bride lust สะใภ้สายหื่น
อภิญพร
บทที่สาม วงศ์ศัลย
อดีตอาจารย์ศัลยแพทย์ชื่อดังกึ่งเดินกึ่งวิ่งถอดเสื้อผ้าของตัวเองเข้าห้องอบไอน้ำฆ่าเชื้อโรคเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดผ้าฝ้ายปลอดเชื้อเปิดประตูเข้าไปสมทบกับทีมแพทย์และพยาบาลผู้ช่วยเป็นคนสุดท้าย ทุกคนล้วนระดับยอดฝีมือที่อาจารย์เดชาเป็นผู้คัดเลือกด้วยตัวเอง
"สวัสดีค่ะอาจารย์" แพทย์หญิงผู้ช่วยยกมือไหว้คนอื่นๆในห้องยกมือไหว้สวัสดีตาม
"อ่ะ.. สวัสดีค่ะ สวัสดีทุกคน ..ไฟฟ้า ว่าไง"
"เรียบร้อย เครื่องสำรองไฟฟ้าสถานะเต็มร้อยเปอร์เซนต์อุปกรณ์ทุกตัวสถานะสแตนบายพร้อมใช้ในอีกสามนาทีค่ะ"
"ข่าวเค้าว่ามีดเล่มเดียวเธอควงไปทั่วแอฟริกาเลยเหรอ"
"โหย ยังไม่ถึงขนาดนั้นหรอกค่ะอาจารย์" แพทย์หญิงผู้ช่วยพูดถ่อมตัว
"เป็นไง ผมบอกคุณแล้ว.. ที่เดียวที่คุณจะได้เห็นทุกอย่างตั้งแต่นรกยันสวรรค์ก็แอฟริกาที่เดียวเท่านั้น ที่นี้พอหมอผ่านยูเอ็นสักทีนึงก็ไปได้ทั่วโลกแล้ว"
"หนูก็ต้องขอขอบคุณคำแนะนำของอาจารย์ด้วยค่ะ ตอนหนูบอกใครว่าเป็นลูกศิษย์ของอาจารย์เดชาขนาดพวกคณะแพทย์ญี่ปุ่นก็ยังยกนิ้วให้บอกว่าอาจารย์เยี่ยมที่สุดค่ะ"
"แหนะ.. เอาผมไปหากินอีก ที่ว่ายกนิ้วนี่ไม่ใช่นิ้วกลางนะ"
"อ๋อ!! ไม่หรอกค่ะอาจารย์ กดไลค์ก็ต้องนิ้วโป้งสิคะ"
"โล่งไป ผมก็นึกว่านิ้วกลาง ฝรั่งบอก มอเดชาแมงเฮียจิงจิ้ง.." พยาบาลสาวหัวเราะเบาๆ "อ้าวหัวเราะอาจารย์เหรอคะเดี๋ยวจะโดนมิใช่น้อยนะโทษฐานเยาะเย้ยอาจารย์" อาจารย์หมอหันกลับมา "คราวหลังไม่ต้องบอกว่าเป็นลูกศิษย์ผมแล้ว บอกว่าเป็นผู้ช่วยผมไปเล้ยย" ผู้ช่วยแพทย์สาวก้มหัวน้อมรับคำชมยิ้มตาหยีเห็นแต่ตาเพราะคาดผ้าปิดปากไว้ เสียงครางเบาๆต่อเนื่องของปั๊มอัดแรงดันลมหยุดลงทุกคนไม่พูดอะไรกันอีกความเงียบเป็นสัญญาณบอกว่าอุปกรณ์ทุกอย่างเข้าที่แล้วพร้อมเริ่มต้นนับนาทีที่หนึ่งของการผ่าตัด
"พยาบาล ผมขอติดต่อภายนอกหน่อย" อาจารย์หมอบอกพยาบาลให้กดปุ่มสื่อสารกับห้องข้างๆที่มีกระจกบานใหญ่กั้นไว้ "คุณครองภพ.."
"ครับ.. อาจารย์"
"ผมตรวจสอบอวัยวะที่จะเปลี่ยนบอกได้คำเดียวว่าสมบูรณ์แบบมาก สีแดงกำลังดีส่วนที่เป็นสีขาวก็ดูโอเค ครองภพ.. คุณนี่มันยอดเยี่ยมจริงๆ"
"ขอบคุณครับอาจารย์" ผู้ช่วยสาวเริ่มลงมีดกรีดเปิดผ่านชั้นผิวหนัง ครองภพขยับกระชับแว่นตามองผ่านกระจกใสบานใหญ่จากห้องข้างๆที่ตกแต่งหรูหราที่นั่งหนังวัวแท้ระดับวีไอพีจัดไว้เพื่อชมวิทยายุทธเพลงมีดไร้เทียมทานระดับปรมาจารย์จากแพทย์ระดับยอดฝีมือทั่วโลกโดยเฉพาะ เขานึกประหลาดใจที่แพทย์อาสาสาวคนนี้ใช้มีดได้อย่างคล่องแคล่วอย่างกับพวกเด็กเตรียมควงดินสอกดตอนทำข้อสอบ
"รอยตัดเฉียบคมมั่นใจ คุณเลี้ยงตอเส้นเลือดไว้ให้ผมความยาวความสั้นกำลังพอดี ทำไมคุณไม่นึกเข้ามาสนุกต่อกับพวกเราในห้องนี้ล่ะคุณหมอ ผูกเน็กไทด์แบบนั้นมันน่าอึดอัดจะตายชุดคอนเซปต์ของพวกเรามันไม่ใช่แบบนั้นนา.." ครองภพมองดูหมอสาวผู้ช่วยกำลังใช้เลื่อยผ่าเปิดซี่โครงได้อย่างคล่องแคล่ว พยาบาลสองคนช่วยกันใช้ท่อดูดเลือดสอดรับกับหมอปิ๊ปอย่างรู้ใจ เห็นแล้วรู้สึกทึ่งในทีมงานของอาจารย์หมดเดชา
"ผมดูอยู่ตรงนี้ดีกว่าครับ"
"คุณคงเป็นพวกชอบทำงานคนเดียวสินะ อยู่กับอวัยวะโคลนนิ่งพวกนี้มันคงไม่บ่นไม่พูดไม่กวนใจอะไรใช่มั้ยล่ะ คุณร่ายคาถาให้มันแตกเซลล์มันก็แตกเซลล์เชื่อฟังคุณอย่างที่ไม่มีใครในโลกนี้ทำได้" แพทย์ผู้ช่วยสาวถอยหลบถึงขั้นตอนที่อาจารย์หมอเดชาเป็นคนลงมือควักหัวใจอ่อนล้าสีเลือดคล้ำด้วยมือตัวเอง
"หึๆ ไม่หรอกครับอาจารย์"
"แต่ถึงยังไงผมก็ยังชอบที่จะทำงานร่วมกับสถาบันของคุณนะ แค่ผมว่ามันไม่แฟร์นิดหน่อย"
"ไม่แฟร์อะไรครับ"
"ก็ไม่แฟร์ตรงที่ผมยังไม่เคยคิดจะถามคุณเรื่องที่มาที่ไปของอวัยวะโคลนพวกนี้เลยแต่คุณกลับมายืนจ้องเวลาผมทำงานแบบนี้"
"หึๆ ครับอาจารย์"
"อย่าบอกนะว่าคุณไม่ไว้ใจผมถึงได้มาคอยจับตา เขินนะเนี่ย"
"ครับ เดี๋ยวคราวหน้าผมเข้าไปสังเกตุการณ์ข้างในเลยจะได้ไม่โดนด่า"
"หรือไม่คุณก็คงหยิ่งทะนงในฝีมือของตัวเองจนไม่อยากจะเข้ามาในห้องนี้ให้ผมสั่งคุณทำโน่นทำนี่"
"งั้นเดี๋ยวผมออกไปชงกาแฟรอนะครับอาจารย์ ของอาจารย์กาแฟดำไม่ใส่น้ำตาลใช่มั้ยครับ"
"ใช่.. แต่ไม่ต้องอ่ะเดี๋ยวเย็นหมด เดี๋ยวผมออกไปจัดการเอง"
ครองภพยืนชงกาแฟในห้องรับแขกด้านนอกเหลือบดูนาฬิกาบอกเวลาเกินห้าทุ่มไปนิดหน่อย ถ้าอาจารย์บอกว่าไม่ต้องชงกาแฟรอแบบนี้อย่างน้อยกว่าจะเรียบร้อยก็ต้องมีอีกสี่ถึงห้าชั่วโมง กดโทรศัพท์โทรรายงานคงามคืบหน้าให้ภริยาท่านทูตที่ป่านนี้คงรอฟังข่าวอย่างร้อนใจแต่เขาก็ยังยืนยันว่าไม่สามารถอนุญาตให้เธอมาเป็นกำลังใจถึงหน้าห้องผ่าตัดของสถาบัน เขาขยับแว่นตาด้วยความเคยชินมองนาฬิกากดโทรศัพท์หาปิติแต่ติดต่อไม่ได้คงยังเครื่องคงยังไม่แลนดิ้ง
เสียงสัญญาณลิฟท์ดังขึ้นผู้อำนวยการสถาบันหนุ่มใหญ่วัยสี่สิบห้ามองดูตัวเลขบอกหมายเลขชั้นแล้วนึกแปลกใจ ชายหนุ่มผมยาวปรกต้นคอหนวดเคราครึ้มกดรหัสดันเปิดประตูกระจกเข้ามา
"อ้าว.. ชั้นเพิ่งโทรหาแกเนี่ย"
"แบตหมด มีที่ชาร์ตป่ะขอนิดนึงก็พอ" ครองภพชี้ให้เห็นที่ชาร์ตโทรศัพท์ปิติรีบเสียบต่อสายกับโทรศัพท์ตัวเอง "ขอนิดเดียวก็พอ ชาร์ตด่วนๆ มีเคสผ่าเหรอ เปิดไฟซะสว่างไสวเลยที่จอดก็รถเยอะ"
"อืม.. อาจารย์เดชาผ่า"
"อาจารย์เดชาผ่าใครวะพี่ ผู้นำเผด็จการหรือพ่อค้ายาเสพติด"
"วีไอพี แกไม่ต้องรู้หรอกมันไม่เกี่ยวกับเรา นี่ชั้นก็เพิ่งโดนไล่ออกมา"
"แม่ง.. น่าจะเปิดสนามหลวงแล้วผ่าแข่งวัดกันไปเลยนะใครจะเจ๋งกว่าใครระหว่างพี่ภพกับอาจารย์เดชา"
"ใครมันเอาเงินมาให้เราได้ก็เจ๋งทั้งนั้แหละ"
"ความจริงแข่งที่นี่เลยก็ได้นะ ต่ออีกสามด้านขยายออกไปทำที่นั่งแบบสเตเดียมเลยพี่ เก็บบัตรค่าเข้าชม" คล้ายไอเดียเพี้ยนๆที่ลอยปะปนในอากาศพร้อมจะพุ่งผ่านเข้าทางจมูกของปิติทุกวินาที
"แล้วนี่แกมาจากสนามบินไงเนี่ย"
"พวกหลานไปรับ เลยให้รอในรถแป๊ปนึงพอดีไม่มีที่ชาร์ตในรถ"
"หลานแกยังอยากเป็นหมออยู่รึเปล่าวะ ชื่ออะไรนะคนที่ดูแปลกๆคาดผ้าปิดปากตลอดเวลาน่ะ"
"อ๋อ.. ชื่อป๊อป นี่ปีหน้าก็ครบกำหนดต้องเปลี่ยนลิ้นหัวใจเทียมอีกแล้ว" ปิติไม่ละสายตาจากแถบแสดงสถานแบตเตอรี่ที่กำลังเลื่อนขึ้นลง
"แล้วแกไม่จัดการให้มันเรียบร้อยไปเลยวะปล่อยเลี้ยงไข้ทิ้งไว้ทำไม หลานตัวเองแท้ๆ"
"ถ้าผ่ามันก็ต้องผ่าที่โรงบาลคุณป้าสิ ถ้าย้ายมาผ่าที่นี่ได้ผมก็พายัยป๊อปมาให้พี่ภพทำให้ไปแล้ว"
"เออ แล้วเช็คเลือดเช็คอะไรเก็บไว้ในระบบของเรารึยัง"
"เก็บแล้ว.. จริงๆทั้งบ้านเนี่ยก็มียัยป๊อปนี่แหละที่คุยกับผมอยู่คนเดียว ยังไงผมก็ต้องดูแลแกแน่นอน"
"แล้วจะต้องเป็นหมออีกคนด้วยมั้ย ร่างกายก็ไม่ค่อยดีนี่หว่า"
"ก็คงไม่แคล้ว นี่พี่สาวเค้าอีกคนก็เรียนแพทย์อยู่ปีสอง"
"เออ เกือบลืมบอกแกไป นี่ปิ๊ปอยู่ในห้องนะ"
"ปิ๊ปเหรอ นึกว่าอยู่เคนยา"
"อยู่นี่แหละ เป็นแพทย์ผู้ช่วยอาจารย์เดชาอยู่"
"งั้นเดี๋ยวผมรีบเผ่นดีกว่า"
"ทำไมวะ"
"กลัวเจอ"
"อะไรวะ หมอปิ๊ปก็ลูกคุณหญิงป้าแกไม่ใช่เหรอ จะว่าไปก็เหมือนน้องสาวแกเองนี่หว่า"
"ผมอ่ะไม่คิด แต่น้องมันคิด นี่ที่มันไปสมัครยูเอ็นตะลอนไปโน่นไปนี่ไม่อยู่บ้านก็เพราะผม"
"เพราะแกเนี่ยนะ"
"หมอปิ๊ปเค้าบอกผมว่าธุรกิจโรงพยาบาลของวงศ์ศัลยอาจตกเป็นของแม่เธอแทนที่จะเป็นของพี่ป้องหรือว่าผม"
"แล้วเกี่ยวอะไรกับหมอปิ๊ป"
"ก็ปิ๊ปมาบอกผมว่าเธอจะชดใช้ให้ผมแทนแม่ของเธอ และถ้าปิ๊ปมีลูกกับผมโรงพยาบาลก็จะกลับมาเป็นของผมอีกครั้งนึงเพราะปิ๊ปเป็นลูกคนเดียวของคุณหญิงป้ายังไงคุณหญิงป้าก็จะต้องยกธุรกิจให้ปิ๊ปแน่ๆ จากนั้นเธอจะไปจากชีวิตผม"
"คิดมากไปรึเปล่าววะ" ครองภพนึกตามแล้วขมวดคิ้ว "พวกน้องพวกหลานแกนี่มีใครจิตปกติซักคนมั้ยเนี่ย"
"พอผมบอกไม่เอาด้วยกับแผนปิ๊ปก็เลยบอกว่างั้นเธอก็จะใช้แผนสอง คือออกจากบ้านไปไม่ขอยุ่งวุ่นวายในทรัพย์สมบัติและผลประโยชน์ใดๆของวงศ์ศัลยเพราะเธอคิดฝังใจว่าคุณหญิงป้าคือคนที่อยู่เบื้องหลังอุบัติเหตุ"
"หมอปิ๊ปเนี่ยเหรอ เออ ใจเด็ดว่ะ"
"น่ารักนะ หมอปิ๊ปอ่ะ"
"ความจริงไอ้นาโนชิ้ปที่แกทดลองอยู่เนี่ยน่าจะลองกับตัวเองบ้างนะ"
"ทำไมพี่"
"ให้มันเกาะที่สมองแกนะส่วนที่มันควบคุมความหื่นอ่ะ กระตุ้นมันหน่อย"
"55 ถ้างั้นผมว่าฝังในกะจู๋เลยดีกว่า"
"แต่คุณหญิงป้าของแกนี่ก็แน่นอนจริงๆว่ะ ดันให้เป็นหมอกันจนได้ทั้งบ้าน" ครองภพยื่นแก้วกาแฟมีไอร้อนๆจางให้ปิติ
"ไม่เอาอ่ะ เดี๋ยวผมกลับแล้วแค่ขึ้นมาขอชาร์ตโทรศัพท์ไปทำอะไรไปเล่นหนุกๆแป้ปนึง เออ เดี๋ยวค่อยเจอกันพรุ่งนี้มะรืนนี้อาทิตย์หน้าไม่อยู่ไม่เข้ามานะ เดี๋ยวอาทิตย์โน้นค่อยเข้ามาคุยกันต่อเรื่องชิ้ปขยายเซลล์"
"ไปไหนวะ" ครองภพสงสัยเพราะปกติเจ้าปิติมันจะนอนที่สถาบันกลับบ้านไปก็แค่ซักผ้าแค่นั้น
"ไปทะเล ไปกับที่บ้าน"
.......................................
รถเก๋งซิตี้คาร์ขนาดกระทัดรัดแล่นทะยานไปบนถนนทางด่วนพิเศษมุ่งหน้าออกนอกเมือง เฟิร์สชำเลืองกระจกมองหลังเห็นหลานสาวทั้งสองของปิติที่ติดรถมาเป็นเพื่อนกำลังหลับสบาย
"แล้วเค้าจะไปทะเลกันทำไมอ่ะ ต้องอาทิตย์หน้านี้ด้วยเหรอ" ไม่มีเสียงตอบจากชายที่นั่งด้านข้างคนขับจนเฟิร์สต้องหันไปมองเพราะคิดว่าเขาหลับ "จริงๆมีตารางบินด้วยนะต้องขอสลับกับเพื่อนไม่รู้จะได้รึเปล่า" เฟิร์สเหล่ด้วยหางตาอีกครั้งไม่มีทีท่าว่าปิติจะสนใจในสิ่งที่เธอพูดกลับตั้งหน้าตั้งตากดเล่นแอพโทรศัพท์หน้าตายากๆแปลกๆมีกราฟวิ่ง
"เฮ้ย!!! กรี๊ด!!! เห๊ยยยย!!! " อยู่ดีๆรถที่กำลังพุ่งทะยานด้วยวามเร็วสูงกลับเป๋กินช่องทางซ้ายไปสองเลนเกือบจะชนกับขอบทาง เคราะห์ดีที่เฟิร์สยังสามารถควบคุมรถไว้ได้นี่ถ้าเป็นช่วงกลางวันคงได้ชนแหลกวินาศสันตะโรกันหลายคัน
"เป็นอะไรพี่เฟิร์ส!!" เปิ้ลถามเสียงตื่น
"แหะๆ โทษที่จ้ะพี่เป็นอะไรไม่รู้อยู่ดีๆมันก็เหมือนวูบแต่มันก็ไม่วูบนะมันเหมือนกับ ยังไงดีอ่ะ มันเหมือนเวลาไปยืนที่สูงๆอ่ะ อยู่ดีๆมันก็วื้บขึ้นมาเลย มันก็ไม่วื้บนะ มันเสียววื้บแบบขึ้นสมองเลยอ่ะ"
"อาการแบบนี้ถ้ายืนอยู่ก็ล้มหัวฟาดพื้นแน่พี่เฟิร์ส"
"เออใช่ แบบอยากจะทรุดลงไปกองเลยอ่ะ"
"น่าจะปลายประสาทรึเปล่า แบบนี้ขับรถไม่เวิร์คนะ" เปิ้ลนักศึกษาแพทย์ปีสองวินิจฉัย
"ตระกูลนี้สงสัยได้รถคว่ำตายกันหมดบ้านแน่ๆ" ป๊อปบ่นเบาๆ
"แล้วคุณหัวเราะทำไมเนี่ย บ้าไปแล้วเหรอ!! ถามอะไรก็ไม่ตอบ เอ๊อ..." แอร์โฮสเตสสาวอารมณ์เสียนิดๆที่ดูเหมือนปิติจะไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเอาแต่กุมโทรศัพท์ไว้หัวเราะในคอน่าหมั่นใส้เหมือนกำลังสนุกอยู่คนเดียว
......................................
กว่าจะกลับมาถึงคฤหาสน์ของตระกูลวงศ์ศัลยก็เที่ยงคืนกว่าเฟิร์สถือผ้าเช็ดตัวเดินคุยโทรศัพท์กะว่าจะอาบน้ำตั้งแต่เกือบครึ่งชั่วโมงที่แล้วมัวแต่เก็บโน่นเก็บนี่พอจะเดินเข้าห้องน้ำเพื่อนรุ่นพี่แอร์สายการบินเดียวกันโทรมาคุยอีกได้ยินเสียงเหมือนของอะไรแตกดังจากข้างบ้านแต่ก็ไม่ได้นึกสนใจคงเป็นแมวสองตัวที่ชอบมาร้องขู่กันบนหลังคาบ้านแทบทุกคืนตั้งแต่เธอย้ายเข้ามาอยู่
"เบาๆหน่อยสิพี่เอก เดี๋ยวก็อดกันหมด" หนุ่มใหญ่คนอายุน้อยกว่าดูท้วมกว่าเตือนคนพี่
"แล้วมึงจะเรียกชื่อกูทำเหี้ยอะไรเนี่ย กระถางมันเก่านี่หว่า!!"
"เมื่อวานผมังปีนอยู่เลย พี่เอกนี่แก่แล้วแก่เลยจริงๆ.. ขอผมดูมั่งดิ"
"เอ็งยังไม่ต้องไปดูหรอกมันเปิดไฟไว้แต่มันยังไม่เข้ามาอาบ เดินไปเดินมาผ่านหน้าห้องน้ำกูเขย่งซะจนตะคริวจะแดกอยู่แล้ว" พี่เขยเมียตายดึงมือน้องเมียคู่ซี๊มุดออกมาจากซุ้มต้นไม้ยืนปัดเนื้อปัดตัว "แต่เอ็งมั่นใจนะว่ามันจะอาบห้องนี้ นานแล้วนะเนี่ยมันเอาแต่คุยโทรศัพท์มาจะเป็นชั่วโมงแล้วมั้ง เที่ยงคืนกว่าแล้วนาพรุ่งนี้เอ็งไม่ไปโรงบาลเช้าเหรอ ข้ามีเจ็ดโมง" สองหนุ่มใหญ่ลูบขาลูบแขนไปด้วยรู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในงานเลี้ยงโต้ะจีนยุง แขกเหรื่อก็ชักเริ่มทะยอยกันมาได้ยินหวี่ๆแถวๆข้างหูหลายตัวแล้ว
"อาบดิ ห้องนี้แหละ คืนเมื่อวานผมยังมาแอบดูอยู่เลย โหย พี่เอก!! ผิวนี่เนียนโคตร" หมอปกป้องทำมือเป็นรูปร่างคล้ายนาฬิกาทรายยั่วพี่เขย
"ตรงนั้นล่ะ"
"ดำขลับ ไม่มากไม่น้อย ตอนโดนน้ำนะอย่างกะตอนพี่เอกกินเบียร์แล้วมันย้อยยยลงมาตามหนวดอ่ะ"
"โห สัส.. หมอปก เอ็งอธิบายซะพี่นี่ขนลุกเลย ดูแขนดิ"
"ขนลุกหรือหำลุก 55 บ้านไอ้ติชั้นบนมันทำเป็นห้องทดลองอะไรของมันหมดแล้วของมันแน่นจนเดินแทบไม่ได้ นังนี่ยังไงคืนนี้มันก็ต้องอาบห้องข้างล่างนี่แหละ" หมอปกป้องผู้วินิจฉัยอะไรไม่เคยพลาด
หมอเอกหนุ่มใหญ่วัยห้าสิบหลานเขยเพียงคนเดียวผู้อยู่ครองตัวสงบนิ่งสถานะโสดเมียตายตั้งแต่สูญเสียภรรยาและลูกสาวไปในโศกนาฏกรรมอุบัติเหตุทางรถยนต์ในทริปทัวร์ยุโรปเมื่อเกือบสิบปีก่อนกับหมอปกป้องน้องเมียคู่ซี๊ยืดเส้นยืดสายบีบนวดตัวเองในเงามืดตามประสาคนมีอายุ เงาตะคุ่มของหนุ่มใหญ่ทั้งสองตั้งหลักจ้องแสงไฟที่ลอดจากช่องระบายอากาศอยู่ในในเงามืดใต้ต้นไม้ใหญ่ริมถนนทางเดินเท้าเล็กๆแบ่งแยกอาณาเขตบริเวณแทนรั้วของแต่ละบ้านวนรายล้อมตึกสามชั้นหลังใหญ่ที่ครั้งนึงเคยมีแสงไฟอบอุ่นไอ คุณหมอใหญ่ท่านเตรียมไว้ทั้งบ้านและธุรกิจโรงพยาบาลให้ลูกชายลูกสาวทั้งสี่ได้อยู่ร่วมใกล้ชิดเป็นครอบครัวใหญ่ในขอบเขตอาณาตระกูลจักรวงศ์ศัลยไปตราบชั่วกัลปาวสาน
"เฟิร์สกำลังจะอาบน้ำแต่ไม่เป็นไรพี่เกรงใจค่ะ เนี่ยลิฟแมสเสจไว้ไม่นึกว่าพี่อิ๋มจะโทรกลับมาเลย ดึกแล้วด้วย อ๋อ..สามีเหรอ คุณสามีเฟิร์สเหรอ กลับจากเมกาถึงบ้านนางก็วิ่งแจ้นขึ้นไปเล่นของเล่นบนห้องเก็บของเล่นส่วนตัวของนางแล้วค่ะ 55 อ๋อ ไม่เหงา!! ไม่หรอกค่ะอยู่ได้เฟิร์สชอบอยู่คนเดียวค่ะพี่ นี่เฟิร์สก็เข้ามานอนคืนนี้คืนที่สามแล้ว ค่ะๆ อาทิตย์หน้ากัลกัตตานะพี่อิ๋มนะช่วยเฟิร์สทีอันนี้งานหลวงงานบ้านสามีค่ะ ค่ะ ขอบคุณมากเลยอ่ะพี่อิ๋มเกรงใจด้วย ..ไปกับที่บ้านเค้าน่ะสิป้าเค้าบอกต้องไปอะไรก็ไม่รู้ไม่ไปก็จะให้เฟิร์สลาออกอ่ะโหดจัดรัสเซียมากเลย"
หมอปกป้องเลิกคิ้วทำหน้าตื่นกวักมือเรียกพี่เขยคู่ซี๊ให้รีบแทรกตัวมุดซุ้มต้นไม้ตามเข้ามาถึงจุดซุ่มโป่งข้างห้องน้ำชั้นล่างบ้านของปิติเห็นแสงสว่างจากภายในลอดออกมาทางบานระบายอากาศ
"มาแล้วๆ!! เสียงปิดน้ำ!! พี่เอก!!" หมอปกป้องกระซิบเสียงเบาแต่อยู่ในอารมณ์ตื่นตัวสุดขีดชี้นิ้วเป็นสัญญาณให้หมอเอกปีนขึ้นไปดูทางช่องระบายอากาศ
"มึงจะเรียกชื่อกูทำเหี้ยอะไรอีกเนี่ย!! กูขี้เกียจปีนแล้ว!!เกรงใจคนแก่มั่งเกร็งจนตะคริวจะแดก มึงมีรูอื่นป่าววะ"
"นั่นอ่ะ ข้างท่ออ่ะ" หมอปกป้องรู้สึกเสียดายเพราะเป็นรอยปูนแตกที่เขาเพิ่งสำรวจไว้เพราะขี้เกียจปีนดูทางช่องระบายอากาศแบบเมื่อวาน คุณหมอหนุ่มใหญ่แนบสายตากับรอยแยกปูนแตกที่ดูยังไงก็ไม่ไน่าจะแตกเองโดยธรรมชาติเห็นน้องสะใภ้แอร์โฮสเตสสาวสวมเสื้อยืดวัยรุ่นท่อนล่างเป็นกางเกงขาสั้นที่สั้นมากๆเผยต้นขาขาวเนียนหูแนบโทรศัพท์คุยกับเพื่อนไปด้วย
"ยังไงๆ!!" หมอปกป้องสะกิดกระซิบถามพี่เขย
"สุดๆ มุมนี้.. เต็มๆ" พี่เอกทำมือจีบนิ้วโอเคพอใจมาก
"ผมดูมั่งดิ.." หมอปกป้องสองจิตสองใจหรือว่าจะไปเก็บอะไรมาซ้อนๆปีนดูแบบเมื่อวานเพราะพี่เอกเหยียบกระถางดินเผาใบเก่งแตกไปแล้ว
"เดี๋ยว ยังๆ เดินมาแล้ว" หนุ่มใหญ่เสียงกระซิบกระเส่ารายงานสถานการณ์ สายตาของคุณหมอจับจ้องแต่สะโพกผายอิ่มกลมแน่นเต็มกางเกงขาสั้นผ้ายืดเนื้อนิ่มใส่สบายเห็นแนวขอบกางเกงชั้นในชัด เฟิร์สเดินไปปิดน้ำที่อ่างอาบน้ำเดินเอียงคอหนีบโทรศัพท์มาหยุดอยู่ตรงอ่างล่างหน้าระดับสายตาห่างเพียงกำแพงปูนช่วงรอยต่อกับแผ่นไม้คั่นใกล้หน้าคุณหมอที่กำลังยืนโก้งโค้งแอบส่องอยู่จนแทบจะได้กลิ่น
"พี่เอก" หมอปกป้องแทบคลั่งเมื่อได้ยินเสียเปิดน้ำอีกครั้งยื้อยุดแขนแต่พี่เอกแนบกดเกร็งตัวเองแทบจะแทรกเข้าไปในกำแพงฝืนแรงของคู่ซี๊รุ่นน้องตายังแนบอยู่กับร่องปูนแตกไม่ยอมพลาดช็อตสำคัญในวินาทีข้างหน้า
"โอ้ย.. ไม่ได้ฉี่พี่ แหม เฟิร์สเปิดก๊อกล้างเท้า บ้า..ใครจะฉี่เสียงดังเกิ๊น แต่เมื่อกี๊พี่อิ๋มเชื่อป่ะเฟิร์สเปิดน้ำใส่อ่างคุยกะว่ารอน้ำเต็มใช่ป่ะกะจะแช่อาบแบบฟินๆเลยนะ เมื่อกี๊ดู แหะๆ น้ำเย็นเจี๊ยบเลยลืมเปิดก๊อกน้ำอุ่น.. บ้า.. ไม่บ่อยพี่อิ๋วแค่ประปรายไม่มีใครเห็น.. พี่โด่งสจ๊วตอ่ะชอบบอกว่าเฟิร์สโก๊ะเฟิร์สไม่ได้โก๊ะซักหน่อยเนอะพี่อิ๋มเนอะ แต่วันนั้นก็ทีนึง กินมาม่าที่โรมพี่อิ๋ว ลืมเสียบปลั๊กกาน้ำร้อน.. เออ ใส่เครื่องปรุงแล้วอ่ะถ้าเห็นก่อนยังกินกรอบๆได้ใช่ป่ะ นี่กดน้ำเลย อืม.. เรียบร้อย ..นี่เฟิร์สล้างเท้าเสร็จแล้วเดี๋ยวคืนนี้ซักแห้งเลยดีกว่าไม่รอไม่อาบมันแระน้งน้ำ อ้าว คนสวยๆเค้าก็ขี้เกียจอาบน้ำกันเยอะแยะไป 55"
"เอาน่ะ .. เดี๋ยวพรุ่งนี้มันไปบินใช่ป่ะไว้มันมาแล้วเราค่อยมาแอบดูมันใหม่" หมอปกป้องไม่รู้จะพูดอะไรเห็นแววตาอัมหิตของหมอเอกที่หันมาค้อนปะหลับปะเหลือกรู้ว่าพี่เขยคงเสียเส้นอย่างหลักที่โดนชวนมายืนปัดยุงปัดแมลงร่วมชั่วโมงมุดโน่นปีนนี่ร่วมๆชั่วโมงกว่าได้เห็นเต็มๆอย่างที่หมอปกป้องโฆษณาแค่ง่ามนิ้วเท้าขาวอมชมพูคุ้มค่ากับการไม่ยอมไปหลับไปนอน
นายแหวน คนขับรถรุ่นเดอะอยู่รับใช้คุณหญิงป้ามากว่าสามสิบปีค่อยๆคลานออกมาจากหลังรั้วตั้นดอกเข็มที่เขาเองเป็นคนตัดแต่งไปเมื่อตอนเย็น เศษหญ้าเศษใบไม้เล็กๆทำให้เริ่มรู้สึกคันแถมพายุยุงที่บินหึ่งไปมาจะตบก็ไม่กล้าเพราะกลัวคุณหมอคุณผู้ชายทั้งสองจะเห็นว่านายแหวนแอบอยู่ข้างหลังพวกเขาอีกที จริงๆคืนเมื่อวานนายแหวนก็มาซุ่มอยู่ตรงนี้เพราะหวังจะปีนดูสะใภ้นายผู้หญิงคนใหม่แต่โดนคุณหมอปกป้องชิงตัดหน้าไปก่อน คนขับรถวัยใกล้เกษียณถึงกับยอมเสียเงินจ้างมอเตอร์ไซค์รับจ้างปากซอยโหลดหนังที่พวกเจ้านายเค้าซุบซิบดูกันเพราะเหนื่อยที่วิ่งไล่จะตามเทคโนโลยีที่นับวันทุกสิ่งอย่างจะกลายเป็นของฟรีล่องลอยเป็นผีไร้บ้านอยู่ในโลกดิจิตัล
ถึงแม้ฉากวาบหวิวจะไม่ได้เยอะแยะสมชื่อสะใภ้สายหื่นที่เจ้าของลิขสิทธิ์ผู้นำเข้าตั้งเอาไว้เรียกแขกไม่เห็นแม้แต่ปลายประทุมถันส่วนล่างก็แค่เฉี่ยวไปเฉี่ยวมาได้เห็นบั้นท้ายเต็มๆก็แค่ไม่กี่ฉาก นายหวานก็เลยมาซุ่มรอหวังจะเติมต่อจินตนาการตั้งแต่เมื่อคืนวานแต่ก็พลาดหวัง จะกลับมาซ้ำวันนี้เพราะกว่าจะเห็นแสงไฟรถของคุณเฟิร์สก็ร่วมเที่ยงคืนกว่าคุณหมอปกป้องคงจะเข้านอนแล้วแต่ที่ไหนได้กลับชวนคุณหมอเอกชัยพี่เขยคู่ซี๊มาทำฟอร์มนั่งม้าหินรับลม สายตาสามคู่(รวมนายแหวนด้วย)เพ่งพลังจิตภาวณาเร่งเวลาให้มีแสงไฟสว่างออกมาจากช่องระบายอากาศซักที
"เซ็งชิบหาย" แต่เหมือนนายแหวนจะนึกเปลี่ยนใจ มุดซุ้มต้นไม้กลับไปยืนข้างห้องน้ำชั้นล่างหลังบ้านของปิติที่ตอนนี้กลายเป็นโชว์รูมแสดงนิทรรศการแลนด์มาร์คลับๆของบ้านวงศ์ศัลยไปแล้ว "เอาแค่นี่ก็ยังดีวะ ไหนๆก็มาแล้ว" นายแหวนบ่นกับตัวเองรูดซิปกางเกงชุดซาฟารีเครื่องแบบคนขับรถงัดท่อนเนื้อนิ่มๆมากำไว้ แต่ก็แปลกที่เจ้าหนอนนิ่มแข็งผงาดกลายร่างเป็นมังกรน่าเกรงขามแม้จะไม่ได้เห็นภาพสมใจแต่อย่างน้อยก็ยังได้บรรยากาศ
"ซื้ด.. อะ อ่าห์ .. .. .. ฮึบ!!" นายแหวนเร่งจังหวะมือเข่นขุมกำลังเจ้าเครื่องดีเซลนักเลงรุ่นเก่าที่ถึงแม้จะสตาร์ทช้าแต่แรงปลายรับรองว่าหายห่วงจนเกือบจะสมอารมณ์หมายจำต้องหยุดกิจกามทุกอย่างแนบหูกับกำแพง
"คลิ๊ก" เสียงเปิดลูกบิดประตูห้องน้ำตามด้วยเสียงกดสวิทช์แสงไฟสีเหลืองส้มสว่างกระจายจากช่องระบายอากาศ นายแหวนลนลานเพราะแม้ช่องนั้นจะสูงแค่เอื้อมมือไม่ถึงกับสุดแต่ก็ไม่รู้จะเอาอะไรมาเหยียบส่งตัวขึ้นไปเหมือนคุณหมอปกป้องที่คนขับรถวัยกลางคนเห็นเมื่อคืนวาน
"ชั้นเปิดสปีกเกอร์โฟนนะขี้เกียจถือว่ะ" ภาพสะใภ้แอร์โฮสเตสสาวนางฟ้าที่โบยบินอยู่บนท้องฟ้าตัวเป็นๆมายืนให้นายแหวนแอบพิจารณาเรือนร่างทรวดทรงองค์เอว แค่ชุดเสื้อยืดรัดนมกับกางเกงขาสั้นแนบเนื้อเนินของเจ้านายสาวอย่างกับใส่กระจับนักมวยเขื่อนคนแก่ก็แทบจะทะลัก นายแหวนเพลินทั้งภาพทั้งเสียงพูดคุยสะท้อนผนังในห้องน้ำ
"ชั้นอยู่สวิส เมืองไทยกี่โมงแล้ววะ" เสียงจากสปีกเกอร์โฟนของไอแพดดังพอได้ยิน
"ตีสองกว่าจะตีสามแล้ว" นายแหวนแอบฟังอยู่นอกห้องน้ำยกนาฬิกาข้อมมือขึ้นมาดู พรุ่งนี้คุณหญิงป้ามีประชุมบอร์ดที่โรงพยาบาลตั้งแต่แปดโมง
"แล้วแกไม่นอนเหรอวะตีสองตีสาม"
"เพิ่งย้ายมาอยู่บ้านสามีค่ะ นอนไม่หลับ"
"อะไรวะเฟิร์ส มึงมีผัวแล้วเหรอ!! นี่เราไม่ได้อัพเดทกันกี่เดือนเองวะ"
"ที่โตเกียวมันจัดงานรวมพลคนบ้าแอร์โฮสเตส มันก็มีเด็กที่อยากเป็นแอร์มาในงานอะไรแบบนั้น สาวยการบินชั้นก็ส่งชั้นไปออกบู๊ทในงาน"
"งานรวมพลคนบ้าแอร์โฮสเตส!! กูว่ามีแต่พวกเพี้ยนๆแน่นอน เออ ทำไมวะ"
"อยู่ดีๆก็มีใครก็ไม่รู้โทรมาขอนัดเจอชั้น เค้าบอกว่าเค้าได้เบอร์โทรชั้นมาตั้งแต่งานนั้นอ่ะ"
"เออ แล้วยังไง"
"ตอนแรกชั้นก็ไม่ไปเว่ยบอกว่ามีบินมีอะไรไปเรื่อย พวกที่มางานส่วนใหญ่มันมีแต่พวกหื่นๆมาขอถ่ายรูปอ่ะมันเหมือนงานกึ่งๆคอสเพลย์ชั้นก็แบบประชาสัมพันธ์ เออ ไม่ได้คิดอะไรมากชิ่งๆไป"
"ตอนนี้มึงเป็นเมียเค้ามาอยู่บ้านเค้ายังไงมึงก็ต้องเจอเค้าอ่ะอีนี่ แกรวบรัดเล่ามาเลยได้ป่าววะไอ้ลูกนรกแตกกับผัวฝรั่งพ่อมันกำลังเดินมาโน่นแล้ว" นายแหวนได้ยินแล้วเห็นด้วยขอให้รงบรัดหน่อยเพราะถึงจะเจอช่องรอยปูนแตกที่แสงลอดออกมาแต่ก็หยีตามองจนเมื่อยหน้าสะใภ้สาวเจ้านายคนใหม่ก็ยังนั่งคุยไอแพดกับเพื่อนเสื้อผ้าครบเหมือนเดิม
"เออ แหมแกนี่เน้นจังนะได้ดิบได้ดีไปประจำอยู่สวิส"
"อ้าว.. ก็ผัวกูอยู่นี่นี่หว่า แกย้ายมาสมัครสิเดี๋ยวชั้นคุยกับพี่ที่สาขาให้ ถ้าข้ามมาจากเจแปนเค้าเอาอยู่แล้ว เอาเรื่องผัวแกดีกว่าแกนี่มันยิ่งกว่าปริศนาฟ้าแลบ"
"เค้าเป็นหมอว่ะ ชั้นได้ผัวหมอนะเว่ยไม่ใช่หมอธรรมดาด้วยแต่อยู่โรงพยาบาลโตเกียวเลยนะแก ในฝันสุดๆ"
"ไหนตอนแรกแกบอกจะเจอไม่คุยไง อย่าบอกนะว่าพอรู้ว่าเป็นหมอมาจีบแกก็เลยเปลี่ยนใจมาอ่อย"
"ไม่อ่อยหมอแล้วจะอ่อยใครวะเป็นแกแกก็อ่อย หล่อ รวย เป็นคุณหมอประจำอยู่ที่ญี่ปุ่น"
"แหม.. หล่อ รวย สูงโปร่ง สุภาพ เป็นคุณหมอใจดี สงสัยอีตาคนนี้มันต้องหลุดออกมาจากการตูนตาโตลามกในลังใต้เตียงแกแน่ๆว่ะ"
"เออ!! พูดถึงลังการ์ตูนชั้นลืมไปเลยนะเนี่ยชั้นส่งกลับมาด้วยทำไมมันนานจังวะ"
"มาเรือเหรอ สงสัยคนแม่งอ่านกันทั้งเรือแล้วมั้ง อีนี่อย่านอกเรื่องสิ!!"
"อะไรวะ"
"เรื่องผัวแกไง แล้วยังไง.. แกก็เลยรวบรัดเพราะอยากรวยเป็นคุณนายหมอไม่ต้องบินงกๆไปโผล่ที่โน่นทีที่นี่ทีงั้นซิ"
"ชั้นสิโดนรวบรัดมากกว่า"
"ยังไงวะ อย่าโป๊มากนะเว่ยลูกนรกชั้นมาแล้ว"
"ลูกแกฟังภาษาไทยออกเหรอวะ.. เออๆ ก็ไปกินข้าวอะไรนี่แหละเพิ่งสองอาทิตย์เองมั้ง แล้วเค้าก็ชวนไปห้อง"
"โถ.. แกนี่มันใสซื่อบริสุทธิ์จริงๆว่ะเค้าชวนไปห้องก็ไป แล้วเฟิร์สสมชื่อมั้ยวะ"
"อะไรวะแก.." เฟิร์สสงสัยว่าเพื่อนสาวคนสนิทสมัยเรียนป.โทที่มหาวิทยาลัยโตเกียวได้พูดภาษาไทยบ้างหรือเปล่า
"ครั้งแรกอ่ะ ซิง..มั้ย"
"จะบ้าเหรอแก ชั้นจะไปรู้ได้ไงว่าหมอเค้าเคยผ่านอะไรใครมารึเปล่า"
"แกน่ะ ซิงมั้ย.. เค้าชวนมาห้องก็มาแบบนี้ทุ่มทุนน่าดูนะเพื่อนชั้น"
"แล้วแกเคยชั้นเคยมีแฟนที่ไหนซักคนบ้างมั้ยล่ะ ..เค้าชวนไปดูเห็ดถั่งเช่า"
"ฮะ!!"
"หมอปิติเค้าบอกว่าเค้าเพาะเชื้อเห็ดถั่งเช่า คืนนั้นพอดีกินไวน์ที่ร้านไวน์กันไงชักเริ่มมึนชั้นก็ขึ้นเลยเริ่มหลุดเถียงกันจำได้ว่าถั่งเช่ามันเป็นหนอนจำศีลอยู่ใต้น้ำแข็งชั้นก็ว่าเค้าขี้โม้ใครจะไปเพาะเลี้ยงในห้องได้โตเกียวมันก็ไม่ได้หนาวจนเป็นน้ำแข็งตลอดปี เค้าเลยท้าให้ชั้นไปดูที่ห้องเค้า"
"แล้วมึงเห็นหนอนมั้ย"
"ห่ะ.."
"หนอนน่ะ เห็นมั้ย"
"มันเป็นเห็ดจริงๆด้วยว่ะ สีส้มๆ"
"หนอนกะจู๋เค้าน่ะเห็นมั้ย อีนี่มึงวันๆสงสัยเค้าให้พูดแต่คอฟฟี่ออร์ที้ ไม่ต้องใช่สมอง"
"อ๋อ.. นังบ้า"
"เออ ว่ามา สั้นๆกระชับหน่อย ตอนนี้ลูกกูกำลังพยายามจะเปิดกระโปรงกูอยู่"
"เช้ามาชั้นก็แก้ผ้านอนอยู่บนเตียงแล้วว่ะ"
"เกมส์ ใส่ถุงมั้ย หวังว่าเป็นหมอแล้วคงไม่เป็นเอสด์นะ"
"แต่เค้าก็แมนนะ วันนั้นก็ไปจดทะเบียนกันเลย"
"กลับมาก็ซั่มได้เป็นคุณนายหมอโดยถูกกฏหมายเลยสิ ดีนะ"
"แต่ชั้นให้เค้าป้องกันทุกครั้งนะ" นายแหวนอยากจะตะโกนถามว่าจะคุยกันอีกนานถึงตีสี่ตีห้าเลยมั้ยจะได้ไปนอนก่อน "ไม่อยากไปอยู่แผนกคนท้องอ่ะ"
"อะไรวะแผนกคนท้อง"
"ก็ห้องที่มีแต่แอร์ท้องๆนั่งทำงานเอกสารอ่ะ เดินเข้าไปแล้วชั้นหลอน"
นายแหวนเอนตัวพิงห้องน้ำหลับพักสายตาด้วยความอ่อนเพลียสงสัยว่าเจ้านายสาวคนใหม่จะคุยกับเพื่อนยันตีสี่ตีห้าจริงๆตามที่เขานึกประชดท้าทายในใจ คิดถึงพรุ่งนี้ที่คงต้องล้อหมุนตั้งแค่หกเจ็ดโมงเช้าแล้วท้อใจ หลับตาฟังสาวๆคุยกันเพลินสัปปะหงกบ้างไปตามเรื่องตามราวคนวัยใกล้จะได้เบี้ยผู้สูงอายุ
"เงียบแก ยิ่งป่านนี้เงียบกริ๊บ ถ้าจะมีเสียงก็เสียงแมวสองตัวกัดกันอยู่นั่นแหละ"
"อ่ะ กูพร้อมแล้ว ถือดีๆซิคะลูกเดี๋ยวแม่ตบฟ่ำ นั่งดีๆถือนิ่งๆ" เฟิร์สนึกขำที่เห็นภาพเพื่อนวิดีโอคอลส่ายไปส่ายมา "ยูนั่งดีๆถือนิ่งๆ อย่างอแงขนมเดี๋ยวไอซื้อให้!!" เสียงคุณแม่ยังสาวสั่งลูกเป็นภาษาด้อยช์พื้นเมืองบรรยากาศด้านหลังเป็นห้างสรรพสินค้ามีคนเดินไปมาบ้างพอสมควร สามีฝรั่งของไหมยืนหันซ้ายหันขวาคอยระวังหลังให้
"นี่นมนะคะ" คุณแม่ยังสาวเปิดเสื้อโอเวอร์โค้ทโชว์เอาท์ดอร์เนื้อนมสองเต้าขาวผ่านกล้องวิดีโอคอล "ส่วนอันนี้หีค่ะ มันจะมีความโล้นๆนิดนึงนะคะเพราะพวกฝรั่งมันชอบแบบโล่งๆ วันนี้ไปมาสารพัดที่ไม่ได้ใส่แพนดี้นะคะท่านผู้ชม" สาวแอร์ประจำสาขาเลิกชายเสื้อโค้ทขึ้นเห็นเนินสามเหลี่ยมเส้นไหมสีดำขลับฟุ้งฟูไร้ทิศทาง
"ไหมแก้เข็มขัดสิ"
"แก้เข็มขัดก็แก้ผ้าเลยสิคะคุณเพื่อน เนี่ยใส่โค้ทมาตัวเดียวโล้นๆเลยค่ะ ถือดีๆสิลูก!!" เฟิร์สเดาว่าลูกของไหมเพื่อนซี๊ไม่น่าจะเกินสามขวบ
"แก้เลย ว่างแล้ว" เฟิร์สทำหน้าที่บ่างชั่งยุเชียร์เพื่อน
"ท่านผู้ชมขอมาไหมก็จัดให้ค่ะ" ไหมเพื่อนรักปลดเข็มขัดหนังเส้นใหญ่ปล่อยโอเวอร์โค้ทกันหนาวไหลเลื่อนลงไปกองอยู่กับรองเท้าส้นเข็มที่พื้น เฟิร์สเห็นฝรั่งผัวเมียสูงอายุสองคนข้างหลังชี้ชวนกันดูก้นขาวๆของคุณแม่สุดเซ็กซี่ที่ยังฟิตหุ่นทะนุถนอมดูแลร่างกายตัวเองเป็นอย่างดีถึงขนาดสามีมหาเศรษฐียังยอมยืนคอยระวังเจ้าหน้าที่คอยดูต้นทางให้ ส่วนลูกชายวัยสามขวบนั้นทำหน้าที่ตากล้องส่วนตัวให้ไหมกับสามีมาหลายทริปแล้ว "ท่านผู้ชมล่ะคะ พักนี้เงียบไปเลยสงสัยข้าวใหม่ปลามัน"
เธอหมายถึงเฟิร์สเพื่อนสาวสมัยเรียนที่มีกิจกรรมถ่ายรูปเอาท์ดอร์ลับๆ หลังจากที่ได้เป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบินสมใจกันทั้งคู่ก็ยังปฏิบัติการถ่ายเซลฟี่หวิวตามสถานที่แลนด์มาร์คสำคัญๆทั่วโลกแลกกันอวดสม่ำเสมอตามแต่เวลาหน้าที่และกัปตันที่จะพาพวกเธอโบยบินไปทั่วทุกน่านฟ้าในโลก
......................................
เสียงสัญญาณปี๊ปยาวพร้อมกับไฟสถานะห้องผ่าตัดดับลง นี่ถ้าเป็นในโรงพยาบาลเอกชนใหญ่ๆป่านนี้บุคลากรแขนงต่างๆคงได้วิ่งกันวุ่นวายกับการดูแลรักษาลูกค้าที่พร้อมจ่ายไม่อั้นขนาดนี้ นึกแล้วหายสงสัยว่าทำไมแต่ละตำแหน่งความรับผิดชอบจะต้องเป็นคนที่ถูกเลือกมาเท่านั้น
"พี่ภพ .."
"อ้าว จบแล้วเหรอ" ครองภพหันมาทักทายแพทย์ผู้ช่วยสาวในชุดเขียวที่ปกติจะไม่ใส่ออกมาภายนอกห้องปลอดเชื้อนอกจากเสร็จสิ้นภาระกิจไม่ต้องกลับเข้าไปในห้องอีกแล้ว
"จบแล้ว ไอเอ็มรับคนไข้ไปดมยาแล้ว"
"แล้วกลับมานี่แม่รู้ยัง เมื่อกี๊ปิติก็มาแต่ไปแล้ว"
"อ้าว ไมไม่อยู่เจอกันอ่ะ นี่พี่ติอยู่เมื่องไทยเหรอปิ๊ปนึกว่าพี่ติอยู่ญี่ปุ่น"
"เดี๋ยวนะ มีหมอปิ๊ป มี..ป๊อป แล้วใครอีกนะ"
"เปิ้ล.. บ้านนี้คุณปู่ปิ๊ปบ้าป.ปลา แม่ปิ๊ปชื่อปราณีใช่ป่ะพ่อพี่ติก็ปราโมทย์"
"สงสัยเชื่อโชคลางมั้ง"
"โชคลางเหรอ ตายเกือบหมดบ้านอ่ะสิไม่ว่า เหลือใครไม่เหลือดันเหลือแม่ปิ๊ป"
"พูดแบบนั้นจะดีเหรอ ฮึ"
"พี่ภพก็ไปถามพ่อพี่ภพสิ" แย่งโรงพยาบาลกันอยู่แค่สองคนทำคนตายตั้งเยอะแยะ" ปิ๊ปกำลังกล่าวร้ายแม่แท้ๆของตัวเองได้อย่างเต็มปาก
"ถามอะไรล่ะพ่อพี่บวชอยู่ ปล่อยเค้าเถอะอย่าเอาเรื่องไปให้กวนเลยนี่เค้าก็แทบจะไม่ยุ่งกับพี่แล้วนะ"
"ปัญหาของวัยรุ่นยุคหกศูนย์แม่งซับซ้อนว่ะ แม่ปิ๊ป พ่อพี่ภพ พ่อพี่ติ คนนึงได้เป็นเจ้าของโรงพยาบาลในเครือทั้งหมด คนนึงไปบวช คนนึงตายเกือบยกครอบครัว"
"พี่ว่านะ ถ้าหมอปิ๊ปไม่เป็นหมอก็ไปเป็นตำรวจหรือไม่ก็นักสืบได้เลย"
"อ่าว.. อยากเป็นนะ แต่ก็ได้แค่อยากขนาดพี่ติบ้าประกอบประดิษฐ์นู่นนี่ตั้งแต่เด็กแม่ปิ๊ปยังเอาให้เป็นหมอจนได้"
"เป็นหมอเหรอ นายติมันเคยรักษาใครซะเมื่อไหร่ ก็แค่เรียนจบแพทย์"
"อ้าว ปิ๊ปก็นึกว่าอาติไปเป็นหมออยู่ญี่ปุ่น"
"ก็เป็นหมอจริงๆนั่นแหละ แต่มันก็ไปทำนู่นทำนี่แขนเทียมขาเทียมอะไรของมัน เผลอๆไม่ได้รักษาใครเลยมั้งสอบภาษาก็ไม่รอดแล้ว ได้เมียมาคนนึง"
"พี่ติอ่ะนะ มีแฟน.. เป็นใครมาจากไหนอ่ะพี่ภพ"
"ไม่รู้สิ เห็นว่าเจอกับติที่ญี่ปุ่นนั่นแหละแต่ไม่รู้ยังไงนะต้องถามติเอาเอง นี่นายติเพิ่งพาเมียเข้าบ้าน"
"แล้วแม่ปิ๊ปไม่ปรี๊ดบ้านแทบแตกหรอกเหรอ น่าสนุกนะ"
"ถ้าสนุกทำไมปิ๊ปไม่กลับบ้านไปดูเองล่ะ เจ้าติมันก็มีเมียไปแล้วนี่เรื่องที่ปิ๊ปจะมีลูกให้มันคนนึงก็คงจะทำไม่ได้แล้วล่ะ คงต้องเปลี่ยนแผน"
"แผนอะไร นี่พี่ภพพูดเรื่องอะไรปิ๊ปงง"
"ก็เจ้าติมันเคยเล่าให้พี่ฟังเรื่องที่ปิ๊ปเคยเสนอ.."
"เรื่องโรงพยาบาลอ่ะนะ ปิ๊ปพูดเล่น พี่ติก็เอาไปคิดเป็นจริงเป็นจัง หล่อแต่กินไม่ได้วันๆทำอะไรมั่งก็ไม่รู้ นี่เมาท์นะพี่ภพ" หมอปิ๊ปเขยิบตัวเข้าไปใกล้ครองภพ "ปิ๊ปอ่ะเคยชอบพี่ติเรื่องนั้นปิ๊ปยอมรับชอบแบบชอบจริงๆยิ่งรวมเรื่องแม่เข้าไปอีกคิดวางแผนยาวขนาดจะไปขอพี่ติแต่งงานอ่ะ" คุณหมออาสาสาวเว้นกลืนน้ำลาย "ที่ปิ๊ปไปเพราะพี่ติก็ยอมรับ แต่พอได้ออกไปเห็นคนอื่นๆเรื่องอื่นๆในโลกนี้ มันไม่ใช่แบบไปทัวร์ไง ปิ๊ปกับเพื่อนนี่ถึงกับกางเต้นท์ผ่ากันกันเลยนะพี่ภพ"
"ไม่มีโรงพยาบาลเหรอ"
"มี โรงพยาบาลดีด้วย แค่ไม่ถึงสองกิโลแต่มันไปไม่ได้ไงพี่ภพ ถนนหนทางมันถูกยึดครองเป็นช่วงๆชนกลุ่มน้อยกลุ่มกบฏทั้งโจรจริงทั้งการเมืองมันผสมจนแยกไม่ออก ปิ๊ปเคยมองไปเนี่ย..ไม่รู้นะว่าใครมีปืนมีอาวุธมีระเบิดพันรอบตัวอยู่รึเปล่า หรือคนที่กำลังเดินตรงมานั่นมันจะยังไงกับเรา ทำงานไปเสียงระเบิดลงเสียงปืนใหญ่ทั้งวันและก็ทุกวัน วันที่อเมริกันยิงพลาดลงโรงพยาบาลเพื่อนปิ๊ปคนรู้จักปิ๊ปทั้งนั้น วันนั้นถ้าปิ๊ปไม่ออกมารอที่เต้นปิ๊ปก็ตายไปแล้ว"
"นี่ปิ๊ปอยู่ซีเรียเหรอ" ครองภพนึกนับถือน้ำใจผู้หญิงผอมบางคนนี้ยิ่งขึ้นไปอีก
"ปิ๊ปว่าปิ๊ปพอแล้วพี่ภพ พอมีข่าวว่าไอเอสเข้ามาในระยะที่พวกเราต้องรีบอพยพย้ายหนี ตอนนั้นปิ๊ปกำลังผ่าเปิดหน้าท้องวางยาสลบก็ต้องทิ้งคนไข้ไว้บนเตียงแบบนั้น แล้วเค้าจะตื่นมาตอนไหนพี่ภพ พอหมดฤทธิ์ยาตื่นมาพบว่าหน้าท้องตัวเองถูกกรีดยาวแบบนั้นน่ะเหรอ"
"ผมถึงได้อยากให้คนมีฝีมืออย่างหมอปิ๊ปได้ไปรู้ไปเห็นไง บ้านเรามันอย่างโง้นอย่างงี้แต่ในภาคสนามมันจะเอายังไงก็เอา ถ้าสถานการณ์มันบังคับให้ต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมกลโกงต่อให้เป็นคนที่ดีแสนดีก็อาจคิดแผนการที่สุดชั่วร้ายจนใครนึกไม่ถึงก็ได้ อย่าหาว่าผมแอบฟังพวกคุณคุยกันเลยนะ" อาจารย์เดชาเดินมายืนตรงนี้เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
"อ๋อ.. ไม่หรอกค่ะ ปิ๊ปก็แค่เล่าให้พี่เค้าฟัง"
"ทำไมคุณหมอครองภพไม่อวดให้หมอปิ๊ปฟังบ้างล่ะว่าผมเคยแนะนำให้คุณไปไหนมา" อาจารย์เดชาเปิดประเด็น
"ก็ไม่ใช่เรื่องต้องเอามาอวดกันมั้งครับ อีกอย่างผมก็แทบจะลืมๆไปแล้วด้วย" ครองภพถ่อมตัวเสมอ
"1995 บอสเนีย 1998 โคโซโว เซอร์เบีย ผมจำแม่นมั้ยทั้งที่คุณไม่ใช่ลูกศิษย์ของผมด้วยซ้ำ"
"ที่นั่นเป็นยังไงบ้างคะ พี่ภพ" หมอปิ๊ปสนใจ
"ก็ ฆ่าล้างเผ่าพันธ์ุ รมแก๊ส อาวุธเคมี คงเพราะมีกระสุนจำนวนน้อยกว่าเป้ามนุษย์ที่จะต้องยิง น่าจะไม่ได้ต่างกับการสังหารหมู่ที่นานกิงเท่าไหร่ ไม่มีทีวีไม่มีเฟ้สบุ๊ค" หมอเดชาตอบแทนเพราะดูท่าครองภพคงจะไม่เล่าแน่ๆ "เดี๋ยวผมกลับไปพักผ่อนก่อนพรุ่งนี้สิบเอ็ดโมงเข้ามานะ" หมอเดชาเปลี่ยนชุดเรียบร้อยโบกมืออำลาตอนเกือบจะตี่สี่หลังจากตรวจดูอาการหลังผ่าตัดเปลี่ยนหัวใจของลูกค้าวีไอพีจ่ายไม่อั้นเป็นรอบสุดท้าย
......................................
"ก็นี่ไง ชั้นก็แก้แล้ว"
"แกจะแก้ในห้องน้ำมาแข่งกับชั้นเนี่ยนะ อีนี่ลีลา"
"แกจะให้ชั้นวิ่งรอบบ้านไลฟ์ให้แกดูเนี่ยนะ" นายแหวนเหมือนตื่นจากความฝันสะบัดหัวหูได้ยินไม่ค่อยชัดประกบหน้าลงกับรอยปูนแยกก็เห็นเฟิร์สเปลือยเปล่านั่งบนชักโครกคุยกับไอแพดอย่างเดิมที่เดิมแต่ไม่มีเสื้อผ้าติดตัวสักชิ้น เนินเนื้อนมคู่ขาวเนียนตึงคู่นั้นคงน่าเคล้นขยำ นายแหวนเจ็บใจตัวเองที่เผลอหลับมองเวลาตี่สี่กว่าและจากมุมนี้ไอแพดเจ้ากรรมก็ดันบดบังของสงวนทั้งล่างทั้งบนไว้พอดีเหมือนโดนแกล้งจะขอให้คุณเฟิร์สขยับตำแหน่งหน่อยก็ใช่ที่
"เออ!! นี่ผัวกูขับรถจะถึงบ้านแล้วเนี่ย รออยู่เนี่ย เร็ว"
"ไม่เอา เดี๋ยวแฟนแกเห็น"
"เนี่ยให้ดูเลย ให้มันจำไปว่าวเลย อ่ะ เพื่อนไอเป็นแอร์อยู่ญี่ปุ่นจะแก้ผ้าวิ่งรอบบ้านโชว์ยู" เฟิร์สนั่งคุดคู้เก็บคอห่อนมตอนที่ไหมหันหน้าจอให้สามีมหาเศรษฐีชาวสวิสโบกมือทักทาย
"นับหนึ่งสองสามนะ" สิ้นเสียงนับเฟิร์สเปิดประตูห้องน้ำวิ่งออกไป นายแหวนเลยได้เห็นทันแค่ซุ้มสะโพกอวบอิ่มสองแก้มก้นขาวๆกับเรือนขาเรียวยาวเพราะเหมือนเฟิร์สจะขี้โกงเพื่อนหรือไม่ก็วิ่งไปอำเภอไหนก็ไม่รู้นายแหวนซ่อนตัวรอจนฟ้าเริ่มมีแสงสีน้ำเงินแดงจึงถอดใจกลับไปดูตัวเองอาบน้ำเตรียมตัวผจญกับรถติดตลอดเส้นทางขับพาคุณหญิงป้าไปประชุมที่โรงพยาบาลให้ทันแปดโมงเช้า
สงสารพวกอีแอบทั้งหลาย
ครอบครัวนี้ท่าทางผิดปกติกับทั้งบ้าน สะใภ้น่ะไม่หื่นเท่าไหร่ แต่ลูกชายกับเขยนี่จริงๆเลย น่าจะให้เป็นไข้เลือดออกซะให้เข็ด แล้วคุณหญิงป้าจะมีอุบัติเหตุกับเค้าบ้างมั้ยนี่ ตื่นเต้นพอๆกับลุงแหวนเลย ขอบคุณครับ
แอบดูได้ไม่สะใจเลยสินะ
ดูท่าจะเพี้ยนทั้งบ้านนะครับ ครอบครัวพระเอกนี่ แต่ก็เป็นอัจฉริยะนะ รอลุ้นต่อครับ พระเอก(มั้ง)หมอปิติจะฟาดลูกพี่ลูกน้องสาวๆมั๊ย หรือจะให้นางเอกไปไล่จับหนุ่มๆ แก่ๆจอมแอบ
555 อ่านแล้วสงสารนายแหวนจริงๆ
อ่านแล้วชวนระทึก แอบดูกันทั้งบ้านเลยมั้ย แหม่ บ้านนี้
น่าอิจฉาสุดๆ ดีเอ็นเอ ตระกูลนี้ดีอ่ะ ได้เป็นหมอหมดทั้งบ้านเลย
ขอบคุณครับ แต่อ่านแล้วรู้สึกแปลกๆ