"ว่าไงนะ!!!" ข้าวหอมร้อง
"เมื่อวาน เบญเขาหนีออกจากบ้านครับ ไม่ได้มาที่มหาลัยด้วย" ชาคริตบอก "หลัง ๆ นี่ผมเห็นเบญเขามาหาพี่บ่อย ๆ พี่รู้อะไรบ้างไหมครับ"
ใช่ เธอรู้
น้องเบญคิดว่า เมื่อตนเองใช้เวทมนตร์แบบควบคุมไม่ได้ จะทำให้คนรอบตัวเดือดร้อน
คิดว่าเธอใช้เวทมนตร์สะกดจิตชาคริต กับแฟนคนอื่น ๆ ของเขา
แต่จะให้พูดไปว่าอะไรดีล่ะ
"อืม พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน" ข้าวหอมตอบ "คุยกัน ก็ไม่เห็นว่าเขาจะพูดเรื่องอะไรว่าจะหนีออกจากบ้านนะ"
"พี่คุยอะไรกับเบญบ้างครับ" ชาคริตถาม "ทุกอย่างเลย เผื่ออาจจะช่วยผมหาได้"
เอาล่ะสิ คุยเรื่องอะไรกัน นี่ชั้นก็ไม่ได้คิดไว้ด้วย
"ก็.....เรื่องเสื้อผ้า เครื่องสำอางแหละ...."
"พี่เค้าโกหก" สาวร่างเตี้ยที่ตามชาคริตมาบอก "ดูหน้าก็รู้"
"พี่ข้าวหอมครับ มีอะไร บอกผมมาเถอะ" ชาคริตพูด เสียงเริ่มแข็ง "เรื่องนี้สำคัญนะครับ"
"ชาคริต จะถามไปทำไม นี่..." สาวร่างเตี้ยก้าวขึ้นหน้ามา ในมือหยิบขวดแก้วใสเล็กออกมา เธอสาดน้ำยานั้นอย่างที่เห็นได้ชัดว่าตั้งใจจะให้โดนหน้าเธอ แต่ข้าวหอมเสกลมกรรโชกวูบใหญ่ออกมาจนน้ำยาที่สาดกระเด็นกลับไปโดนสาวตัวเล็กเต็ม ๆ หน้า
"ไผ่หลิว!!!!" ชาคริตร้อง
"เออ.....อือ......" ไผ่หลิวครางงง ๆ "ครายยยยยยยยยย......นี่..........."
"เมื่อกี้คืออะไร" ข้าหอมถาม
"ยา.....ยาหลอนประสาท........" ไผ่หลิวตอบ
"ไม่มีใครสอนเหรอว่าอย่าเอาของแบบนี้มาใช้กับคนอื่นเนี่ย"
"ม่ายยยยยย.....มี......."
"ไปนั่งพักให้หายหลอนก่อนไป"
ไผ่หลิวเดินส่ายหัวออกไปอย่างงง ๆ
"พี่ข้าวหอมครับ!!!!!" ชาคริตหันมาเผชิญหน้ากับข้าวหอม "พี่มีอะไรก็บอกผมมาเถอะครับ ผมไม่รู้นะ ว่าระหว่างพี่กับเบญมีเรื่องอะไร แต่....."
"ขอโทษด้วย พี่ไม่รู้อะไรจริง ๆ แต่ถ้าพี่นึกอะไรที่น่าจะช่วยเราได้ พี่จะโทรไปบอก โอเคไหม"
ชาคริตลังเล ก่อนจะพยักหน้า และจดเบอร์ยื่นมาให้
สิ่งแรกที่ข้าวหอมทำหลังแยกจากชาคริต คือพยายามติดต่อพี่นที
และก็ยังติดต่อไม่ได้เหมือนเดิม
"โธ่ แล้วจะไปหาตัวน้องเบญได้ที่ไหนเนี่ย"
ขณะเดียวกัน
หญิงวัยสี่สิบกลาง ๆ คนหนึ่งเปิดประตูกลับเข้าบ้านด้วยความเหนื่อยอ่อนหลังจากทำงานหนักมาทั้งวัน
"ไงแม่"
เสียงเย็นชาที่ร้องเรียกทำให้เธอสะดุ้งโหยง หันมองหาต้นเสียง
ชายหนุ่มหน้าซูบตอบยืนหลบอยู่ในเงามืด
"ชะ.....ชัย.......ได้ไง........เอ็งตายแล้วตอนไฟไหม้คุกนี่"
ไอ้ชัยแค่นเสียงหัวเราะ
"แม่นี่ คิดอะไรก็ผิดตลอดนะ.........เหมือนที่แม่คิดจะปล่อยให้ผมเน่าอยู่ในเรือนจำเฮงซวยนั่น"
แม่ของไอ้ชัยถอยกรูดด้วยความกลัวสุดขีด แต่ก็ไปติดชายฉกรรจ์ล่ำบึ้กสองคนที่เดินเข้าประตูตามหลังเธอมา
"เป็นแม่ประสาอะไร หือ ถึงได้คิดทิ้งลูกแท้ ๆ ของตัวเองได้ลงคอ ทั้ง ๆ ที่ผมร้องขอ....ฝากความหวังให้แม่ช่วยเอาผมออกไป"
"ฟะ.....ฟังเอ็งพูดเข้าสิ" แม่ของมันระล่ำระลัก "เอ็งข่มขืนผู้หญิงไปเป็นสิบ ทำหลักฐานมัดตัวไว้เต็มที่ แม่จะเอาอะไรไปช่วยเอ็งวะ แล้วที่เอ็งทำก็ไม่ใช่เรื่องถูก...."
ตาของไอ้ชัยวาวโรจน์ แม่ของมันพยายามหนี แต่ชายฉกรรจ์ด้านหลังล็อคแขนเธอแน่น
"ผมทำผิดเหรอ.....ผมแค่ทำสิ่งที่ผมทำได้....ผมผิดเหรอ........."
มือที่กำจนเกร็งซีดขาวยกขึ้นมาที่คอ แม่ของไอ้ชัยกลัวจนตัวสั่นเทา
"แล้วแม่ที่ไม่รักลูกตัวเองไม่ผิดกว่าเหรอ!!!!!!!!!!"
สองมือบีบรอบคอผู้เป็นแม่เป็นแรง
"ชัย!!!!!!!!!!" เสียงเย็นยะเยียบของหญิงสาวร่างสูงที่ยืนอยู่บนเชิงบันไดขึ้นชั้นสองทำไอ้ชัยสะดุ้ง รีบปล่อยมือออกจากคอของแม่มันทันที
"โทษทีนะแม่ ผม......คุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่ไปหน่อย"
"ชัย.....ไปมอบตัวเถอะ"
ไอ้ชัยทำหน้าเหมือนอยากบีบคอแม่มันอีกรอบ
"แม่....ผม.....เตรียมของขวัญไว้ให้แม่.....ตามมาเถอะ....."
ไอ้ชัยเดินนำขึ้นชั้นสองของตัวบ้าน ชายฉกรรจ์ทั้งสองลากตัวแม่ของมันตามไป โดยมีหญิงสาวในเสื้อคลุมดำปิดท้ายขบวน
ที่ในห้องนอน แม่ของชัยเหลือบไปเห็นสามีของเธอถูกจับมัดอุดปากอยู่ที่โต๊ะข้างเตียง ดวงตาเบิกโพลง สามีของเธอพยายามดิ้นเต็มที่เมื่อเห็นเธอถูกลากเข้ามา แต่เชือกที่มัดอยู่ก็แน่นจนไม่ขยับ ที่ข้างกายเขามีหนุ่มอายุน้อยอีกสองคนยืนคุมอยู่ คนหนึ่งนั้นสูงเพรียว ขาวหล่อ ส่วนอีกคน คนที่ร่างเตี้ยล่ำดำถึก กำลังตรวจดูเครื่องมือรูปร่างพิสดารหลายอย่าง
เตียงถูกเอาออกไปแล้ว ที่ตรงกลางห้องมีวงกลมขนาดใหญ่วาดไว้ด้วยของเหลวสีแดงที่เหมือนกับ.......เลือด
"อุปกรณ์พร้อมหรือยัง ไอ้เป็ด" ไอ้ชัยถามหนุ่มร่างเตี้ยล่ำดำถึก ที่พยักหน้าให้มัน
"แม่......ผมมีของขวัญให้แม่........ของขวัญที่สมกับสิ่งที่แม่ทำให้กับผม.........ไอ้เป็ด เอาเครื่องแหกหีออกมา!!!!!"
"ไม่นะ ไม่ ไม่ ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย"
"ไม่ต้องกลัวนะ แม่.........ในสองสามชั่วโมงต่อไปนี้ แม่จะร้องขอให้ผมหยุด......แล้วก็จะร้องขอให้ผมอย่าหยุด..........แล้วจะขอให้ผมฆ่าแม่เถอะ.............ผมจะรอดูทุกขั้นเลย"
"ม่ายยยยยยยยยยยยยยยย อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก"
สาวในเสื้อคลุมดำยิ้ม
พวกมนุษย์
น่าสมเพช
เป็นเวลาหลายร้อยปีแล้ว ที่เธอพำนักอยู่ในโลกนี้ โลกที่แตกต่างจากถิ่นกำเนิดของเธอโดยสิ้นเชิง นานพอที่เธอจะได้เรียนรู้อะไรหลาย ๆ อย่างที่ซ่อนเร้นอยู่ในแบบที่พวกพ้องของเธอที่เลื่อนลอยเข้ามาไม่มีวันได้รู้
นานพอ ที่จะสร้างร่างใหม่ให้ตนเองที่ดูไม่แตกต่างจากสิ่งมีชีวิตในพิภพนี้
นานพอที่จะดูดซับพลังงานที่อุดมล้นอยู่ในโลกนี้ ที่พวกมนุษย์ไม่รู้จักใช้งาน
พลังแห่งอารมณ์ในด้านลบของมนุษย์ มีเพียงหนึ่งในล้านล้านเสี้ยว ที่ทะลุผ่านกำแพงกั้นไปที่โลกที่เธอกำเนิดมาได้ ที่นั่น พวกพ้องที่ต้อยต่ำของเธอรอดื่มด่ำในพลังนั้น
แน่นอนทันทีที่มาถึงโลกนี้ อาหารที่มากมายเต็มไปหมดทุกหนทุกแห่งมักจะทำให้พวกพ้องของเธอคลั่งแล้วเที่ยวออกอาละวาดตระเวนหาทันที ราวกับผู้หิวโหยในทะเลทรายที่ว่างเปล่า อยู่ ๆ ก็มาพบราชวังที่เต็มเปี่ยมด้วยอาหารนานาชนิดเกินจะมีวันกินได้หมด
สิ่งที่พวกนั้นมักจะไม่รู้ หรือกระตือรือร้นจนไม่ทันคิด คือพระราชวังแห่งนี้มีผู้ดูแลรักษาอยู่ พวกผู้พิทักษ์ ทันทีที่เที่ยวออกสูบกินพลังความโกรธ ความละโมบ ความหยิ่ง ความขี้เกียจ ความหื่นกระหายของมนุษย์ พวกมันก็จะมาเข่นฆ่าทำลายพวกพ้องที่ต่ำต้อยของเธอ
กุญแจในการมีชีวิตจึงไม่ใช่การดื่มกินให้อิ่มหนำ แต่เป็นการแฝงตัวในเงามืด สูบกินอาหารที่ไม่มีใครเฝ้า ไม่มีใครสนใจ ไม่มีใครนึกถึง ค่อย ๆ ทีละน้อย ละน้อย และในขณะเดียวกันก็เรียนรู้ถึงที่หลบซ่อน และวิถีทางปฏิบัติในโลกนี้ เฝ้ามอง ว่าอาหารชั้นเลิศที่สุดเก็บรักษาไว้ในที่ใด ทำตัวอย่างไรไม่ให้มีใครสังเกต เรียนรู้ ถึงความสัมพันธ์ที่ลึกล้ำเกินกว่าแค่ผิวเผิน
ราคะ ความหื่น กามารมณ์ เป็นหนึ่งในอาหารที่พวกพ้องของเธอโปรดปรานที่สุด และสาวพรหมจารีย์ก็เป็นเป้าที่เด่นชัดที่สุดของอารมณ์เหล่านี้
แต่ในขณะเดียวกัน ก็เป็นเป้าที่เด่นชัดที่สุด ให้พวกผู้พิทักษ์เฝ้าระวังเหมือนกัน พวกพ้องที่ต่ำต้อยของเธอน้อยตัวนักจะเรียนรู้ในข้อนี้ พวกมันตรงเข้าไปหาสาวพรหมจรรย์ อาหารที่เตะตาน่ารับประทานที่สุด.....และโดดเด่นเห็นได้ชัดที่สุด แล้วตัวพวกมันเองก็ตกเป็นเหยื่อของพวกผู้พิทักษ์
เธอไม่หาเหยื่อเป็นสาวพรหมจรรย์ ทันทีที่มีข่าวว่าสาวพรหมจรรย์หายตัว หรือมีอันเป็นไป พวกผู้พิทักษ์จะหันมามองทันที ว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดา อาชญากรรมของมนุษย์ต่อมนุษย์ หรือว่ามีอะไรอยู่เบื้องหลัง
พวกพ้องของเธอน้อยตัวนักจะหนีรอดจากพวกนั้นได้
มีบางกลุ่ม ที่เริ่มฉลาดหน่อย ซ่อนตัวอยู่หลังเครือข่ายอาชญากรรมของพวกมนุษย์เอง สูบกินพลังงาน เสริมสร้างเรี่ยวแรง จนแข็งแกร่งขึ้นมาได้ แล้วจึงออกประกาศศักดา เธอเฝ้าดูจนเห็นพวกนั้น ในโมงยามที่ใกล้ถึงจุดสำเร็จที่สุด บังเอิญไปดึงไอ้ระยำตัวหนึ่งที่เคยวางมือจากวงการนี้ไปแล้วกลับมา
อากาศในห้องเย็นเฉียบลงทันทีเมื่อเธอนึกถึง.......ไอ้นที........
ทันทีที่มันปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งกลางสมรภูมิ เธอก็รู้ชะตาของพวกพ้องที่น่าสงสารของเธอล่วงหน้า
ไอ้คนทรยศ มันมีสิทธิ์อะไร.......
หลังจากนั้น ไอ้พวกนั้นก็ขัดคำสั่งของเธอ ไปลั่นกับดักที่เธอเตรียมมาหลายร้อยปีก่อนที่มันจะพร้อมจริง ๆ แล้วแผนอายุหลายร้อยปีก็พังสลายไปต่อหน้าต่อตา
โชคยังดี ที่ไม่มีอะไรพอให้ไอ้นทีจะสาวมาถึงตัวเธอเองได้
แต่ยังมีอะไรที่เธอได้เรียนรู้มาในโลกนี้อีกเยอะ
เยอะพอที่จะให้ได้รู้ว่า พลังที่แท้จริง คุณค่าที่แท้จริงของพวกมนุษย์ หาได้ในสิ่งอื่นที่สังเกตหายากกว่าพรหมจรรย์
และ ณ เวลานี้ ความรู้สึกด้านมืดของมนุษย์ที่ไหลวนเวียนอยู่ในห้องก็รุนแรงจนเธอได้แต่ยิ้มแล้วยิ้มอีก
คุณค่า คือสิ่งสำคัญของเครื่องสังเวย ยิ่งคุณค่ามาก พลังที่ได้จากการสังเวยก็ยิ่งสูง
พวกพ้องของเธอส่วนใหญ่ มองคุณค่านั้นในแบบที่ผิวเผิน สิ่งที่มีค่ากับมนุษย์ทุกคน ชีวิต ทรัพย์สินเงินทอง พรหมจรรย์ ตัวเธอเองก็ปรารถนาพลังจากเครื่องสังเวยเหล่านี้ แต่เวลานับร้อยปีในโลกนี้ช่วยให้เธอได้เรียนรู้หลายสิ่ง คุณค่าของเครื่องสังเวยไม่จำเป็นต้องเป็นคุณค่าในสากลโลกเสมอไป เด็กหนุ่มคนหนึ่ง ที่ลุ่มหลงมัวเมาในความมืด สังเวยผู้ให้กำเนิดของตนเอง ก็เป็นคุณค่าแบบหนึ่ง ที่สร้างพลังมหาศาลจากพิธีนี้
มากพอที่จะเรียกสมัครพรรคพวกออกมาได้เป็นร้อย ๆ ถ้าเธอต้องการ
แต่พวกพ้องที่ด้อยพลังและปัญญาของเธอน้อยนักจะรู้จักหลบซ่อนจากสายตาของพวกผู้พิทักษ์ เรียกมันออกมามีแต่จะเรียกความซวยให้ตนเอง
เธอดูดกลืนพลังงานที่ไหลเวียนออกมาด้วยความหิวกระหาย ให้มันชุบชูสร้างกำลังให้แกร่งกล้าขึ้น
วันหนึ่ง เมื่อเธอพร้อม เธอจะผงาดขึ้นด้วยพลังที่เหนือกว่าสิ่งใดในโลกนี้ เธอจะกลืนกินดวงตะวันจันทราและดวงดาวทั่วนภา โลกของพวกมนุษย์จะไม่มีอะไรเหลือนอกจากเธอ และสิ่งที่เป็นของเธอ
แต่วันนั้นยังมาไม่ถึง เธอทำได้แต่เพียงก้มหัวให้ต่ำ กลืนกินเศษอาหารที่พวกผู้พิทักษ์มองข้าม รวบรวมสมัครพรรคพวกทั้งที่เป็นมนุษย์และพวกของเธอ
เมื่อครั้งที่โครงข่ายมหาเวทย์สั่นคลอนกำแพงระหว่างสองโลก มีพวกพ้องของเธอเกือบสองพันที่ข้ามมาที่ฝั่งนี้ได้ แม้ส่วนใหญ่จะถูกกำจัดไปแล้ว แต่เธอก็สัมผัสได้ว่ายังมีปิศาจชั้นเอกอยู่อีกสิบสอง ชั้นโทอีกสี่สิบ และชั้นตรีอีกเกือบสามร้อยตัวที่กระจัดกระจายกันอยู่ทั่วโลก
ให้พวกผู้พิทักษ์ตามล่าพวกมันไปเถอะ!!!
ยิ่งพวกมันทำเรื่องเอิกเกริกมากเท่าไหร่ ตัวเธอเองยิ่งปลอดภัยอยู่ในเงามืดมากเท่านั้น
"นายหญิงครับ....." เสียงของหนุ่มรูปหล่อดึงเธอออกมาจากห้วงความคิด เธอก้มลงมองหน้าของมนุษย์ที่คุกเข่าอยู่แทบเท้าเธอ เธอพยายามครุ่นคิด เธอยังแยกพวกมนุษย์ออกจากกันไม่เก่งเท่าไหร่ ไอ้คนนี้....คือคนที่เพื่อนมันเรียกว่าตี๋ ใช่ไหม
"ว่าไงเหรอ ตี๋" เธอยิ้มมุมปากน้อย ๆ เลียนแบบภาพที่พวกมนุษย์มักคิดว่าเป็นภาพของผู้หญิงใจดี
"วันนี้.....นายหญิงพาท่านชัยมาแก้แค้นแล้ว.......พวกผมอยากขอโอกาส.....ให้พวกผมได้แก้แค้นบ้าง"
"ใช่ครับ" มนุษย์ร่างเตี้ยล่ำดำถึกที่คุกเข่าอยู่ข้างหนุ่มหล่อบอก "พวกสาวที่มหาลัยทำพวกผมไว้เจ็บแสบมากครับ นายหญิง"
"กับไอ้เหี้ยชาคริตอีก....มันแย่งคนที่ผมรักไปครับ"
"รอ หนุ่มน้อย รอ วันหนึ่ง โอกาสนั้นจะมาถึง"  
"ไอ้เป็ด!!!!!!!! เอาเครื่องช็อตไฟฟ้ามาาาาาาาาาาา!!!!!"
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน
ปีศาจราคะตัวนี้ดูสุขุม ใจเย็น มากกว่าตัวก่อนๆ ที่ทำอะไรเอิกเริก จนต้องเจอกับนทีถึงขั้นพ่ายแพ้ราบคาบ
ตัวนี้ดูแผนสูง รอดูนายตี๋แก้แค้นชาคริต จะขนาดไหน
ที่แท้ก็เป็นสิ่งมีชีวิตจากนอกโลกหรือนี่ มหัศจรรย์พันลึกจริงๆ ข้างหอมกับเบญจะสู้ได้มั้ยนี่
::Fighto:: พี่นที ต้องรีบรักษาตัว แล้วมาช่วยกัน ไม่ให้พวกไอ้ชัยทำชั่วไปมากกว่านี้ ::Angry::
ชัย... ชัยมึงทำโครตถึงเลย ถึงกับไม่เหลือความเป็นคนอะ
จะโยงไปหาชาคริตกับสาว ๆ ในครอบครัวกันอย่างไร น่าสนใจมาก หนนี้คงดุเดือดเพราะรวมตัวแสบจากคุกมาพร้อมหน้า