โพล
คำถาม:
คุณคิดว่าเรื่องนี้ "ใครเป็นคนผิด" ครับ?
ตัวเลือก 1: คุณจอม เจนรบ - ที่ไม่ยอมหักห้ามใจไม่ให้คิดไปไกลกับน้องปลาลูกสาวเพื่อน จนทำให้เรื่องราวมันเลยเถิดไปไกล
ตัวเลือก 2: ภาค ภาคภูมิ - ที่เคยแย่งแฟนเพื่อนไปแล้วเมื่อในอดีต แล้วยังคิดกีดกันความรักระหว่างเพื่อนรักและลูกสาวอีก
ตัวเลือก 3: เปิ้ล ปิยะวรรณ - ถ้าคุณเปิ้ลในวัยสาวไม่คิดเปลี่ยนใจจากจอมไปหาภาค บางทีเรื่องราววุ่นวายอาจไม่เกิดขึ้น
ตัวเลือก 4: ปลา ปวีณา - เธอผิดที่คิดกับลุงจอมมากกว่าคำว่าญาติผู้ใหญ่ และทำตามอำเภอใจ จนทำให้เกิดเรื่องราววุ่นวาย
พูดคุยก่อนอ่าน : ติดตามกันต่อกับตอนที่ 6 นะครับ ตอนนี้ไม่มีฉากเลิฟซีนนะ ขอสงวนฉากนี้ไว้เฉพาะคนที่ซื้อฉบับเต็มนะครับ
อ่านเสร็จแล้วอยากถามทุกท่านว่า ความเห็นของคุณ คุณคิดว่าเรื่องอีรุงตุงนังที่เกิดขึ้นกับคนทั้งสี่ เจนรบ ภาคภูมิ ปิยะวรรณ และ ปวีณา ใครคือคนผิดครับ
#######################################
เจนรบยังคงตั้งหน้าตั้งตาทำงานต่อไปตามปกติ และเขาพยายามจัดสรรเวลาในการคบหากับปวีณา ด้วยความตั้งใจว่าสักวันหนึ่งถ้าถึงเวลาเหมาะสม เขาจะเดินทางไปเชียงใหม่ เพื่อสู่ขอปวีณากับภาคภูมิและปิยะวรรณที่เป็นเพื่อนและแฟนเก่าของเขา
หนุ่มใหญ่ดูสดชื่นมากขึ้น จนถูกลูกน้องแซวว่าเขากำลังมีความรัก เจนรบได้แต่ยิ้มตอบ ไม่ได้พูดอะไรมาก เพราะยังอยากให้เวลาเป็นเครื่องตัดสิน แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ตอนนี้หัวใจของเขามีแต่น้องปลาเท่านั้น เวลาว่าง ทั้งคู่ก็พูดคุยกันทางไลน์ พอเสาร์-อาทิตย์ ถ้ามีโอกาส เจนรบและปวีณาก็นัดพบกันเพื่อไปเที่ยวพักผ่อนหย่อนใจ และบางครั้งปวีณาก็ไปนอนค้างที่บ้านของเจนรบอีกด้วย
(https://sv1.picz.in.th/images/2019/08/28/ZbvIEv.jpg)
"เราจะต้องหลบซ่อนสถานะของเราสองคนแบบนี้อีกนานไหมคะลุงจอม?" ปวีณาเอ่ยปากถามเจนรบ
"อีกไม่นานหรอกจ๊ะ" เจนรบตอบ "ถ้าหนูเรียนจบเมื่อไร ลุงจะไปสู่ขอหนูกับไอ้ภาคและเปิ้ลนะ แล้วมาทำงานกับลุงนะ ลุงอยากมีเลขาส่วนตัวอยู่พอดีเลย"
"ลุงก็!!!" ปวีณายิ้มเขิน "หนูคงช่วยอะไรลุงไม่ได้หรอก หนูไม่ได้เก่งแบบลุง"
"เชื่อลุงเถอะ ลุงว่าหนูช่วยลุงได้มากแน่" เจนรบยิ้มหวาน "หนูเป็นคนเก่ง เพียบพร้อมทั้งหน้าตา ความรู้ และความสามารถแบบนี้ นะจ๊ะ มาเป็นเลขาส่วนตัว มาเป็นแม่ศรีเรือนของลุงนะจ๊ะน้องปลา"
"ค่ะ..." ปวีณายิ้มหวานจนเห็นแผงฟันขาว เจนรบก็โอบศีรษะของสาวน้อยแล้วจูบกลางหน้าผากของเธออย่างมีความสุข
เป็นคำสัญญาที่เจนรบให้กับปวีณา ว่าทั้งคู่จะต้องได้อยู่ร่วมกันอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าอะไรมันไม่ได้ดูง่ายดายอย่างที่คาดฝัน เพราะปวีณาเองก็ถูกคาดหวังจากพ่อและแม่ว่าอยากให้เธอไปเรียนต่อที่เมืองนอกเมืองนาเพื่อให้กลับมาช่วยงานธุรกิจที่บ้านในอนาคต
และแล้วสิ่งที่เจนรบกลัวก็เริ่มก่อตัว เมื่อภาคภูมิและปิยะวรรณกำลังสงสัยในความสัมพันธ์ของเจนรบและปวีณา จากการที่มีคนรู้จักไปเจอทั้งคู่เดินด้วยกันที่ห้างสรรพสินค้า ภาคภูมิไม่ใช่คนโง่ เขาเคยแย่งปิยะวรรณมาจากเจนรบ ดังนั้นเขาจึงกลัวว่าสักวันหนึ่ง เจนรบอาจคิดเอาคืนเขาและปิยะวรรณอยู่ก็ได้
หลังจากเหตุการณ์ที่ห้างสรรพสินค้าราวสองอาทิตย์ ภาคภูมิที่เคลียร์ธุระส่วนตัวที่เชียงใหม่เสร็จ ได้ตัดสินใจเดินทางลงมาที่กรุงเทพเพียงคนเดียว โดยมีเพียงแค่ปิยะวรรณเท่านั้นที่รู้เรื่องนี้ ส่วนหนึ่งเพราะภาคภูมิต้องการแน่ใจว่าเจนรบกับปวีณากำลังแอบคบหากันจริงหรือไม่
หลังจากเดินทางมาถึงสนามบินดอนเมือง ภาคภูมิโทรศัพท์หาเจนรบ เพื่อขอนัดพบตามภาษาเพื่อนฝูง แต่ความจริงแล้วมันมีอะไรมากกว่านั้น จากหลักฐานที่นักสืบส่งมาให้ มีแนวโน้มว่าเจนรบกับปวีณามีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันจริง
"ฮัลโหล ไอ้จอม สบายดีไหมมึง?"
"เออ สบายดี มีอะไรวะไอ้ภาค?"
"กูลงมาทำธุระที่กรุงเทพ มึงว่างป่ะ กูมีอะไรอยากจะคุยกับมึงหน่อย"
"เรื่องอะไรของมึงวะไอ้ภาค?" เจนรบถาม
"เรื่องสำคัญบางอย่าง กูอยากจะพูดกับมึงเป็นการส่วนตัว" ภาคภูมิตอบไปตามตรง จนเจนรบรู้สึกได้ว่ามันคงเป็นเรื่องสำคัญ "กูอยากคุยกับมึงให้เร็วที่สุด"
แล้วเจนรบก็ตอบตกลง ว่าจะมาเจอกันที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งแถวห้าแยกลาดพร้าว ภาคภูมิที่มาถึงก่อนนั่งละเลียดกาแฟระหว่างรอเจนรบตามมาสมทบที่หลัง
"ไงไอ้ภาค มีอะไรกับกูวะ?" เจนรบเดินสะพายกระเป๋าหนังสีดำมาทักทายเพื่อนรักที่กำลังนั่งละเลียดกาแฟอยู่ชั้นบนของห้างสรรพสินค้าดัง
"นั่งก่อนซิวะไอ้จอม" ภาคภูมิวางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ "อยากดื่มอะไรก็สั่งมา กูมีเรื่องที่จะต้องคุยกับมึงเป็นการส่วนตัวเยอะพอสมควร"
"ขอเอรสเปรสโซ่ครับ" เจนรบสั่งเครื่องดื่มกับบริกร
"ชอบดื่มอะไรเข้ม ๆ ตลอดเลยนะมึง" ภาคภูมิยิ้ม
"มีอะไรก็ว่ามาซิไอ้ภาค" เจนรบถาม "มึงมีเรื่องสำคัญอะไรจะคุยกับกู"
"เดี๋ยวก่อนซิ กูอยากคุยเรื่องอื่นก่อน" ภาคภูมิตอบ "เป็นไงบ้าง ชีวิตมึงช่วงนี้ โอเคไหม?"
"ก็เรื่อย ๆ ว่ะ" ทนายความพยักหน้า หนุ่มใหญ่เริ่มรู้สึกว่าภาคภูมิต้องมีอะไรบางอย่างเก็บซ่อนอยู่ในใจอย่างแน่นอน
พอบริกรเอากาแฟมาเสิร์ฟให้เจนรบบนโต๊ะแล้ว ภาคภูมิก็ให้เพื่อนรักได้ละเลียดรสชาติเข้มข้นของกาแฟ ก่อนที่จะเริ่มเปิดประเด็นสำคัญ
"เอาละ กูว่ากูต้องเริ่มเปิดประเด็นแล้ว" ภาคภูมิประสานมือเข้าด้วยกันบนโต๊ะ "ไอ้จอม กูอยากจะคุยเรื่องนี้กับมึงมาก เป็นเรื่องสำคัญที่กูต้องพูดกับมึง และนี่คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่กูจะพูดเรื่องนี้"
"เรื่องอะไรของมึงไอ้ภาค?" เจนรบร่นคิ้ว
"เรื่องลูกสาวกู"
"กูบอกแล้วไง กูกับหนูปลาไม่ได้มีอะไรกัน มึงเข้าใจผิดแล้ว"
"มึงยังจะโกหกกูอีกเหรอไอ้จอม" ภาคภูมิย้อนถาม "เมื่อสามสิบปีก่อน กูยอมรับว่ากูผิด ที่ไปแย่งเปิ้ลมาจากมึง ถึงเปิ้ลจะบอกว่าตัวเองเป็นคนปันใจมาจากมึงเอง กูอยากให้มึงพูดออกมาตามตรง ไม่ต้องมาโกหกกัน ถ้ามึงยังเห็นว่ากูเป็นเพื่อนอยู่"
"กูไม่คุยเรื่องนี้ว่ะไอ้ภาค" เจนรบพยายามปฏิเสธ
"มึงต้องพูดว่ะไอ้จอม!!" ภาคภูมิขึ้นเสียง จนลูกค้าโต๊ะอื่นหันมามอง นักธุรกิจจากภาคเหนือจึงได้ลดโทนเสียงให้เบาลงอีกหน่อย "กูมีหลักฐานว่ามึงกับลูกสาวกูอยู่ด้วยกันสองต่อสอง เลิกเอาความเป็นทนายมาคุยกับกูซะไอ้จอม เอาความเป็นลูกผู้ชาย เป็นสุภาพบุรุษมาคุยกันดีกว่า"
แล้วภาคภูมิก็หยิบเอาภาพถ่ายของเจนรบและปวีณาจากกระเป๋าสะพายขึ้นมาวางบนโต๊ะ ภาพเหล่านั้นทำให้เจนรบหน้าถอดสีด้วยความตกใจ เพราะไม่คิดว่าภาคภูมิจะรับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างเขาและปวีณา
"ไอ้ภาค..." เจนรบส่งรูปภาพคืนให้เพื่อนรัก "กูขอโทษ มาถึงจุดนี้กูคงปฏิเสธอะไรไม่ได้อีกแล้ว"
"ทำไมมึงทำแบบนี้วะไอ้จอม?" ภาคภูมิย้อนถามถึงศีลธรรมในตัวของเจนรบ "นั่นมันลูกสาวกูนะ ลูกปลาเป็นลูกสาวกูกับเปิ้ล มึงทำแบบนี้ เพราะมึงต้องการล้างแค้นกูกับเปิ้ลใช่ไหม?"
"ไม่ใช่อย่างนั้น..." เจนรบตอบ "กูกับน้องปลารักกัน"
"กูกับน้องปลารักกันเหรอ?" ภาคภูมิแสยะยิ้ม "มึงนี่กล้าพูดนะไอ้จอม นั่นลูกสาวกู น้องปลายังเด็ก ยังไม่มีวิจารณญาณพอที่จะตัดสินว่าเรื่องไหนเหมาะสมหรือไม่เหมาะสม แต่มึง มึงเป็นผู้ใหญ่ มึงทำแบบนี้กับลูกสาวกูเหรอ!!!"
"กูขอโทษเพื่อน" เจนรบหมดสภาพที่จะต่อสู้ "กูรักลูกสาวมึงว่ะ ไอ้ภาค"
"รักลูกสาวกู..." ภาคภูมิจ้องหน้าเจนรบตาขวาง "ก็เลยเอาลูกสาวกูเป็นเมียว่างั้น"
"กู...กูไม่รู้จะพูดอะไรวะไอ้ภาค" ทนายความสารภาพ "แต่กู กูรักน้องปลาจริง ๆ กูยินดีรับผิดชอบทุกอย่าง กูสัญญาว่ากูจะดูแลน้องปลาให้ดีที่สุด"
"ก็ยังดี..." ภาคภูมิเอนตัวพิงเก้าอี้ "ที่มึงกล้ายอมรับความจริงแบบลูกผู้ชาย แต่กูคงยอมให้มึงกับน้องปลารักกันไม่ได้ว่ะ กูทำใจไม่ได้ที่อยู่ดี ๆ จะมีเพื่อนรักเป็นลูกเขย มึงเข้าใจความรู้สึกกูตรงนี้ใช่ไหม?"
"กูเข้าใจ..." เจนรบถอนหายใจ "ยังไงมึงกับเปิ้ลคงไม่มีวันยอมรับเรื่องนี้ได้"
(https://sv1.picz.in.th/images/2019/09/10/ZGX5Vq.jpg)
'ไอ้จอม ลูกสาวกูปีนี้อายุ 20 อีกไม่กี่ปีข้างหน้า น้องปลาจะเรียนจบและต้องไปเรียนต่อปริญญาโทที่เมืองนอก กูอยากให้ลูกสาวกูมีอนาคตที่ดี และได้เจอผู้ชายที่เหมาะสม ทั้งความรู้ วัยวุฒิ และฐานะ" ภาคภูมิอธิบาย "มึงเป็นคนดีนะไอ้จอม กูมั่นใจว่ามึงน่ะจะดูแลลูกสาวกูได้ แต่ปัญหาคือ มึงเป็นเพื่อนกู แล้วมึงกับกูตอนนี้อายุเท่าไร อีกสิบปีข้างหน้าลูกสาวกูจะมีอายุ 30 เธอจะเป็นสาวสวยสะพรั่ง แต่กูกับมึงจะมีอายุ 62 เราจะเป็นเพียงแค่ไอ้แก่ที่หมดสภาพ มึงไม่คิดว่ามันเห็นแก่ตัวเหรอวะ ที่น้องปลาต้องมาดูแลคนแก่อย่างมึง กูอยากให้สาวของกูได้เจอคนที่ดีและหนุ่มแน่นกว่านี้ แล้วมึงลองคิดดูนะไอ้จอม ถ้าเกิดมึงกับน้องปลามีลูกด้วยกัน มึงไม่สงสารลูกมึงที่เกิดมาเหรอวะ? มึงจะมีเวลาอยู่บนโลกกับน้องปลาและลูกของมึงอีกกี่ปี? กูไม่รู้มึงคิดยังไงนะ แต่กูยอมให้เรื่องแบบนี้มันเกิดขึ้นไม่ได้"
"พูดอีกก็ถูกอีก..." เจนรบยอมรับ "กูไม่มีอะไรจะโต้แย้ง"
"ก็ดี..." ภาคภูมิหยิบน้ำเปล่าขึ้นมาดื่มแก้กระหาย "งั้นกูขอเลยนะไอ้จอม เลิกติดต่อกับลูกสาวกูตั้งแต่ตอนนี้เป็นต้นไป ถ้ามึงยังไม่เลิก เราคงได้เห็นดีกัน"
ภาคภูมิลุกขึ้นหยิบกระเป๋าสะพาย ก่อนเดินไปจ่ายเงินที่หน้าเคาน์เตอร์ หนุ่มใหญ่นักธุรกิจจากภาคเหนือหันมาพูดบางอย่างกับเจนรบ
"กูพูดทุกอย่างเคลียร์แล้ว หวังว่ามึงคงเข้าใจ" ภาคภูมินิ่งเงียบไปครู่หนึ่ง "แล้วกูก็หวังว่ากูกับมึงคงไม่เจอหน้ากันอีกนะ"
เจนรบได้แต่นั่งเงียบครุ่นคิดถึงสิ่งที่ภาคภูมิพูด ทุกอย่างมันก็จริงในมุมของไอ้ภาคมัน เจนรบคิด เป็นเขาเองที่ผิดเอง ที่ไม่หักห้ามใจให้มากกว่านี้ จนพาตัวเองและน้องปลามายืนในจุดนี้ ถ้าแบบนั้นแล้ว บางทีเขาคงต้องแก้ไขในความผิดพลาดที่เกิดขึ้น ทั้งหมดไม่ใช่เพราะใคร แต่เพื่อน้องปลานั่นเอง
ในคืนนั้น เจนรบได้พูดคุยกับปวีณาทางโทรศัพท์ ตอนแรกเขาเองก็อยากจะตัดการติดต่อจากเด็กสาว เพียงแต่เขาประเมินสถานการณ์ดูแล้ว คงเป็นไปไม่ได้ เพราะลูกปลาสามารถมาหาเขาได้ ณ ที่ทำงาน และเพื่อป้องกันไม่ให้เรื่องราวมันบานปลาย เจนรบจึงตัดสินใจเปิดใจคุยกับปวีณาอย่างตรงไปตรงมาในคืนนั้น
"ลุงคิดว่าเราจำเป็นต้องคุยกันอย่างตรงไปตรงมาแล้วล่ะนะปลา...."
"ลุงจอมหมายความว่ายังไงคะ?" ปวีณาถาม "ปลางงไปหมดแล้ว"
'ลุงคิดว่าเราเลิกกันเถอะ" เจนรบตอบ
"อะไรนะ?" น้ำเสียงของสาวน้อยเริ่มสั่นเครือ "ลุง...ลุงพูดอะไรของลุง?"
"เราเลิกกันเถอะ อย่ามาติดต่อพบเจอกันอีก" เจนรบจำใจต้องพูดทั้งน้ำตา
"ไม่จริง!! นี่ไม่ใช่สิ่งที่ลุงอยากจะพูดออกมา มันต้องมีอะไรบางอย่างแน่ ๆ ที่หนูไม่รู้" ปวีณาตอบ "เรื่องพ่อกับแม่หนูใช่ไหมคะลุงจอม?"
"มันไม่เกี่ยวกับไอ้ภาคและก็เปิ้ล" ทนายความตอบทั้งน้ำตา "ลุงแค่เบื่อ ลุงเบื่อหนูแล้วปลา ลุงเบื่อหนูเต็มทนแล้ว!!! ที่ผ่านมาลุงแค่แกล้งทำว่ารักหนูไปแบบนั้นแหละ อย่ามายุ่งกับชีวิตลุงอีก ลุงมันแก่แล้ว หูตามันกำลังจะฝ้าฟาง เด็กสาวอย่างหนูไม่ควรมาเสียเวลากับลุง!!"
"เหรอคะ? ที่ผ่านมาลุงแค่แกล้งทำว่ารักปลาใช่ไหม? " เสียงสะอื้นของปวีณาดังเล็ดลอดออกมาจากลำโพงโทรศัพท์ของเจนรบ "หนูว่ามันต้องเกี่ยวกับพ่อและแม่ของหนูแน่ ๆ ลุงจอม ลุงไม่ต้องมาโกหกหรอก ถ้าลุงอยากจะเลิกก็บอกมาตรง ๆ เถอะ ไม่ต้องมาทำเป็นอ้อมค้อม!!"
"ลุงจำเป็นต้องทำนะปลา" น้ำเสียงของเจนรบเริ่มสั่นเครือ "ลุงอยากให้หนูได้มีอนาคตที่ดี"
"ทำไมคนนั้นคนนี้ต้องมาตัดสินอนาคตหนูด้วย ทั้งพ่อกับแม่ และตอนนี้ก็เป็นลุงอีกคน!!" ปวีณาตัดพ้อ "ความสุขของหนูคือการได้อยู่กับลุง ได้ดูแลลุง แต่ในเมื่อลุงไม่ต้องการปลาอีกต่อไป ก็ได้ค่ะ ปลาจะไปจากชีวิตลุงเอง!!"
แล้วปวีณาก็กดตัดสายเจนรบทิ้งทั้งน้ำตา หนุ่มใหญ่และสาวน้อยต่างปล่อยโฮออกมาด้วยหัวใจที่แตกสลาย
"ลุงรักปลานะ/หนูรักลุงจอม" ทั้งคู่ต่างพูดในสิ่งที่หัวใจตนเรียกร้อง ในวันที่ความรักต้องห้ามนี้จบลง
................
หลายเดือนผ่านไปหลังจากเหตุการณ์วันนั้น เจนรบก็กลับมาเป็นหนุ่มใหญ่ที่เคร่งขรึมและจริงจังไปเสียทุกอย่างอีกครั้ง ในขณะที่ปวีณาก็กลับไปตั้งหน้าตั้งตาเรียนหนังสือ ตอนนี้เธอขึ้นสู่ชั้นปีที่สาม ของคณะนิเทศศาสตร์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว อีกเพียงแค่ปีเดียวเท่านั้นปวีณาก็จบการศึกษา ภาคภูมิรู้สึกพึงพอใจมาก ที่เจนรบทำตามที่ตนเองร้องขอ เว้นเสียแต่ปิยะวรรณ ที่สังเกตว่าลูกสาวคนเล็กของบ้านดูเศร้าสร้อยและชอบเหม่อลอยเสมอ
(https://sv1.picz.in.th/images/2019/09/11/ZLGxP2.jpg)
"คิดอะไรอยู่เหรอจ๊ะลูกแม่?" ปิยะวรรณเดินเขามาถามความรู้สึกของลูกสาวที่ยืนเหม่ออยู่ริมระเบียงบ้าน
"ก็คิดอะไรเรื่อยเปื่อยไปตามเรื่องค่ะ" ปวีณาหันไปยิ้ม
"เหรอจ๊ะ? ไม่ใช่ว่าคิดถึงหนุ่มคนไหนที่กรุงเทพหรอกเหรอ?" ปิยะวรรณแกล้งแยบถามเล่น
"ไม่มีหรอกค่ะแม่..." ปวีณาตอบ "หนูยังไม่คิดเรื่องแฟน"
"ดีแล้วจ๊ะลูกแม่" ปิยะวรรณโอบกอดลูกสาวด้วยความรัก เธอรู้มาจากปากของภาคภูมิที่เป็นสามีว่าเขาไปคุยเรื่องนี้กับเจนรบด้วยตัวเอง แน่นอนว่าปิยะวรรณก็เห็นด้วยกับสิ่งที่ภาคภูมิเสนอให้เจนรบ แต่บางครั้งปิยะวรรณก็อดสงสารลูกสาวไม่ได้ และอาจจะรวมไปถึงตัวเจนรบด้วยเช่นกัน
ปิยะวรรณรู้ดีว่าตัวเองมีส่วนผิด เพราะปันใจไปหาภาคภูมิ จนทำให้คนที่มีความรักจริงอย่างเจนรบต้องช้ำใจ และเลือกที่จะครองตนเป็นโสดอยู่นานถึง 30 ปี บางทีถ้าเจนรบได้เจอกับผู้หญิงที่ดีคนอื่น เธออาจจะยินดีไปกับอดีตคนรักเก่า แต่นี่กลับเป็นปวีณา ลูกสาวของเธอและภาคภูมิ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้
"แม่คะ หนูถามอะไรหน่อยได้ไหม?" ปวีณาหันไปมองหน้าปิยะวรรณ
"อะไรจ๊ะลูก?" ปิยะวรรณยิ้มหวานให้ลูกสาว
"แม่รักพ่อเพราะอะไรคะ?" คำถามนี้ทำเอารอยยิ้มของปิยะวรรณเหือดหายไปอย่างรวดเร็ว
"ปลา..." อดีตดาวคณะอักษรศาสตร์เรียกชื่อลูกสาวด้วยความตกใจ "ถามอะไรของลูกเนี่ย?"
"หนูแค่อยากรู้ว่าแม่รักพ่อเพราะอะไร?" ปวีณาย้ำคำถามอีกครั้ง "บอกหนูหน่อยได้ไหมคะแม่"
"เพราะพ่อของหนูเป็นคนดี" ปิยะวรรณตอบ
"แค่นั้นเองเหรอคะ?" ปวีณาถาม "หนูแค่สงสัยว่า การที่แม่เปลี่ยนใจจากลุงจอมมารักพ่อ มันน่าจะมีเหตุผลอะไรที่มากกว่าการที่พ่อเป็นคนดี เพราะหนูคิดว่าลุงจอมเองก็เป็นคนดีไม่ต่างจากพ่อเลย"
"ปลา..." คำพูดของลูกสาวทำให้ปิยะวรรณถึงกับหน้าซีดเผือก สาวใหญ่ควรจะตอบลูกสาวแบบไหนดีนะ
ย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน ตอนที่ปิยะวรรณยังเป็นสาวสวยประจำคณะอักษรศาสตร์ เธอคบหากับเจนรบที่เป็นเดือนคณะนิติศาสตร์ ทั้งคู่เป็นคู่รักตัวอย่างที่ทุกคนในมหาวิทยาลัยชื่นชมด้วยความหล่อและสวยบวกกับความสามารถ ทำให้ทุกคนคาดหวังว่าเจนรบและปิยะวรรณจะได้แต่งงานกันหลังเรียนจบ แต่สายตาของปิยะวรรณกลับไม่ได้มองแค่เจนรบเพียงคนเดียว สายตาของหญิงสาวแบ่งปันไปยังภาคภูมิ ที่แอบมองเธออยู่ไม่ไกล โดยที่เจนรบไม่มีทางรู้ตัว
ปิยะวรรณไม่ชอบเวลาที่เจนรบยืนสูบบุหรี่ เธอเกลียดผู้ชายสูบบุหรี่ เพราะพ่อของเธอเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอด หญิงสาวพยายามห้ามแฟนหนุ่ม แต่กลับถูกปฎิเสธกลับมาอย่างไม่มีเยื้อไย
"ก็เราเป็นผู้ชายอ่ะเปิ้ล ผู้ชายก็ต้องกินเหล้าสูบบุหรี่บ้างซิ เวลาผู้ชายเข้าสังคมกันมันก็ต้องมีบ้างเถอะ"
"แล้วภาคล่ะ ภาคก็เป็นผู้ชาย เปิ้ลไม่เห็นภาคสูบบุหรี่เลย อย่างมากก็กินแค่เหล้าเวลาเข้าสังคม"
"นั่นมันไอ้ภาค ไม่ใช้จอมสักหน่อย" เจนรบปฎิเสธอย่างไม่มีเยื้อไย จนทำให้ปิยะวรรณอดรู้สึกไม่พอใจอยู่บ้าง
และบางครั้ง ปิยะวรรณก็อยากให้เจนรบมีมุมอ่อนโยน โรแมนติกบ้าง เวลาที่ภาคภูมิหยิบกีต้าร์ขึ้นมาร้องเพลงเล่น หญิงสาวรู้สึกว่าภาคภูมิดูมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด ในขณะที่เจนรบกลับนั่งเคร่งเครียดกับตำราเรียนกฎหมายมากเกินไป จนทำให้บางครั้งเขาก็ไม่มีเวลาเอาใจแฟนสาวเท่าที่ควร
"ภาคเล่นกีต้าร์เก่งเนอะจอม" ปิยะวรรณหันไปมองภาคภูมิที่ยืนเล่นกีต้าร์ในงานโอเพ้นท์เฮ้าส์ของมหาวิทยาลัย "จอมน่าจะหัดร้องหัดเล่นกีต้าร์บ้างนะ"
"ไม่เอาอ่ะเจ็บนิ้ว แล้วก็ไม่รู้จะหัดไปเพื่ออะไรด้วย" เจนรบปฎิเสธอย่างไม่มีเยื้อไย "เราอยากเอาเวลามาอ่านหนังสือทบทวนตำรามากกว่า เราตั้งใจว่าจะตั้งใจเรียนแล้วจบมาเป็นทนาย เพื่อจะได้ดูแลเปิ้ลไง เปิ้ลว่าไม่ดีกว่าเหรอ?"
"อืม..." ปิยะวรรณได้แต่ถอนหายใจ เธออยากให้เจนรบมีมุมโรแมนติกแบบภาคภูมิบ้าง
สำหรับปิยะวรรณแล้ว เธอคิดว่าภาคภูมิดูมีเสน่ห์มากกว่าเจนรบ ภาคภูมิอาจไม่ได้มีผลการเรียนโดดเด่นเท่าเจนรบก็จริง แต่ในด้านกิจกรรม ไม่ว่าจะเป็นกีฬาหรือดนตรี ภาคภูมิเหนือกว่าเจนรบอย่างเห็นได้ชัด
(https://sv1.picz.in.th/images/2019/09/11/ZLGidg.jpg)
ตัดมาที่ปัจจุบัน ปิยะวรรณคิดทบทวนเรื่องราวในอดีต เพื่อเรียบเรียงหาคำตอบที่ดีที่สุดให้แก่ลูกสาวที่ยือฟังอยู่
"แม่จะตอบให้ก็ได้" ปิยะวรรณยิ้ม เธอเอื้อมแขนจับไหล่ของลูกสาว "สาเหตุที่แม่เลือกพ่อ แทนที่จะเป็นลุงจอม เพราะอะไรรู้ไหม?"
"เพราะอะไรค่ะ?" ปวีณาตั้งอกตั้งใจฟังคำตอบของแม่
"เพราะพ่อของลูกดูอ่อนโยนและผ่อนคลายกว่าลุงจอมยังไงล่ะ" ปิยะวรรณตอบ "ลุงจอมน่ะเป็นผู้ชายที่ดีมากเลยนะ เพียงแต่แม่รู้สึกว่าการอยู่กับลุงจอม สำหรับแม่มันอึดอัดเกินไป เพราะจอมเป็นคนที่คาดหวังกับทุกสิ่งทุกอย่างไว้สูงมาก จนแม่ไม่มั่นใจว่าตัวเองจะดีพอที่จะตอบสนองต่อความต้องการของลุงจอมได้"
"งั้นเหรอคะ?" ปวีณาพยักหน้า เธอรู้สึกคล้อยตามในสิ่งที่แม่ของเธอพูด เพราะตลอดเวลาที่เธออยู่กับลุงจอม เธอรู้สึกว่าลุงจอมดูจริงจังและซีเรียสจนเกินไป ถึงแม้ภายหลังเจนรบจะดูผ่อนคลายลงเวลาอยู่กับเธอก็ตาม
"แม่เองก็รู้สึกเสียใจนะ ที่เป็นคนหักอกลุงจอมมาหาพ่อของลูก" ปิยะวรรณสารภาพตามตรง "แต่ความรักมันก็แบบนี้ บางครั้งผู้หญิงเราไม่ได้ต้องการรักผู้ชายที่ดีที่สุด แต่เราแค่ต้องการรักคนที่เข้าใจในสิ่งที่เราเป็นมากที่สุด อยู่แล้วสบายใจที่สุด ก็เท่านั้นเอง"
"คุยอะไรกันอยู่เหรอสองสาว?" ภาคภูมิที่แอบยืนฟังเข้ามาแทรกขัดจังหวะ "เปิ้ล ปลา พ่อว่าเย็นนี้เราไปหาของอะไรอร่อย ๆ กินกันดีไหม?"
"คุณ!? มาตอนไหนเนี่ย?" ปิยะวรรณตกใจที่ภาคภูมิปรากฏตัวโดยไม่ให้สุ่มให้เสียง
"ก็ได้สักพักแล้ว" ภาคภูมิยิ้ม "แอบฟังสองสาวนินทาพ่ออยู่น่ะ"
"นิสัยไม่ดีเลยนะคุณ!!" ปิยะวรรณค้อนใส่ภาคภูมิผู้เป็นสามีที่เดินเข้ามากอดเธอจากด้านหลัง "ไม่ต้องมาประจบเลย!!"
"มาเถอะสองสาว ไปหาข้าวเย็นกินกันข้างนอกบ้าง เปลี่ยนบรรยากาศ" ภาคภูมิยิ้มหวาน "นะ พ่อหิวแล้ว ไปกันเถอะ"
สำหรับปวีณาแล้ว ภาคภูมิอาจดูเป็นพ่อที่เข้มงวด แต่ความจริงแล้วเขาคือแฟมิลี่แมน ที่ดูแลปิยะวรรณและเธอเป็นอย่างดี แทบเรียกได้ว่าภาคภูมิไม่เคยทำให้แม่ของเธอต้องเสียใจเลยแม้แต่น้อย
บางทีก็คงเป็นอย่างที่แม่เธอพูดนั่นแหละ ผู้หญิงไม่ได้รักใครสักคนที่เขาเป็นคนดี แต่รักเพราะอยู่กับเขาและสบายใจ อยู่ด้วยกันแล้วมีความสุขกว่า เธอคิดว่าหากแม่ของเธออยู่กับลุงจอม เธอคงไม่ได้เกิด และแม่ของเธอคงไม่มีความสุขเท่ากับที่อยู่กับพ่อของเธออย่างภาคภูมิ
................
ภาคภูมิพาปิยะวรรณและปวีณามากินข้าวที่ร้านภัตตาคารหรูย่านใจกลางเมืองเชียงใหม่ ขากลับปวีณาขออาสาเป็นคนขับรถให้ จนสร้างความแปลกใจให้ภาคภูมิและปิยะวรรณเป็นอย่างมาก
"ไปแอบฝึกหัดขับรถตอนไหนเหรอ?" ภาคภูมิถามลูกสาวอย่างอารมณ์ดี แต่ความจริงเขาพอเดาออกอยู่แล้วว่าเจนรบเป็นคนสอนขับรถให้
"หัดกันเพื่อนค่ะ" ปวีณาตอบ เธอโกหกเพราะคิดว่าพ่อของเธอยังไม่รู้ความจริง ภาคภูมิยิ้มให้ลูกสาว และเริ่มเกริ่นถึงเรื่องอนาคตทางการศึกษาของปวีณา
"อีกหนึ่งปีก็จะจบปริญญาตรีแล้วซินะปลา" ภาคภูมิเอ่ยปาก "ตัดสินใจหรือยังว่าจะไปเรียนต่อที่ไหน?"
"อเมริกาค่ะ" ปวีณาตอบ "หนูอยากไปเรียนที่อเมริกา"
"ดีแล้ว" นักธุรกิจรีสอร์ตพยักหน้า "พ่อกับแม่รอคอยความสำเร็จของลูกอยู่นะ"
ปวีณายิ้มรับ ขณะกำลังก้มหน้าก้มตากินมื้อเย็นต่อไป ปิยะวรรณทขมวดคิ้วใส่ภาคภูมิ เพราะไม่เห็นด้วยที่สามีไปชวนลูกคุยเรื่องซีเรียสแบบนี้ตอนมื้อเย็น
ความจริงแล้วภาคภูมิเองก็หวังดีกับปวีณา เพียงแต่เขาต้องการมั่นใจว่าลูกสาวของเขากับเจนรบจะห่างกันด้วยระยะทาง เพราะนักสืบแอบมารายงานว่าพบความเคลื่อนไหวของทั้งคู่ที่เหมือนยังอาลัยอาวรณ์กันอยู่ ครั้งหนึ่งปวีณาเคยเดินทางไปที่สำนักงานทนายความของเจนรบ แต่เจนรบติดธุระด้านนอก ทั้งสองเลยไม่ได้เจอกัน ส่วนเจนรบเอง ก็เคยแอบแวะมาที่หน้ามหาวิทยาลัย เพื่อดักเจอหนูปลา เพียงแต่เจนรบเลือกที่จะไม่ปรากฏตัว เพราะไม่อยากให้เด็กสาวลำบากใจ
................
"คือคุณจะมาทำตัวหัวหมอแบบนี้ไม่ได้นะ การที่เจ้าบ้านไม่ได้มาดูแลที่ดิน ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะมาอ้างสิทธิให้อีกฝ่ายมาเปิดทางภาระจำยอม คุณก่อสร้างตึกหันมาทางที่ดินของอีกฝ่าย ทั้งที่หน้าบ้านคุณติดถนนใหญ่ ผมมองว่าคุณมีเจตนาไม่บริสุทธิ์"
เจนรบออกโรงว่าความให้ฝ่ายโจทย์ในชั้นศาลอย่างออกรส หลังจากที่ฝ่ายจำเลยพยายามรุกล้ำที่ดินของอีกฝ่าย โดยอ้างว่าตนเองไม่มีเส้นทางออกสู่ถนนใหญ่
"ทนายเจนรบ คุณไม่มีสิทธิ์มาว่ากล่าวหาลูกความผมนะครับ!!!" ทนายความฝ่ายจำเลยลุกขึ้นมากลางศาล
"ผมไม่ได้กล่าวหา ผมพูดตามข้อเท็จจริง!!" เจนรบโต้แย้ง "ศาลที่เคารพครับ ลูกความของผมเคยทำเรื่องขอรังวัดที่ดินไปแล้วเมื่อสองปีก่อน แน่นอนว่าทางฝ่ายโจทย์ได้มีการบันทึกภาพมุดที่แบ่งเขตที่ดินไว้แล้ว คือฝ่ายจำเลยจะมาอ้างว่าฝ่ายโจทย์ไม่มาดูแลที่ดินคงเป็นไปไม่ได้"
เจนรบเดินหน้าว่าความให้ฝ่ายโจทย์จนได้รับชัยชนะอย่างงดงาม ก่อนหน้านั้นทนายฝ่ายจำเลยเคยพยายามเจรจากับเขาเพื่อหาทางออกร่วมกัน เพราะเขาไม่อยากเสียประวัติเพราะแพ้คดี และฝ่ายจำเลยเองก็ลงทุนไปมากกับอพาร์ทเมนต์ที่สร้างขึ้นมา แต่เจนรบเลือกปฏิเสธกลับไป เพราะเขาไม่สามารถทรยศต่อลูกความและอาชีพของเขาได้
"คุณกำลังทำให้เรื่องง่ายกลายเป็นเรื่องยากนะเจนรบ" ทนายความฝ่ายจำเลยยืนเผชิญหน้ากับเจนรบ หลังศาลมีคำสั่งตัดสินให้ฝ่ายโจทย์เป็นผู้ชนะ "ความจริงเรื่องนี้เราน่าจะหาทางออกร่วมกันได้โดยไม่มีใครต้องแพ้"
"คุณมาเป็นทนายความ เพราะสนแค่เรื่องแพ้ชนะหรอกเหรอ?" เจนรบในชุดครุยทนายหันไปถาม "แต่สำหรับผม ผมไม่ใช่ ผมมาเป็นทนาย เพื่อช่วยเหลือคนยากจนและยืนหยัดเพื่อความถูกต้อง ขอโทษนะ อุดมการณ์ของผมกับคุณมันต่างกัน"
เจนรบเดินหน้าต่อสู้เพื่อความยุติธรรมจนได้รับคำยกย่องจากชาวบ้าน และในระหว่างที่เขากำลังขับรถกลับจากชลบุรีมุ่งตรงสู่กรุงเทพอยู่นั้น ก็ได้เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเมื่อมีชายลึกลับขับรถบิ๊กไบค์มาประกบรถยนต์ของเขาที่กำลังแล่นอยู่บนถนนบางนา-ตราด
ด้วยสัญชาติญาณ เจนรบรู้ดีว่าชายลึกลับสองคนนั้นมีเจตนาร้าย เขาก็เลยหักพวงมาลัยหวังชนกับรถบิ๊กไบค์ของมือปืน ที่พยายามหักหลบ จนก่อให้เกิดหนังแอ็คชั่นไล่ล่าบนถนนบางนา – ตราด
"เก่งนักใช่ไหมมึง!?" มือปืนที่ซ้อนท้ายควักปืน 9 มม. ขึ้นมาแล้วกระหน่ำยิงใส่กระจกท้ายรถ เจนรบเห็นท่าไม่ดีเลยพยายามหักหลบซิกแซก กระจกหลังรถของเจนรบแตกจากกระสุนปืน
"บ้าเอ้ย!!!" เจนรบพยายามควบคุมพวงมาลัยรถ เขารู้สึกเจ็บแปล๊บตรงบริเวณไหลซ้าย ที่เกิดจากกระสุนปืนถาก และด้วยความเร็วของตัวรถที่มากเกินไป เลยทำให้รถเสียหลักตกลงไปคูน้ำข้างทาง
มือปืนรีบเร่งรถหนี เพราะเห็นตำรวจที่แวะซื้อกาแฟกินอยู่แถวปั้มกำลังเรียกกำลังเสริม เป็นอันว่าเจนรบรอดตายอย่างหวุดหวิด
"โอย...ช่วยด้วย" เจนรบในสภาพบอบช้ำสุดขีดพยายามร้องขอความช่วยเหลือ ก่อนที่สติสัมปชัญญะของเขาจะขาดหายไป ภาพในอดีตสมัยที่เขายังเป็นนักศึกษาย้อนกลับมา ภาคภูมิ ปิยะวรรณ พ่อและแม่ของเขา และภาพสุดท้ายก่อนที่เจนรบจะหมดสติไป ก็คือภาพของปวีณา เด็กสาวผู้เป็นเจ้าของหัวใจของเจนรบนั่นเอง
................
ปวีณาและก๊วนเพื่อนกำลังกินข้าวเที่ยงในโรงอาหารอย่างเอร็ดอร่อย และพูดคุยกันด้วยเรื่องทั่วไปอย่างออกรส
"นี่ปลา ถ้าแกเรียนจบ แกจะเอาไงต่อกับชีวิตอ่ะ?"
"ชั้นว่าชั้นจะไปเรียนต่อที่อเมริกา" ปวีณาตอบ
"โหดีวะ ชั้นก็ว่าจะไปเรียนต่อที่อเมริกาเหมือนกัน ว่าแต่แกจะไปเรียนต่อในรัฐไหนวะ?"
"แคลิฟอร์เนีย" ลูกปลาตอบ "พอดีว่าป้าชั้นได้กรีนการ์ดเปิดร้านอาหารไทยที่แอลเอ พ่อชั้นเลยจะฝากให้ชั้นไปทำงานกับป้าที่นั่นด้วย"
"ดีว่ะแก มีญาติที่อเมริกา ชีวิตจะได้ง่ายขึ้น" เพื่อนสาวของปวีณายิ้ม ก่อนสายตาของเธอเหลือบไปเห็นข่าวด่วนบนโทรทัศน์ "เฮ้ย...นั่นมันทนายเจนรบนี่หว่า"
"มีรายงานด่วนเข้ามานะครับว่าตอนนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจจากกิ่งอำเภอบางเสาธงได้รับแจ้งเหตุมีรถยนต์คว่ำตรงบริเวณถนนบางนาตราด กิโลเมตรที่ 20 เมื่อตำรวจรุดไปยังที่เกิดเหตุก็พบกับรถยนต์สีดำพลิกคว่ำอยู่ตรงคูน้ำข้างทาง เมื่อตรวจสอบก็พบร่องรอยกระสุนตรงท้ายรถของคุณเจนรบ ที่เป็นทนายความขวัญใจคนจน โดยมีรายงานจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจว่าคุณเจนรบที่เป็นคนขับได้รับบาดเจ็บสาหัส"
"ลุงจอม...." ปวีณาถึงกับอุทานออกมาด้วยความตกใจ เมื่อทราบว่านั่นเป็นข่าวของลุงจอม ที่ขาดการติดต่อจากเธอไปนานหลายเดือน
"ตอนนี้ทนายเจนรบได้ถูกส่งตัวไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง ขออนุญาตไม่เปิดเผยชื่อนะครับ เพื่อความปลอดภัยของคุณเจนรบเอง โดยตำรวจสันนิษฐานว่าเหตุเกิดจากความขัดแย้งของคู่กรณีที่เสียผลประโยชน์จากการว่าความอย่างตรงไปตรงมาของทนายเจนรบนั่นเอง"
พอได้ยินแบบนั้น ปวีณาเลยลุกขึ้นจากโต๊ะแล้วหยิบจานไปเก็บ จนเพื่อน ๆ ของเธอสงสัยว่ามันเกิดอะไรขึ้น
"คลาสบ่ายชั้นไม่เข้านะ ชั้นต้องไปทำธุระข้างนอก" ปวีณาตัดสินใจแน่วแน่ว่าเธอต้องไปหาลุงจอมให้ได้ ไม่ว่าจะทำยังไงก็ตาม จนเพื่อนพ้องของปวีณาตกใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
โปรดติดตามตอนต่อไป
ได้คะแนนความสงสารไปเต็มๆ เลย ลุงจอม
มีอารมณ์ดราม่าด้วยครับ สลับกันไป
ขอบคุณมากครับ ถึงไม่เรื่องอย่างว่า ก็อ่านได้เข้าใจ เข้าถึงอย่างมากเลยครับ
คนทำดีชีวิตอยู่ยากจริงๆนะครับ
สงสารลุงจอมกับหนูปลาจังเลย
เอาสองเรื่องมารวมเจนรบได้พ่ายแพ้แก่ลุงพลอีกแล้ว
ขอบคุณครับ แต่งให้เด็กมันสมหวังดีกว่าไหน ๆ ก็เสียไปแล้ว
ต้องช้ำใจจากคนรักไม่พอยังโดนกระหน่ำยิงอีกพระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกน่าสงสารลุงจอม
น่าเห็นใจความรักของทั้งคู่นะ พ่อแม่เค้าก็ทำถูกในมุมของเค้า ทีนี้ก็อยู่ที่คนสองคนจะตัดสินใจอนาคตของตัวเอง ยังไงก็สงสารเจนรบอยู่ดี
น่าสงสารลุงจอมกับหนูปลาจัง
ตอนโหวดอยากโหวดเปิ้ลด้วย แต่โหวดได้คนเดียวเลยเลือกภาค ความจริงถ้าในอดีตไม่มีเรื่องภาค เปิ้ล ปลาก้ออาจเป็นลูกของจอม และเรื่องราวเหล่านี้คงไม่เกิดขึ้น
น่าติดตามบทสรุป ระหว่างเพื่อนรัก จริงๆ
ผมอ่านแล้วมีส่วนผิดกันทั้งหมดเลย
ขอให้ความรักครั้งนี้สมหวังด้วยเถอะ สงสารหนูปลาจังเลย
รักลูกสาวเค้าก้อกล้าๆหน่อยลุง
สงสารลุงจอมกับหนูปลาจังครับ
กำลังจะกดตอบให้ เห็น choice แล้วสะดุดกึ๊กเลย
ปลา ปวีณา - เธอผิดที่คิดกับลุงพลมากกว่าคำว่าญาติผู้ใหญ่ และทำตามอำเภอใจ จนทำให้เกิดเรื่องราววุ่นวาย
พึ่งรู้ว่า หนูปลาแกจะทิ้งลุงจอมไปหาลุงพลละ เพราะติดใจลุงพลมากกว่า 5555
มาเพิ่มเติม หลังอ่านจบ
อันนี้เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ
จริง ๆ การมาเขียนเรื่องในเวปนี้คืออะไร คือการได้มาแชร์เรื่องที่เราอยากเขียน ในแง่มุมที่เขียนข้างนอกคงไม่ดี บางทีเราก็อยากได้การตอบรับ จึงเป็นที่มาของการให้ตอบคอมเม้นท์
ถ้าเรามาเขียน แล้วบอกอยากอ่านบทอย่างนั้น ก็ให้ไปซื้อ ในมุมมองคงไม่ได้ผิดอะไรครับ แต่อยากให้คิดว่า ลองไปลงในเวปที่ทำมาเพื่อการนี้เลย อย่าง ธัญวลัย fictionlog dek-d น่าจะได้อะไรมากกว่า
ที่ผมมาถามเพราะกลัวว่า อีกหน่อย ถ้าทุกคนเห็นดีเห็นงาม แล้วทำแบบนี้หมด เวปนี้ก็คงไม่ได้เป็นแบบเดิมอีกต่อไป คงกลายเป็นที่อ่านนิยายฉบับรีวิว เพื่อให้คนตามไปหาซื้อฉบับเต็มกันหมด :)
#################
Nato87 : ในมุมมองของผมนะครับท่าน ผมเขียนเกมรักมา 2 ปีเต็ม ให้ทุกคนได้อ่านฟรี จนกระทั่งงานของผมโดนก๊อบไปขาย ผมรู้สึกผิดหวังมาก หมดแรงจูงใจจะเขียนไปเยอะเลย แต่ผมก็ยังพยายามรับผิดชอบต่องานด้วยการเขียนให้จบภาคแรกไปก่อน เพราะไม่อยากจะค้างคา ไม่อยากให้คนอ่านที่ติดตามผมจริง ๆ ต้องเสียความรู้สึก คำถามคือ ถ้าท่านเป็นผม ท่านควรทำอย่างไรดีล่ะ
เขียนให้อ่านฟรี ก็โดนพวกหัวหมอก๊อปงาน ทั้งที่ผมตั้งใจเขียนให้ทุกคนอ่านฟรีไม่คิดเงิน ผมคิดไว้แล้วว่าถ้าทำแบบนี้เหมือนกัน ต้องมีคนทักแบบท่านบ้างละ แต่ผมตัดสินใจแล้วนี่คือทางที่ดีที่สุด ผมย่อมมีสิทธิปกป้องงานของผมและวางมาตรการป้องกันงานของผม มันอาจฟังดูไม่แฟร์สำหรับบางคน แต่สำหรับผม ผมคิดว่าผมแฟร์แล้ว เพราะผมถือว่าผมเป็นผู้ให้มาเยอะแล้ว ผมต้องปกป้องงานของผมบ้าง
ฟังดูเหมือนผมเรียกร้องไปหน่อย แต่มันก็เป็นแบบนี้และครับ ผมต้องการปกป้องงานของผม มันอาจไม่ยุติธรรมสำหรับนักอ่านบางท่าน แต่ในมุมที่ผมเป็นนักเขียน ผมคิดว่ามันแฟร์สำหรับผมแล้ว ถ้าชอบก็ไปกดติดตามต่อ แต่ถ้าไม่ก็เลิกกันแค่นั้นเอง
เรื่องบางเรื่องมันยากที่จะตัดสินว่า ผิดหรือถูก
มันขึ้นอยู่กับว่าจะมองกันมุมไหน
ขอบคุณครับ
Nato87 : ใช่ครับ เรื่องนี้ผมชูธีมตรงจุดนี้แหละ ไม่มีใครผิดทั้งหมด และไม่มีใครถูกทั้งหมด ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละคนว่าคิดยังไง
เจ็บคราวนี้น่าจะคุ้มสุดๆนะลุงจอม
เอาจริงๆมันก็ผิดกันทุกคน
เอาใจช่วยหนูปลา ให้สมหวังในความรักกับลุงจอม
ตอนนี้ไม่มีฉากอย่างว่า แต่อ่านได้เพลินเลยครับ เชื่อแล้วว่าเครื่องติดจริงๆ
ว่าแต่ชอยส์โหวตผิดนะครับ ลุงจอมไม่ใช่ลุงพล แบบนี้แสดงว่าลุงพลจะรีเทิร์นรึเปล่า ::HoHo::
#################
Nato87 : เป็นกิมมิคขำ ๆ เฉย ๆ ครับ ล้อเล่น ผมพิมพ์ผิดเอง สงสัยยังสลัดลุงพลไม่ออกจากหัวสักที ::Confident::
ซื้อฉบับเต็มได้ที่ไหนครับ ขอวาปไปซื้อทีครับ อยากอุดหนุนไรต์เก่งๆน่ะครับ
#################
Nato87 : เร็ว ๆ นี้ครับ ผมกำลังปั่นอยู่
ขอให้ความรักของคนทั้งสองสมหวังดัวย
ถามแบบนี้ต้องตอบไรท์ผิดเพราะบงการอยู่เบื้องหลัง แต่ไม่มีชอยส์ ต้องบอกเจนรบผิด จากคุณวุฒิและวัยวุฒิ ขณะเกิดเหตุ จำเลยทุกคนมีสาเหตุจากรักทำให้ตาบอดเหมือนกัน อิอิ ขอบคุณครับ
คราวนี้ภาคภูมิจะเข้ามากีดกันยังไงอีก ผมว่าหลังจากนี้เปิ้ลน่าจะเอนเอียงมาทางฝั่งน้องปลาแล้วแน่ๆเลย
ลูกปลาเขารักเดียว..ยังไงก็ตัดลุงจอมไม่ได้หรอก...ยกเว้นลุงพลคนเดียว
งานนนี้จะทำยังไงละน้องปลา ต้องตัดสินใจแล้ว
เนื้อเรื่องเข้มข้นมากครับไม่ได้มีแค่ความรักเท่านั้นแต่ยังฉากบู๊เสริมเข้ามาด้วยชอบมากครับอ่านแล้วได้หลายอารมเหมือนอ่านนิยายเรื่องนึงเลย
เอาใจช่วยทั้งน้องปลาและลุงจอม ขอให้ใจแข็งไว้ สู้ๆนะ
ได้คะแนน เต็ม ๆ
ความห่างของอายุเป็นเหตุ ไม่มีพ่อแม่ที่ไหนเค้ายอมหรอก
ฝ่าด่านพ่อแม่น้องปลายากมาก
ชะตากรรมนำพาอีกแล้วสินะ
สงสารลุงจอมจัง
ชอบครับ อยากให้มันดูดราม่า เศร้าๆแบบนี้ครับ
น่าสงสารลุงจอมจุงเบย แต่ก็ว่าอะนะลูกสาวใคร ใครก็หวง สู้ๆครับลุงจอม
สงสารลุงจอม ::Thankyou::
ต้องมีความจำเสี่อมอะไรประมาณนี้มาเกี่ยวด้วยถึงจะครบ
เพิ่งได้มาอ่านครับ อ่านย้อนตั้งแต่ตอนที่ 1 จนถึงตอนนี้ เรื้องราวสนุกมาก ถ้าตัดเรื่องอีโรติคทั้งหมดออกไปผมก็ยังชอบอยู่ดี แถมได้ความรู้ในส่วนของกฏหมายแทรกมาด้วย สนุกมาก และที่สำคัญ ผมชอบน้องยูกะจังมากครับ ::DookDig::
จะจบแบบนี้จริงๆ เหรอ
ลุงจอมจะสมหวังมั้ยเนี่ย
ตัวเลือกที่ถูกต้องไม่มีเลย มีแค่เพียงคำตอบที่ใกล้เคียงเท่านั้น
ข้อ 2 "ภาคคิดกีดกันความรักระหว่างเพื่อนรักและลูกสาว"
ในสี่คนนี้ไม่มีใครผิดแม้แต่คนเดียว
-จอมที่ไม่ได้รู้เลยว่า เปิ้ล ไม่ได้รักตัวเอง แต่เปิ้ลแย่มากที่หลอกลวงมาได้เนินนาน
-เปิ้ลที่ตกหลุมรักภาค ความรักคงบังคับฝืนใจใครไม่ได้ แต่ที่แย่คือนิสัยที่ปิดบังคนที่อยู่ใกล้ตัว (ชีวิตจริงเห็นผู้หญิงเป็นแบบนี่เยอะมากๆ และมากจริงๆ คบเพื่อให้เขาเอาใจทุกอย่าง แต่สุดท้ายไปคบคนอื่น สารพัดเหตุผลในการเอาตัวรอด สุดท้ายมาจบที่คำว่า เราสองคนรักกันมานานก่อนหน้านี้แล้ว)
-ภาครักเปิ้ล หลอกลวงปิดบังร่วมกัน ลูกผู้ชายป่าวมึง ดั๊นมาย้อยถามจอมอีก ห่าเอ้ย
-ปลา ไม่มีความผิดแม้แต่น้อย ถึงจะมีตอนนึงที่ไรท์ชอบเล่นกับความรู้สึกของคนจนน่ารำคาญก็ตาม ในชีวิตจริงคงโดนสวนกลับด้วยถ้อยคำที่เจ็บปวดเป็นแน่
เรื่องราวความรักในครั้งนี้ คงทำตอนจบแบบให้สมหวังยากนะ ด้วยอายุที่ห่างกันอย่างมากมายถึง30ปี มันห่างเยอะเกินไปจริงๆนั่นแระ
แต่นี่มันนิยาย... คงไม่มีใครสนตอนจอมมันจะแก่ตายหรอก
เรื่องนี่จอมโครตน่าสงสาร เสพแต่เนื้อเรื่องจนไม่ได้สนเรื่องเสียวเลยแฮ่ะเรา - -* ชอบมากๆเรื่องนี้ต้องไปสอยแล้ว
สงสารหนูปลาจัง
เรื่องสนุกน่าติดตามเข้าใจเขียน
ความรักที่โดนขัดขวาง กับความถูกต้อง สงสารทั้งสองฝ่าย ทำใจยากคนเป็นพ่อแม่ก็อีกมุมนึง
ผู้หญิงแต่ละคนมีความคิดต่างกัน ก็หาและพอใจในคู่ครองต่างกัน
เศร้าเลย อุปสรคคเยอะจริง
มีอุปสรรคมาทดสอบ
ขอบคุณครับ
คงไม่เหมือนเดิม
เริ่มมีบ่วงแล้วนะเรา
เอาใจช่วยทั้งน้องปลาและลุงจอม ขอให้ใจแข็งไว้ สู้ๆนะ
ทำดีได้ดีจริงๆครับ
เอาใจช่วยทั้งคู่