ถึงผู้อ่านทุกท่าน
นิยายเรื่องนี้สามารถอ่านฟรี จนจบเรื่อง อัพตอนใหม่ทุกวันจันทร์ที่บอร์ดนี้ เป็นเรื่องราวสุดสยิวของครูหนุ่มผู้มีความต้องการอันสุดหยั่งคาดกับบรรดาคนในโรงเรียน
สามารถอ่านได้โดยเสียอรรถรสเชิงเนื้อเรื่องแม้ไม่คอมเม้นเพื่อเปิดส่วนที่ซ่อนเนื้อหา
แต่หากคอมเม้น ก็ขอขอบคุณจากใจครับ ::Thankyou::
ผลงานอื่น
โรงพยาบาลร้อนซ่อนรัก(อัพตอนใหม่ทุกวันพฤหัส) --> https://fictionlog.co/b/675aa26df7648a001cce3696
-----------------------------------
เช้าวันเสาร์อาบแสงด้วยแดดอุ่นแบบเฉพาะตัว — ไม่แรงจัดเหมือนวันธรรมดา แต่ก็ไม่ขี้เกียจพอให้เรียกว่าอ่อนโยน
รัฐตื่นในเวลาใกล้เคียงกับวันที่ต้องไปโรงเรียน ไม่ใช่เพราะมีเหตุให้รีบร้อน เพียงแต่เขายังคงรักษา "จังหวะชีวิต" เอาไว้ต่อเนื่อง แม้จะเป็นวันหยุด
บ้านเดี่ยวหลังเล็กที่เขาเช่าอยู่ยังเงียบสงบ มีเพียงเสียงจิ้งหรีดที่หลงฤดู กับเสียงรถมอเตอร์ไซค์บ้างเป็นระยะ รัฐเดินลงจากห้องนอนมาในชุดลำลองสบาย ๆ กาแฟดำร้อน ๆ หนึ่งแก้วในมือ กับสมุดบันทึกที่เขายกมาวางตรงโต๊ะกินข้าว
เขาเปิดสมุดไปยังหน้าที่ขีดเส้นไว้ล่วงหน้า — เสาร์นี้, 11.00 น. — พลอย, สวนหลังวัดท้ายหมู่บ้าน
ไม่มีรายละเอียดมากกว่านั้น เพราะเขาไม่ต้องการให้ใครมาเปิดเจอแล้วเข้าใจอะไรได้ทันที
เขาจิบกาแฟอีกอึก สายตาเหลือบไปทางถุงของที่ซื้อไว้เมื่อวาน — น้ำเปล่าเย็นจัดสองขวด ขนมขบเคี้ยวเล็กน้อย และสิ่งอื่น ๆ ที่เขาเตรียมไว้เงียบ ๆ
เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ดังขึ้น พลอยส่งข้อความมาสั้น ๆ
"ถ้าหนูถึงก่อน เดี๋ยวรอที่ศาลานะคะ 😊"
รัฐอ่านแค่แวบเดียวก่อนจะวางโทรศัพท์ลง ไม่รีบตอบ ไม่จำเป็นต้องตอบ
เขาจิบกาแฟต่ออย่างนิ่งสงบ ปล่อยให้บรรยากาศเช้าวันหยุดไหลผ่านตัวไปเงียบ ๆ
ถนนลูกรังสายแคบหลังวัดทอดยาวคดไปตามแนวคลองเล็ก ร่มไม้ใหญ่สองข้างทางโน้มตัวเข้าหากันราวกับจะกางเงาบดบังเส้นทางไว้เกือบทั้งสาย แม้จะเป็นเวลากลางวัน แต่ร่มเงาก็หนาพอจะทำให้แสงแดดลอดลงมาได้เพียงริ้ว ๆ
รัฐขับรถมาช้า ๆ ตามทางนั้น ล้อบดกรวดเบา ๆ เป็นเสียงที่ชัดเจนเพราะรอบข้างเงียบแทบไม่มีบ้านเรือน เส้นทางนี้หากมาในเวลากลางคืน คงไม่มีใครกล้าขับผ่าน — ไม่มีไฟทาง ไม่มีบ้านใกล้เคียง
เขาขับผ่านโค้งสุดท้าย เห็นศาลาไม้เล็ก ๆ ที่ตั้งอยู่ริมคลอง ติดกับรั้ววัดเก่าซึ่งมีลายปูนปั้นจาง ๆ อยู่ตามแนว
พลอยยืนอยู่ที่นั่น ใต้เงาศาลา
เธอสวมเสื้อยืดคอกลมสีอ่อน กับกางเกงยีนส์ขาสั้น รองเท้าผ้าใบเล็ก ๆ ขวางไว้ข้างหนึ่ง ขณะยืนพิงเสาไม้ ท่าทีผ่อนคลายอย่างคนที่ชินกับที่ตรงนั้น
เมื่อเห็นรถของรัฐเคลื่อนเข้ามา เธอยกมือขึ้นโบกเล็กน้อย สีหน้าร่าเริง ดวงตาทอประกายอย่างคุ้นเคย
รัฐชะลอรถลงอย่างนุ่มนวล กระจกฝั่งคนนั่งลดลงทีละนิดจนลมจากคลองพัดเข้ามาในห้องโดยสาร กลิ่นหญ้าแห้งและน้ำกร่อยปะปนกันเล็กน้อย
เขามองเธอผ่านบานกระจกนั้น ยิ้มบาง ๆ อย่างสุภาพ
เธอก้าวออกจากศาลา เดินตรงเข้ามาหารถ
ประตูฝั่งคนนั่งเปิดออกช้า ๆ พร้อมเสียงเครื่องยนต์ที่ยังเดินอยู่เงียบ ๆ
ประตูรถปิดลงอย่างแผ่วเบา พลอยขยับตัวเล็กน้อยให้กางเกงยีนส์เข้าที่ ขณะที่สายลมจากเครื่องปรับอากาศอุ่น ๆ พัดแผ่วผ่านใบหน้าเธอ รัฐเหลือบมองแวบหนึ่งก่อนจะเหยียบเบรกไว้ชั่วครู่ มือยังไม่แตะคันเกียร์ เขาหันหน้ามาทางเธอพร้อมน้ำเสียงเรียบ ๆ
"ทางเปลี่ยวขนาดนี้ มาได้ยังไง?"
เธอหันมายิ้ม เหมือนเตรียมคำตอบไว้แล้ว
"ให้วินมอเตอร์ไซค์มาส่งหน้าวัดค่ะ แล้วก็เดินตัดข้างวิหารมา มันมีซอกทางเดิน หนูมาบ่อยเวลาอยากอยู่เงียบ ๆ"
เขาพยักหน้าเบา ๆ ไม่ได้พูดอะไรต่อทันที สายตายังทอดไปทางกระจกหน้ารถราวกับจดจำเส้นทางให้ขึ้นใจ ก่อนจะเอ่ยช้า ๆ
"คนแถวนี้คงไม่มาเดินเล่นที่นี่กันนัก"
"ไม่ค่อยค่ะ ยิ่งวันหยุด คนส่วนใหญ่ก็ไปตลาดกันหมด ไม่มีใครอยากมาเดินหลังวัด"
รถเริ่มเคลื่อนตัวอย่างนุ่มนวลไปตามทางลูกรัง เสียงล้อบดกับกรวดดังเบา ๆ สลับกับเสียงเครื่องยนต์ที่ไม่ได้เร่ง รีบเพียงใด รัฐขับไปเรื่อย ๆ เหมือนต้องการให้เวลายืดยาวออกไปอีกหน่อย
"แล้วถ้าไม่มีใครมา แล้วเธอไม่กลัวเหรอ?"
"ไม่ค่ะ ถ้าคนที่รออยู่เป็นครูรัฐ หนูก็ไม่กลัว"
เขาเหลือบตามองเธออีกครั้งคราวนี้ไม่ใช่แค่ประเมิน แต่เหมือนบันทึกคำพูดนั้นไว้เงียบ ๆ โดยไม่ตอบโต้ เขาเพียงยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะตั้งหน้าขับรถต่อไป ข้างทางเงียบสงบเกินกว่าจะเป็นเส้นทางธรรมดา
รถเคลื่อนตัวอย่างช้า ๆ ไปตามทางดินที่เริ่มเปลี่ยนเป็นผิวลาดยาง ร่มไม้สองข้างทางเปิดช่องให้แดดยามสายส่องลงมาบางจุด พลอยนั่งนิ่งอยู่ที่เบาะข้างคนขับ มือเธอวางบนตัก ขณะที่สายตาเหลือบมองกระจกมองข้างเป็นระยะ บางทีเธอก็ยิ้มกับตัวเองโดยไม่รู้ตัว
รัฐเหลือบมองแวบหนึ่ง มุมปากเขาขยับขึ้นนิด ๆ ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะปลายคางของเธอเบา ๆ ใช้นิ้วเชยขึ้นให้หันหน้ามาทางเขา จังหวะนั้นเงียบพอจะได้ยินเสียงลมหายใจ และในความเงียบนั้น แววตาของเธอสบกับเขาโดยไม่หลบ
ไม่มีคำพูด ไม่มีการเร่งเร้า เธอแค่นั่งนิ่ง ปล่อยให้เขาโน้มตัวเข้าไปใกล้ กลิ่นหอมจางจากผิวเธอลอยมาชนอย่างบางเบา และเมื่อริมฝีปากของทั้งสองสัมผัสกัน ทุกอย่างก็คล้ายหยุดนิ่งในช่วงเวลานั้น
จูบนั้นไม่เร่าร้อน ไม่รีบร้อน มีแต่ความนิ่งแนบแน่นที่ทอดยาวเพียงพอให้ใจเต้นชัดเจน
เมื่อถอนออกมา เธอหน้าแดงอย่างเห็นได้ชัด แต่ไม่พูดอะไรในทันที รัฐยิ้มเล็กน้อย เอื้อมกลับไปจับพวงมาลัย
"ไปไหนกันดี?" เขาถาม ขณะสายตายังจดจ่อกับถนนข้างหน้า
พลอยสูดลมหายใจเบา ๆ พยักหน้าน้อย ๆ ก่อนเอ่ยตอบเสียงแผ่ว
"คราวก่อนบอกว่าอยากขับรถชมวิวไม่ใช่เหรอคะ...หนูมีที่อยากพาไปอยู่"
รัฐหัวเราะในลำคอเบา ๆ ขยับเกียร์ แล้วขับรถมุ่งหน้าต่อ ริมฝีปากยังมีรอยยิ้มจาง ๆ ขณะที่ในใจ...จังหวะทั้งหมดนั้นกลับถูกจดจำไว้แม่นยำ
รถแล่นออกจากแนวต้นไม้สู่ทางลาดยางที่เรียบกว่าเดิม เส้นทางเริ่มเปิดโล่งขึ้นเรื่อย ๆ พลอยนั่งเอนเบาะเล็กน้อย ดวงตาจับจ้องถนนเบื้องหน้า ก่อนจะชี้นิ้วไปทางแยกที่กำลังใกล้เข้ามา
"ตรงไปอีกหน่อย แล้วเลี้ยวขวาค่ะ มันจะมีทางเข้าป่าเล็ก ๆ นั่นแหละ จุดชมวิวของจริง"
รัฐไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม เขาเพียงพยักหน้าเล็กน้อยแล้วขับตามทางที่เธอว่า เสียงยางบดกับพื้นถนนเปลี่ยนจังหวะอีกครั้งเมื่อรถเข้าสู่เส้นทางดินกรวดที่เต็มไปด้วยเศษใบไม้แห้ง เส้นทางนั้นคดเคี้ยวและแคบพอให้รู้ว่าไม่ใช่ที่ซึ่งใครผ่านมาบ่อยนัก
"หนูเคยมากับแม่ตอนเด็ก ๆ" พลอยเอ่ยขึ้นในความเงียบ "แต่ตอนหลังไม่มีใครพามาอีกเลย คนแถวนี้ไม่ค่อยรู้จัก เพราะมันไม่ได้อยู่ในแผนที่เท่าไหร่"
รถแล่นขึ้นเนินเล็ก ๆ จนสุดทางมาบรรจบกับพื้นที่โล่ง มีลานดินแคบ ๆ ใต้ร่มไม้ใหญ่ เบื้องหน้าเปิดออกเป็นแนวผาเตี้ย ๆ ที่มองเห็นผืนน้ำไกลออกไป เส้นขอบฟ้ากำลังเริ่มฟุ้งแสงเทาอ่อนอย่างช้า ๆ
"ถึงแล้วค่ะ" พลอยยิ้ม ดึงที่เปิดประตูเบา ๆ ก่อนก้าวลงจากรถ
รัฐดับเครื่องยนต์ แล้วตามลงไปข้างเธอ ลมจากเบื้องล่างพัดขึ้นมาต้องใบหน้าเย็นชื้นเล็กน้อย กลิ่นดิน กลิ่นต้นไม้ กลิ่นแดดที่เพิ่งอ่อนแรงลงผสมกันเป็นกลิ่นแบบที่ในเมืองไม่มีให้สูด
"ที่นี่ดีนะ" เขาว่าเบา ๆ ขณะกวาดตามองรอบตัว
"บรรยากาศดีใช่ไหมล่ะคะ?" พลอยพูดพลางยกมือไล่ผมที่ปลิวมาแนบแก้ม "ครูรัฐบอกเองว่า ถ้าบรรยากาศดี ๆ มีเบียร์เย็น ๆ จะสุดยอดเลยนี่นา"
เขาหัวเราะเบา ๆ "ลืมหยิบขึ้นมาจากรถซะได้"
พลอยแกล้งเบะปาก ก่อนจะหมุนตัวเดินไปยังแนวโขดหินเตี้ย ๆ แล้วทรุดตัวลงนั่ง มือหนึ่งยันพื้นอีกมือเท้าคาง เงยหน้ามองฟ้า
"คราวหน้าไม่ลืมแน่นอนครับ" รัฐพูดขณะเดินไปนั่งข้าง ๆ เธอ
สายลมอ่อนพัดผ่านแนวไม้เบื้องหลังพวกเขา ใบไม้เสียดสีกันเบา ๆ คล้ายเสียงกระซิบที่ไม่ต้องการให้ใครได้ยิน แสงแดดเริ่มอ่อนลงเรื่อย ๆ เงาของรัฐและพลอยทอดยาวบนพื้นดินแห้ง พลอยยังนั่งเท้าคางอยู่ข้างเขา ดวงตาเธอทอดมองเส้นขอบผืนน้ำไกลออกไป คล้ายจ้องบางสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง ริมฝีปากเม้มแน่นเล็กน้อย ก่อนที่เสียงของเธอจะดังขึ้นอย่างแผ่วเบา แต่แน่นอน
"ช่วงนี้...แพรอยู่ใกล้ครูบ่อยนะคะ"
เธอไม่มองหน้าเขาในตอนที่พูด และไม่ได้กล่าวหาตรง ๆ น้ำเสียงไม่ได้แสดงความน้อยใจจนเกินไป แต่ในถ้อยคำมีบางอย่างที่สั่นอยู่ข้างใน เหมือนเธอกำลังสำรวจว่าคำถามนั้นจะสร้างรอยร้าวหรือความโล่งใจให้ตัวเอง
รัฐเหลือบมองเธอ สีหน้าเขาไม่เปลี่ยนแปลง แต่แววตานิ่งขึ้นเล็กน้อย เขาไม่ปฏิเสธ ไม่รีบตอบ เขาเพียงปล่อยให้เงียบครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดอย่างรอบคอบ
"แพรเป็นนักเรียนที่ดีครับ ขยัน จริงจัง แถมเป็นหัวหน้าห้อง ถ้าใครอยู่ใกล้ครูบ่อยในช่วงเตรียมงาน ก็ต้องเป็นเธออยู่แล้ว"
เขาเว้นจังหวะให้คำพูดลอยอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ น้ำเสียงของเขานุ่มลง แต่ชัดเจน
"แต่สิ่งที่ครูให้ความสำคัญกับแพร...มันคือหน้าที่ ครูมีหน้าที่ดูแลเธอเหมือนที่ดูแลเด็กคนอื่น ๆ"
พลอยยังไม่หันกลับมา สายตายังทอดไกลเหมือนเดิม แต่ฝ่ามือที่วางบนพื้นแน่นขึ้นเล็กน้อย
รัฐมองเธอเงียบ ๆ แล้วพูดต่อ ไม่เปลี่ยนน้ำเสียง
"สิ่งที่ครูมีให้กับแพร...ไม่เหมือนกับที่ครูรู้สึกเวลาอยู่กับพลอยเลย"
พลอยขยับตัวเล็กน้อย ราวกับกำลังกลั้นหายใจบางอย่างไว้ เธอไม่ได้พูดอะไร แต่ความเงียบนั้นพูดแทนเธอ รัฐไม่ได้เติมคำหวานใด ๆ อีก เขาเพียงแต่นั่งอยู่ตรงนั้น ข้างเธอ อย่างไม่เร่งเร้า ไม่รุกล้ำ
และแม้ใบหน้าของเธอจะสงบ แต่แววตาที่เริ่มร้อนวูบวาบเล็กน้อย กับท่าทีที่ไม่กล้าสบตาเขาตรง ๆ — บอกชัดว่าในใจของเธอกำลังตีกันระหว่าง "ดีใจ" กับ "กลัวจะเชื่อมากเกินไป"
เพราะสำหรับคนที่ไม่เคยรักใครมาก่อน ความรู้สึกนี้มันใหม่และรุนแรงจนน่าหวาดหวั่น แม้แต่คำยืนยันอ่อนโยนที่สุดก็ยังสั่นคลอน
เธอไม่ได้พูดมันออกมา แต่ทั้งตัวเธอกำลังตะโกนว่า "ช่วยทำให้หนูมั่นใจที"
และรัฐ—ที่อ่านความเงียบนั้นขาด—เพียงแค่ขยับตัวเล็กน้อย ขยับเข้าใกล้เธออีกหน่อย โดยไม่ต้องเอื้อมมือ หรือแตะต้อง
เขาใช้เพียงการ "อยู่ใกล้" ให้มั่นคงพอจะยืนยันว่า เขาอยู่ตรงนี้...กับเธอ
ความเงียบยังคงคลุมพื้นที่รอบตัวพวกเขาไว้ ไม่ใช่ความอึดอัด หากแต่เป็นความเงียบที่อัดแน่นไปด้วยความรู้สึกที่ยังไม่ได้รับคำตอบเต็มปากเต็มคำ เสียงใบไม้ไหวเหนือศีรษะและเสียงลมหายใจแผ่วเบาของพลอยแทบเป็นสิ่งเดียวที่บ่งบอกว่าที่ตรงนั้นยังมีคนสองคนนั่งอยู่
รัฐมองใบหน้าของเธออยู่ครู่หนึ่ง ไม่ต้องการเร่ง ไม่ต้องการตอกย้ำ เขาเพียงแต่เฝ้าสังเกต แล้วรับรู้ได้ชัดเจน — แม้เธอจะไม่พูดอะไรเพิ่ม แม้จะไม่ได้หลบหนี แต่บางอย่างในดวงตาของเธอยังไม่คลาย
มันคือความค้างคาเล็ก ๆ ความไม่มั่นใจที่ยังแฝงอยู่ใต้แววตา ความกลัวที่ว่า...วันหนึ่งเขาอาจพูดแบบเดียวกันกับคนอื่น
เขาไม่ต้องการให้เธอถาม และเธอเองก็อาจไม่กล้าถามตรง ๆ
ดังนั้น...เขาจึงเป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อน
"บ่ายนี้ว่างอยู่ใช่มั้ย?"
พลอยขยับตัวเล็กน้อย หันมามองเขาช้า ๆ ใบหน้าเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามที่เธอยังไม่กล้าถอดรหัส
รัฐมองเธออย่างนิ่ง ก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่ไม่ดังนัก แต่หนักแน่นกว่าทุกประโยคก่อนหน้านี้
"ไปที่บ้านครูไหม?"
เธอเลิกคิ้วอย่างตกใจเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะคำชวน แต่เพราะความหมายเบื้องหลังคำพูดนั้นต่างหาก
รัฐปรายตามองเธอแวบหนึ่ง ก่อนจะพูดต่อ ราวกับรู้ว่าเธอจะคิดอะไรอยู่
"นอกจากพลอยก็ยังไม่มีใครเคยได้ไปเลยนะ...ไม่ใช่เพราะครูหวงของ แต่เพราะครูไม่เคยรู้สึกว่า...ใครควรอยู่ตรงนั้น"
เขาเว้นวรรค ลมหายใจที่ตามมานั้นสม่ำเสมอ
"ตั้งแต่พลอยไปวันนั้น...ครูจะรู้สึกว่ามันเติมเต็มดี"
พลอยนิ่งไป มือของเธอขยับเล็กน้อยเหมือนกำชายกางเกงโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าแดงเรื่อขึ้นทีละน้อยจนแทบสังเกตไม่ได้ เธอไม่ได้ตอบทันที แต่สายตาที่สบกลับกับเขาไม่หลบอีก
และถึงแม้เธอจะยังไม่พูดอะไรออกมา รัฐก็รู้แล้วว่า...
บางอย่างในเธอเริ่มคลี่คลาย
ไม่ใช่ด้วยคำอธิบาย
แต่ด้วย "น้ำหนัก" ที่เขายอมเปิดเผยให้เธอได้เห็น — ที่ที่มีแค่คนพิเศษเท่านั้นจะก้าวเข้าไปได้
รถเคลื่อนตัวจากจุดชมวิวเงียบ ๆ อย่างอ้อยอิ่ง รัฐไม่เร่งฝีเท้าเท้าเหยียบคันเร่งนัก ปล่อยให้ล้อบดกับดินกรวดส่งเสียงเบา ๆ ที่กลืนไปกับเสียงลมที่ลอดผ่านกระจกแง้มไว้เล็กน้อย แสงแดดยามบ่ายคล้อยลอดผ่านร่มไม้สาดแสงอุ่นพาดผ่านไหล่ของพลอยที่นั่งมองวิวข้างทางเงียบ ๆ ดวงตาเธอยังมีแววครุ่นคิดบางอย่าง แต่ไม่ใช่ความสับสนอีกแล้ว
รัฐขับรถลงเนิน เลี้ยวกลับออกจากป่าเข้าสู่ทางลาดยางอีกครั้ง บรรยากาศในรถยังคงนิ่งสงบแต่ไม่เย็นชา มีบางอย่างที่อ่อนโยนขึ้น...เหมือนลมหายใจของทั้งสองคนเริ่มหายใจในจังหวะเดียวกันมากขึ้นเล็กน้อย
"ก่อนกลับ แวะร้านเดิมหน่อยนะ"
รัฐพูดขึ้นเรียบ ๆ สายตายังจับจ้องถนน พลอยหันมามองเขาในจังหวะนั้นก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย
"ร้านเบียร์ร้านนั้นใช่ไหมคะ?"
"อืม" เขาพยักหน้า "วันนี้รู้สึกฟีลดีกว่าทุกวัน ถ้ามีเบียร์เย็น ๆ ซักกระป๋องคงดี"
"สองกระป๋องใช่ไหมคะ?" เธอแกล้งยิ้มขำ "เหมือนเดิม"
รัฐหัวเราะเบา ๆ ไม่ตอบในทันทีแต่เพียงหันไปมองเธอสั้น ๆ คล้ายรับคำแล้วขับต่อ
รถมาจอดที่ร้านสะดวกซื้อเล็ก ๆ ข้างทาง รัฐลงไปเงียบ ๆ เหมือนเคย ไม่ถามว่าเธอจะเอาอะไร พลอยมองตามเขาผ่านกระจกรถ ร่างของเขาดูสูงสงบเหมือนทุกที แต่ในแววตาของเธอมีบางอย่างเปลี่ยนไป — มันไม่ใช่แค่การมองเขาในฐานะ "ครู" หรือ "คนที่อยู่ใกล้" แต่เป็นการมอง...ด้วยความรู้สึกว่าตัวเองได้ก้าวเข้าไปอีกขั้นในโลกของเขา
ไม่นาน รัฐกลับมาพร้อมถุงพลาสติกในมือ และกระป๋องน้ำอัดลมอีกหนึ่ง เขายื่นให้อย่างไม่ต้องพูดอะไร และพลอยก็รับมาโดยไม่ต้องถามว่าทำไม
รถแล่นออกจากลานร้านเล็ก ๆ นั้นอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้มุ่งหน้าไปยังสถานที่ท่องเที่ยวใด ๆ
มันมุ่งหน้ากลับ "บ้าน"
ฟ้ายามเย็นกำลังแต้มด้วยสีส้มอมม่วงเมื่อรถของรัฐแล่นเข้าไปยังซอยเล็กที่ขนานไปกับร่องสวนเก่า บ้านเดี่ยวหลังคาทรงจั่วสีซีดโผล่ขึ้นท่ามกลางพุ่มไม้ริมรั้ว ดูเงียบสงบเช่นเคย ไม่มีบ้านอื่นในระยะใกล้ เสียงเครื่องยนต์ดับลงอย่างแผ่วเบา ก่อนที่รัฐจะลงจากรถและเดินอ้อมไปเปิดประตูฝั่งของเธอ
พลอยก้าวลงมายืดตัวเล็กน้อย ดวงตากวาดมองรอบบ้านคล้ายคนคุ้นเคย
"บ้านครูยังเหมือนเดิมเลยค่ะ" เธอพูดยิ้ม ๆ "แต่ดูเหมือนจะสะอาดกว่าครั้งก่อนที่หนูมา...คราวนั้นยังมีกลิ่นสีอยู่เลย"
รัฐหัวเราะเบา ๆ มือข้างหนึ่งถือถุงของอีกข้างไขกุญแจประตู "คราวนั้นยังเพิ่งย้ายมาได้ไม่กี่วันเอง คราวนี้จัดเข้าที่เข้าทางแล้ว"
เสียงบานประตูไม้เปิดออก เผยให้เห็นภายในบ้านที่สะอาดและเงียบสงบ เฟอร์นิเจอร์ยังน้อยชิ้นเหมือนเดิม มีโซฟาสีเข้ม โต๊ะไม้เรียบ ๆ ชั้นหนังสือที่เพิ่มขึ้นอีกหนึ่งชั้น และกลิ่นไม้เคลือบเงาจาง ๆ ลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ
พลอยเดินเข้าไปโดยไม่ลังเลนัก เธอรู้ทางดีพอที่จะถอดรองเท้าไว้ตรงชั้นไม้ข้างประตูอย่างเป็นระเบียบ
"ครูเพิ่มต้นไม้มุมห้องด้วยนะคะ ใบมันเขียวขึ้นเยอะเลย"
"เริ่มรดน้ำเป็นเวลาแล้ว" เขายิ้มบาง ๆ ก่อนจะเดินนำเข้าไปในครัว
เธอทรุดตัวลงนั่งที่โซฟาอย่างผ่อนคลายกว่าครั้งก่อน มือวางบนตักแล้วเอนหลังพิงเบาะ สายตาสำรวจรอบห้องอย่างเงียบ ๆ เหมือนคนที่พยายามจะหาที่ของตัวเองในที่ที่ไม่ได้เป็นของตัวเองทั้งหมด
กลิ่นหอมอ่อนของไม้ขัดเงายังคงอยู่เหมือนเดิม รวมถึงแสงแดดที่ส่องลอดผ่านผ้าม่านสีครีมก็ยังทอดตัวลงบนโต๊ะไม้เตี้ยตรงหน้าอย่างอ่อนโยนเหมือนเดิม
เธอยกมือขึ้นลูบผ้าหุ้มโซฟาเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้น ราวกับความทรงจำกำลังเดินกลับมาอย่างไม่ทันตั้งตัว
"หนูยังจำได้เลยค่ะ...ตอนคราวที่แล้วที่มานี่"
เสียงของเธอเบาลงเมื่อพูดถึงประโยคนั้น ดวงตายังไม่กล้าสบกับเขาโดยตรง เหมือนรู้ดีว่าความคิดที่ตามมานั้นไม่ใช่แค่เรื่องตกแต่งห้อง
"ตอนนั้น...มันก็ช่วงเย็นแบบนี้เหมือนกัน" เธอเสริมเสียงเบายิ่งกว่าเดิม ก่อนจะเม้มปากแน่นเล็กน้อย
เหมือนความทรงจำเฉพาะเจาะจงบางอย่างย้อนกลับมาในหัวโดยไม่ต้องอธิบาย พลอยขยับตัวน้อย ๆ แผ่นหลังที่พิงโซฟากระชับขึ้นเล็กน้อย แขนทั้งสองข้างประสานกันอย่างไม่ตั้งใจ กลายเป็นท่าทีที่ชัดเจนกว่าคำพูดว่าบางอย่าง "เต้นอยู่ในใจ" เธอ
แก้มของเธอขึ้นสีอย่างไม่ทันยับยั้ง
"หนู...ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงเผลออยู่ต่อ...นานขนาดนั้น" เธอพูดพลางหัวเราะกลบเกลื่อนเบา ๆ
"แต่อยู่ดี ๆ มันก็ดึก แล้วก็..."
เธอไม่พูดต่อ ปล่อยให้ประโยคนั้นค้างคาในอากาศด้วยความรู้สึกที่ชัดเจนกว่าถ้อยคำใด ริมฝีปากเม้มเข้าหากันแน่นขึ้นอีกนิด ดวงตาเริ่มหลบสายตาเขา
รัฐไม่ได้พูดอะไรในทันที เขาเพียงแต่มองเธออยู่เงียบ ๆ และรู้ดีว่าสีหน้าที่แดงระเรื่อนั่น ไม่ได้เกิดจากอากาศในห้องที่อบอ้าวเลยแม้แต่น้อย
รัฐยังคงยืนอยู่ข้างโต๊ะกลาง สายตาไม่ไล่ตามเธอแบบจ้องมอง แต่ก็มิได้เบือนหนีไปทางอื่น เขาเพียงใช้ความนิ่งนั้นรองรับความรู้สึกที่พลอยกำลังแสดงออก—อย่างไม่เร่ง ไม่ตัดบท และไม่กลบเกลื่อนให้เธอ
เขายกแก้วน้ำขึ้นจิบช้า ๆ ก่อนวางลงเสียงเบาบนโต๊ะ เสียงกระทบกันของแก้วและไม้แทบไม่ได้ดังไปกว่าเสียงหายใจเบา ๆ ของเธอ
"ตอนนั้น..." เขาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงต่ำและนุ่ม "มันก็ไม่ใช่เพราะเธอเผลอหรอก"
พลอยชะงัก เงยหน้ามามองเขาเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความไม่แน่ใจ คล้ายตั้งคำถามโดยไม่กล้าพูดออกมา
รัฐไม่ได้พูดต่อในทันที เขาเดินอ้อมโต๊ะมาทิ้งตัวลงนั่งข้างเธอ พอจะใกล้พอให้สัมผัสถึงไออุ่น แต่ไม่ใกล้พอจะล้ำเส้นใด ๆ
"ครูเชื่อว่า...ตอนนั้นเธอเลือกอยู่ต่อเอง" เขาหันหน้าไปทางเธอเพียงครึ่งค่อน "แม้จะยังไม่เข้าใจทั้งหมดว่าทำไม แต่เธอก็เลือกแล้ว"
พลอยเม้มริมฝีปากแน่นขึ้นเล็กน้อย มือประสานกันบนตักแน่นขึ้นนิดหน่อย รู้ตัวดีว่าคำพูดนั้นไม่ใช่การกล่าวหา แต่มันคือการสะท้อนใจเธอกลับไป—อย่างตรงไปตรงมา และอ่อนโยน
"ครูไม่ได้อยากให้เธอรู้สึกผิด หรือรู้สึกว่าอะไรวันนั้นมันเลยเถิด...ตรงกันข้าม" เขาหยุดเล็กน้อย มองตรงเข้าไปในดวงตาเธอที่เริ่มหลบซ่อนไม่อยู่
"ครูดีใจที่เธออยู่"
คำพูดสุดท้ายเปล่งออกมาด้วยน้ำเสียงที่มั่นคงกว่าก่อนหน้านี้เล็กน้อย ไม่ได้หนักเกินไป ไม่ได้บีบบังคับ แต่มากพอจะหยั่งลงในใจเธออย่างลึก
พลอยกะพริบตาถี่ขึ้นนิดหน่อย ก่อนจะหันหน้ากลับไปมองตรง ไม่ตอบอะไรสักคำ แต่หางตาของเธอแดงเรื่อ และรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่มุมปากนั้น ก็ชัดเจนพอจะบอกว่าเธอกำลังยอมให้หัวใจตัวเองขยับเข้ามาใกล้เขาอีกนิด—โดยไม่ต้องอธิบายอะไรเลย
เขายังนั่งข้างเธอ ไม่แตะต้อง ไม่เร่งรัด แต่ความเงียบที่คลี่ตัวออกมากลับเต็มไปด้วยแรงถ่วงบางอย่างที่ยากจะเมิน พลอยรู้สึกได้ถึงลมหายใจเขาอยู่ไม่ห่าง ความร้อนจากร่างกายชายตรงหน้าแผ่ออกมาจาง ๆ ราวกับไฟที่ยังไม่จุดเปลว แต่พร้อมจะเผาไหม้ทุกอย่างหากปล่อยให้ลาม
เธอเบือนหน้ากลับมาช้า ๆ แค่จะเอ่ยอะไรบางอย่าง—หรืออาจแค่จะสบตาอีกครั้ง แต่ก็เพียงแว็บเดียวที่สายตาพบกัน...โลกเงียบลงทั้งหมด
เขาโน้มตัวเข้ามา ไม่มากพอให้เธอหวาดหวั่น แต่ก็ไม่ช้าเกินไปจนเสียจังหวะนั้นไป
ริมฝีปากของเขาแตะลงบนริมฝีปากเธอเบา ๆ ช้า และมั่นคง...เหมือนคำยืนยัน มากกว่าคำขอ
พลอยสะดุ้งน้อย ๆ ร่างกายแข็งชั่วขณะ แต่ไม่ได้ผละหนี กลับค้างอยู่ตรงนั้น เหมือนกำลังรอฟังเสียงหัวใจตัวเอง
มือของเขายกขึ้นแนบแก้มเธอ นิ้วหัวแม่มือไล้เบา ๆ ตรงแนวกราม เธอหายใจเฮือกเล็ก ๆ แววตาสั่นระริก แต่ไม่ได้หลบ
เมื่อเขาแตะริมฝีปากลงมาอีกครั้ง คราวนี้ลึกกว่า...ยาวนานกว่า
 
==========โปรดติดตามตอนต่อไป==========
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน
แล้วครูก็พาน้องถลำเข้าสู่วังวนที่ไม่อาจจะย้อนกลับขึ้นมาได้ ต่อไปก็เตรียมตัวเป็นทาสรักครู
เมื่อมีครั้งแรกแล้วก็ยากที่จะตัดใจไม่ให้มีครั้งต่อไป น้องพลอยหลงครูรัฐเสียแล้ว