🧡 XONLY 🧡

FICTION ZONE => เรื่องเล่าประสบกามเสียว => เรื่องเสียวซีรีย์ => หัวข้อที่ตั้งโดย: sim2000 เมื่อ เมษายน 27, 2025, 07:39:32 หลังเที่ยง

ชื่อ: เฟรชชี่หมอผี ตอนที่ 2 ร่างใหม่ วิญญาณเดิม
โดย: sim2000 เมื่อ เมษายน 27, 2025, 07:39:32 หลังเที่ยง


อ้างถึงคำพูดที่อ่อนหวานที่สุด อาจเป็นอาวุธที่ร้ายกาจที่สุด... โดยเฉพาะเมื่อมันเอ่ยจากปากของผู้ที่เข้าใจในจุดอ่อนของหัวใจ

ความรู้สึกแรกที่อาจารย์คมรับรู้ได้คือ...ความปวดร้าว มันแผ่ซ่านไปทั่วทุกอณูของร่างกายที่ไม่คุ้นเคย ปวดตุบๆ ที่ศีรษะ ปวดแปลบที่ชายโครงเหมือนโดนกระแทกอย่างแรง และปวดเมื่อยไปทั้งตัวเหมือนถูกจับโยนลงมาจากที่สูง เปลือกตาหนักอึ้งจนแทบไม่อยากลืมขึ้นมา แต่สัญชาตญาณดิบที่ถูกลับคมมานานหลายสิบปีร้องเตือนว่าเขาต้องตื่น ต้องรับรู้สถานการณ์

เขาฝืนลืมตาขึ้นช้าๆ ภาพแรกที่เห็นคือเพดานสีขาวสะอาดตา แสงไฟนีออนสว่างจ้าจนต้องหยีตา กลิ่นยาและน้ำยาฆ่าเชื้อฉุนกึ้กแตะจมูก เสียงเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ดังติ๊ดๆ เป็นจังหวะสม่ำเสมออยู่ข้างหู...โรงพยาบาล ไม่ผิดแน่

สำเร็จ... พิธีย้ายจิตสำเร็จ...

ความคิดแรกแล่นเข้ามาพร้อมความโล่งใจอย่างประหลาด แต่แล้วความสับสนก็ถาโถมตามมา นี่คือร่างของใคร? สภาพเป็นอย่างไร? แล้วร่างเดิมของเขาล่ะ? พวกมันจัดการไปแล้วหรือยัง?

เขาลองขยับนิ้วมือ... ทำได้แม้จะเชื่องช้า ลองยกแขน... หนักอึ้งและปวดร้าว แต่ก็ยกขึ้นได้ เขามองแขนเรียวเล็กที่เต็มไปด้วยสายน้ำเกลือระโยงระยาง ผิวขาวละเอียด ไม่ใช่แขนกร้านแดดของชายวัยสี่สิบกลางๆ อย่างเขาแน่นอน นี่คือร่างของเด็กหนุ่มคนนั้น... เด็กหนุ่มที่พลังชีวิตริบหรี่อยู่ใกล้ๆ ตอนที่เขาทำพิธี

ความรู้สึกเหมือนคนแปลกหน้าในร่างกายตัวเองมันช่างน่ากระอักกระอ่วน เขารู้สึกถึงจังหวะการเต้นของหัวใจที่เร็วกว่าปกติเล็กน้อย ลมหายใจที่ตื้นๆ และ...พลังงานบางอย่างที่ไหลเวียนอยู่ในร่างนี้ พลังงานของความหนุ่มแน่น ฮอร์โมนที่พลุ่งพล่าน มันทั้งสดชื่นและน่ารำคาญในเวลาเดียวกัน

ต้องตั้งสติ... ต้องประเมินสถานการณ์...

เขาบอกตัวเอง พยายามข่มความปวดร้าวและความสับสน กวาดตามองไปรอบห้องเท่าที่ลำคอจะเอื้ออำนวย ห้องพักเดี่ยวที่ดูสะอาดสะอ้านแต่ไร้การตกแต่ง มีเครื่องวัดสัญญาณชีพอยู่ข้างเตียง หน้าต่างกระจกบานใหญ่ถูกม่านปิดไว้ มองไม่เห็นวิวข้างนอก

แกร๊ก...

เสียงประตูห้องเปิดออก พยาบาลสาวในชุดสีขาวสะอาดเดินเข้ามาพร้อมถาดใส่ยา ใบหน้าหวานใสประดับรอยยิ้มตามหน้าที่ แต่เมื่อเห็นว่าคนไข้บนเตียงลืมตาอยู่ เธอก็มีสีหน้าประหลาดใจระคนยินดี

"อุ๊ย! คนไข้ฟื้นแล้วเหรอคะ? รู้สึกตัวแล้วเหรอคะ?" เธอรีบวางถาดแล้วเดินเข้ามาใกล้ "เป็นยังไงบ้างคะ? ปวดตรงไหนไหม? จำได้ไหมว่าตัวเองชื่ออะไร?"

คำถามพรั่งพรูออกมาจนอาจารย์คมต้องขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาลองเปล่งเสียง... เสียงที่ออกมาไม่ใช่เสียงทุ้มลึกที่คุ้นเคย แต่เป็นเสียงของเด็กหนุ่มที่ยังไม่แตกพานดีนัก

"คะ... ครับ..." เขาตอบเบาๆ พยายามทำเสียงให้ดูอ่อนแรงและสับสน "ปวด... ปวดหัว..."

"ค่ะๆ เดี๋ยวหมอจะมาตรวจนะคะ รอสักครู่นะคะ" พยาบาลสาวรีบกดปุ่มสัญญาณเรียกหมอเหนือหัวเตียง ขณะที่รอ เธอก็พยายามชวนคุย "ดีใจจังเลยค่ะที่คุณฟื้น นึกว่าจะแย่ซะแล้ว คุณนนท์หลับไปตั้งสามวันแน่ะค่ะ"

นนท์... งั้นรึ?

อาจารย์คมเก็บชื่อนั้นไว้ในใจ "คะ... ครับ..." เขาตอบรับ พลางลอบสังเกตพยาบาลสาวอย่างรวดเร็ว หน้าตาน่ารัก รูปร่างสมส่วนตามวัย... และดูเหมือนจะประหม่าเล็กน้อยเมื่อสบตาเขาตรงๆ

หรือว่า...

ความคิดบางอย่างแวบเข้ามาในหัว เขาลองใช้ "มัน" ดู... พลังอย่างเดียวที่เขารู้สึกว่ายังคงติดตัวมาในร่างนี้ ไม่ใช่พลังไสยเวทย์ที่คุ้นเคย แต่เป็นพลังที่เกิดจากประสบการณ์ การมองคนทะลุปรุโปร่ง และวาทศิลป์ที่สั่งสมมานาน... พลังในการโน้มน้าวและควบคุมอารมณ์ความรู้สึกของผู้อื่น โดยเฉพาะเพศตรงข้าม

"ขอบคุณ... นะครับ คุณพยาบาล" เขาพูดช้าๆ ด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลกว่าเดิมเล็กน้อย แฝงความอ่อนล้าแต่ก็จริงใจ ดวงตาจ้องมองเข้าไปในดวงตาของเธอโดยตรง "ถ้าไม่ได้... พวกคุณดูแล... ผมคง..." เขาแสร้งทำเสียงขาดห้วง

พยาบาลสาวหน้าแดงขึ้นเล็กน้อยอย่างเห็นได้ชัด เธอก้มหน้างุด หลบสายตาคมกริบที่ดูไม่เหมือนสายตาของเด็กหนุ่มวัยสิบแปด "มะ... ไม่เป็นไรค่ะ เป็นหน้าที่ของพวกเราอยู่แล้ว คุณนนท์พักผ่อนนะคะ เดี๋ยวหมอก็มาแล้วค่ะ" เธอพูดเสียงตะกุกตะกักแล้วรีบผละออกไปนอกห้อง

ได้ผล...

อาจารย์คมยิ้มในใจ พลังนี้ยังอยู่กับเขา... แม้จะไม่มีพลังอาคมอื่น แต่พลังแห่งการ "โน้มน้าวใจ" ด้วยคำพูดและสายตาที่เกิดจากประสบการณ์กร้านโลกของชายวัยกลางคน มันยังคงทำงานได้ดีในร่างใหม่นี้... นี่อาจจะเป็นอาวุธสำคัญชิ้นเดียวที่เขามีในตอนนี้

ไม่ทันที่ความคิดนั้นจะจางหาย ประตูห้องก็เปิดเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้เป็นพยาบาลสาวอีกคน รูปร่างอวบอิ่มกว่าคนแรกเล็กน้อย หน้าตาน่ารัก แต่ดวงตาดูเศร้าสร้อยและมีร่องรอยความเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด ป้ายชื่อบนอกเสื้อเขียนว่า "เนยทิพย์ (เนย) "

"เอ่อ... ขอโทษนะคะ พอดีพี่พยาบาลคนเมื่อกี้ติดเคสอื่น พี่มาวัดไข้แทนค่ะ" พี่เนยพูดเสียงเบา ก้มหน้าหลบสายตาเล็กน้อยขณะเดินเข้ามาพร้อมปรอทวัดไข้ดิจิทัล

อาจารย์คมสังเกตเห็นแววตาที่ขุ่นมัวนั้นทันที ผู้หญิงคนนี้กำลังมีเรื่องไม่สบายใจ... เรื่องใหญ่พอที่จะทำให้เธอดูเหม่อลอยแม้กระทั่งในเวลางาน สัญชาตญาณเก่าๆ เริ่มทำงาน... นี่อาจจะเป็นโอกาสทดสอบพลังของเขาในระดับที่ลึกขึ้น

"เชิญครับ" เขาตอบด้วยน้ำเสียงนุ่มนวลเช่นเคย "รบกวนด้วยนะครับ พี่เนย" เขาจงใจเรียกชื่อเธอ เพื่อสร้างความคุ้นเคย

พี่เนยเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยเมื่อได้ยินเขาเรียกชื่อ มีสีหน้าประหลาดใจนิดๆ "ค่ะ... คุณนนท์... ฟื้นแล้วรู้สึกดีขึ้นไหมคะ?" เธอถามตามหน้าที่ ยื่นปรอทมาให้เขาอมไว้ใต้ลิ้น

"ก็... ดีขึ้นครับ แต่ยังมึนๆ นิดหน่อย" เขาตอบขณะอมปรอทไว้ ดวงตายังคงจ้องมองใบหน้าของเธออย่างพิจารณา "แต่ดูเหมือน... พี่เนยจะไม่ค่อยสบายหรือเปล่าครับ? ดูหน้าตาไม่ค่อยสดชื่นเลย"

คำทักทายที่ตรงไปตรงมาแต่แฝงความห่วงใยนั้นทำให้พี่เนยชะงักไปเล็กน้อย เธอเบือนหน้าหนี "พี่... พี่ไม่เป็นไรค่ะ แค่... นอนไม่ค่อยพอ"

"แน่ใจนะครับ?" คมยังคงใช้สายตาที่อ่อนโยนแต่กดดันเล็กน้อย "บางที... การได้ระบายให้ใครสักคนฟัง มันอาจจะช่วยให้รู้สึกดีขึ้นก็ได้นะครับ ถึงผมจะเป็นแค่คนไข้... แต่ผมก็เป็นผู้ฟังที่ดีนะ" เขาพูดพลางส่งยิ้มบางๆ ที่ดูอบอุ่นและน่าไว้วางใจ... รอยยิ้มที่เขาใช้หลอกล่อเหยื่อมานับไม่ถ้วนในอดีต

พี่เนยสบตาคมนิ่ง ดวงตาคู่สวยเริ่มสั่นระริกเหมือนมีน้ำตาคลอหน่วย เธอคงรู้สึกสับสน... เด็กหนุ่มตรงหน้าคนนี้ ทำไมถึงพูดจาเหมือนคนเข้าใจโลกนักนะ? ทำไมสายตาของเขาถึงมองทะลุความรู้สึกของเธอได้? หรือเพราะเธอเองที่กำลังอ่อนแอ...

"พี่..." เธออ้ำอึ้ง "...พี่เพิ่ง... เลิกกับแฟนมาน่ะค่ะ" สุดท้าย เธอก็ยอมเปิดปากระบายออกมา น้ำเสียงสั่นเครือ

"อ้อ... อย่างนี้นี่เอง" คมพยักหน้าช้าๆ แววตาแสดงความเห็นใจอย่างสุดซึ้ง "เรื่องความรักนี่มันก็เจ็บปวดแบบนี้แหละนะครับ... แต่เชื่อผมเถอะ เวลาจะช่วยเยียวยาทุกอย่าง แล้วคนที่ไม่เห็นค่าเรา... ก็ไม่สมควรได้รับน้ำตาจากเราหรอก จริงไหม?"

คำพูดปลอบใจที่เหมือนจะธรรมดา แต่ด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มนุ่มและแววตาที่เข้าใจ ทำให้มันทรงพลังอย่างเหลือเชื่อ มันจี้เข้าไปในใจของพี่เนยที่กำลังเปราะบางได้อย่างแม่นยำ

"ฮึก..." น้ำตาที่กลั้นไว้หยดแหมะลงมาจนได้ พี่เนยรีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาลวกๆ รู้สึกอับอายที่มาร้องไห้ต่อหน้าคนไข้

"ชู่ววว... ไม่ร้องนะครับ" คมพูดปลอบ เอื้อมมือที่ไม่ได้ติดสายน้ำเกลือไปสัมผัสแขนเธอเบาๆ "คนสวยร้องไห้แล้วไม่สวยนะ... เสียดายความน่ารักแย่เลย"

สัมผัสอุ่นๆ และคำชมที่ไม่คาดคิดทำให้พี่เนยใจเต้นแรงกว่าเดิม เธอรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟฟ้าอ่อนๆ แล่นผ่านจุดที่เขาสัมผัส... ความรู้สึกแปลกๆ ที่ทั้งน่าอายและ... น่าปรารถนา

เสียงสัญญาณเตือนจากปรอทวัดไข้ดังขึ้น พี่เนยรีบดึงปรอทออกจากปากเขาเพื่อดูอุณหภูมิ "ไข้... ไข้ลดลงแล้วค่ะ ปกติดี" เธอพูดเสียงยังสั่นๆ เล็กน้อย

"งั้นเหรอครับ... สงสัยเพราะได้กำลังใจดี" คมยังคงส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้ สายตาจ้องมองริมฝีปากอิ่มที่เผยอขึ้นเล็กน้อยของเธอ "พี่เนย... เหนื่อยไหมครับ? นั่งพักก่อนไหม?" เขาตบเบาๆ ที่ขอบเตียงข้างตัวเขา

พี่เนยลังเล... ตามกฎแล้วเธอไม่ควรทำแบบนี้ ไม่ควรอยู่กับคนไข้ตามลำพังนานเกินไป ไม่ควรแสดงความอ่อนแอ... แต่แรงดึงดูดบางอย่างจากเด็กหนุ่มตรงหน้ามันยากจะต้านทานเหลือเกิน... สายตาคู่นั้น... คำพูดเหล่านั้น... มันทำให้เธอรู้สึก... ปลอดภัย... และ... ต้องการ...

ราวกับถูกควบคุม เธอทรุดตัวนั่งลงบนขอบเตียงอย่างว่าง่าย หัวใจเต้นระรัว เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นตามไรผม

อาจารย์คมรู้ว่าเหยื่อติดกับแล้ว เขายกมือขึ้นเชยคางมนของพี่เนยให้เงยหน้าขึ้นสบตาเขาอีกครั้ง "อย่าโทษตัวเองเลยนะครับ... เรื่องแฟนเก่า... เขาต่างหากที่โง่... ที่ปล่อยผู้หญิงดีๆ น่ารักๆ แถมยัง... บริสุทธิ์... อย่างพี่เนยหลุดมือไป" เขาเน้นคำว่า "บริสุทธิ์" เป็นพิเศษ ดวงตาของเขามองลึกลงไปราวกับจะหยั่งรู้ทุกอย่าง

พี่เนยเบิกตากว้าง... เขารู้ได้ยังไง? เธอไม่เคยบอกใครเรื่องนี้... หรือว่า... "คุณ... คุณรู้..."

"ผมรู้อะไรหลายอย่าง... มากกว่าที่คุณคิด" คมกระซิบเสียงพร่า โน้มใบหน้าเข้าไปใกล้ "และผมก็รู้ว่า... ตอนนี้คุณต้องการอะไร..."

ริมฝีปากของทั้งคู่ประกบกันอย่างไม่ทันตั้งตัว คมเป็นฝ่ายเริ่มก่อน แต่พี่เนยก็ไม่ได้ผลักไส เธอยังคงตกตะลึง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าส่วนลึกในใจเธอกำลังร่ำร้องหาการปลอบประโลม... หาความรู้สึกที่ถูกต้องการ... จูบของคมในร่างนนท์นั้นอ่อนโยนในช่วงแรก แต่แฝงไปด้วยความช่ำชองและเรียกร้อง มันค่อยๆ ปลุกเร้าอารมณ์ดิบที่ซ่อนอยู่ภายในตัวพยาบาลสาวโสดซิงให้ตื่นขึ้น

"อื้อ..." พี่เนยครางออกมาเบาๆ เมื่อลิ้นร้อนๆ ของเขาแทรกเข้ามาในโพรงปากเธออย่างนุ่มนวลแต่หนักแน่น เธอหลับตาพริ้ม ปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งไปกับสัมผัสวาบหวามที่ไม่เคยพานพบมาก่อน มือไม้เริ่มป่ายปีนขึ้นไปโอบรอบลำคอของเขา ตอบสนองจูบนั้นด้วยสัญชาตญาณ

คมค่อยๆ ดันร่างอวบอิ่มของพี่เนยให้นอนราบลงบนเตียงข้างๆ ตัวเขาอย่างระมัดระวังไม่ให้กระทบสายน้ำเกลือ มือของเขาเริ่มลูบไล้ไปตามส่วนเว้าส่วนโค้งภายใต้ชุดพยาบาลสีขาวสะอาด ปลุกเร้าทุกจุดสัมผัสอย่างเชี่ยวชาญ

"นะ... นนท์... อย่า... นี่มันโรงพยาบาลนะ..." พี่เนยพยายามทักท้วงด้วยเสียงที่ขาดห้วง แต่ร่างกายกลับทรยศต่อความคิด มันสั่นสะท้านและตอบสนองต่อทุกสัมผัสของเขาอย่างน่าอาย

"ชู่ววว... ไม่มีใครรู้หรอกน่า..." คมกระซิบข้างหู ปลดกระดุมเสื้อพยาบาลของเธอออกทีละเม็ด เผยให้เห็นเนินอกขาวผ่องและชุดชั้นในลายลูกไม้สีอ่อน "พี่เนย... สวยมากรู้ไหม..."

เขาประทับริมฝีปากลงบนยอดอกที่แข็งเป็นไตผ่านเนื้อผ้า กัดเม้มหยอกเย้าเบาๆ จนพี่เนยแอ่นกายขึ้นด้วยความเสียวซ่าน เสียงครางหวานหลุดออกมาจากลำคออย่างไม่อาจควบคุม

เสื้อผ้าถูกถอดออกอย่างรวดเร็วแต่ทุลักทุเลเล็กน้อยภายใต้สถานการณ์ที่จำกัด ร่างเปลือยเปล่าของพยาบาลสาวปรากฏแก่สายตาคมเป็นครั้งแรก ผิวพรรณเนียนละเอียด หน้าอกอวบอิ่มได้รูป เอวคอด สะโพกผาย ทุกอย่างดูสมส่วนน่ามอง... และยังคงความบริสุทธิ์ผุดผ่องอย่างที่เขาคาดไว้

คมใช้เวลาไม่นานในการปลุกเร้าเรือนร่างนั้นให้พร้อมรับบทรักครั้งแรกของเธอ เขาใช้ทั้งนิ้วมือและริมฝีปากลูบไล้เคล้าคลึงไปทั่วทุกส่วนสัดที่อ่อนไหว สร้างความปั่นป่วนซาบซ่านจนพี่เนยแทบคลั่ง เธอไม่เคยคิดเลยว่าร่างกายของตัวเองจะสามารถรู้สึกถึงความสุขสมแบบนี้ได้

"นนท์... อ๊า... ได้โปรด..." เธออ้อนวอนเสียงกระเส่า เมื่อความต้องการพุ่งขึ้นถึงขีดสุด

คมยิ้มรับ เขารู้ว่าถึงเวลาแล้ว เขาค่อยๆ แทรกแก่นกายที่ตื่นตัวเต็มที่ของร่างหนุ่มเข้าไปในความคับแน่นอุ่นร้อนของเธออย่างช้าๆ

"อึ๊ก!" พี่เนยเบิกตากว้าง จิกเล็บลงบนแขนของเขาแน่น ความเจ็บปวดแล่นปราดเข้ามาพร้อมกับความรู้สึกแปลกใหม่ แต่คมไม่ยอมให้เธอทรมานนาน เขาก้มลงจูบปลอบโยนอย่างนุ่มนวล รอจนเธอผ่อนคลายลงจึงเริ่มขยับกายเนิบนาบ

จังหวะรักเริ่มขึ้นอย่างเชื่องช้าในตอนแรก ก่อนจะค่อยๆ เพิ่มความเร็วและแรงขึ้นตามแรงอารมณ์ที่โหมกระพือ เสียงครางของพี่เนยเปลี่ยนจากความเจ็บปวดเป็นความสุขสม เสียงหอบหายใจของทั้งคู่ดังประสานกันในห้องพักที่เงียบสงัด

คมมองใบหน้าที่เหยเกด้วยความสุขสมของพยาบาลสาวใต้ร่าง เขารู้สึกถึงพลังงานบางอย่างที่เริ่มก่อตัวขึ้น... พลังงานอุ่นๆ ที่ไหลเวียนอยู่ในร่างของเธอ และดูเหมือนจะเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเธอใกล้จะถึงฝั่งฝัน... หรือว่านี่คือ...?

"อ๊าาาา! นนท์! พี่... พี่ไม่ไหวแล้ว!" พี่เนยกรีดร้องออกมาสุดเสียง ร่างกายเกร็งกระตุกอย่างรุนแรงเมื่อคลื่นแห่งความสุขสมซัดกระหน่ำเข้าใส่เป็นระลอก

วินาทีนั้นเอง! อาจารย์คมรู้สึกถึงพลังงานอุ่นๆ จำนวนหนึ่งที่ทะลักออกมาจากร่างของพี่เนย... และมันไหลเข้ามาสู่ร่างของเขาอย่างรวดเร็ว! เขารู้สึกได้ถึงพลังอาคมที่เหือดหายไป... มันเริ่มกลับคืนมาทีละน้อย! แม้จะไม่มากนัก แต่ก็รู้สึกได้ชัดเจน!

นี่เอง... นี่คือวิธีฟื้นฟูพลัง! การเสพสม... การถึงจุดสุดยอดของฝ่ายหญิง

ความเข้าใจกระจ่างแจ้งขึ้นในบัดดล!

คมเร่งจังหวะรักให้เร็วและแรงขึ้น ส่งให้พี่เนยถึงจุดสุดยอดซ้ำอีกครั้ง พร้อมกับดูดซับพลังงานนั้นเข้ามาเก็บไว้ในร่างใหม่ของเขา... ก่อนที่ตัวเขาเองจะปลดปล่อยความต้องการออกมาจนหมดสิ้น

เมื่อบทรักอันเร่าร้อนจบลง ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ มีเพียงเสียงหอบหายใจของคนสองคน พี่เนยนอนซบอยู่กับอกของคม ใบหน้าแดงก่ำ ดวงตาฉ่ำเยิ้มไปด้วยความสุขและ... ความรู้สึกผิด

"พี่... พี่..." เธอพูดไม่ออก ไม่รู้จะรู้สึกอย่างไรดี

"ไม่เป็นไรนะครับ" คมลูบผมเธอเบาๆ "ถือซะว่า... เป็นการปลอบใจซึ่งกันและกันก็แล้วกันนะ" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่กลับมานุ่มนวลเหมือนเดิม แต่ในใจกำลังตื่นเต้นกับสิ่งที่ค้นพบ

เขาเหลือบมองนาฬิกา... ใกล้ถึงเวลาเยี่ยมแล้ว มิ้นท์อาจจะกำลังมา เขาต้องรีบจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย

"พี่เนย... คงต้องรีบกลับไปทำงานแล้วใช่ไหมครับ?" เขาถามเบาๆ

พี่เนยสะดุ้ง รีบลุกขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว มองสภาพตัวเองแล้วก็หน้าแดงก่ำยิ่งกว่าเดิม เธอรีบคว้าเสื้อผ้ามาสวมใส่อย่างลวกๆ ผมเผ้ายุ่งเหยิง เสื้อผ้าหลุดลุ่ย

"พี่... พี่ไปก่อนนะคะ" เธอพูดเสียงตะกุกตะกัก ไม่กล้าสบตาคมตรงๆ อีก "แล้ว... เรื่องนี้..."

"ผมไม่บอกใครหรอกครับ สบายใจได้" คมยิ้มให้ "แล้วก็... ขอบคุณนะครับ สำหรับ... กำลังใจ"

พี่เนยพยักหน้ารับเบาๆ ก่อนจะรีบเปิดประตูแล้ววิ่งหายออกไปจากห้อง ทิ้งให้อาจารย์คมอยู่ตามลำพังกับความรู้สึกซับซ้อน... และพลังงานอาคมที่เพิ่งได้รับมาใหม่

เขารีบลุกจากเตียง (แม้จะยังปวดเมื่อยอยู่บ้าง) จัดการเช็ดคราบต่างๆ และจัดเสื้อผ้าหน้าผมตัวเองให้ดูเรียบร้อยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พลางครุ่นคิดถึงการค้นพบครั้งสำคัญ... ชีวิตใหม่ในร่างเด็กหนุ่มคนนี้... ดูเหมือนจะน่าสนใจและ... มี "ทางออก" มากกว่าที่เขาคิดไว้ในตอนแรกเสียแล้ว...

เสียงเคาะประตูดังขึ้น... อาจารย์คมรีบกลับไปนอนบนเตียง ทำทีเป็นคนไข้ที่เพิ่งฟื้นตัว

"เข้ามาได้ครับ" เขาตอบ

ประตูเปิดออก พร้อมกับร่างเล็กๆ ของมิ้นท์ที่เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้มสดใส... โดยไม่รู้เลยว่าเมื่อครู่นี้เพิ่งเกิด "เรื่องราว" อันน่าตื่นเต้นขึ้นในห้องนี้...

ไม่นานนัก นายแพทย์เจ้าของไข้ก็เดินเข้ามาพร้อมพยาบาลอีกคนหนึ่ง เป็นนายแพทย์วัยกลางคนที่ดูภูมิฐานและสุขุม เขามองอาจารย์คมด้วยแววตาประหลาดใจเล็กน้อยก่อนจะเริ่มซักถามอาการและตรวจร่างกายอย่างละเอียด

"เป็นไงบ้างเรา เจ้านนท์? จำได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?" หมอถามพลางใช้ไฟฉายเล็กๆ ส่องดูม่านตา

อาจารย์คมแสร้งทำหน้างุนงง ส่ายหัวช้าๆ "จำ... จำไม่ค่อยได้ครับ รู้สึกเหมือน... ฝันไป... แล้วก็ปวดหัวมาก" เขาโกหกไปตามแผนที่วางไว้ การแสร้งความจำเสื่อมเป็นทางออกที่ดีที่สุดในตอนนี้

"อืม... ไม่เป็นไร ค่อยๆ นึกไปนะ" หมอพยักหน้าเข้าใจ "จากอุบัติเหตุวันนั้น กะโหลกศีรษะร้าว มีเลือดคั่งในสมองนิดหน่อย ตอนแรกอาการน่าเป็นห่วงมาก แต่เราก็ฟื้นตัวได้เร็วอย่างน่าประหลาดใจ ผลสแกนล่าสุดไม่พบเลือดคั่งแล้ว แต่ก็อาจจะมีผลกระทบเรื่องความทรงจำบ้าง เป็นเรื่องปกติ"

อุบัติเหตุ? กะโหลกร้าว? เลือดคั่งในสมอง?

อาจารย์คมประมวลผลอย่างรวดเร็ว แสดงว่าร่างนี้บาดเจ็บหนักจริงๆ การที่เขาสามารถย้ายจิตเข้ามาได้สำเร็จและร่างนี้ฟื้นตัวเร็ว อาจจะเป็นเพราะพลังงานของเขาเข้าไปช่วยเสริม หรืออาจจะเป็นปาฏิหาริย์จริงๆ อย่างที่หมอว่า

"แล้ว... ผมชื่อนนท์เหรอครับ?" เขาถาม ทำทีเหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้

"ใช่ ชื่อนนทวัฒน์ อายุสิบแปดปี กำลังจะเข้าเรียนมหาวิทยาลัย X คณะวิศวะฯ ปีหนึ่ง จำอะไรเกี่ยวกับตัวเองได้บ้างไหม?" หมอถามต่อ

"มหาวิทยาลัย X... วิศวะ..." คมทวนคำช้าๆ พยายามดึงข้อมูลจากจิตใต้สำนึกที่อาจหลงเหลืออยู่ของร่างเดิม... มีภาพลางๆ ของเพื่อนฝูง โรงเรียนมัธยม แต่ไม่ชัดเจนนัก "เหมือนจะ... จำได้ลางๆ ครับ"

"ดีๆ ค่อยๆ นึกไปนะ ไม่ต้องรีบร้อน" หมอตรวจวัดชีพจรและความดันต่อ "พ่อแม่เราติดต่อมาแล้วนะ แต่ติดงานด่วนที่ต่างจังหวัด อาจจะเข้ามาเยี่ยมได้พรุ่งนี้หรือมะรืน ยังไงเดี๋ยวหมอจะแจ้งอาการให้ทราบเป็นระยะ ไม่ต้องกังวล"

พ่อแม่ติดงาน? นั่นอาจจะเป็นเรื่องดีสำหรับเขา ทำให้มีเวลาปรับตัวและวางแผนโดยไม่มีใครจับผิดได้ง่ายนัก

"มีคำถามอะไรอยากถามหมอไหม?"

อาจารย์คมนิ่งคิดชั่วครู่ ก่อนจะตัดสินใจถามคำถามที่อาจจะดูไม่เข้ากับสถานการณ์ แต่สำคัญสำหรับเขา "เอ่อ... หมอครับ ร่างกายผม... แข็งแรงพอที่จะ... เอ่อ... ทำกิจกรรมปกติได้หรือยังครับ?"

หมอเลิกคิ้วเล็กน้อย มองคนไข้ตรงหน้าอย่างพิจารณา "หมายถึงกิจกรรมอะไรล่ะ? ถ้าหมายถึงลุกเดินเข้าห้องน้ำ ทำกายภาพบำบัด ก็คงต้องเริ่มทำพรุ่งนี้ แต่ถ้าหมายถึงกลับไปเรียน ไปวิ่งเล่น... คงต้องรอให้ร่างกายฟื้นตัวเต็มที่ก่อน อย่างน้อยก็อีกสองสามสัปดาห์หลังออกจากโรงพยาบาล... แต่ถ้าหมายถึง..." หมอเว้นจังหวะ ยิ้มน้อยๆ "เรื่องอย่างว่า... หมอว่ารอให้แข็งแรงกว่านี้มากๆ ก่อนจะดีกว่านะ พลังงานน่ะสำคัญ"

อาจารย์คมหน้าตึงไปเล็กน้อยที่โดนหมอรู้ทัน แต่ก็รีบปรับสีหน้า "เปล่าครับ ผมหมายถึง... เรื่องเรียน เรื่องเตรียมตัวเข้ามหา'ลัยน่ะครับ"

"อ้อ เรื่องนั้นเหรอ" หมอหัวเราะเบาๆ "ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวร่างกายพร้อม สมองพร้อม ความจำก็จะค่อยๆ กลับมาเอง ตอนนี้พักผ่อนเยอะๆ ก่อนนะ"

หลังจากหมอและพยาบาลออกไปแล้ว อาจารย์คมก็นอนนิ่งๆ ทบทวนข้อมูลที่ได้มา... นนทวัฒน์ อายุ 18 นักศึกษาใหม่วิศวะ มหาวิทยาลัย X พ่อแม่ไม่ค่อยมีเวลา ร่างกายบาดเจ็บแต่กำลังฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว... ดูเหมือนจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ไม่เลวนักสำหรับชีวิตใหม่... ชีวิตที่ต้องหลบซ่อนจากศัตรูเก่า และอาจจะต้องเผชิญกับปัญหาใหม่ที่เขาไม่รู้จัก

ช่วงบ่ายของวันนั้น หลังจากที่คมได้พักผ่อนและพยายามทำความคุ้นเคยกับร่างกายใหม่ไปบ้างแล้ว ประตูห้องพักก็ถูกเปิดเข้ามาอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่พยาบาลหรือหมอ แต่เป็นเด็กสาวร่างเล็กในชุดนักเรียนมัธยมปลาย หน้าตาน่ารักจิ้มลิ้ม ผมเปียสองข้าง ดวงตากลมโตเบิกกว้างเมื่อเห็นเขานั่งพิงหัวเตียงอยู่

"นนท์! นนท์ฟื้นแล้วเหรอ!" เด็กสาวอุทานเสียงดัง รีบวิ่งเข้ามาข้างเตียงทันที ในมือมีกระเช้าผลไม้เล็กๆ และตุ๊กตาหมีตัวหนึ่ง

อาจารย์คมมองเด็กสาวตรงหน้า... ความรู้สึกคุ้นเคยบางอย่างแล่นเข้ามาในสมอง... มิ้นท์... ใช่แล้ว เด็กสาวคนนี้คือมิ้นท์ เพื่อนสนิทของนนท์คนเดิม คนที่เขาเห็นลางๆ ในความทรงจำ และคนที่พยาบาลพูดถึงเมื่อเช้า

"มิ้นท์..." เขาลองเรียกชื่อเธอ เสียงยังคงแหบเล็กน้อย

"ใช่! ฉันเอง มิ้นท์ไง นนท์จำฉันได้เหรอ ดีใจจังเลย!" มิ้นท์ยิ้มกว้าง วางกระเช้าและตุ๊กตาลงบนโต๊ะข้างเตียง "ฉันเพิ่งรู้ข่าวจากแม่นายเมื่อเช้าว่านายฟื้นแล้ว เลิกเรียนปุ๊บรีบมาเลย เป็นไงบ้าง โอเคไหม เจ็บตรงไหนหรือเปล่า หมอว่าไงบ้าง?" คำถามหลั่งไหลออกมาด้วยความเป็นห่วงอย่างแท้จริง

อาจารย์คมมองดวงตาใสแป๋วที่เต็มไปด้วยความห่วงใยนั้นแล้วก็รู้สึก... แปลกๆ เขารู้สึกขอบคุณในความเป็นห่วง แต่ขณะเดียวกันก็รู้สึกผิดที่ต้องหลอกลวงเด็กสาวคนนี้

"ก็... ยังปวดหัวนิดหน่อย หมอบอกว่า... ความจำอาจจะหายไปบ้าง" เขาตอบตามบทที่วางไว้

"หา? ความจำหายเหรอ? จริงดิ?" มิ้นท์หน้าเสียไปทันที "แล้ว... แล้วจำฉันได้จริงๆ เหรอ?"

"จำได้สิ" คมรีบยืนยัน พยายามนึกถึงข้อมูลเกี่ยวกับมิ้นท์ที่พอจะหลงเหลืออยู่ในหัว "มิ้นท์... เพื่อนสนิท... เรียนห้องเดียวกันมาสามปี ชอบกินช็อกโกแลต... ใช่ไหม?"

มิ้นท์ตาโตขึ้นเล็กน้อย "ใช่ๆๆ โห นึกว่าจะจำไม่ได้ซะแล้ว แล้วเรื่องอื่นๆ ล่ะ จำได้ไหม เรื่องสอบเข้ามหา'ลัย เรื่องที่เราจะไปเที่ยวกันหลังสอบเสร็จ..."

"เอ่อ... จำได้ลางๆ น่ะ" คมตอบเลี่ยง "มันยัง... มึนๆ เบลอๆ อยู่"

มิ้นท์นั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียง ถอนหายใจเบาๆ "ไม่เป็นไรนนท์ ค่อยๆ นึกไปนะ ไม่ต้องกังวล เดี๋ยวก็จำได้เองแหละ แค่นายฟื้นขึ้นมาได้ก็ดีแค่ไหนแล้ว รู้ไหมตอนได้ยินข่าวอุบัติเหตุฉันใจหายแค่ไหน ร้องไห้ไปหลายวันเลยนะ..." น้ำเสียงของเธอสั่นเครือเล็กน้อยตอนท้ายประโยค

อาจารย์คมรู้สึกถึงความรู้สึกผิดที่เสียดแทงเข้ามาในใจ เขาไม่ควรจะทำให้เด็กสาวที่ดูจิตใจดีคนนี้ต้องมาเศร้าเพราะการหลอกลวงของเขา แต่เขาก็ไม่มีทางเลือกอื่น

เขามองใบหน้าน่ารักที่เริ่มมีน้ำตาคลอหน่วยนั้น... และสัญชาตญาณบางอย่างก็บอกให้เขาใช้ "พลัง" นั้นอีกครั้ง... พลังแห่งการโน้มน้าวใจด้วยคำพูดและประสบการณ์

"ขอบใจนะมิ้นท์... ที่เป็นห่วง" เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวล อบอุ่น และแฝงความเข้าใจลึกซึ้งเกินกว่าเด็กหนุ่มวัยสิบแปดทั่วไป "ไม่ต้องร้องไห้น่า... ฉันไม่เป็นไรแล้วจริงๆ แค่อาจจะต้องใช้เวลาปรับตัวหน่อย... แต่ฉันดีใจนะ... ที่ตื่นมาแล้วเห็นมิ้นท์เป็นคนแรกๆ"

เขาจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ ถ่ายทอดความจริงใจ (แม้จะเป็นความจริงใจที่ปรุงแต่งขึ้น) และความมั่นคงบางอย่างออกไป คำพูดธรรมดาๆ แต่ด้วยน้ำเสียงและแววตาที่คมใช้ มันกลับมีพลังบางอย่างที่ส่งผลต่อจิตใจของมิ้นท์อย่างประหลาด

มิ้นท์หยุดชะงักจากการจะร้องไห้ หน้าแดงระเรื่อขึ้นมาอีกครั้ง เธอรู้สึกเหมือนโดนมนต์สะกด... นนท์ตรงหน้าดูเปลี่ยนไป... ไม่ใช่แค่ความทรงจำที่หายไป แต่แววตา... น้ำเสียง... ท่าทาง... มันดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น... สุขุมขึ้น... และ... มีเสน่ห์ขึ้นอย่างน่าประหลาดใจ

"อะ... เหรอ..." มิ้นท์พูดเสียงอ่อย ก้มหน้างุดหลบสายตา "ฉะ... ฉันก็ดีใจที่นนท์ไม่เป็นไร"

คมเห็นปฏิกิริยาของเธอแล้วก็ยิ่งมั่นใจในพลังที่เขามี มันไม่ใช่แค่การพูดจาดี แต่มันคือการใช้ "ประสบการณ์" และ "ความเข้าใจในธรรมชาติของมนุษย์" (โดยเฉพาะเพศหญิง) ที่เขาสั่งสมมาทั้งชีวิต กลั่นกรองออกมาเป็นคำพูดและท่าทางที่สามารถ "ควบคุม" บรรยากาศและอารมณ์ของคู่สนทนาได้ มันเป็นพลังที่ละเอียดอ่อนแต่ทรงประสิทธิภาพ

เขาลองยื่นมือออกไป แตะลงบนหลังมือของมิ้นท์ที่วางอยู่บนผ้าห่มเบาๆ "ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวฉันก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม... หรืออาจจะ... ดีกว่าเดิมก็ได้ ใครจะรู้"

มิ้นท์สะดุ้งเล็กน้อยกับสัมผัสอุ่นๆ นั้น ความรู้สึกเหมือนไฟฟ้าสถิตแล่นปราดขึ้นมาตามแขน เธอรีบชักมือกลับอย่างตกใจ แต่หัวใจกลับเต้นแรงไม่เป็นส่ำ ใบหน้าร้อนผ่าวจนรู้สึกได้

"นะ... นนท์พูดอะไรแปลกๆ" เธอบ่นอุบอิบ แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีรังเกียจ

อาจารย์คมหัวเราะเบาๆ ในลำคอ "เหรอ? สงสัยสมองยังกระทบกระเทือนอยู่มั้ง" เขายังคงรักษาระดับเสียงและแววตาที่อบอุ่นแต่แฝงความนัยนั้นไว้ "ว่าแต่... เอาตุ๊กตาหมีมาให้ฉันเหรอ?" เขาเปลี่ยนเรื่อง ชี้ไปที่ตุ๊กตาบนโต๊ะ

"อื้อ! เห็นนายเคยบ่นว่าอยากได้" มิ้นท์รีบคว้าตุ๊กตามายื่นให้ "ให้เป็นของขวัญที่ฟื้นไง"

"ขอบใจนะ น่ารักดี" คมรับตุ๊กตามาถือไว้ แม้จะรู้สึกขัดๆ กับภาพลักษณ์หมอผีของตัวเอง แต่ก็ต้องเล่นตามน้ำไปก่อน

พวกเขานั่งคุยกันต่ออีกสักพัก มิ้นท์เล่าเรื่องที่โรงเรียน เรื่องเพื่อนๆ เรื่องผลสอบเข้ามหาวิทยาลัย (นนท์สอบติดวิศวะ ม.X จริงๆ ส่วนมิ้นท์ติดคณะอักษรฯ ที่เดียวกัน) อาจารย์คมพยายามทำหน้าที่เป็นผู้ฟังที่ดี ถามคำถามบ้างเป็นครั้งคราว และใช้พลังแห่งวาทศิลป์สร้างบรรยากาศที่เป็นกันเองและน่าสบายใจอยู่ตลอดเวลา เขาสังเกตว่ามิ้นท์ดูผ่อนคลายมากขึ้น หัวเราะได้มากขึ้น และมองเขาด้วยแววตาที่เปลี่ยนไป... มีทั้งความคุ้นเคยแบบเพื่อนเก่า แต่ก็มีความประหม่าและความสงสัยใคร่รู้แบบใหม่เพิ่มเข้ามา

น่าสนใจ... พลังนี้อาจจะมีประโยชน์มากกว่าที่คิด...

อาจารย์คมครุ่นคิดในใจ

เมื่อถึงเวลาเยี่ยมหมด มิ้นท์ก็ขอตัวกลับบ้าน เธอยังคงมีท่าทางเก้ๆ กังๆ เล็กน้อยตอนบอกลา แต่ก็สัญญาว่าจะมาเยี่ยมใหม่พรุ่งนี้

หลังจากมิ้นท์กลับไปแล้ว อาจารย์คมก็นั่งเหม่อมองเพดาน ทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น ความรู้สึกหลากหลายประดังเข้ามา ทั้งความโล่งใจที่รอดมาได้ ความกังวลเรื่องศัตรู ความรู้สึกผิดต่อมิ้นท์ และความสนใจในพลังใหม่ที่เขาค้นพบ

ขณะที่กำลังคิดอะไรเพลินๆ เขาก็ได้ยินเสียงคนคุยกันแว่วๆ มาจากหน้าห้อง เขาเงี่ยหูฟัง... เป็นเสียงหมอเจ้าของไข้กับพยาบาลอีกคน

"...ก็แปลกใจเหมือนกันครับ ผลสแกนสมองดีขึ้นเร็วมาก แทบไม่เหลือร่องรอยเลือดคั่ง ทั้งที่ตอนแรกดูน่าเป็นห่วง..." เสียงหมอพูด

"ค่ะ แล้วสัญญาณชีพก็ค่อนข้างปกตินะคะ มีแค่บางช่วงที่กราฟพลังงานในร่างกายดูสวิงแปลกๆ เหมือนมีคลื่นแทรกซ้อน..." เสียงพยาบาลตอบ

"อืม หมอก็เห็นเหมือนกัน แต่ก็ยังอธิบายไม่ได้ว่าเป็นเพราะอะไร อาจจะเป็นผลข้างเคียงจากการบาดเจ็บ... ยังไงคงต้องนัดมาตรวจคลื่นสมองกับวัดพลังงานชีวภาพซ้ำอีกทีหลังออกจากโรงพยาบาล..."

"ค่ะ แล้วเรื่องความทรงจำ..."

"ก็คงต้องใช้เวลา อาจจะกลับมาไม่ครบ แต่ดูจากการพูดคุยเมื่อเช้า คนไข้ก็ดูรู้เรื่องดีนะ แค่ดู... เอ่อ... นิ่งขึ้น เป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าที่คิดไว้เยอะเลย"

"จริงค่ะ ตอนดิฉันเข้าไปวัดไข้เมื่อเช้า คุณนนท์เขามองแปลกๆ พูดจาแปลกๆ แต่ก็... ดูน่าเชื่อถือยังไงไม่รู้สิคะ"

"ฮะๆๆ สงสัยอุบัติเหตุครั้งนี้จะทำให้โตขึ้นมั้ง... เอาล่ะ ไปดูเคสอื่นต่อเถอะ"

เสียงพูดคุยเงียบหายไป แต่อาจารย์คมขมวดคิ้วแน่น

กราฟพลังงานสวิง? คลื่นแทรกซ้อน?

หรือว่าการย้ายจิตของเขาทิ้งร่องรอยบางอย่างไว้? หรือพลังที่เขาใช้โน้มน้าวใจพยาบาลกับมิ้นท์มันส่งผลต่อพลังงานในร่างนี้? นี่อาจจะเป็นปัญหาในอนาคตได้ เขาต้องระวังตัวให้มากขึ้น และต้องหาวิธีควบคุมพลังงานในร่างใหม่นี้ให้ได้... รวมถึงต้องหาวิธี "ฟื้นฟู" พลังไสยเวทย์ที่แท้จริงของเขาด้วย... ซึ่งเขาก็ยังไม่รู้ว่าจะทำได้อย่างไร

อีกสองวันต่อมา หลังจากอาการโดยรวมคงที่และไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง หมอก็อนุญาตให้อาจารย์คมออกจากโรงพยาบาลได้ พ่อแม่ของนนท์โทรศัพท์มาคุยสั้นๆ แสดงความดีใจที่ลูกชายปลอดภัย แต่ก็ยังติดธุระสำคัญ ไม่สามารถมารับได้ด้วยตัวเอง พวกเขาจัดการเรื่องค่าใช้จ่ายและเอกสารให้เรียบร้อยผ่านทางเลขาฯ และโอนเงินค่าขนมก้อนใหญ่เข้าบัญชี "นนท์" พร้อมกำชับให้ดูแลตัวเองดีๆ และเตรียมตัวเรื่องเข้ามหาวิทยาลัยให้พร้อม

อาจารย์คมรู้สึกโล่งใจระคนประหลาดใจกับความห่างเหินของครอบครัวนี้ แต่มันก็เป็นผลดีกับเขา เขาเดินทางกลับมายังคอนโดมิเนียมที่พ่อแม่เช่าไว้ให้ "นนท์" อยู่ตามลำพังในช่วงเตรียมตัวสอบและรอเข้ามหาวิทยาลัย ด้วยแท็กซี่ที่เลขาฯ ของพ่อแม่นนท์จัดการเรียกให้

เมื่อไขกุญแจเข้าไปในห้องชุดขนาดพอเหมาะ สิ่งแรกที่เขาสัมผัสได้คือ... ความเป็นส่วนตัว และกลิ่นอายของเจ้าของห้องคนเดิม

มันเป็นห้องของวัยรุ่นชายโดยแท้... เสื้อผ้าวางกองระเกะระกะบนเก้าอี้ หนังสือเรียนและชีทเตรียมสอบวางซ้อนกันสูงบนโต๊ะทำงาน โปสเตอร์วงดนตรีร็อกและทีมฟุตบอลแปะอยู่บนผนัง มีเครื่องเกมคอนโซลวางอยู่ใต้ทีวีจอแบน และคอมพิวเตอร์ตั้งโต๊ะที่ดูสเปกค่อนข้างดีวางอยู่มุมห้อง

อาจารย์คมเดินสำรวจไปรอบๆ อย่างช้าๆ เปิดตู้เสื้อผ้าดู... เสื้อผ้าส่วนใหญ่เป็นเสื้อยืด กางเกงยีนส์ เสื้อเชิ้ตลำลอง มีชุดนักเรียนมัธยมปลายแขวนอยู่สองสามชุด และชุดสูทสำหรับใส่ในงานพิธีการหนึ่งชุด เขาหยิบเสื้อยืดสีพื้นๆ กับกางเกงยีนส์มาลองใส่... ขนาดพอดีตัว แต่ความรู้สึกยังคงแปลกๆ เหมือนยืมเสื้อผ้าคนอื่นมาใส่

เขานั่งลงหน้าโต๊ะคอมพิวเตอร์ ลองเปิดเครื่องดู... ไม่ได้ล็อกรหัสผ่าน หน้าจอเดสก์ท็อปเป็นรูปกลุ่มเพื่อนผู้ชายหัวเราะเฮฮากัน มีรูปมิ้นท์อยู่ในนั้นด้วย อาจารย์คมลองคลิกเปิดโปรแกรมต่างๆ เช็คไฟล์เอกสาร... ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเรียน การบ้าน รายงาน มีโฟลเดอร์เกมอยู่บ้างประปราย

สิ่งที่น่าสนใจที่สุดคือ เว็บเบราว์เซอร์ และ โซเชียลมีเดีย

เขาลองเปิดดูประวัติการเข้าชมเว็บ... ส่วนใหญ่ก็เป็นเว็บเกี่ยวกับการเรียน การสอบ ข้อมูลมหาวิทยาลัย เว็บกีฬา เว็บข่าวสารทั่วไป แต่ก็มีเว็บการ์ตูน เว็บดูหนังออนไลน์ และ... เว็บไซต์สำหรับผู้ใหญ่ปะปนอยู่บ้างตามประสาวัยรุ่นชาย อาจารย์คมส่ายหัวอย่างระอาปนขบขัน เด็กหนอเด็ก... เขาลองคลิกเข้าไปดูสองสามเว็บด้วยความอยากรู้... ภาพและวิดีโอที่ปรากฏทำให้ร่างกายของนนท์เกิดปฏิกิริยาตอบสนองขึ้นมาอย่างรวดเร็วจนเขาตกใจ... ฮอร์โมนวัยรุ่นนี่มันรุนแรงกว่าที่คิดไว้มาก! เขาต้องรีบปิดหน้าต่างนั้นทันที รู้สึกร้อนวูบวาบไปทั้งหน้าและ...ส่วนอื่นๆ

เขาลองเข้าสู่ระบบโซเชียลมีเดียต่างๆ ของนนท์ ทั้งเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ทวิตเตอร์ ไลน์... เพื่อนเยอะพอสมควร ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนร่วมรุ่น มีการพูดคุยเรื่องสัพเพเหระ เรื่องเรียน เรื่องเกม เรื่องเที่ยว ดูเป็นชีวิตวัยรุ่นปกติธรรมดา ไม่มีอะไรน่าสงสัย... เขาสังเกตว่านนท์คนเดิมดูจะเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยโพสต์อะไรมากนัก ส่วนใหญ่จะเข้าไปกดไลก์หรือคอมเมนต์เพื่อนๆ มากกว่า

เขาลองค้นหาชื่อ "มิ้นท์" ในรายชื่อเพื่อน... เจอได้อย่างง่ายดาย ในแชทส่วนตัวมีคุยกันประปราย ส่วนใหญ่เป็นเรื่องเรียน มีนัดติวหนังสือกันบ้าง ดูเหมือนความสัมพันธ์จะเป็นแค่เพื่อนสนิทจริงๆ... แต่อาจารย์คมก็รู้สึกได้ว่ามิ้นท์น่าจะคิดกับนนท์เกินเพื่อนอยู่ลึกๆ

เขาลองไปส่องกระจกในห้องน้ำอีกครั้ง มองใบหน้าของเด็กหนุ่มที่สะท้อนเงาอยู่... หน้าตาจัดว่าดี ผิวพรรณดี จมูกโด่ง ปากนิด แต่ดวงตา... ดวงตาคู่นี้มันเปลี่ยนไปแล้ว มันไม่ใช่ดวงตาใสซื่อของเด็กหนุ่มวัยสิบแปด แต่เป็นดวงตาของชายวัยสี่สิบกลางๆ ที่ผ่านโลกมาอย่างโชกโชน มันมีความลึกซึ้ง ความคมกล้า และแววตาเจ้าเล่ห์ที่ซ่อนไว้ เขาลองหัดยิ้มมุมปากแบบที่เคยทำ... เงาสะท้อนนั้นดูมีเสน่ห์ร้ายกาจขึ้นมาทันที

ต้องระวัง... อย่าให้แววตาแบบนี้หลุดออกไปบ่อยนัก...

เขาเตือนตัวเอง

แต่บางที... มันอาจจะเป็นประโยชน์ก็ได้...



 

หลังจากสำรวจห้องจนทั่วและเริ่มคุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมใหม่มากขึ้น อาจารย์คมก็เริ่มจัดระเบียบห้องรกๆ นั้นเสียใหม่ เขาไม่ใช่คนเจ้าระเบียบอะไรนัก แต่การอยู่ในที่ที่สะอาดตากว่านี้หน่อยก็น่าจะช่วยให้สมองปลอดโปร่งขึ้น

ขณะที่กำลังเก็บกองหนังสือเรียนบนโต๊ะทำงาน เขาก็สังเกตเห็นสมุดบันทึกเล่มเล็กๆ เก่าๆ เล่มหนึ่งสอดอยู่ใต้กองชีท มันไม่ใช่สมุดเลคเชอร์ แต่ดูเหมือนเป็นไดอารี่ส่วนตัวมากกว่า ด้วยความอยากรู้ (และสัญชาตญาณ) เขาลองหยิบขึ้นมาเปิดดู

ลายมือหวัดๆ ของนนท์คนเดิมบันทึกเรื่องราวสัพเพเหระในชีวิตประจำวันไว้... เรื่องเรียน เรื่องเพื่อน เรื่องเกม... ดูเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ จนกระทั่งเขาเปิดไปเจอหน้าที่ถูกฉีกออกไปหลายหน้าติดกัน! และในหน้าสุดท้ายก่อนถึงหน้าที่ถูกฉีก มีข้อความสั้นๆ เขียนด้วยลายมือที่ดูรีบร้อนและหวาดกลัวกว่าปกติ:

"พวกมันรู้แล้ว... ทำไงดีวะ? ต้องหาเงินมาคืนให้ทันก่อนสิ้นเดือน... ไม่งั้นซวยแน่... เรื่องนี้บอกใครไม่ได้ด้วย..."

อาจารย์คมขมวดคิ้วแน่น พวกมัน? พวกมันคือใคร? รู้เรื่องอะไร? หาเงินมาคืน? หนี้? นนท์คนเดิมไปติดหนี้อะไรไว้? หรือไปพัวพันกับเรื่องอันตรายอะไรเข้า? แล้วหน้าที่ถูกฉีกออกไปล่ะ? มีข้อมูลอะไรอยู่ในนั้น?

เขาลองพลิกไปหน้าหลังๆ ของสมุด... ส่วนใหญ่ว่างเปล่า แต่ที่ปกหลังด้านใน มีตัวเลขชุดหนึ่งเขียนด้วยดินสอจางๆ ดูเหมือนจะเป็นเบอร์โทรศัพท์ แต่ไม่มีชื่อกำกับไว้

ความรู้สึกสังหรณ์ใจบางอย่างแล่นเข้ามา... หรือว่า "อุบัติเหตุ" ที่ทำให้นนท์บาดเจ็บสาหัส อาจจะไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา? หรือว่าปัญหาที่นนท์คนเดิมเจอ มันอาจจะยังไม่จบสิ้น และกำลังรอเขาอยู่ในชีวิตใหม่นี้?

อาจารย์คมวางไดอารี่เล่มนั้นลงบนโต๊ะ ความรู้สึกโล่งใจก่อนหน้านี้หายไปเกือบหมดสิ้น ดูเหมือนว่าการหนีเข้ามาอยู่ในร่างของเด็กหนุ่มคนนี้ อาจจะไม่ใช่การหลบภัยที่ปลอดภัยอย่างที่เขาคิดไว้ในตอนแรกเสียแล้ว

เขามองออกไปนอกหน้าต่างคอนโด เห็นแสงสีของกรุงเทพฯ ยามค่ำคืน... เมืองหลวงที่ไม่เคยหลับใหล เมืองที่เต็มไปด้วยอันตรายและโอกาส... และตอนนี้ เขาก็ติดอยู่ในเมืองนี้ ในร่างที่ไม่คุ้นเคย พร้อมกับปัญหาเก่าที่ตามล่า และปัญหาใหม่ที่เพิ่งค้นพบ...

ชีวิตใหม่ของอาจารย์คม... เพิ่งจะเริ่มต้นขึ้นจริงๆ เท่านั้น

อ่านตอนต่อไป ได้ที่

https://www.readawrite.com/a/fb34101364e5b1cb876ea904f8177793 (https://www.readawrite.com/a/fb34101364e5b1cb876ea904f8177793)
ชื่อ: ต่อ: เฟรชชี่หมอผี ตอนที่ 2 ร่างใหม่ วิญญาณเดิม
โดย: prsclub เมื่อ เมษายน 28, 2025, 12:08:14 ก่อนเที่ยง
เปิดหัวมาเหมือนจะได้ใช้ชีวิตใหม่แบบเรียบง่ายแต่ดูแล้วไม่น่าจะใช่ละ
ชื่อ: ต่อ: เฟรชชี่หมอผี ตอนที่ 2 ร่างใหม่ วิญญาณเดิม
โดย: Skyioi เมื่อ เมษายน 28, 2025, 09:20:00 หลังเที่ยง
ขอบคุณ​ครับ
เสือก็ยังเป็นเสือ
ชื่อ: ต่อ: เฟรชชี่หมอผี ตอนที่ 2 ร่างใหม่ วิญญาณเดิม
โดย: therasak เมื่อ เมษายน 28, 2025, 10:58:19 หลังเที่ยง
เหมือนจะราบรื่น​แต่ก็มีปมปริศนา​ที่น่าจะอันตราย​ถึง​ชีวิต​
ชื่อ: ต่อ: เฟรชชี่หมอผี ตอนที่ 2 ร่างใหม่ วิญญาณเดิม
โดย: ponggunyuki2527 เมื่อ เมษายน 29, 2025, 05:56:13 หลังเที่ยง
ผูกปมได้ดีน่าสนุก และถูกจังหวะแบบคาดๆม่ถึง
ชื่อ: ต่อ: เฟรชชี่หมอผี ตอนที่ 2 ร่างใหม่ วิญญาณเดิม
โดย: Asura4237 เมื่อ พฤษภาคม 03, 2025, 08:30:30 ก่อนเที่ยง
ดูเหมือน เจ้านนท์ คนเก่าก็ทิ้งปัญหาใหญ่ไว้อยู่นะเนี่ย
ชื่อ: ต่อ: เฟรชชี่หมอผี ตอนที่ 2 ร่างใหม่ วิญญาณเดิม
โดย: adisak5 เมื่อ พฤษภาคม 23, 2025, 05:57:50 หลังเที่ยง
 ::YehYeh:: thank you