เกมร้อน-ซ่อนเงา ตอนที่ 1 : เงาจันทร์
แสงบ่ายร่วงผ่านผ้าม่านโปร่งบนชั้นสองของบ้านหลังเดิม เงาแดดทอดลงบนพื้นไม้เก่าและกลิ่นกาแฟดำในแก้วที่ยังอุ่นปลายไอ ลมหายใจของผู้หญิงวัยกลางคนผสานกับไอความเงียบในบ้านที่คุ้นเกินไป ราวกับบ้านมันจำได้ว่าเมื่อไหร่ที่เจ้าของรู้สึกอะไรอยู่
นารถยืนอยู่หน้าซิงก์ล้างจาน ท่ามกลางแสงที่ทาบเข้ากับผิวอย่างเงียบงัน เสื้อยืดสีขาวสะอาดแนบลำตัวตามสัดส่วนตามวัยของผู้หญิงที่ไม่ได้ตั้งใจโชว์อะไรอีกต่อไปแล้ว แต่กลับดึงสายตาด้วยความนิ่งแบบที่แค่เดินผ่านก็รู้ว่าเธอไม่ใช่คนธรรมดา
เธอกำลังรอ...ไม่ใช่การรอแบบกดดัน หรือเตรียมจับผิด แต่เป็นการรอที่เต็มไปด้วยแผ่นชั้นของการประเมิน—เงียบ ลึก และชัดกว่าเสียงพูด
เสียงเครื่องจักรเบาลงเมื่อเขาดับเครื่องตรงหน้ารั้วบ้าน บ้านสองชั้นหลังสีอ่อนในย่านเงียบสงบรับแสงบ่ายไว้บนผนังเหมือนฉากที่ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า
เมย์ถอดหมวกกันน็อกส่งให้เขา ก่อนจะสะบัดผมเบา ๆ อย่างที่เธอชอบทำเวลาอยู่ใกล้คนที่เธอรู้สึกว่าเป็น "ของเธอ"
เรนยกสายตามองหน้าต่างชั้นบนที่ผ้าม่านพลิ้วเบา ๆ ราวกับมีใครอยู่ด้านหลัง และเขาก็เดาได้แม่นยำกว่าเข็มทิศ — แม่ของเมย์กำลังอยู่ตรงนั้น
เธอเปิดประตูบ้านก่อนที่พวกเขาจะเดินถึง
เสียงเท้าเบา ๆ ของเรนบนพื้นระเบียงไม้ทำให้จังหวะหัวใจของคนที่ยืนรอเปิดประตูเปลี่ยนไปเพียงเสี้ยววินาที
เขายกมือไหว้ทันทีที่ประตูเปิด
เธอยืนนิ่ง ริมฝีปากมีรอยยิ้มบางอย่างที่ไม่เหมือนรอยยิ้มต้อนรับทั่วไป
"สวัสดีครับ ผมเรน"
เสียงเขานิ่ง แต่มีน้ำหนักพอดี
"เข้ามาสิ" เธอเอ่ยเบา ๆ ถอยหลังเปิดทางให้
ภายในบ้านเงียบอย่างไม่น่าประหลาดใจ — ไม่ใช่เงียบเพราะขาดเสียง แต่เพราะทุกอย่างดูแน่น ชัด และพร้อมจะบันทึก
กลิ่นข้าวหอมลอยมาตามลมอ่อน ๆ จากครัว ด้านนอกมีเสียงใบไม้ไหวเบา ๆ เหมือนบังเอิญ แต่แนบสนิท
เขาวางหมวกกันน็อกไว้ตรงมุมหนึ่งของห้องนั่งเล่นก่อนจะตามเมย์เข้าไปในครัว
ตรงนั้น ลพกำลังจัดจานพอดี สีหน้าเขานิ่ง เหมือนพ่อบ้านทั่วไปที่ไม่คิดอะไรซับซ้อน แต่นั่นเองที่ทำให้เรนรู้สึกว่าต้องระวัง
"เรนใช่ไหม" ลพเอ่ยขึ้นโดยไม่หัน
"ครับ สวัสดีครับคุณลุง"
เขาไหว้เต็มมือ เสียงเรียบไม่เร่ง
ลพพยักหน้าเพียงเล็กน้อย "ตามสบายเลย"
โต๊ะอาหารถูกจัดอย่างเรียบร้อยแต่ไม่ประดิษฐ์ แกงจืดหมูสับ ผัดผัก ไข่เจียว และน้ำผลไม้ในเหยือกใส — ธรรมดาเหมือนมื้อกลางวันของบ้านทั่วไปที่ไม่มีอะไรต้องแต่งเติม
นารถนั่งลงฝั่งตรงข้ามเขา
เรนมองเธอแวบหนึ่ง ไม่ใช่ด้วยความเกร็ง แต่เหมือนอยากจับอุณหภูมิของอากาศรอบตัวที่เปลี่ยนไปเมื่อเธออยู่ตรงนั้น
"กินเผ็ดได้ไหมลูก" ลพถามขณะตักต้มยำให้
เรนพยักหน้าพร้อมรอยยิ้ม "ได้นิดหน่อยครับ แต่พยายามปรับอยู่"
นารถไม่ได้พูดอะไร แต่แค่จังหวะที่เธอเอื้อมมือไปหยิบถ้วยน้ำจิ้มพร้อมกับเขา นิ้วของทั้งสองแตะกันเสี้ยววินาที
สั้นพอจะมองข้าม แต่ชัดพอให้บางอย่างในอกเขากระตุก
เขาชะงักเล็กน้อย
เธอเองก็ไม่ได้รีบชักมือกลับ แต่เพียงวางถ้วยลงอย่างเงียบที่สุดเท่าที่จะเงียบได้
เมย์หัวเราะเบา ๆ ขณะตักไข่เจียวใส่จานเรน "อันนี้ของโปรดเขาเลย แม่ทอดฟูมากเลยนะ"
นารถเหลือบมองเขานิดหนึ่ง
"เหรอ" เธอตอบเบา ๆ แต่แปลกพอให้เรนชะงักในใจ
เขายิ้มรับ พยายามตักกับข้าวอย่างไม่ให้มือสั่น
แต่สายตาของเธอที่มองตรงมาในระยะพอดีนั้น ทำให้มือเขาหยุดไว้กลางอากาศชั่วขณะหนึ่งโดยที่เขาไม่รู้ตัว
ลพพูดอะไรบางอย่างเรื่องเรียน แต่เสียงเหมือนถูกกรองผ่านหมอก
เรนตอบได้ครบทุกคำ ถ้อยคำเรียบ ตรง และสุภาพ
แต่ในจังหวะที่เขาก้มหน้าตักข้าว แล้วเหลือบตาขึ้นมอง
เขาเห็นนารถก้มหน้าลงเหมือนกำลังจัดจานของตัวเอง — แต่ปลายนิ้วเธอแตะขอบจานแน่นเกินกว่าปกติเล็กน้อย
เขารู้ในตอนนั้นเองว่า
อะไรบางอย่างในมื้อกลางวันของวันนั้น...ไม่ได้ธรรมดาอย่างที่มันควรจะเป็น
เมย์ลุกขึ้นเก็บจานด้วยความเคยชิน ท่าทางคล่องแคล่วแบบคนที่ไม่ต้องพิสูจน์ตัวเองในบ้านหลังนี้อีกแล้ว เธอชะโงกหน้าเข้าไปในครัว แล้วหยิบถุงขยะ
ก่อนจะหันมาบอก
"เดี๋ยวหนูเอาไปทิ้งให้นะคะ"
ลพพยักหน้า มือยังเช็ดโต๊ะอย่างไม่รีบร้อน ขณะที่นารถมองลูกสาวเดินออกไปทางประตูข้างบ้านโดยไม่ได้พูดอะไร
เรนลุกขึ้น หยิบจานของตัวเองและของเธอด้วยท่าทางจะช่วย
"ไม่ต้องหรอก"
เสียงเธอนิ่ง เบา แต่ตัดสายลมได้ชัดเจน
เขาหยุดแค่ปลายนิ้ว ก่อนจะวางจานลงที่เดิมช้า ๆ แล้วนั่งลงอีกครั้ง
ครัวเงียบกว่าที่ควรจะเงียบ — ไม่มีเสียงน้ำ ไม่มีเสียงคน
มีเพียงเสียงนกจากสวนหลังบ้านที่เหมือนมาเตือนว่า มีแค่สองคนในห้องนี้แล้ว
นารถหยิบแก้วน้ำขึ้นมาจิบอีกครั้ง แต่สายตาไม่ได้ละจากเขา
เรนรู้สึกว่าความเย็นของน้ำแข็งในแก้วนั้นไม่ได้ลดอุณหภูมิของอะไรเลย
"เรียนที่ไหนนะ"
เธอถามเรียบ ๆ ไม่สบตาตรง
"นิเทศครับ ปีสาม"
เขาตอบเสียงเรียบแต่ตรง น้ำเสียงแฝงความตั้งใจจะวางตัวให้เบาที่สุด
เธอพยักหน้าน้อย ๆ มือยังแตะแก้วน้ำ
"อยู่บ้านแถวไหน"
"ตอนนี้อยู่หอครับ"
เขาหยุดนิดหนึ่ง ก่อนเติมเสียงเบากว่าเดิม
"เมื่อก่อนไป–กลับจากบ้าน แต่มีปัญหานิดหน่อยเลยย้ายออก"
เธอเงียบ ไม่ถามซ้ำ
แต่เรนรู้ดีว่าความเงียบของเธอไม่ใช่การข้ามประเด็น แต่มันคือการฟังอย่างระมัดระวัง
เขายิ้มน้อย ๆ เหมือนจะตัดความตึงในอากาศ
"อยู่กับพ่อกับแม่เลี้ยงครับ...พ่อไม่ค่อยสบายเท่าไหร่ช่วงนี้ ก็เลยไม่ได้อยากเอาอะไรไปเพิ่มที่บ้านอีก"
นารถมองเขานิ่ง รอยยิ้มของเขามีมุมที่เธอมองออกว่าคือ "การปิดเสียงบางอย่างไว้ข้างใน" มากกว่าจะเปิดออก
"เคยได้ยินมาบ้างแล้ว"
เธอพูดเบา ๆ
ไม่ใช่เพื่อแสดงว่าเธอรู้...แต่เพื่อบอกว่าเธอไม่ได้แกล้งไม่รู้
เขาพยักหน้ารับ สบตาเธอเพียงวินาทีเดียว
แววตานั้นเหมือนเด็กที่เคยโดนถามว่า "อยู่กับใคร" ซ้ำ ๆ จนไม่อยากตอบอีกแล้ว
นั่นคือจังหวะที่เธอรู้ว่าเด็กหนุ่มคนนี้ไม่ได้เก่งแค่เรื่องเรียนหรือวางตัว
เขาเก่งในการอยู่ให้รอดจากบางอย่าง...โดยไม่ต้องอธิบายอะไรเลย
เสียงช้อนกระทบจานในครัวดังอยู่พักหนึ่งก่อนจะเงียบลงพร้อมแสงที่เปลี่ยนสีช้า ๆ จากบ่ายจ้าเป็นทองมัว เรนนั่งอยู่ริมหน้าต่างของห้องรับแขก ห่างจากโต๊ะอาหารเดิมไม่ถึงสองก้าว แต่ระยะระหว่างเขากับนารถในตอนนี้กลับดูเหมือนมีลมหายใจของใครอีกคนคั่นกลาง
เมย์หายขึ้นไปข้างบนเพราะแม่เรียกให้เอาผ้าไปเก็บ ส่วนลพเดินออกหลังบ้านไปคุยโทรศัพท์ ปล่อยให้เขากับนารถนั่งในระยะที่ไม่ใกล้ไม่ไกลพอจะหายใจร่วมกัน แต่ก็ไม่พอจะเบี่ยงความรู้สึกออกไปไหนได้
เธอวางแก้วน้ำเปล่าลงช้า ๆ บนโต๊ะข้างตัวแล้วเอ่ยขึ้นเบา ๆ
"นิเทศนี่...น่าจะได้เจอคนหลายแบบ"
เขาพยักหน้าช้า ๆ ยิ้มนิดหนึ่ง
"ครับ บางทีก็เหมือนอยู่กลางฉากที่ไม่มีสคริปต์ ต้องคอยเดาใจคนตลอดเวลา"
เธอหัวเราะในลำคอเบา ๆ ไม่ใช่เพราะขำ แต่เหมือนเห็นภาพบางอย่าง
"แต่บางคนไม่เดาก็รู้ใช่ไหม...ว่าเขาคิดอะไรอยู่"
เรนหันไปสบตาเธอเพียงครู่ แล้วหันกลับมามองแสงเย็นที่ส่องลงบนพื้นไม้
"บางทีไม่รู้ก็ยังดีครับ...จะได้ไม่ต้องคิดต่อ"
นารถไม่ตอบ แต่สายตาของเธอยังคงอยู่ที่ด้านข้างของใบหน้าเขา ราวกับพยายามหาช่องแสงเล็ก ๆ ที่จะลอดเข้าไปได้มากกว่านั้นอีกนิดเดียว
เสียงฝีเท้าของเมย์บนบันไดชั้นบนทำให้เธอขยับตัวเหมือนคนเพิ่งนึกได้ว่าต้องเปลี่ยนจังหวะ
"ห้องน้ำอยู่ทางนั้นนะ ถ้าอยากล้างหน้าล้างตา"
เขาพยักหน้ารับคำ แล้วลุกขึ้นเดินไปตามที่เธอบอก
ขณะเดินผ่าน เธอยืนอยู่ใกล้พอจะได้กลิ่นสบู่อ่อน ๆ จากตัวเขา กลิ่นที่ไม่ฉุน แต่มีอะไรบางอย่างที่ชวนให้จดจำ...เหมือนสายฝนที่ตกลงมาไม่ทันตั้งตัวในวันที่ไม่ได้เตรียมใจ
เธอไม่ได้หันไปมองเขาตรง ๆ
แต่ในจังหวะที่ประตูห้องน้ำปิด เธอกลับยกแก้วเปล่าขึ้นมาแนบริมฝีปาก
ไม่ได้ดื่ม
แค่รู้สึกว่าอะไรบางอย่างยังอุ่นอยู่ตรงนั้น แม้น้ำแข็งจะละลายไปหมดแล้ว
แสงเย็นคลี่คลายเป็นรอยทองสุดท้ายของวัน เมย์เดินมาส่งเรนถึงหน้าบ้านก่อนจะหยุดยืนใต้ต้นลีลาวดีที่เงาของมันทอดยาวลงบนทางเดิน
เขาสวมหมวกกันน็อก หันกลับมามองเธออีกครั้ง
ไม่มีคำลา ไม่มีคำย้ำอะไรในจังหวะนั้น นอกจากรอยยิ้มบาง ๆ ที่ค้างอยู่ตรงริมฝีปากเธอ
เขาสตาร์ทรถช้า ๆ ปล่อยเสียงเครื่องยนต์ให้กลืนคำพูดทุกคำที่ไม่ถูกพูดออกไป
แล้วขับออกจากหมู่บ้านเงียบ ๆ เหมือนคนที่กำลังกลับจากที่ที่ไม่แน่ใจว่าควรเรียกว่าบ้านใคร
หอพักที่เขาอยู่ไม่ไกลจากมหาวิทยาลัยมากนัก อาคารเก่าสีซีดแทรกตัวอยู่ระหว่างซอยที่มีแต่เสียงรถกับไฟนีออน เสียงล็อกประตูดังเพียงแผ่วเมื่อเขาเข้าห้อง ปล่อยเป้ลงตรงปลายเตียง แล้วทิ้งตัวลงช้า ๆ เหมือนคนที่เพิ่งรู้สึกถึงความเหนื่อยหลังจากหมดแรงไปนานแล้ว
ห้องของเขาเงียบกว่าเดิม ไม่ใช่เพราะไม่มีเสียง
แต่เพราะบางอย่างในใจเขากลับมาเงียบไปด้วย
เขาอาบน้ำ ชงมาม่าถ้วยเล็ก กินไปสองคำ แล้วทิ้งช้อนไว้ในถ้วยโดยไม่ได้ตั้งใจ
ก่อนจะนอน เขาเปิดโทรศัพท์ดูข้อความจากเมย์ "ถึงหอแล้วทักด้วยนะ"
เขาพิมพ์กลับไปสั้น ๆ ว่า "ถึงแล้ว" แล้วก็วางเครื่องลงบนหัวเตียง
จอวูบดับพร้อมกับแสงทั้งหมดในห้อง
ความมืดเข้ามาเงียบ ๆ เหมือนสิ่งที่เขาพยายามไม่คิดมาตลอดบ่าย
เขาหลับโดยไม่ตั้งใจ ฝันโดยไม่รู้ตัว
ในฝัน เขานั่งอยู่บนเตียงตัวเองเหมือนตอนที่ยังตื่นอยู่
แต่ห้องไม่ได้อยู่ในสภาพเดิม แสงในนั้นไม่ใช่แสงจากหลอดไฟเพดาน แต่เป็นแสงเหลืองจางคล้ายแสงโคมเก่า
ฝุ่นลอยอยู่ในอากาศอย่างช้า ๆ เหมือนอยู่ในห้องที่หยุดเวลาไว้
แล้วเธอก็ปรากฏอยู่ตรงประตูห้อง
เธอไม่ได้เดินเข้ามา...แต่ยืนอยู่เฉย ๆ ในชุดนอนผ้าซาตินที่แนบลำตัวเหมือนละลายไปกับผิว
ไหล่ข้างหนึ่งหล่นออกจากเสื้ออย่างไม่ได้ตั้งใจ
ผิวขาวนวลของเธอสะท้อนกับแสงจาง ๆ จนดูเหมือนมีเงาอีกชั้นซ้อนอยู่ใต้ผิวจริง
เรนไม่พูด
และเธอก็ไม่ได้พูด
เขามองเธออยู่นาน เหมือนทั้งห้องเหลือแค่เขากับเธอ และอากาศที่ไม่มีออกซิเจนพอจะหายใจได้เต็มปอด
นารถเดินเข้ามาช้า ๆ
แววตาในฝันของเธอไม่ได้อ่อนโยน...แต่ก็ไม่ได้แข็ง
มันเหมือนสายตาของคนที่เคยเห็นบางอย่างในเขา ที่เขาเองก็ยังไม่กล้ามองตรง ๆ
เธอยืนอยู่ข้างเตียง แล้วค่อย ๆ ย่อตัวลงนั่งตรงปลาย
เงาผมแนบแก้ม ปลายนิ้วเธอแตะขอบผ้าห่มเบา ๆ
แล้วเธอก็พูดคำหนึ่งออกมา
เสียงเบากว่าลมหายใจของเขา แต่ชัดเจนกว่าความจริงในห้องทั้งห้อง
"อย่าเพิ่งหนี"
เขาสะดุ้งตื่นในทันที
ห้องยังเหมือนเดิม
แสงจากหลอดนีออนข้างนอกลอดผ่านหน้าต่างเข้ามาบนกำแพง
พัดลมยังหมุนอยู่ เสียงหอพักยังไม่หยุด
แต่บางอย่างในอกของเขา...ไม่ใช่ของเดิมอีกแล้ว
เขานอนนิ่งอยู่นาน หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ เหงื่อออกตรงขมับเล็กน้อยโดยไม่รู้ว่าเพราะฝัน หรือเพราะเธอ
เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
ไม่มีข้อความจากเมย์
แต่เขากลับเผลอเปิดแชตของตัวเองที่เคยทักกับเมย์ขึ้นมา
เลื่อนผ่านประโยคเก่า ๆ อย่างไม่มีจุดหมาย
แล้วหยุดนิ้วลงตรงข้อความที่เคยพิมพ์ถึงเธอวันแรกที่คบกัน
"เรารู้สึกเหมือนตัวเองเปลือยเวลาอยู่กับเธอ"
เขาหลับตาลงอีกครั้ง
แต่ภาพที่เขาเห็นในหัว...ไม่ใช่เมย์อีกต่อไปแล้ว
เขาหยิบมันขึ้นมา หน้าจอแสดงชื่อ: "คุณนารถ"
ไม่มีข้อความ
ไม่มีสายเรียกเข้า
แค่หน้าจอว่างเปล่าที่เปิดขึ้นเองโดยไม่มีใครแตะต้อง
เขาชะงักมองมันอยู่นาน ก่อนที่หน้าจอจะดับไปเอง
เงาสะท้อนบนหน้าจอเป็นใบหน้าเขา...แต่มุมริมของภาพนั้น — เหมือนมีเงาใครอีกคนยืนอยู่ข้างหลัง
แล้วเรนก็หันกลับไป...ช้า ๆ
เงาแม่แฟนทาบทับในใจ
ชอบครับ ปูเรื่องน่าติดตามมากๆ
แค่เริ่ม ก็ได้ลุ้นแล้วครับ