ติดตามฉบับเต็มได้ที่นี่เลยค่ะ
https://www.readawrite.com/?action=manage_article&article_id=8327215ebe24b265cafcad16fcd60d36&tab=mainManageChapter&page_no=2
https://fictionlog.co/b/671465b386b877001c78144c
https://www.tunwalai.com/story/813236
หรือจะสนับสนุนอีบุ๊กได้ที่นี่นะคะ
https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6ODoiMTA0MDgzNjQiO3M6NzoiYm9va19pZCI7czo2OiIzMzAyMTAiO30
https://www.tunwalai.com/ebook/66038/info
https://www.tunwalai.com/ebook/66038/info
หรือพูดคุยกันได้ที่
X - @airwriterreader
facebook/airflyline
ขอบพระคุณค่ะ
..........................
"ชั้นล่ะเบื่อผัวชั้นจริงเชียว" พี่ออยพูดขึ้น
"เบื่อเรื่องอะไรอีกล่ะ" พี่แววถาม
"ก็พี่แดงมันชอบทำแบบส่ง ๆ ไปน่ะสิ" พี่ออยตอบ
พี่แววหัวเราะคิกคักแล้วทำมือจุ๊ปากบอกให้พี่ออยเงียบเสียงลงหน่อย เรานั่งกินข้าวกลางวันกันอยู่ในร้านอาหารตามสั่งติดแอร์ ถึงแม้เสียงพูดคุยจะดังจอแจจากลูกค้าหนุ่มสาวออฟฟิศที่นั่งกันเต็มร้านในช่วงพักกลางวันแบบนี้ แต่เสียงพูดของพี่ออยก็ไม่ได้เบาสักเท่าไหร่
พี่ออยถอนหายใจออกมา ก่อนจะพูดกึ่งบ่นไปเรื่อยเปื่อยด้วยเสียงที่เบาลงว่า ก็พี่แดง...ผัวชั้นน่ะสิ ไม่ค่อยชอบทำการบ้านเลย ทำแค่เดือนละหนสองหนเท่านั้นเอง บางครั้งชั้นก็รอแล้วรอเล่า แต่ก็ไม่ได้สมหวัง อ้างว่าเหนื่อยบ้างล่ะ พรุ่งนี้ต้องตื่นเช้าบ้างล่ะ ปล่อยให้ชั้นแห้งเหี่ยวอยู่อย่างนี้
แล้วพอจะมีอะไรกันสักครั้งนะ พี่ออยพูดต่อ ผัวชั้นก็ทำแบบเหมือนไม่เต็มใจ มาถึงก็กอดจูบแปปเดียวก็จะใส่เข้ามาเลย ทำเหมือนชั้นเป็นฟองน้ำที่จะดูดซับของมันได้ทันทีอย่างนั้นล่ะ บางทีของชั้นยังไม่พร้อมด้วยซ้ำไป
"แล้วลองคุยกับพี่แดงดูหรือยังล่ะ" พี่แววถามกลั้วหัวเราะ
"คุยครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้แล้ว"
พี่ออยบอกแล้วเล่าต่อว่า ช่วงแต่งงานใหม่ ๆ ก็ดีอยู่หรอก แต่พอผ่านมาจะถึง 10 ปีแล้วนี่ก็เหมือนชินชา หลับนอนด้วยกันเหมือนเป็นหน้าที่จำเป็นยังไงยังงั้น ชั้นยังไม่ทันรู้สึกอะไรเลย ผัวชั้นก็เรียบร้อยเสร็จสมอารมณ์หมายไปแล้ว
ก้อยนั่งเคี้ยวข้าวพลางฟังพี่ออยที่พูดอย่างเซ็งอารมณ์ พี่แววยังอดหัวเราะไม่ได้ด้วยความรู้สึกทั้งขบขันทั้งเห็นใจเพื่อน
"ชั้นล่ะอิจฉาแกจริงเลย...ผัวหล่อ แถมเอาเก่งอีก" พี่ออยพูดกับพี่แวว
"ก็ไม่ได้เก่งเลิศเลอขนาดนั้นหรอก แต่ก็ไม่ได้ทำส่ง ๆ ไปนะ...ของแบบนี้ทำส่ง ๆ ได้ที่ไหน" พี่แววพูดแล้วอมยิ้ม
"ก็นั่นน่ะสิ...ผัวชั้นไม่แม้แต่จะใช้ลิ้นออรัลเซ็กส์ให้เลย" พี่ออยพูดแบบลงลึก
ก้อยหน้าร้อนวูบขึ้นมากับคำพูดสุดลามกของพี่ออย พยายามไม่สนใจ ก้มหน้าก้มตากินข้าวไปตามปกติ แต่ดูเหมือนพี่แววจะสังเกตเห็น
"ออย...แกนี่พูดเปิดเผยเกินไปแล้ว ดูน้องก้อยสิ หน้าแดงแป๊ดเลย" พี่แววพูด พี่ออยหันมามองแล้วเอ่ยขอโทษนะน้องก้อย
"พี่ก็อิจฉาน้องก้อยเหมือนกันล่ะ" พี่ออยพูด "เพิ่งเรียนจบไม่นาน ยังสาวยังสวย แถมผิวขาวจนหนุ่มหลงกันทั้งออฟฟิศแบบนี้...สามีจัดทุกวันเลยล่ะสิ"
ก้อยรีบส่ายหัวด้วยความกระดากอายกับคำถามของพี่ออย พอเห็นว่าเราไม่ตอบ เธอก็ถามเค้นอีกว่าแล้วสามีทำดีมั้ย จะว่าไป พี่ยังไม่เคยคุยเรื่องนี้กับน้องก้อยเลยนี่นา ก้อยยิ้มแห่ะ ๆ แล้วส่ายหัวอีกเพราะไม่รู้จะตอบยังไงจนพี่แววต้องตัดบทว่าจะถามอะไรน้องเค้าขนาดนั้น
พี่ออยถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วบอกว่านี่ถ้าสามีชั้นไม่ปรับปรุงเรื่องบนเตียงให้ดีขึ้น ชั้นจะไปหาเศษหาเลยบ้างแล้ว พี่แววหัวเราะ
"แกจะไปหาที่ไหน...อายุป่านนี้แล้ว" พี่แววถาม
ก้อยไม่ใจว่าทั้งคู่อายุเท่าไหร่ แต่น่าจะใกล้หลักสี่มากแล้วล่ะ พี่ออยเป็นผู้หญิงหน้าสวย หุ่นอวบอั๋น แต่งตัวเก่งและพูดจาฉะฉานแบบตรงไปตรงมา ขณะที่พี่แววรูปร่างผอมบางกว่า แต่วงหน้าก็สวยไม่แพ้กันเลย ถ้าเป็นตอนสาว ๆ น่าจะมีหนุ่มติดกันเกรียว
"ชั้นก็จะไปซื้อกินน่ะสิ...หาหนุ่ม ๆ หมอนวดดีกว่า"
พี่ออยบอกอย่างนั้น ก่อนเธอจะหันมาหาก้อยอีกแล้วสอนเรื่องชีวิตคู่ว่าจำไว้นะน้องก้อย หากมีเซ็กส์กับสามีเสร็จแล้วยังไม่รู้สึกเต็มอิ่มและยังเกิดความปั่นป่วนในตัว อาจเป็นอารมณ์ที่ยังค้างคาเพราะสามีไม่ได้พาไปถึงฝั่ง ดังนั้น เราไม่ควรเก็บกดมันไว้ เดี๋ยวจะเป็นอย่างพี่นะ ก้อยพยักหน้ารับฟัง
เพราะเหตุใดไม่รู้ ก้อยรู้สึกเหมือนคำพูดของพี่ออยแทงใจดำฉึกเข้าไปในอกยังไงก็ไม่รู้ อาจเป็นเพราะความรู้สึกไม่เต็มอิ่มที่เธอพูดนั้น ตรงใจเราทุกประการเลยก็ว่าได้
ก้อยได้เจอกับพี่ตุลครั้งแรกก็ตอนฝึกงานปีสุดท้ายของชีวิตมหาวิทยาลัย พี่ตุลเป็นผู้จัดการฝ่ายบุคคลในบริษัทที่ก้อยเข้าไปฝึกงาน เมื่อเจอกันครั้งแรก เขามีท่าทางเคร่งขรึมและจริงจังอย่างมากจนเรารู้สึกหวาดหวั่นและไม่กล้าคุยด้วยเท่าไหร่
แต่แล้วหลังผ่านไป 3 เดือน เมื่อถึงวันสุดท้ายของการฝึกงาน พี่ตุลก็เข้ามาคุยด้วยท่าทีเขินอาย โดยเอ่ยชวนก้อยไปทานข้าว ตอนนั้น ก้อยยอมตกลงไปกับเขาด้วยคิดว่าเขาจะมีคำแนะนำเรื่องการหางานดี ๆ ทำได้ กระทั่งในอีกไม่กี่วันต่อมา เขาก็ติดต่อมาอีกเพื่อชวนไปดูหนัง ซึ่งนั่นทำให้รู้ว่าพี่ตุลรุกจีบเราอย่างจริงจัง
"ตอนแรกพี่ไม่กล้าแม้แต่จะมองหน้าก้อยเลย...แต่ก็กลัวจะเสียใจภายหลังถ้าไม่ลองคุยดู" พี่ตุลบอกอย่างนั้น
พี่ตุลเป็นคนที่มีความเป็นสุภาพบุรุษมาก แตกต่างจากชายหนุ่มหลายคนที่เข้ามาหาก้อยตลอดชีวิตการเรียนมหาวิทยาลัย ส่วนใหญ่มือไวและแสดงออกถึงความปรารถนาอย่างชัดแจ้ง นั่นทำให้ก้อยไม่ได้ตกลงคบใครจริงจังเลย มีแต่คนคุยด้วยเท่านั้น
อีกอย่างหนึ่งก็คือพ่อและแม่ของก้อยนั้นแสดงความเป็นห่วง หรือจะพูดให้ถูกก็คือหวงลูกสาวคนเดียวราวกับไข่ในหิน ไม่ค่อยปล่อยให้ก้อยไปไหนมาไหนคนเดียวสักเท่าไหร่ จึงไม่มีโอกาสคบหนุ่มคนไหนเป็นแฟนเลยสักคน
แต่แล้วก็เป็นพี่ตุลคนนี้ที่ทำให้พ่อกับแม่เกิดความสบายใจและไว้เนื้อเชื่อใจ คงเป็นด้วยท่าทางแบบหนุ่มเนิร์ดที่ไม่มีพิษมีภัยของเขา อีกทั้งยังอายุมากกว่าก้อยหลายปี จึงมีความเป็นผู้ใหญ่และรู้ว่าก้อยเป็นลูกคนเดียว จึงเอ่ยปากขอเข้ากราบสวัสดีพ่อกับแม่ถึงบ้านด้วย
...ซึ่งนั่นทำให้เขาเกิดความเซอร์ไพรส์
"พี่เพิ่งรู้ว่าก้อยเป็นลูกคุณหนูขนาดนี้...นี่บ้านหรือคฤหาสน์เนี่ย...แล้วทำไมคนรับใช้กับคนสวนต้องเยอะขนาดนี้" พี่ตุลเอ่ยก่อนจะออกจากบ้านหลังเข้าพบพ่อแม่ก้อยในวันนั้น
หลังจากเรียนจบ ก้อยหางานทำหลายแห่งจนกระทั่งได้งานเป็นพนักงานฝ่ายบุคคลในบริษัทแห่งหนึ่ง พร้อมกับตกปากรับคำคบกับพี่ตุลอย่างจริงจัง เขาจึงเป็นแฟนคนแรกของก้อย
และ 1 ปีหลังจากนั้น พี่ตุลก็ขอแต่งงาน และไม่รู้เหตุผลกลใด อาจเป็นเพราะท่าทางซื่อ ๆ ของเขาก็เป็นได้ ขณะที่ครอบครัวของเขาซึ่งก็เหลือแต่แม่คนเดียวก็ให้การต้อนรับเราเหมือนเป็นลูกสาวอีกคนหนึ่ง ทำให้ก้อยตอบตกลงในที่สุดโดยมีข้อแม้ว่าก้อยต้องได้ออกไปทำงานหาเงินเข้าบ้านด้วย ไม่ใช่ต้องเป็นแม่บ้านแม่เรือนเฉย ๆ
งานแต่งงานจัดขึ้นอย่างเรียบง่าย ถึงแม้พ่อกับแม่ของก้อยอยากให้เชิญแขกเหรื่อบุคคลสำคัญในวงการธุรกิจที่เป็นมิตรสหายของเขามากมายมาร่วมงาน แต่สุดท้าย พวกเขาก็ตามใจลูกสาวกับลูกเขย เราสองคนเลือกใช้วิธีเดินสายมอบกระเช้ารับคำอวยพรจากบุคคลวีไอพีเหล่านั้นแทน ก่อนจะจัดงานเล็ก ๆ เฉพาะญาติสนิทเท่านั้น
ก้อยออกจากบ้านมาใช้ชีวิตแต่งงานกับพี่ตุลในบ้านหลังเล็กที่เขาเพิ่งซื้อได้ไม่นาน ตลอดการคบกันเป็นแฟนราว 1 ปีนั้น พี่ตุลไม่เคยล่วงเกินก้อยเลย ดังนั้นครั้งแรกของเราจึงเป็นค่ำคืนวันแต่งงานนั่นเอง ซึ่งเกิดขึ้นอย่างที่สามารถพูดได้ว่าค่อนข้างทุลักทุเลก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าพี่ตุลจะพยายามเท่าไหร่ เขาก็ไม่สามารถสอดใส่เข้ามาได้ในตอนแรก ก้อยเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกันเพราะไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อน
กระทั่งเราสองคนซึ่งเหน็ดเหนื่อยจากงานแต่งงานได้นอนหลับใหลพักผ่อนกันแปปนึง กลางดึกคืนเดียวกันนั้น เราก็ตื่นขึ้นมาพร้อมกันแล้วก็ร่วมรักกัน ซึ่งนั่นเป็นเซ็กส์ครั้งแรกในชีวิตของก้อยด้วยในวัยเกือบ 23 ปี
ส่วนพี่ตุลนั้นอายุ 30 ปีแล้ว ไม่รู้ว่าเซ็กส์ครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ของเขา แต่ก้อยก็ไม่เคยไต่ถามถึงชีวิตรักในอดีตของสามีเพราะคิดว่าเป็นเรื่องเสียมารยาท
เวลาล่วงเลยมาจนถึงปัจจุบัน เราแต่งงานกันมา 1 ปีเศษแล้ว วัยเบญจเพสกำลังมาถึง ชีวิตรักของก้อยกับพี่ตุลดำเนินไปได้ด้วยดี รวมถึงเรื่องบนเตียงที่ก้อยเองก็ไม่ได้มีประสบการณ์มากพอที่จะวิพากษ์วิจารณ์สามีได้ รู้แต่เพียงว่าการร่วมรักของเรามักเริ่มต้นและจบลงอย่างรวดเร็ว เพียงแค่เห็นพี่ตุลมีความสุข ก้อยเองก็มีความสุขเหมือนกัน
แต่เสียงบ่นซึ่งตามมาด้วยคำแนะนำเรื่องชีวิตเซ็กส์อันจืดชืดของพี่ออยมันเหมือนลูกศรปักฉึกเข้าแทงใจดำอย่างไม่สามารถอธิบายได้ เพราะก้อยสงสัยมาได้สักพักแล้วว่าความปั่นป่วนและไม่เต็มอิ่มที่ยังวนเวียนในหัวอกอยู่ทุกครั้งหลังจากมีเซ็กส์กับพี่ตุลนั้นคืออะไร
กระทั่งวันหนึ่งที่ทำให้ก้อยได้รู้มากกว่าคำแนะนำของพี่ออย การหาความสุขสมบนเตียงนั้นมีอะไรมากกว่าที่คิดหลายเท่าตัว เมื่อ "ต้น" น้องชายของพี่ตุลมานอนค้างที่บ้าน
จะได้เปิดโลกแห่งกามาแล้ว ก้อยจะเร่าร้อนหรือแข็งทื่อต้องรออ่านด้วยใจจดจ่อ
เพราะเรื่อง sex ที่ไม่ลงตัว มัน คือ จุดเริ่มต้นดีๆนี่เอง