"ฮัลโหล ทำอะไรกันอยู่"
เสียงจากชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงประตูห้องสมุดที่ตอนนี้รอบโต๊ะตัวยาวที่อยู่กลางห้องนั้นมีชายหญิงร่วม 10 กว่านั่งอยู่ ทุกคนต่างหันไปมองทางต้นเสียง พลันเสียงทักนั้นดังออกมาเหมือนนกกระจอกแตกรัง
"อาไกร น้าไกร พี่ไกร"
เสียงทักของหลายๆคนระบุชื่อของชายที่ยืนอยู่หน้าประตู เรืออากาศเอกเกรียงไกร หรือน้าและอาไกรของบรรดาหลานๆและพี่ไกรของน้องๆนั้นหันไปปิดประตูและเดินเข้ามาในห้อง คนที่นั่งส่วนใหญ่นั้นลุกขึ้นยืนและเดินเข้ามารายล้อม ยกเว้นผู้หญิงที่ตรงนั่งหัวโต๊ะ กับผู้ชาย3คนที่อยู่ในวัยไล่เรี่ยกับเกรียงไกรนั้นมองมาอย่างเดียว
"เดี๋ยวๆๆๆๆ ตอบคำถามไม่ทันแล้วทีละคน"
ชายหนุ่มยกมือขึ้นห้ามหลังจากที่หลายคนต่างยิงคำถามมากันไม่หยุด แล้วหันไปยิ้มกับผู้หญิงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
"เป็นไงน้อย"
น้อยหรือนัยนายิ้มรับก่อนจะตอบ
"สบายดีคะแล้วพี่ไกร ไปยังไงมายังคะนี่"
"พอดีมีงานต้องมาประชุมที่กรุงเทพนะ เลยแวะมาเยี่ยมคุณลุง พอไปกราบท่านกับป้าใหญ่ ท่านก็บอกว่ามีประชุมรวมญาติกันที่ห้องสมุดเลยแวะมาหา"
ไกรตอบด้วยใบหน้าที่ยิ้มๆและทักไปยังผู้หญิงอีก 2คนที่มีศักดิ์เป็นน้องสาว ก่อนจะทักไปยังบรรดาหนุ่มสาวๆที่มายืนห้อมล้อมกันทุก จนมาถึงคนสุดท้ายที่ยืนยิ้มแสดงความดีใจอย่างมาก ไกรมองไปที่ดรุณีสาวน้อยที่ดูจะสวยเด่นกว่าทุกคน แล้วทักเป็นภาษาอังกฤษ
"อ้าวเฮ้ยไอ้ลิ เอ้ยไม่ใช่โตขนาดนี้ต้องเรียกมะลิแล้ว โตขึ้นมากเลย เรียนอยู่ที่ไหนแล้วนี่"
" สอบติดอักษรจุฬาคะอา เปิดเทอมนี้ก็เป็นน้องใหม่ปี 1"
คำตอบเป็นภาษาไทยที่พูดกับไกรเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดมา
"พี่ไกรจำมะลิได้ด้วยหรือนี่ ใครที่ไม่เจอกันนานไม่มีใครจำไม่ได้เลย "
"เกือบจำไม่ได้เหมือน แต่อย่างที่เคยพูดไว้ มะลิมีโครงหน้าของคุณป้าใหญ่อยู่ ถึงตอนนี้จะไว้ผมยาวเลยจำได้และอีกอย่างมันนั่งขี่หลังขี่คอพี่มาเกือบ 2 ปี ยังไงก็มีเค้าหน้าเดิมของเด็กเกเรจอมซนที่ไว้ผมสั้นคนนั้น แต่พูดไทยได้คล่องแล้วนี่"
คำตอบชองไกรทำเอาอีกฝ่ายหัวเราะด้วยความดีใจที่อาจำได้ ไกรยิ้มออกมาและมองไปทั่วจนไปหยุดที่หัวโต๊ะตัวยาว สบตากับผู้หญิงที่อยู่ในวัยเดียวกันแต่เธอวางมาดเหมือนจะอายุมากกว่าไกร ซึ่งนั้นฝ่ายนั้นดูจะฝืนๆยิ้มและทักมาอย่างแกนๆ
"นึกยังไงถึงแวะมา หายหัวไปนาน จดหมายก็ไม่เขียนมาคุณพ่อบ่นถึงหลานคนโปรดไม่หยุด"
สุชาดานั้นเน้นคำว่าหลานคนโปรดอย่างชัดเจน
"ก็โผล่มาแล้วนี่ไงสุ กลัวไม่ได้มรดกนะ เลยแวะมาให้คุณลุงเห็นหน้า"
ไกรยิ้มอย่างไม่ถือสาพร้อมตอบไปแบบทีเล่นทีจริงแต่ทำเอาอีกฝ่ายนั้นทำหน้าไม่สบอารมณ์ แต่ทำให้น้องสาวอีก 3 คน ลอบสบตากัน เพราะรู้ดีว่าสุชาดานั้นไม่ถูกชะตากับเกรียงไกรแต่ไหนแต่ไรแล้ว ส่วนพวกหลานๆร่วม 10 คนนั้นแอบยิ้มให้กันยกเว้นน้องสาวคนเล็กสุดที่ชื่อมะลิหรือขวัญฤทัยนั้นไม่รู้ความนัยมาก่อน การปรากฏตัวของอาไกรนั้น สร้างความดีใจให้กับหลานๆทุกคน ยกเว้นอาสุชาดาและชายหนุ่มอีก 3 คน ที่นั่งอยู่บนโต๊ะที่ดูจะอึดอัดและแอบมองหน้ากันทั้งๆที่ปกตินั้นไม่ค่อยจะกินเส้นกันเท่าไหร่ ซึ่งไกรนั้นทักไปตามมารยาททั้ง 3 คน ชายหนุ่มทั้ง 3 คนนี้เป็นคนนอกแต่เข้ามาร่วมประชุมด้วยถือว่าตนเองสนิทกับอาสาวของครอบครัวนี้ กำพลนั้นเป็นแฟนสุชาดา ส่วนอีก 2 คนนั้นคือประสานกับสุรเชษฐ์ที่มาติดพันกับอาสาวของบรรดาเด็กวัยรุ่นพวกนี้อีก 2 คน จึงถึงวิสาสะเข้าร่วมประชุมด้วยทั้ง 3 คนนั้นต่างไม่มีใครยอมใคร เพราะถือว่าเป็นลูกเศรษฐี และต่างคุยโตโอ้อวดว่าเป็นนักเรียนนอกสุดโก้ทั้ง 3 คน
แต่ทุกคนจำได้ดีเมื่อ3 ปีก่อน ตอนนั้นมะลิถูกส่งเข้าไปเรียนในโรงเรียนประจำแล้ว ไกรที่พึ่งกลับจากสหรัฐไม่นานเท่าไหร่ ได้มารู้จักกับชาย 3 คนนี้ ทั้ง 3 ดูจะเหยียดๆไกรอย่างมากเพราะฟังข้อมูลมาจากสุชาดาที่ไม่ถูกชะตากับไกรมาตั้งแต่ไหนแต่ไรเพราะความอิจฉา ทั้ง 3 คนเริ่มคุยข่มตอนแรกไกรเฉยๆ แต่พอได้จังหวะไกรนั้นโต้กลับหลายเรื่องทำเอาทั้ง 3 คนนั้นหน้าม้านทำอะไรไม่ถูก เพราะรู้ประวัติของไกรไม่หมดจากชายหนุ่มที่พวกตนคิดว่ามันก็แค่จบจากโรงเรียนนายเรืออากาศที่สหรัฐเท่านั้น แต่รู้ไม่ละเอียดว่าไกรนั้นไปอยู่ที่สหรัฐตั้งแต่วัยรุ่นและมีประสบการณ์ท่องเที่ยวในยุโรปพอสมควร พ่อของไกรนั้นเป็นน้องชายของคุณพระประกอบที่เป็นประมุขของบ้านนี้ แต่ได้ย้ายรกรากไปอยู่ที่สงขลาตามครอบครัวของภรรยา แต่ได้ส่งไกรมาอยู่กับคุณพระตั้งแต่เล็กเพราะตั้งใจจะให้ไกรนั้นเรียนที่กรุงเทพ
เรื่องนี้ทำให้สุชาดานั้นดูหมิ่นไกรเพราะคิดว่าพ่อของตนเองนั้นรับลูกของอามาอุปถัมภ์เลี้ยงดูและเห็นเป็นเด็กบ้านนอก ยิ่งคุณพระกับคุณหญิงนั้นรักไกรเหมือนลูกชายคนหนึ่งด้วย ยิ่งทำให้สุชาดานั้นอิจฉาอย่างมาก ยิ่งตอนเริ่มโตมารู้ว่าน้องชายของพ่อหรืออาของตนคนนี้มีฐานะที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพ่อของตัวเอง พ่อและแม่ของไกรนั้นจัดว่าคหบดีในภาคใต้ ประกอบธุรกิจหลายอย่างโดยเฉพาะมีสวนยางเป็นของตนเองนับร้อยไร่ ส่วนตัวคุณพระประกอบนั้นรับราชการในกระทรวงมหาดไทยมาแต่ไหนแต่ไรเป็นผู้ว่ามาหลายจังหวัดและได้เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยก่อนเกษียณ แถมยังเคยรับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทยในเป็นเวลาสั้นๆ5-6เดือน ในช่วงที่มีปัญหาทางการเมือง ถึงทุกวันนี้คุณพระจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแล้วนอกจากดูแลธุรกิจที่มีอยู่มากมายแต่ยังมีบารมีอยู่มาก
ตัวคุณพระประกอบนั้นมีหัวคิดที่อยู่ระหว่างโบราณผสมกับสมัยใหม่ คือความคิดที่ชายเป็นใหญ่ทำให้คุณพระนั้นมีภรรยาจำนวนมากหลายคน ที่ตอนนี้มีทั้งที่ยังอยู่ด้วยกันเลิกรากันไปและตายจากกันไปแล้วก็มี ด้วยความที่มีภรรยามากจึงมีลูกหลานที่จำนวนมาก และตัวท่านอยากให้ลูกหลานอยู่รวมกัน อาณาเขตของคฤหาสน์แห่งนี้จึงกว้างขวางมากและมีตึกอยู่ด้วยกันหลายตึก ซึ่งจะมีบรรดาลูกหลานมาอยู่ในตึกเหล่านั้น แต่ตอนนี้ลูกๆส่วนใหญ่ที่มีครอบครัวแล้วต่างแยกกันไปอยู่ที่อื่น ซึ่งมีบางส่วนได้ไปทำงานที่ต่างจังหวัดหรือต่างประเทศและที่ไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศก็มีอีกจำนวนหนึ่ง ที่เป็นเรื่องหัวคิดสมัยใหม่คือคุณพระนั้นมองการณ์ไกล จึงสนับสนุนให้ลูกหลานมีการศึกษาหลายคนท่านส่งให้ไปเรียนเมืองนอก ทำให้ตอนนี้ลูกหลานของคุณพระนั้นมีทั้งรับราชการและทำธุรกิจหรือเป็นนักการเมือง ลูกชายคนโตที่เกิดจากเมียหลวงนั้นตามรอยพ่อซึ่งตอนนี้เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มีบางคนไปเป็นถึงทูตที่ต่างประเทศเป็นนายทหารหรือตำรวจก็หลายคน เป็นเจ้าของกิจการก็จำนวนมาก ส่วนที่เป็นนักการเมืองก็เป็นถึงรัฐมนตรีช่วย
ถึงตัวท่านจะไม่มีตำแหน่งที่เกี่ยวกับการเมือง แต่เพราะลูกๆที่มีตำแหน่งหน้าที่ที่สูงมันยังทำให้บารมีของคุณพระนั้นทวีคูณมากขึ้น ท่านนั้นมีแขกมาเยี่ยมเยียนตลอดไม่เคยขาด ทั้งนักการเมือง นายพล นายธนาคารนักธุรกิจ ต่างเข้ามาปรึกษาหารือท่านตลอดจนบางครั้งท่านต้องหลบไปพักผ่อนที่บ้านพักชายทะเลที่หัวหินอยู่เป็นประจำโดยอ้างว่าจะไปดูแลไร่สับปะรด หลานๆหลายคนที่พ่อกับแม่ต้องไปทำงานที่ต่างประเทศหรืออยู่ต่างจังหวัดต่างมารวมตัวกันอยู่ในอาณาเขตของบ้านหลังนี้เพราะตัวคุณพระนั้นสั่งว่าตนเองจะเป็นคนดูแลและรับผิดชอบในทุกเรื่องแทนพ่อกับแม่ของเด็กๆพวกนี้ที่อยู่ต่างประเทศหรือต่างจังหวัดไกล แต่ยังมีลูกสาวอีก 4 คนที่ยังไม่แต่งงานนั้นอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ ซึ่งคนจะเรียกว่า 4 ดรุณี ซึ่งทั้ง 4คนนี้เป็นลูกที่เรียกว่าเป็นรุ่นสุดท้ายของคุณพระ จะมีสุชาดาลูกสาวของเมียคนที่ 3ที่มีอายุมากที่สุดใน 4 คน รองลงคือ พิไลกับลักษณาที่เป็นลูกของเมียคนที่ 2 ที่ตอนนี้เสียชีวิตไปแล้ว และคนสุดท้องคือนัยนาที่เป็นดาวเด่นที่สุดของรุ่น น้อยหรือนัยนาเป็นลูกของคุณหญิงที่เป็นเมียหลวง ทั้ง 4 คนนี้วัยใกล้เคียงกันเพราะเกิดห่างกันไม่มากนัก อย่างสักษณานั้นเกิดปีเดียวกับน้อยแต่ห่างกันไม่กี่เดือน เหมือนไกรกับสุชาดาที่เกิดปีเดียวกันแต่สุชาดาเกิดก่อนเพียง 2 เดือน น้อยเรียนจบบัญชีจากจุฬา ส่วนพิไลนั้นจบทางด้านแฟชั่นดีไซน์เนอร์จากฝรั่งเศส ส่วนลักษณาจบทางด้านกฎหมายจากอังกฤษ มีแต่สุชาดาที่ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เธอสอบติดสังคมศาสตร์ก็ถูกรีไทร์ พอไปเรียนเมืองนอกนั้นเรียนไม่จบ มีแต่ประกาศนียบัตรที่ไปอบรมทางด้านเสริมสวยมาประดับข้างฝาบ้านไว้โก้ๆ และหลอกคนที่ไม่รู่ว่าตนเองนั้นจบด้านดูแลความสวยความงามจากต่างประเทศนับเป็นปมด้อยอีกอย่างของสุชาดา คุณพระนั้นก็รู้ว่าลูกสาวคนนี้เรียนไม่จบอะไรแต่ท่านก็ทำเฉยๆและปล่อยให้สุชาดาเป็นคนดูแลเรื่องต่างๆภายในบ้าน ส่วนลักษณากับนัยนาตอนนี้ต่างช่วยท่านดูแลกิจการต่างๆของคุณพ่อในด้านที่ตัวเองเรียนจบมา ส่วนพิไลนั้นไปเปิดสถาบันสอนออกแบบเสื้อผ้า ซึ่งมีคนมาสมัครเรียนจำนวนมาก ซึ่งประสานนั้นตามจีบพิไลมานานแล้ว ส่วนสุรเชษฐ์นั้นตามจีบลักษณา ส่วนนัยนานั้นมีผู้ชายตามจีบจำนวนมากแต่เธอยังไม่ให้ความสนิทกับใครเป็นพิเศษเหมือนกับพี่สาวของเธอ
"มานี่พี่ไกร มานั่งก่อน"
พิไลจูงมือพี่ชายมาที่โต๊ะตัวยาวและดึงให้นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆเธอตัวที่เธอนั่ง
"แล้วมาชุมนุมอะไรกันนี่"
ไกรถามขึ้นลอยๆทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่ามาคนในห้องกำลังประชุมเรื่องอะไรกันอยู่ หลังจากที่ทุกคนนั่งลงบนเก้าอี้จนครบ ลักษณาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นตอบทันที
"อะไรจำวันเกิดคุณพ่อไม่ได้หรือไง อีก2อาทิตย์ท่านก็ครบ 6 รอบแล้วนี่ก็ประชุมกันถึงงานวันเกิดที่จะจัดขึ้นว่าใครมีหน้าที่อะไรบ้าง แล้วพี่ไกรมาให้ได้นะ"
"จำได้สิเมื่อกี้ก็กราบอวยพรท่านไปล่วงหน้าแล้วส่วนงานน่าจะไม่ได้ วันมะรืนนี้พี่ก็อาจจะกลับอุดรแล้วถ้างานที่นี่เสร็จ แล้วนี่ประขุมกันเสร็จหรือยัง"
"เสร็จแล้วคะ เอ่อพี่คะแล้วที่นั่นเป็นยังไงบ้างคะ"
คราวนี้เป็นน้อยที่นั่งติดกับลักษณาเป็นคนตอบแทนพี่สาวและถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง แววตาของไกรที่ดูจะร่าเริงนั้นเปลี่ยนไปชั่วครู่ ซึ่งมะลินั้นสังเกตุเห็นเพราะเธอนั่งติดอยู่กับน้อย ไกรถอนหายใจเบาๆก่อนจะตอบ
"หนักกว่าที่คิด สูญเสียหนักทั้งสองฝ่าย"
คำพูดของไกรทำเอาทุกคนต่างหันมามอง แต่ไกรนั้นรีบเปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องอื่นทันที
"ไงกลางอาลืมไปดีใจด้วยนะที่ผ่านการคัดเลือกไปเรียนที่โรงเรียนการบินได้"
ไกรทักไปยังหลานชายอีกคนที่ชื่อพิทยาหรือกลางซึ่งพึ่งจบโรงเรียนนายเรืออากาศและผ่านการคัดเลือกไปเป็นศิษย์การบินเป็นที่เรียบร้อย
"ขอบคุณครับอา มันหนักกว่าที่คิดพอรู้ว่าติด ทำเอาผมช็อคทำอะไรไม่ถูกไปพักใหญ่ไป ดีใจมากครั้งที่ได้เป็นศิษย์การบิน อย่างน้อยผมก็มีอาเป็นต้นแบบครับ"
"แล้วคิดหรือยังว่าจะอยากจะขับอะไร"
อีกฝ่ายหนึ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะตอบ
"เอาให้ผ่านก่อนดีกกว่าครับผมไม่เก่งเหมือนอา แต่ถ้าจบผมอยากเลือกเครื่องลำเลียงไม่ก็เฮลิคอปเตอร์ครับ ผมรู้ความสามารถตัวเองดีกว่าไปไม่ถึงเครื่องขับไล่แบบอา ผมยังจำได้กับฝูงผาดแผลง King Cobra ที่อาเป็น1ในนั้น"
ไกรยิ้มๆแล้วบอกหลานชาย
"ไม่ลองไม่รู้ แต่ก็แล้วแต่เราแล้วกัน ตอนเรียนไปแล้วอาจเปลี่ยนใจก็ได้ F-5 A นะบินสนุกกว่าเซเบอร์ตั้งเยอะ"
หลานๆทุกคนต่างมองไปยังไกรด้วยสีหน้าที่ชื่นชม ทำเอา 3 หนุ่มที่เป็นคนนอกต่างอยู่ไม่สุข จนกำพลนั้นหยิบเอายาเส้นมาใส่ในไปป์แล้วจัดการเอาไฟแช็คจุด พร้อมเอาปลายเข้าปากสูบด้วยมาดที่ตนเองคิดว่าเท่ห์แล้วก่อนจะพูดกับไกร
"ความจริงคุณไกร น่าจะลาออกมาเป็นนักบินสายการบินพาณิชย์นะครับ เพราะทำเงินได้เยอะกว่าไปเป็นนักบินรับจ้างที่ลาวแบบนี้แถมจากที่เคยขับเครื่องไอพ่นต้องลดมาขับเครื่องใบพัด"
คำพูดพร้อมน้ำเสียงแบบนี้ที่ฟังดูแล้วเหยียด อย่างมากแต่ไกรไม่ถือสาดูจะสมเพชอีกฝ่ายมากกว่า
"ไม่ละครับ คุณกำพลน่าจะเคยลืมเรื่องที่ผมเคยบอก ผมเป็นนักบินขับไล่นะรับผิดชอบแค่ชีวิตตัวเอง ถึงตอนนี้ผมจะรับผิดชีวิตคนที่นั่งข้างหลังผมด้วยก็ยังพอไหว แต่ถ้ารับผิดชอบคนอีกเป็นร้อยคนผมไม่ไหวครับ และเครื่องใบพัดที่ผมขับตอนนี้ ก็เป็นเครื่องครูที่ทำให้ผมขับเครื่องบินไอพ่นได้คล่องนะครับ"
หลายคนฟังแล้วแอบยิ้มแต่คนที่ตั้งคำถามนั้นนั่งไม่เป็นปกติ แถมทำท่าจะสำลักควันจากยาเส้นที่อัดเข้าไปเต็มปอด จนสุชาดาต้องหันมาทำตาเขียวใส่แฟนตนเองคล้ายจะบอกว่า"ไม่น่าพูดแบบโง่ๆ"ออกไป เพราะอีกฝ่ายนั้นเป็นผู้ชายที่ปากจัดอยู่แล้ว ทุกคนในครอบครัวต่างรู้กันว่าไกรหลังจากที่จบจากโรงเรียนนายเรืออากาศที่สหรัฐและกลับมาเข้ารับราชการที่ไทยได้ผ่านการคัดเลือกให้เข้าโรงเรียนการบินและจบที่ 1 ของรุ่นจนได้เป็นนักบินเครื่องขับไล่แบบ F-86 ที่ทันสมัยที่สุดในตอนนั้นและได้ไปฝึกเพิ่มที่สหรัฐพอกลับมาได้รับภาระกิจภารบินโจมตี ผกค.มาหลายครั้งและยังเป็น 1 ในนักบินฝูงบินผาดแผลง King Cobra ที่ใช้เครื่อง F-86 ในการบินโชว์ จนไกรได้รับคัดเลือกให้ไปเป็นนักบิน F- 5 Aที่กำลังจะเข้ามาประจำการ แต่ด้วยเหตุผลหลายๆประการทั้งถูกคำสั่งและขอร้องแกมบังคับ จากผู้ใหญ่ทำให้ไกรต้องไปเป็น"นักบินนิรนาม"ที่ปฏิบัติภาระกิจลับในประเทศลาว ซึ่งหน่วยบินนี้ใช้เครื่องบินแบบ T-28 ในการปฏิบัติภาระกิจโดยนักบินที่ไปทำภารกิจนี้ต้องลาออกจากราชการก่อนเพื่อป้องกันปัญหาต่างๆที่จะเกิดขึ้น
ไกรนั้นทำไม่ใส่ใจ แล้วคุยกับหลานๆคนอื่นโดยไม่สนใจกับคนนอกทั้ง 3 คน จนช่วงหนึ่งของการสนทนา ประสานได้พูดขึ้นมา
"แหมน่าเสียดายจริงๆที่คุณไกรจะต้องกลับรบไปที่ลาวก่อน ไม่อย่างนั้นผมจะขอเชิญคุณไกรไปเล่นสกีน้ำที่พัทยากับพวกเราในวันสุดสัปดาห์นี้ ผมยังประทับใจไม่หายกับลีลาของคุณไกร"
คำพูดนั้นดูเหมือนจะชื่นชม แต่น้ำเสียงนั้นมันไม่ใช่ ไกรยิ้มออกมาอย่างเหยียดๆเพื่อให้อีกฝ่ายนั้นเห็น ไกรนั้นรู้ดีว่าทั้ง ชาย3 คนที่อยากจะมาดองด้วยนั้น นอกจากความเป็นทายาทของเศรษฐีแล้วทั้ง 3 ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเรียนก็ไม่จบ แต่มาโอ้อวดกับคนที่ไม่รู้ว่าพวกตนนั้นเรียนจบจากต่างประเทศอยู่ต่างประเทศหลายปี มีความรู้เชี่ยวชาญช่ำชองวัฒนธรรมจากสหรัฐหรือประเทศในยุโรปที่เจริญหลายๆประเทศ พูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วชอบพูดไทยคำอังกฤษคำ ทำเอาพวกนิยมชมชอบพวกต่างชาติในประเทศไทยต่างยกย่องชื่นชมทั้ง 3 คนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพวกหลานๆของตนที่กำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่นรับอารยธรรมจากต่างประเทศเข้ามา ทำให้ทั้ง 3 คนนั้นดูโก้เก๋ในสายตาของบรรดาวัยรุ่น
แต่พอเจอกันครั้งแรกหลังจากที่ได้พูดคุยกันแล้ว ไกรรู้ว่าทั้ง 3 คนนี้มีแต่เปลือกนอก พอซักไปมากๆ ทั้ง 3 คนนั้นไปไม่เป็นจนไกรสงสารไม่อยากไล่ให้จนมุมเลยไม่สนใจอีกและไม่เล่าให้ใครฟังว่าพวกนี้รู้ไม่จริง ซึ่งทั้ง 3 คนนั้นต่างจำได้ดีเลยรู้สึกค่อนข้างจะอีดอัดเวลาที่เจอไกร ซึ่งมันมาจากความเขม่นตามประสาผู้ชายที่เจอกันครั้งแรกและดูว่าคนที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายของสาวที่พวกตนตามจีบนั้นดูไม่เป็นประสาอะไรเลย แต่บรรดาพวกหลานๆของสาวๆพวกนี้ดูจะชื่นชม"อาไกร"กันอย่างมาก ทำเอาพวกตนที่หนุ่มสาวเหล่านี้ชื่นชมมาตลอดดูจะโดนลดความสำคัญลง ถึงจะไม่ถูกชะตาและเป็นคู่แข่งกันมา เมื่อถึงคราวจำเป็นทั้ง 3 ต้องร่วมมือกัน และทำให้รู้ว่าทั้งสามคนนั้นเจอของจริง
จากชายหนุ่มที่ดูเด๋อด๋าๆเก็บตัวไม่ชอบสังคมในตอนแรก กลับกลายเป็นคนที่ซ่อนคมอย่างมาก เรืออากาศเอกเกรียงไกรนั้นชำนาญช่ำชองในหลายๆเรื่องคนไทยหลายๆคนนั้นเห่อกับอารยธรรมจากเมือง ตั้งแต่การเต้นรำที่ไกรนั้นเต้นได้อย่างคล่องแคล่วแทบทุกจังหวะ เล่นไวโอลินได้อย่างยอดเยี่ยมตามด้วยการตีกอล์ฟหรือขี่ม้าไกรก็มีความชำนาญอย่างมาก แถมพูดอังกฤษ,ฝรั่งเศสได้อย่างคล่องแคล่ว รู้จักวรรณกรรมที่ประพันธ์โดยนักประพันธ์ชื่อตั้งแต่อดีตมาหลายคน และที่สำคัญเรื่องที่ทำเอาทั้งกำพล ประสาน สุรเชษฐ์นั้นแทบจะเอาหน้าซุกดิน เพราะคุยอวดไว้เยอะ คือเรื่องสกีน้ำที่ทั้ง 3 ต่างประกาศว่าพวกตนนั้นเล่นสกีน้ำกีฬาที่สุดโก้ของบรรดาวัยรุ่น และคนหัวสูงที่เห่อของนอกว่าเป็นระดับมืออาชีพในเมืองไทยหาคนมาเทียบยาก โดยเฉพาะประสานที่เปิดโรงเรียนสอนการเล่นสกีน้ำ แต่ไกรพอเห็นรูปถ่ายที่พวกนั้นเอามาโชว์ไกรรู้ทันทีว่าไม่ใช่ของจริง เพราะที่เห็นแต่ละคนอยู่ในระดับเบสิคในสายตาของมืออาชีพอย่างไกร ที่ผ่านการอบรมกับสถาบันชั้นนำที่สหรัฐในตอนที่เรียนอยู่
วันนั้นไกรตามบรรดาญาติพี่น้องไปพัทยาด้วยเพราะทนอ้อนวอนไม่ไหวจากบรรดาน้องๆและหลานๆไม่ได้ มันจึงเข้าทางของทั้ง 3 คน ที่หวังว่าจะทำให้ไกรเสียหน้า เพราะไกรบอกหน้าตาเฉยว่าเล่นไม่เป็น ทั้ง 3ตั้งใจจะเอาคืนไกร พยายามจะพูดแหย่และหว่านล้อมให้ไกรนั้นหัดเล่นสกีน้ำให้ได้ ตอนแรกไกรทำเป็นอิดออดจนทนเสียงอ้อนวอนไม่ไหว จนทั้งสามต่างพากันไปโชว์ลวดลายกันกลางทะเล ไกรอาศัยจังหวะเปลี่ยนชุดมาใส่กางเกงว่ายน้ำ และเลือกสกีน้ำที่จะเล่น เป็นสกีน้ำประเภทการเล่นแบบผาดโผน แถมมีการเรียกคนขับเรือเข้ามาสอบถาม จนไกรแน่ใจว่าคนขับเรือนั้นมีความรู้และเข้าใจในรหัสสัญญาณมือเป็นอย่างดี พอไกรออกไปเล่นบ้างด้วยลีลาที่ทำเอาทั้งสามนั้นเทียบไม่ติดจนต้องรีบกลับเข้าฝั่ง นักบินหนุ่มที่ลงไปเล่นคนเดียวและโชว์ลีลาให้ทุกคนเห็นว่าตนเองนั้นมีความสามารถในกีฬาชนิดนี้เพียงใด
ฝ่ายชายหนุ่มทั้ง 3 คนนั้นได้แต่ยืนมองด้วยสีหน้าที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าพวกตนนั้นไม่เหลือคมให้ลูบอีกแล้ว ที่คุยโม้โอ้อวดกันมาตลอดบัดนี้สิ่งที่คุยมามันถูกทำลายไปแล้วโดยเฉพาะความเชื่อถือที่บรรดาหลานๆของสาวๆที่ตนเองมาจีบนั้นคงไม่เหลือ เมื่อเจอลีลาของคนที่เหนือกว่า และดูจะเป็นบทเรียนที่เจ็บแสบที่สุดในชีวิต และพึ่งจะตาสว่างว่าทำไมบรรดาหลานๆทุกคนถึงได้ชื่นชม"อาไกร"เป็นพิเศษเหนือว่าบรรดาอาๆน้าๆทุกคน นอกเหนือจากเป็นนักบินรูปหล่อมาดเท่ห์คือเรื่องการไม่คุยโม้โอ้อวดวางตัวเองเหนือกว่าคนอื่น
"น่าเสียดายนะคะ มะลิอดเห็นอาไกรเล่นสกีน้ำ มะลิเล่นเป็นก็เพราะอาสอนให้ตอนที่อยู่อเมริกา"
มะลิเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่รู้เรื่องเพราะตัวเองไม่อยู่ในเหตุการณ์ แต่นัยนาที่นั่งติดกับหลานสาวได้จับมือหลานและส่ายหน้าไม่ให้พูดต่อ อาๆน้าๆทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องสมุดนี้ต่างจำได้ว่าหลังจากนั้นมันกลายเป็นประเด็นที่ทำให้สุชาดากับเกรียงไกรนั้นบาดหมางกันอย่างรุนแรง เพราะสุชาดานั้นมองว่าไกรฉีกหน้ากำพลแฟนของเธออย่างไม่ไว้หน้า สุชาดาต่อว่าไกรไปพอสมควรแต่ไกรตอบสุชาดาจนทำเอาอีกฝ่ายนั้นไม่กล้าพูดอะไรอีก แต่ทำให้สุชาดานั้นไม่พอใจไกรมากขึ้น
"ก็แค่อยากให้พวกนั้นรู้ว่า คนที่เหนือกว่าตัวเองมันมีอีกมาก ไม่ใช่พวกที่รู้แค่เผินๆแล้วเอามาคุยโม้โอ้อวดหลอกคนที่ไม่รู้จริง จนหลงเชื่อ"
ตอนนี้ทุกคนในห้องต่างมองไปยังไกรที่มองไปยังประสานอย่างตรงๆพร้อมบอกไป
"ความจริงตอนนี้ผมคงเล่นไม่ชำนาญเหมือนเก่าแล้วครับ ตั้งแต่เป็นนักบินเครื่องบินขับไล่นี่ ผมว่าตัวผมเริ่มเสพติดแรงจีของเครื่องไอพ่นเข้าไปแล้ว ความเร็วตอนเล่นสกีน้ำเทียบไม่ติดครับ ยิ่งตอนช่วงที่ผมรบกับพวก ผกค. เวลาจิกหัวเครื่อง F-86ลงไปยิงก่อนจะเชิดหัวขึ้นมันยิ่งเร้าใจกับความเร็วในตอนนี้ที่เราต้องรักษาความเร็วและระยะไม่อย่างนั้นเชิดหัวไม่ขึ้น ชนพื้นแน่นอนแต่พอมาตอนนี้ถึงผมจะขับ T-28 ผมว่ามันเร้าใจกว่าถึงเครื่องจะช้ากว่า แต่เวลาจิกหัวลงไปมันทำได้นานขึ้นทำให้เสพกับแรงจีได้นานขึ้นกว่า แถมที่สะใจไปกว่านั้นคืออีกฝ่ายมีปืน ปตอ.กับจรวดที่ยิงเครื่องที่ผมขับให้ตกได้สบายๆ ไม่เหมือนผกค.ที่มีแค่ปืนกลมือ ทำให้สนุกมากขึ้นครับ ผมแทบลืมไปเลยว่าความสนุกจากการผาดโผนบนสกีน้ำนั้นเป็นยังไง"
คำตอบของไกรทำเอาอีกฝ่ายนั้นหน้าถอดสี ทั้งห้องต่างเงียบกริบมีแต่กลางที่ยิ้มออกมาด้วยความสะใจกับคำตอบของไกรไปยังประสาน จนพิไลนั้นเปลี่ยนเรื่องคุยไปเป็นเรื่องอื่นเพื่อคลายบรรยากาศที่ชวนอึดอัดซึ่งไกรร่วมสนทนาด้วย แต่อีก 3 ชายนั้นเงียบกริบไม่พูดอะไรออกมา จนไกรนั้นขอตัวกลับโดยที่ทุกคนยกเว้นสุชาดาต่างชวนให้ไกรอยู่ทานอาหารเย็นด้วย แต่ไกรปฏิเสธโดยอ้างว่านัดเพื่อนไว้ มีน้อยกับมะลิเดินตามมาส่งที่รถ
"พูดไทยชัดขึ้นมากเลยมะลิ"
ไกรเอ่ยกับหลานสาวระหว่างทางที่เดินไปยังโรงรถ
"คุณพ่อตัดสินใจถูกคะ ที่ส่งเข้าโรงเรียนประจำและให้ทางโรงเรียนกวดเรื่องภาษาไทยอย่างหนัก จนสอบติดอักษรศาสตร์ แต่น้อยยอมรับว่าหลานเก่งจริงๆ"
น้อยนั้นตอบแทนหลานสาว
"แต่พื้นฐานของมะลิก็เรียนเก่งอยู่แล้วตอนอยู่สหรัฐก็สอบได้เกรดสูงๆมาตลอด"
ไกรบอกพร้อมมองไปที่หลานสาวที่เจ้าตัวนั้นยิ้มอย่างเศร้าๆซึ่งไกรเองก็ไม่อยากพูดต่อเพราะมันจะสะเทือนใจมะลิ
"แล้วคุณอาทั้งสองละคะพี่ไกรสบายดีไหม"
"ก็คงสบายดี พี่ไม่ได้กลับบ้านเลยแต่เห็นว่างานคุณลุงจะขึ้นมาทั้งคู่"
ไกรตอบน้องสาวที่ถามถึงพ่อแม่ของตน ก่อนที่จะไปยังโรงรถทุกคนนั้นเห็นแม่บ้านที่สูงวัยได้เดินเข้ามาหาและทักขึ้น
"ไกรจะกลับแล้วหรือลูก"
"ครับป้าพิศ"
ไกรพูดจบแล้วเดินไปสวมกอดแม่บ้านที่ดูแลตนเองมาตลอดแล้วกราบไปบนบ่า
"ผมไปก่อนนะครับป้า"
"รักษาเนื้อรักษาตัวนะลูก ขอให้พระคุ้มครองป้าจะสวดมนต์ให้"
แม่บ้านนั้นพูดด้วยเสียงเครือๆกอดไกรแน่น ทำเอาน้อยนั้นเฉลียวใจ แต่ไม่ถามอะไรซึ่งระหว่างนั้นได้มีหญิงสาว2 คนได้เดินผ่านมาพอดี ทำให้น้อยนั้นทักขึ้น
"อ้าวพี่ภาพี่อนงค์ ไหนๆมาแล้วแนะนำให้รู้หน่อย นี่คุณไกรหรือเรืออากาศเอกเกรียงไกร คนที่คุณพ่อกับคุณแม่พูดถึงบ่อยๆ"
ทั้งคู่นั้นรีบยกมือไหว้ไกรทันทีถึงจะดูอาวุโสว่า น้อยนั้นแนะนำให้ไกรรู้จักกับ 2แม่บ้านประจำตึก ไกรนั้นรู้ว่าในบ้านจะมีป้าพิศมัยเป็นหัวหน้าแม่บ้านที่ดูแลทุกเรื่อง ส่วนบรรดาตึกต่างในบ้านนี้จะต้องมีแม่บ้าน 1 คนคอยดูแลอยู่ถึงตึกนั้นจะไม่มีคนอยู่แล้วก็ตาม ซึ่งบรรดาแม่บ้านเหล่านี้จะมีศักดิ์ศรีเหนือกว่าคนใช้ทั่วๆ ที่มีอยู่มากมายก่ายกอง ประภานั้นเป็นแม่บ้านของตึกที่หลานผู้หญิงอยู่ ส่วนอนงค์เป็นแม่บ้านตึกอีกหลังหนึ่ง
"โอ้เจอตัวจริงสักที เห็นแต่รูปที่ใส่ชุดนักบินตั้งอยู่ในห้องทำงานคุณท่าน ตัวจริงหล่อกว่าในรูปเยอะคะ"
ภาหรือประภาสาวใหญ่วัย 40 เศษนั้นพูดขึ้นมา ในสายตาของไกรแล้วดูประภาจะเจ้าชู้ไม่ใช่เล่น หูตาแพรวพราวพอสมควรผิดกับอนงค์ที่วัยดูจะไล่ๆกันแต่ดูเรียบร้อยกว่ามาก แต่ทั้งคู่นั้นยังดูดีกว่าคนในวัยเดียวกัน ไกรคุยกับทั้งอยู่2-3คำก่อนแล้วขอตัวเดินไปยังรถที่จอดอยู่โดยป้าพิศมัยเดินตามไปส่งด้วย พอเห็นรถที่จอดอยู่มะละกับน้อยต่างมองหน้ากันแล้วยิ้มๆ
"แหมอาน้อยถ้ามะลิได้เจ้าสปอร์ตจากัวร์คันนี้ขับไปเรียนคงเท่ห์น่าดู สีแดงสดซะด้วย"
ไกรเขกหัวหลานสาวบาๆแล้วพูด
"มากไปโว้ย โน่นรถของปู่เธอจอดเรียงกันร่วม 20 คันจะเอาคันไปก็ไปขอปู่แกโว้ยไอ้ลิ"
เด็กสาวแลบลิ้นให้ไกรส่วนน้อยนั้นพูดสนับสนุนหลานสาว
"มะลิพูดถูกคะ น้อยยังอยากขับเลยเครื่องคงแรงน่าดู"
ไกรส่ายหัวพร้อมหัวเราะออกมา
"พอๆกันทั้งอาทั้งหลาน ไปละ แล้วเจอกัน"
ไกรพูดทิ้งท้ายก่อนจะเปิดประตูรถพร้อมหันมายิ้มให้แล้วสตาร์ทเครื่องขับออกไปมะลินั้นโบกมือให้อา คนที่มาส่งทั้ง 3คน มองดูรถคันงามที่วิ่งออกจากประตูใหญ่ไปจนพ้นสายตา น้อยจึงจับแขนแม่บ้านที่ยืนเช็ดน้ำตาอยู่
"ป้าพิศคะ พี่ไกรมานานหรือยัง"
อีกฝ่ายนิ่งคิดแล้วตอบ
"ร่วม 2 ชั่วโมงได้คะหลังจากที่พวกคุณเข้าประชุมกันคุณไกรก็มาคะ"
"2 ชั่วโมงคุยอะไรกับคุณพ่อ"
น้อยพึมพำออกมาแล้วถามต่อ
"แล้วเมื่อกี้ที่ป้าพิศบอกจะสวดมนต์ให้พี่ไกรนี่อะไรหรือคะ อย่าปิดน้อยมันต้องมีอะไรมากกว่านี้"
แม่บ้านถอนหายใจก่อนจะบอก
"คืออย่างนี้คะ ตอนแรกที่คุณไกรมาถึง คุณไกรคุยกับท่านและคุณหญิงอยู่นานพอสมควรที่ห้องทำงานของท่าน พอคุณหญิงท่านออกจากห้องก็บอกให้ป้าเอาน้ำชาไปให้คุณพระ ตอนป้าเข้าไปป้าได้ยินคุณพระถามคุณไกรพอดีเรื่องเครื่องบินที่คุณไกรขับถูกยิงจนหางหรือปีกทะลุนี่ละคะ ป้าได้ยินมาไม่ชัดเท่าไหร่คะ ออกจากห้องมาก่อน ได้ยินเท่านี้ป้าก็ใจแป้วแล้วคะ ต้องออกมานั่งสงบสติอยู่พักใหญ่ มือไม้สั่นไปหมด"
แม่บ้านที่อาวุโสเล่าพร้อมเสียงสะอื้น น้อยนั้นเข้าใจเพราะป้าพิศนั้นผูกพันกับไกรมาก ส่วนมะลิเอามือทั้งสองขึ้นมาปิดปากด้วยความตกใจเรื่องที่เธอได้ยินนั้นทำเอาเด็กสาวพูดอะไรไม่ออก อากับหลานนั้นมองหน้ากันแต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมา จนถึงเวลาอาหาร ภายในห้องอาหารขนาดใหญ่ ที่คุณพระนั่งที่หัวโต๊ะ ส่วนด้านขวาเป็นที่นั่งของคุณหญิงภรรยาหลวงลำดับที่ 1 ส่วนที่เหลือจะเป็นบรรดาเมียคนอื่นๆและลูกๆหลานๆ มีสุชาดาที่ถือว่าตนเองอาวุโสสุดที่ของลูกๆที่อยู่ในอาณาเขตบ้านหลังนี้นั่งอยู่ด้านซ้ายมือของพ่อ ระหว่างที่คนใช้เริ่มตักข้าวให้เจ้านาย คุณพระได้เปรยขึ้นมาโดยไม่ระบุว่าพูดกับใคร
"เจ้าไกรมันมาหาพวกแกหรือเปล่า"
"มาคะพ่อ"
น้อยที่นั่งติดกับคุณหญิงเป็นคนตอบ คุณพระพยักหน้าแต่ไม่พูดอะไรต่อ สุชาดานั้นอดที่แขวะไม่ได้
"เป็นนักบินไทยดีๆไม่ชอบ ดันไปลาออกสมัครไปรบที่ลาวในประเทศพวก ผกค.ออกเต็มบ้านเต็มเมือง"
คุณพระหันไปมองลูกสาวด้วยสายตาที่ขุ่นๆ
"ยายสุแกไม่รู้อะไรก็เงียบไปเถอะ อย่าอวดฉลาดในเรื่องที่ไม่รู้ไปพูดเรื่องนี้กับคนอื่นๆนะอายเขา แกไม่รู้หรอกว่าเจ้าไกรมันเสียสละและเสี่ยงชีวิตขนาดไหน อย่าเอาอคติที่แกไม่ชอบหน้าเจ้าไกรมาบังตา"
คุณพระบอกไปยังลูกสาวด้วยความไม่พอใจ ทำเอาสุชาดาหน้าถอดสีและไม่กล้าพูดอะไรออกมา เพียงแต่นึกในใจว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณพระกับแม่ใหญ่หรือคุณหญิงจะออกหน้ารับแทนไกรมาตลอด "คุณพ่อไม่ยุติธรรม"นี่เป็นสิ่งที่เธอคิดมาตลอดเวลา ทุกคนนั้นเงียบไม่กล้าพูดอะไรมากนักในมื้อที่คุณปู่กับคุณย่าใหญ่มาร่วมด้วย จนคุณพระนั้นอิ่ม ท่านหยิบซิการ์จากกล่องที่วางอยู่ใกล้มือขึ้นมาสูบ
"กลาง ปู่ถามอะไรหน่อย"
คุณพระถามไปยังหลานที่เป็นทหารอากาศ ทำเอาทุกคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามองทันที
"ครับคุณปู่"
"ในฐานะที่แกกำลังจะไปเป็นศิษย์การบินปู่อยากรู้ว่าเครื่องบินที่โดนยิงตรงหางนะโอกาสรอดมีมากไหม"
กลางนิ่งคิดไปสักครู่ถึงตอบ
"ถ้าโดนทะลุตรงกลางก็โอกาสรอดเยอะครับ แต่ถ้าโดนจังๆแถวๆปลายตรงที่บังคับเครื่องให้เลี้ยวนั้นลำบากครับ แต่ถ้าโดนตรงโคนแล้วหางขาดออกจากลำตัวนี่ก็ดีดตัวโดดร่มอย่างเดียวครับ แต่นักบินต้องฝีมือจริงๆครับถึงจะเอาเครื่องลงได้"
คุณพระพยักหน้าแต่ไม่ถามอะไรต่อ ซึ่งไม่มีใครกล้าถามท่านในเรื่องนี้แต่ทุกคนพอจะเดาว่าทำไมท่านถึงถามขึ้นโดยเฉพาะน้อยกับมะลิที่พอจะรู้เรื่อง อากับหลานสาวต่างมองหน้ากันแต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมาหลังจากทานมื้อค่ำกันเรียบร้อยทุกคนต่างแยกย้ายกลับไปยังตึกที่พวกตนอยู่ ส่วนคุณพระนั้นเข้าไปทำงานต่อที่ห้องทำงานส่วนตัวของท่าน ในกลางดึกคืนนั้น ในห้องพักของประภา เจ้าของห้องนั้นกลับมาจากตึกใหญ่ด้วยความระโหยโรยแรง แต่พอเข้าห้องไปไม่นานนักประตูห้องของเธอถูกเคาะด้วยรหัสอันเป็นที่รู้กัน ประภาถอนหายใจเบาๆแต่ใบหน้านั้นยิ้มแสดงความดีใจแล้วเดินไปเปิดประตู
"คุณมะลิ"
เธอพูดยังไม่ทันขาดคำ เด็กสาววัยรุ่นนั้นเข้ามาในห้องทันที ประภาชะโงกหน้าไปดูนอกห้องอีกครั้งให้แน่ใจว่าไม่มีใครผ่านมา เธอจึงปิดตูแล้วล็อกห้องทันที พอหันกลับมาตัวของเธอถูกเด็กสาววัยรุ่นนั้นกอดทันทีพร้อมกับการระดมจูบไปทั่วหน้า จนริมฝีปากมาทาบกันสนิทซึ่งประภานั้นตอบสนองอีกฝ่ายเช่นมือทั้งสองนั้นยกขึ้นมาโอบกอดตอบ
"ทำไมมาดึกจังคะ"
มะลิถามหลังจากการจูบที่ดูดดื่ม
"ก็ทำงานให้ท่านนะสิ"
 
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน
แอบมาทำไรกันสองคนนี้
มะลิน่าจะไม่รอด
แนวเลสเบียนไหม
หลานมาให้อาสอนงานยามดึกเหรอครับ
แนวเลสแน่นอน
ไกรจะสอยมะลิใช่ไหมนิ
แนวชอบผู้หญิงด้วยกันแน่เลย ::Grimace:: มะลิน่าจะชอบผู้ชายบางคนบ้างนะ
หรือมะลิจะชอบผู้หญิง
เดี๋ยวนะมะลิ ไปคุ้นเคยกับประภาขนาดนั้นตอนไหน
ทุ่งดอกลิลลี่บานสะพรั่ง
::Dozy:: เรื่องนี้จะไปทางไหน ติดตามกันต่อไป ::WowWow::
แอบมาทำไรกัน
มะลิสายลิ้นซะแล้ว ::Beggar:: ::HeyHey::
ย้อนยุคซะด้วย น่าอ่านดี
มะลิชอบผู้หญิงหรือนี่
แอบทำอะไรตอนดึก
อากับหลานหวานๆดลย
แนวเลสหรือจบที่สวิง?
อ้าว อ่านมาถึงตอนสุดท้าย เกมส์พลิก
นี่แสดงว่ามะลิแสบพอควรเลยสิท่า
แอบมาเจอกันแบบนี้ คุยกันยันหว่าง
เลสเบี้ยนรึป่าวเนี้ย 555
คราวนี้มาแนวย้อนยุค ยังน่าติดตามเหมือนเดิม ว่าแต่น้องมะลิไหงไปแนวนั้นล่ะลูก
มะลินี่ไม่ธรรมดา
มีลงมาหากันตอนดึก
มะลิมาสายไหนนี่
หะ มะลิเป็นเลส
คิดว่าจะมาแนวฮาเร็มของนายไกรซะแล้ว
เอ๋ ไหงมาทางเลสเบี้ยนซะแล้ว ::Hmmm::
เรื่องดูย้อนยุคดี ::Hmmm:: ::Reader::
เนื้อเรื่องน่าติดตามน้องมะลิน่าจะได้เสียว
มาแนวยกครัวแบบนี้ น่าติดตตามมาก
::JubuJubu::
แนวไหนน้อ พึ่งเริ่มจะเสียว
อ่าว มีเลสซะด้วยงานนี้
น้องมะลินี่ชอบผู้หญิงด้วยกันสะแล้ว
มาหาทึ่ห้องกลางดึก
ตัวละครเยอะจัง ต้องอ่าน 2-3 รอบ
แต่ก็สนุกไปอีกแบบ เหมือนอ่านเรื่องย่อละคร
เปิดเรื่องได้น่าสนใจมาก แนวพีเรียดย้อนยุค มะลิกับไกร ตัวเอกของเรื่องจะเดินไปยังไง ชอบบทประพันธ์ของผู้แต่งทุกเรื่องแต่เสียดายที่ท่านได้ลบโพสต์ออกหมดแล้ว ถ้าเป็นไปได้กรุณาลงใหม่ให้สมาชิกได้ติดตามจะมีประโยชน์อย่างยิ่งครับ
คิดว่าอาไกรกับมะลิ ดันหักมุมซะได้
อ้าวหญิงได้หญิงซะงั้น
เอ๊ะ เอ๊ะ ทำไรกันอะ
เลสนี่เอง
สนุกมาก มีให้หักมุมตลอด เรื่องจะเป็นยังไงน่ะ
มะลิน่าจะเป็นตัวจั่วหัวของเรื่องแน่
หักมุมมาแนวหญิงกับหญิงเหรอ เข้าใจว่าไกรกับมะลิ ::Sweat::
แอบมาหาดึกๆ ไม่พ้นเรื่องเสียวๆๆ
ว้าววว...น่าจะเป็นเรื่องที่น่าติดตามอย่างจริงจังอีกเรื่องหนึ่งแล้ว เนื้อเรื่องน่าสนใจมาก
ยาวจังครับ
นึกว่าจะเป็นอากับหลานมะลิ
ชอบแนวนี้ของไรท์อีกเรื่ิอง เปิดเรื่องมา กลิ่ยวินเทจช่วง สงคราม ไทย ลาว usa เวียดนาม สงครามตีวแทน คอมมิว กับปชต เลย กับเหล่า นักรบนิรนาม และ นักบินผี
แต่ๆๆ เห้ย สาวน้อยมะลิ จะเบียนกับสาวใหญ่แม่บ้านอะนะ นางเอกนะ
::Bloody:: สองคน กินกัน แต่ๆๆๆๆๆๆประภา ทำอะไรให้คุณท่านอีก สงสัยหนักมาก
เ
อ้างจาก: twintower เมื่อ เมษายน 22, 2025, 10:58:24 หลังเที่ยง"ฮัลโหล ทำอะไรกันอยู่"
เสียงจากชายหนุ่มที่ยืนอยู่ตรงประตูห้องสมุดที่ตอนนี้รอบโต๊ะตัวยาวที่อยู่กลางห้องนั้นมีชายหญิงร่วม 10 กว่านั่งอยู่ ทุกคนต่างหันไปมองทางต้นเสียง พลันเสียงทักนั้นดังออกมาเหมือนนกกระจอกแตกรัง
"อาไกร น้าไกร พี่ไกร"
เสียงทักของหลายๆคนระบุชื่อของชายที่ยืนอยู่หน้าประตู เรืออากาศเอกเกรียงไกร หรือน้าและอาไกรของบรรดาหลานๆและพี่ไกรของน้องๆนั้นหันไปปิดประตูและเดินเข้ามาในห้อง คนที่นั่งส่วนใหญ่นั้นลุกขึ้นยืนและเดินเข้ามารายล้อม ยกเว้นผู้หญิงที่ตรงนั่งหัวโต๊ะ กับผู้ชาย3คนที่อยู่ในวัยไล่เรี่ยกับเกรียงไกรนั้นมองมาอย่างเดียว
"เดี๋ยวๆๆๆๆ ตอบคำถามไม่ทันแล้วทีละคน"
ชายหนุ่มยกมือขึ้นห้ามหลังจากที่หลายคนต่างยิงคำถามมากันไม่หยุด แล้วหันไปยิ้มกับผู้หญิงที่ยืนอยู่ใกล้ๆ
"เป็นไงน้อย"
น้อยหรือนัยนายิ้มรับก่อนจะตอบ
"สบายดีคะแล้วพี่ไกร ไปยังไงมายังคะนี่"
"พอดีมีงานต้องมาประชุมที่กรุงเทพนะ เลยแวะมาเยี่ยมคุณลุง พอไปกราบท่านกับป้าใหญ่ ท่านก็บอกว่ามีประชุมรวมญาติกันที่ห้องสมุดเลยแวะมาหา"
ไกรตอบด้วยใบหน้าที่ยิ้มๆและทักไปยังผู้หญิงอีก 2คนที่มีศักดิ์เป็นน้องสาว ก่อนจะทักไปยังบรรดาหนุ่มสาวๆที่มายืนห้อมล้อมกันทุก จนมาถึงคนสุดท้ายที่ยืนยิ้มแสดงความดีใจอย่างมาก ไกรมองไปที่ดรุณีสาวน้อยที่ดูจะสวยเด่นกว่าทุกคน แล้วทักเป็นภาษาอังกฤษ
"อ้าวเฮ้ยไอ้ลิ เอ้ยไม่ใช่โตขนาดนี้ต้องเรียกมะลิแล้ว โตขึ้นมากเลย เรียนอยู่ที่ไหนแล้วนี่"
" สอบติดอักษรจุฬาคะอา เปิดเทอมนี้ก็เป็นน้องใหม่ปี 1"
คำตอบเป็นภาษาไทยที่พูดกับไกรเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เกิดมา
"พี่ไกรจำมะลิได้ด้วยหรือนี่ ใครที่ไม่เจอกันนานไม่มีใครจำไม่ได้เลย "
"เกือบจำไม่ได้เหมือน แต่อย่างที่เคยพูดไว้ มะลิมีโครงหน้าของคุณป้าใหญ่อยู่ ถึงตอนนี้จะไว้ผมยาวเลยจำได้และอีกอย่างมันนั่งขี่หลังขี่คอพี่มาเกือบ 2 ปี ยังไงก็มีเค้าหน้าเดิมของเด็กเกเรจอมซนที่ไว้ผมสั้นคนนั้น แต่พูดไทยได้คล่องแล้วนี่"
คำตอบชองไกรทำเอาอีกฝ่ายหัวเราะด้วยความดีใจที่อาจำได้ ไกรยิ้มออกมาและมองไปทั่วจนไปหยุดที่หัวโต๊ะตัวยาว สบตากับผู้หญิงที่อยู่ในวัยเดียวกันแต่เธอวางมาดเหมือนจะอายุมากกว่าไกร ซึ่งนั้นฝ่ายนั้นดูจะฝืนๆยิ้มและทักมาอย่างแกนๆ
"นึกยังไงถึงแวะมา หายหัวไปนาน จดหมายก็ไม่เขียนมาคุณพ่อบ่นถึงหลานคนโปรดไม่หยุด"
สุชาดานั้นเน้นคำว่าหลานคนโปรดอย่างชัดเจน
"ก็โผล่มาแล้วนี่ไงสุ กลัวไม่ได้มรดกนะ เลยแวะมาให้คุณลุงเห็นหน้า"
ไกรยิ้มอย่างไม่ถือสาพร้อมตอบไปแบบทีเล่นทีจริงแต่ทำเอาอีกฝ่ายนั้นทำหน้าไม่สบอารมณ์ แต่ทำให้น้องสาวอีก 3 คน ลอบสบตากัน เพราะรู้ดีว่าสุชาดานั้นไม่ถูกชะตากับเกรียงไกรแต่ไหนแต่ไรแล้ว ส่วนพวกหลานๆร่วม 10 คนนั้นแอบยิ้มให้กันยกเว้นน้องสาวคนเล็กสุดที่ชื่อมะลิหรือขวัญฤทัยนั้นไม่รู้ความนัยมาก่อน การปรากฏตัวของอาไกรนั้น สร้างความดีใจให้กับหลานๆทุกคน ยกเว้นอาสุชาดาและชายหนุ่มอีก 3 คน ที่นั่งอยู่บนโต๊ะที่ดูจะอึดอัดและแอบมองหน้ากันทั้งๆที่ปกตินั้นไม่ค่อยจะกินเส้นกันเท่าไหร่ ซึ่งไกรนั้นทักไปตามมารยาททั้ง 3 คน ชายหนุ่มทั้ง 3 คนนี้เป็นคนนอกแต่เข้ามาร่วมประชุมด้วยถือว่าตนเองสนิทกับอาสาวของครอบครัวนี้ กำพลนั้นเป็นแฟนสุชาดา ส่วนอีก 2 คนนั้นคือประสานกับสุรเชษฐ์ที่มาติดพันกับอาสาวของบรรดาเด็กวัยรุ่นพวกนี้อีก 2 คน จึงถึงวิสาสะเข้าร่วมประชุมด้วยทั้ง 3 คนนั้นต่างไม่มีใครยอมใคร เพราะถือว่าเป็นลูกเศรษฐี และต่างคุยโตโอ้อวดว่าเป็นนักเรียนนอกสุดโก้ทั้ง 3 คน
แต่ทุกคนจำได้ดีเมื่อ3 ปีก่อน ตอนนั้นมะลิถูกส่งเข้าไปเรียนในโรงเรียนประจำแล้ว ไกรที่พึ่งกลับจากสหรัฐไม่นานเท่าไหร่ ได้มารู้จักกับชาย 3 คนนี้ ทั้ง 3 ดูจะเหยียดๆไกรอย่างมากเพราะฟังข้อมูลมาจากสุชาดาที่ไม่ถูกชะตากับไกรมาตั้งแต่ไหนแต่ไรเพราะความอิจฉา ทั้ง 3 คนเริ่มคุยข่มตอนแรกไกรเฉยๆ แต่พอได้จังหวะไกรนั้นโต้กลับหลายเรื่องทำเอาทั้ง 3 คนนั้นหน้าม้านทำอะไรไม่ถูก เพราะรู้ประวัติของไกรไม่หมดจากชายหนุ่มที่พวกตนคิดว่ามันก็แค่จบจากโรงเรียนนายเรืออากาศที่สหรัฐเท่านั้น แต่รู้ไม่ละเอียดว่าไกรนั้นไปอยู่ที่สหรัฐตั้งแต่วัยรุ่นและมีประสบการณ์ท่องเที่ยวในยุโรปพอสมควร พ่อของไกรนั้นเป็นน้องชายของคุณพระประกอบที่เป็นประมุขของบ้านนี้ แต่ได้ย้ายรกรากไปอยู่ที่สงขลาตามครอบครัวของภรรยา แต่ได้ส่งไกรมาอยู่กับคุณพระตั้งแต่เล็กเพราะตั้งใจจะให้ไกรนั้นเรียนที่กรุงเทพ
เรื่องนี้ทำให้สุชาดานั้นดูหมิ่นไกรเพราะคิดว่าพ่อของตนเองนั้นรับลูกของอามาอุปถัมภ์เลี้ยงดูและเห็นเป็นเด็กบ้านนอก ยิ่งคุณพระกับคุณหญิงนั้นรักไกรเหมือนลูกชายคนหนึ่งด้วย ยิ่งทำให้สุชาดานั้นอิจฉาอย่างมาก ยิ่งตอนเริ่มโตมารู้ว่าน้องชายของพ่อหรืออาของตนคนนี้มีฐานะที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าพ่อของตัวเอง พ่อและแม่ของไกรนั้นจัดว่าคหบดีในภาคใต้ ประกอบธุรกิจหลายอย่างโดยเฉพาะมีสวนยางเป็นของตนเองนับร้อยไร่ ส่วนตัวคุณพระประกอบนั้นรับราชการในกระทรวงมหาดไทยมาแต่ไหนแต่ไรเป็นผู้ว่ามาหลายจังหวัดและได้เป็นปลัดกระทรวงมหาดไทยก่อนเกษียณ แถมยังเคยรับตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยกระทรวงมหาดไทยในเป็นเวลาสั้นๆ5-6เดือน ในช่วงที่มีปัญหาทางการเมือง ถึงทุกวันนี้คุณพระจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองแล้วนอกจากดูแลธุรกิจที่มีอยู่มากมายแต่ยังมีบารมีอยู่มาก
ตัวคุณพระประกอบนั้นมีหัวคิดที่อยู่ระหว่างโบราณผสมกับสมัยใหม่ คือความคิดที่ชายเป็นใหญ่ทำให้คุณพระนั้นมีภรรยาจำนวนมากหลายคน ที่ตอนนี้มีทั้งที่ยังอยู่ด้วยกันเลิกรากันไปและตายจากกันไปแล้วก็มี ด้วยความที่มีภรรยามากจึงมีลูกหลานที่จำนวนมาก และตัวท่านอยากให้ลูกหลานอยู่รวมกัน อาณาเขตของคฤหาสน์แห่งนี้จึงกว้างขวางมากและมีตึกอยู่ด้วยกันหลายตึก ซึ่งจะมีบรรดาลูกหลานมาอยู่ในตึกเหล่านั้น แต่ตอนนี้ลูกๆส่วนใหญ่ที่มีครอบครัวแล้วต่างแยกกันไปอยู่ที่อื่น ซึ่งมีบางส่วนได้ไปทำงานที่ต่างจังหวัดหรือต่างประเทศและที่ไปศึกษาต่อที่ต่างประเทศก็มีอีกจำนวนหนึ่ง ที่เป็นเรื่องหัวคิดสมัยใหม่คือคุณพระนั้นมองการณ์ไกล จึงสนับสนุนให้ลูกหลานมีการศึกษาหลายคนท่านส่งให้ไปเรียนเมืองนอก ทำให้ตอนนี้ลูกหลานของคุณพระนั้นมีทั้งรับราชการและทำธุรกิจหรือเป็นนักการเมือง ลูกชายคนโตที่เกิดจากเมียหลวงนั้นตามรอยพ่อซึ่งตอนนี้เป็นผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ มีบางคนไปเป็นถึงทูตที่ต่างประเทศเป็นนายทหารหรือตำรวจก็หลายคน เป็นเจ้าของกิจการก็จำนวนมาก ส่วนที่เป็นนักการเมืองก็เป็นถึงรัฐมนตรีช่วย
ถึงตัวท่านจะไม่มีตำแหน่งที่เกี่ยวกับการเมือง แต่เพราะลูกๆที่มีตำแหน่งหน้าที่ที่สูงมันยังทำให้บารมีของคุณพระนั้นทวีคูณมากขึ้น ท่านนั้นมีแขกมาเยี่ยมเยียนตลอดไม่เคยขาด ทั้งนักการเมือง นายพล นายธนาคารนักธุรกิจ ต่างเข้ามาปรึกษาหารือท่านตลอดจนบางครั้งท่านต้องหลบไปพักผ่อนที่บ้านพักชายทะเลที่หัวหินอยู่เป็นประจำโดยอ้างว่าจะไปดูแลไร่สับปะรด หลานๆหลายคนที่พ่อกับแม่ต้องไปทำงานที่ต่างประเทศหรืออยู่ต่างจังหวัดต่างมารวมตัวกันอยู่ในอาณาเขตของบ้านหลังนี้เพราะตัวคุณพระนั้นสั่งว่าตนเองจะเป็นคนดูแลและรับผิดชอบในทุกเรื่องแทนพ่อกับแม่ของเด็กๆพวกนี้ที่อยู่ต่างประเทศหรือต่างจังหวัดไกล แต่ยังมีลูกสาวอีก 4 คนที่ยังไม่แต่งงานนั้นอาศัยอยู่ในบ้านหลังนี้ ซึ่งคนจะเรียกว่า 4 ดรุณี ซึ่งทั้ง 4คนนี้เป็นลูกที่เรียกว่าเป็นรุ่นสุดท้ายของคุณพระ จะมีสุชาดาลูกสาวของเมียคนที่ 3ที่มีอายุมากที่สุดใน 4 คน รองลงคือ พิไลกับลักษณาที่เป็นลูกของเมียคนที่ 2 ที่ตอนนี้เสียชีวิตไปแล้ว และคนสุดท้องคือนัยนาที่เป็นดาวเด่นที่สุดของรุ่น น้อยหรือนัยนาเป็นลูกของคุณหญิงที่เป็นเมียหลวง ทั้ง 4 คนนี้วัยใกล้เคียงกันเพราะเกิดห่างกันไม่มากนัก อย่างสักษณานั้นเกิดปีเดียวกับน้อยแต่ห่างกันไม่กี่เดือน เหมือนไกรกับสุชาดาที่เกิดปีเดียวกันแต่สุชาดาเกิดก่อนเพียง 2 เดือน น้อยเรียนจบบัญชีจากจุฬา ส่วนพิไลนั้นจบทางด้านแฟชั่นดีไซน์เนอร์จากฝรั่งเศส ส่วนลักษณาจบทางด้านกฎหมายจากอังกฤษ มีแต่สุชาดาที่ไม่เป็นชิ้นเป็นอัน เธอสอบติดสังคมศาสตร์ก็ถูกรีไทร์ พอไปเรียนเมืองนอกนั้นเรียนไม่จบ มีแต่ประกาศนียบัตรที่ไปอบรมทางด้านเสริมสวยมาประดับข้างฝาบ้านไว้โก้ๆ และหลอกคนที่ไม่รู่ว่าตนเองนั้นจบด้านดูแลความสวยความงามจากต่างประเทศนับเป็นปมด้อยอีกอย่างของสุชาดา คุณพระนั้นก็รู้ว่าลูกสาวคนนี้เรียนไม่จบอะไรแต่ท่านก็ทำเฉยๆและปล่อยให้สุชาดาเป็นคนดูแลเรื่องต่างๆภายในบ้าน ส่วนลักษณากับนัยนาตอนนี้ต่างช่วยท่านดูแลกิจการต่างๆของคุณพ่อในด้านที่ตัวเองเรียนจบมา ส่วนพิไลนั้นไปเปิดสถาบันสอนออกแบบเสื้อผ้า ซึ่งมีคนมาสมัครเรียนจำนวนมาก ซึ่งประสานนั้นตามจีบพิไลมานานแล้ว ส่วนสุรเชษฐ์นั้นตามจีบลักษณา ส่วนนัยนานั้นมีผู้ชายตามจีบจำนวนมากแต่เธอยังไม่ให้ความสนิทกับใครเป็นพิเศษเหมือนกับพี่สาวของเธอ
"มานี่พี่ไกร มานั่งก่อน"
พิไลจูงมือพี่ชายมาที่โต๊ะตัวยาวและดึงให้นั่งลงบนเก้าอี้ข้างๆเธอตัวที่เธอนั่ง
"แล้วมาชุมนุมอะไรกันนี่"
ไกรถามขึ้นลอยๆทั้งๆที่รู้อยู่แล้วว่ามาคนในห้องกำลังประชุมเรื่องอะไรกันอยู่ หลังจากที่ทุกคนนั่งลงบนเก้าอี้จนครบ ลักษณาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามนั้นตอบทันที
"อะไรจำวันเกิดคุณพ่อไม่ได้หรือไง อีก2อาทิตย์ท่านก็ครบ 6 รอบแล้วนี่ก็ประชุมกันถึงงานวันเกิดที่จะจัดขึ้นว่าใครมีหน้าที่อะไรบ้าง แล้วพี่ไกรมาให้ได้นะ"
"จำได้สิเมื่อกี้ก็กราบอวยพรท่านไปล่วงหน้าแล้วส่วนงานน่าจะไม่ได้ วันมะรืนนี้พี่ก็อาจจะกลับอุดรแล้วถ้างานที่นี่เสร็จ แล้วนี่ประขุมกันเสร็จหรือยัง"
"เสร็จแล้วคะ เอ่อพี่คะแล้วที่นั่นเป็นยังไงบ้างคะ"
คราวนี้เป็นน้อยที่นั่งติดกับลักษณาเป็นคนตอบแทนพี่สาวและถามด้วยน้ำเสียงที่เป็นห่วง แววตาของไกรที่ดูจะร่าเริงนั้นเปลี่ยนไปชั่วครู่ ซึ่งมะลินั้นสังเกตุเห็นเพราะเธอนั่งติดอยู่กับน้อย ไกรถอนหายใจเบาๆก่อนจะตอบ
"หนักกว่าที่คิด สูญเสียหนักทั้งสองฝ่าย"
คำพูดของไกรทำเอาทุกคนต่างหันมามอง แต่ไกรนั้นรีบเปลี่ยนเรื่องไปคุยเรื่องอื่นทันที
"ไงกลางอาลืมไปดีใจด้วยนะที่ผ่านการคัดเลือกไปเรียนที่โรงเรียนการบินได้"
ไกรทักไปยังหลานชายอีกคนที่ชื่อพิทยาหรือกลางซึ่งพึ่งจบโรงเรียนนายเรืออากาศและผ่านการคัดเลือกไปเป็นศิษย์การบินเป็นที่เรียบร้อย
"ขอบคุณครับอา มันหนักกว่าที่คิดพอรู้ว่าติด ทำเอาผมช็อคทำอะไรไม่ถูกไปพักใหญ่ไป ดีใจมากครั้งที่ได้เป็นศิษย์การบิน อย่างน้อยผมก็มีอาเป็นต้นแบบครับ"
"แล้วคิดหรือยังว่าจะอยากจะขับอะไร"
อีกฝ่ายหนึ่งเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะตอบ
"เอาให้ผ่านก่อนดีกกว่าครับผมไม่เก่งเหมือนอา แต่ถ้าจบผมอยากเลือกเครื่องลำเลียงไม่ก็เฮลิคอปเตอร์ครับ ผมรู้ความสามารถตัวเองดีกว่าไปไม่ถึงเครื่องขับไล่แบบอา ผมยังจำได้กับฝูงผาดแผลง King Cobra ที่อาเป็น1ในนั้น"
ไกรยิ้มๆแล้วบอกหลานชาย
"ไม่ลองไม่รู้ แต่ก็แล้วแต่เราแล้วกัน ตอนเรียนไปแล้วอาจเปลี่ยนใจก็ได้ F-5 A นะบินสนุกกว่าเซเบอร์ตั้งเยอะ"
หลานๆทุกคนต่างมองไปยังไกรด้วยสีหน้าที่ชื่นชม ทำเอา 3 หนุ่มที่เป็นคนนอกต่างอยู่ไม่สุข จนกำพลนั้นหยิบเอายาเส้นมาใส่ในไปป์แล้วจัดการเอาไฟแช็คจุด พร้อมเอาปลายเข้าปากสูบด้วยมาดที่ตนเองคิดว่าเท่ห์แล้วก่อนจะพูดกับไกร
"ความจริงคุณไกร น่าจะลาออกมาเป็นนักบินสายการบินพาณิชย์นะครับ เพราะทำเงินได้เยอะกว่าไปเป็นนักบินรับจ้างที่ลาวแบบนี้แถมจากที่เคยขับเครื่องไอพ่นต้องลดมาขับเครื่องใบพัด"
คำพูดพร้อมน้ำเสียงแบบนี้ที่ฟังดูแล้วเหยียด อย่างมากแต่ไกรไม่ถือสาดูจะสมเพชอีกฝ่ายมากกว่า
"ไม่ละครับ คุณกำพลน่าจะเคยลืมเรื่องที่ผมเคยบอก ผมเป็นนักบินขับไล่นะรับผิดชอบแค่ชีวิตตัวเอง ถึงตอนนี้ผมจะรับผิดชีวิตคนที่นั่งข้างหลังผมด้วยก็ยังพอไหว แต่ถ้ารับผิดชอบคนอีกเป็นร้อยคนผมไม่ไหวครับ และเครื่องใบพัดที่ผมขับตอนนี้ ก็เป็นเครื่องครูที่ทำให้ผมขับเครื่องบินไอพ่นได้คล่องนะครับ"
หลายคนฟังแล้วแอบยิ้มแต่คนที่ตั้งคำถามนั้นนั่งไม่เป็นปกติ แถมทำท่าจะสำลักควันจากยาเส้นที่อัดเข้าไปเต็มปอด จนสุชาดาต้องหันมาทำตาเขียวใส่แฟนตนเองคล้ายจะบอกว่า"ไม่น่าพูดแบบโง่ๆ"ออกไป เพราะอีกฝ่ายนั้นเป็นผู้ชายที่ปากจัดอยู่แล้ว ทุกคนในครอบครัวต่างรู้กันว่าไกรหลังจากที่จบจากโรงเรียนนายเรืออากาศที่สหรัฐและกลับมาเข้ารับราชการที่ไทยได้ผ่านการคัดเลือกให้เข้าโรงเรียนการบินและจบที่ 1 ของรุ่นจนได้เป็นนักบินเครื่องขับไล่แบบ F-86 ที่ทันสมัยที่สุดในตอนนั้นและได้ไปฝึกเพิ่มที่สหรัฐพอกลับมาได้รับภาระกิจภารบินโจมตี ผกค.มาหลายครั้งและยังเป็น 1 ในนักบินฝูงบินผาดแผลง King Cobra ที่ใช้เครื่อง F-86 ในการบินโชว์ จนไกรได้รับคัดเลือกให้ไปเป็นนักบิน F- 5 Aที่กำลังจะเข้ามาประจำการ แต่ด้วยเหตุผลหลายๆประการทั้งถูกคำสั่งและขอร้องแกมบังคับ จากผู้ใหญ่ทำให้ไกรต้องไปเป็น"นักบินนิรนาม"ที่ปฏิบัติภาระกิจลับในประเทศลาว ซึ่งหน่วยบินนี้ใช้เครื่องบินแบบ T-28 ในการปฏิบัติภาระกิจโดยนักบินที่ไปทำภารกิจนี้ต้องลาออกจากราชการก่อนเพื่อป้องกันปัญหาต่างๆที่จะเกิดขึ้น
ไกรนั้นทำไม่ใส่ใจ แล้วคุยกับหลานๆคนอื่นโดยไม่สนใจกับคนนอกทั้ง 3 คน จนช่วงหนึ่งของการสนทนา ประสานได้พูดขึ้นมา
"แหมน่าเสียดายจริงๆที่คุณไกรจะต้องกลับรบไปที่ลาวก่อน ไม่อย่างนั้นผมจะขอเชิญคุณไกรไปเล่นสกีน้ำที่พัทยากับพวกเราในวันสุดสัปดาห์นี้ ผมยังประทับใจไม่หายกับลีลาของคุณไกร"
คำพูดนั้นดูเหมือนจะชื่นชม แต่น้ำเสียงนั้นมันไม่ใช่ ไกรยิ้มออกมาอย่างเหยียดๆเพื่อให้อีกฝ่ายนั้นเห็น ไกรนั้นรู้ดีว่าทั้ง ชาย3 คนที่อยากจะมาดองด้วยนั้น นอกจากความเป็นทายาทของเศรษฐีแล้วทั้ง 3 ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเรียนก็ไม่จบ แต่มาโอ้อวดกับคนที่ไม่รู้ว่าพวกตนนั้นเรียนจบจากต่างประเทศอยู่ต่างประเทศหลายปี มีความรู้เชี่ยวชาญช่ำชองวัฒนธรรมจากสหรัฐหรือประเทศในยุโรปที่เจริญหลายๆประเทศ พูดภาษาอังกฤษได้คล่องแคล่วชอบพูดไทยคำอังกฤษคำ ทำเอาพวกนิยมชมชอบพวกต่างชาติในประเทศไทยต่างยกย่องชื่นชมทั้ง 3 คนเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะพวกหลานๆของตนที่กำลังอยู่ในช่วงวัยรุ่นรับอารยธรรมจากต่างประเทศเข้ามา ทำให้ทั้ง 3 คนนั้นดูโก้เก๋ในสายตาของบรรดาวัยรุ่น
แต่พอเจอกันครั้งแรกหลังจากที่ได้พูดคุยกันแล้ว ไกรรู้ว่าทั้ง 3 คนนี้มีแต่เปลือกนอก พอซักไปมากๆ ทั้ง 3 คนนั้นไปไม่เป็นจนไกรสงสารไม่อยากไล่ให้จนมุมเลยไม่สนใจอีกและไม่เล่าให้ใครฟังว่าพวกนี้รู้ไม่จริง ซึ่งทั้ง 3 คนนั้นต่างจำได้ดีเลยรู้สึกค่อนข้างจะอีดอัดเวลาที่เจอไกร ซึ่งมันมาจากความเขม่นตามประสาผู้ชายที่เจอกันครั้งแรกและดูว่าคนที่มีศักดิ์เป็นพี่ชายของสาวที่พวกตนตามจีบนั้นดูไม่เป็นประสาอะไรเลย แต่บรรดาพวกหลานๆของสาวๆพวกนี้ดูจะชื่นชม"อาไกร"กันอย่างมาก ทำเอาพวกตนที่หนุ่มสาวเหล่านี้ชื่นชมมาตลอดดูจะโดนลดความสำคัญลง ถึงจะไม่ถูกชะตาและเป็นคู่แข่งกันมา เมื่อถึงคราวจำเป็นทั้ง 3 ต้องร่วมมือกัน และทำให้รู้ว่าทั้งสามคนนั้นเจอของจริง
จากชายหนุ่มที่ดูเด๋อด๋าๆเก็บตัวไม่ชอบสังคมในตอนแรก กลับกลายเป็นคนที่ซ่อนคมอย่างมาก เรืออากาศเอกเกรียงไกรนั้นชำนาญช่ำชองในหลายๆเรื่องคนไทยหลายๆคนนั้นเห่อกับอารยธรรมจากเมือง ตั้งแต่การเต้นรำที่ไกรนั้นเต้นได้อย่างคล่องแคล่วแทบทุกจังหวะ เล่นไวโอลินได้อย่างยอดเยี่ยมตามด้วยการตีกอล์ฟหรือขี่ม้าไกรก็มีความชำนาญอย่างมาก แถมพูดอังกฤษ,ฝรั่งเศสได้อย่างคล่องแคล่ว รู้จักวรรณกรรมที่ประพันธ์โดยนักประพันธ์ชื่อตั้งแต่อดีตมาหลายคน และที่สำคัญเรื่องที่ทำเอาทั้งกำพล ประสาน สุรเชษฐ์นั้นแทบจะเอาหน้าซุกดิน เพราะคุยอวดไว้เยอะ คือเรื่องสกีน้ำที่ทั้ง 3 ต่างประกาศว่าพวกตนนั้นเล่นสกีน้ำกีฬาที่สุดโก้ของบรรดาวัยรุ่น และคนหัวสูงที่เห่อของนอกว่าเป็นระดับมืออาชีพในเมืองไทยหาคนมาเทียบยาก โดยเฉพาะประสานที่เปิดโรงเรียนสอนการเล่นสกีน้ำ แต่ไกรพอเห็นรูปถ่ายที่พวกนั้นเอามาโชว์ไกรรู้ทันทีว่าไม่ใช่ของจริง เพราะที่เห็นแต่ละคนอยู่ในระดับเบสิคในสายตาของมืออาชีพอย่างไกร ที่ผ่านการอบรมกับสถาบันชั้นนำที่สหรัฐในตอนที่เรียนอยู่
วันนั้นไกรตามบรรดาญาติพี่น้องไปพัทยาด้วยเพราะทนอ้อนวอนไม่ไหวจากบรรดาน้องๆและหลานๆไม่ได้ มันจึงเข้าทางของทั้ง 3 คน ที่หวังว่าจะทำให้ไกรเสียหน้า เพราะไกรบอกหน้าตาเฉยว่าเล่นไม่เป็น ทั้ง 3ตั้งใจจะเอาคืนไกร พยายามจะพูดแหย่และหว่านล้อมให้ไกรนั้นหัดเล่นสกีน้ำให้ได้ ตอนแรกไกรทำเป็นอิดออดจนทนเสียงอ้อนวอนไม่ไหว จนทั้งสามต่างพากันไปโชว์ลวดลายกันกลางทะเล ไกรอาศัยจังหวะเปลี่ยนชุดมาใส่กางเกงว่ายน้ำ และเลือกสกีน้ำที่จะเล่น เป็นสกีน้ำประเภทการเล่นแบบผาดโผน แถมมีการเรียกคนขับเรือเข้ามาสอบถาม จนไกรแน่ใจว่าคนขับเรือนั้นมีความรู้และเข้าใจในรหัสสัญญาณมือเป็นอย่างดี พอไกรออกไปเล่นบ้างด้วยลีลาที่ทำเอาทั้งสามนั้นเทียบไม่ติดจนต้องรีบกลับเข้าฝั่ง นักบินหนุ่มที่ลงไปเล่นคนเดียวและโชว์ลีลาให้ทุกคนเห็นว่าตนเองนั้นมีความสามารถในกีฬาชนิดนี้เพียงใด
ฝ่ายชายหนุ่มทั้ง 3 คนนั้นได้แต่ยืนมองด้วยสีหน้าที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าพวกตนนั้นไม่เหลือคมให้ลูบอีกแล้ว ที่คุยโม้โอ้อวดกันมาตลอดบัดนี้สิ่งที่คุยมามันถูกทำลายไปแล้วโดยเฉพาะความเชื่อถือที่บรรดาหลานๆของสาวๆที่ตนเองมาจีบนั้นคงไม่เหลือ เมื่อเจอลีลาของคนที่เหนือกว่า และดูจะเป็นบทเรียนที่เจ็บแสบที่สุดในชีวิต และพึ่งจะตาสว่างว่าทำไมบรรดาหลานๆทุกคนถึงได้ชื่นชม"อาไกร"เป็นพิเศษเหนือว่าบรรดาอาๆน้าๆทุกคน นอกเหนือจากเป็นนักบินรูปหล่อมาดเท่ห์คือเรื่องการไม่คุยโม้โอ้อวดวางตัวเองเหนือกว่าคนอื่น
"น่าเสียดายนะคะ มะลิอดเห็นอาไกรเล่นสกีน้ำ มะลิเล่นเป็นก็เพราะอาสอนให้ตอนที่อยู่อเมริกา"
มะลิเอ่ยขึ้นมาอย่างไม่รู้เรื่องเพราะตัวเองไม่อยู่ในเหตุการณ์ แต่นัยนาที่นั่งติดกับหลานสาวได้จับมือหลานและส่ายหน้าไม่ให้พูดต่อ อาๆน้าๆทุกคนที่นั่งอยู่ในห้องสมุดนี้ต่างจำได้ว่าหลังจากนั้นมันกลายเป็นประเด็นที่ทำให้สุชาดากับเกรียงไกรนั้นบาดหมางกันอย่างรุนแรง เพราะสุชาดานั้นมองว่าไกรฉีกหน้ากำพลแฟนของเธออย่างไม่ไว้หน้า สุชาดาต่อว่าไกรไปพอสมควรแต่ไกรตอบสุชาดาจนทำเอาอีกฝ่ายนั้นไม่กล้าพูดอะไรอีก แต่ทำให้สุชาดานั้นไม่พอใจไกรมากขึ้น
"ก็แค่อยากให้พวกนั้นรู้ว่า คนที่เหนือกว่าตัวเองมันมีอีกมาก ไม่ใช่พวกที่รู้แค่เผินๆแล้วเอามาคุยโม้โอ้อวดหลอกคนที่ไม่รู้จริง จนหลงเชื่อ"
ตอนนี้ทุกคนในห้องต่างมองไปยังไกรที่มองไปยังประสานอย่างตรงๆพร้อมบอกไป
"ความจริงตอนนี้ผมคงเล่นไม่ชำนาญเหมือนเก่าแล้วครับ ตั้งแต่เป็นนักบินเครื่องบินขับไล่นี่ ผมว่าตัวผมเริ่มเสพติดแรงจีของเครื่องไอพ่นเข้าไปแล้ว ความเร็วตอนเล่นสกีน้ำเทียบไม่ติดครับ ยิ่งตอนช่วงที่ผมรบกับพวก ผกค. เวลาจิกหัวเครื่อง F-86ลงไปยิงก่อนจะเชิดหัวขึ้นมันยิ่งเร้าใจกับความเร็วในตอนนี้ที่เราต้องรักษาความเร็วและระยะไม่อย่างนั้นเชิดหัวไม่ขึ้น ชนพื้นแน่นอนแต่พอมาตอนนี้ถึงผมจะขับ T-28 ผมว่ามันเร้าใจกว่าถึงเครื่องจะช้ากว่า แต่เวลาจิกหัวลงไปมันทำได้นานขึ้นทำให้เสพกับแรงจีได้นานขึ้นกว่า แถมที่สะใจไปกว่านั้นคืออีกฝ่ายมีปืน ปตอ.กับจรวดที่ยิงเครื่องที่ผมขับให้ตกได้สบายๆ ไม่เหมือนผกค.ที่มีแค่ปืนกลมือ ทำให้สนุกมากขึ้นครับ ผมแทบลืมไปเลยว่าความสนุกจากการผาดโผนบนสกีน้ำนั้นเป็นยังไง"
คำตอบของไกรทำเอาอีกฝ่ายนั้นหน้าถอดสี ทั้งห้องต่างเงียบกริบมีแต่กลางที่ยิ้มออกมาด้วยความสะใจกับคำตอบของไกรไปยังประสาน จนพิไลนั้นเปลี่ยนเรื่องคุยไปเป็นเรื่องอื่นเพื่อคลายบรรยากาศที่ชวนอึดอัดซึ่งไกรร่วมสนทนาด้วย แต่อีก 3 ชายนั้นเงียบกริบไม่พูดอะไรออกมา จนไกรนั้นขอตัวกลับโดยที่ทุกคนยกเว้นสุชาดาต่างชวนให้ไกรอยู่ทานอาหารเย็นด้วย แต่ไกรปฏิเสธโดยอ้างว่านัดเพื่อนไว้ มีน้อยกับมะลิเดินตามมาส่งที่รถ
"พูดไทยชัดขึ้นมากเลยมะลิ"
ไกรเอ่ยกับหลานสาวระหว่างทางที่เดินไปยังโรงรถ
"คุณพ่อตัดสินใจถูกคะ ที่ส่งเข้าโรงเรียนประจำและให้ทางโรงเรียนกวดเรื่องภาษาไทยอย่างหนัก จนสอบติดอักษรศาสตร์ แต่น้อยยอมรับว่าหลานเก่งจริงๆ"
น้อยนั้นตอบแทนหลานสาว
"แต่พื้นฐานของมะลิก็เรียนเก่งอยู่แล้วตอนอยู่สหรัฐก็สอบได้เกรดสูงๆมาตลอด"
ไกรบอกพร้อมมองไปที่หลานสาวที่เจ้าตัวนั้นยิ้มอย่างเศร้าๆซึ่งไกรเองก็ไม่อยากพูดต่อเพราะมันจะสะเทือนใจมะลิ
"แล้วคุณอาทั้งสองละคะพี่ไกรสบายดีไหม"
"ก็คงสบายดี พี่ไม่ได้กลับบ้านเลยแต่เห็นว่างานคุณลุงจะขึ้นมาทั้งคู่"
ไกรตอบน้องสาวที่ถามถึงพ่อแม่ของตน ก่อนที่จะไปยังโรงรถทุกคนนั้นเห็นแม่บ้านที่สูงวัยได้เดินเข้ามาหาและทักขึ้น
"ไกรจะกลับแล้วหรือลูก"
"ครับป้าพิศ"
ไกรพูดจบแล้วเดินไปสวมกอดแม่บ้านที่ดูแลตนเองมาตลอดแล้วกราบไปบนบ่า
"ผมไปก่อนนะครับป้า"
"รักษาเนื้อรักษาตัวนะลูก ขอให้พระคุ้มครองป้าจะสวดมนต์ให้"
แม่บ้านนั้นพูดด้วยเสียงเครือๆกอดไกรแน่น ทำเอาน้อยนั้นเฉลียวใจ แต่ไม่ถามอะไรซึ่งระหว่างนั้นได้มีหญิงสาว2 คนได้เดินผ่านมาพอดี ทำให้น้อยนั้นทักขึ้น
"อ้าวพี่ภาพี่อนงค์ ไหนๆมาแล้วแนะนำให้รู้หน่อย นี่คุณไกรหรือเรืออากาศเอกเกรียงไกร คนที่คุณพ่อกับคุณแม่พูดถึงบ่อยๆ"
ทั้งคู่นั้นรีบยกมือไหว้ไกรทันทีถึงจะดูอาวุโสว่า น้อยนั้นแนะนำให้ไกรรู้จักกับ 2แม่บ้านประจำตึก ไกรนั้นรู้ว่าในบ้านจะมีป้าพิศมัยเป็นหัวหน้าแม่บ้านที่ดูแลทุกเรื่อง ส่วนบรรดาตึกต่างในบ้านนี้จะต้องมีแม่บ้าน 1 คนคอยดูแลอยู่ถึงตึกนั้นจะไม่มีคนอยู่แล้วก็ตาม ซึ่งบรรดาแม่บ้านเหล่านี้จะมีศักดิ์ศรีเหนือกว่าคนใช้ทั่วๆ ที่มีอยู่มากมายก่ายกอง ประภานั้นเป็นแม่บ้านของตึกที่หลานผู้หญิงอยู่ ส่วนอนงค์เป็นแม่บ้านตึกอีกหลังหนึ่ง
"โอ้เจอตัวจริงสักที เห็นแต่รูปที่ใส่ชุดนักบินตั้งอยู่ในห้องทำงานคุณท่าน ตัวจริงหล่อกว่าในรูปเยอะคะ"
ภาหรือประภาสาวใหญ่วัย 40 เศษนั้นพูดขึ้นมา ในสายตาของไกรแล้วดูประภาจะเจ้าชู้ไม่ใช่เล่น หูตาแพรวพราวพอสมควรผิดกับอนงค์ที่วัยดูจะไล่ๆกันแต่ดูเรียบร้อยกว่ามาก แต่ทั้งคู่นั้นยังดูดีกว่าคนในวัยเดียวกัน ไกรคุยกับทั้งอยู่2-3คำก่อนแล้วขอตัวเดินไปยังรถที่จอดอยู่โดยป้าพิศมัยเดินตามไปส่งด้วย พอเห็นรถที่จอดอยู่มะละกับน้อยต่างมองหน้ากันแล้วยิ้มๆ
"แหมอาน้อยถ้ามะลิได้เจ้าสปอร์ตจากัวร์คันนี้ขับไปเรียนคงเท่ห์น่าดู สีแดงสดซะด้วย"
ไกรเขกหัวหลานสาวบาๆแล้วพูด
"มากไปโว้ย โน่นรถของปู่เธอจอดเรียงกันร่วม 20 คันจะเอาคันไปก็ไปขอปู่แกโว้ยไอ้ลิ"
เด็กสาวแลบลิ้นให้ไกรส่วนน้อยนั้นพูดสนับสนุนหลานสาว
"มะลิพูดถูกคะ น้อยยังอยากขับเลยเครื่องคงแรงน่าดู"
ไกรส่ายหัวพร้อมหัวเราะออกมา
"พอๆกันทั้งอาทั้งหลาน ไปละ แล้วเจอกัน"
ไกรพูดทิ้งท้ายก่อนจะเปิดประตูรถพร้อมหันมายิ้มให้แล้วสตาร์ทเครื่องขับออกไปมะลินั้นโบกมือให้อา คนที่มาส่งทั้ง 3คน มองดูรถคันงามที่วิ่งออกจากประตูใหญ่ไปจนพ้นสายตา น้อยจึงจับแขนแม่บ้านที่ยืนเช็ดน้ำตาอยู่
"ป้าพิศคะ พี่ไกรมานานหรือยัง"
อีกฝ่ายนิ่งคิดแล้วตอบ
"ร่วม 2 ชั่วโมงได้คะหลังจากที่พวกคุณเข้าประชุมกันคุณไกรก็มาคะ"
"2 ชั่วโมงคุยอะไรกับคุณพ่อ"
น้อยพึมพำออกมาแล้วถามต่อ
"แล้วเมื่อกี้ที่ป้าพิศบอกจะสวดมนต์ให้พี่ไกรนี่อะไรหรือคะ อย่าปิดน้อยมันต้องมีอะไรมากกว่านี้"
แม่บ้านถอนหายใจก่อนจะบอก
"คืออย่างนี้คะ ตอนแรกที่คุณไกรมาถึง คุณไกรคุยกับท่านและคุณหญิงอยู่นานพอสมควรที่ห้องทำงานของท่าน พอคุณหญิงท่านออกจากห้องก็บอกให้ป้าเอาน้ำชาไปให้คุณพระ ตอนป้าเข้าไปป้าได้ยินคุณพระถามคุณไกรพอดีเรื่องเครื่องบินที่คุณไกรขับถูกยิงจนหางหรือปีกทะลุนี่ละคะ ป้าได้ยินมาไม่ชัดเท่าไหร่คะ ออกจากห้องมาก่อน ได้ยินเท่านี้ป้าก็ใจแป้วแล้วคะ ต้องออกมานั่งสงบสติอยู่พักใหญ่ มือไม้สั่นไปหมด"
แม่บ้านที่อาวุโสเล่าพร้อมเสียงสะอื้น น้อยนั้นเข้าใจเพราะป้าพิศนั้นผูกพันกับไกรมาก ส่วนมะลิเอามือทั้งสองขึ้นมาปิดปากด้วยความตกใจเรื่องที่เธอได้ยินนั้นทำเอาเด็กสาวพูดอะไรไม่ออก อากับหลานนั้นมองหน้ากันแต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมา จนถึงเวลาอาหาร ภายในห้องอาหารขนาดใหญ่ ที่คุณพระนั่งที่หัวโต๊ะ ส่วนด้านขวาเป็นที่นั่งของคุณหญิงภรรยาหลวงลำดับที่ 1 ส่วนที่เหลือจะเป็นบรรดาเมียคนอื่นๆและลูกๆหลานๆ มีสุชาดาที่ถือว่าตนเองอาวุโสสุดที่ของลูกๆที่อยู่ในอาณาเขตบ้านหลังนี้นั่งอยู่ด้านซ้ายมือของพ่อ ระหว่างที่คนใช้เริ่มตักข้าวให้เจ้านาย คุณพระได้เปรยขึ้นมาโดยไม่ระบุว่าพูดกับใคร
"เจ้าไกรมันมาหาพวกแกหรือเปล่า"
"มาคะพ่อ"
น้อยที่นั่งติดกับคุณหญิงเป็นคนตอบ คุณพระพยักหน้าแต่ไม่พูดอะไรต่อ สุชาดานั้นอดที่แขวะไม่ได้
"เป็นนักบินไทยดีๆไม่ชอบ ดันไปลาออกสมัครไปรบที่ลาวในประเทศพวก ผกค.ออกเต็มบ้านเต็มเมือง"
คุณพระหันไปมองลูกสาวด้วยสายตาที่ขุ่นๆ
"ยายสุแกไม่รู้อะไรก็เงียบไปเถอะ อย่าอวดฉลาดในเรื่องที่ไม่รู้ไปพูดเรื่องนี้กับคนอื่นๆนะอายเขา แกไม่รู้หรอกว่าเจ้าไกรมันเสียสละและเสี่ยงชีวิตขนาดไหน อย่าเอาอคติที่แกไม่ชอบหน้าเจ้าไกรมาบังตา"
คุณพระบอกไปยังลูกสาวด้วยความไม่พอใจ ทำเอาสุชาดาหน้าถอดสีและไม่กล้าพูดอะไรออกมา เพียงแต่นึกในใจว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาคุณพระกับแม่ใหญ่หรือคุณหญิงจะออกหน้ารับแทนไกรมาตลอด "คุณพ่อไม่ยุติธรรม"นี่เป็นสิ่งที่เธอคิดมาตลอดเวลา ทุกคนนั้นเงียบไม่กล้าพูดอะไรมากนักในมื้อที่คุณปู่กับคุณย่าใหญ่มาร่วมด้วย จนคุณพระนั้นอิ่ม ท่านหยิบซิการ์จากกล่องที่วางอยู่ใกล้มือขึ้นมาสูบ
"กลาง ปู่ถามอะไรหน่อย"
คุณพระถามไปยังหลานที่เป็นทหารอากาศ ทำเอาทุกคนนั้นเงยหน้าขึ้นมามองทันที
"ครับคุณปู่"
"ในฐานะที่แกกำลังจะไปเป็นศิษย์การบินปู่อยากรู้ว่าเครื่องบินที่โดนยิงตรงหางนะโอกาสรอดมีมากไหม"
กลางนิ่งคิดไปสักครู่ถึงตอบ
"ถ้าโดนทะลุตรงกลางก็โอกาสรอดเยอะครับ แต่ถ้าโดนจังๆแถวๆปลายตรงที่บังคับเครื่องให้เลี้ยวนั้นลำบากครับ แต่ถ้าโดนตรงโคนแล้วหางขาดออกจากลำตัวนี่ก็ดีดตัวโดดร่มอย่างเดียวครับ แต่นักบินต้องฝีมือจริงๆครับถึงจะเอาเครื่องลงได้"
คุณพระพยักหน้าแต่ไม่ถามอะไรต่อ ซึ่งไม่มีใครกล้าถามท่านในเรื่องนี้แต่ทุกคนพอจะเดาว่าทำไมท่านถึงถามขึ้นโดยเฉพาะน้อยกับมะลิที่พอจะรู้เรื่อง อากับหลานสาวต่างมองหน้ากันแต่ไม่กล้าพูดอะไรออกมาหลังจากทานมื้อค่ำกันเรียบร้อยทุกคนต่างแยกย้ายกลับไปยังตึกที่พวกตนอยู่ ส่วนคุณพระนั้นเข้าไปทำงานต่อที่ห้องทำงานส่วนตัวของท่าน ในกลางดึกคืนนั้น ในห้องพักของประภา เจ้าของห้องนั้นกลับมาจากตึกใหญ่ด้วยความระโหยโรยแรง แต่พอเข้าห้องไปไม่นานนักประตูห้องของเธอถูกเคาะด้วยรหัสอันเป็นที่รู้กัน ประภาถอนหายใจเบาๆแต่ใบหน้านั้นยิ้มแสดงความดีใจแล้วเดินไปเปิดประตู
"คุณมะลิ"
เธอพูดยังไม่ทันขาดคำ เด็กสาววัยรุ่นนั้นเข้ามาในห้องทันที ประภาชะโงกหน้าไปดูนอกห้องอีกครั้งให้แน่ใจว่าไม่มีใครผ่านมา เธอจึงปิดตูแล้วล็อกห้องทันที พอหันกลับมาตัวของเธอถูกเด็กสาววัยรุ่นนั้นกอดทันทีพร้อมกับการระดมจูบไปทั่วหน้า จนริมฝีปากมาทาบกันสนิทซึ่งประภานั้นตอบสนองอีกฝ่ายเช่นมือทั้งสองนั้นยกขึ้นมาโอบกอดตอบ
"ทำไมมาดึกจังคะ"
มะลิถามหลังจากการจูบที่ดูดดื่ม
"ก็ทำงานให้ท่านนะสิ"
เลสเบี้ยนหรือ
มาแนวดนตรีไทยหรือครับ แล้วอาไกรล่ะ?
เรื่องย้อยยุคน่าติดตามดี
น้องมะลิน่าจะได้เสียวละ
มะลิเอาไปใส่แจกันดีมั้ย
มลิกับประภาคงเป็นคู่ขากันแน่ๆแต่ที่มะลิถามว่า"ทำไมกลับช้าคำตอบคือทำงานให้ท่าน"นี่สิน่าสงสัยว่าทำงานที่ว่าคือบำเรอเซ็กส์หรือเปล่า
ลิ้นที่ว่า มันสู้ได้หรือ
ผิดคาด มะลิเป็นเลส
ขอบคุณครับ
มะลินี่ดูแล้วน่าจะแสบพอตัวเลย
เรื่องมันชักจะยังไง ๆ อยู่นะ
อ้าวมะลิเป็น เลส ซะละ
เรื่องยาวอีกแล้วว
เลสเบียน ใช่ไหม
มะลิมาทำอะไรเอ่ย
เท้าความละเอียดดีครับ น่าอ่าน
น้องมะลวยหัวคิ เลสเบี้ยนเหรอเนี่ย
มาแนวเลสเลย
คฤหาสน์หลังนี้ต้องมีเรื่องเสียวๆซ่อนเอาไว้อีกเยอะแน่ๆ ขอบคุณครับ
มะลิอะไร
มะลิทำแบบนี้ต้องให้ไกรสอนเสียวจะได้ชอบผู้ชาย
เล่นกันเองซะแหล่วๆๆๆ
มะลิมาทำอะไรดึกๆดื่นๆ
มะลิเป็นเลสเฉยเลย
แนวไหนหว่า น่าติดตามคร้บ
นิยายย้อนยุคมักมีความลับดำมืดที่ซ่อนอยู่
มะลินี่ดูแล้วน่าจะแสบพอตัวเลย
อ่านแรกๆอยากรู้เรื่องไกร ตอนนี้อยากรู้เรื่องมะลิมากกว่าแล้ว
เรื่องยาวมาก เดี๋ยวมาอ่านต่อ
มะลิน่าจะไม่รอด
มะลินี้ยังไง
แอบมาตีฉิ่งฉับกันนี่เอง
เดี๋ยวนะประภากะมะลิใครเริ่มก่อนเนี่ย ใจแตกเลยมะลิ
สายหญิง/ชาย
ขอบคุณมากครับ อาไกรจะมีอะไรให้ลุ้นกับมะลิมัยหนอ
ครอบครัวนี้เรื่องบนเตียงคงสนุกน่าติดตาม
หายไปนานนึกว่าไม่เขียนลงที่นี่อีกแล้ว
แนวเรื่องดูย้อนยุค น่าติดตามมากครับ สำนวนท่านเล่าเรื่อง มีรายละเอียด มีเนื้อหา อ่านสนุกครับ
::Glad::
แนวนี้ชอบมากๆเลย
มะลิ สาวน้อยเป็นสาย หญิง หญิง หรือเนี่ย
จัดสองสาวพร้อมกันเลย
อาไดรจะได้ตอนไหนะครับ ::Hunger::
หลานอาน่าจะอยากลอง
ชู้รักลึกลับ
::Shy:: มะลิมาแนวเลสเบียนรึเปล่า
ออกแนวย้อนยุคน่าจะสนุกดีนะ
หายไปนานเลยนะครับ มาคราวนี้ เรื่องยังแน่นด้วยรายละเอียดและเนื้อหาเหมือนเดิม งานนี้ ไกรจะเป็นยังไง จะจบดีไหมครับ
ดอก..มะลิที่หอม
เสร็จงานนึง ก็มาต่ออีกงาน
แนวเลสปะครับ ขอลุ้นไปด้วยคน
ตามไปติดๆ
เริ่มเรื่องก็ตื่นเต้นล่ะ
ปูเรื่องยืดเยื้อ
ตกลงแนวตีฉิ่งเหรอเนี่ย
อ้าวมะลิเป็นเลสหรอ
::Yes!:: ต่อ ครับ ชอบแนวนี้ หลานมะลิ นี่ยังไง
::Me?::
แอบมาทำไรกันสองคน ::Beggar::
ปูเรื่องมาไกลมากสุดท้ายน้องมะลิมาแบบไม่คาดคิดซะอย่างนั้น แต่อยากให้หนูสุโดนจัดสั่งสอนสะทีเอาให้ติดไปเลย
เรื่องยาวๆ
เพิ่งเริ่มติดตามครับ เนื้อเรื่องเยอะดี
แนวหญิงหญิง แต่เดี๋ยวคงมีดุนมาแจมแน่
เยี่ยม
มะลิจะเล่นดนตรีไทย แล้วไกรละ
เรื่องนี้ต้องมีเงี่ยนงำ
มะลิจะโดนอามั้ย
นึกว่าคุณ twintower จะหายไปแล้วซะอีก ขอบคุณมาก ๆ ครับ
มะลิชอบอย่างนี่เหรอ
ขอบคุณคับ
ยังจับทางไม่ออกเลยครับ
อ้าวมะลิ. เปลี่ยนแนวเฉยเลย
มะลิกับประภาน่าสนใจมากๆ ::YehYeh::
::Cold::
แนวย้อนยุค อ่านแล้วเพลินดี ส่วนมะลิจะเป็นแนวไหน รอลุ้นต่อ
คุณพระ ตามมาสมทบ ประภากับมะลิ โดน 2-1
อะอ้าว มีการเล่นคนตรีไทยหละซิ
มะลิหอม
มะลิน่าจะโดนแน่ๆ
น่าติดตาม มาก หลายยุค หลายแนวในเรื่องเเยส
แนวเลสเบี้ยนหรือ
ซับซ้อนน่าดู หนูมะลินี่จะเป็นยังไงต่อน้อ
สาวชอบสาวไหมนะ
::Thankyou:: Thankyou
เสียวย้อนอดีต ชอบๆๆ
เสร็จมะลิ
ดีใที่ได้เสพผลงานเด็ดๆ ของท่านผู้เขียนท่านนี้อีกครั้ง
แนวย้อนยุค และประพันธ์โดยคุณ TwinTower นี่เดาลำบากจริงๆ แต่สนุกทุกเรื่องครับ
มะลิแอบทำไรกับภา ขอให้ไกรรู้
สองคนนี้ลับๆล่อๆ
งานนี้หนูรอดอยากนะ ::Shy:: ::Thankyou::
นั่นแน่ มะลิ ประภา
มะลิกับอาไกรเรื่องราวต่อไปดำเนินการน่าติดตาม
จะชอบแนวเลสเบียนไหมเนี่ย อากับหลานนะ
สรุปมะลิมาเรียนพิเศษ
เสร็จแน่มะลิ
มะลิมาทำไม
น่าติดตามมากๆ ::YehYeh::
ชอบแบบนี้ก็ไม่บอก
ยูริกันฉ่ำ
คุณมะลิมาแนว LGBTQแล้ว
ลิลลี่บานสะพรั่ง ::DookDig::
มะลิสายเลสหรอเนี่ย
หวานแหววๆ
เอ..ทำไม่ต้องย่องมาหากันดึกๆดื่นๆ ::HeyHey:: ::HeyHey::
มะลิน่าจะไม่รอด
ตัวละครเยอะจังท่าทางจะยาวเรื่องนี้ แถมมีบรรเลงดนตรีไทยกันด้วย
ขอบคุณครับ
รสรักนั้นสุดจะห้าม
เรื่องดีน่าติดตาม
น้องมะลิมาทำอะไรเนีย
คุณไกร หรือคุณพระ จะได้มะลิก่อนกัน
เนื้อเรื่องยาวจุใจ ขอเข้าไปชมก่อนแล้วจะมาเพิ่มเติมครับ
** น่าติดตามดีครับ มีหลายแนว ทั้งฮาเร็มทั้งLGBTQ แต่ไม่ทราบผู้แต่งจะเดินเรื่องแต่งต่อหรือไม่ จะได้ปูเสื่อนอนรอจองอยู่แถวหน้าเลย...ยังไงก็อย่าหายลับไปนานนักนะครับ... ::Thankyou::
ชอบเลยฮะแนวนี้