🧡 XONLY 🧡

FICTION ZONE => เรื่องเล่าประสบกามเสียว => ผู้ประพันธ์บอร์ด => หัวข้อที่ตั้งโดย: twintower เมื่อ เมษายน 08, 2017, 03:53:36 หลังเที่ยง

ชื่อ: หัวใจรักที่ปิดตาย (2)
โดย: twintower เมื่อ เมษายน 08, 2017, 03:53:36 หลังเที่ยง
****  ตอนที่ 2 นี้ ไม่มีบทเสียวนะครับ  เพราะเนื้อหาค่อนข้างยาว****

ทันทีที่ยูเดินพ้นประตูเครื่อง ทุกอย่างเหมือนที่เยอรมันเพราะมีเจ้าหน้าที่สนามบิน 3 คนมายืนรอตรงประตูและเดินพายูเดินออกจากงวงช้างไปทันที   พร้อมพาขึ้นไปนั่งรถกอล์ฟแล้วพาชายหนุ่มไปอีกด้านของอาคารสนามบินจนไปถึงบริเวณทางออกไปลานจอดเครื่องบิน ยูลงจากรถก่อนที่เจ้าหน้าทีจะรีบพาชายหนุ่มไปตรงประตูทางออกไปยังลานจอดเครื่องบินซึ่งชายหนุ่มเห็นหญิงสาวที่สวมเสื้อโค้ทคนหนึ่งยืนรออยู่ในมือของเธอมีเสื้อแจ๊กเก็ตกันหนาวอยู่ในมือพร้อมผู้ชายวัยกลางคนที่ใส่โค้ทสีดำสวม พร้อมมีหูฟังสวมอยู่ยืนเอามือประสานกันไม่ห่างจากหญิงสาวมากนัก  พร้อมมีเจ้าหน้าที่ ตรวจคนเข้าเมืองของสเปนยืนรออยู่ด้วย เธอส่งยิ้มให้ยูทันทีก่อนจะโผเข้ากอดกัน แล้วเธอส่งเสื้อกันหนาวให้พร้อมกับชายหนุ่มยื่นมือมารับแต่ก่อนที่จะสวม ยูยื่นมือไปจับกับผู้ชายที่ยืนอยู่ไม่ห่างนัก  ยูทักออกมาด้วยภาษาสเปนที่พูดได้อย่างคล่องแคล่วว่า

"คาร์รอสสบายดีนะ"

"ครับจูเนียร์ "

คำตอบรับสั้นๆก่อนที่จะเดินไปช่วยยูสวมเสื้อแจ็กเก็ต   ยูหันมากล่าวขอบคุณ  เจ้าหน้าที่สนามบินที่มาส่งและเอื้อมมือไปในเป้ส่งพาสปอร์ตและวีซ่าให้เจ้าหน้าที่ตรวจคนเเข้าเมือง  ซึ่งเจ้าหน้าที่ประทับตราให้ก่อนที่จะยื่นคืนให้ยูด้วยรอยยิ้มและการโค้งอย่างงดงามพร้อมกล่าวคำต้อนรับ ยูยิ้มรับแล้วหันมาบอกหญิงสาวว่า

"ไปกันเถอะโซเฟียร์"

คาร์รอสยกข้อมือข้างซ้ายขึ้นมาที่ปากพร้อมกดคีย์พูดใส่ไมค์ว่า

"จูเนียร์กำลังจะไปที่เครื่องบิน"

ก่อนจะเดินนำ ยูและผู้หญิงชาวสเปนไปที่รถตู้ที่จอดรออยู่  ซึ่งทางคนขับได้มาเปิดประตูอยู่ก่อนแล้ว  ยูก้าวขึ้นไปนั่งตามด้วยหญิงสาวที่ชื่อโซเฟียร์  ส่วนผู้ชายที่ชื่อคาร์รอสนั้นขึ้นไปนั่งด้านหน้าข้างคนขับหลังจากที่ปิดประตูให้เรียบร้อย  ทันทีที่รถวิ่งไปที่ลานจอดเครื่องบิน  ยูถามหญิงสาวว่า

"ขอบคุณมากที่เตรียมเสื้อมาให้ไม่งั้นผมแย่แน่"

"ท่านสั่งมาคะจูเนียร์  เห็นบอกว่าคุณแม่จูเนียร์โทรมาบอกว่าจูเนียร์ไม่เอาเสื้อกันหนาวมาด้วย"

ยูพยักหน้ารับทราบพร้อมนึกว่ามารดาคงไม่โทรมาบอกอย่างเดียวคงมีคำบ่นตามอย่างมายาวเหยียดแน่นอนเหมือนตัวเองโดนมาก่อนที่จะขึ้นเครื่องมาถึงสเปนก่อนจะถามต่อไปว่า

"แล้วแด้ดละ"

"รอจูเนียร์อยู่ที่บ้านแล้วคะ"

แต่ก่อนที่ยูจะถามอะไรต่อรถได้มาจอดเทียบข้างเครื่องบินโดยสารส่วนตัวที่จอดติดเครื่องรออยู่  คาร์รอสรีบลงมาเปิดประตูให้ แล้วเดินนำยูกับโซเฟียร์ไปที่เครื่องบิน พร้อมยืนรอตรงบันไดทางขึ้นก่อนที่ยูจะขึ้นเครื่อง ยูมองไปที่ห้องนักบินแล้วโบกมือทักทายกัปตันเครื่องบินที่มองมาอยู่แล้วซึ่งอีกฝ่ายโบกมือรับการทักทายของยู  ยูก้าวขึ้นไปบนเครื่องแล้วนั่งบนเก้าอี้โซเฟียร์นั่งเก้าอี้ตรงข้ามโดยมีโต๊ะคั่นกลาง   ส่วนคาร์รอสก้าวขึ้นมาคนสุดท้าย พร้อมเป็นคนปิดประตูเครื่อง ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นเพื่อแจ้งกับนักบิน  และเดินไปนั่งเก้าอี้อีกตัวหนึ่งด้านหลังของยู  เครื่องบินเริ่มเคลื่อนตัวทันทีก่อนจะทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าในเวลาอันรวดเร็ว หลังจากที่เครื่อง ตั้งระดับ  โซเฟียร์ส่งไอแพ่ดในมือให้ยู  ชายหนุ่มเลิกคิ้วเหมือนจะถามพร้อมรับมา  โซเฟียร์บอกทันทีว่า

"ท่านบอกให้จูเนียร์ดูคะ  แล้วถ้าเห็นถูกต้องก็อนุมัติได้เลย"

"กี่รายการ"

"6 คะ"

ชายหนุ่มเม้มปากแล้วเอาไอแพ่ดที่หญิงสาวส่งมาให้ มาเปิด แล้วดูรายการที่ตนเองต้องอนุมัติซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายของบริษัทในเครือเมนเตซกรุ๊ปที่พ่อทูนหัวมอบอำนาจให้ตนเองอนุมัติ  ยูนั่งอ่านรายละเอียด แล้วทำการอนุมัติผ่านระบบจนถึงบริษัทสุดท้าย  ยูนั่งอ่านแล้วไปสะดุดชื่อบางชื่อก่อนจะเอาไอแพ่ดของตนเองมาเปิดดูเมลที่หัวหน้างานส่งมาให้ดู  ก่อนที่เงยหน้าบอกโซเฟียร์ว่า

"สินค้าที่ส่งทางเรือล็อตนี้  เร่งด่วนหรือเปล่า"

โซเฟียร์เอาไอแพ่ดของตัวเองขึ้นมาดูแล้วบอกว่า

"ไม่เท่าไหร่คะ เรายังมีสต็อกอยู่เยอะ แต่เงินที่ต้องจ่ายเกือบ 60 ล้านยูโร ถ้าจ่ายล่าช้าอาจทำให้ปัญหาในการส่งสินค้างวดหน้าคะ"

"งั้นโซเฟียร์ ติดต่อศุลกากร บอกให้ตรวจเข้มหน่อยๆ  ขอเวลาสัก 2-3 วันให้เลยวันพุธไปก่อน"

"แต่จูเนียร์คะ"

"ทำตามที่ผมบอก  ผมยังไม่อนุมัติถ้าทางตัวแทนส่งสินค้าถามมาก็บอกว่าทางเรารอให้ศุลกากรตรวจก่อน"

ชายหนุ่มพูดจบแล้วหันไปเรียก รองหัวหน้าทีมรักษาความปลอดภัยของพ่อทูนหัวตัวเอง

"คาร์รอส รบกวนช่วยเช็คประวัติคนให้ผมทีครับ"

บอดี้การ์ดรีบปลดเข็มขัดแล้วเดินมานั่งโซฟาร์ตัวยาวที่อยู่ข้างๆเก้าอี้ที่ยูนั่ง เพื่อมารับคำสั่งจากยู ยูส่งไอแพ่ดให้ดูพร้อมชี้ไปที่รายชื่อหนึ่ง คาร์รอสเอาโทรศัพท์ตนเองขึ้นมาบันทึกก่อนพยักหน้ารับคำสั่งพร้อมบอกว่า

"ไม่น่าจะเกินเย็นนี้ครับจูเนียร์"

ยูพยักหน้าก่อนบอกขอบคุณ คาร์รอสเดินกลับไปนั่งที่ตนเอง ส่วนยูมองไปที่ลูกสาวอดีตเลขาส่วนตัวพ่อทูนหัวตนเองว่า

"โซเฟียร์อีกเรื่อง  ผมต้องเลื่อนกลับไทยไปเป็นวันพุธตอนค่ำ  ให้แจ้งเปลี่ยนวันกับทางพวกที่เกี่ยวข้องกับเครื่องบินลำนี้ด้วย"

"ได้คะ"

เธอตอบก่อนจะไปบันทึกในไอแพ่ดแล้วเงยหน้าเหมือนจะรับคำสั่งต่อ

"วันจันทร์ถึงวันพุธ  ผมมีประชุมกับสถานทูตไทยที่มาดริด ทุกวัน เตรียมเครื่องให้ด้วยนะครับ  ผมไม่พักที่มาดริดจะพักที่บ้าน  มันมีเรื่องเจรจาการค้าพอดี  หัวหน้าเลยใช้ให้ผมมาร่วมประชุมด้วยแบบเร่งด่วนนะ  พึ่งส่งรายละเอียดมาให้  แถมเพิ่มชื่อผมเข้าไปในคณะเจรจาเรียบร้อย ส่วนวันพุธ  เสร็จจากแมดริดผมจะกลับมาหาแด้ดกับมัมก่อนแล้วถึงกลับไทย"

"คะ  ทุกอย่างจะเรียบร้อยไม่เกินพรุ่งนี้ จูเนียร์จะดื่มอะไรหรือเปล่าคะ"

"ผมขอโคล่าแล้วกัน"

เธอลุกขึ้นเดินไปทางส่วนท้ายเครื่องที่มีตู้เย็นอยู่พร้อม  เธอหยิบกระป๋องน้ำอัดลมมาให้ชายหนุ่ม ส่วนเธอเป็นน้ำผลไม้ เธอจัดการเปิดให้เรียบร้อยก่อนส่งให้ชายหนุ่ม พร้อมนั่งลง ยูรับมาจิบก่อนบอกว่า

"เย็นนี้มีอะไรบ้าง"

"จูเนียร์กับท่าน ต้องมาขึ้นเครื่องตอน 4โมงกลับไปมาดริดคะ  ส่วนรายละเอียดท่านจะบอกจูเนียร์เองคะ"

ยูยิ้มออกมาก่อนมองไปรอบๆเครื่องบิน มันเป็นเครื่องบินเจ็ต 2 เครื่องยนต์ มีเก้าอี้ 6 เก้าอี้ และโซฟาร์ตัวยาวอีก 1ตัว ที่พ่อทูนหัวตนเองซื้อมาเพื่อใช้เดินทางในการเดินทางไปทำธุรกิจหรือท่องเที่ยวซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อมสรรพรวมถึงระบบไวไฟที่พึ่งติดตั้งไม่นานนี้  ซึ่งหมายถึงตนเองได้รับผลพลอยได้ตลอดเวลาเดินทางมาที่สเปน ก่อนจะมาหยุดที่หญิงสาวที่นั่งตรงข้ามแล้วยูบอกว่า

"ตัวเล็กเป็นยังไงบ้าง"

"กำลังเริ่มหัดเดินคะ วันนี้อยู่กับพ่อ"

"รบกวนโซเฟียร์ตลอด ทั้งๆที่วันหยุด"

"ไม่เป็นไรคะ  เพราะเป็นหน้าที่อยู่แล้ว อีกอย่างชั้นเต็มใจคะ"

ยูส่งยิ้มให้หญิงสาวอีกครั้งแทนคำขอบคุณ  โซเฟียร์นั้นเป็นลูกสาวของอดีตเลขานุการส่วนตัวของพ่อและแม่ทูนหัวตนเอง ทั้งคู่นั้นวัยไล่เลี่ยกัน  จนทำให้เป็นเพื่อนกันมาจนถึงทุกวันนี้ ปัจจุบันโซฟียร์แต่งงานแล้วพร้อมมีลูกสาวที่น่ารัก 1 คน ส่วนในเรื่องของงานโซเฟียร์รับตำแหน่ง หัวหน้าฝ่ายประชาสัมพันธ์ให้กับกลุ่มบริษัทของพ่อทูนหัวตนเอง  พร้อมทั้งทำหน้าที่เลขานุการในการตรวจงานก่อนที่จะส่งให้ยูอนุมัติทุกครั้งแล้วเธอพูดขึ้นต่อมาว่า

"ท่านให้เตรียม ช่อดอกไม้ไว้แล้วนะคะ  ส่วนเรื่องงานเลี้ยงคืนนี้นั้นเสียใจจริงๆคะ ถามแล้ว ท่านบอกว่าจะแจ้งจูเนียร์เองคะ  แล้วเวลายังพอมี จูเนียร์จะนอนก่อนก็ได้นะคะ"

ยูเอามือทั้งสองข้างมาปิดหน้า ซึ่งหญิงสาวเห็นแหวนที่สวมที่นิ้วนางทั้งสองข้าง  พอเธอเห็นแหวนที่สวมที่นิ้วนางด้านขวาของยูทำให้นึกถึงตอนที่ยูได้รับนั้นมันสร้างปัญหาให้กับญาติทางฝ่ายพ่อทูนหัวของยูมาก  แต่ทุกคนต้องเงียบเมื่อ โรแบร์โต้ผู้เป็นพ่อทูนหัวของยู ยืนยันว่ายูนั้นมีสิทธิทุกอย่างที่จะสืบทอดอำนาจในตระกูล "เมนเตซ" จึงมีสิทธิที่จะได้ครอบครองแหวนประจำตระกูลนี้ พร้อมการสนับสนุนจากผู้เป็นแม่ทูนหัว  ทำเอาบรรดาญาติทั้งหลายนั้นเงียบกันไปทันทีเพราะอำนาจและบารมีของพ่อทูนหัวยู ทำให้ทุกคนไม่กล้าที่จะคัดค้านต่อไป แล้วชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามเธอบอกมาหลังจากเอามือลูบหน้าว่า

"ไม่ละ หลับไม่ลง ประสาทมันค้างไหนจะเจองานด่วนของไทย ไหนจะงานของแด้ดที่ให้มา ไว้หลับตอนกลับจากสุสานก็ได้2-3 ชั่วโมงน่าจะพอไหว"

เธอไม่ตอบอะไรเพราะรู้ดีว่า ยูนั้นมีความกดดันขนาดไหนเวลาที่มาที่บ้านหลังนี้  ยิ่งเจองานที่ผู้เป็นพ่อทูนหัวมอบหมายให้ทำ และอีกอย่างเธอรู้ดีว่าในรอบ 3 ปี ที่ผ่านมา ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามเธอนั้นผ่านอะไรที่หนักหนามาขนาดไหน  ยังไม่รวมถึงอนาคตกับภาระที่ต้องรับมาเต็มบ่า เธอนั้นรู้สึกเห็นใจเพื่อนเธอและเจ้านายของเธอคนนี้มาก  แต่ทำยังไงได้เพราะยูนั้นอยู่ในสภาพที่จำใจที่ต้องรับภาระที่จะเกิดขึ้นในอนาคต  เธอปล่อยให้ชายหนุ่มนั่งทบทวนงานในไอแพ่ดโดยไม่ชวนคุยอะไร จนเครื่องลดระดับลงที่สนามบิน หลังจากที่เครื่องได้แท็กซี่มาที่ลานจอด คาร์รอสเป็นคนเปิดประตูพร้อมก้าวลงมาก่อน แล้วหันไปมองรอบๆโดยยูก้าวตามลงมา โดยโซเฟียร์ปิดท้าย  คาร์รอสพาทั้งคู่ไปที่เฮลิคอปเตอร์ที่บรรทุกผู้โดยสารได้ 6 คน ซึ่งจอดไม่ไกลนักก่อนเปิดประตูให้จูเนียร์ โดยยูก้าวขึ้นไปก่อน โซเฟียร์ขึ้นไปนั่งด้านข้างและคาร์รอสนั่งฝั่งตรงข้ามทั้งหมดเอาหูฟังขึ้นมาสวมพร้อมรัดเข็มขัด ก่อนที่คาร์รอสจะหันไปส่งสัญญาณให้นักบิน ซึ่งใช้เวลาไม่นานนัก เฮลิคอปเตอร์ได้ยกตัวขึ้นแล้วมุ่งหน้าไปที่บ้านโดยคาร์รอสบอกกับเจ้านายน้อยของบ้านว่า

"วันนี้รถติดมากนะครับจูเนียร์ มาทางนี้จะเร็วกว่าครับและอีกอย่าง  บอสอยากเจอจูเนียร์เร็วๆครับ"

ยูพยักหน้ารับรู้ก่อนมองไปยังเบื้องล่างภาพของเมืองที่ตนเองคุ้นเคยตั้งแต่วัยเยาว์  ทุกซอกทุกมุมของเมืองนี้ ถนนทุกเส้นยูนั้นสามารถเดินทางได้อย่างชำนาญและคุ้นเคย   เฮลิคอปเตอร์ใช้เวลาไม่นานนักคฤหาสน์ ที่ตั้งอยู่บนเชิงเขาปรากฏอยู่ต่อหน้า  ยูลอบถอนหายใจเบาๆ ก่อนนึกว่า บางครั้งบ้านหลังนี้ก็เหมือนคุกที่ตนเองถูกคุมเข้ม  แต่ส่วนใหญ่มันคือสวรรค์ที่สามารถบันดาลทุกอย่างที่ตัวเองต้องการได้  และที่สำคัญที่แห่งนี้คือที่พักใจของยูมาตลอดไม่ว่าจะมีปัญหาหรือเกิดอะไรขึ้นบ้านหลังนี้คือที่พักใจรักษาใจรวมถึงให้ความคุ้มครองป้องกันยูมาตลอดตั้งแต่เล็กจนถึงตอนนี้   ยูยิ้มออกมาให้ทันทีที่เห็นคน 3คน ยืนรออยู่เบื้องล่าง   โดยที่บอดี้การ์ดที่นั่งตรงข้ามมองมาพร้อมกับรอยยิ้มที่เห็นได้ยากนัก  เมื่อเห็นเจ้านายน้อยที่กำลังยิ้มแสดงความดีใจให้เห็น  เมื่อเฮลิคอปเตอร์ลงจอดสนิท ทุกคนต่างปลดเข็มขัดและเอาหูฟังไปแขวน คาร์รอสเป็นคนเปิดประตูละก้าวลงมาก่อน พร้อมวิ่งก้มนำยูกับโซเฟียร์ที่ทำตามออกมาให้ห่างเฮลิคอปเตอร์  จนไปถึงร่างผู้ที่มายืนรอรับ 3 คน  ผู้ชายสูงอายุที่ผมสีเงินทั้งศีรษะยิ้มออกมาแล้วเดินมาหายูก่อนที่ทั้งคู่จะสวมกอดกันแน่น โรแบร์โต้ ดันยูออกมาเพื่อดูให้เต็มตาก่อนสวมกอดอีกครั้ง กับชายหนุ่มที่ตนเองรักเหมือนลูกชาย

"เหนื่อยไหมลูก"

เป็นคำถามที่ออกมาจากปากที่เป็นภาษาไทยอย่างชัดเจนจากผู้สูงวัย

"ไม่เท่าไหร่ครับแด้ด"

ยูตอบผู้เป็นพ่อทูนหัวด้วยภาษาไทยเช่นกันเพราะรู้ว่า แด้ดนั้นชอบคุยกับตนเองเป็นภาษาไทยตั้งแต่ยูเล็กๆ หัดพูดก่อนที่ยูจะเดินไปหาชายหญิงที่สูงวัยที่ยืนยิ้มพร้อมใบหน้าที่แสดงความดีใจอย่างยิ่ง ทั้งสองนี้คือพ่อบ้านและแม่บ้านชาวฝรั่งเศสที่ดูแลคฤหาสน์หลังนี้และเป็นสามีภรรยากัน ทั้งคู่เป็นคนดูแลและอบรมยูมาตั้งแต่เล็กๆ ยูเข้าไปสวมกอดทั้งคู่ ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะบอกว่า 

"ไปยู  ไปอายน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน แล้วไปเยี่ยมมัมด้วยกัน  แล้วลูกค่อยกลับมาพัก หรือยูจะพักก่อนแล้วค่อยไปพรุ่งนี้ถ้าหิวก็กินอะไรก่อนแล้วค่อยไปก็ได้นะ"

"อย่าเลยครับ  ยูอยากไปหามัม"

ทั้งหมดเดินเข้าไปในบ้านโดยผู้เป็นพ่อโอบกอดลูกชายตลอดพร้อมบอกว่า อย่าพึ่งเดินไปด้านข้างบ้าน เพราะไม่อย่างนั้นสุนัขที่เลี้ยงไว้เกือบ 20 ตัว จะเห่าต้อนรับกันเมื่อเห็นยูมา ยูยิ้มรับเพราะรู้ดีว่าความโกลาหลจะเกิดขึ้นเมื่อตนเองไปปรากฏตรงคอกเลี้ยงสุนัขของบ้าน หรือไม่ก็คอกม้าที่อยู่อีกมุมหนึ่ง   เสียงเฮลิคอปเตอร์ยกตัวขึ้นก่อนที่จะค่อยจางหายไป ทั้งหมดต่างเข้าไปในบ้าน โซเฟียร์นั้นรีบแยกตัวไปที่ห้องทำงานที่มีไว้ตั้งแต่สมัยผู้เป็นแม่ยังทำงานอยู่เพื่อประสานงานตามที่ จูเนียร์มอบหมายส่วนบอดี้การ์ดได้แยกตัวไปอีกทาง และพ่อทูนหัวของยูกับสองสามีภรรยาที่เป็นพ่อบ้านกับแม่บ้านได้เดินมาส่งยูที่บันได 

ยูนั้นเดินขึ้นไปที่ชั้นบนอย่างชำนาญ ก่อนเดินไปที่ห้องนอนของตัวเองบนชั้น 3ของคฤหาสน์หลังนี้  ทันทีที่เปิดเข้าไป ความรู้สึกอันอบอุ่นถาโถมเข้ามา มันเป็นห้องของยูตั้งแต่วัยเยาว์  เป็นห้องที่ใหญ่ที่สุดและมองเห็นวิวดีที่สุดในบ้านหลังนี้  ยูเดินไปที่ประตูตรงระเบียงแล้วเปิดก่อนเดินออกไปก่อนมองออกไปภายนอกที่มองเห็นเมืองเกือบทั้งเมืองจนถึงทะเล  ชายหนุ่มไม่สนใจกับอากาศที่ค่อนข้างหนาวเย็นพร้อมสูดลมหายใจ ก่อนมองไปรอบๆอาณาเขตอันกว้างขวางของบ้าน  ที่มีสนามหญ้าอันสวยงาม พร้อมลานจอดเฮลิคอปเตอร์ และอีกด้านหนึ่งคือสนามสำหรับขี่ม้า  ยูเดินกลับเข้ามาในห้องแล้วปิดประตูพร้อมหันมามองรอบๆห้องที่ทุกอย่างไม่ว่าจะเป็นของที่ใช้ตกแต่งหรือกรอบรูปอยู่ในสภาพที่ได้รับการดูแลรักษาอย่างดีตลอดแม้เจ้าของห้องจะไม่อยู่   สายตามาสิ้นสุดบนโต๊ะทำงานที่มีเหยือกน้ำแอ็ปเปิ้ลคั้นสด ๆวางอยู่ใกล้ๆเครื่องคอมพิวเตอร์   ยูรู้ว่าใครเป็นเตรียมเครื่องดื่มอันโปรดปรานไว้ให้ถ้าไม่ใช่มิเชลผู้เป็นแม่บ้าน ก่อนเดินไปหยิบเหยือกเทน้ำแอปเปิ้ลคั้นจนเกือบเต็มแก้วแล้วยกขึ้นดื่ม

แล้วถึงไปยังห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกายที่อ่อนล้าจากการเดินทางอันยาวนาน  หลังจากที่อาบน้ำเสร็จ  ยูเดินมาที่ตู้เสื้อผ้า พอเปิดออกเสื้อเชิ๊ตที่แขวนจัดเรียงไล่ตามเฉดสีไว้ปรากฏให้เห็นอยู่ต่อหน้า  ยูยิ้มออกมาพร้อมนึกไปถึงแม่ทูนหัวที่เป็นคนเจ้าระเบียบทุกอย่างต้องออกมาดูดีจนยูได้รับการฝึกจนเป็นนิสัยและความเคยชินถึงทุกวันนี้  ยูหยิบเสื้อยืดคอกลมสีขาวและเสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาวออกมา พร้อมกางเกงสแล็คสีดำ  ก่อนเหลือบไปเห็นชุดทักสิโด้ที่ต้องแต่งในงานเลี้ยงคืนนี้ ที่ถูกจัดเตรียมไว้เรียบแล้ว ชายหนุ่มจัดการแต่งตัวก่อนจะเปิดลิ้นชักในตู้เสื้อผ้า ดูนาฬิกาเรือนหรูนับสิบเรือนที่วางเรียงอย่างเป็นระเบียบอยู่ในกล่อง  แล้วตัดสินใจหยิบเรือนที่แม่ทูนหัวซื้อให้มาสวมที่ข้อมือ  นาฬิกาเรือนนี้ยูไม่นำกลับไปใช้ที่เมืองไทย  เพราะมันดูหรูเกินกว่าข้าราชการระดับล่างอย่างยูจะสวมใส่  ยูไม่อยากให้เกิดปัญหาเหมือนเรื่องรถตอนที่ยูเข้าไปทำงานใหม่ๆ

ยูจัดการแต่งตัวให้เรียบร้อยก่อนจะเดินไปห้องเล็กๆที่อยู่ติดๆกับห้องน้ำแล้วเอารองหนังที่ขัดเงามาสวมก่อนคว้าสูทสีดำตัวที่สั่งตัดจากร้านชื่อดังที่อิตาลีจากสูทที่มีนับ 10 ตัวพร้อมเสื้อโค้ทสีดำ แล้วเดินออกจากห้อง พอลงบันไดยูเลี้ยวไปที่ห้องโถง เห็นพ่อทูนหัวนั่งคุยกับโซเฟียร์อยู่  ทั้งคู่หันมามองที่ยู  ก่อนที่พ่อทูนหัวจะเอ่ยเป็นภาษาไทยออกมาว่า

"ไปลูก  รถพร้อมแล้ว"

ยูเอาเสื้อโค้ทพาดที่เก้าอี้ก่อนจะเอาสูทมาสวมโดยมีโซเฟียร์รีบเข้ามาช่วยพร้อมช่วยสวมเสื้อโค้ทให้อีกตัว ยูยิ้มแทนคำขอบคุณก่อนจะเดินออกไปที่ประตูใหญ่โดยมีพ่อทูนหัวที่แต่งตัวเหมือนกับยูและโซเฟียร์เดินตามมาติดๆ บนลานหินอ่อนยูเห็นคาร์รอสยืนคุยอยู่กับชายที่ดูสูงวัยอีกคนที่แต่งกายแบบเดียวกัน แต่ยังดูแข็งแรงและมีหูฟังที่สวมอยู่เช่นเดียวกัน  ยูเดินเข้าไปหาทันพร้อมกับชายคนนั้นรีบเดินมาหายูทั้งคู่สวมกอดกัน

"สบายดีนะครับมิเกล"

"ครับจูเนียร์  แต่ทำไมดูคล้ำกว่าเมื่อ 2 เดือนที่แล้วละ"

ผู้เป็นพ่อทูนหัวที่เดินตามมาบอกว่า

"จูเนียร์ตอนนี้หันไปขี่จักรยาน ออกแดดบ่อยๆก็เป็นแบบนี้ละแดดเมืองไทยคุณก็รู้ๆอยู่"

มิเกลหรือหัวหน้าทีม รปภ.หันมายิ้มให้กับผู้เป็นนาย ก่อนจะเดินนำทั้ง สามคนไปที่รถโรลส์-รอยซ์ ที่ติดเครื่องรออยู่แล้ว โดยคาร์รอสเดินปิดท้าย มิเกลเปิดประตูด้านหลังให้  ยูให้ผู้เป็นพ่อก้าวขึ้นรถไปก่อน แล้วตัวเองถึงขึ้นตามโดยมีโซเฟียร์นั่งด้านหน้า  หัวหน้ารปภ.ปิดประตูแล้วก้าวเดินมาด้านคนขับ พร้อมยกข้อมือด้านซ้ายขึ้นมาพูดกับไมค์ตัวจิ๋ว  ส่วนคาร์รอสนั้นเดินไปทางด้านหลังที่มีรถ เอสยูวี สีดำจอดอยู่ รถหรูวิ่งตรงไปทางประตูใหญ่ โดยมี เอสยูวีตามไปติดๆ  ประตูไฟฟ้าบานใหญ่เปิดรออยู่แล้ว ยูเหลือบมองไปเห็นผู้ชายใส่สูท 3-4 คนยืนอยู่ใกล้ประตู ด้วยความรู้สึกที่เคยชินหลังจากที่รถออกสู่ถนนผู้เป็นพ่อได้ถามลูกชายเป็นภาษาไทยว่า

"เจองานด่วนหรือลูก"

"ครับ  มันคงได้จังหวะพอดี  มีการเจรจาการค้าที่บังเอิญมาผู้แทนประเทศนั้นมามาดริดพอดี"

ยูนั้นหมายถึงประเทศจากทวีปแอฟริกาประเทศหนึ่งพร้อมอธิบายพ่อทูนหัวว่าทางไทยโดยหัวหน้าคณะเจรจาเลยเสนอให้ รัฐมนตรีว่าจะมาขอเจรจานอกรอบที่นี่ก่อนที่ตัวรัฐมนตรีจะเดินทางไปเยือนประเทศนั้นในกลางเดือนหน้า  ซึ่งหัวหน้าคณะคนนี้คือผช.รมต.ที่มาจากการเมือง ที่ยูเห็นว่าไม่มีความสามารถอะไร แทนที่จะให้ทูตพาณิชย์เป็นหัวหน้าคณะเจรจาแทนกลับกลายให้ทูตพาณิชย์เป็นรองหัวหน้าคณะ ซึ่งยูมองว่าไม่จำเป็นเท่าไหร่ที่จะต้องมาเจรจานอกรอบกันก่อนที่นี่  เพราะกำหนดการเจรจานั้นแค่ 2 วันคือวันอังคารกับวันพุธ  แต่คณะนี้เดินทางมาถึงแมดริดวันพรุ่งนี้ แต่จะกลับคือค่ำวันศุกร์  ทำให้ยูมองว่ามาหาเรื่องเที่ยวกันมากกว่ามาทำงาน

แต่หัวหน้ายูบอกว่า ทูตไทยที่นี่ขอให้ยูมาช่วยในการเจรจาด้วย เพราะรู้ว่ายูมาที่นี่ ผู้เป็นพ่อพยักหน้ารับทราบ ยูนั้นรู้ว่าอย่างน้อยโซเฟียร์ต้องรายงานให้กับเจ้านายทราบอยู่แล้ว ซึ่งโซเฟียร์ที่นั่งอยู่ตอนหน้าเมื่อเห็นว่าการสนทนาของพ่อกับลูกจบลงเธอซึ่งพอจะฟังภาษาไทยออกอยู่บ้างจึงหันมารายงานกับยูว่า

"จูเนียร์คะ  ชั้นโทรคุยกับ หัวหน้าศุลกากรแล้วคะ  ทางนั้นบอกไม่มีปัญหาคะ  แต่ถ้าเราจะปล่อยของเมื่อไหร่โทรไปบอกได้คะ รวมถึงเรื่องเที่ยวบินคงไม่น่าจะติดอะไรนะคะ  เพราะนักบินทำแผนการบินได้ทันทีคะ"

"ขอบคุณครับ"

คราวนี้พ่อทูนหัวของยูเอ่ยเป็นภาษาสเปนออกมาว่า

"คิดว่าแบบนี้จะได้ผลหรือยู"

ยูนั้นรู้ทันทีว่าพ่อทูนหัวหมายถึงอะไร  เรื่องพวกนี้ไม่เคยรอดพ้นสายตาของผู้เป็นพ่อได้และเท่าทันความคิดของลูกชายเป็นอย่างดีว่า ลูกชายนั้นกำลังคิดอะไรอยู่

"ต้องลองครับแด้ด  เพราะตัวแทนนายหน้าของบริษัทขนส่งนี้ดูจะเป็นคนเดียวกับล็อบบี้ยิสต์ ของประเทศที่ยูจะไปเจรจาด้วยเพราะเห็นมีรายชื่อที่เข้าร่วมประชุมด้วย   ถ้าทางนั้นคิดจะตั้งกำแพงภาษีให้สูงเกินจริง  เพราะคิดว่าทางไทยต้องง้อในเรื่องการระบายสินค้าทางการเกษตร   เพราะทางนั้นคงมองไปที่จีนมากกว่า  ที่ตอนนี้มีอิทธิพลมากในประเทศแถบนั้น ยูอาจจะใช้ตรงนี้บีบล็อบบี้ยิสต์ที่ชื่อโจชัวร์ครับ ไม่งั้นค่านายหน้าที่เค้าต้องได้ 3ล้านยูโรอาจต้องเลื่อนไปก่อน และครั้งหน้าเราอาจใช้บริษัทอื่นในการขนสินค้าครับแด้ด "

"แล้วแต่ยูนะ  เรื่องนี้เป็นอำนาจของยูที่พ่อมอบให้แล้ว"

"ครับแด้ด  เพราะยูให้ทางคาร์รอสไปสืบประวัติโจชัวร์มาแล้ว เพราะงานนี้ถ้าไม่สำเร็จ  ยูกับอาธวัชชัยรับเต็มๆครับถ้าสำเร็จ   ก็คนที่มาจากการเมืองที่ไมมีสมองในเรื่องนี้ก็ได้หน้าครับ    ยูต้องทำแบบนี้เพราะหาวิธีอื่นไม่ทัน เราต้องใช้วิธีนี้บีบล็อบบี้ยิสต์ เพื่อไปเจรจาให้ลดกำแพงภาษีให้กับไทยครับ"

ผู้เป็นพ่อพยักหน้ารับทราบ และรู้ว่าคนที่ชื่อธวัชชัยนี้เป็นทูตไทยประจำสเปนอยู่ในตอนนี้และเป็นรุ่นน้องของพ่อแท้ๆของยู ซึ่งโรแบร์โต้นั้นรู้จักอย่างดี แล้วก็เปลี่ยนเรื่องไปคุยกับลูกชายต่อว่า

"กลางวันนี้กินอะไรดีลูก พ่อเบื่อกับอาหารที่บ้านแล้ว"

ยูอมยิ้มเพราะรู้ว่าพ่อทูนหัวตนเองหมายถึงอะไร

"ไก่ทอดกับพิซซ่าก็ได้ครับ"

โซเฟียร์ที่นั่งฟังอยู่หันมามองแล้วทำท่าจะค้าน แต่ยูบอกมาว่า


"เอาเหอะโซเฟียร์  มัมคงไม่ว่า  และอย่าไปบอกแม่ของโซเฟียร์ละ  โทรไปบอกปาสกัลแล้วกันให้สั่งให้ด้วยครับ  ให้เผื่อคนในบ้านด้วยแต่อย่าบอกมิเชลนะไมงั้นยูกับแด้ด อดแน่นอน"

เธอหัวเราะออกมาพร้อมกับมิเกลที่ยิ้มออกมา เพราะรู้ว่า อาหารฟาสต์ฟู้ดเป็นของต้องห้ามสำหรับบ้านนี้ เพราะคุณผู้หญิงสั่งห้ามไว้เด็ดขาดแถมตอนที่แม่ของโซเฟียร์เมื่อครั้งยังทำงานอยู่และก็แม่บ้านนั้นก็เห็นชอบด้วย  ทำให้สองพ่อลูกต้องไปแอบกินกันนอกบ้านบ่อยครั้ง  ส่วนปาสกัลที่ยูพูดถึงคือพ่อบ้านชาวฝรั่งเศสจอมเจ้าระเบียบอีกคนหนึ่งของบ้าน แต่จะยอมตามใจยูในบางครั้ง  จนรถเลี้ยวเข้าไปที่สุสานแห่งหนึ่ง ทันทีที่รถจอดสนิท คาร์รอสที่อยู่ในรถเอสยูวีที่ตามหลังมารีบวิ่งมาเปิดประตูให้  พร้อมผู้ชายอีก 2 คนที่ใส่สูทและเสื้อโค้ทสวมแว่นดำมีหูฟังเหมือนกัน รีบเดินตามพร้อมถือช่อดอกไม้ในมือ 2ช่อ มายื่นให้กับยูที่เอาแว่นกันแดดมาสวมส่วนอีกช่อยื่นให้ผู้เป็นพ่อ  โดยที่มิเกลไม่ได้ลงจากรถ

บอดี้การ์ดที่ตัดผมสั้นเกรียน คนหนึ่งเดินนำหน้าเข้าไปยังบริเวณสุสาน ยูกับพ่อทูนหัวเดินตามโดยมีโซเฟียร์เดินตามและคาร์รอสกับการ์ดอีก 1คนเดินตามมาติดๆ  โดยมีอีกคนนั่งอยู่ในรถ เอสยูวี จนยูกับพ่อทูนหัวเดินมาหยุดตรงหลุมฝังศพหลุมหนึ่งที่อยู่ใกล้ต้นไม้ใหญ่ โดยที่บอดี้การ์ดที่เดินนำหน้า  เดินเลยออกไปเล็กน้อยก่อนหยุดยืนมองไปรอบๆ ส่วนคนติดตามที่เหลือนั้นยืนอยู่ไม่ห่าง สองพ่อลูกเท่าไหร่ ผู้เป็นพ่อทูนหัวเอาช่อดอกไม้ที่ถือเอาไว้วางไว้ที่โคนป้ายหินบนหลุมฝังศพแล้วกระซิบบอกเบาๆว่า

"เทเรซ่าผมกับลูกมาเยี่ยมคุณ"

โดยยูก้าวตามไปติดๆแล้วคุกเข่าวางช่อดอกไม้ใกล้กับพ่อทูนหัวโดยมองไปที่ป้ายที่สลักชื่อว่า

"เมนเตซ เทเรซ่า "

พร้อมวันเดือนปีที่เกิดและวันที่เสียชีวิตและข้อความที่อยู่ด้านล่างถัดลงไปคือ

"ด้วยดวงใจจาก สามีและบุตรชาย"

พร้อมกับคำพูดที่สั่นเครือของยูที่ออกมาว่า

"มัมยูมาเยี่ยมครับ"

แล้วนั่งนิ่งเหมือนส่งความระลึกไปถึงแม่ทูนหัวที่ล่วงลับไปเมื่อ 3 ปีก่อนด้วยโรคปอดติดเชื้อ โดยที่พ่อทูนหัวยืนอยู่ใกล้ๆ โซเฟียร์นั้นเบือนหน้าไปทางอื่นทันทีที่เห็นยูเอานิ้วป้ายไปที่ขอบตา  เธอไม่อยากเห็นภาพนี้ เพราะเธอจำได้ดีว่าจูเนียร์นั้นเสียใจขนาดไหนตอนที่คุณผู้หญิงของบ้านเสีย  เธอจำได้ดีถึงคำกล่าวไว้อาลัยของชายหนุ่มที่เรียกน้ำตาแขกมาร่วมงานในวันทำพิธีฝังศพได้  ยูในตอนนั้นพูดออกมาจากหัวใจโดยไม่ใช้ข้อความที่ทีมงานร่างไว้ให้  โดยที่ยูเองก็มีน้ำตาไหลออกมาตลอด แถมปีต่อมาพ่อแท้ๆของยูเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจโดยเธอกับครอบครัวบินไปร่วมงานศพที่เมืองไทยด้วย  เธอเห็นภาพที่ยูกับผู้เป็นแม่ยืนกอดกันร้องไห้ตอนวันที่เผาโดยที่พ่อทูนหัวนั้นยืนปลอบใจ2แม่ลูกอยู่ตลอด  ทำให้เธอไม่อยากภาพแบบนี้ของยูอีก  ภาพที่เธออยากเห็นคือภาพของจูเนียร์ที่สดใสเข้มแข็ง ไม่ใช่ภาพของจูเนียร์ที่ดูอ่อนแอ


เหมือนกับโรแบร์โต้ที่มองไปที่ลูกชายพร้อมนึกไปถึงวันที่ยูบินด่วนจากเมืองไทยเมื่อรู้ว่าแม่ทูนหัวนั้นป่วยหนัก  ภรรยาของตนเองนั้น ร่างกายไม่แข็งแรงตั้งแต่สาวๆแล้วจนทำให้ไม่สามารถมีบุตรได้  จนได้ยูมาเลี้ยงซึ่งยูนั้นกลายเป็นหัวแก้วหัวแหวนของทั้งคู่ทันที  ถึงแม้ผู้เป็นภรรยาจะได้รับการดูแลรักษาอย่างดี แต่เนื่องด้วยสุขภาพส่วนตัว พอมีอาการปอดติดเชื้อทำให้ยากแก่การรักษาประกอบกับวัยที่สูงขึ้นจนจากไปอย่างสงบโดยที่ยูนั้นเป็นคนที่จับมือของมารดาอยู่ตลอดจนสิ้นลม ยูนั้นร้องไห้ออกมาด้วยความเสียใจอย่างมาก แถมไม่ยอมกินอะไรจนทั้งพ่อและแม่ที่แท้จริงของยูที่มาด้วยนั้นต้องช่วยกันปลอบ จนสภาพจิตใจของยูค่อยยังชั่วขึ้น และหลังจากพิธีฝังศพ เวลาที่ยูมาสเปนทุกครั้ง วันแรกที่ยูมาถึงยูจะต้องมาที่สุสานนี้ทุกครั้งไม่ว่าสภาพอากาศจะเป็นแบบไหน

ยูนั้นนั่งคุกเข้าสงบนิ่งเกือบ 20 นาที โดยผู้เป็นพ่อยืนเอามือมาจับที่ไหล่ตลอด ก่อนที่ยูจะลุกขึ้นแล้วก้มไปจูบที่ป้ายหินเบาๆ  สองพ่อเดินกลับออกมา  คาร์รอสยกไมค์ขึ้นพูดทันที ยูถอดแว่นตากันแดดแล้วเอาผ้าเช็ดหน้ามาเช็ดน้ำตาที่คลอออกมาทั้งหมดเดินกลับมาที่รถก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับบ้าน ยูที่นั่งเอาศีรษะพิงเบาะ ถามไปที่พ่อทูนหัวว่า

"แด้ด แม่โทรมาบ่นยาวไหมครับ"

"นิดนึงนะ  เค้าเป็นห่วง ก็บอกว่ายูไม่เตรียมอะไรมาเลย  แต่พ่ออยากให้ลูกมามันเลยกลายเป็นเรื่องด่วน  เพราะงานนี้ท่านรัฐมนตรีกลาโหมเชิญพ่อมา มีระดับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับความมั่งคงและผู้นำกองทัพทั้งในยุโรป ตะวันออกกลาง และเอเชียมากันหลายประเทศ พ่ออยากให้ยูมามีส่วนร่วมด้วย ไหนๆตอนนี้ยูเข้ามาดูแทนพ่อหลายเรื่องแล้ว"


"แล้วมีใครต้องคุยเป็นพิเศษมั่งครับ"

"พวกเจ้าชายจากตะวันออกกลางนะ แมรี่จะบรรยายสรุปให้อีกทีก่อนงานเริ่ม  ตอนนี้แมรี่กับทีมบางส่วนไปรอเราที่มาดริดแล้ว"

"ครับแด้ด"

ยูรับคำก่อนจะหลับตา แมรี่ที่พูดถึงคือเลขานุการของพ่อทูนหัวเป็นคนสหรัฐที่เป็นผู้หญิงผิวสี ทำงานเก่งและดูเหมือนจะแอบชอบยู อยู่ด้วยแต่ชายหนุ่มนั้นไม่สนใจ   จนขบวนรถกลับไปที่บ้าน  พอลงจากรถยูนั้นชวนโซเฟียร์ไปทานอาหารด้วย  แต่หญิงสาวขอตัว ยูได้กล่าวขอบคุณและบอกว่ามีเวลาจะเยี่ยมลูกสาวกับแม่ของโซเฟียร์ที่บ้าน ก่อนที่เธอจะเดินไปที่โรงเก็บรถที่เธอเอารถไปจอด ยูนั้นเดินไปอีกมุมหนึ่งชองคฤหาสน์ ตรงบริเวณกรงเลี้ยงสุนัข  ทันที่ทีเห็นยูโผล่หน้าเข้าไป เสียงเห่าต้อนรับแสดงความดีใจดังระงมไปทั่ว จนยูต้องจุ๊ปาก แด้ดของยูนั้นเลี้ยงสุนัขไว้หลายพันธุ์ มีอยู่ 4-5 ตัวที่เลี้ยงไว้เฝ้าบ้านและจะปล่อยเฉพาะตอนกลางคืนเท่านั้นเพราะดุมาก  แต่กับยูพวกนี้จะเหมือนแมวเชื่องๆ  ยูเดินเข้าไปทักทุกตัวโดยที่คนเลี้ยงที่ได้ยินเดินมาดู ยูเดินเข้าไปทักกับคนเลี้ยงก่อนจะเดินไปหาสุนัขพันธ์เซนต์เบอร์นาร์ด แล้วปล่อยออกจากกรง แล้วก้มกอดทันทีพร้อมทักเป็นภาษาสเปน

"ว่าไงบลู  ดูแลลูกน้องๆดีไหม"

บลูเห่ารับพร้อมเลียหน้ายู ก่อนที่ชายหนุ่มจะเดินไปที่กรงที่มีสุนัขพันธุ์อัลเซเชี่ยนอยู่  พอยูเปิดประตูกรง สุนัขตัวนั้นโผกระโดดกอดยูทันทีทำเอาพ่อทูนหัวที่เดินตามเห็นพอดีส่งเสียงหัวเราะออกมาก่อนบอกว่า

"ซีซ่าร์ มันคงคิดถึงยูมาก  ขนาดบางทีเอารถของยูไปลองมันยังวิ่งเห่าตามนึกว่ายูมา"

ยูเล่นกับซีซ่าร์ครู่ใหญ่ก่อนที่จะเดินเข้าไปในบ้านปล่อยให้สุนัขวิ่งเล่นอยู่แถวนั้น  ก่อนจะเดินตรงไปห้องครัว ยูถอดทั้งเสื้อโค้ททั้งสูทออกก่อนแล้วพาดไปบนที่แขวนที่อยู่ตรงทางเดินก่อนถึงห้องครัว  ซึ่งพ่อทูนหัวทำตามผู้เป็นลูกชาย โดยในครัวนั้นมีโต๊ะอาหารทรงกลมที่นั่งได้6-7 คน บนโต๊ะมีกล่องใส่อาหารที่มีทั้งพิซซ่าและไก่ทอดตามที่ สองพ่อลูกต้องการวางอยู่ ผู้เป็นพ่อเดินไปเปิดประตูตู้เย็นที่ทำแบบบิวท์อินก่อนจะหยิบเบียร์มาสองขวด  แล้วเปิดฝาก่อนส่งให้ลูกชาย  พ่อกับลูกเอาขวดเบียร์ชนกันก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะนั่งไม่ห่างจากยูนัก ทั้งสองลงมือทานอาหารอย่างเอร็ดอร่อยก่อนที่ยูจะพูดหลังจากจิบเบียร์ไปแล้ว


"ถ้ามัมยังอยู่  เราสองคนก็จะถูกดุแน่นอนครับ"

"ใช่แล้วลูก  มัมของลูกนะ เน้นเรื่องสุขภาพตลอด "

แต่ก่อนที่ยูจะตอบอะไรก็มีเสียงบ่นเป็นภาษาฝรั่งเศสจากตรงประตูว่า

"ใช่แล้วคะ  ดิฉันรู้ตอนสั่งไปแล้ว  น่าตีทั้งพ่อทั้งลูกเลย แอบสั่งมากิน"

"แล้วแจกให้ครบหรือยังครับ มิเชล"

ยูตอบไปด้วยภาษาฝรั่งเศสแบบเดียวกัน

"เรียบร้อยแล้วคะ จูเนียร์  แต่ให้วันนี้วันเดียวนะคะ ทั้งสองคน"

"ครับ"

ยูตอบพร้อมเสียงหัวเราะแต่มิวายที่จะถูกค้อนจากแม่บ้าน  จนเรียบร้อย ยูขอเดินไปคอกม้าที่เลี้ยงไว้ 4-5 ตัว คอกม้านั้นอยู่อีกมุมของบ้าน ก่อนจะเดินขึ้นไปบนห้อง เพื่อจะพักผ่อน  โดยก่อนจะล้มตัวลงบนที่นอนอันอ่อนนุ่ม ยูมองไปที่ผนังห้อง ที่แขวนภาพขนาดใหญ่ เป็นภาพวันที่ยูรับปริญญาตรี โดยที่ถูกขนาบด้วยพ่อกับแม่ทั้ง 4 คน ทุกคนในภาพมีแต่รอยยิ้ม ก่อนมองไปอีกภาพที่อยู่ในกรอบขนาดเล็ก  เป็นภาพที่ยูในวัยเด็ก นั่งอยู่บนตักของแม่ทูนหัว  ยูส่งยิ้มให้ภาพ ก่อนจะล้มตัวลงไปบนที่นอนและหลับไปด้วยความอ่อนเพลียโดยที่ไม่เปลี่ยนชุด


ส่วนอัปษรนั้น  เธอเดินตามยูไม่ทัน เธอได้แต่หวังว่าจะไปเจอตอนเข้าคิวตรวจคนเข้าเมืองไม่ก็ ตอนรับกระเป๋า  แต่เธอมองไม่เห็นชายหนุ่มเลย ทำเอาเธอหงุดหงิดไม่น้อยเหมือนพรานที่เห็นเหยื่อแต่ต้องปล่อยให้หลุดมือ เธอได้แต่พึมพำว่าชายหนุ่มหายไปไหน  และรู้สึกไม่สบอารมณ์จนพาลกับทีมงาน จนไปถึงโรงแรมที่มีไกด์ท้องถิ่นเป็นคนนำไปก่อนจะเข้าไปพักผ่อนโดยจะเริ่มงานถ่ายแบบเซ็ตแรกในตอนบ่ายๆของวันนี้


ส่วนยูที่ได้หลับพักผ่อนไปสมควรก็รู้สึกตัวตื่น ก่อนจะลุกขึ้นนั่งมองไปรอบๆ พร้อมน้ำตาที่ไหลออกมา พร้อมพึมพำว่า

"มัม"

ชายหนุ่มนั่งนึกทบทวนแล้วบอกกับตัวเองว่ามันคือความฝัน  ในความฝันนั้นคือยูหลับอยู่และรู้สึกว่ามีใครมาลูบที่ผมและใบหน้า ตอนที่ตนเองหลับสนิททำให้สะดุ้งตื่นและพบว่าคนที่มาลูบใบหน้าและผมของยูนั้นคือ มัมที่อยู่ในชุดสีขาวเป็นชุดเดียวกับที่สวมให้ตอนเธอเสียชีวิต

"มัม"

"จูเนียร์ของแม่"

ยูเอามือที่ลูบศีรษะมาแนบที่แก้ม  ก่อนที่ผู้เป็นแม่ทูนหัวจะบอกมาว่า

"ยูแม่ว่า ยูควรจะเปิดหัวใจได้แล้วนะ  ยูไม่เปิดหัวใจให้ใครมานานแล้ว  อย่าเอาความผิดหวังที่เคยเจอมาทำให้ตัวลูกเองปิดกั้นตัวเองเลยลูกรัก  ทั้งแม่ทั้งแด้ด อยากเห็นเจ้าสาวของยูนะ  แม่เฝ้าดูลูกอยู่นะ อย่าทำให้แม่ผิดหวังละ"

ผู้เป็นแม่พูดจบได้ก้มมาหอมแก้มยู  และทำให้ยูตื่นทันที  ก่อนจะมองไปรอบๆเพราะนึกไปว่าเป็นความจริง  เพราะแต่ไหนแต่ไรแล้ว  แม่ทูนหัวจะมานั่งคุยแบบนี้ตลอดตั้งแต่ยูเด็กจนโต แต่ก่อนที่ยูจะคิดอะไรต่อโทรศัพท์ภายในที่ตั้งอยู่บนโต๊ะข้างหัวเตียงส่งเสียงขึ้น  ยูมองไปหน้าจอก็รู้ว่าแด้ดตนเองโทรมาจากห้องนอนเหมือนกัน

"ครับแด้ด  ยูตื่นแล้วครับ  ได้ครับ"

พอวางสาย ยูสลัดใบหน้าเพื่อให้หายงัวเงียแล้วหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดูเวลา ทำให้รู้ว่าที่เมืองไทยนั้นอยู่ในช่วงเวลาสายๆ  ยูจึงโทรศัพท์หามารดา ซึ่งผู้เป็นแม่ได้ถามทันทีว่า สั่งพิซซ่ากับไก่ทอดมากินหรือยัง  ทำเอายูหัวเราะทันที ก่อนจะรายงานว่าตัวเองไปเยี่ยมแม่ทูนหัวที่สุสานแล้ว 2แม่ลูกคุยกันครู่หนึ่งก่อนที่ยูจะวางสายและไปอาบน้ำเพื่อเตรียมที่จะไปงานเลี้ยงในคืนนี้  หลังจากแต่งตัวเรียบ  ยูที่อยู่ในชุดทักสิโด้ เดินลงบันไดมา โดยที่พ่อบ้านกับแม่บ้านยืนรออยู่ก่อนแล้ว มิเชลผู้เป็นแม่บ้านได้เดินเข้ามาใกล้ๆหลังจากที่ยูเดินลง  ก่อนจะจับที่แขนพร้อมบอกว่า

"ขอตรวจความเรียบร้อยแทน คุณผู้หญิงนะคะจูเนียร์"

ยูกางมือออกพร้อมรอยยิ้มก่อนที่มิเชลจะเดินรอบตัวตนเองเหมือนครั้งเมื่อมัมยังมีชีวิตอยู่ ว่าถ้าไปงานเลี้ยงทีไร  ยูจะต้องโดนตรวจความเรียบร้อยทั้งเรื่องทรงผมและการแต่งกายว่าดูดีหรือยัง ก่อนจะมาดูที่หูกระต่ายที่ชายหนุ่มผูกมาเรียบร้อย แล้วถึงพูดว่า

"เรียบร้อยคะ  ทุกอย่างดูดีมาก สมกับเป็นจูเนียร์คะ"

ยูยิ้มรับกับคำชม ไม่นานนักผู้เป็นพ่อทูนหัวได้ลงมาด้วยเครื่องแต่งกายแบบเดียว พร้อมพยักหน้าให้ลูกชาย ทั้งคู่เดินไปนอกบ้าน ที่ทั้งมิเกลกับคาร์รอสที่ยืนรออยู่  พร้อมทีมงานอีก 2 คน  และคาร์รอสเป็นคนเดินนำไปที่ลานจอดเฮลิคอปเตอร์ที่มาจอดรออยู่แล้ว  จนทั้ง 6คนขึ้นไปบนเครื่อง  นักบินได้ทำการสตาร์ทเครื่อง แล้วนำเครื่องมุ่งหน้าไปสนามบิน ระหว่างนั้น คาร์รอสได้ส่งไอแพ่ดให้กับยู

"งานที่จูเนียร์สั่งครับ"

ยูรับมาอ่านก่อนส่งให้พ่อทูนหัวที่นั่งติดกันดู โรแบร์โต้รับมาดูก่อนส่งคืนให้คาร์รอสแล้วบอกกับลูกชายว่า

"ยูว่ายังไงละ"

"น่าจะบีบง่ายครับ  เพราะดูแล้ว หิวเงินพอสมควร"

"แล้วแต่ลูก  งานนี้ของลูก"

มิเกลที่นั่งติดกับเจ้านาย  นั้นสบตากับลูกน้องที่รับไอแพ่ดมาเก็บจากผู้เป็นนาย แล้วรู้ว่าตั้งแต่ จูเนียร์จบปริญญาโทนั้น เจ้านายเริ่มป้อนงานให้เข้ามาบริหารและตัดสินในใจหลายๆเรื่องแม้จะมีความผิดพลาดบ้าง  แต่เจ้านายนั้นไม่เคยตำหนิจูเนียร์มีแต่ให้กำลังใจ  และเป็นที่ปรึกษาตลอด  อดีตนายทหารหน่วยรบพิเศษของสเปนนั้นก็ได้แต่หวังว่า ยูนั้นจะไม่กดดันกับภาระที่ต้องมารับดูแลแทนบิดาในอนาคตนี้  แต่มิเกลนั้นก็เชื่อมั่นว่ายูต้องทำได้  เพราะรู้ว่ายูนั้นผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดีตั้งแต่เยาว์วัย  ถึงตนเองจะมาทำงานด้านรักษาความปลอดภัยให้กับตระกูลนี้เพียง 10 กว่าปีเท่านั้น แต่ก็พอจะรู้อะไรพอสมควร  ก่อนที่จะชะโงกหน้าไปส่งยิ้มเหมือนเป็นกำลังใจให้กับจูเนียร์ของตระกูลนี้  ซึ่งยูนั้นยิ้มตอบเหมือนรับรู้ว่า หัวหน้าทีม รปภ.นั้นสื่อถึงอะไร

พอเครื่องถึงสนามบิน  เฮลิคอปเตอร์ลงจอดไม่ห่างจากเครื่องบินที่ติดเครื่องรออยู่แล้ว  มิเกลเดินนำทุกเครื่องไปขึ้นเครื่องบิน  ซึ่งยูนั้นนั่งลงตรงเก้าอี้เดียวกับที่โซเฟียร์นั่ง ส่วนพ่อทูนหัวนั้นนั้นตรงข้าม  จากนั้นไม่นาน หลังจากที่คาร์รอสแจ้งกับนักบินว่าพร้อม   เครื่องบินเจ็ตได้ขึ้นสู่ท้องฟ้า และยูกับพ่อทูนหัวได้นั่งอ่านรายละเอียดของผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงที่แมรี่ได้ส่งมาให้และผู้เป็นพ่อได้บอกว่า งานนี้เป็นแขกของ รมต.กลาโหม ทางนั้นเลยจัดรถนำมาให้ ยูพยักหน้ารับทราบ จนเครื่องบินได้มาถึงสนามบินที่มาดริด หลังจากที่เครื่องจอดสนิท  มิเกลเดินนำทั้งหมด ไปที่ขบวนรถ ที่จอดรออยู่ไม่ห่างเท่าไหร่นัก  โดยมีผู้หญิงผิวสียืนรออยู่ข้างประตูรถที่เป็น รถ 3 ตอน ซึ่งเป็นรถของโรแบร์โต้ที่ได้มีคนขับ ขับมารออยู่แล้ว  พร้อมรถของทีมคุ้มกัน  มิเกลจัดการเปิดประตูรถให้ทันที ยูกับพ่อทูนหัวก้าวขึ้นไปโดยมีแมรี่กับมิเกลก้าวขึ้นตามไปนั่งเบาะตรงข้ามกับสองพ่อลูก  โดยคาร์รอสไปนั่งหน้าคู่คนขับ  ส่วนบอดี้การ์ดอีก 2 คน เดินไปที่รถ เอสยูวีสีดำ ที่จอดอยู่ด้านหลัง ทันทีที่มิเกลยกไมค์ขึ้นมาบอกว่าพร้อมเดินทาง  รถมอเตอร์ไซด์ของตำรวจ 2 คันที่จอดอยู่ข้างหน้าได้ขับรถนำออกจากสนามบินทันที

ยูได้ยื่นมือไปจับกับ เลขานุการของพ่อตนเองที่นั่งตรงข้าม ตนเองพร้อมรอยยิ้ม ก่อนจะพูดตามไปว่า

"สบายดีนะแมรี่"

หญิงสาวตอบมาด้วยภาษาสเปนที่ชัดเจนว่า

"คะจูเนียร์  แต่จูเนียร์ก็คงสบายดีเช่นกันนะคะ  แล้วคุณแม่เป็นยังไงบ้างคะ"

"ขี้บ่นเหมือนเดิมครับ"

ทำเอาหญิงสาวยิ้ม ก่อนจะส่งไอแพ่ด สองเครื่องให้เจ้านายกับยู  พร้อมอธิบายรายละเอียดของงานและคนที่มาร่วมงานอีกครั้ง โดยเฉพาะเจ้าชายจากตะวันออกกลาง  ที่จะเป็นผู้มีอำนาจอนุมัติในการซื้ออาวุธเข้าประเทศ ซึ่งพ่อทูนหัวของยูนั้นถือหุ้นใหญ่ของบริษัทที่ผลิตอาวุธในยุโรป ซึ่งงานนี้จะเป็นการผูกไมตรีกับลูกค้ารายใหญ่ๆ โรแบร์โต้จึงตัดสินใจเรียกยูให้มาเดินทางมาเพื่องานนี้โดยด่วน  เพราะต้องการที่จะให้ยูนั้น รู้จักกับคนพวกนี้ให้มากขึ้น และเป็นการประกาศกลายๆให้ทุกคนรับรู้ว่า ยูคือคนที่จะเข้ามาบริหารงานแทนตนเองในอนาคตซึ่งตลอดทาง โรแบร์โต้ปล่อยให้บุตรชายเป็นคนซักถามแทนตนเองตลอด พร้อมสบตากับหัวหน้าทีม รปภ.  เหมือนจะบอกว่าตนเองกำลังฝึกจูเนียร์ให้แกร่งขึ้นกว่าเดิมซึ่งก่อนที่ ขบวนรถจะถึงโรงแรม ผู้เป็นพ่อได้หันไปบอกลูกชาย ที่ดูออกว่าเริ่มจะเบื่อๆไปว่า

"อย่าลืมสิลูก คำสอนของมัม เราต้องเปลี่ยนหน้ากากเหมือนกับละครของจีน"

ทำเอาแมรี่ถึงกับสงสัยเพราะโรแบร์โต้พูดภาษาสเปนกับยู ยูจึงอธิบายไปว่า มัมนั้นชอบดูอุปรากรของจีนที่มีการแสดงที่ตัวละครเปลี่ยนหน้ากากได้ตลอด  จึงเอามาสอนยูว่า เวลาเราอยู่บ้านกับครอบครัวเราก็เป็นตัวของเราเองได้ตามสบายแต่ถ้าเอาออกสังคมเราต้องสวมหน้ากากตามแต่สถานะของเราในงานนั้นๆ  เลขานุการจึงพยักหน้าด้วยความเข้าใจ

ส่วนของอัปษรนั้น  เธอออกมาถ่ายแบบตอนบ่ายจนถึงช่วงเย็น  จนได้เวลาอาหารค่ำ ทางทีมงานได้พาเธอกับผู้จัดการส่วนตัว มาที่โรงแรมหรูแห่งหนึ่ง แต่พอถึงโรงแรมทุกคนกลับพบกับเจ้าหน้าที่ทั้งทหารและตำรวจที่อาวุธครบมือเต็มไปหมด จนไกด์นำทางต้องไปสอบถามจนได้รับการบอกว่า คืนนี้จะมีงานเลี้ยงที่มีคนระดับ VIP จำนวนมากเลยต้องมีการคุ้มกันอย่าหนาแน่น  จนทั้งหมดจะเดินเข้าไปในโรงแรม แต่ถูกเจ้าหน้าที่กั้นซะก่อนโดยมีคำขอโทษพร้อมบอกว่าขอเวลาสักครู่ ซึ่งไม่นานนัก มีรถมอเตอร์ไซด์ของตำรวจ 2 คัน วิ่งนำรถเก๋งสีดำ พร้อมรถเอสยูวีสีเดียวกัน มาจอดตรงทางเข้า ซึ่งมันใกล้กับตรงที่อัปษรยืนพอดี

ผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ 2 คน ที่ใส่สูท สวมแว่นดำ และมีหูฟัง รีบลงจากรถเอสยูวีและวิ่งไปที่รถเก๋งสีดำ ที่มีผู้ชายที่แต่งตัวแบบเดียวกัน ก้าวลงมาเปิดประตูตอนหลังให้ ทุกคนจะเห็น ผู้ชายที่แต่งตัวเหมือนกันกับคนที่เปิดประตูและดูจะเป็นหัวหน้าทีม ก้าวลงมาคนแรกแล้วมองไปรอบๆ ก่อนที่มีผู้หญิงผิวสีก้าวตามลงมา และผู้ชายสูงวัยแต่ดูสง่าและดูดีอยู่ในชุดทักซิโด้ตามมาติดๆ  แต่พอคนสุดท้ายที่ลงจากรถ  ทำเอาอัปษรแทบจะร้องกรี๊ดออกมาดังๆ  เพราะเป็นชายหนุ่มที่เธอกำลังตามหาอยู่หลังจากที่ลงจากเครื่องบิน แต่ยูที่แต่งทักซิโด้แบบเดียวกับผู้ชายสูงวัยนั้นไม่มองมาที่เธอ ชายหนุ่มนั้นสีหน้าเรียบเฉย  ก่อนจะเดินเข้าไปในโรงแรม  โดยมี บอดี้การ์ด 2คนเดินประกบ ไม่ห่าง จนทั้งหมดเดินเข้าไปในโรงแรม ทางเจ้าหน้าที่จึงปล่อยให้ทุกคนเดินเข้าโรงแรม  อัปษรหันมาผู้จัดการส่วนตัวก่อนบอกว่า

"พี่ดีดี้ เห็นอะไรหรือเปล่า"

"เห็นสิ พี่เห็น  หนุ่มในฝันของษรไง  แต่ทำไมถึง"

"หรือว่าจะเป็นพวก วีไอพีพวกนั้น  ถึงมีบอดี้การ์ดตามติดขนาดนี้"

"นั่นสิ  พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน"

ทั้งคู่ต่างมองตามไปที่ประตูของโรงแรมด้วยความสงสัยในเรื่องของยู ที่ดูเป็นคนสำคัญขึ้นมาทันที
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (2)
โดย: elviswhat เมื่อ เมษายน 08, 2017, 04:35:55 หลังเที่ยง
โอ้โห ยูนี่ไม่เบาเลย ตอนแรกนึกว่าเป็นลูกคนรวยเฉย ๆ อ่านไปคิดไปนึกว่าเป็นลูกมาเฟีย แต่พออ่านจบนี่ ระดับลูกเจ้าสัวเลยนะเนี่ย
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (2)
โดย: tacklove เมื่อ เมษายน 08, 2017, 07:30:06 หลังเที่ยง
มัมส่งสัญญานให้ยูเปิดหัวใจแล้ว ก็หวังว่าคงจะไม่ใช่นางแบบสุดร่านจะเป็นคนประเดิมนะ ชีวิตของยูน่าสงสารมากเจอแต่ความสูญเสีย นี่ก็ยังไม่รู้ว่าจะเจอกับดักจากใครอีก คงไม่ราบรื่นเท่าไหร่แน่ๆ ชอบครับเรื่องนี้
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (2)
โดย: sniperteam เมื่อ เมษายน 08, 2017, 09:09:31 หลังเที่ยง
ติดตามอ่านตลอดเลยครับเนื้อเรื่องชวนติดตามมาก อยากให้ทำตอนที่ยูเป็นเด็กมาเจอพ่อกับแม่ทูนหัวด้วยครับ อยากเข้าใจให้ละเอียดเพราะเนื้อเรื่องชวนติดตามในการอ่านมาก ขอให้ออกมาอ่านตลอดจนจบนะครับ
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (2)
โดย: peat เมื่อ เมษายน 08, 2017, 09:40:12 หลังเที่ยง
ยังกลับมาเจอกันจนได้นะ..อัปสร
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (2)
โดย: azerothx เมื่อ เมษายน 08, 2017, 11:19:44 หลังเที่ยง
จะเพอร์เพ็คไปและยูอิจฉาอย่างแรง ::Angry::
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (2)
โดย: micky เมื่อ เมษายน 08, 2017, 11:38:38 หลังเที่ยง
ขอบคุณครับ เนื้อเรื่องอ่านแล้วสนุกน่าติดตาม จะรอติดตามตอนต่อไปครับ
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (2)
โดย: peepo2234 เมื่อ เมษายน 09, 2017, 01:27:49 ก่อนเที่ยง
ต้องติดตามว่ายูจะได้ใครเป็นคนต่อไป
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (2)
โดย: biochem เมื่อ เมษายน 09, 2017, 04:55:11 ก่อนเที่ยง
เวลาอ่านเรื่องของคุณทวิน แล้วบอกว่าไม่มีบทเสียว ผมชอบนะ

ไม่ค่อยเหมือนชาวบ้านเนอะ ^^"
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (2)
โดย: devilzoa เมื่อ เมษายน 09, 2017, 05:38:53 ก่อนเที่ยง
อ่านเรื่องที่ท่านแต่งมาพอสมควรจนผมเลิกเดาเนื้อเรื่องไปแล้วเพราะเดาไม่เคยถูก
ว่าแต่พระเอกเรานี่ครบเครื่องจริงๆ
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (2)
โดย: patkungna01 เมื่อ เมษายน 09, 2017, 06:49:00 ก่อนเที่ยง
เรื่องเข้มครับ ชอบๆ ผมชอบแบบนี้ละครับ
บทเสียวเป็นของเสริม
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (2)
โดย: tetete เมื่อ เมษายน 09, 2017, 09:38:53 ก่อนเที่ยง
อยากรู้เลยครับว่าเกิดอะไรเมื่อ5ปีก่อนและนางเอกเป็นใคร
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (2)
โดย: 633sqd เมื่อ เมษายน 09, 2017, 10:37:35 ก่อนเที่ยง
จะมีการข้ามเรื่องกันมั๊ยนะ ยูได้มิ่งมาเป็นบอดี้การ์ดอะไรแบบนี้ ::Shy::
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (2)
โดย: pinmonkey เมื่อ เมษายน 09, 2017, 03:04:21 หลังเที่ยง
ไม่เสียวแต่ได้รู้เรื่องปูทางกันเข้าใจก็จะเกิดอารมณ์ลึกซึ้งดีไปอีกแบบครับ น่าลุ้นความรักของยูว่าจะเปิดกับใคร และจะร้อนแรงแค่ไหน ขอบคุณมากครับ
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (2)
โดย: mighty เมื่อ เมษายน 09, 2017, 08:31:35 หลังเที่ยง
อ่านเพลินจนลืมเวลา..จูเนียร์นี่สุดยอดเลยอยู่ประเทศไทยคือนักการทูตธรรมดาๆคนนึงแต่พอเยื้อย่างก้าวเท้าเข้ายุโยปกลายเป็นผู้ทรงอิทธิพลทันทีทำให้นึกต่อทันทีเลยว่าเนื้อเรื่องต่อไปคงสนุกน่าติดตามแม้จะไม่บทอีโรติคก้ตาม...ขอบคุณครับ
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (2)
โดย: therasak เมื่อ เมษายน 09, 2017, 11:29:02 หลังเที่ยง
อภิมหาเศรษฐีเลยครับ รวยจริงๆ ใตรจะพิชิตใจได้ยังมองไม่เห็นตัวเลย
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (2)
โดย: gumpxxxx เมื่อ เมษายน 10, 2017, 12:20:56 ก่อนเที่ยง
เล่าเรื่องเก็บรายละเอียดดีจังเลยครับ วางโครงเรื่องได้เยี่ยมมาก ขอบคุณนะครับ
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (2)
โดย: sunnie06 เมื่อ เมษายน 10, 2017, 02:15:09 ก่อนเที่ยง
พระเอกของเรานี่เท่ห์ชะมัด
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (2)
โดย: swss2511 เมื่อ เมษายน 10, 2017, 08:17:32 ก่อนเที่ยง
แบบนี้สาวๆคงเข้าถึงยูยากมาก
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (2)
โดย: durocman เมื่อ เมษายน 10, 2017, 10:41:09 ก่อนเที่ยง
เนื้อเรื่องแบบนี้มันสุดยอดมากเลย   รีบมาเลยครับ
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (2)
โดย: swbkk เมื่อ เมษายน 13, 2017, 02:04:50 หลังเที่ยง
เดินเรื่องซับซ้อนชวนติดตาม บรรยายรายละเอียดต่างๆได้จะแจ้งดี ทำการบ้านเรื่องฉากและสถานที่ข้อมูลมาเป็นอย่างดี มาตามอ่านไม่ต้องเน้นเรื่องอีโรติคเลย  ชอบงานเขียนของท่านครับ   ขอคารวะให้หนึ่งจอก ......::Thankyou::
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (2)
โดย: wattana2015 เมื่อ เมษายน 15, 2017, 08:50:27 ก่อนเที่ยง
 ::Reader:: เนื้อหาแน่นดีจริงๆครับ  อ่านแล้วรู้ถึงที่มาของชายหนุ่มพระเอกของเรื่องและภูมิหลังที่มีมา  เนื้อหาสมูทดีมากๆเลยครับ เป็นกำลังใจให้งานดีๆตลอดไปครับ  ::Thankyou::
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (2)
โดย: P Eet ✦Diamond✦ เมื่อ พฤษภาคม 08, 2017, 06:59:11 ก่อนเที่ยง
This is the next installment of this novel, in this episode that is no erotica scene involve. This episode focus on the lifestyle of the hero. He seems to be living the life of a mafia type and his family business is selling weapons. His God Father is in the process of grooming the hero to be the next big boss of the Dynasty.  I think why the writer is taking a long time to lay the foundation and revealed to us that the hero had gone through a tremendous amount of loss, he's probably will not be easily open his heart to just anybody, hence the name of the title of this novel is ... A closed heart , signifying his heart has gone through a lot and right now, not open to anyone to come inside.  At the end of the episode... trouble is about to start brewing and will probably embroil our hero for a while.

An intriguing story line, when reading about it, you just can't predict just yet what will happen. If writer take this long and being thorough about this novel, it should turn out to be one of the nicer novel to read.
Writer doesn't focus very strongly on any erotic scene, rather writer focus on the story itself!!!

More like a novel that has some erotic scene here & there, not overrated!  also the erotic scene is very mild to mid mild at best. It is suitable for more like PG 13  rated, we will see if writer will actually bring it up to a R rated or not. 
Still, the story is captivating and it is an enjoyable read so far.


ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (2)
โดย: xonly-1013 เมื่อ สิงหาคม 22, 2017, 11:29:11 หลังเที่ยง
ขอบคุณมากครับแค่ตอนที่2ก็นาติดตามมากแล้ว ::Shy::

เปิดมารุคพระเอกนี่น่าค้นหามากๆ ::GiveMe::
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (2)
โดย: Somchai Sudsakhorn เมื่อ มกราคม 18, 2018, 09:38:19 หลังเที่ยง
งานเขียนในดวงใจไม่ต้องมีsexแต่อ่านแล้ววางไม่ลง
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (2)
โดย: suriyamahajit เมื่อ เมษายน 24, 2018, 12:49:37 ก่อนเที่ยง
แล้วนางจะเข้าถึงตัวยูได้ด้วยวิธีไหนละ
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (2)
โดย: paradrop เมื่อ กันยายน 25, 2018, 05:45:28 หลังเที่ยง
เกินไปแล้วเจ้เห็นแล้วกรี๊ดเนียะ
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (2)
โดย: 9toulek เมื่อ พฤศจิกายน 02, 2020, 03:19:14 หลังเที่ยง
หนุ่มยูของเรา ไม่เบาเลย
นี่ตามมาอ่านจากลิ้งค์อีกเรื่องที่แปะไว้เลย
ชื่อ: Re: หัวใจรักที่ปิดตาย (2)
โดย: dodam เมื่อ มีนาคม 01, 2024, 09:45:34 หลังเที่ยง
ไม่มีบทเสียวก็อ่านสนุกครับ และผมชอบอ่านนิยายเรื่องยาวมาก