"ป่าวงกตสลับซับซ้อนนัก คนทั่วไปไม่มีทางหาสำนักได้พบ" ไช่อี้เหนียงร้องบอกหวังปี้ที่เดินตาม "ทว่าข้าจำทางได้ทั้งหมด ผ่านเนินเขานี้ไปแล้ว....."
นางชะงักกึก ตาเบิกโพลง
ชะง่อนผาที่บดบังสายตาสิ้นสุดลง เผยให้เห็นภาพเบื้องหน้าอย่างชัดเจน
"ป่าวงกต......ไยถูกตัดจนโล่งเตียนเช่นนี้เล่า........" นางกระซิบแผ่วในลำคอ
"น้องไช่" หวังปี้กุมไหล่นาง
"ต้องมีสิ่งเลวร้ายเกิดขึ้นแน่ ตามข้ามา"
นางใช้วิชาตัวเบาเหินทะยานขึ้น หวังปี้ตามติดเฉกเช่นเดียวกัน
สำนักป่าวงกตถูกเผาวอดเป็นตอตะโก
หวังปี้กับไช่อี้เหนียงช่วยกันค้นดูรอบซากสำนัก พบโครงกระดูกไหม้ดำนับสิบ
"เกิดอะไรขึ้นที่นี่กัน" ไช่อี้เหนียงถาม น้ำตาคลอเบ้า "ผู้ร้ายคนใดทำเช่นนี้"
"แม่นางไช่ ใจเย็นก่อนเถิด" หวังปี้กอดนาง "จงค่อย ๆ คิด หากสำนักถูกบุก บิดาของท่านจะหลบหนีไปอยู่ที่ใด"
นางปาดน้ำตาแลครุ่นคิด
"มีกระท่อมน้อยหลังหนึ่งที่ชายป่า บางครั้งคนของเราใช้พักแรมยามออกผดุงคุณธรรม บิดาอาจไปที่นั่น"
"งั้นเราไปดูกันเถิด"
"นายน้อยหวัง!!!!" ทันทีที่ไปถึง ชายร่างผอมที่เคยเป็นทหารรับใช้บิดาของหวังปี้ก็ตะโกนทักทาย
"เจ้า.....ทหารของพ่อข้า" หวังปี้ตอบ "เจ้ามีชื่ออันใด"
"ข้าน้อยชื่อจางเถียนพิง" ชายร่างผอมตอบ
"จางเถียนพิง เจ้าบอกข้าได้หรือไม่ เกิดอันใดขึ้นที่พรรคป่าวงกต" หวังปี้ถาม
"แล้วบิดาข้าล่ะ"
"ท่านประมุขไช่สิ้นแล้ว" จางเถียนพิงก้มหน้า "สมาคมหวังทำลายพรรคป่าวงกตหมดสิ้น"
"เจ้าใช่ไหม!!!" ไช่อี้เหนียงร้อง ซัดฝ่ามือใส่จางเถียนพิงทันทีทว่าหวังปี้คว้ามือนางไว้ทัน
"เจ้าคนทรยศ!!! เจ้าพาสมาคมหวังมาที่นี่!!!"
"มิได้ ข้าไม่ได้ทำเช่นนั้น!!"
"แล้วเหตุใดสมาคมหวังจึงพบที่ซ่อนสำนักได้เล่า ข้าให้แผนที่เจ้าไป ข้าฆ่าบิดาตนเองแท้ ๆ" ไช่อี้เหนียงปล่อยโฮร้องไห้ หวังปี้คว้าร่างนางมากอดแนบอก
"ท่านพี่อี้เหนียง!!!!" เสียงหนุ่มร้อง
คนอีกหกเจ็ดคนออกมาจากในบ้านเล็ก ราวกับได้ยินเสียงแลจะมาดูว่าเกิดอะไรขึ้น
"เสี่ยวจิน นั่นเจ้าฤา" ไช่อี้เหนียงร้อง
"ท่านพี่อี้เหนียง เป็นท่านจริง ๆ" ไช่เสี่ยวจินโผเข้ากอดพี่สาว
"เสี่ยวจิน เล่าให้พี่ฟังเถิด เกิดอะไรขึ้นที่พรรค เจ้าคนอัปรีย์นี่" นางชี้ไปที่จางเถียนพิง "มันทรยศเราแลพาสมาคมหวังมาใช่หรือไม่"
"มิได้" ไช่เสี่ยวจินตอบ "ท่านพี่แซ่จางมาหลบภัยพร้อมด้วยอาเหลียงแลบิดาและลูกสาวกับคนจากหมู่บ้านอีกราวยี่สิบ พวกมันเล่าให้เราฟังเรื่องสมาคมหวังแลเมืองวิปลาส บิดาได้ยินเรื่องความเลวร้ายที่นั่น จึงตั้งมั่นจะช่วยเหลือผู้คน"
"ข้าพยายามทัดทานแล้ว ว่าสมาคมหวังเยี่ยมยุทธยิ่ง" จางเถียนพิงบอก "ทว่าท่านจ้าวสำนักมิฟัง"
"บิดาช่วยคนจากหมู่บ้านใกล้เมืองวิปลาสได้เกือบร้อยคน" ไช่เสี่ยวจินเล่าต่อ
"คุณหนูอี้เหนียง!!!" ชายชราเดินขโยกเขยกออกมาจากกระท่อมร้องเรียก
"ท่านลุงฉี!" ไช่อี้เหนียงร้อง และหันมาบอกหวังปี้ "ลุงฉีเป็นพ่อบ้านรับใช้สกุลข้ามานานนัก บิดารู้สิ่งใด ลุงฉีก็รู้ อีกท่านมากปัญญานัก เราไว้ใจได้"
"ตอนแรกพวกมันส่งทหารหลวงที่หนีทัพออกกวาดต้อนผู้คน" จางเถียนพิงบอก "คนของพรรคป่าวงกตต่อสู้แลเอาชนะพวกมันได้ พาชาวบ้านมาสู่ที่ปลอดภัย ซ่อนตัวที่สำนัก"
"ตอนแรกพวกเราดีใจกันมาก" ไช่เสี่ยวจินบอก "ทว่า พอคนของสมาคมหวังมาตามล่าเรา......มันสังหารไช่หยงกับศิษย์เอกของบิดาสองคนได้ง่ายดายนัก"
"โธ่....ไช่หยง" ไช่อี้เหนียงปาดน้ำตา "เจ้ายังวัยเพียงสิบหก ไยต้องมาตายแบบนี้"
"พวกเราหลบซ่อนในสำนัก อาศัยความสลับซับซ้อนของป่าวงกตอำพรางกาย" จางเถียนพิงเล่า
"พวกมันจึงโค่นป่าทั้งป่า....ท่านพี่คิดเถิด หากท่านพี่จางทรยศ ย่อมนำพวกมันมาได้ถึงสำนัก ไยต้องโค่นทำลายป่าให้เสียแรงเล่า"
"ท่านจาง ข้าขออภัย ข้าด่วนสรุป"
"แม่นางทุกข์ใจ ข้าไม่ถือสาหรอก" จางเถียนพิงบอก "อีกแม่นางยังมีบุญคุณแนะนำให้ข้ามาหลบภัยที่นี่ ข้านับเป็นบุญคุณนัก"
"บิดาตายที่สำนัก..." ไช่เสี่ยวจินพูดเบา ๆ
"ฝีมือหวังฟันเจ้าหรือ" ไช่อี้เหนียงถาม
ไช่เสี่ยวจินส่ายหน้า "พรรคเราไม่มีความสำคัญพอให้มันลงมือด้วยตนเองดอก ม้าฬ่อต่างหากสังหารบิดา"
"ผู้ใดคือม้าฬ่อ"
"ชายร่างใหญ่ คนที่เคยนำเด็กสาวมาข่มขืนในจวนนายอำเภอ" จางเถียนพิงบอก "มันวิปริตยิ่งนัก"
"ม้าฬ่อสังหารบิดาในกระบวนท่าเดียว" ไช่เสี่ยวจินบอก "น่าอดสูยิ่งนัก"
"แล้ว...พวกเจ้ารอดมาได้อย่างไรกัน"
"ม้าฬ่อฉุดลากฮูหยินทั้งสาม จะนำตัวกลับไปที่เมืองวิปลาส" ลุงฉีบอก "ทว่า...ฮูหยินใหญ่ มารดาของท่าน คว้าโคมตะเกียงมาแลปาลงพื้น บอกว่ายอมตายดีกว่ายอมตกเป็นของพวกมัน ฮูหยินรองแลฮูหยินเล็กต่างก็กระโจนเข้ากองไฟ พวกเราอาศัยจังหวะชุลมุนหนีมาที่กระท่อมน้อยนี่"
"เหตุเกิดเมื่อใดกัน"
"ประมาณสองสัปดาห์ก่อน"
"เพียงสองสัปดาห์" ไช่อี้เหนียงครวญ "หากข้ากลับมาก่อน....."
"มิใช่ความผิดพี่ดอก" ไช่เสี่ยวจินบอก
"ม้าฬ่อวรยุทธเลิศล้ำนัก" ลุงฉีบอก "คุณหนูไช่อยู่ด้วยก็มีแต่จะพากันตายเสียเปล่า ๆ"
"หากมิได้พี่จาง เด็กสองคนนี้ก็คงมิรอด ท่านนำเด็กขึ้นหลังแลวิ่งออกจากกองเพลิงมา"
"ชีวิตข้า ทำเรื่องน่าอัปยศมามากแล้วยามจำต้องรับใช้สมาคมหวัง" จางเถียนชิงก้มหน้า "หากได้ทำสิ่งดีบ้าง ตายก็มิเสียชาติเกิดแล้ว แม้ว่า...ข้าจะยังรักตัวกลัวตายนัก"
หวังปี้รู้สึกราวเป็นส่วนเกินกับความโทมนัสของผู้คนในตระกูลไช่ ได้แต่โอบไหล่ไช่อี้เหนียงแน่น
"พี่อี้เหนียง..." ไช่เสี่ยวจินถามขึ้นหลังปล่อยเวลาเงียบอยู่ครู่ใหญ่ "พี่ชายท่านนี้คือใครกัน"
"นี่หวังปี้ สามีของข้า"
ไช่เสี่ยวจินจ้องหน้าหวังปี้ครู่ใหญ่
"บิดามารดาคงภูมิใจนักหากได้อยู่เห็นท่านพี่เป็นฝั่งเป็นฝา"
"กระนั้นหรือ....บิดาเฝ้าแต่บอกให้ข้าตบแต่งกับลูกชายจ้าวสำนักชิงไห่"
"ท่านรู้สึกผิดมากเมื่อรู้ว่าท่านพี่หนีออกจากบ้าน" ไช่เสี่ยวจินบอก "ครั้นอาเหลียงและครอบครัวเดินทางมาถึง บอกว่าท่านพี่ส่งมา บิดาดีใจนัก บอกว่าท่านพี่ทำความดี พิทักษ์สุขชาวประชา แลยังบอกด้วยว่าท่านโง่เขลานัก มีของดีอยู่ในมือกลับมิเคยมองเห็น.....ท่านบอกว่า ท่านจะคอยดูท่านพี่สร้างเส้นทางของตนเอง แลมั่นใจว่าท่านพี่ต้องทำได้"
ถึงตอนนี้ไช่อี้เหนียงปล่อยโฮ
"บิดา บิดา ท่านช่างดีต่อข้ายิ่งนัก อี้เหนียงอกตัญญูมิได้อยู่ปรนนิบัติ มิคิดเลยจักไม่ได้แม้เห็นหน้าท่านอีก"
"ท่านพี่อย่าได้ร่ำไห้เลย บิดาสละชีพปกป้องผู้บริสุทธิ์ ผู้ใดได้ยินมีแต่แซ่ซ้อง เรายังอยู่ จงทุ่มเทสานต่อเจตนารมณ์แลล้างแค้นให้บิดาเถิด"
"เจ้าพูดจริงยิ่ง เสี่ยวจิน" ไช่อี้เหนียงปาดน้ำตา "ท่านพี่หวังปี้ก็ปรารถนาจะกำจัดหวังฟันเจ้า นำสุขคืนสู่ราษฎร ข้าพาท่านมาที่นี่ หวังได้รับความช่วยเหลือจากพรรคป่าวงกต มิคิดเลยพรรคสูญสิ้นแล้ว"
"พี่เป็นพี่คนโต รับตำแหน่งจ้าวสำนักแทนบิดาเถิด" ไช่เสี่ยวจินบอก ศิษย์ในพรรคที่ยังรอดชีวิตต่างก็พยักหน้า "ทว่าเกรงว่าบัดนี้พรรคคงมิอาจช่วยเหลือใครได้"
"ท่านพี่หวังปี้ จะทำอย่างไรต่อเล่า"
หวังปี้หลับตา ครุ่นคิดถึงถ้อยคำอาจารย์ ก่อนเอ่ยปากทวนคำ "ธิดาบุปผาเซียวเฟยซิง เทพกระบี่หลิวปิง ซานเอ๋อหนิงแห่งเกาะดอกทอง จิวไต้กั๋วแห่งวังน้ำแข็ง ว่านเหนียงองครักษ์ชั้นหนึ่งแห่งวังหลวง มารประจิมกงเหลา ราชสีห์ทองคำอ้าวหลาง ชางป๋อขุนศึกแดนใต้ จอมโจรทมิฬม้าหลิวกง เหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นสุดยอดฝีมือลือเลื่องทั่วยุทธจักร แม่นางเซียวเฟยซิงประมือแลพ่ายแพ้ต่อหวังฟันเจ้าแล้ว ข้าอยากตามหาแลไหว้วานบุคคลเหล่านี้มาช่วยเหลือ แม้นหนึ่งสู้ไม่ได้หลายคนย่อมเหนือกว่าหนึ่งเดียว"
หวังปี้หันไปมองลุงฉี "ผู้อาวุโส นามเหล่านี้ท่านเคยได้ยินหรือไม่"
ชายชราพยักหน้า "ล้วนแล้วแต่ยอดฝีมือกระเดื่องเดช"
"ท่านพอรู้หรือไม่ จะตามหาพวกท่านได้ที่ใด"
"ซานเอ๋อหนิงอยู่เกาะดอกทองหาตัวง่ายนัก ทว่าเกาะดอกทองใช่ใครอยากเข้าก็เข้าได้ หากพยายามลักลอบเข้าไปมีแต่ต้องตาย วังน้ำแข็งนั้นก็ปิดตายมิมีคนเข้าออกหลายต่อหลายปีแล้ว ว่านเหนียงอารักขาองค์ฮ่องเต้คงมิอาจก้าวเท้าออกจากวังหลวง มารประจิมหากเชิญมามีแต่จะเข้าร่วมกับหวังฟันเจ้า" ลุงฉีส่ายหน้า "จอมโจรทมิฬม้าหลิวกงแม้เป็นโจรแต่ร่ำลือว่าเป็นผู้มีคุณธรรมนัก ปล้นจากขุนนางโฉดชั่วแลแจกจ่ายเงินหลวงคืนสู่ผู้ยากไร้ แต่มันปล้นเมืองนั้นที เมืองนี้ที บัดนี้อยู่แห่งหนตำบลใดสุดจะหยั่งรู้ได้ จึงเหลือเพียงราชสีห์ทองคำแลเทพกระบี่ที่เจ้าควรออกหา"
"ขอบคุณผู้อาวุโสที่ชี้แนะ ท่านรู้ที่อยู่เทพกระบี่แลราชสีห์ทองคำหรือไม่"
"ข้าหารู้ไม่ ทว่ารู้ว่าสองผู้กล้ามิได้ปกปิดที่อยู่เป็นความลับแต่อย่างใด จงไปแสวงหาตามเมืองใหญ่ ถามทางจากขอทานพรรคกระยาจกเถิด"
"ปุคไฮอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก" ไช่อี้เหนียงบอก
"เช่นนั้นเราเดินทางไปที่ปุคไฮเถิด"
ไช่อี้เหนียงส่ายหน้าน้ำตานอง "ท่านพี่ไปเถิด"
"อี้เหนียง.....ไยเจ้าไม่ไปกับข้าเล่า"
"บัดนี้ข้าเป็นประมุขพรรคป่าวงกต ชีวิตแลสวัสดิภาพคนในพรรคเป็นความรับผิดชอบของข้า กระท่อมนี้เล็กแลแออัดนัด อีกอาหารแลน้ำดื่มไม่มีให้หาได้โดยสะดวก ข้าต้องนำพรรคแลผู้คนที่พึ่งพิงอาศัยไปที่ปลอดภัย คงเดินทางกับท่านมิได้แล้ว"
"อี้เหนียง..."
"ท่านพี่..." ไช่เสี่ยวจินเอ่ยปาก "เราจะไปแห่งใดเล่า ท่านพี่พูดถูก อยู่นี่เราลำบากสาหัสนัก ทว่าจะไปที่ใดได้เล่า"
"...แม้ข้าหนีออกจากบ้านละทิ้งหมั้นหมาย แต่จ้าวสำนักชิงไห่ก็เป็นสหายรักของบิดา คงไม่ใจร้ายจนผลักไสไล่ส่งเรา"
"ข้าเห็นด้วยกับท่านประมุข" ลุงฉีบอก "แม้นอยู่ต่อ เด็กเหล่านี้ไม่รอดแน่"
"เราเห็นกันแล้วว่าบริเวณป่าวงกตมิปลอดภัยจากสมาคมหวัง" จางเถียนพิงว่า "เราไปขอพึ่งพิงสำนักคุ้มภัยชิงไห่เถิด"
"หากเป็นเช่นนั้น ข้าคงต้องบอกลาเจ้าที่ตรงนี้" หวังปี้บอก "ทว่าใจข้ายังคงรักเจ้าเสมอ อี้เหนียง สักวันชะตาคงพาเรากลับมาพบกันเป็นแน่แท้"
"เช่นกัน ลาก่อน ท่านพี่ ข้าจักเฝ้ารอพบพานท่านอีกหน" ไช่อี้เหนียงกล่าวด้วยความอาวรณ์
หวังปี้ทำท่าจะกลับหลัง ทว่าไช่อี้เหนียงคว้ามือมันแลจุมพิต
"ดูแลตัวเองด้วย ท่านพี่ แล............" นางลังเล "ท่านมีเงินติดตัวหรือไม่"
หวังปี้ชะงัก "ข้าหามีเงินไม่"
ไช่อี้เหนียงเปล่งเสียงหัวเราะ "ขาดข้าสามีข้าจะเอาตัวรอดในโลกกว้างได้อย่างไรเล่า"
"นี่..." ลุงฉีส่งถุงผ้าที่หนักพอสมควรให้ "พรรคป่าวงกตมิได้ยากจน ท่านเป็นสามีของท่านประมุข รับเงินสำรองที่เรามีไปเถิด อยากทราบความจริงจากขอทานพรรคกระยาจกท่านคงต้องใช้เงินมากนัก"
"ข้าขอบคุณท่านผู้อาวุโสมาก.....ลาก่อนอี้เหนียง"
"เดี๋ยว!!!!" 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน
หวังอี้ห่างภรรยาไปพักใหญ่ถ้าได้ต่อสู้กับจอมยุทธสาวต้องได้เมียเพิ่มอีกแน่ ชะรอยจะปล่อยเสือออกจากป่ามาเข้าเมืองน่าห่วงอย่างยิ่ง
เจ้าสำนักสาวไปพึ่งพาสำนักชิงไห่ จะมิโดนบังคับแต่งงานแลกปลี่ยนความช่วยเหลืออีกหรือ
เสียดายที่หวังปี้ต้องห่างไช่อี้เหนียงออกเดินทางโดยลำพัง แต่ก็เป็นโอกาสอันดีที่จะภรรยาได้เพิ่มเติม