bride lust สะใภ้สายหื่น
อภิญพร
บทที่หนึ่ง เปิดตัวดารา
ภายในห้องทำงานชั้นสองบนตึกสามชั้นตกแต่งสไตล์วิกตอเรียนผู้ดีมีตระกูลใหญ่กลิ่นไอของระเบียบเรียบร้อยแบบคนยุคเก่าส่งผ่านเฟอร์นิเจอร์ข้าวของเครื่องใช้ที่จัดวางเป็นระเบียบ ขนาดเปิดหน้าต่างรับลมธรรมชาติยังกลับทำให้คนที่ถูกเรียกมาให้สาวใหญ่เจ้าของบ้านสัมภาษณ์เป็นการส่วนตัวรู้สึกเย็นๆผสมกับบรรยากาศกลิ่นเหม็นอับบุหรี่จางๆชวนอึดอัด
"เอาเป็นว่าหลักฐานทั้งหมดทั้งสิ้นที่เธอจะใช้ยืนยันกับชั้นก็มีใบทะเบียนสมรสที่มีลายเซนต์ของเธอกับนายปิติใบเดียวนี่ใช่ไหม"
"มีสองใบค่ะ อีกใบอาจารย์ปิติขอเก็บไว้เอง"
"นายติเค้าบอกชั้นเรื่องของพวกเธอแล้ว ชั้นไม่ชอบอะไรที่มันไม่เป็นทางการแบบนี้เลยหลานชั้นทั้งคนมันก็ควรจะต้องมีงานฉลองให้มันใหญ่โตไม่ใช่ต้องมาทำลับๆล่อๆแบบนี้" คุณหญิงป้าวางแว่นสายตาลงบนแผ่นกระดาษแสดงความเป็นเจ้าของกันและกันของคนสองคนตามกฏหมายเบือนหน้ามองออกนอกหน้าต่างเหมือนกำลังใช้ความคิด
"เฟิร์สก็ไม่ได้ต้องการอะไรมากมายที่อยากได้ก็แค่ความรับผิดชอบที่อาจารย์มีให้แค่นี้หนูก็พอใจแล้ว"
"แหม.. มันก็แน่ล่ะจ้ะ ขืนชั้นจัดงานให้ตาติก็เหมือนชั้นป่าวประกาศให้คนเค้ารู้ว่าคนตระกูลชั้นเดี๋ยวนี้มันตาต่ำกันถึงขนาดเอาเด็กเสริฟมาทำเมีย"
"เอ่อ หนูเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินค่ะ" จริงๆเฟิร์สก็ไม่ได้อยากต่อปากต่อคำแต่ถ้ามันลามเลยถึงสถาบันอาชีพเธอก็ควรต้องออกหน้าแก้ไข
"แล้วนี่เธอไม่มีพ่อมีแม่รึไงสินสอดทองหมั้นกี่บาทกี่สตางค์ก็ยังไม่รู้จ้องแต่จะแหกธรรมเนียมประเพณีกันอย่างเดียวรึไง ฮึ"
"ก็อย่างที่เรียนให้คุณหญิงป้าทราบว่าเฟิร์สไม่ต้องการอะไรเลยค่ะและเรื่องนี้มันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพ่อเฟิร์สด้วย"
"เอาเถอะ.. ถึงยังไงชั้นก็ไม่ใช่แม่มันอย่าว่าแต่พวกเดินเสริฟน้ำเสริฟอาหารเลยถึงนายติมันจะเอาแม่ค้ามาทำเมียชั้นก็ไม่ได้เดือดร้อน อาจคันๆเป็นผื่นนิดหน่อยที่โดนใครก็ไม่รู้มาร่วมใช้นามสกุล"
"ถ้าคุณหญิงป้ามีธุระกับเฟิร์สแค่เรื่องนี้หนูก็จะขอตัวก่อนนะคะเพราะหนูก็บอกไปแล้วว่าไม่ได้ต้องการอะไรมากมายไปกว่าความรับผิดชอบจากลูกผู้ชายกล้าทำก็กล้ารับคนนึงแค่นั้นจริงๆ" เฟิร์สทำท่าจะลุกขึ้นยืน
"เดี๋ยวสิ ชั้นยังไม่ได้พูดธุระกับเธอเลย"
"อ๋อ.. ยังเหรอคะเนี่ย อื้มม"
"นี่ชั้นจะให้นายติฟ้องหย่าเธอเลยก็ได้นะทั้งๆที่เพิ่งจดทะเบียนนี่แหละ ชั้นบอกมันไปแล้วแต่เห็นมันเฉยๆก็เลยคิดว่ามันอาจนึกพิศวาสกับรูปร่างหน้าตาเธอกะจะสนุกกับเธอยาวๆซักสองสามปีก็ได้นะมันถึงไม่เอาด้วยกับแผนของชั้น"
"แล้วคุณหญิงจะให้อาจารย์ฟ้องหย่าหนูข้อหาอะไรล่ะคะ"
"ก็เรื่องที่เธอไม่ได้ดีพร้อมพอสำหรับหลานชั้น ถามจริงๆสายการบินเค้าไม่ได้เช็คประวัติเธอก่อนหรอกเหรอเค้าถึงยอมให้คนอย่างเธอทำงานกับเค้าได้"
"ถ้าสายการบินของประเทศนี้ก็คงจะเป็นอย่างที่คุณหญิงป้าว่านั่นล่ะค่ะ ว่าแต่คุณหญิงป้าหมายถึงเรื่องอะไรคะ"
"ชั้นหมายถึงหนังเรื่อง bride lust .. ที่เธอเล่น"
"อ๋อ.. คุณป้าคงมองว่าหนูเคยแสดงหนังโป๊มาก่อน หนูถึงโดนข้อหาไม่ดีเพียบพร้อมพอ"
"ชั้นก็ไม่ใช่คนแก่แล้วแก่เลยคร่ำครึไดโนเสาร์อย่างที่เธอกำลังคิดอะไรซักเท่าไหร่หรอกนะ สำหรับเด็กที่ย้ายกลับไปญี่ปุ่นตั้งแต่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรอย่างเธอก็คงจะซึมซับวิถีชีวิตของคนที่นั่นซึ่งเค้าอาจจะเห็นว่าเป็นเรื่องธรรมดาเป็นบันไดดาราเป็นเรื่องเด่นดังได้เงินได้ทอง แต่ถ้าวันนึงเธอได้เป็นแม่คนแล้วลูกชายของเธอมาบอกว่าเค้าได้เมียเป็นนางเอกหนังโป๊วันนั้นเธอก็จะเข้าใจชั้นเอง"
"คือ.. หนู "
"ชั้นให้เวลาเธอคิดหาคำตอบหรือว่าคำโกหกอะไรดีๆก็ได้ไม่ต้องรีบ อย่างที่บอกว่าชั้นไม่ใช่แม่มันที่ชั้นถามเธอจริงๆก็แค่อยากรู้เพราะจะว่าไปชั้นก็ไม่สามารถชี้เป็นชี้ตายสั่งอะไรกับชีวิตของนายติไม่ได้ปล่อยให้เค้าตัดสินใจเองมานานแล้ว"
"หนังเรื่อง bride lust มันมีสามภาคค่ะ bride lust หนึ่ง สอง สาม " เฟิร์สตัดสินใจว่าจะไม่โกหก "มันเป็นหนังชุดกึ่งๆสารคดีชีวิตสามเรื่องสุดท้ายของพ่อ พ่อเฟิร์สเป็นคนเขียนบทเองกำกับเองถ่ายเองย้อมสีภาพเองตัดต่อลำดับภาพเองทั้งสามเรื่อง"
"หนังโป๊ที่ได้รางวัลจากทั้งฝรั่งเศษเยอรมันและก็ในญี่ปุ่น อย่าหาว่าชั้นเสียมารยาทสืบค้นเรื่องของเธอเลยนะแต่ก็ดีแล้วล่ะที่เธอเลือกที่ไม่โกหก เพราะถึงเธอจะโกหกชั้นก็รู้อยู่ดี" คุณหญิงป้าดับบุหรี่ด้วยอิทธิฤทธิ์ของสุดยอดเครื่องฟอกอากาศติดเพดานไม่นานนักอากาศก็กลับมาสดชื่นแต่สำหรับคนจมูกไวอย่างเฟิร์สก็ยังได้กลิ่นอับบุหรี่จางๆอยู่ดี
"มันเป็นหนังเรทแบบห้ามให้เห็นส่วนข้างล่างค่ะแล้วก็จะเน้นที่เส้นของเรื่องที่ความงดงามสื่ออารมณ์ของภาพมากกว่าแค่ฉากอีโรติกและในทุกๆฉากอีโรติกก็จะต้องมีเหตุผลมีที่มาที่ไป มันไม่เหมือนกับหนังโป๊อย่างที่คุณป้าเข้าใจ"
"แล้วทำไมเธอถึงเล่นแค่สามเรื่องนี้ล่ะได้รางวัลหนังดังขนาดนี้ชั้นดูหน่วยก้านหน้าอกหน้าใจเธอก็น่าจะรุ่งนะ เมื่อกี๊เธอบอกว่าเป็นผลงานของพ่อทั้งหมดแล้วทำไมพ่อเธอไม่ทำต่อล่ะ พ่อตายเหรอ"
"เปล่าค่ะ พ่อเฟิร์สย้ายไปอยู่ชายแดนจีนกับเกาหลีเหนือ จริงๆเค้าเป็นคนเขียนข่าวเขียนสารคดีค่ะไปทีนึงสามสี่ปีกลับ พวกเรื่องแนวอีโรติกก็จะมีแค่สามเรื่องนี้เท่านั้นแต่ก็เป็นสามเรื่องที่เค้ารักมากไม่ยอมขายหรือให้สิทธิใครไปพิมพ์หนังสือหรือทำหนังเลย"
"เดี๋ยวนะ!! ตรงนี้ไม่ตรงกับที่ชั้นรู้มา" คุณหญิงป้าหยิบซองสีน้ำตาลจากลิ้นชักโต้ะดึงกระดาษเอสี่หยิบแว่นตาตั้งใจอ่านตัวหนังสือมีรูปปริ้นท์สี่สีประกอบข้อความ "ในนี้บอกว่าพ่อเธอหายสาบสูญ ตายไปแล้วนี่"
"เปล่าค่ะ พ่อยังอยู่เมื่อวานยังโทรคุยกันกับหนูเลยเดี๋ยวนี้แถวที่พ่ออยู่ก็เพิ่งมีสัญญาณเน็ต"
"นี่ชั้นต้องจ่ายมากกว่านี้อีกซักเท่าไหร่ถึงจะได้ข้อมูลที่มันตรงกับความเป็นจริงซักทีเนี่ย" คุณหญิงป้าอารมณ์เสียกับทีมงานนักสืบ ขยับแว่นกรอกตาอ่านเร็วๆ "ปีสองพันสิบสามเธอจบมหาลัยโตเกียว ปีสิบสี่เริ่มเป็นแอร์เจแปน บลาๆๆ บลาๆๆ" เฟิร์สเริ่มรู้สึกผ่อนคลายปรับตัวได้กับการโดนสอบสวน "พ่อเธอนี่ก็แปลกคนนะลูกสาวทั้งคนยอมให้คนเห็นเนื้อเห็นนมซะขนาดนั้น ตอนนั้นเธอสิบหกสิบเจ็ดเองไม่ใช่เหรอ"
"สิบเจ็ดค่ะ เฟิร์สเซ็นต์เป็นนักแสดงถูกต้องด้วย พ่อให้อ่านบทของเค้าตั้งแต่เฟิร์สยังเด็กแล้วหนูเป็นคนขอให้เค้าเก็บบทเรื่องนี้ไว้รอจนหนูอายุสิบเจ็ดก่อนเพราะอ่านแล้วอยากจะเล่นเป็นตัวเอกของเรื่องมาตลอด อยากตอบแทนเค้าที่เค้าช่วยพาหนูไปญี่ปุ่น"
"ชั้นว่าชั้นถามจากเธอเองเลยดีกว่าหวังว่าเราจะเริ่มต้นโดยความจริงใจไม่ต้องโกหกกันนะ" คุณหญิงป้าขยำกระดาษเอสี่สรุปรวมประวัติของสะใภ้คนล่าสุดโยนลงถังขยะ
"เท่าที่ชั้นอ่านประวัติของเธอช่วงที่เธอใช้ชีวิตอยู่ที่โน่นคือประวัติส่วนใหญ่ที่ชั้นได้มา ชั้นสงสัยว่าทำไมไม่มีเรื่องของแม่เธออยู่เลย"
"แม่ไม่ได้ไปด้วยค่ะ จริงๆหนูไม่รู้เลยว่าแม่หนูคือใครหรือพ่อจริงๆคือใคร"
"อ้าว นี่เธอหมายความว่าที่พาเธอกลับญี่ปุ่นนั่นก็ไม่ใช่พ่อจริงๆของเธอ"
"ไม่ใช่ค่ะ และก็ไม่ใช่พากลับด้วย"
"แต่ผิวพรรณหน้าตาเธอก็คล้ายคนญี่ปุ่นนะ นักสืบเค้ายังบอกในรายงานว่าเธอเป็นลูกครึ่งญี่ปุ่น"
"หนูก็บอกใครๆแบบนั้นเหมือนกันค่ะไม่งั้นแสดงหนังหรือทำอะไรไม่ได้เลย แต่พ่อก็เคยบอกเฟิร์สเองว่าเค้าไม่ใช่พ่อแท้ๆของเฟิร์ส"
"แล้วเธอไม่เคยถามเค้าเรื่องแม่หรือเรื่องพ่อจริงๆของเธอเหรอ"
"ถามค่ะแต่พอบอกว่าไม่รู้ ไม่รู้จริงๆ เค้ารู้แค่หนูมีน้องชายแต่ว่าน้องชายตายแล้วเค้าก็ไม่อยากทิ้งหนูไว้คนเดียวเลยรับหนูไปอยู่ที่ญี่ปุ่นด้วย"
"แล้วที่โน่นเธออยู่กับใครล่ะ อย่าบอกนะว่าเธออยู่กับผู้ชายที่เป็นใครก็ไม่รู้ญาติก็ไม่ใช่แค่สองคนมาตลอด"
"อยู่กับพี่ชายลูกแท้ๆของคุณพ่ออีกคนนึงด้วยค่ะ ทั้งบ้านอยู่กันสามคน"
"โอย อกชั้นจะแตก นี่ตับไตใส้พุงเครื่องเคราของเธอมันยังเหลือครบสามสิบสองมั้ยเนี่ย"
"คุณป้าหมายถึงอะไรคะ"
"ก็ถ้าให้ชั้นนับนิ้วเท่าที่รู้ก็ทั้งพ่อเธอทั้งพี่ชายไหนจะตัวแสดงในหนังอีก นี่บอกชั้นได้มั้ยว่าเธอผ่านผู้ชายมากี่คนแล้วเนี่ย"
"ถ้ามันจะช่วยทำให้คุณหญิงป้ารู้สึกดีขึ้นผู้ชายที่ควรจะต้องรับผิดชอบต่อการล่วงละเมิดเฟิร์สก็มีแค่อาจารย์ปิติคนเดียวค่ะ ส่วนถ้าคุณป้าเป็นกังวลเรื่องบทบาทการแสดงผู้ชายสองคนนั้นก็คือพ่อของหนูกับซาโต้พี่ชายหนูเองแถมตอนถ่ายพ่อเอาเทปพลาสติกมาปิดร่องข้างล่างไว้อะไรก็เข้าไปไม่ได้ที่คุณหญิงป้าเห็นนั่นพ่อใช้มุมกล้องช่วยมันก็เลยเหมือนทำกันจริงๆค่ะ"
"ในสายตาของเธอเห็นคนที่ทำธุรกิจสารพัดอย่างมีเรื่องให้คิดมากมายอย่างชั้นยังจะมีเวลาเหลือไปนั่งดูหนังโป๊ของพ่อเธองั้นสินะ"
"แต่พ่อหนูถ่ายสวยมากนะคะเนื่อเรื่องก็สนุกมากด้วย เผื่อถ้าวันนึงคุณหญิงป้าอยากดู"
"แล้วเธอมาอยู่นี่ส่วนพ่อเธอก็ไปอยู่อะไรนะชายแดนจีนกับเกาหลีเหนือพี่ชายเธอก็อยู่ญี่ปุ่น เท่ากับว่าครอบครัวเธอก็บ้านแตกแยกย้ายกันไปหมดเลยสิ"
"ซาโต้อยู่อเมริกาค่ะ ไปเรียนทำหนังกับไปเล่นดนตรีที่นิวยอร์ค"
"ไม่อ่ะ ยังไงชั้นก็ไม่เชื่อ ถ้าพวกเธอบอกว่าอยู่กันอย่างพ่อลูกพี่น้องแล้วทำไมตอนเล่นหนังสดสองคนนั่นของเค้าถึงแข็งได้ล่ะ"
"คุณป้าหมายถึงจู๋ของพ่อกับซาโต้น่ะเหรอคะ"
"ใช่สิจะใครล่ะ!! ถ้าสองคนนั่นไม่คิดอะไรกับเธอแล้วส่วนนั้นของเค้ามันจะแข็งขนาดในหนังอย่างนั้นได้ยังไงกัน"
"อ๋อ.. มันก็จะมีเห็นแบบแค่แว้บๆเองค่ะ จริงๆตอนพ่อตัดต่อเห็นกว้างกว่านี้นะเห็นจู๋ทั้งอันเลยแต่คุณพ่อเฟิร์สครอปให้เห็นแค่เกือบๆเห็นขนนิดๆพอได้แต่ถ้าเห็นส่วนหนึ่งส่วนใดแม้แต่แค่แว็บๆก็โดนปรับเงินไปตามครั้งที่หลุดเลยอ่ะค่ะ บางทีพ่อก็บอกก่อนว่าตรงนี้ขอเห็นหัวนมแว้บนึงนะ ยอมโดนปรับ"
"ชั้นกำลังถามเธอว่าถ้าพวกเธอไม่คิดอะไรกันแล้วมันจะแข็งได้ยังไง นี่จะเล่ายาว เพื่อ!!"
"อ๋อ.. ถ้าไม่แข็งในเรื่องมันก็มีอะไรกันไม่ได้สิคะ ส่วนมันจะแข็งได้ยังไงตอนถ่ายก็หลายเทคนะไม่แข็งต้องเอาใหม่ก็มี"
"โอ้ย!! ชั้นคุยกับหล่อนแล้วปวดหัวแล้วนี่เมื่อไหร่ตาติถึงจะกลับมาบ้านสักที"
"อาจารย์ไปอเมริกาเห็นบอกว่าน่าจะอีกสองอาทิตย์ค่ะถึงจะเคลียร์ของเครื่องมือส่งกลับมาได้หมดค่ะ"
"เออ!! เห็นเด็กคนงานมันบ่นกับของที่กองตากแดดตากฝนอยู่หน้าบ้านนายติเธอไปบอกเด็กมันซะด้วยว่าจะให้เอาไงจะทิ้งหรือจะเก็บ แล้วนี่เธอจะเข้าไปอยู่ในบ้านเลยมั้ยแต่เด็กมันก็ทำความสะอาดตลอด"
"หนูอยู่คอนโดค่ะพอดีพรุ่งนี้มีไฟล์ทไปสวิสห้าวันไว้กลับมาคงเริ่มย้ายของ"
"ไม่น่าเชื่อว่าแค่นายปิติตื่นมาแล้วมันนอนแก้ผ้าอยู่กับเธอจะเลยเถิดไปถึงขนาดให้พวกเธอหมั้นหมายจดทะเบียนกันได้อย่างกับเรื่องง่ายๆไม่ต้องคิดหน้าคิดหลัง ..แต่จะว่าไปชั้นก็รู้จักหลานชายชั้นดีในบ้านนี้น่ะนรกของเธอคงไม่ใช่ชั้นหรอกนะเพราะฉะนั้นถ้าเธอจะเอาเรื่องอุบัติเหตุเพียงแค่คืนเดียวมาทึกทักตัดสินว่าเธอจะฝากชีวิตของเธอไว้กับคนอย่างนายปิติโดยที่ไม่ได้รู้จักศึกษานิสัยใจคอกันให้ดีก่อน เธอจะถามชั้นก่อนมั้ยว่ามันเป็นคนยังไง ชั้นว่าตอนนี้ชั้นรู้จักมันดีกว่าเธอแน่นอน"
"ก็อย่างที่เฟิร์สเรียนคุณหญิงป้าไปนั่นแหละค่ะว่าเฟิร์สไม่ได้หวังหรือคิดจะขออะไรมากเกินไปกว่าความรับผิดชอบ ถ้ากระดาษใบนี้คือความรับผิดชอบที่อาจารย์แสดงเฟิร์สเองก็ต้องรับผิดชอบคำพูดของตัวเองเหมือนกันค่ะ"
"หนังที่เธอเล่นชื่อเรื่องอะไรนะ bride lust .. ถ้าจะตั้งชื่อภาษาไทยจะตั้งว่าไงดีล่ะ ความปราถนาของเจ้าสาวดีมั้ย ฮึ เออ.. ชั้นว่าชั้นชอบนะ ความปราถนาของเจ้าสาว หึๆ แต่ถ้าเป็นที่นี่ชั้นว่าในคืนแต่งงานคงไม่มีเจ้าสาวที่ไหนยอมมีอะไรกับทั้งแก่ทั้งหนุ่มอย่างบทบาทที่เธอแสดงในหนังนั่นหรอก"
"แบบนี้แสดงว่าคุณป้าได้ดูแค่ภาคแรกภาคเดียวแน่ๆภาคนั้นเฟิร์สเขียนคำบรรยายภาษาอังกฤษเองด้วยอ่ะค่ะยอมรับเลยว่ามั่วสุดๆตอนคุณพ่อได้รางวัลเฟิร์สยังงงตัวเองเลย คือภาคแรกที่คุณหญิงป้าดูมันเป็นแบบแต่งงานแต่จริงๆเรื่องมันเป็นความสัมพันธ์ของพ่อผัวลูกสะใภ้กับลูกชายที่อยู่ในบ้านเดียวกันอ่ะค่ะเพลงเพราะนะคะซาโต้ทำเพลงประกอบเองทั้งสามภาคได้รางวัลได้ทุนไปเรียนนิวยอร์คเลยค่ะ"
"bride lust ถ้าเธอว่าใช้ ความปราถนาของเจ้าสาว ยังไม่ตรงกับเนื้อเรื่องแล้วเธอว่าต้องใช้อะไร"
"ตอนนั้นเทศกาลหนังเคยมีคนเอาภาคแรกเข้ามาฉายแต่มันไม่มีบรรยายภาษาไทยคนก็เลยไม่ค่อยดูค่ะเฟิร์สซาโต้พ่อมาจากญี่ปุ่นคนดูเรื่องนี้ในเมืองไทยทั้งโรงมีสิบคนได้มั้ง เค้าตั้งชื่อเรื่องว่า สะใภ้สายหื่นค่ะ"
" bride lust .. สะใภ้สายหื่น เออ คนตั้งชื่อมันก็เก่งนะเห็นภาพเธอเลยล่ะ" คุณหญิงป้าตั้งท่าจะสูบบุหรี่ต่ออีกมวน
.................................................................................
"รถติดนะ ผมว่าแถวๆย่านสุขุมวิทนี่มันชักจะเล็กเกินไปแล้ว" นายแพทย์หนุ่มใหญ่วัยห้าสิบกว่าในชุดกาวน์สีขาวเดินตามมาเกาะรั้วเหล็กมองบรรยากาศเบื้องล่างจากดาดฟ้าอาคารชั้นสี่สิบ "ถ้าเป็นที่สิงค์โปร์ไอ้บ้านเล็กๆห้องแถวเล็กๆแบบนี้ไม่มีเหลือหรอก มองไปนี่มีแต่ตึกสูงเป็นแท่งๆ"
"ช่วงนี้ได้ข่าวว่าอาจารย์อยู่ที่สิงค์โปร์แทบจะตลอดเลยเหรอครับ"
"ก็ไม่ตลอดหรอกมีไปๆมาๆบ้าง แต่จะว่าไปส่วนใหญ่ก็อยู่ที่โน่นจริงๆแหละนี่ลูกชายผมก็เพิ่งย้ายไปเรียที่โน่น"
"นี่ถือว่าประเทศเราสูญเสียบุคคลากรคนสำคัญเลยนะครับเนี่ย"
"โอ้ย!! .. ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกคุณครองภพ ผมมันเหลือเวลาทำงานอีกไม่กี่ปีแล้วใครให้ทำอะไรเรียกไปไหนผมก็ไปทั้งนั้นล่ะลูกยังไม่จบมหาลัยเลย หึๆ"
"ได้ตัวอาจารย์ไปแบบนี้แสดงว่าโรงพยาบาลทางโน้นเค้าก็ตั้งตัวชนกับเราเต็มที่เลยสิครับอาจารย์"
"เดี๋ยวนี้มันกลายเป็นคำว่าธุรกิจพยาบาลเต็มตัวแล้วนะคุณครองภพจะว่าชนมันก็ชนนั่นแหละ สิบปีที่แล้วใครเป็นอะไรก็บินมาบ้านเรานะแต่ตอนนี้อย่าว่าแต่สิงค์โปร์เลย เวียดนามกัมพูชาเค้าก็มีหมดแล้วโรงพยาบาลดีๆเอาไว้รองรับพวกฝรั่ง" อาจารย์หมดขยับแว่น "มันก็คนของเราทั้งนั้นแหละที่ออกไปเป็นมือปืนรับจ้างทำกัน"
"แบบอาจารย์เนี่ยเหรอครับ" ครองภพยิ้มมุมปาก
"55 ผมมันแค่หมอแก่ๆเก่าๆ อย่างที่ว่าแหละ ใครเรียกไปไหนผมก็ไปทั้งนั้นว่าแต่นี่กี่โมงแล้วผมไม่ได้พกนาฬิกามา"
"ก็ได้เวลาแล้วล่ะครับ ผมว่าน่าจะลำนั้นแหละ" ครองภพยกมือบังแสงแดดมองเฮลิคอปเตอร์ลำเล็กบินย้อนทางแสงอาทิตย์ตรงเข้ามาตามเวลานัดหมายที่เขาและอีกหลายๆคนกำลังยืนรออยู่
"งั้นผมว่าเราไปรอตรงโน้นกันดีกว่า" อดีตอาจารย์หมอชื่อดังโยนบุหรี่ลงกับพื้นแล้วเดินไปชายหนุ่มต้องเดินตามไปเหยียบขยี้ให้มั่นใจว่าดับสนิท
จากฮ.ลำเล็กๆที่บินย้อนแสงอาทิตย์ยามบ่ายแก่ๆค่อยๆใหญ่ขึ้นประกอบกับเสียงเครื่องยนต์ใบพัดที่เริ่มดังจนกลายเป็นสนั่นหวั่นไหวอยู่บนหัวส่งลมแรงจนทีมแพทย์พยาบาลต้องจับเสื้อกระโปรงไว้ ครองภพจับเน็คไทด์ไปให้สะบัดไปตามแรงลมมองทีมเคลื่อนย้ายผู้ป่วยของโรงพยาบาลชื่อดังแห่งหนึ่งที่มีความเชี่ยวชาญในการรับส่งผู้ป่วยทางอากาศยานโดยเฉพาะเพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาจราจรติดขัดในกรุงเทพ อาจารย์หมอเดินเข้าไปสมทบทันทีที่เปลี่ยนเตียงเข็นตรวจดูความเรียบร้อยแล้วส่งต่อให้พนักงานรับช่วงเข็นต่อไป
"นี่คุณเอมิเลียส่วนนี่คุณครองภพผู้อำนวยการสถาบันครับ" อาจารย์หมอวัยห่างกันเกินยี่สิบปีแนะนำชายหนุ่มกับญาติผู้ป่วยอย่างให้เกียรติ "คุณเอมิเลยเป็นภริยาท่านทูตประจำที่สิงค์โปร์น่ะครับ"
"สวัสดีครับ เป็นเกียรติกับทางสถาบันมากครับที่ได้รับใช้ท่านผู้หญิงและท่านทูต" ครองภพก้มทักทายอย่างสุภาพ "ในเคสของท่านทูตสถาบันของเราได้เตรียมพร้อมการรักษาไว้อย่างดีเยี่ยมที่สุดตามความรู้ความสามารถของพวกเราไว้แล้วครับ"
"โอ้ย!! ถ่อมตัวเกินไปแล้ว ผมว่ามีไม่กี่แห่งในโลกหรอกที่มีเทคโนโลยีระดับนี้ เข้าไปกันก่อนดีกว่าเดี๋ยวผจะสรุปขั้นตอนให้ฟัง" อดีตอาจารย์หมอชื่อดังบอกกับภริยาท่านทูตชักชวนให้เดินตามกันเข้าภายในอาคาร
"งั้นเดี๋ยวเชิญที่ห้องพักผู้ป่วยเลยครับ" ชายหนุ่มเดินปิดท้ายหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูสายเรียกเข้าที่สั่นเตือนมาสักพักนึงแล้ว
หลังจากสรุปแนวทางการรักษารวมถึงระยะเวลาพักรักษาตัวครองภพก็ขอตัวกลับห้องทำงานเพื่อจัดการเรื่องอื่นๆของสถาบันวิจัยทางการแพทย์สุดไฮเทคที่ตั้งขึ้นมาเพื่อค้นคว้าหานวัตกรรมใหม่ๆเพื่อรองรับยื้อชีวิตมหาเศรษฐีจากทั่วทุกมุมโลกที่ไม่เกี่ยงงอนราคาที่จะแลกกับการพ้นจากทุกข์ทรมาณจากโรคร้ายต่างๆนาๆ และด้วยช่องโหว่ช่องว่างทางกฏหมายทำให้บางเรื่องที่ถูกตรวจสอบจับตาอย่างหนักในต่างประเทศกลับทำได้สะดวกโยธินแบบไม่มีใครสนใจใครในประเทศนี้ บรรดาผู้คนชนชั้นล่างที่เดินผ่านหน้าประตูไปมาน้อยคนนักจะรู้ว่าภายในตึกสูงสี่สิบชั้นแห่งนี้จะมีสถาบันทางการแพทย์สุดล้ำศูนย์รวมอุปกรณ์ไฮเทคโนโลยีการรักษาผู้ป่วยวิกฤตชั้นแนวหน้ารวบรวมมีไว้เลือกใช้พร้อมเพรียงในระดับท็อปไฟว์ของโลก
........................................................................................
ตั้งใจมั่นว่าจะเขียนเป็นเรื่องยาวให้ได้มีแค่ตอนเดียวแต่ห้าวหาญถึงขั้นลงเรื่องในหมวดหมูซีรี่ย์ มีพล้อตมีทิศทางมีหักมุมเก็ไว้ในใจเรียบร้อยครับคิดว่าสนุกจะเหลือก็แค่ความขยันมีระเบียบวินัยและความมุ่งมั่นเท่านั้น 55 ทุกคำวิจารณ์คือกำลังใจชอบไม่ชอบยังไงเผลอๆจุดประกายเอาไปใส่ตอนหน้าได้
บทแรกนี้ไม่มีเข้าพระเข้านางสำหรับท่านที่รู้สึกว่าอ่านแล้วเสียเวลากราบขออภัยด้วยครับโม้ไว้ก่อนว่าตอนหน้าจะมีบทสยิวกิ้วแน่นอน 55 (จริงๆไม่ถนัดแต่ขี้โม้ขายยาซื้อเวลาไว้ก่อนถึงตอนต้องนอนเขียนทีไรไปไม่เป็นทุกที) พบกับ bride lust สะใภ้สายหื่น ตอนต่อไปเร็วๆนี้(เมียชักเริ่มเหล่ๆบ้านช่องเสื้อผ้าไม่ถูไม่ซัก)
ขอบพระคุณครับ
เขียนลงท้ายแบบนี้ ต้องรีบลงตอนหน้าแล้วแหละครับ
เปิดตัวได้น่าสนใจมากครับ ขอบคุณมากนะครับ ลุ้นตอนต่อเลย
เริ่มเรื่องใหม่ก็เปิดตัวได้น่าสนใจมากเลยครับ ลุ้นตอนต่อเลย ขอบคุณมากครับ
แนวนี้คนชอบนะครับ แต่น่าจะแหวกแนวกว่าเรื่องอื่นเพราะเห็นมีหมอๆมาเกี่ยวข้อง อาจารย์หมอไม่น่าจะเคยดูหนังเรื่องราวสาระ เอ หรือว่าจะเคย ไม่รู้เป็นหมอสายหื่นหรือเปล่า ขอบคุณครับ
สนุกดีครับ ชอบๆๆ ติดตามตอนต่อไป
ขอจองที่นั่งรออ่านตอนต่อไปเลยครับ
โคลงเรื่องน่าสนใจครับ รอติดตามต่อ
เปิดตัวแล้วก็คงต้องมีตามมาติดนะครับ และต้องย้อนกลับมาอ่านใหม่อีกรอบขอบคุณครับ
เนื้อเรื่องมีที่มาที่ไปน่าติดตามมากฮะแต่เหมือนปูเรื่องไว้ว่าตัวเอกอย่างเฟิร์สที่เป็นนางเอกหนังติดเรทมาก่อนชีวิตจริงอาจจะซ้ำรอยหนัง แล้วความสัมพันธ์ของพ่อบุญธรรมกับพี่ชายบุญธรรมก็ยังน่าสงสัยอยู่ อันนี้จะรอติดตามตอนต่อไปนะฮะ
มาแนวนางพญาเทครัว คงจะฟาดเหล่าดุ้นๆเรียบทั้งบ้านแน่ๆ อย่างนี้ชอบๆ ::Confident::
แค่ตอนแรกก็สนุกแล้วครับ อย่าถ่อมตัวเลย เนื้อหาน่าสนใจ เข้าท่าเข้าทาง ผมชอบนะ
ใครไม่เม้นผมเม้น ชอบจริง ๆ
ผมชอบนะ
ไตเติ้ลมาก็น่าติดตามอ่านแล้ว
มันเชื่อมต่อกับเรื่องไหนของนักเขียนรึป่าวครับ ชื่อตัวเอกคุ้นๆนะครับ
น่าสนใจตรงแม่ผัวนี่แหละ ::HoHo::
เปิดตัวแบบนี้ออกได้หลายหน้ามากเลยครับ
เปิดตัวได้น่าค้นหามากคงได้ตามยาวๆตัวละครล้วนมีเบื้องหลังที่น่าคิดตาม
แนวเนื้อเรื่องแบบนี้อยากให้มียาวๆครับอ่านแล้วสนุกดี
เนื้อเรื่องน่าสนใจครับ แต่ยังไม่รู้แต่ละคนจะเกี่ยวข้องกันยังไง คุณหญิง เฟริส อาจารย์หมอ(คงไม่ใช่อาจารย์ปิติแน่) ครองภพ เปิดตัวมาตัวละครเยอะขนาดนี้คงต้องอ่านอีกหลายตอนว่าเรื่องแนวไหน (แน่ๆคงไม่ใช่เรื่องผี 555) เป็นกำลังใจครับ
น่าติดตามมากๆครับ แต่จะหื่นขนาดไหนต้องมารออ่านดู อิอิ
เป็นเรื่องที่เริ่มต้น แล้วมีจุดที่อยากจะตามอ่านหลายจุดจริงๆ
แหมบทบรรยายดีเยี่ยมเลยครับ จะได้ตั้งต้นถูก เป็นผลงานนึงที่น่าติดตามครับ เดี๋ยวมาอ่านตอนต่อนะครับ ไปซักผ้าก่อน เมียเรียกแว้ววว 555
น่าติดตามครับ เป็นกำลังใจให้ และขอให้งานออกมาดีดังหวังครับ
นานๆจะเจอนางเอกหื่นๆซักครั้งนะครับ
เขียนให้ลุ้นแบบนี้ ก็ต้องตามอ่านต่อตอนหน้าล่ะครับ แบบนี้
เปิดตัวก็น่าสนใจแล้ว ไหนจะเป็นเรื่องอดีตของน้องเฟิร์ส ไหนจะเรื่องสถาบันรักษาคนแบบลับๆ อีก
เนื่อเรื่องน่าสนใจดีครับ จะติดตามตอนต่อไปนะครับ
เปิดตัวได้ให้ลุ้น. รอผลงานที่จะตามมาครับ
อ่านตอนแรกแล้วลุันตอนต่อไปครับ
::Glad::👍พึ่งจะเข้ามาอ่านเรื่องนี้เริ่มเรื่องก็หน้าติดตามแล้ว ไม่รู้ว่าเขียนจบหรือยัง สนุกขอชื่นชมในจิตนาการของผู้แต่ครับ
::Glad::
อ่านแล้วเพลินดีคับ