉันไม่เจ็บนานหรอก เจ็บหนักแค่ไหนร่างกายของฉันก็จะฟื้นตัวเหมือนเดิมเมื่อครบเวลา ๒๔ ชั่วโมง"
"แหม ดีจังเลย...ส่วนของผมนี่ต้องใช้ว่านบดทาแล้วเป่าคาถา ถึงจะหายแต่มันก็ยังเจ็บระบมอยู่.."หมอผีหนุ่มคุยเรื่องของตน
นักล่าค่าหัวถามอย่างสนใจ "เป็นแผลใช้ว่านบดทาแล้วหาย โอ้ว..อะเมซซิ่ง...ศาสตร์ของคุณนี่น่าสนใจจริงๆ"
"ไว้ว่างๆมาเรียนรู้ด้วยกันสิ ผมก็สนใจศาสตร์ของคุณเหมือนกัน" หมอผีหนุ่มบอกอย่างยิ้มแย้ม
"ใช่ๆๆๆ มาแลกเปลี่ยนความรู้กัน ฮ่า ฮ่า ฮ่า......"
ขณะทั้งสองคุยกัน นักล่าแวมไพร์สาวก็เอ่ยขัด "แลกเปลี่ยนความรู้เรื่องวิชาการกันอย่างเดียวก็ดี กลัวจะแลกเปลี่ยนแต่เรื่องหื่นๆกันนะสิ ดูท่าจะพอๆกันนะนั่น....."
"แหม.... แคท...ผู้ชายคุยกันเรื่องไหนจะมัมเท่าเรื่องใต้สะดือเล่า.." นักล่าหนุ่มบอกกลั้วเสียงหัวเราะ
แต่ก่อนจะคุยกันต่อ ก็มีเจ้าหน้าที่เดินเข้ามาหาทั้งสาม
เจ้าหน้าที่เอ่ยแทรกว่า "คุณ ดัลกลิช เชิญคุณทั้งสามไปพบครับ.."
"แล้วเราจะไป..." หญิงสาวรับคำ เจ้าหน้าที่จึงเดินไป
นักล่าหนุ่มว่า "สงสัยได้เบาะแสอะไรใหม่ๆอีกแล้วมั้ง อยู่เมืองไทยนี่ดีจริงๆเลย ออกลุยได้ทุกวัน"
"ไม่อยากไปก็ยื่นจดหมายลากิจสิ..." สาวนักล่าบอกแล้วลุกขึ้นเดินออกไป
นักล่าค่าหัวหนุ่มมองตามหลังร่างอวบขาวที่พราวเสน่ห์ แล้วหันมาบอกหมอผีหนุ่ม " แคท นี่ความจริงก็สวยน่ารักนะ แต่เสียอย่างเดียวเธอไม่ค่อยชอบหน้าผม คุณว่าไหม?..."
"ผมก็ว่าอย่างงั้นแหละ และไม่ใช่ไม่ค่อยชอบอย่างเดียวด้วยท่าทางจะไม่ชอบมากๆเลย" หมอผีหนุ่มบอกแล้วจ้องตาของเขา
นักล่าค่าหัวหนุ่มขมวดคิ้ว เขาเอ่ยอย่างฉงน "ขนาดนั้นเชียวหรอ?"
"ฮื่อ.อ.อ...จริงๆ" หมอผีหนุ่มพยักหน้าอย่างจริงจัง
นักล่าหนุ่มหันไปมองตามร่างแน่นเนื้อแสนเย้ายวนแล้วถอนหายใจ หมอผีหนุ่มตบบ่าแล้วยิ้มให้เขาพลางลุกขึ้นยืน
เขาเอ่ยชวนว่า "ไปกันเหอะ มีงานรออยู่"
"อื่อ.อ.อ.." หนุ่มนักล่าลุกขึ้นและเดินตามออกไป
ที่ห้องประชุมของหน่วยงาน
เคนนี่ ดัลกลิช นั่งอยู่หัวโต๊ะ มี นักล่าสาว หมอผีหนุ่ม นักล่าค่าหัว และแดนนี่คนขับรถนั่งอยู่พร้อมหน้า
ทุกคนอ่านรายงานเบื้องหน้า โดยมี เคนนี่ ดัลกลิช นั่งเงียบๆรออยู่
จนกระทั่งทุกคนอ่านจบเขาก็เริ่มพูดขึ้น
"นั่นคือรายงานการพบเห็นสิ่งผิดปรกติที่หมู่บ้านแห่งนั้น มีรถบรรทุกเข้า – ออกอย่างผิดสังเกต เหมือนพวกมันกำลังขนย้ายลำเลียงบางอย่างเข้าไป และที่ๆนั้นคือโรงงานแห่งนี้.." เอ่ยจบ ชายชราก็กดภาพโรงงานเก่าๆให้ทุกคนได้ดู "นี่คือโรงงานร้างที่รถบรรทุกพวกนี้นำของเข้าไปเก็บไว้ เป็นของนักการเมืองคนหนึ่งที่เพิ่งชื้อต่อมาจากนายทุนเก่าที่ถูกสั่งปิดไปเพราะโรงงานทำลายสภาพแวดล้อมของชุมชน ทำให้เราสงสัยว่า พวก ดาร์ก แฮนด์ กำลังใช้ทำการอะไรบางอย่าง"
"มันง่ายไป..." สาวนักล่าเอ่ยขึ้น ทุกคนต่างหันไปมองเธอจนหมด เธอเอ่ยต่อ "มันง่ายไปที่เราจะหามันพบได้ง่ายๆอย่างนี้ เหมือนมันจงใจจะให้เราสังเกตเห็น ฉันว่าพวกมันกำลังล่อพวกเราไปหามากกว่า..."
"เพื่ออะไร?" นักล่าค่าหัวหนุ่มถามแทรก
สาวนักล่ามองหน่ายๆ เธอเอ่ยอย่างหยันๆ "ก็เพื่อกำจัดพวกเราไง คิดหรือว่าพวกนี้จะทำอะไรประเจิดประเจ้อให้เราได้เจอง่ายๆอย่างนี้ มันเจตนาจะล่อพวกเราไปสู่หลุมพรางบางอย่าง.."
"แต่ผมไม่กลัว ถึงเป็นหลุมพรางของพวกมันผมก็จะไป..." หนุ่มนักล่าค่าหัวบอกเสียงเข้มๆ สีหน้ามุ่งมั่น
"บ้าพลังอย่างเดียวไม่พอ ยังไม่มีสมองอีก...." สาวนักล่าบอกเยาะๆชำเลืองมองด้วยสายตาดูแคลน
หนุ่มนักล่าลุกขึ้นยืนอย่างมีอารมณ์ เขาถามเสียงดัง "คุณว่าอะไรนะ แคท..."
"ใจเย็นน่า..." หมอผีหนุ่มที่นั่งคั้นกลางลุกขึ้นห้าม "คุณสองคนจะเถียงกันทำไม ใจเย็นๆน่าคุณแจ็กค์..."
"ใช่..ใจเย็นๆ..." ชายชราเอ่ยอย่างระอาใจ เขาเอ่ยต่อ "ถึงจะรู้ว่าเป็นกับดักหรือหลุมพราง เราก็ต้องไปสืบดูให้รู้ชัด"
"หมายความว่า?" สาวนักล่าถามแล้วค้างไว้แค่นั้น
ชายชราพยักหน้า "ใช่...ผมจะส่งคุณกับแดนนี่ไปตรวจสอบ"
"ยะ..ยินดีครับ..." แดนนี่คนขับรถยิ้มเจื่อนๆให้สาวนักล่า
สาวนักล่ามองด้วยสายตาเฉยๆ แล้วรับคำ "ค่ะ...."
"ขอย้ำว่าให้ไปตรวจสอบเฉยๆ อย่าทำอะไรโดยพละการนอกเหนือไปจากที่สั่งนะ"
สาวนักล่านั่งนิ่ง แล้วถอนหายใจก่อนรับปากแบบไม่ค่อยสบอารมณ์ "ค่ะ..."
"แล้วผมล่ะ มีอะไรให้ทำไหม?...." หนุ่มนักล่าค่าหัวถามบ้าง
ชายชราหันมาทางเขาและหมอผีหนุ่ม "คุณสองคนไปหาคนๆนี้ ชื่อ ปี๊ด...เขาเป็นสายของเรา วันนี้เรานัดไปรับตัวเพื่อนำเขาไปอยู่ที่ เชฟ – เฮ้าท์ แล้วเขาจะให้ข่าวเบาะแสที่ตั้งใหญ่ของพวกดาร์ก แฮนด์ งานนี้สำคัญมากๆอย่าให้พลาด"
"รับรองครับ.." นักล่าค่าหัวหนุ่มยิ้มระรื่น เขาสบตาสาวนักล่าแบบล้อๆทำนองได้รับงานสำคัญกว่า
แต่สาวนักล่าไม่วายแขวะ "เฮอะ...อย่าปล่อยให้สายถูกฆ่าต่อหน้าเหมือนที่ปูดาเปสล่ะ..."
"คราวนั้นเพราะมีคนใจร้อนร่วมงานและออกอาการจนพวกผีดิบรู้ทัน คราวนี้ไม่มีไปด้วยรับรองเป็นไปตามแผนแน่ๆ"
"นาย......" สาวนักล่าขบฟันเคืองๆก่อนจะลุกขึ้นและสะบัดเดินหนีออกไป
หมอผีหนุ่มลุกขึ้นเดินตามมา เขาจ้องตาซึ้งๆ "ระวังตัวด้วยนะ ผมเป็นห่วงจริงๆอยากไปด้วยจังเลย จะได้คอยปกป้องคุณ.."
"ฮื้อ.อ..." สาวนักล่ายิ้มอย่างซาบซึ้ง แล้วเธอก็ทำหน้าดุ จิ้มสองนิ้วเข้าที่ลูกตาของเขา หมอผีหนุ่มทรุดลงกุมเป้าตา สาวนักล่ามองแล้วกัดฟันกรอดๆ เธอว่า "ไม่มีนายไปด้วย ฉันจะปลอดภัยกว่า..." ว่าแล้วก็ก้าวฉับๆออกไป
"รอผมด้วย... " แดนนี่คนขับรถร้องตะโกนบอก แล้ววิ่งตามออกไป
คล้อยหลัง สาวนักล่าแวมไพร์ เจ้าอารมณ์ เคนนี่ ดัลกลิช เอามือกุมขมับแล้วบีบเบาๆก่อนมองสองหนุ่มที่ยังอยู่
ชายชราว่า "เอาละ ไปทำงานตามหน้าที่ได้แล้ว.."
"คะ...ครับ...อู้ย.ย.ย..ย์...." หมอผีหนุ่มขยี้ตาแล้วค่อยๆลุกขึ้นมา
นักล่าค่าหัวมาช่วยประคอง และถามเย้าๆ "ว่าไง...ไหวไหม?"
"อื่อ.อ.อ..พอทนไหว..."
"ผมว่าเค้าไม่ได้ชอบหน้าผมคนเดียวแล้วนะ ท่าทางคุณด้วยอีกคน..." นักล่าค่าหัวบอกยิ้มๆ
หมอผีหนุ่มบอกเขินๆ "เอ่อ...ก็ไม่เชิงนะ...มันก็มีเหตุผลบางอย่างน่ะ..."
"แต่สำหรับผู้หญิงคนนี้ ผมรู้ว่าไม่มีเหตุผล.." นักล่าค่าหัวโอบไหล่ของหมอผีหนุ่มแล้วพาเดินออกจากห้องประชุมไป
เคนนี่ ดัลกลิช มองตามหลังแล้วก้มหน้าเอาสองมือกุมหัวพลางรำพึง
"ทีมนี้มันจะไปได้ตลอดรอดฝั่งไหมนี่?...."
<>::<>::<>::<>::<>::<>
ท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าวยามบ่ายกว่าๆของชุมชนขนาดกลาง บนท้องฟ้าไม่มีก้อนเมฆสักก้อนที่จะลอยมาบดบังแสงอาทิตย์ได้แม้แต่นิด แต่ภายในบ้านหลังหนึ่งกลับเย็นสบายจากเครื่องปรับอากาศ ภายในห้องทึบมืดสลัวๆมีเจ้าของห้องเป็นชายร่างผอมกร่องกำลังนั่งเสพยาอย่างสบายใจ เมื่อผงยาสลายกลายเป็นควันมันก็ใช้หลอดสูดเข้าจมูกและทำท่าเคลิ้บเคลิ้มไปกับฤทธิ์ยาหลอนประสาท ชายร่างผอมนี่ชื่อเจ้าปื้ด...
ในชุมชมแห่งนี้รู้จักมันดีในฐานะผู้ค้ายาเสพติดรายใหญ่คนหนึ่ง เจ้าปื้ดผู้นี้ตอนเด็กๆมันเคยตะบันชีวิตอย่างโชกโชน เนื่องด้วยกำพร้ามาแต่เล็ก เริ่มต้นก็ลักเล็กขโมยน้อยและแถมยังลองยาเสพติดมาแล้วแทบทุกชนิดจนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญ นานเข้าเลยกลายเป็นผู้ค้าไปเลย บ่อยครั้งเลยต้องย้ายชีวิตไปอยู่ในลูกกรง ปัจจุบันมันผันตัวเองมาเป็นผู้รับใช้ให้พวก ดาร์ก แฮนด์ คอยจัดหาสิ่งของผิดกฎหมายและส่งข่าวกรองต่างๆโดยมีค่าตอบแทนมหาศาล ทำให้มันขยับฐานะอย่างรวดเร็ว
ทว่าเมื่อได้รับการเสนอจากอีกฝ่ายด้วยจำนวนเงินมหาศาล เจ้าปื้ดก็ไม่ลังเลที่จะทรยศอู่ข้าวอู่น้ำเก่าเพื่อขายความลับ เพราะมันถือเรื่องเงินตอบแทนเป็นใหญ่ ชีวิตที่แร้นแค้นอดอยากในวัยเด็กสอนให้มันรู้ว่า เกิดเป็นคนลำบากที่สุดก็ตอนท้องหิว มันจึงสัญญากับตัวเองว่าจะไม่ยอมให้ท้องหิวอย่างเด็ดขาด มันจะต้องหาเงินมาชื้อและบำเรอตัวมันเองให้สุขสบายโดยไม่สนวิธีการ ใครจ่ายดีมีผลประโยชน์ให้มากกว่ามันพร้อมทำงานให้
ขณะมันกำลังล่องลอยกับยาเสพติดกล่อมประสาทอยู่นั้น มันก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
ก๊อก...ก๊อก...ก๊อก.... "พี่ปื้ด...พี่ปื้ด...พี่ปี้ด...เปิดหน่อย..นี่น้ำหวานเอง...."
เจ้าปื้ดยิ้มได้เพราะเสียงใสๆหวานๆที่กำลังทั้งเคาะทั้งเรียกชื่อมันอยู่คือ น้องน้ำหวาน คู่ขาของมันนั้นเอง
เจ้าปื้ดเดินไปเปิดประตูรับพร้อมรอยยิ้ม "เข้ามาสิจ๊ะ...."
ประตูเปิดออก ร่างของสาวสวยหุ่นปานนางแบบในชุดนักศึกษาที่ตัดแบบเน้นทรวดทรงและกระโปรงที่สั้นเหนือเข่า ก็ก้าวเข้ามาในห้อง เจ้าปื้ดมองสาวน้อยที่ก้าวเข้ามาด้วยดวงตาหยาดเยิ้ม เนื่องจากมันเพิ่งเสพยาเข้าไปจึงทำให้มันกำลังล่องลอยและเมื่อเจอคู่ขาที่หุ่นสวยน่าล่อมาหาถึงห้อง เรื่องจะปล่อยให้กลับไปแบบตอนมาคงจะเป็นไปไม่ได้ มันโอบคอนิสิตสาวเข้ามาในห้องและรีบปิดประตูทันที
เจ้าปิ้ดกำลังเจอฤทธิ์ยาปลุกปั่นอารมณ์ของมันให้เพิ่มทวี พอปิดประตูได้มันก็จู่โจมนิสิตสาวทันที มันโอบกอดร่างแน่นเนื้อขาวๆเข้ามาแน่น และยื่นใบหน้าเสี้ยมๆของมันเข้าไปประกบติดริมฝีปากบางๆ ของสาวคนสวย และตวัดปลายลิ้นเกี่ยวดูดดุนริมฝีปากบนและริมฝีปากล่างของนิสิตสุดเบาๆ สองมือยังทำหน้าที่เคล้นเต้าอ่อนอย่างหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ผ่อนคลายลูบคลึงเบาๆ สลับไปมา แต่นิสิตสาวก็เอาสองมือดันใบหน้าที่แนบเบียดเข้ามาและกำลังประกบปากจูบอย่างเร่าร้อนแล้วพยายามผลักออกไป
นิสิตสาวผลักไสแล้วต่อว่า " บะ...เบาพี่ปื้ด...ตายอดตายอยากอะไรกันนี่..มาถึงก็ใส่เลย..ให้หวานตั้งตัวก่อน.."
"พี่กำลังเสี้ยนเลยหวาน ยารุ่นนี้ดีจริงๆ ดีดจนพี่โด่ปวดท่อนไปหมด...อยาก..อยาก...จริงๆ" เจ้าปื้ดบอกแล้วกอดหอมพัลวัน
สาวสวยพยายามผลักร่างขี้ยาให้ผละออกไป "พี่ปื้ดไม่ต้องพี้ยาหรอก ธรรมดาก็หื่นอยู่แล้ว ให้หวานหายใจหายคอก่อน"
"อื่อ.อ.อ...ก็ได้...." เจ้าปิ้ดผละออกอย่างเสียดาย
มันเดินมาทิ้งตัวลงบนฟูกด้วยทีท่าเซ็งๆ สาวสวยในชุดนิสิตในเสื้อสีขาวรัดรูปจนสองเต้าแทบปลิ้น สวมกระโปรงสั้นๆคับๆเข้ารูปแนบสนิทกับหน้าท้อง หน้าขา จนเนินนูนระหว่างซอกหน้าขาดุนดันความราบเรียบของผ้ากระโปรงขึ้นมาให้เห็นเป็นรูปรอยชวนให้เกิดกระสันต์ยามได้เห็น สาวนักศึกษาเดินนวดนาดเข้ามานั่งข้างๆแล้วยิ้มหวานสมชื่อให้กับเจ้าปื้ดขี้ยาแบบยั่วยวน เด็กสาวนอนคว่ำเอาใบหน้าสวยๆทาบบนอกแห้งๆมีแต่กระดูกด้วยท่าทีออดอ้อน
เจ้าปื้ดมองอาการแล้วถามเสียงขุ่นๆ "ไม่ให้ทำอะไรแล้วมาหาทำไม?"
"ก็หวาน..เอ่อ.อ.อ...เดือดร้อนอีกแล้วอ่ะ..." สาวนักศึกษาพูดเสียงอ้อนๆ
"พอขาดเงินก็มาหา เห็นพี่เป็นอะไร?"
"โธ่...พี่ปื้ดก็...หวานไม่ค่อยว่าง ช่วงนี้เรียนหนักอ่ะ จะจบแล้ว..."
"เรียนหนักหรือเที่ยวกับพวกหนุ่มๆหล่อๆหนัก" เจ้าปื้ดเอ่ยประชด
สาวนักศึกษาซบหน้าบนอกแห้งๆแล้วอ้อน "พี่ปื้ดก็...ทำไมพูดอย่างนั้น หวานมีแต่พี่ปื้ดคนเดียวนะ.."
"เชื่อตายหล่ะ?"เจ้าปื้ดมองอาการคู่ขาแล้วถอนหายใจ
ร่างผอมๆของขี้ยาขยับไปที่หัวเตียงหยิบกระเป๋าเงินออกมา แล้วมันก็ควักแบงปึกหนึ่งออกมาให้ หญิงสาวที่อมยิ้มมองคำนวณจำนวนเงินตาวาว เธอรีบรับแล้วยัดใส่กระเป๋าสะพายพลางก้มลงมาหอมแก้มของเจ้าปื้ดซ้าย – ขวาไม่นับอย่างไม่รังเกลียดหน้าแห้งๆตอบๆ ถ้าไม่ใช่เพราะเงินที่มันปรนเปรอ ขี้ยาอย่างมันจะมีโอกาสกับดอกฟ้าอย่างน้องน้ำหวานหรือ ซึ่งตัวมันเองก็รู้ข้อนี้ดี แต่มันก็ถือเป็นการแลกเปลี่ยนที่สุดคุ้มแสนเหมาะสม
เจ้าปิ้ดขยับตัวขึ้นนั่ง มันถามนิสิตสาว "ได้เงินแล้ว ตอนนี้พี่ทำอะไรได้หรือยัง.."
"จะทำอะไรหวานล่ะ?" นิสิตสาวแสร้งทำไร้เดียงสา
"อย่างนี้ไง...." เจ้าปื้ดโอบร่างนั้นเข้ามาหา
"อยากทำอะไรก็ทำไปสิ หวานยอมให้พี่ปื้ดทำอยู่แล้วตอนนี้...อื้อ.อ.อ.อ......"
สองมือของเจ้าปื้ดค่อยๆ เอื้อมไปเกาะกุมสองเต้าคู่งามของคู่ขาเห็นแก่เงินภายใต้เสื้อนักศึกษารัดติ้ว มันบีบคลึงเบาๆ ใช้สองฝ่ามือลูบวนซ้ายวนขวาช้าๆ สร้างความสยิวแก่นักศึกษาสาวจนเคลิ้มหลับตาไปกับการปลุกเร้านี้
"โอว ว ว ... พี่ปื้ดขา .... อย่าทำแบบนี้ซิคะ ... บีบแรงๆเดี๋ยวนมหวานเละหมดนะ......"
หญิงสาวร้องห้ามแต่ใจจริงแล้วไม่อยากให้คนรักหยุดการเคล้นคลึงสองเต้าอวบของตนที่กำลังแข็งเป็นไตขึ้นมา
"นมของหวานใหญ่จังนิ่มมือพี่มาก ... เดี๋ยวพี่จะทำให้หวานรู้สึกเสียวมากขึ้นเรื่อยๆ นะ..เอาไหม? ..."
พูดจบก็ยื่นใบหน้าเสี้ยนๆเข้ามาประกบติดริมฝีปากบางๆ ของคู่ขาคนสวยอีกครั้ง มันเริ่มเล้าโลมด้วยการประกบปากจูบจากเบาๆและหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ สาวนิสิตเองก็มีอารมณ์ตามไปอย่างไม่น้อยหน้าปลายยอดอกดันยกทรงและเสื้อนักศึกษาขึ้นมาเป็น เม็ดนูนๆ เห็นชัดเจน เจ้าปื้ดเองก็ช่ำชองเชิงกามอยู่แล้ว เห็นอาการก็ยิ่งรุกหนัก มันสอดปลายลิ้นเข้าไปในอุ้งปาก ตะวัดดุนดันทั่วกระพุ้งแก้มของนักศึกษาสาวจนเผลอกกอดคอมันแน่นและอ้าปากรับอย่างลืมตัว...
ร่างของนักศึกษาสาวหิวทั้งเงินและเซ็กส์นอนงายส่ายเร่าๆ มีร่างแห้งๆของเจ้าขี้ยาคร่อมทับทั้งจูบปากบีบบี้สองเต้าและเบียดร่างถูไถไปมาอยู่ด้านบน เจ้าปื้ดปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาออกจนเม็ดสุดท้าย และรั้งสาบเสื้อนักศึกษาเปิดกว้างออกไป ตอนนี้สองเต้าอวบหยุ่นของนิสิตสาวสวยกำลังจะออกมาเป็นอิสระให้เจ้าปื้ดบีบเคล้นเน้นๆแบบได้เนื้อแล้ว
เมื่อเจอเจ้าปื้ดลุกไล่จนร่างกายสั่นสะท้าน นักศึกษาสาวสวยก็เริ่มออกลวดลายบ้าง มือของเธอก็เริ่มลูบไล้ไปตามร่างของเจ้าปื้ดเป็นการตอบโต้ และตัวของเธอเองก็รู้สึกว่ามืออีกข้างของเขาลูบไล้ขาอ่อน กระเถิบสูงขึ้นไปจนถึงเนินเนื้อที่ยังมีกางเกงในขวางกั้น ถึงตอนนี้เธอกำลังจะถูกลุกล้ำเข้าจุดสำคัญที่จะทำให้คู่สวาทเสียวแบบหมดปัญญาจะขัดขืน สะโพกของนักศึกษาสาวบิดส่ายรับยามที่เจอการโล้มเล้าคลึงนิ้ววนบนปุ่มกระสันต์นั้น
"โอ๊ย.ย..ย..ย...พี่ปื้ด...หวาน ... เสียวจัง"
นักศึกษาสาวหุ่นสวยตัวเกร็ง บีบแขนข้างที่กำลังโจมตีเนินสวาทอยู่นั้น และแล้วมือซุกซนข้างนั้นก็ลอดผ่านขอบกางเกงในเข้าไปสัมผัสกับเนื้อแท้ของความสาว นิ้วกลางเขากำลังสอดแทรกเข้าไปในกลีบเนื้อ ที่เจ้าของนิ้วคงจะทราบได้ดีถึงความใหม่สดของสรีระส่วนนั้น ที่ถึงแม้จะไม่ใหม่เอี่ยมเพราะสาวคนนี้ก็ประเภทไซส์ไลน์เป็นบางคราว แต่การดูแลตัวเองดีทำให้กล้ามเนื้อยังฟิตแน่นบีบรัดนิ้วจนรู้สึกได้
"อู๊ย...ย...ย.... ซีด..ส..ส...ส......ส์ ... พี่ปิ๊ดขา...า"
เจอแหย่นิ้วทะลวงจุดสำคัญไม่ว่างเว้นเสียวจนตัวสั่น แต่สาวแรงสูงอย่างเธอจะยอมง่ายๆไม่ได้ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเปรียบ สาวนักษาจึงตอบโต้ด้วยมือขวาเลื่อนไปลูบไล้และบีบหนัก ๆ ซึ่งดูเหมือนจะทำให้มันขยายตัวใหญ่ขึ้นอีก และออกอาการสั่นหงึกๆพร้อมจะอัดเข้าถ้ำสวาทนิสิต สาวแบบเต็ม ๆ เจ้าปื้ดถึงจะเจอลูบไล้ท่อนเนื้อจนออกอาการชะงัก แต่ก็เพียงครู่ เมื่อตั้งสติได้ มือของมันกลับขึ้นมาโจมตีส่วนบนอีกครั้ง คราวนี้มันเริ่มคลึงเคล้นหนักหน่วงกว่าเก่า จนสาวนักษาสุดจะทนไหวแล้ว
สาวนิสิตขยับตัวต้องทำการดึงกางเกงทรงขากระบอกของเจ้าปื๊ดและรูดลงจนถึงหัวเข่า เจ้าท่อนเนื้อที่พร้อมใช้งานก็ดีดตัวออกมา มันมีขนาดใหญ่มากๆแม้นว่ารูปร่างเจ้าของจะผอมแห้งก้นปอด แต่ความใหญ่โตและมีรูปร่างใหญ่ยาวและปลายราวดอกเห็ด แต่ยามที่ถูกทะลุทะลวงทิ่มตำมันช่างสร้างสุขสรรค์หรรษาให้อย่างเหลือคณานับ
"ยังใหญ่ยาวแน่นไปด้วยคุณภาพเหมือเดิมนะ...." นิสิตมองตาเยิ้มๆเอ่ยปาก
เจ้าปิ๊ดชะงักหลับตาร้อง "อะ..อื้อ.อ.อ...รูดอย่างนั้นเสียวนะ...เสียวนะ....."
แต่ทว่ามือของสาวเจ้าก็กำแท่งนั้น พร้อมกับรูดขึ้นลงเบา ๆ ตาเป็นประกาย เมื่อเห็นว่าเจ้าปื๊ดมองด้วยสายตาวิงวอน สาวนักศึกษาก็รู้ดีว่าอยากให้ทำอะไร ซึ่งหญิงสาวก็เต็มใจ เลื่อนตัวลงต่ำ ใช้ปากเม้มบริเวณปลายยอดก่อนที่จะค่อย ๆ อ้าปากกลืนท่อนลำเข้าไปช้า ๆ เม้มริมฝีปากเพื่อให้บีบรัดขนาดของท่อนเนื้อให้มากที่สุด แต่มันก็แทบจะคับปากของเธอที่เดียว สาวนินิตรูดปากบดริมฝีปากรัวกันท่อนเนื้ออย่างสนุกจนผมยาวสลวยสยายกระจายเต็มหน้าขาเป็นภาพที่เร้าอารมณ์ยิ่งนัก
"โอย ... เก่งจัง.ง.ง..ง.ง..ง....อู้ว.ว.ว.ว...ว์....หวานจ๋า...อู้ว.ว.ว....ว์...หวาน.....จ๋า....." เจ้าปื๊ดร้องครางเสียงสั่นพร่า
สาวนิสิตใช้ปากบำเรอท่อนเนื้อของเจ้าปื๊ดอย่างสนุก ปรนเปรอให้กับเจ้าขี้ยาคนนี้ จนทำให้มันต้องแอ่นก้นไม่ติดพื้น อาการของมันเริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งนิสิตสาวที่ดูจะรู้เชิงเริ่มเร่งจังหวะการรูดขึ้นลง สลับกับการบิดหมุนเป็นบางครั้ง บางทีก็พลิ้วลิ้นบริเวณส่วนหัวและคอคอด เชื่อว่าหากทำต่อไปอีกเพียงไม่นานคงจะกระฉูดแน่นอน ซึ่งก็คงจะจริงเพราะชายขี้ยาทำท่าแสนเสียวจนยกขาแห้งๆขึ้นบรรเทาอาการ และเป็นฝ่ายที่จับหัวของเธอไว้เป็นการบอกโดยนัยว่าไห้หยุดก่อน
"โอย ... ไม่ไหวแล้ว ... เดี๋ยวพี่จะออกซะก่อน ... "
บอกแล้วเจ้าปิ๊ดหุ่นขี้ยาก็ดึงร่างของนักศึกษาสาวขึ้นมาประกบปากจูบอีกครั้ง ขณะที่ปราการด่านสุดท้ายคือกางเกงในกำลังถูกดึงรูดออกไปทางปลายเท้า ร่างของเธอ โดยมีร่างของเจ้าปิ๊ดขึ้นมาทาบทับ นักศึกษาสาวรู้สึกได้ถึงท่อนล่างทีเปลือยเปล่าของคู่นอน เพราะเจ้าท่อนสวาทที่บัดนี้มาทิ่ม ตำอยู่แถวหน้าขา
เสื้อเชิ๊ตสีขาวยังคงอยู่และเรียกได้ว่าสาวสวยยังคงอยู่ในชุดนิสิตเต็มตัว สิ่งที่ขาดไปมีเพียงกางเกงในและเสื้อที่ถูกแกะกระดุมออก คิดว่าคงจะถูกเริ่มต้นถอดเสื้อและทำการลอกคราบตัวเธอ แต่คราวนี้เจ้าปื๊ดมาแปลก มันเพียงตลบกระโปรงนักศึกษาขึ้น และมันก็ตาลุกวาวเมื่อมองเห็นเนินเนื้ออันแสนสวยปกคลุมด้วยเส้นขนสีดำ ส่วนที่เป็นสองแคมยังปิดสนิท
มันจ้องมองจนถูกทุบอย่างเขิน ๆ "มองอะไรอยู่ล่ะ ทำยังกะไม่เคยเห็น"
"ก็ไม่เคยเห็นถนัดๆอย่างนี้มาก่อนนี่ ขอลองชิมดูหน่อยนะ...."
ไม่รอให้เจ้าของพื้นที่อนุญาต เจ้าปิ๊ดก้มหน้าลงบริเวณเนินสวาทของนิสิตสาวทันที และแลบลิ้นยาวๆสากๆลากไปตามความยาวของสองแคม สลับกับสอดลิ้นเข้าไปในรอยผ่า บางทีก็ดูดเม้มบริเวณปุ่มกระสันต์ เจ้าปื๊ดเลียแผล่บๆอย่าอร่อยลิ้นทำเอาสาวนิสิตไซส์ไลน์ถึงกับต้องแอ่นโคกนูนเข้าอัดกับหน้าของมันอย่างลืมตัว
ความเสียวส่งจนต้องร้องไม่ขาดปาก "โอย...ซีด..ส..ส.ส.....ส์ พี่ปื๊ด.ด..ด....หวานทนไม่ไหวแล้ว ทำเถอะ...ทำหวานเถอะ.."
"ทำอะไรหล่ะ..แผล่บ...แผล่บ...แผล่บ....."
"อ้า..ร์...อ้า...ร์....พี่ปื๊ด.ด.ด...อย่าแกล้งหวานสิ...ใจจะขาดอยู่แล้ว ว ว ว ว์....อู้ว.ว.ว..."
"อยากเจอแท่งของพี่ อดใจรอเดี๋ยว พี่ยังกินไม่อิ่มเลย...แผล่บ....แผล่บ....."
เจ้าปื๊ดเหมือนไม่หนำใจ มันใช้ปากทำให้ก้อยดิ้นพล่านไปอีกอึดใจ จนนิสิตสาวดิ้นพล่านๆแอ่นก้นอัดเนินสู้ปากด้วยความเสียวจนตัวเกร็งหน้าตาบิดเบี้ยวร้องครวญครางราวจะขาดใจ จนเมื่อสาแก่ใจของมัน ก็เลื่อนตัวขึ้น จัดท่าทางขึ้นคร่อมร่างสาวสวยในชุดนักศึกษาที่แสนเซ็กส์ซี่น่าล่อทันที
สาวนักศึกษาเอ่ยทัก "พี่ปิ๊ด...ถอดชุดหวานก่อนสิ เดี๋ยวยับ...."
"ไม่ถอดอ่ะ วันนี้พี่ขอล่อหวานคาชุดอย่างนี้แหล่ะ ได้อารมณ์ดี...." เจ้าปื๊ดกระซิบที่ข้างหูของเธอ
"แต่หวามไม่อยากถูกเย็ดในชุดนี้ กลัวมันยับแล้วไปเข้าเรียนคนจะรู้..."
"รู้อะไร?" เจ้าปื๊ดถามเย้าๆ
สาวนิสิตมองค้อน "แล้วทำอะไรอยู่หล่ะนี่..."
เจ้าปื๊ดชอบใจที่เห็นนิสิตสาวหน้าแดงยามเขินอาย ซึ่งรู้สึกว่าจะช่วยกระตุ้นอารมณ์ใคร่ได้เป็นอย่างดี
เจ้าท่อนเนื้อที่แข็งถูกจ่อเข้าที่ปากแคมที่เยิ้มฉ่ำ สาวนักศึกษาแยกขาออกรับอย่างเชิญชวน
เจ้าปื๊ดค่อย ๆ กดส่งแท่งเนื้อของมันเข้ามาในร่างของเธออย่างช้าๆ สาวนักศึกษาหลับตารับการรุกล้ำอย่างระทึก
"อูย... ค่อย ๆ ก่อนนะ ...พี่ปื๊ด .. .ด..นานๆเจอ..มัน..อะ..อ้าว.ว.ว...ว..."
สาวนิสิตคนสวยต้องดันเอวของคู่สวาทเอาไว้ เพราะกลัวจะกดเข้ามาทีเดียวมิดด้าม
แต่ถ้าหากเขาทำจริงก็คงไม่เจ็บมากนักเพราะน้ำสวาทถูกขับออกมารองรับจนชุ่ม ฉ่ำไปหมด
แต่เกรงว่าหากเจอรุนแรงแต่ต้นจนทำให้บางส่วนฉีกขาดเสียหาย เพราะท่อนเนื้อของเจ้าขี้ยานี่ก็ไม่ใช่เล่นๆ
"หวานขยับตัวขึ้นหน่อยสิ..พี่ไม่ถนัด.." ร่างแห้งพยายามก้มลงมาที่สองเต้า
สาวนิสิตรับจ๊อบขยับให้ "จะทำอะไรหรอ? ฮึ๋ย..ฮึ๋ย.ย.ย...ใส่มาเบาๆสิมันเจ็บนะ..."
"พี่จะดูดนมของหวาน งอตัวอย่างนี้ก้มลงไม่ถนัดเลย.." พูดแล้วมันก็ดึงชายเสื้อของเธออกจากขอบกระโปรงที่ถูกรั้งขึ้น
สาวนิสิตขยับให้แต่ไม่วายสำทับ "บีบเบาๆนะ ทำแรงๆเดี๋ยวเสียทรงหมด..."
เจ้าขี้ยาไม่ตอบ มันใช้มือดันยกทรงจนเต้าเต่งปลิ้นออกมานอกยกทรงและล้นสาปเสื้อออกมา มันก้มหน้าลงเม้มหัวนมสีชมพู ดูดสลับกับใช้ลิ้นวนโดยรอบ โดนไม้นี้เข้าสาวสวยก็ถึงกับต้องโน้มคอของมันลงมาหา และแอ่นอกขึ้นอัดเต้าเข้ากับ ปากของมันชนิดไม่เกรงเสียทรงเหมือนที่ปากห้ามเอาไว้
" โอย.... ซีด...ส..ส.ส...ส...ส...ส์ .." สาวสวยร้องครางเมื่อสะโพกเปลือยที่ถูกประกบติดอยู่เริ่มส่ายไหว
สาวนิสิตผวาแอ่นเนินนูนตามขึ้นไป ด้วยกำลังต้องการให้ดันเข้ามาอีก
ซึ่งเจ้าขี้ยาก้นปอดก็ดูจะรู้ดี มันกดท่อนเนื้อเข้าหาเนินสวาทสวยนั้นแบบเดินหน้าเต็มตัวจนหายเข้าไปมิดด้าม
"โอ๊ย ...พี่ปิ๊ด.ด.ด... ทำไมมันแน่นไปหมดยังงี้" นิสิตสาวผวากอดคอของขี้ยาตูดปอดแน่น รู้สึกตึงไปหมดที่หว่างขา
"มันส์ไหมเล่าหวานจ๋า...อ้า..ร์..." เจ้าขี้ยาสูดปาก กระเด้าก้นปอดๆไม่หยุด "อูย ของหวานทำไมฟิตอย่างนี้..อ้า..ร์..อ้า..ร์..."
โพลงสวาทของสาวสวยนั้นบีบรัดและมีการตอดหนุบหนับอย่างรู้สึกได้
เจ้าปื๊ดต้องกัดฟันพยายามอดกลั้นความรู้สึกไว้อย่างเต็มที่ กัดฟันกระเด้าใส่ยิกๆ สาวสวยก็ร้องครางร่างสั่นรับทุกจังหวะ
กระเด้าไปกลั้นไปเพราะกลัวว่าอาจจะกระฉูดออกมาก่อนที่จะถึงเวลา มิฉะนั้นจะ เสียชื่อ ไอ้ปื๊ด ตูดปอดยอดนักเย็ด หมดเจ้าปื๊ดหยุดการเคลื่อนไหวส่วนล่างไว้ก่อน โดยเปลี่ยนมาเป็นจูบไซร้สองเต้าแทน และใช้สองมือคลึงเคล้นหนักหน่วง
"ยะ..หยุดทำไม..โอ๊ย.ย.ย....กำลังเสียว... โอย..."
สาวนิสิตตอนนี้กอดรัดคู่สวาทแนบแน่น เอวก็ส่ายร่อนด้วยความต้องการให้กระเด้าได้แล้ว แต่เจ้าปื๊ดทำเหมือนกับแกล้งโดยการกดเอวแนบแน่น หมุนเป็นวงกลม จงใจให้ขนหยาบหนาของเขาเสียดสีกับปุ่มกระสันต์ของนิสิตสาว ลีลาแบบนี้ทำเอาสาวเจ้าแทบขาดใจ อารมณ์สวาทพุ่งสูงจนเครียดขึ้นทุกขณะ เรียกว่ายังไม่ได้ถูกกระเด้าก็เกือบจะเสร็จอยู่แล้ว
"....อูย ....พี่ปื๊ดขา.... อย่าทรมานหวานอย่างนี้สิ กระเด้าแรงๆเลย...โอ๊ย.ย.ย..."
"อยากโดนอย่างแรงใช่ไหม...ปื๊ดจัดให้....."
เจ้าปื๊ดขยับตัวจัดหนักตามคำขอ เพราะตัวเองก็เก็บกดมานาน ขอตักตวงความสุขจากเรือนร่างที่ยังสาวสดนี้ให้สาแก่ใจ มันเริ่มต้นขยับเอวซอย เริ่มจากช้า ๆ แต่หนักหน่วง ส่งท่อนเนื้อมุดเข้าออกถ้ำสวาทที่ถึงแม้จะมีหล่อลื่นขับออกมามากแต่ก็ยัง กระชับแน่น บีบรัดตลอดท่อนลำยามกระเด้าใส่แต่ละครั้ง สร้างความเสียวสุขให้กับมันยิ่งนัก
สองหนุ่มสาวที่อัดร่างเข้าปะทะกันอย่างดุเดือดเผ็ดมัน จนได้ยินเสียงร่างกระทบกันดังเป็นจังหวะสลับกับเสียงร้องครวญคราง ยามนี้ทั้งคู่ลืมหมดสิ้นถึงความเป็นไปรอบๆตัว หรือทุกสิ่งในโลก ตอนนี้ในหัวสมองของทั้งคู่มีแต่ร่วมมือร่วมใจกันตะกายขึ้นสู่สวรรค์ จนกระทั่งไม่รู้สึกเลยว่าประตูห้องได้เปิดออก และมีร่างใครบางร่างก้าวเข้ามาและยืนดูกิจกามของทั้งคู่อย่างใกล้ชิด เพราะความมันส์ไม่ปราณีใครจริงๆ
"โอย แรง ๆ เลย...หวาน จวนแล้ว ซีด ส ส ส ส ส์ ..."
นิสิตสาวที่กำลังจะถึงจุดหมายร้องเร่งให้ชายที่กำลังคร่อมร่างเธออยู่ให้อัดกระแทกให้หนัก ๆ ใบหน้าสวยสะบัดส่ายไปมา เหงื่อเริ่มซึมออกตามหน้าผากและตามตัวจนชุ่มชุดนักศึกษาตัวเก่งนั้น ซึ่งบัดนี้ยับยู่ยี่จากการบีบเคล้นของมือไปทั่วเรือนร่างผนวกกับน้ำหนักของ ร่างที่กดทับลงมา ส่วนเจ้าปื๊ดนั้นก็ถึงกับเหงื่อท่วมตัวเพราะเป็นฝ่ายออกแรงมากกว่า แอร์ที่เปิดจนเย็นฉ่ำไปทั้งห้องไม่อาจช่วยบรรเทาความรุ่มร้อนจากการออกแรงครั้งนี้ลงได้
"อูย จะไม่ไหวแล้วเหมือนกัน หวานจ๋า" เจ้าปื๊ดร้องราวสารภาพ แต่กระเด้ายิกๆจนก้นปอดๆมองแทบไม่ทัน
"ออกข้างในได้เลยนะพี่ปื๊ด...อ้า..ร์..อ้า..ร์ " นิสิตสาวรีบร้องบอก เพราะรู้ดีว่าคู่สวาทคงอยากทำอย่างนั้นอยู่แล้ว
เจ้าปื๊ดได้รับอนุญาตก็อัดกระเด้าลืมตาย ก็ใครล่ะจะไม่อยากน้ำแตกในช่องทางสวรรค์ที่พิเศษสุดขอหญิงสาวแสนสวยคนนี้ และนิสิตสาวเองก็อยากให้น้ำของคู่สวาททะลักหลั่งเข้าสู่ส่วนลึก เพราะมันรู้สึกอบอุ่นดีกว่าที่ต้องชักออกตอนกำลังจะถึงจุดสำคัญ สำหรับเรื่องท้องนั้นหมดปัญหาเพราะแอบไปให้หมอฉีดยากันไว้แล้ว เรียกว่าเธอป้องกันตัวเองดี
เจ้าปื๊ดก้มหน้าลงประกบปากจูบสาวสวย มือก็คลึงเคล้นเต้ากระเด้าเอวรุนแรงและถี่ยิบส่งท้าย อาการของร่างสาวบ่งบอกได้ชัดว่ากำลังจะถึงสวรรค์ ทั้งจากการหายใจที่รุนแรง การเกร็งของร่างกาย ซึ่งหลังจากที่มันซอยใส่อีกไม่กี่ครั้ง นิสิตสาวก็ร้องออกมาอย่างสุดเสียงเมื่อเสียวอย่างสุด ๆ ผวากอดกอดร่างผอมที่ยังกระเด้าไม่หยุดแนบแน่น
"โอ๊ย ย ย ... ไม่ไหวแล้ว หวานออกมาแล้ว ว ว ว ว ว์...."
เสียงกรีดร้องบ่งบอกพร้อมภายในช่องสวาทบีบรัดตัวอย่างรุนแรง เป็นจังหวะรอบเจ้าท่อนเนื้อของเจ้าปื๊ดโดนเข้าอย่างนี้ มันก็หมดปัญญาที่จะอดกลั้นเอาไว้ได้ต่อไป ต้องอัดกระแทกเข้าไปจนมิดด้าม และเจ้าปื๊ดก็กัดฟันหน้าตาบิ้วเบี้ยวมันร้องออกมาอย่างสุดเสียงด้วยความเสียวเช่นกันเมื่อน้ำกามอุ่นๆถูกปล่อยออกมาเป็นจังหวะๆ
"โอย...พี่ก็ออกแล้ว หวานจ๋า อ้า ร์ ซีด ส ส ส ส ส์ โอ้ว ว ว ว ว์......"
ทุกอย่างจบลงอย่างสมบูรณ์เมื่อน้ำกามขุ่นข้นของ ทะลักหลั่งเข้าสู่ส่วนลึกของนิสิตสาวอย่างท่วมท้น
นักศึกษาสาวรู้สึกได้ถึงสายน้ำอุ่นๆ ที่ฉีดเข้าไปในโพลงระลอกแล้วระลอกเล่า
ขณะเดียวกันช่องสวาทของนักศึกษาไซส์ไลน์ก็บีบรัดตัวราวกับจะรีดน้ำของคู่สวาทออกมาให้หมด เกลี้ยงทุกหยาดหยด
ร่างของเจ้าปื๊ดยังคงเกร็งกระตุกเป็นจังหวะจากการถึงจุดอย่างรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตกับสาวแสนสวย
เมื่อหมดสิ้นการพุ่งส่งมันก็สิ้นแรงล้มตัวลงทาบทับร่างสาวอย่างหมดสภาพ โดยที่ท่อนสวาทยังคงคาอยู่ในร่างสวยระดับนางแบบนั้น ตอนนี้มันรู้ซึ้งถึงสวรรค์อีกครั้งแล้ว....
"เก่งจังเลย พี่ปื๊ดขา หวานไม่เคยสุขถึงขั้นนี้มาก่อนเลย" สาวสวยเอ่ยชมให้มันได้ใจ
เจ้าปื๊ดเองก็บอกหอบๆ "พี่ก็ไม่เคยเสียวขนาดนี้มาก่อนเลย..ฮู้ว.ว.ว.ว.ว์ มันจริงๆ"
"ใช่...มันส์มหามันส์จริงๆ..ลีลานี่สุดยอดเลย...." เสียงหนึ่งเอ่ยแทรกขึ้นมา
เจ้าปื๊ดสะดุ้ง หันไปมองก็ร้องอย่างตกใจ "เฮ้ย....พวกแกเข้ามาได้อย่างไง?"
"ว้าย..ใครอ่ะ..." นิสิตสาวเองก็ร้องด้วย เธอผลักร่างของเจ้าปื๊ดออกจากตัว ดึงชุดเข้ามาปิดของสงวน
ผู้ที่เข้ามาคือสาวแวมไพร์ชุดขาวที่ปกปิดร่างกายด้วยเสื้อผ้าไว้น้อยชิ้น เธอมาพร้อมเจ้าแวมไพร์ร่างใหญ่นั่นเอง มันทั้งสองจ้องมองทั้งคู่ด้วยรอยยิ้มหยามหยันและน่าขนลุกขนพอง ทั้งสองเพิ่งผ่านอารมณ์สุดเสียวมาหยกๆ แต่ตอนนี้ปรับอารมณ์แทบไม่ทันเมื่อต้องเจอเรื่องสยองต่อ เจ้าปื๊ดเหงื่อแตกพรั่กๆด้วยความหวาดกลัว เพราะมันรู้ตัวว่าได้ทำอะไรผิดไว้...
นิสิตสาวถามอย่างลนลาน "พี่ปื๊ด...นี่มันอะไรกัน ฝรั่งพวกนี้เป็นใครกัน"
"เอ่อ...อ...อ์...พี่รู้จักกับพวกเขาน่ะ..." เจ้าปื๊ดบอกเสียงสั่น
"แล้วทำไมพวกเขาเข้ามาอย่างนี้ พี่ไปทำอะไรมา" หญิงสาวชักกลัว เพราะพอรู้ว่าเจ้าปื๊ดนั้นประวัติไม่ดี และท่าทีของผู้มาก็น่าหวั่นเกรงคล้ายๆพวกมาเฟียข้ามชาติ แต่เธอคงจะกลัวมากกว่านี้หากรู้ว่าพวกนี้เป็นอะไร
"เอ่อ......อ ....อ....อ์...." เจ้าปื๊ดพูดไม่ออก ไม่กล้าสบตาผู้ลอบเข้ามาตอนที่มันกำลังขึ้นสวรรค์
เจ้าร่างใหญ่เอ่ยเสียงเหี้ยมๆ "ไอ้ปื๊ด...เอ็งกล้ามากๆที่คิดไม่ซื่อกับเรา"
"น่าเสียดายที่เอ็งทำดีมาตลอด แต่เห็นแก่สินจ้างรางวัลจึงกล้าหักหลังเรา" สาวชุดขาวแสนเซ็กส์ซี่เอ่ยเสริมเสียงเย็นๆ
"พะ..ผม...ผิดไปแล้ว แต่ผมยังไม่ได้บอกอะไรพวกมันนะ จริงๆผมสาบาญ.." เจ้าปื๊ดปากคอสั่นร้องบอก
เจ้าร่างใหญ่หัวเราะแล้วเอ่ยหยันๆ "เอ็งสำนึกได้ก็สายเกินไป เอ็งก็รู้ว่าองค์กรของเรา ไม่มีที่ว่างให้คนทรยศ"
"นี่มีอะไรกันหรอ?" นิสิตสาวยังถาม
สาวแวมไพร์ยิ้มให้เหี้ยมๆ "ก็คู่ขาของหล่อนนะสิ มันงานเข้า.."
"ฉันไม่รู้เรื่อง ฉันแค่มารับจ้างนอนกับเขา ฉันไปล่ะนะ.."นิสิตสาวรีบลุกขึ้นแล้วจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่และทำท่าจะออกจากห้อง
สาวชุดขาวที่แสนเย้ายวนเลื่อนกายมาขวางทางไว้ เธอว่า "จะไปไหนไม่ได้ ถึงไม่ล่วงรู้เรื่องของเราและเป็นแค่คู่นอนของเจ้าปื๊ด แต่มาอยู่ผิดที่ผิดเวลาก็ถือว่าซวยไปก็แล้วกัน"
"อะไรนะ...อะ..อั๊ก...ก...ก...ก...ก์..." นิสิตสาวพูดได้เท่านั้น ร่างของเธอก็กระตุกหงึกๆ
ดาบในมือของสาวชุดขาวแทงตรงตำแหน่งหัวใจสาวนักศึกษาพอดี นัยน์ตาของเธอเหลือกโพลง
และร่างสวยๆ ก็ค่อยๆทรุดลงนอนแน่นิ่งอยู่แทบเท้าสาวแวมไพร์ชุดขาว ผู้สังหารยิ้มมองอย่างสมใจ
เจ้าปื๊ดตาค้างอ้าปากพูดอะไรไม่ออก มันมองสาวแวมไพร์ที่ยกคมดาบขึ้นเลียเลือดที่เปื้อนอยู่
เธอค้อยๆก้าวเดินเข้ามาหาเจ้าปื๊ดพร้อมรอยยิ้มเหี้ยมๆ ขณะที่เจ้าร่างใหญ่ที่ยืนอยู่ด้านข้างระเบิดหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง
เจ้าปื๊ดทำท่าเหมือนจะร้องไห้ มันยกมือไหว้พร้อมร้องขอ "อย่า...อย่า..อย่าทำผมเลย...ผมผิดไปแล้ว...อย่า.."
"คริ...คริ..คริ..." ไม่มีคำพูดใดจากสาวแวมไพร์ นอกจากเสียงหัวเราะเย็นๆและแววตาเหี้ยมๆ เธอเดินเข้ามาหามันจนถึงตัว
อ้าก..ก.ก.ก..ก.ก....ก..ก..ก...ก.......ก์....
เสียงร้องโหยหวนนั่นไม่มีใครได้ยิน ภายนอกบ้านทุกอย่างยังคงสงบเงียบ และผู้คนแถวนั้นยังคงสัญจรผ่านไปมาตามปรกติ จะมีก็แต่ฝูงนกที่เกาะอยู่บนหลังบ้านที่พากันแตกตื่นบินหนีกันไป ราวกับพวกมันมีญาณล่วงรู้ว่าภายในบ้านหลังนี้มีการสังหารโหดอันสยดสยองเกิดขึ้น....
หลังจากนั้นอีกไม่กี่ชั่วโมงถัดมา...
ที่รอบๆรั้วบ้านหลังนั้น
แสงไฟวับวาบบนหลังคารถตำรวจเรียกความสนใจจากผู้คนในชุมชนขนาดเล็กให้ออกมามุงดู พวกเขาต่างมีสีหน้าแปลกใจและหันไปไต่ถามเมื่อเห็นเจ้าหน้าที่กำลังดึงแถบคาดพลาสติกสีเหลืองปิดล้อมบริเวณบ้านหลังหนึ่งเอาไว้ หลายคนอุทานด้วยความตกใจเมื่อเห็นเปลพยาบาลสองคันถูกเข็นออกมาโดยมีถุงพลาสติกสีเข้มขนาดใหญ่วางอยู่ด้านบน
"เกิดอะไรขึ้น" แม่บ้านร่างท้วมคนหนึ่งหันไปถามเพื่อนบ้าน
คนถูกถามทำสีหน้าสยองขณะตอบ"เจ้าปิ๊ดกับนังน้ำหวานกิ๊กของมันถูกฆ่าตายคาบ้านเลย..."
"ฉันได้ยินมาว่าพวกนั้นโดนแทงจนพรุนไปทั้งตัว" เพื่อนบ้านอีกคนเสริม
แม่บ้านร่างท้วมยกมือขึ้นอุดปากพร้อมกับส่ายหน้า "น่าสงสารยังเด็กวัยรุ่นอยู่แท้ๆ ใครกันนะที่ฆ่าสองคนนี่ได้ลงคอ"
"นั่นสิ..โหดเหี้ยมจริงๆ" เสียงซุบซิบจากกลุ่มไทยมุงต่างวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆนานา
จนกระทั่งทั้งหมดหันไปมองเจ้าหน้าที่ฉุกเฉินยกเปลขึ้นรถและขับออกจากที่นั่น ก่อนจะหันกลับไปมอง เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานซึ่งกำลังปฏิบัติงานกันอย่างละเอียดถี่ถ้วนโดยมี นายตำรวจร่างใหญ่ยืนดูอยู่ไม่ห่าง เขาก้มหน้าลงจดรายละเอียดทุกอย่างที่พบลงในสมุดบันทึกประจำตัว จนกระทั่งรถคันหนึ่งวิ่งเข้ามาจอดนายตำรวจผู้นั้นจึงหันไปมองและยกมือทำนองทักทายผู้ที่ขับรถเข้ามาจอด คนขับรถเดินออกไปคุยกับเจ้าหน้าที่คนนั้นพักใหญ่ๆก็เดินกลับมาขึ้นรถ
"คุณสแตนลีย์" นักล่าค่าหัวหนุ่มที่นั่งอยู่เบาะหลังเอ่ยถาม "เกิดอะไรขึ้น อย่าบอกนะว่าเรามารับสายของเราไม่ทัน"
"ใช่...เรามารับเขาไม่ทัน สายของเราถูกฆ่าตายแล้ว.." เสียงตอบมาเรียบๆขณะสตาร์ทรถและขับออกจากตรงนั้น
หมอผีหนุ่มที่นั่งคู่อยู่ขมวดคิ้ว เขาทวนคำ "ถูกฆ่า?"
"อื่อ.อ...อ์..ฆ่าอย่างโหดเหี้ยมมากๆ เห็นแล้วน่าสยดสยองจริงๆฝ่ายผู้ชายหลังถูกแทงแล้วยังโดนผ่าท้องจนเป็นแผลเหวอะหวะ ส่วนผู้หญิงถูกแทงตรงขั้วหัวใจพอดี..." ผู้ขับรถซึ่งลงไปสอบถามอธิบายให้ทั้งสองฟัง
นักล่าค่าหัวหนุ่มขบกราม "เรามาช้าไป แล้วข่าวที่เจ้าปื๊ดเป็นสายของเรารั่วได้อย่าไง แสดงว่าต้องมีใครสักคนในองค์กรคอยให้เบาะแสกับพวกมันแน่ๆ"
"ธรรมดา เมื่อเราแทรกซึมเข้าองค์กรมันได้ มันก็ส่งคนแทรกซึมเข้ามาองค์ของเราได้" เจ้าหน้าที่คนขับรถพูดปลงๆ
"อื่อ..อ..อ..เรียกว่าตาต่อตา ฟันต่อฟันเลยนะนี่..." นักล่าหนุ่มบ่นขึ้นมา
"สายของคุณคนนี้เป็นคนไทยใช่ไหม?" หมอผีหนุ่มถามขึ้นมา
นักล่าหนุ่มมองหน้าแล้วถามกลับ "ฝรั่งที่ไหนชื่อปี๊ด ละครับท่านหมอผี?"
"ถ้าอย่างนั้นคืนนี้ผมจะลองสอบถามวิญญาณของเขาดู" หมอผีหนุ่มบอกแนวทางติดต่อใหม่
หนุ่มนักล่าขมวดคิ้ว "ทำได้ด้วยหรอ?"
"ได้สิ สบายมากๆเลย" หมอผีหนุ่มบอกยิ้มๆ ทำเอาผู้นั่งร่วมรถมองแบบฉงน
แต่ขณะนั้น เสียงเรียกวิทยุในรถก็ดังขึ้น
คนขับรถยกขึ้นรับ แล้วอุทาน "อะไรนะ...มนุษย์หมาป่าออกอาละวาดกลางวันแสกๆ"
"...???....." หมอผีหนุ่มและนักล่าฆ่าหัวหูผึ่งเมื่อได้ฟังถ้อยความสนทนา
"แถวที่ผมกำลังขับรถอยู่หรือ ... ใช่ ครับ... นั่งอยู่กับผมทั้งคู่เลย ... ครับ ... ครับ ... "
รถยนต์สีดำวิ่งไปบนถนนด้วยความเร็วค่อนข้างสูง
ภายในรถนักล่าค่าหัวหนุ่มนั่งมองเสาไฟที่กำลังเคลื่อนผ่านไปด้วยสีหน้ากังวลก่อนจะหันไปมองคนขับรถที่วางวิทยุสื่อสารลงและชะลอความเร็วของรถพร้อมกับหมุนพวงมาลัยเพื่อเลี้ยวเข้าไปในถนนขนาดเล็กซึ่งนำไปสู่หมู่บ้านแถบชานเมือง ทางค่อนข้างวิบากด้วยหลุมบ่อตลอดสาย แต่ด้วยระบบรถที่ดีจึงช่วยให้เร่งความเร็วไปตามต้องการได้และไม่สะเทือนมากนัก
"เท่าที่ผมฟังมา มนุษย์หมาป่าจะกลายร่างตอนคืนพระจันทร์เต็มดวงเท่านั้นนี่ แล้วทำไมถึงออกอาละวาดได้กลางวันแสกๆอย่างนี้ล่ะ" หมอผีหนุ่มถามผู้ร่วมทางอย่างประหลาดใจ
"สำหรับพวก ดาร์ค แฮนด์ วิทยาการของมันสร้างอสุรกายได้ทุกรูปแบบแหล่ะ" หนุ่มนักล่าบอก
"ตอนนี้มนุษย์หมาป่านั่นอยู่ที่ไหนครับ"หมอผีหนุ่มเอ่ยถาม
"สายรายงานมาว่าเห็นมันกำลังกระโดดเข้าไปในโรงเรียนเด็กเล็กก่อนจะคลาดสายตาไป" คนขับรถตอบขณะสีหน้าดูกังวล
"คลาดสายตา หมายความว่าเราไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหนในตอนนี้" หนุ่มนักล่าอุทานเสียงดัง
เมื่อขับไปได้อีกระยะ ก็มีรถยนต์สีดำอีกคันจอดรออยู่ คนขับลดความเร็วของรถและจอดริมทางข้างรถอีกคัน
เจ้าหน้าที่สายตรวจของหน่วยในชุดสูทสีดำรีบก้าวออกมาพร้อมกับเอ่ยทัก เมื่อนักล่าหนุ่มและหมอผีสินก้าวลงมายืนข้างรถ
"สวัสดี....คุณแจ็กค์ แดร์โรว์"
"ฮื่อ.อ.อ... หวัดดี ว่าแต่มนุษย์หมาป่าที่ว่าหายไปทางไหน" ชายหนุ่มนักล่าถามทันที
อีกฝ่ายหันหน้าไปทางชุมชนขนาดเล็กซึ่งอยู่ห่างไปจากจุดที่พวกเขายืนไม่มากนัก
"มัน หายเข้าไปในโรงเรียนเด็กเล็กที่ตั้งอยู่ตรงนั้นครับ เราใช้กล้องตรวจจับความร้อนส่องดูแล้วพบว่ามันยังคงอยู่ที่นั่น และดูเหมือนว่าจะทำร้ายคนไปแล้วด้วย"
"เด็กหรือ" หมอผีหนุ่มถามอย่างร้อนรน
สายตรวจของหน่วยส่ายหน้า "เป็นผู้ใหญ่ครับ ผมคิดว่าน่าจะเป็นยามรักษาความปลอดภัยประจำโรงเรียน"
"ป่าน นี้แล้วพวกเราคงช่วยเขาไม่ทัน หรือนายว่ายังไง" นักล่าค่าหัวพูดและหันหน้าไปหาเพื่อนร่วมทีม
หมอผีหนุ่มสูดลมหายใจเข้าจนเต็มปอดและนิ่วหน้า "กลิ่นเลือดแรงมาก คนที่อยู่ในนั้นคงถูกจัดการไปแล้ว"
"นอกจากยามแล้วยังมีคนอื่นอีกไหม" นักล่าหนุ่มถามต่อ
สายตรวจสั่นศีรษะ "เราตรวจไม่พบใครอีกเลยครับ"
"ถ้าอย่างนั้นผมจะเข้าไปจัดการกับมันเดี๋ยวนี้"
นักล่าหนุ่มพูดและวิ่งออกไปในทันทีโดยไม่สนใจฟังเสียงของสายตรวจและเจ้าหน้าที่ ซึ่งร้องเรียกเขาไว้ไม่ให้วู่วาม
"แจ็กค์!" ทั้งสองขมวดคิ้วหน้ายุ่งๆพร้อมกับบ่น"ให้ตายเถอะไม่ฟังอะไรกันบ้างเลย"
"ผมจะรีบตามไปช่วยเขาเอง..." หมอผีหนุ่มบอก
แต่สายตรวจของหน่วยซึ่งยังคงมองกล้องตรวจจับความร้อนอยู่ตลอดเวลารีบพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตระหนก
"ดูเหมือนเป้าหมายของเรากำลังจะเคลื่อนที่แล้วครับ"
"ไปทางไหน?" หมอผีหนุ่มเอ่ยถาม
เจ้าหน้าที่สายตรวจมองเงาสีแดงซึ่งกำลังเคลื่อนที่ออกจากบริเวณโรงเรียนอย่างรวดเร็ว
"มันกำลังเข้าไปในเขตชุมชน " เขาเงยหน้าจากกล้องแล้วหันไปบอกหมอผีหนุ่ม
อีกฝ่ายจึงสูดลมหายใจลึกๆ "ผมจะไปจัดการมันเอง..."
หมอผีหนุ่มเดินไปเปิดประตูรถ เขาหยิบย่ามและดาบคู่ใจออกมาแล้วพุ่งปราดออกไปอย่างรวดเร็ว
เจ้าหน้าที่ขับรถมองตามไป แล้วจึงดึงโทรศัพท์ขึ้นมาและกรอกคำพูดลงไปทันที เมื่อได้ยินเสียงตอบรับ
"ขอกำลังเสริมและหน่วยกวาดล้างมาที่เขต ๔ ddr ด่วน มีผู้เสียชีวิตจากการถูกมนุษย์หมาป่าทำร้ายที่นี่..."
รายงานขอกำลังเสริมเสร็จ เขาก็เดินมายืนคู่กับเจ้าหน้าที่สายตรวจ และมองไปยังชุมชนข้างหน้าด้วยแววตากังวล
ไกลออกไปเห็นร่างของหมอผีหนุ่มกำลังวิ่งและกระโดดผลุบข้ามกำแพงหายเข้าไปในชุมชน
มีคำถามครับ ราคาโหลดเรื่องละเท่าไหร่ครับ เก็บตังค์ซื้ออ่านละ ไม่ทน มันค้างคาเหลือเกิน มีโปรโมชั่นเสริมให้เด็กตาดำๆปะครับ 55555
ไม่ห่วยหรอกครับ แต่งได้ดีมาก อ่านสนุกและน่าติดตาม แถมมีฉากเสียวเป็นระยะ ทำให้ยิ่งอ่านก็ยิ่งสนุกและเสียวเกร็งไปหมดครับ
ขอบคุณครับ
ปล.ผมรอติดตามอ่านตอนต่อไป และอย่าท้อ สู้ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ครับ เป็นกำลังใจให้ครับ ::Glad::
ขอยกมืออีกหนึ่งคนสำหรับผู้ที่อยากอ่านเรื่องราวของคุณนีโอครับผม ก็เรื่องมันสนุกใครๆก็อยากอ่านครับผม เป็นกำลังใจให้อีกหนึ่งครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับพี่นีโอที่สละเวลามาลงให้พวกเราอ่านกันแล้วจะซื้อe book อ่านต่อนะครับ อยากอ่านภาคสาปสมิงมากเสียดายเนื้อหาหายถ้าพี่ลงใหม่ได้ขอภาคนี้ภาคเดียวจะเป็นพระคุณอย่างสูง และจะติดตามเรื่องใหม่ต่อไปครับ
เนื้อเรื่องสนุกมากเลยครับ มีท่านเซอร์และความพอเพียงด้วย ถึงไม่เสียว อ่านแล้วก็สุขสม ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากๆครับท่านนีโอ ต้องขอบอกก่อนว่าผมอดใจรออ่านผลงานของท่านไม่ไหวเลยเข้าไปจัดผลงานของท่านเรื่องนี้ในmebเรียบร้อยแล้วครับต้องขอบอกว่าสุดยอดมากครับแนะนำนักอ่านทุกท่านเลยครับถ้าอดใจรอไม่ไหวช่วยสนับสนุนผลงานของท่านนีโอในmebเลยครับมีให้เสพผลงานหลายเรื่องเลยครับ
กลุ่มแวมไพร์กำลังจะเจอการปฏิวัติโดยตัวโกง กลุ่มนักล่าก็กำลังรวมทีมกันได้อย่างแข็งแกร่ง มีหวานเล็กน้อยระหว่าพระเอกกันสาวสวยลูกครึ่งแวมไพร์ น่าติดตามว่าจะมีการต่อสู้ระหว่างธรรมกับอธรรมอย่างสนุกอย่างไรบ้าง ขอบคุณท่านผู้แต่งมากครับ
แหม่ เจอทั้งอสูรเขี้ยวช่องคลอดแล้วยังมาเจอตำรวจนอกแถวอีก จะหาทางรวดยังไงละทีนี้ พ่อหมอ
แม้จะเป็นสำนวนแบบเก่าแต่ก็ยังสนุกน่าติดตามเหมือนเดิมครับ ฝีมือดีจริงๆครับ
มีนักเขียนไม่กี่คน ที่อ่านแล้ว ทำให้รู้สึกว่าเหมือนดูหนัง คุณนีโอคือหนึ่งในนั้น ขอบคุณ