ติดตามฉบับเต็มได้ที่นี่เลยค่ะ
https://www.readawrite.com/?action=manage_article&article_id=97f4b46184ddc5aaa6c3e9d4209844f7&tab=mainManageChapter&page_no=1
https://fictionlog.co/b/678dca26327b06001c801d05
https://www.tunwalai.com/story/827540
หรือจะสนับสนุนอีบุ๊กได้ที่นี่นะคะ
https://www.mebmarket.com/web/index.php?action=BookDetails&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6ODoiMTA0MDgzNjQiO3M6NzoiYm9va19pZCI7czo2OiIzNDc1OTYiO30
https://pintobook.com/ebooks/679ad83d48dfb4773df51339
https://www.tunwalai.com/ebook/70707/info
หรือพูดคุยกันได้ที่
X - @airwriterreader
facebook/airflyline
ขอบพระคุณค่ะ
..........................
ผมเจอจูนครั้งแรกเมื่อประมาณ 5 ปีที่แล้ว ตอนนั้นผมเพิ่งเลยวัยเบญจเพสไปไม่กี่ปี เพิ่งเริ่มทำงานเป็นวิศวกรในเมืองกรุงได้ไม่นานก็ถูกสั่งให้ย้ายไปประจำการในโรงงานแห่งหนึ่งของจังหวัดเล็ก ๆ ในภาคเหนือ
ตอนได้รับคำสั่งให้ย้ายไปทำงานไกลบ้านถึงที่โรงงานในภาคเหนือนั้น ผมยอมรับว่าเหมือนถูกบีบบังคับ หากไม่ยินยอมก็อาจจะต้องลาออก แต่ผมก็เหมือนน้องใหม่ในวงการ ต้องการสั่งสมประสบการณ์ในสายงานวิศวกรรมที่เรียนมาก็จึงต้องยอมย้ายมาจากสำนักงานใหญ่ที่กรุงเทพ
ข้อดีของการทำงานในโรงงานประจำภาคเหนือคือบรรยากาศที่ดูผ่อนคลายมากกว่าและมีความกดดันน้อยกว่าเมื่อเทียบกับโรงงานใหญ่แห่งอื่น เรื่องคิดถึงบ้านไม่มีอยู่ในหัวอยู่แล้วสำหรับคนวัยหนุ่มแน่นในเวลานั้น แต่ผมก็ยอมรับว่ามีความกังวลที่อาจจะเติบโตในสายงานนี้ไม่ทันเพื่อนร่วมรุ่นซึ่งส่วนใหญ่ประจำอยู่ในโรงงานระดับยักษ์ใหญ่ทั้งสิ้น
ทว่า ความคิดด้านลบในหัวของผมมลายหายไปจนหมดสิ้นเมื่อได้พบกับจูน ตอนนั้นเธอยังเป็นนักศึกษาและเข้ามาฝึกงานในโรงงาน อีกทั้งยังมาอยู่ในแผนกเดียวกับผมด้วย เธอเรียนคณะวิศวกรรมในมหาวิทยาลัยชื่อดังของเมืองเหนือ
ภาพจำในหัวของผมยังแม่นยำราวกับเกิดขึ้นเมื่อวาน จูนในเครื่องแบบนักศึกษาเดินเข้ามาในส่วนออฟฟิศพร้อมกับออร่าอันเจิดจรัส เธอเป็นสาวเหนือ ผิวของเธอจึงขาวราวหยวกกล้วย เนียนละเอียดอมชมพูจากหน้าผากไปจรดข้อเท้า เส้นผมของเธอสีดำขลับยาวสลวย รูปร่างอ้อนแอ้นและสมส่วน แฝงด้วยทรวดทรงที่ไม่ธรรมดาทั้งหน้าอกและสะโพกที่ดึงดูดสายตาเหลือเกิน ทั้งที่เธอไม่ได้ใส่เครื่องแบบฟิตรัด
คงไม่ต้องบอกก็น่าจะเดากันได้ว่าจูนเป็นเหมือนนางฟ้ามาโปรดผู้สร้างความสดใสกระชุ่มกระชวยให้แก่หัวใจชายฉกรรจ์ทั้งหลายในโรงงานแห่งนี้ เดิมที พนักงานผู้หญิงที่ทำงานอยู่ก็มีแต่พวกป้า ๆ ทั้งนั้น ส่วนใหญ่อยู่ในฝ่ายบัญชี ฝ่ายบุคคล หรือฝ่ายจัดซื้อมากกว่า เมื่อมีสาวสวยนักศึกษาเข้ามาในงานสายวิศวะก็ทำให้เธอโดดเด่นกลายเป็นดาวจรัสแสงทันที
แต่ตลอด 3 เดือนของการฝึกงาน ไม่มีหนุ่มคนใดกล้ารุกจีบเธอสักคน เพราะทุกคนแน่ใจว่าจูนต้องมีแฟนอยู่แล้ว เป็นไปไม่ได้เลยที่สาวน้อยหน้าตาน่ารักและสวยสะพรั่งไปทั้งตัวขนาดนี้จะยังโสดอยู่ได้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว จูนยังไม่มีคนรักเป็นตัวเป็นตน จริงอยู่ว่ามีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่มากหน้าหลายตาเข้าหาเธอ แต่เธอยังไม่ให้ความใกล้ชิดกับใครเป็นพิเศษ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะพ่อของเธอที่ดุมากนั่นเอง
พ่อของจูนมีบุคลิกคล้ายกำนันผู้ทรงอิทธิพลในแถบชนบท พูดจาโผงผาง แกไว้หนวดเข้ม เวลาเข้าสวน แกใส่หมวกปีกกว้างราวกับเป็นคาวบอยในหนังตะวันตก ผมเชื่อว่าแกต้องเป็นเจ้าของปืนหลายกระบอกแน่นอนซึ่งทำให้ชายหนุ่มหลายคนถอยกรูด ซึ่งจะว่าแกก็ไม่ได้ เพราะลูกสาวคนเดียวของแกสวยขนาดนั้น
ขณะเดียวกัน คุณพ่อยังเป็นเจ้าของร้านขายวัสดุก่อสร้างเล็ก ๆ แห่งหนึ่งในอำเภอรอบนอกตัวเมือง และดูเหมือนแกจะวางแผนให้ลูกสาวคนเดียวรับช่วงกิจการต่อ แต่ ณ เวลานั้น จูนยังแบ่งรับแบ่งสู้ เพราะเธออยากทำงานให้ตรงสายที่เรียนมามากกว่า
ยิ่งเวลาผ่านไป ผมยิ่งเหมือนถลำลึก หลงเสน่ห์ที่ล้นเหลือของจูนมากขึ้นเรื่อย ๆ เพราะไม่เพียงหน้าตาที่ทั้งสวยและ น่ารัก แต่เธอยังหุ่นดีและผิวขาวซึ่งตรงสเปกผมทุกอย่าง แล้วไหนจะบุคลิกและการพูดจาก็ชวนให้ตกหลุมรักได้ง่ายดาย
กระนั้น ผมก็มองไม่เห็นหนทางที่จะยกระดับความสัมพันธ์ไปได้ไกลกว่านี้ เพราะผมเองก็เจียมเนื้อเจียมตัว หน้าตาไม่ได้หล่อเหลา เงินทองก็ไม่มีมากมาย ผมทำได้แค่พูดคุยกับเธอเหมือนเป็นพี่ชายคนหนึ่ง คอยห่วงหาอาทรอย่างมีระยะห่าง ขณะเดียวกัน ยังได้ยินอีกว่ามีหนุ่ม ๆ มาเทียวไล้เทียวขื่อเธอชนิดหัวกระไดบ้านไม่แห้ง
กระทั่งถึงวันหนึ่งซึ่งเป็นจุดเปลี่ยนก็ว่าได้
"ทำไมจูนถึงไม่อู้คำเมืองล่ะ" ผมถาม เพราะจากประสบการณ์ทำงานที่นี่ สาวหลายคนพูดภาษาเหนือได้ แต่ผมไม่เคยได้ยินเธอพูด
"จูนพูดไม่เป็นน่ะ แต่ฟังออกนะ พ่อก็เคยบ่นเรื่องนี้ แต่ตอนนี้เลิกบ่นแล้วล่ะ" เธอบอก
"พี่อยากรู้ด้วยว่าทำไมจูนถึงยังไม่มีแฟนล่ะ คนมาจีบเยอะเลยไม่ใช่เหรอ" ผมถามด้วยอารมณ์พี่ชายซักถามน้องสาว
"จูนยังไม่เจอคนที่ใช่นี่นา" เธอบอก
"คนที่ใช่ของจูนต้องหล่อเหลาเอาการแน่เลย" ผมเปรย
"จูนไม่ได้ชอบคนหล่อสักหน่อย" จูนเอ่ยแล้วยิ้ม ผมถึงกับหน้ามืดเมื่อเห็นรอยยิ้มของเธอ
"ถ้าอย่างนั้นก็ต้องมีฐานะหน่อยใช่มั้ย" ผมแซว
"พี่วินกำลังบอกว่าจูนชอบแต่คนรวยเหรอ" เธอย้อน
"เปล่า ก็แค่สงสัยว่าทำไมจูนถึงไม่เลือกใครสักคน" ผมพูด
"จูนยังไม่เจอคนที่ใช่นี่นา...จูนชอบผู้ชายธรรมดา ๆ น่ะ" เธอบอกคำเดิม
ผมหัวเราะหึหึ ผู้หญิงก็มักตอบแบบนี้ว่าชอบผู้ชายธรรมดา แต่สุดท้ายแล้วก็คบแต่คนหล่อคนรวยตลอด ผมเผลอพูดลั่นออกไป
"ชอบผู้ชายธรรมดาเหรอ...ถ้าอย่างนั้นพี่ก็จีบจูนได้น่ะสิ" ผมพูดแล้วก็นึกขึ้นได้ว่านี่กูพูดอะไรออกไปวะเนี่ย แต่จูนกลับตอบกลับมาว่า...
"แล้วใครห้ามล่ะ"
นั่นล่ะครับ คือจุดเริ่มต้นง่าย ๆ ที่ทำให้ผมเริ่มสานความสัมพันธ์กับสาวน้อยนักศึกษา นอกจากการไปกินข้าว เดินเที่ยวกาด และดูหนัง ผมยังได้มีโอกาสไปส่งจูนที่บ้านหลายครั้ง ซึ่งทุกครั้ง พ่อของเธอมักมองเหล่ด้วยสายตาไม่ไว้วางใจ
วันหนึ่ง ผมไปส่งจูนที่บ้านตอนพระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน รถแทรกเตอร์หรือรถไถของพ่อจูนเกิดมีปัญหา ผมพอจะรู้เรื่องเครื่องยนต์กลไกอยู่บ้างจึงช่วยตรวจเช็คและซ่อมแซม พร้อมกับแนะนำร้านขายอะไหล่มือสองราคาถูกให้
นับจากนั้น คะแนนของผมก็พุ่งกระฉูด พ่อของจูนดูจะชอบอกชอบใจผมขึ้นมาอย่างมากเลยทีเดียว ซึ่งนั่นหมายถึงจูนก็ไว้วางใจผมมากขึ้นตามไปด้วย จนเธอยอมตกลงปลงใจเป็นแฟนกับผม...ซึ่งผมเป็นแฟนคนแรกของเธอ
จนถึงตอนนี้ผมก็ยังมีคำถามที่ไม่ได้รับคำตอบ ไม่เข้าใจว่าผมกล้าจีบจูนได้อย่างไร ทำไมเธอถึงยอมมาเป็นแฟนกับผม และทำไมเธอถึงไม่เคยมีแฟนมาก่อนเลย มันคงเป็นเรื่องโชคชะตาฟ้าลิขิตกระมัง แต่กระนั้น ผมก็ไม่ได้มีโอกาสใกล้ชิดกับเธอมากเท่าไหร่นัก นอกจากแค่จับมือและหอมแก้มเท่านั้น เพราะผมยังหวาดหวั่นในความดุและปืนหลายกระบอกของคุณพ่อ
อีกหลายเดือนต่อมา เมื่อเธอเรียนจบ พ่อของจูนตรวจพบเนื้อร้ายระยะสุดท้าย ก่อนจากไปเขาสั่งเสียว่าขอให้ผมกับจูนช่วยรับช่วงต่อกิจการร้านขายวัสดุก่อสร้าง ผมรับปากเขาอย่างหนักแน่น และเอ่ยขอลูกสาวของเขาบนเตียงในโรงพยาบาล
ถึงแม้จูนจะเศร้าโศกเสียใจกับความเจ็บป่วยของพ่อเธอ แต่สาวน้อยก็บอกว่าถ้าผมไม่อยากแต่งงานก็ไม่ต้องรับปากพ่อของเธอก็ได้ เธอไม่อยากให้อาการเจ็บป่วยหนักของพ่อมาบีบบังคับให้ผมต้องผูกมัดใด ๆ ในตอนนี้
"แล้วจูนไม่อยากแต่งงานกับพี่เหรอ" ผมถาม
"ก็...คือ...จูนไม่อยากให้พี่วินทำในสิ่งที่พี่วินไม่เต็มใจนี่" เธอบอก
"ใครว่าล่ะ พี่เต็มใจที่สุดเลย พี่อยากใช้ชีวิตที่เหลือกับจูนนะ" ผมบอกเธออย่างนั้น
น่าเสียดายที่พ่อของจูนจากไปเสียก่อนที่จะได้เห็นลูกสาวตัวเองเป็นฝั่งเป็นฝา แต่เราก็รักษาคำมั่นสัญญาด้วยการดูแลกิจการร้านขายอุปกรณ์ก่อสร้างต่อไป ผมกับจูนปรับปรุงร้านใหม่จากเดิมเป็นห้องแถวสองคูหา เราขยับขยายให้ใหญ่โตขึ้นและสะอาดสะอ้าน พร้อมกับตกแต่งใหม่ให้ดูเป็นร้านยุคใหม่ ซึ่งช่วยขยายฐานรองรับลูกค้าได้อีกด้วย
ส่วนบ้านของพ่อจูนซึ่งตั้งอยู่ด้านหลังร้าน เราก็ปรับปรุงใหม่เพื่อรองรับการสร้างครอบครัว แม่ของเธอเสียไปนานแล้ว เราสองสามี-ภรรยาจึงอยู่กันตามลำพัง
จูนยอมรับว่าการบริหารจัดการร้านนั้นไม่ง่ายอย่างที่คิด พ่อของเธอทำร้านมานานแล้วจึงดูเหมือนง่าย แต่แท้จริงแล้ว มีรายละเอียดยิบย่อยมากมาย เธอคนเดียวดูแลแทบไม่ไหว ถึงแม้จะมีคนช่วยทำบัญชีและจัดการหลายอย่าง พร้อมกับเด็กคนงานช่วยหยิบจับยกของและจัดเก็บสต็อกอีก 3-4 คน แต่ก็ยังไม่พอ นั่นทำให้ผมตัดสินใจลาออกจากงานเพื่อมาดูร้านอย่างเต็มตัวด้วยอีกคน
หลังจากนั้น เราก็จัดพิธีแต่งงาน ผมบอกลาชีวิตเดิมจากเมืองกรุงที่เพียบพร้อมเพื่อนฝูงทั้งจากมัธยมและมหาลัย ย้ายมาตั้งรกรากอย่างถาวรที่ภาคเหนือ
ส่วนจูน...จากนักศึกษาสาวฝึกงานกลายมาเป็นภรรยาของผมอย่างเต็มตัว ถึงแม้ผมจะเคยมีแฟนมาแล้ว 3-4 คน แต่ผมยังจำค่ำคืนแรกที่ผมได้กอดเธอ เรือนร่างดุจปะติมากรรมระดับโลกของเธอ และการได้รู้ว่าผมเป็นคนแรกและคนเดียวของเธอนั้น ทำให้ผมไม่มีวันลืมเลือนได้เลยทีเดียว
ได้แฟนสวย มีชัยไปกว่าครึ่งฮะ
พอทำให้คุณพ่อเกิดความไว้เนื้อเชื่อใจได้ ก็เป็นผลให้ลูกสาวเชื่อใจตามจนยอมเป็นแฟน
พราวตัณหาแบบไหนรอลุ้นครับ
ได้เมียสวย พ่อตาชอบ ชีวิตดี
::HeyHey::