บุญหล่นทับ..น้องเมียเล่นด้วย
น้องเมียเป็นใจ
เรื่องก็มีอยู่ว่า ผมแต่งงานอยู่กินกะภรรยามาเกือบ 15 ปีแล้ว ตอนนี้ก็อายุเลย 35 กันแล้วทั้งคู่แล้ว ผมทำงานอยู่บริษัทเงินทุนของต่างประเทศ ที่เข้ามาซื้อกิจการของบริษัทไทย ซึ่งถูกสั่งปิดไปสมัยยุคฟองสบู่แตก ส่วนภรรยารับราชการอยู่ฝ่ายติดต่อต่างประเทศ เช้าตื่นมาก็แยกย้ายไปทำงาน ส่วนใหญ่ภรรยาเป็นคนไปส่ง-รับลูกๆ ผมก็ขับรถไปทำงานของผมคนเดียว เราอยู่กันอย่างสุขสบายดี ทะเลาะกันบ้างเป็นธรรมดาของชีวิตการแต่งงาน เรื่องเซ็กส์ไม่ค่อยตื่นเต้นเหมือนเมื่อสมัยแต่งงานกันใหม่ๆ
ที่สำคัญรูปร่างทรวดทรงของภรรยาผมก็เปลี่ยนแปลงไปมาก เพราะหลังจากที่คลอดลูกคนที่สอง เธอค่อนข้างจะกินแบบไม่ระมัดระวังเลย เลยทำให้สร้างอารมณ์กันยากหน่อย ไหนจะงานมาก กลับมาบ้านกว่าจะเอาลูกเข้านอน เราทั้งสองคนก็เหนื่อยแทบลมใส่แล้ว ส่วนผมโดนสั่งให้ไปทำหมันอย่างเรียบร้อยโรงเรียนจีนไปแล้ว ส่วนใหญ่ก็อยู่กันแบบเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยากกันมากกว่า นานๆจะมีอารมณ์หลับนอนด้วยกันสักที ส่วนใหญ่ต้องการสร้างชีวิตที่ดีให้ลูกๆมากกว่า เรียกว่าใช้ชีวิตอย่างเรียบง่าย โฟกัสไปอยู่ที่ความเป็นครอบครัวเสียมากกว่า
จนกระทั่งน้องภรรยาของผมชื่อ"รินท์" เธอกำลังเรียนปริญญาตรีปลายเทอมสุดท้าย ที่มหา'ลัยเอกชนชื่อดังแถวกล้วยน้ำไท อายุเพิ่งจะพ้น 20 มาหมาดๆ รินท์ย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านประมาณสี่เดือนสุดท้าย ก่อนที่จะเรียนจบ เพราะเพื่อนที่แบ่งเช่าหอพักใกล้มหา'ลัยชิงย้ายออกไป ก่อนที่เธอจะเรียนจบ บ้านผมเป็นบ้านเดียวที่อยู่ในกรุงเทพฯ และอยู่ใกล้มหา'ลัยที่รินท์เรียนอยู่ที่สุด ก็เลยต้องรับรินท์มาช่วยเหลือโดยปริยาย แรกๆผมก็ไม่อยากจะคิดอะไรมาก เพราะเห็นว่าเป็นน้องภรรยา ซึ่งเห็นกันมาตั้งแต่เธอเป็นเด็กๆ จนกระทั่งโตเป็นสาวเต็มตัว หน้าตาของรินท์ไม่ถือว่าสวยปิ๊ง แต่ออกจะน่ารักซะมากกว่า สรีระของรินท์เปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ จากเด็กผูกคอซองที่เคยเห็น มาใส่ชุดนักศึกษา(แบบรัดรูป) ทำให้ผมคิดมิดีมิร้ายกะเธอในฝันหลายครั้ง
แต่ต้องพยายามสะกดใจให้อยู่ เพราะกลัวเสียภาพพจน์ดีๆที่มีต่อพ่อตา-แม่ยาย ผมก็เลยไม่อยากจะคิดอะไรให้ฟุ้งซ่าน แต่เห็นรินท์ในชุดนักศึกษาทีไร มันเริ่มจะมีความคิดอุบาทว์ ก็จะไม่ให้คิดได้ไงล่ะครับ เพราะรินท์เธอ เอวบางร่างเล็กกระทัดรัด แต่อวบสุดๆ เอวเป็นเอว อกเป็นยิ่งกว่าอก สะโพกเป็นสะโพก สูงประมาณ 155 ซม. หนักสัก 40 โล(กำลังน่าอุ้มเลยครับ) เอวไม่น่าจะเกิน 23 นิ้ว สะโพกประมาณ 33-33.5 ได้มั๊ง แต่ที่สำคัญหน้าอกครับ ใหญ่เกินตัวจริงๆ ไม่ทราบว่าชาติก่อนทำบุญมาด้วยอะไร หน้าอกจึงได้ใหญ่แบบเกินหน้าเกินตาอย่างนี้ ขนาดพี่สาวรินท์(ภรรยาผมเอง)ยังเปรยให้ฟังอยู่บ่อยๆว่า ไม่รู้ว่าน้องสาวตัวเองกินอะไร? ทำไมหน้าอกจึงใหญ่ขนาดนี้? (จริงๆแล้วเป็นกรรมพันธุ์มากกว่า เพราะตัวภรรยาผมเองก็ใช่ย่อยอยู่เมื่อไหร่ แต่พอตัวใหญ่หน้าอกใหญ่ มันก็เลยดูสมดุลย์กัน แต่ประเภทตัวเล็กนมใหญ่นี่ซิ มันเลยทำให้ดูเกินหน้าเกินตาเข้าไปใหญ่ ทำใจลำบากมากเลยครับ)
ยิ่งเวลารินท์ใส่ชุดนักศึกษาที่รัดรูปและบางมาก จนแทบจะเห็นหมดเลยว่าวันนี้ใส่เสื้อชั้นในสไตล์ไหน สายไขว้ ไร้สาย ลายลูกไม้ ลายเรียบ ส่วนกระโปรงก็เรียกว่าทั้งสั้นทั้งรัด กระโปรงที่รินท์ใส่รัดรูปมาก ขนาดผมเห็นว่าวันไหนเธอใส่กางเกงในแบบไหนเลย ก็ขอบกางเกงในมันลอยเด่นขึ้นมาชัดแจ๋วเลยครับ เห็นขนาดรู้ว่าเป็นแบบเต็มตัว บิกินี่หรือทีแบ๊ค (Thong bikini) วันแรกๆที่ผมบังเอิญต้องขับรถไปส่งรินท์ที่มหา'ลัย เพราะเป็นทางผ่าน ผมต้องทำใจอย่างมากเลยครับ เพราะเวลารินท์นั่ง กระโปรงของเธอจะร่นขึ้นมาสูงมาก (เพราะมันสั้นมากเป็นทุนอยู่แล้ว) รินท์ต้องเอาหนังสือมาปิดไว้เป็นประจำ ส่วนเสื้อก็ถ้ามองผ่านร่องกระดุมด้านข้าง ก็จะเห็นเนินเนื้อหน้าอกของรินท์อย่างชัดเจนเลยครับ เพราะหน้าอกของรินท์มันดันออกมาอย่างไม่เกรงอกเกรงใจใครเลย เพราะภาพเหล่านี้ที่ได้เห็นทุกวันที่ต้องไปส่งรินท์
ในที่สุดผมก็เลยอาสารินท์ไปว่า "ถ้าวันไหนเลิกเรียนตรงกับเวลาที่พี่เลิกงานพอดี พี่จะมารับให้ก็ได้นะ" รินท์ก็ขอบคุณอย่างเรียบร้อย พร้อมกับบอกว่า "แล้วรินท์จะโทรเข้ามือถือ ไปบอกพี่แซมก่อนเลิกงาน ก็แล้วกันนะคะ" ส่วนใหญ่ผมกะรินท์ก็กลับบ้านด้วยกัน ผมก็เลยได้เห็นอะไรดีๆของน้องเมียเป็นประจำ ยิ่งอยู่ไปนานวันเข้า ความคิดชั่วร้ายก็เริ่มเกิดขึ้น แต่รอจังหวะเมียเผลออยู่ เพราะไปรับไปส่งกันทุกวันเข้า เริ่มรู้สึกว่ารินท์เริ่มจะนั่งโชว์รูปร่าง อย่างเปิดเผยกว่าวันแรกๆเยอะเลย ตัวอย่างเช่น พอขึ้นรถก็จะปลดกระดุมเสื้อก่อนเลย คงเป็นเพราะอากาศร้อน วันแรกๆก็เม็ดที่หนึ่ง วันหลังๆก็ลงมาสองเม็ดเลย
ส่วนกระโปรงซึ่งสั้นอยู่แล้ว เวลานั่งบนเบาะรถ มันก็จะร่นขึ้นมาจนเห็นขาอ่อนอันเรียวงามอย่างเห็นได้ชัด เดี๋ยวนี้รินท์นั่งแบบไม่เอาหนังสือมาปิดแล้ว วันไหนใส่ตัวที่ผ่าข้างหลังลึกๆ แล้วรินท์นั่งไขว้ห้างและเอียวตัวพิงประตูด้วย ผมก็เห็นกันเข้าไปเกือบถึงก้นเลย พยายามทำสมาธิขับรถไป รินท์ก็ขยับขาไป-มา เราก็นั่งลุ้นแล้วลุ้นอีก ทั้งขาวทั้งเรียว ใครจะไม่อยากมองล่ะครับ พักหลังๆผมเริ่มจะมองอย่างไม่เกรงใจแล้ว ก็เล่นเปิดให้ดูกันอย่างนี้ ใครจะไปทนไหวล่ะครับ ไม่ใช่พระอิฐพระปูนนะครับ รินท์เองก็เหมือนจะรู้ว่าผมแอบใช้สายตาซุกซนกับรูปร่างของเธอ จนบางครั้งเหมือนรินท์ออกจะชอบยั่วผมอีกต่างหาก
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาที่พี่สาว(เมียผมเอง)ไม่อยู่บ้าน เธอก็จะใส่กางเกงขาสั้นจู๋รัดรูปเต็มที่ (จนเห็นว่าใส่กางเกงชั้นในแบบไหน) กับเสื้อกล้ามบ้าง สายเดี่ยวบ้าง มานั่งดูทีวีด้วยกัน เวลารินท์จะก้มจะเงยเธอไม่มีการปิดคอเสื้อ หรือว่าจะก้มด้วยการย่อเข่าเลย ถ้าจะก้มเธอก็จะยกก้นลอยโด่งหันมาทางผมเลยครับ ลองนึกภาพดูซิครับ กางเกงขาสั้นจู๋ รัดรูปแบบสุดๆ ยิ่งโก้งโค้งก้มเก็บของแบบเข่าตึง ผ้ายืดก็ยิ่งยืดรัดรูปเข้าไปใหญ่ เห็นหมดเลยครับ แบบทะลุปรุโปร่ง ส่วนใหญ่วันที่อยู่บ้านรินท์จะใส่ ที-แบ๊ค(เซ็กส์ซี่ได้อารมณ์มากเลย) แรกๆผมก็ต้องหันหน้าหนี เดินเข้าห้องนอนไปบ้าง เพราะเห็นเป็นน้องเป็นนุ่ง
แต่ได้เห็นบ่อยๆเข้า เหมือนว่ารินท์เต็มใจที่จะให้ดู บางทีผมเลยแกล้งใช้ก้มเก็บโน่นเก็บนี่(เวลาเมียไม่อยู่) เธอก็จะชอบทำนมหกหรือก้นลอยให้ผมดูเป็นประจำ เหมือนกับว่าเธอเต็มใจที่รู้ ว่าพี่เขยกำลังแอบตรวจเช็คสัดส่วนของเธออยู่ ผมก็ได้แต่นั่งชั่งใจ และก็รอโอกาสทองจังหวะเมียเผลอ ในที่สุดโอกาสทองมาถึง ภรรยาผมได้รับคัดเลือกไปประชุมที่ต่างประเทศเป็นเวลา 10 วัน หลังจากที่รินท์มาอยู่กันเราได้ประมาณเดือนครึ่งแล้ว ภรรยาผมเข้าไว้ใจผมมาก เพราะไม่เคยมีประวัติไม่ดีเรื่องอย่างนี้ เธอไปประชุมอย่างไม่ห่วงใยว่าอะไรจะเกิดขึ้น ระหว่างผมกะน้องสาวของเธอเลย
วันรุ่งขึ้นเป็นวันศุกร์พอดี คุณตาคุณยายก็มารับหลานๆไปอยู่ด้วยที่ต่างจังหวัด ช่วงที่แฟนผมไปต่างประเทศ ไม่มีใครคิดสงสัยอะไรผมเลย ผมก็ได้โอกาสถามรินท์ว่า "เสาร์-อาทิตย์นี้ มีนัดกะใครบ้างหรือป่าว?" รินท์บอกว่าต้องเตรียมดูหนังสือสอบก่อนจบ วิชาที่จะสอบก็คือวิชาของคณะบริหารธุรกิจ (บัญชี การตลาด การจัดการ และ การเงิน) ซึ่งตรงกันกับที่ผมเรียนจบมาและใช้ทำงานด้วยพอดี ผมเลยได้โอกาสชวนรินท์ติวสอบเลย เพราะเธอปฏิเสธไม่ได้อยู่แล้ว รินท์ขอบคุณแล้ว บอกว่าเย็นนี้เริ่มกันเลย ผมก็ไปรับรินท์ที่มหา'ลัย ระหว่างขากลับ ก็นั่งคุยกันเรื่องชีวิตนักศึกษาสมัยผมกะสมัยรินท์ ว่ามันต่างกันเยอะ โดยเฉพาะการแต่งตัว
รินท์หันมามองผม แล้วถามว่า "สมัยนี้ต่างกะสมัยพี่อย่างไง?" ผมบอกไปว่า "สมัยนี้นักศึกษาหญิงมีความมั่นใจในตัวสูงมาก เพราะสมัยพี่มีแต่เสื้อโคร่งๆกระโปรงยาวๆ หรือไม่ก็ระดับหัวเข่า ประเภทเหนือหัวเข่าเป็นฟุต ไม่มีใครกล้าใส่กันหรอก พวกนักศึกษาหญิงที่มีหน้าอกใหญ่ๆ ก็จะเดินห่อไหล่ใส่แต่เสื้อตัวใหญ่ กลัวผู้ชายแซวเอา เดี๋ยวนี้ใครมีหน้าอกมากก็ยืดอกโชว์ได้เต็มที่เลย แถมเสื้อรัดรูปอีกต่างหาก คิดแล้วอยากเกิดมาเรียนมหา'ลัยสมัยนี้นะ มีอะไรดีๆให้ได้ดูได้ชมเยอะแยะเลย" ผมเห็นรินท์หน้าแดงก่ำเลย ไม่รู้ว่าพูดถูกใจเธอหรือเปล่า? เพราะรินท์เองก็คงรู้ว่าหน้าอกของเธอไม่เป็นรองใครอยู่แล้ว
ผมก้อพูดต่อไปอีกว่า "แต่พี่ชอบนะ เพราะแสดงถึงความกล้า แสดงออกที่ผู้หญิงไทยได้พัฒนาขึ้นมาจากสมัยก่อน" ผมแอบเห็นรินท์นั่งอมยิ้มอยู่ ผมเลยถามว่า "รินท์ยิ้มอะไรเหรอ?" เธอถามว่า "แล้วพี่ชอบดูด้วยหรือป่าวล่ะ?" ผมบอกว่า "อ้าว เป็นผู้ชายก็ชอบซิ ไม่ได้เป็นเกย์นิ" แล้วเราก็เปลี่ยนเรื่องคุย ไปถึงเรื่องแฟน รินท์บอกว่ามีแต่ก็เลิกไปแล้ว เพราะผู้ชายชอบเอาแต่ได้ นิสัยไม่ดี เอาเปรียบ หลายใจ มือไว ใจเร็ว ตอนนี้ก็เลยตั้งใจอยากเรียนให้จบมากกว่า พอกลับถึงบ้าน ผมกะรินท์ก็กินของว่าง แล้วผมก็ขอตัวไปอาบน้ำก่อนแล้ว จะเริ่มติวสอบกัน เริ่มต้นด้วยวิชาการตลาดก่อน
พอลงมาผมก็นึกว่ารินท์จะเปลี่ยนชุดนักศึกษาแล้ว แต่รินท์บอกว่าขี้เกียจเปลี่ยน ไม่อยากซักผ้าหลายชุด ก็เริ่มกันเลยดีกว่า รินท์ก็เลยนั่งกะพื้นและเอาหนังสือวางบนโต๊ะเตี้ย ส่วนผมนั่งสูงกว่าอยู่บนโซฟา รินท์ปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาลงมาถึงเม็ดที่สาม คงนึกภาพออกนะครับ ว่าเสื้อเปิดลงต่ำมากว่าเสื้อชั้นในเสียอีก เวลานั่งกะพื้นกระโปรงก็ร้นสั้นไป จนเกือบจะถึงสะโพกอยู่แล้ว โต๊ะหน้าโซฟาก็เป็นกระจกใส มองเห็นทะลุหมด ผมเริ่มจะไม่มีสมาธิแล้ว ยิ่งรินท์ปลดกระดุมเสื้อด้วย ผมก็ไม่มีสมาธิเลย แล้วเราก็เริ่มติวกัน สอนไปผมก็นั่งเล็งหน้าอกรินท์ไป วันนี้เธอใส่เสื้อชั้นในผ้ามันแบบไนลอนผสม สีชมพูอ่อนเงาๆ
ทำไงได้ล่ะครับ ก็หน้าอกรินท์ทั้งใหญ่ทั้งขาว อีกทั้งเสื้อนักศึกษาสมัยนี้เขาดีไซน์กันแบบรัดรูป จนตะเข็บแทบปริเลย หน้าอกเธอแทบจะทะลักออกมา นอกเสื้อนักศึกษาอยู่แล้ว สอนไปได้เกือบชั่วโมง รินท์เริ่มสังเกตเห็นว่าสายตาของผม ไม่ได้จ้องที่หนังสือแล้ว แต่กลายเป็นที่หน้าอก และกระโปรงของเธอมากกว่า แต่รินท์ก็ไม่ได้พูดอะไร เหมือนกับว่ารินท์ก็อยากจะล้อเล่นกับผมอย่างนั้นแหล่ะ เพราะรินท์ขยับให้กระโปรงร้นขึ้นมาจะเกือบจะถึงเป้ากางเกงในอยู่แล้ว แต่เธอแค่นั่งเหยียดขาแล้วไขว้กันไว้แค่เพื่อไม่ให้เห็นเป้ากางเกงในของเธอเท่านั้นเอง เธอไม่ได้เอามือดึงกระโปรงลงสักนิดเดียวเลย ผมก็พยายามอย่างสุดความสามารถ ที่ตั้งสมาธิที่จะสอนเธอ แต่ใจมันคิดเลยเถิด ไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้
สุดท้ายมาความแตก เอาตอนที่รินท์ถามคำถามผม โดยผมกำลังเพลินกับท่านมหกของเธออยู่ ก็เลยจำไม่ได้ว่าเธอถามอะไรแน่ เพราะผมยังอ้าปากค้าง แถมตายังจ้องที่กระโปรงและหน้าอกเธออีกต่างหาก ในที่สุดรินท์ก็พูดเรียกสติผมด้วยเสียงดุๆว่า "33C ค่ะ" ผมได้สติ ทวนคำตอบของรินท์ว่า "33C อะไรเหรอ?" รินท์หัวเราะอย่างขบขัน แล้วบอกว่า "ก็พี่แซมกำลังมองอะไรอยู่ล่ะค่ะ? พี่กำลังจ้องหน้าอกรินท์อยู่ไม่ใช่หรือค่ะ?" ผมก็เลยหน้าแหกเลย แต่ก็ต้องแก้เขินแบบโง่ๆไปว่า "แล้ว 33C มันเกี่ยวอะไรล่ะ?" รินท์ส่ายหัว แต่ก็ตอบอย่างคุณครูสอนเด็กประถมว่า "33 คือ 33นิ้วคือความยาวรอบลำตัวใต้หน้าอกของรินท์ รินท์เป็นคนตัวเล็กค่ะ ความยาวรอบตัวเลยไม่มากเหมือนคนอื่น ส่วน C คือขนาดคัพไซส์ของเต้าค่ะ หรือความใหญ่ของเต้านมไงค่ะ เขามีตั้งแต่ A, B, C,ไปเรื่อยๆ สำหรับผู้หญิงไทย คัพC นี่ถือว่าใหญ่มากแล้วค่ะ อะไรกันพี่นิตย์(เมียผม) ไม่เคยบอกพี่เลยเหรอ?"
ผมพูดไม่ออกเลยครับ ไม่เคยคิดว่า รินท์จะกล้าพูดเล่นกะผมอย่างนี้ ได้แต่นั่งหน้าแดงก่ำ รินท์บอกต่อไปอีกว่า "รินท์เห็นพี่แซมชอบแอบมองหน้าอก ขาอ่อนรินท์ ตั้งแต่ตอนไปรับ-ส่งรินท์อยู่ทุกวันแล้วล่ะคะ พี่แซมชอบหรือป่าวล่ะ? รินท์ชอบให้พี่ดูนะ แต่เกรงใจพี่นิตย์เขา" รินท์ก็เริ่มขยับขาที่เหยียดไขว้กันอยู่ ก็เลยทำให้กระโปรงขยับขึ้นมาจะเห็นเป้ากางเกงในไนล่อนสีชมพูอ่อนแวบหนึ่ง (สีเดียวกับเสื้อชั้นในด้วย ไม่ทราบว่าผู้หญิงเขาชอบใส่ เสื้อชั้นใน+กางเกงในสีเดียวกันหรือป่าว? สงสัยรินท์คงชอบใส่สีเดียวกัน) รินท์ขยับตัวขึ้นมานั่งบนโซฟากะผม เธอนั่งลงบนโซฟาข้างๆผม และก้มลงเอาข้อศอกเท้าหัวเข่าของเธอ และมองขึ้นมาสบตาผม พร้อมกับห่อไหล่เกือบเหมือนทำท่ากอดอก ซึ่งทำให้ผมได้เห็นความเต่งตึง และอวบอัดของหน้าอกน้องรินท์เป็นร่องลึกอย่างชัดเจน
รินท์กระซิบบอกผมว่า "รินท์ก็แอบมองพี่แซมมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยพี่แซมหนุ่มๆ แต่เกรงใจพี่นิตย์ ...รินท์อยากลองกะพี่แซมค่ะ เพราะรินท์รู้ว่าพี่แซมไม่เที่ยวผู้หญิง ไม่มีโรค และพี่ก็ทำหมันแล้วด้วย รินท์สบายใจกว่าไปลองกะคนอื่น ปลอดภัยดีค่ะ... พี่แซมอยากเห็นรินท์แบบเต็มๆตาไหมคะ?" ผมพูดไม่ออกเลย ได้แต่อ้าปากค้างและพยักหน้าหงึกๆ รินท์เริ่มปลดกระดุมเสื้อนักศึกษา ลงมาจนหมดเม็ดสุดท้าย แต่ยังไม่ยอมถอดเสื้อออก รินท์ถามผมว่า "รินท์ขออะไรพี่แซมหน่อยนะคะ?" ผมจะไปพูดอะไรออกอีกล่ะครับ ได้แต่พยักหน้าหงึกๆ "คือว่า รินท์มีรายงานการเงินเรื่องตลาดหลักทรัพย์ ต้องส่งวันจันทร์ พี่แซมช่วยเขียนให้รินท์นะคะ รินท์รู้ว่าพี่แซมทำงานด้านนี้อยู่แล้ว รินท์เตรียมงานไม่ทันคะ" ผมได้แต่พยักหน้าแล้วก็พูดเออๆ...
แล้วรินท์ก็ยืนขึ้นดึงกระโปรงนักศึกษาสีดำ ที่ทั้งสั้นและรัด ขึ้นมาไว้อยู่บนเอวของเธอ ทำให้ผมได้เห็นกางเกงในตัวจิ๋วผ้าไนล่อนผสมอย่างดีสีชมพูอ่อน เนินสวาทของรินท์อูมล้นออกมาอย่างเห็นได้ชัด ด้วยความเล็กของเอวรินท์กับความผายของสะโพกเธอ ทำให้กระโปรงของรินท์ติดอยู่ที่เอว ไม่ลงมาเกะกะระหว่างทำกิจกรรมใดๆทั้งสิ้น แถมได้อารมณ์กว่าถอดกระโปรงออกไปทั้งหมดเสียอีก เพิ่งจะรู้นี่เองว่าชุดนักศึกษา มันช่วยให้มีอารมณ์ตรงนี้นี่เอง แล้วรินท์ก็นั่งลงคร่อมบนตักผม พร้อมทั้งจับมือทั้งสองของผม แหวกเสื้อนักศึกษาของเธอ ที่ปลดกระดุมออกไว้ก่อนแล้ว รินท์เอามือของผมไปพักไว้ที่หน้าอกขนาด 33C ผมเกาะไม่ปล่อยเลยครับ มือสั่น กล้าๆกลัวๆ อยากๆก็อยาก
รินท์คงเห็นผมเก้ๆกังๆ เธอกระซิบบอกผมว่า "พี่แซมอย่าคิดมากซิคะ คิดว่ารินท์ไม่ใช่น้องพี่นิตย์สักครู่หนึ่งซิคะ พี่แซมสบายใจได้ค่ะ" ผมตัดใจ คิดว่าผมไม่ใช่พี่เขยของเธอสักชั่วขณะก็แล้วกัน ผมก็เริ่มบรรเลงน้องรินท์อย่างละเอียดอ่อนเลย ผมเริ่มใช้ปลายลิ้นเลียน้องรินท์ตั้งแต่ซอกคอ ผ่านตรงร่องหน้าอกของเธอ (เก็บเสื้อชั้นในและกางเกงชั้นใน ไว้บนตัวเธอก่อน ยังไม่ถอดออก) แล้วก็จับเธอนอนลงบนโซฟา แล้วก็เลียต่อไปที่ หน้าท้อง ร่องสะดือ ผ่านไปถึงปลายเท้า เข้ามาท่อนขาอ่อนด้านใน รินท์ครางเบาๆว่า "พี่แซมขา ดีจังเลยค่ะ" รินท์สั่นไปทั้งตัว มือทั้งสองของผมลูบไล้ขาอ่อนด้านนอก ขณะที่ลิ้นกำลังเลียท่อนขาด้านใน
ผ่านไปถึงเป้ากางเกงชั้นในผ้าไนล่อนสีชมพูอ่อนของรินท์ ผมเอาปลายจมูกแตะผ่านเนินสวาทของเธอ รินท์ครางเหมือนคนกำลังถูกทรมาน ในที่สุดรินท์ใช้มือทั้งสองของเธอกำผมบนศรีษะของผม และกดลงหน้าของผมไปบนเนินสวาทของรินท์ ผมใช้จมูกไซ้ปุ่มแตดกระสันของเธอ พร้อมกับใช้ลิ้นเลียผ่านกางเกงในไนลอนของเธอ จนเปียกชุ่มไปหมด สุดท้ายรินท์ทนไม่ไหว ต้องถอดกางเกงในสีชมพูอ่อนตัวจิ๋วของเธอออกเอง ผมใช้ทั้งจมูก นิ้วและลิ้นตวัดเข้าไปในร่องสวาทของเธอ กลิ่นสาวของรินท์ทำให้ผมมีอารมณ์มากขึ้น จนต้องถอดเสื้อผ้าของผมออก ส่วนรินท์เหลือแต่เสื้อชั้นใน และกระโปรงนักศึกษาที่ติดอยู่บนตัว ผมใช้ทั้งจมูก ลิ้น และนิ้วเพิ่มความกระสันให้รินท์อยู่ที่ร่องสวาทของเธอ
จนกระทั่งรินท์ถึงสวรรค์สุดเสียวได้ 2 ครั้ง เธอกอดผมแน่น รินท์ครางเบาๆว่า "ดีจังเลยค่ะพี่แซม เสียวที่สุดเลย พี่ทำให้รินท์ดีจังเลย" ผมลดหน้าของผมลงมาอยู่ตรงหน้าอก 33C ของรินท์ พอดีมือทั้งสองข้างผมยังเคล้นคลึงสองเต๊าที่ทั้งกลมและแน่นขนัดไปด้วยความสวย ของหน้าอกสาวที่อวบและเต่งตึง กลิ่นหน้าอกของรินท์ทำให้ผมมีอารมณ์ดีเหลือเกิน ผมแอบขบหัวนมของรินท์ทั้งสองข้าง ผ่านเสื้อชั้นในไนล่อนสีชมพูอ่อน รินท์เสียวเอามากๆเลย ขนาดหัวนมของเธอดันเน้นเสื้อชั้นในไนลอนออกมาอย่างเห็นได้เด่นชัดเลย ผมอดใจไม่ไหว ต้องเอื้อมมือไปปลดสายเสื้อชั้นในของรินท์ด้วยมือเดียว เพราะอีกมือกำลังยุ่งอยู่กับอีกเต้าหนึ่ง ผมค่อยๆถอดเสื้อชั้นในของรินท์ออกมาอย่างบรรจง
แต่รินท์คว้าเสื้อชั้นในของเธอไว้ด้วยท่อนแขนของเธอ ก่อนที่เสื้อชั้นในของเธอจะหลุดออกมาจากเนินอกของเธอ รินท์ขยับขึ้นมานั่งบนตักผม พร้อมทั้งมองหน้าผม แล้วค่อยๆลดลงท่อนแขนที่บังหน้าอกอันอวบอั๋น, เต่งตึงของเธอ มันช่างท้าทายแรงดึงดูดของโลกเหลือเกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เวลาเธอลุกขึ้นนั่ง ทุกกระเบียดของคัพC ที่น้องรินท์อธิบายให้ฟังเมื่อสักครู่ ผมเพิ่งจะเห็นภาพว่ามันหมายความว่าอะไร? ผมเห็นกับตาทั้งสองข้างอย่างชัดๆเลยครับ หน้าอกรินท์สวยจริงๆ เพราะทั้งสองเต้าตั้งชูชันออกมา อย่างไม่มีคล้อยเลยสักนิด ไม่เสียอารมณ์ที่คอยแอบมองมาอยู่ตั้งนานแล้ว รินท์ประกบท่อนแขนของเธอ ช่วยทำให้คู่ประทุมถันของรินท์ประกบกัน จนเห็นร่องอกอย่างเห็นได้ชัด
ผมไม่รอช้า..เอาหน้าเข้าไปซุกอย่างอบอุ่นและเมามัน ผมไม่ได้เห็นหน้าอกคู่ที่เต่งตึงอย่างนี้มาเป็นเวลานานมากแล้ว ผมดูดอย่างไม่มีสติเลย จนรินท์ต้องร้องปรามผมว่า "พี่แซมขา ใจเย็นๆก็ได้คะ รินท์ยังไม่ได้หนีไปไหนนะคะ" ผมจึงได้สติ ใช้ความละเมียดละไม สร้างอารมณ์ให้รินท์ขึ้นมาอีกยกหนึ่ง น้ำของรินท์ชุ่มช่ำจนเปียกต้นขาของผมเลย ผมลุกขึ้นยืนพร้อมกันอุ้มรินท์จนตัวเธอลอย ก้นอันอวบอั๋นของรินท์ ถูกมือของผมช้อนและบีบอย่างไม่เกรงใจรินท์เลย ในที่สุดผมก็ค่อยๆสอดน้องควยของผมเข้าไปได้ประมาณครึ่งท่อน ในเนินร่องหีอุ่นๆของเธอ รินท์ครางเบาๆว่า "พี่แซมค่อยๆนะคะ รินท์ยังไม่เคยมาไกลขนาดนี้เลยนะคะ" ผมตะลึงแทบหูฝาด ไม่นึกว่าเธอจะผ่านมาได้จนถึงทุกวันนี้
จริงหรือไม่จริง ผมก็ไม่รู้หรอก รู้แต่ว่าฟังแล้วยิ่งได้อารมณ์มากขึ้นไปอีก แต่ยังไงๆผมก็หยุดไม่อยู่แล้ว ผมทำอย่างนุ่มนวล จนน้ำหล่อลื่นของรินท์มีมากขึ้น ผมลดตัวลงนั่งบนเก้าอี้ตัวกลมแบบมีผนักพิงข้างหลัง ท่อนเนื้อควยของผมยังคาอยู่ในร่องหีของรินท์ ขาของรินท์เหยียบอยู่บนที่พักขาของเก้าอี้ รินท์เริ่มโยกตัวขึ้นลงตามความต้องการของเธอ ความแน่นของหีเธอ ทำให้ควยผมเกือบระเบิดออกมาหลายครั้ง ทุกครั้งที่เธอขยับตัวขึ้นลง ความกระชับในร่องหีสวาทของเธอ เพิ่มความแน่นให้กับท่อนเนื้อควยของผมอย่างมหาศาล รินท์ไม่กล้าเคลื่อนไหวมาก คงเป็นเพราะความคับแน่นมากกว่า ในที่สุดผมต้องบอกรินท์ให้เปลี่ยนมาเป็นยืนเกาะผนักพิงหันด้านหลัง แล้วผมก็ค่อยๆใช้ลิ้นและนิ้ว ช่วยเรียกความชุ่มช่ำในร่องของเธอ
รินท์กางขาออกมากว้างมากโดยที่เธอไม่รู้ตัว เธอครางออกมาเบาๆว่า "พี่แซมขา รินท์จะทนไม่ไหวอยู่แล้วค่ะ ช่วยรินท์หน่อยเถอะคะ" ผมไม่รอช้าสอดน้องควยของผมเข้าไปในร่องหีของเธอจากด้านหลัง รวดเดียวมิดด้ามเลย รินท์ร้องออกมาไม่เป็นภาษาคนเลย "โอ้ยยยยยย.. พี่แซมขา รินท์แน่นหีไปหมดแล้วค่ะ แน่นมากเลยค่ะ อู้ยส์...รินท์จะไม่ไหวแล้วค่ะ" ผมเองก็เกือบจะแย่อยู่แล้วเหมือนกัน ตอนนี้หูอื้อไปหมดแล้ว มือทั้งสองเอื้อมไปคว้าคู่ปทุมถันอันเต่งตึงและมโหฬาร บีบเค้นคลึงอย่างไม่เกรงใจเจ้าของเต้าแล้ว ช่วงล่างก็สอยถี่ยิบจนรินท์ยอมจำนน หนีบร่องหีของเธอ จนในที่สุดเจ้าน้องควยของผมก็ทนกลั้นไว้ไม่ได้อีกต่อไป น้ำรักของผมฉีดกระฉูดเต็มร่องของน้องรินท์ จนไหลเยิ้มเป็นทางตามร่องขาของเธอ
ผมจับเธออุ้มขึ้นและหมุนกลับด้านมานั่งบนเก้าอี้ โดยหันหน้ารินท์เข้ามาหาผมอย่างระมัดระวัง โดยไม่ให้น้องควยของผมหลุดมาจากร่องหีสวาทของเธอ ร่องหีของรินท์ซึ่งยังตอดนุ๊บๆอยู่ ความรู้สึกดีๆอย่างนี้ ผมไม่ปล่อยให้หลุดออกมาหรอก ผมปล่อยให้รินท์ตอดผมจนร่องของเธอคลายตัว รินท์กอดผมไว้อย่างแน่น หน้าผมประกบกับหน้าอกอันเนียนและเต่งตึงของเธอ เรานั่งกอดกันอยู่สักครู่หนึ่ง จนร่องหีของรินท์เริ่มคลายตัวแล้ว รินท์ก็ขอตัวไปอาบน้ำ พร้อมกับหันมายิ้มและเปรยว่า "พี่แซมเก่งจังเลยนะคะ ไม่เสียแรงที่แอบเล็งพี่แซมตั้งแต่รินท์เป็นเด็กๆแล้ว อ้อ..พี่แซมอย่าลืมสัญญานะคะ รายงาน Finance ส่งวันจันทร์นะคะ" ผมเองได้แต่นึกว่า 10 วันที่เมียผมไปประชุมต่างประเทศ อะไรจะเกิดขึ้นได้อีกหนอ และแล้วแผนชั่วร้ายก็เริ่มก่อตัวขึ้นในหัวสมองของผม อย่างนี้คงเรียกว่า "บุญหล่นทับ" ได้มั๊งครับ
10วันๆละ10ทีกำลังดี