🧡 XONLY 🧡

LIGHT ZONE => ห้องนั่งเล่น => หัวข้อที่ตั้งโดย: kilo เมื่อ พฤษภาคม 31, 2025, 10:25:17 ก่อนเที่ยง

ชื่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ พฤษภาคม 31, 2025, 10:25:17 ก่อนเที่ยง
ขนมปังโฮลวีทธัญพืช ขึ้นรูปแบบไม่รีดแป้ง Whole wheat multigrain bread

สูตร พิมพ์ 450 กรัม หรือ 20x10x10 ซม

แป้งทำขนมปัง 175 กรัม
แป้งโฮลวีทแบบละเอียด 175 กรัม
ไข่ไก่ 1 ฟอง เบอร์ 1
น้ำเปล่า 100 กรัม
นมรสจืด 80 กรัม
เกลือ 1/2 ช้อนชา
น้ำตาลทราย 30 กรัม
ยีสต์ 1 1/2 ช้อนชา
เนยจืด 30 กรัม

เมล็ดธัญพืชรวม 70 กรัม
(เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง เมล็ดงาขี้ม่อน งาขาว ข้าวโอ๊ต)

วอร์มเตาที่ 180 องศา ระยะเวลาอบ 35-38 นาที
ไฟบน-ล่าง ไม่เปิดพัดลม อุณหภูมิ และระยะเวลาอบ
สามารถปรับได้ตามเตาอบของแต่ละบ้าน
และปรับตามขนาดของขนมปังที่อบ

วิธีทำ
นำธัญพืชต่างๆไปอบไฟต่ำๆ หรือคั่วเล็กน้อย
นวดแป้งให้เนียนดี จากนั้นใส่ธัญพืชรวมลงไปครึ่งนึง
นวดให้พอเข้ากัน พักแป้งให้ขึ้นเป็นเท่าตัว
นำแป้งมาเแบ่งเป็น 3 ก้อน ไล่ลมให้หมด คลึงกลม
วางแป้งลงในพิมพ์ สเปรย์น้ำบางๆ
โรยธัญพืชที่เหลือให้ทั่วด้านบน พักแป้ง
เมื่อแป้งขึ้นเกือบถึงขอบพิมพ์ ให้เนาเข้าอบจนสุกดี

*ใช้ได้ทั้งยีสต์จืด และ ยีสต์หวาน
*ธัญพืชปรับใช้ได้ตามที่มี
*ขนมเก็บในอุณหภูมิห้องได้ 3-5 วัน

Ingredients 
Yield for 450g pan size or 20x10x10 cm

175g Bread flour
175g Whole wheat flour
1 Large egg
100g Water
80g MIlk
1/2 Teaspoon Salt
30g Sugar
1 1/2 Teaspoon Active dry yeast
30g Unsalted butter

70g Multiseed (Pumpkin seed, Sunflower seed, Poppy seed, sesame, Rolled oat)

Pre-heat the oven for 180'c Bake for 35-38 mins
Baking time can be adjust by
different of oven and size of bread

#ขนมปังโฮลวีท #ขนมปังธัญพืช #ขนมปังเพื่อสุขภาพ
#wholewheatbread #multigrainbread #multiseedbread
#แม่บ้านตุรกี #asliinturkey #asliinkitchen #asli_kitchen


https://www.facebook.com/share/v/15joc95zSD/
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ พฤษภาคม 31, 2025, 11:33:05 ก่อนเที่ยง
ทำของว่างแสนอร่อย ที่ทำง่ายมากๆ 
กันค่ะ

👉กล้วยทอดไร้น้ำมันกับอบเชย

วัตถุดิบ
●กล้วยสุกห่าม 2 ลูก
●น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ (ไม่ต้องใส่ก็ได้)
●น้ำมันมะพร้าวหรือเนยละลาย 1 ช้อนโต๊ะ
●อบเชยป่น 1/2 ช้อนชา (ไม่ต้องใส่ก็ได้)

1. อุ่นหม้อทอดไร้น้ำมันไว้ที่  175°C

2. ในชาม ใส่กล้วยที่หั่นเป็นแว่นลงไปพร้อมกับน้ำมันมะพร้าวหรือเนยละลาย น้ำตาลและอบเชยป่นให้เข้ากัน

3. จัดเรียงกล้วยหั่นเป็นชั้นเดียวในตะกร้าทอดไร้น้ำมัน

4. ทอดไร้น้ำมันเป็นเวลา 10-15 นาที โดยเขย่าตะกร้าในระหว่างการทอดจนชิปมีสีเหลืองทองและกรอบ

5. ปล่อยให้เย็นแล้วรับประทานเป็นของว่างได้เลยค่ะ

**น้ำตาลถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องใส่ก็ได้ค่ะ**

#กล้วยอบ #กล้วยอบกรอบ #หม้อทอดไร้น้ำมัน #ของว่าง #เมนูกล้วย
Cr.สัพเพเหระชีวิตต่างแดน


https://www.facebook.com/share/p/1AQjyCz3Hh/
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ พฤษภาคม 31, 2025, 01:44:28 หลังเที่ยง
ไข่ดาวราดพริก เมนูไข่ดาวราดพริก น้ำซอสเข้มข้น เมื่อราดกับไข่ดาวอร่อยลงตัวมากๆ 😋

ส่วนผสมและอัตราส่วน

- ไข่ไก่ 5 ฟอง
- ผักชีไทย 1 ถ้วยตวง
- แป้งมันละลายน้ำ
- รากผักชีหั่น 2 ราด
- กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
- หอมแดงสับ 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกบด 2 ช้อนโต๊ะ
- เนยสด 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำมัน 1 ช้อนโต๊ะ ใส่ไปด้วยกันเลยครับ
- แล้วบ่าวต๊อบจะไปทำน้ำซอสไว้รอเลยครับ
- ซอสพริก 3 ช้อนโต๊ะ
- ซอลมะเขือเทศ 3 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- ซอสภูเขา 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนโต๊ะ
- น้ำเปล่า 100 กรัม
- น้ำมันสำหรับทอดไข่ดาว

- Five chicken eggs.
- 1 cup of Thai coriander
- Water-soluble starch
- 2-topped sliced coriander root
- 2 tablespoons chopped garlic
- 2 tablespoons chopped shallots
- 2 tablespoons of ground peppers
- 1 tablespoon fresh butter
- A tablespoon of oil. Put it together.
- And the servant will make the sauce. Wait.
- 3 tablespoons chili sauce
- 3 tablespoons of tomato sauce
- 1 tablespoon soy sauce
- 1 tablespoon mountain sauce
- 1 tablespoon of burned peppers
- 2 tablespoons brown sugar
- 100 grams of water
- Oil for fried fried eggs

#ทำอาหาร #ไข่ดาวราดพริก #food #บ่าวต๊อบ


https://www.facebook.com/share/v/1Bw8zBWeAZ/
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ พฤษภาคม 31, 2025, 02:00:18 หลังเที่ยง
ทำบะหมี่กินเองที่บ้าน ท้าพิสูจน์เส้นบะหมี่ไข่พรีเมี่ยม เหนียวนุ่ม น่าลอง บะหมี่ไพโรจน์
#แดกดึก #บะหมี่ไพโรจน์ #บะหมี่ไข่ #บะหมี่


https://www.facebook.com/share/v/1EH3XkLepf/
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ พฤษภาคม 31, 2025, 02:22:24 หลังเที่ยง
🥭มะม่วงหนึบกับหม้อทอดไร้น้ำมัน
ทำจากมะม่วงแก้วขมิ้น 100% ไม่มีน้ำตาลผสม
ขนาดลูกปานกลาง 2 ลูกต่อ1 กิโล

แบ่งปันขั้นตอนการทำทานได้เอง
1. นำมะม่วงดิบมาปอกเปลือก ปอกไม่ให้ติดเขียว
2.ผ่าครึ่งหั่นยาว 3 ชิ้น (ในรูปเป็นส่วนขอบ)
3.แช่น้ำเกลือ 15 นาที
4.นำไปต้มกับน้ำเปล่า 15 นาทีใส่น้ำมะนาวครึ่งช้อนชา(น้ำมะนาวจะใส่หรือไม่ใส่ก็ได้)
5.ริมน้ำทิ้ง พักให้สะเด็ดน้ำ 15 นาที
6. นำเข้าหม้อทอด ไฟ 150 เวลา 10 นาที กลับด้าน 5 นาที จะหอมทะลุ หวานอมเปรี้ยว นุ่มในหนึบนอก เคี้ยวเพลิน


https://www.facebook.com/share/p/1AtSprFkJZ/
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ พฤษภาคม 31, 2025, 02:41:38 หลังเที่ยง
  น้ำพริกหนุ่ม อร่อยทำง่าย น้ำพริกเมืองเหนือ เก็บได้นาน
ส่วนผสม
- พริกหนุ่ม 12 เม็ด 
- พริกชี้ฟ้าเขียว 6 เม็ด 
- หอมแดง 5 หัว 
- กระเทียม 10 กลีบ
- น้ำมะนาว 1 ช้อนโต๊ะ 
- น้ำตาล 1 ช้อนชา
- เกลือ 1 ช้อนชา
วิธีทำ
1. ปิ้งพริก กระเทียม และหอมแดง ตั้งกระทะใช้ไฟกลาง ปิ้งพริกทั้งหมด กระเทียมและหอมแดงจนนิ่ม ใช้ไฟกลาง
2. ปอกเปลือกพริก กระเทียม และหอมแดง นำพริก กระเทียมและหอมแดงที่ปิ้งแล้วมาปอกเปลือกออก
3. นำทุกอย่างที่ปลอก ตำทุกอย่างรวมกัน ปรุงรสด้วยเกลือ น้ำตาล และน้ำมะนาว
ตักใส่ถ้วย เสิร์ฟพร้อมผักตามชอบ 


https://www.facebook.com/share/p/16eLezBhzh/
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ พฤษภาคม 31, 2025, 02:51:45 หลังเที่ยง
ทอดมันข้าวโพดเป็นเมนูของว่างยอดนิยมที่ทำง่าย รสชาติกลมกล่อม กรอบนอกนุ่มใน มีกลิ่นหอมของสมุนไพรไทยและรสหวานธรรมชาติของข้าวโพด เหมาะกับทำทานเล่นหรือเสิร์ฟเป็นกับข้าวก็ได้

🌽 สูตรทอดมันข้าวโพด
🧾 วัตถุดิบ:
ข้าวโพดหวานแกะเม็ด 2 ถ้วย (ประมาณ 2 ฝักใหญ่)

แป้งทอดกรอบ 1/2 ถ้วย

ไข่ไก่ 1 ฟอง

รากผักชี 2 ราก (ตำละเอียด)

กระเทียม 4 กลีบ

พริกไทยเม็ด 1/2 ช้อนชา

ต้นหอมซอย 2 ช้อนโต๊ะ (หรือผักชีซอยก็ได้)

น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา

ผงปรุงรส (ถ้ามี) 1/2 ช้อนชา (ไม่ใส่ก็ได้)

น้ำมันสำหรับทอด

🍳 วิธีทำ:
ตำเครื่องเทศ:
ตำรากผักชี กระเทียม และพริกไทยเข้าด้วยกันจนละเอียด

ผสมส่วนผสม:
ใส่ข้าวโพด แป้งทอดกรอบ ไข่ไก่ และเครื่องที่ตำไว้ลงในชามผสม
เติมน้ำปลา น้ำตาล ผงปรุงรส (ถ้าใช้) และต้นหอมซอย คนให้เข้ากันจนเหนียวข้น

ปั้นเป็นชิ้น:
ตักส่วนผสมเป็นก้อนแบนเล็ก ๆ ด้วยช้อน หรือใช้มือปั้นก็ได้ (ถ้าแฉะเกิน เติมแป้งเพิ่มเล็กน้อย)

ทอด:
ตั้งน้ำมันให้ร้อน ใช้ไฟกลาง-ค่อนแรง
ใส่ทอดมันลงไป ทอดจนเหลืองกรอบทั้งสองด้าน ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน

🥢 เสิร์ฟพร้อมน้ำจิ้ม:
น้ำจิ้มอาจาดง่ายๆ:

น้ำส้มสายชู 3 ช้อนโต๊ะ

น้ำตาลทราย 3 ช้อนโต๊ะ

เกลือเล็กน้อย

ต้มให้ละลาย พักให้เย็น

เติมแตงกวาหั่น, พริกแดงซอย, หอมแดงซอย และถั่วลิสงคั่ว

📌 เคล็ดลับความอร่อย:
ใช้ข้าวโพดหวานสดจะให้รสชาติดีกว่าข้าวโพดกระป๋อง

ถ้าชอบแบบกรอบนาน ให้เติมแป้งข้าวเจ้าเล็กน้อย

อย่าทอดไฟแรงเกิน เดี๋ยวไหม้ก่อนข้างในจะสุก


https://www.facebook.com/share/p/16Sux8EjFc/
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ พฤษภาคม 31, 2025, 03:19:41 หลังเที่ยง
วิธีทำ หมูฮ้องเต้ หรือ #หมูสามชั้นต้มซีอิ๊ว เนื้อนุ่มเปื่อย หวานเค็มลงตัว
#วัตถุดิบหมูสามชั้นต้มซีอิ๊ว
1.หมูสามชั้น 500 กรัม
2. ซีอิ้วดำ 2 ช้อนโต๊ะ
3.ซีอิ้วขาว 3 ช้อนโต๊ะ
4.รากผักชี 3 ราก
5.โป๊ยกั๊ก 2 ดอก
6.กระเทียมไทยกลีบเล็ก 10 กลีบ
7. พริกไทยดำ 1 ช้อนชา
8.น้ำสะอาด 2-2 1/2 ถ้วย
9.น้ำตาลปี๊บ 1 1/2-2 ช้อนโต๊ะ
10. เหล้าจีน 1/4 ถ้วย
#วิธีทำหมูสามชั้นต้มซีอิ๊ว
1. ล้างเนื้อหมูสามชั้นให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมหนาขนาด 1-2 นิ้ว พักไว้
2. โขลกรากผักชี กระเทียม พริกไทยดำ ให้ละเอียด
3. คลุกเคล้าหมูสามชั้นด้วยสามเกลอที่โขลกไว้ ซีอิ้วขาว ซีอิ้วดำ น้ำตาลปี๊บ แล้วหมักในตู้เย็นไว้ประมาณ 3 ชม (ยิ่งหมักนานเครื่องเทศก็ยิ่งเข้าเนื้อยิ่งขึ้น)
4. น้ำ 2- 2 1/2 ถ้วยใส่หม้อตั้งไฟ ใส่หมูสามชั้นหมัก เหล้าจีน โป๊ยกั๊ก ตั้งไฟปานกลางจนเดือดแล้วลดไฟอ่อนเคี่ยวหมูไปจนกว่าเนื้อหมูจะสุกนุ่ม เหลือน้ำขลุกขลิก (หากจะเพิ่มไข่ต้มสามารถ ใส่ลงในเคี่ยวรวมกันได้ในขั้นตอนนี้)
เสิร์ฟร้อนๆเลยอร่อยค่ะ หรือ เก็บไว้หลายวันยิ่งอร่อย
Cr.#เมนูคู่ครัวไทย


https://www.facebook.com/share/p/1AmhiKCwMj/
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ พฤษภาคม 31, 2025, 03:32:56 หลังเที่ยง
เห็ดกรอบสามรส หวาน เผ็ด เค็ม กลมกล่อม เหมาะทั้งกินเล่น กินกับข้าว หรือไว้ทำขายได้เลยครับ

🧂 วัตถุดิบ
เห็ดนางฟ้า 300 กรัม
แป้งทอดกรอบเจ 1 ถ้วย
น้ำเย็นจัด 3/4 ถ้วย (สำหรับชุบแป้ง)
น้ำมันพืช (สำหรับทอด)

🥣 ส่วนผสมซอสสามรส
พริกแกงเผ็ด 1 ช้อนโต๊ะ
ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
เกลือเล็กน้อย
น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ

🍳 วิธีทำ
1. ฉีกเห็ดเป็นเส้น ล้างสะเด็ดน้ำ
คลุกกับแป้งทอดกรอบ (ผสมกับน้ำเย็นให้ข้นเล็กน้อย)ทอดในน้ำมันร้อน จนกรอบเหลือง สะเด็ดน้ำมัน พักไว้
2. ทำน้ำซอส ตั้งกระทะ ใส่น้ำเปล่า ตามด้วยพริกแกง, ซีอิ๊วขาว, น้ำตาลปี๊บ, น้ำตาลทราย, เกลือ
เคี่ยวด้วยไฟอ่อนจนเหนียวข้น (แต่ยังพอราดได้ ไม่ข้นเป็นคาราเมล)
3. นำเห็ดทอดกรอบลงคลุกกับซอสในกระทะให้เคลือบทั่ว ปิดไฟ ทิ้งไว้ให้ซอสเซ็ตตัวเล็กน้อย พร้อมเสิร์ฟ

✅ เคล็ดลับความอร่อย
- เห็ดนางฟ้าอ่อน ๆ ทอดแล้วจะกรอบฟู หอม มันกว่าดอกแก่
- ทอดเห็ดทีละน้อย ๆ ไม่ให้แออัด จะได้ไม่อมน้ำมัน
- ถ้าทำขาย ควรคลุกซอสเฉพาะเวลาจะเสิร์ฟ เพื่อรักษาความกรอบ

🛒 ฉากกั้นน้ำมันกระเด็น วัสดุอลูมิเนียม ทนอุณหภูมิสูง เช็ดทำความสะอาดง่าย พับเก็บได้
https://s.lazada.co.th/s.xNYeb?cc
https://s.shopee.co.th/70802ZbSvt


https://www.facebook.com/share/p/1CwCpEXoPC/
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ พฤษภาคม 31, 2025, 11:52:04 หลังเที่ยง
ไก่หลงดง
https://vt.tiktok.com/ZSkLMsJXJ/


หมูกรอบ
https://vt.tiktok.com/ZSkLrNMoa/
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ มิถุนายน 01, 2025, 03:59:40 ก่อนเที่ยง
แจกสูตร "น้ำยำเทวดา" พร้อมเคล็ดลับให้เก็บไว้ได้นาน
ส่วนผสม
น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำปลา 4 ช้อนโต๊ะ
น้ำกระเทียมดอง 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำมะนาว 6 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
ซอสมะเขือเทศ 1 ช้อนโต๊ะ
พริกแดงสับ 2 ช้อนโต๊ะ
กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
ผงปรุงรส 1 ช้อนโต๊ะ
วิธีทำ
นำภาชนะมาตักน้ำเปล่าใส่ 2 ช้อนโต๊ะ
น้ำกระเทียมดอง 1 ช้อนโต๊ะ
บีบน้ำมะนาวใส่ 6 ช้อนโต๊ะ
กลมกล่อมด้วยน้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ
หวานหอมด้วย น้ำตาลทราย 1 ช้อนโต๊ะ
✨️�ซอสมะเขือเทศเป็นเคล็ดลับ...น้ำยำเทวดา เพื่อช่วยสร้างสีสรรค์ให้อาหารทุกชนิด สีสด สวย 1 ช้อนโต๊ะ✨️
ผงปรุงรส...จะใส่หรือไม่ใส่..ก็ได้ เพราะไม่เน้น
ใส่กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
ตามด้วยพริกสับ 2 ช้อนโต๊ะ ถ้า 3 ช้อนโต๊ะใช้ช้อนคนให้ส่วนผสมเข้ากัน
เปิดไฟใช้ความร้อนปานกลาง เคี่ยวส่วนผสม พอน้ำยำเดือดจับเวลา 2 นาที
ต้องหมั่นคนอยู่ตลอดเวลา กลัวเดือดฟู ...ล้นภาชนะ
ปิดไฟใช้ได้แล้ว " น้ำยำ เทวดา สารพัดนึก "
รอให้เย็นสักพัก เทใส่ขวด..นำเข้าตู้เย็นเก็บไว้ใช้..
เคล็ดลับปรุงน้ำยำ
ควรใช้มะนาวแท้
ที่สำคัญที่สุด ขอให้เป็นมะนาวแท้ๆ เป็นลูกๆนะคะ
ส่วนตัวเราว่า อร่อยมากกว่า มะนาวเทียม น้ำส้มสายชู
#น้ำยำ #สูตรเด็ด
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ มิถุนายน 01, 2025, 04:09:09 ก่อนเที่ยง
ผมอยากอธิบายอยู่พอดี มีพี่ท่านนึงสงสัยว่านี่มัน "ทอด" ไม่ใช่การ "ย่าง"

เข้าใจเลยครับว่าพอเห็นน้ำมันในกระทะแล้วจะรู้สึกว่า "นี่มันทอด ไม่ใช่ย่าง!"  ผมเองตอนเริ่มเข้าวงการอาหารใหม่ๆ ก็แอบคิดแบบเดียวกับพี่ท่านนี้เลยครับ

แต่พอได้ศึกษาวิธีทำอาหารฝรั่ง โดยเฉพาะพวก การย่างสเต๊กในกระทะ (pan-searing) หรือการ "ย่างปลา" แบบเชฟในครัวฝรั่งเศส-อเมริกัน ผมเริ่มเห็นชัดว่า...มันคือ "การย่าง" จริง ๆ ครับ  ย่างบนกระทะร้อน ใช้น้ำมันเพียงเคลือบบาง ๆ เพื่อไม่ให้ติด และเน้นให้ผิวกรอบสวยจากความร้อนแห้ง ไม่ใช่ทอดแช่น้ำมันจนท่วม

ในโลกของการทำอาหารแบบตะวันตก

Grilling = ย่างด้วยเปลวไฟตรง เช่น เตาถ่าน เตาย่างแก๊ส

Pan-searing = ย่างบนกระทะเหล็กร้อน ใช้น้ำมันน้อยให้ผิวสุกกรอบ

Shallow-frying = ทอดน้ำมันน้อยแบบครึ่ง ๆ จม

Deep-frying = ทอดน้ำมันท่วม

ซึ่งวิธีที่ผมใช้คือ "pan-searing" ครับ — ตั้งกระทะเหล็กร้อนจัด ใส่น้ำมันแค่เคลือบกระทะ แล้ววางปลาด้านหนังลง ไม่ขยับ ไม่พลิกบ่อย รอให้เกิด Maillard reaction จนหนังกรอบและปลาหลุดกระทะเองก่อนพลิกอีกด้าน เหมือนที่เขาย่างสเต๊กเลยครับ ต่างแค่ว่าเป็นปลาแทนเนื้อวัว

พอทำแบบนี้หลายครั้งเข้า ผมเลยเข้าใจว่าคำว่า "ย่างปลาในกระทะ" ที่ดูขัดหูตอนแรก จริง ๆ แล้วมันเป็นคำเรียกที่เข้าใจง่ายสำหรับคนทั่วไป และสะท้อนเทคนิคแบบใหม่ที่เริ่มแพร่หลายในครัวบ้านเรา ผมเข้าใจว่ามันสะดวกขึ้น และผลลัพธ์ที่ได้ก็ดีคนละแบบน่ะครับ

แต่ถ้าเป็นการ "ย่างปลา" แบบดั้งเดิมของภาคใต้บ้านเรา  ต้องย่างบนเตาถ่าน ไฟกรุ่นๆ ปลาสด ๆ วางบนตะแกรง ผิวไหม้หอมกลิ่นควัน ไม่มีน้ำมันแม้แต่นิดเดียว อันนั้นคือ "ย่าง" ที่เรารู้จักกันมาแต่โบราณ

สมัยนี้เริ่มมีเตาย่างไฟฟ้า เตาอบลมร้อน ก็ช่วยให้สะดวกมากยิ่งขึ้น  เรียกว่า วิธีต่าง ที่มาและวัตถุประสงค์ต่าง แต่จุดร่วมคือ ต้องอร่อยครับ

ขอบคุณมากครับที่ช่วยจุดประเด็นดี ๆ ให้ได้แลกเปลี่ยนกัน มีอะไรสอบถามได้ครับ ผมยินดีมากๆครับ


https://www.facebook.com/share/p/1LURfxHUUQ/

(https://attachments.xonly8.com/images/d20399cbd9636f62a4c6f29589ba63631b4dc008.jpg)
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ มิถุนายน 01, 2025, 09:21:37 ก่อนเที่ยง
การคีย์ข้อมูล #Prompt เพื่อให้ #ChatGPT หรือ Generative AI Application ส่งข้อมูลที่ให้ผลลัพธ์ตรงความต้องการ ข้อมูลนั้นจะต้องมีความชัดเจน เฉพาะเจาะจง สามารถนำไปประยุกต์ใช้กับการทำผลงาน #วิจัย ประกอบด้วย

1. บทบาท: สร้างบุคลิกของ Chatgpt
2. ผลลัพธ์ที่ต้องการ
3. เป้าหมาย หรือ วัตถุประสงค์ของผลลัพธ์
4. บริบท (สถานการณ์ที่เกี่ยวข้อง หรือ จุดประสงค์ของคำถาม)
5. ข้อจำกัดและแนวทาง

ขอบคุณข้อมูลจาก ผศ.ดร.ทิพาจินต์ ไทยพิสุทธิกุล

#วิทยานิพนธ์ #ปริญญาโท #ปริญญาเอก #LLM #เปเปอร์ #งานวิจัย

----------
Facebook: CMMU Library
Website: https://library.cm.mahidol.ac.th
Line@: @tzj6745w


(https://attachments.xonly8.com/images/625f3fe9633cb6fd46cbc1c035651d15cb42c9b4.jpg)

https://www.facebook.com/share/p/1ApjvMr2oq/


(https://attachments.xonly8.com/images/8beaa34967df29082502a5960ee6644e6e51676f.jpg)
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ มิถุนายน 01, 2025, 10:20:38 ก่อนเที่ยง
สูตรไก่ทอดหาดใหญ่ ทำกินทำขายจร้า
++ส่วนผสม++
1.ปีกไก่กลาง 500 กรัม
2.กระเทียมสับ 1/4 ถ้วย
3.รากผักชีสับ 2 ช้อนโต๊ะ
4.พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
5.ผงปรุงรส 1 ช้อนชา
6.เกลือ 1/2 ช้อนชา
7.น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ
8.น้ำตาลทราย 1 ช้อนชา
9.แป้งทอดกรอบ 1 ถ้วย
10.น้ำมันพืชสำหรับทอด
11. หอมเจียวสำหรับโรยหน้า
++วิธีทำ++
1. หมักปีกไก่กับกระเทียม รากผักชี พริกไทย ผงปรุงรส เกลือ น้ำปลา และน้ำตาลทราย ประมาณ 1 ชั่วโมง
2. คลุกปีกไก่กับแป้งทอดกรอบให้ทั่ว
3. ตั้งกระทะใส่น้ำมันให้ร้อน นำปีกไก่ลงทอดจนสุกเหลืองกรอบ ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำมัน โรยหอมเจียวก่อนเสิร์ฟค่ะ
++เคล็ดลับ++
หมักไก่นานพอจะทำให้ไก่ซึมซับรสชาติและมีความหอมอร่อย
ใช้น้ำมันร้อนปานกลางในการทอดเพื่อให้ไก่กรอบและไม่อมน้ำมันจร้า


https://www.facebook.com/share/1CqBRupTMR/
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ มิถุนายน 01, 2025, 10:28:36 ก่อนเที่ยง
ผัดมาม่าหมู ผัดมาม่าแบบนี้ไม่ต้องต้มเส้นเส้นเหนียวนุ่มดีมาก 😋

ส่วนผสมและอัตราส่วน

- มาม่า 4 ห่อ
- คะน้า 2 ต้น
- มะเขือเทศ 1 ลูก
- กระเทียมสับ 1 ช้อนโต๊ะ
- ไข่ไก่ 3 ฟอง
- หมูบด 100 กรัม
- น้ำเปล่า 50 กรัม
- น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
- ซอสภูเขา 1 ช้อนโต๊ะ
- ซีอิ๊วขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทรายขาว 1 ช้อนโต๊ะ
- ผงปรุงรส 1 ช้อนชา
- พริกไทยป่น
- ซีอิ๊วดำ
- น้ำมัน 2 ช้อนโต๊ะ

- Mama's four.
- Two kale trees.
- 1 tomato
- 1 tablespoon chopped garlic
- Three chicken eggs.
- 100 grams of ground pork.
- 50 grams of water
- 1 tablespoon shellfish oil
- 1 tablespoon mountain sauce
- 1 tablespoon soy sauce
- 1 tablespoon white sugar
- 1 teaspoon seasoning powder
- Pepper meal.
- Black soy sauce
- 2 tablespoons oil

#ทำอาหาร #ผัดมาม่า #food #บ่าวต๊อบ


https://www.facebook.com/share/v/1AQniow8wt/

� ส่วนตัวที่ผมทำ จะเจียวกะเทียมพร้อมกับหมูเอาหมูใว้ข้างกะทะ ตอกใข่ใส่ก้านคะน้าก่อน(แข็ง)ใส่เส้นมาม่า(แช่น้ำเช่นกัน)ใส่เครื่องปรุง ใส่ใบคะน้า ใม่ใส่มะเขือเทศ ผัดให้เข้ากันใส่ชีอิ๊วดำแต่งสีให้น่ากิน ก่อนปิดไฟใส่พริกไทป่น จบ
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ มิถุนายน 01, 2025, 10:40:12 ก่อนเที่ยง
ไก่ผัดพริกเผา : เมนูง่ายๆอร่อย 😋

- เนื้อไก่ 300 กรัม
- หอมใหญ่ 1/2 หัว
- กระเทียมสับ 2 ช้อนโต๊ะ
- พริกสดแดงผ่าครึ่ง 4 เม็ด
- น้ำมันหอย 1 ช้อนโต๊ะ
- พริกเผา 1 ช้อนโต๊ะ
- ซอสภูเขา 1 ช้อนโต๊ะ
- น้ำตาลทรายขาว 1 ช้อนชา
- น้ำเปล่า 100 กรัม
- พริกไทยป่น
- ต้นหอมหั่นท่อน 4 ต้น

- 300 grams of chicken meat
- 1 / 2 head onion
- 2 tablespoons chopped garlic
- Fresh, red peppers cut in half by 4 grains.
- 1 tablespoon shellfish oil
- 1 tablespoon of burned peppers
- 1 tablespoon mountain sauce
- 1 teaspoon white sugar
- 100 grams of water
- Pepper meal.
- Four slices of onion.

#สูตรอาหาร #ไก่ผัดพริกเผา #บ่าวต๊อบ


https://www.facebook.com/share/v/16FBwC5c8u/
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ มิถุนายน 01, 2025, 10:43:51 ก่อนเที่ยง
กลิ่นตัวแรง ปากเหม็น หายเกลี้ยงด้วยใบพลูใบเดียว! เต่าแรงแค่ไหน เหนียว เหม็น เปียกโชก แค่ไหนก็เอาอยู่
🛁 อาบน้ำเสร็จ ปุ๊บ!
เด็ดใบพลู 1 ใบ บี้ให้ช้ำๆ จนน้ำออกนิดๆ
แล้วโปะตรงใต้แขนให้ทั่ว ทิ้งไว้ 15 นาที
จากนั้นล้างออกให้สะอาด
ทำทุกวันเช้า-เย็น ใช้ 3 วัน กลิ่นตัวหายเงียบ กลิ่นตุๆ หายเรียบ สบายตัว ไม่ต้องพึ่งโรลออน
👄ปากเหม็นจนคนเมิน? เคี้ยวใบพลูจบเลย! แค่เคี้ยวใบพลูหลังข้าว อมไว้แป๊บเดียวแล้วคาย ลมหายใจหอมขึ้น ฟันแน่น เหงือกดี ไม่โยกไม่หลุดง่าย กลิ่นตุๆ ในปากจะหาย ลมหายใจสะอาด หอมเหมือนเพิ่งแปรงฟันใหม่ๆ
เคี้ยวใบเดียว...เอาอยู่ยันเย็น! เราชอบทำใช้มาก #ปากหอมด้วยพลู #กลิ่นปาก #กลิ่นตัว
Cr. ภัสสร สาระดี


https://www.facebook.com/share/p/1Bi5YP9yUt/
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ มิถุนายน 01, 2025, 10:51:58 ก่อนเที่ยง
ก่อนหน้านี้ผมมีสารพัดอาการ
เข่าตึง ขาหนัก ปวดเข่า ขาชา ชาลงถึงปลายเท้า
ไอบ่อยจนรำคาญตัวเอง เสลดข้นเต็มคอ
ปัสสาวะก็ขัดๆ ไม่สุดบ้าง เผลอเล็ดเลอะกางเกงก็มี
มีคนแนะให้ลองต้ม "ต้นต้อยติ่ง"
ใช้ทั้งต้น ใบ กิ่ง หั่นพอประมาณ ต้มกับน้ำ 2 ลิตร ดื่มอุ่นๆ ก่อนอาหารเช้า วันละแก้ว
แค่ 2 วัน อาการดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
เดินคล่อง ไอลด เสมหะหาย ปัสสาวะกลับมาเป็นปกติ
ของดีอยู่ใกล้ตัวครับ ลองดูแล้วจะทึ่งเหมือนผม #ต้อยติ่ง #สมุนไพร
Cr. สันติ สาระดี


https://www.facebook.com/share/p/1Ff4gNodni/
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ มิถุนายน 01, 2025, 11:04:03 ก่อนเที่ยง
#ขนมอบครีมไข่ขาว ดึ๋งๆอร่อย ทำทานเองที่บ้าน
...วัตถุดิบง่ายๆไม่ยุ่งยากค่ะ
1.ไข่ขาว 2 ฟอง
2.แดง 2 ฟอง
3.น้ำตาลทราย 2 ช้อนโต๊ะ
4.เนยเค็มละลาย 20 กรัม
5..น้ำมะนาว1/2ช้อนชา


https://www.facebook.com/share/v/18vb27imrS/
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ มิถุนายน 01, 2025, 11:19:12 ก่อนเที่ยง
💁�♀️ ใครที่น้ำตาลพุ่ง ความดันวิ่ง ปวดหัวบ่อยแบบงงๆ ลองหันกลับมามองต้นมะยมหลังบ้านดูหน่อย!!
- ช่วยฟื้นฟูตับอ่อนให้กลับมาทำงานดีขึ้น
- น้ำตาลในเลือดค่อยๆ ลด เบาหวานเบาใจ
- ความดันสูงๆ ก็เริ่มนิ่ง
- แถมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยชะลอวัยอีกต่างหาก
🥣 จะกินแบบสดก็ง่ายนิดเดียว เด็ดมา 3 ก้านเน้นยอดอ่อนๆ เป็นผักเคียง กับอาหาร
👉 หรือจะต้มใบแก่ๆ สักหนึ่งกำมือลงในหม้อ น้ำพอท่วม ต้มดื่มเช้า กลางวัน เย็น
📌 บางคนดื่มตอนปวดหัว บอกเลยว่า...แค่แก้วเดียวก็โล่งหัวแล้ว! #ใบมะยม #ต้านเบาหวาน #ลดความดัน


https://www.facebook.com/share/p/1CZBtRT6t7/
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ มิถุนายน 02, 2025, 08:09:53 ก่อนเที่ยง
สงคราม ส่งด่วน: ซีรีส์และวงการสตรีมมิ่งไทย
(คำตอบที่บันทึกไว้จะเป็นแบบดูอย่างเดียว)
สรุปสาระสำคัญ: ซีรีส์ "สงคราม ส่งด่วน (Mad Unicorn)" และภูมิทัศน์อุตสาหกรรมบันเทิงไทย
บทความและบทวิจารณ์เกี่ยวกับซีรีส์ไทยเรื่อง "สงคราม ส่งด่วน (Mad Unicorn)" พร้อมด้วยข้อมูลเชิงลึกจากผู้ผลิตคอนเทนต์และภาพรวมธุรกิจสตรีมมิ่งในประเทศไทย ชี้ให้เห็นถึงประเด็นสำคัญหลายด้าน ดังนี้:

1. "สงคราม ส่งด่วน (Mad Unicorn)" ซีรีส์ที่สะท้อนความจริงและสร้างแรงบันดาลใจ:

แรงบันดาลใจจากชีวิตจริง: ซีรีส์เรื่องนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากเรื่องจริงของ "คมสันต์ แซ่ลี" CEO และผู้ก่อตั้ง Flash Express ซึ่งเป็นสตาร์ตอัพยูนิคอร์นรายแรกของไทย (Longtungirl, thepeople). เรื่องราวของ "สันติ" ตัวละครหลักที่เริ่มต้นจากศูนย์ สะท้อนถึงความยากลำบากของคนตัวเล็กในสังคมและความพยายามที่จะพัฒนาตัวเองให้ไปถึงเป้าหมาย (Pantip, ชาตินี้ต้องสำเร็จ, thepeople).
การเล่าเรื่องที่เข้มข้นและเข้าถึงง่าย: บทวิจารณ์ชื่นชมซีรีส์ว่ามีเนื้อเรื่องที่สนุก เข้มข้น และน่าติดตาม (Pantip, workpointTODAY). แม้จะเป็นเรื่องราวทางธุรกิจที่ซับซ้อน แต่ซีรีส์สามารถเล่าออกมาได้อย่างเข้าใจง่าย พาผู้ชมที่ไม่มีความรู้ด้านการตลาดตามทันทุกฝีเก้า (thepeople). การผสมผสานระหว่างเรื่องจริงและเรื่องแต่งทำให้ตัวละครและเรื่องราวมีความจับต้องได้ (thepeople).
สะท้อนประเด็นทางสังคม: ซีรีส์นำเสนอประเด็นความขัดแย้งระหว่างคนรวยและคนจน กลุ่มทุนใหญ่และคนชายขอบได้อย่างน่าเจ็บปวดแต่ก็จุดประกายความหวัง (workpointTODAY, thepeople). ฉากที่แสดงให้เห็นถึงการทำงานอย่างหนักของทีม "ธันเดอร์" เปรียบเทียบกับการทำงานของกลุ่มทุนใหญ่ สะท้อนความอยุติธรรมที่พบเห็นได้ในสังคม (workpointTODAY).
การแสดงที่โดดเด่น: นักแสดงหลักหลายคน เช่น ไอซ์ซึ ณัฐรัตน์ (รับบท สันติ), เอก ธเนศ (รับบท เจ้าสัวคณิน), เจนเย่ เมธิกา (รับบท เสี่ยวหยู), และ ดร. พลัง โลกศิลป์ (รับบท รุ่ยเจี๋ย) ได้รับคำชมอย่างมากสำหรับการแสดงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังและความละเอียดอ่อน (Pantip, workpointTODAY). โดยเฉพาะไอซ์ซึ ณัฐรัตน์ ที่แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเทในการเรียนรู้ภาษาจีนและการแสดงฉากแอ็กชัน (workpointTODAY).
โปรดักชันคุณภาพ: งานโปรดักชันของซีรีส์ได้รับการยกย่องว่ามีมาตรฐานที่ดีทัดเทียมกับซีรีส์ต่างประเทศ ทั้งมุมกล้อง การตัดต่อ ฉาก และเพลงประกอบ (workpointTODAY).
บทเรียนชีวิต: นอกเหนือจากเรื่องราวความบันเทิง ซีรีส์ยังแฝงไปด้วยบทเรียนชีวิตเกี่ยวกับการไม่ยอมแพ้ต่ออุปสรรค การใช้ความยากจนเป็นแรงผลักดัน การเรียนรู้จากคู่แข่ง การสร้างทีมที่แข็งแกร่ง การกล้าได้กล้าเสียอย่างมีสติ และการค้นหาแรงขับเคลื่อนจากภายใน (ชาตินี้ต้องสำเร็จ, thepeople).
Quote สำคัญ:

"...นี่ถือว่าเป็นซีรีส์ไทยอีกเรื่องที่ดีที่สุดเท่าที่ผมเคยดูมา ทั้งเนื้อเรื่อง ตัวละคร ความดราม่า ที่เล่าออกมาได้สนุกมากๆ และยังสะท้อนให้เห็นถึงความยากลำบากของคนที่พยายามพัฒนาตัวเองให้ไปถึงเป้าหมายในชีวิต ด้านมืดของวงการขนส่ง ความเครียดความกดดันของคนทำธุระกิจ ความเหน็ดเหนื่อยของพนักงาน การห้ำหันกันของบริษัทขนส่ง ต่างฝ่ายต่างไม่ยอม สิ่งเหล่านี้ทำให้ตัวซีรีส์ดูเข้มข้นและน่าติดตาม" (Pantip)
"ความจนมันกดให้คนต้องคิด" (อ้างอิงจากคำพูดของเจ้าสัวคณินในซีรีส์ - thepeople)
"เมื่อ ล้ม แล้ว ต้อง ลุก ให้ ไว ที่สุด ใน 3 โลก หัวใจ ของ คน ชนะ คือ พลัง ใน การ ฟื้น คืน ตัว เอง อย่าง รวด เร็ว" (ชาตินี้ต้องสำเร็จ)
"จง หา แรง ขับ เคลื่อน จาก ข้าง ใน จิตใจ ของ คุณ ให้ เจอ เพราะ เมื่อ เป้า หมาย ใน ชีวิต ของ คุณ มัน ชัดเจน แจ่ม แจ้ง แล้ว อุปสรรค ทั้ง หลาย ก็ เป็น แค่ ทาง ผ่าน เท่า นั้น เอง แหละ นะ จริง ๆ" (ชาตินี้ต้องสำเร็จ)
2. ศักยภาพและความท้าทายของคอนเทนต์ไทยในตลาดโลกและธุรกิจสตรีมมิ่งในประเทศไทย:

ตลาดสตรีมมิ่งที่เติบโตและแข่งขันสูง: ธุรกิจสตรีมมิ่งในไทยมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยมีผู้ให้บริการหน้าใหม่เข้ามาและมีการยกระดับการผลิตคอนเทนต์ (Thailand Media Landscape). รายได้จาก OTT ในไทยคาดว่าจะขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ ทำให้การแข่งขันด้านบริการและคอนเทนต์ดุเดือด (Thailand Media Landscape).
พฤติกรรมการรับชมที่เปลี่ยนไป: ผู้บริโภคไทยมีการใช้งานหลายแพลตฟอร์มพร้อมกัน (Multi-platform) โดยมีสัดส่วนผู้ชมที่รับชมผ่านสตรีมมิ่งเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในกลุ่ม Gen Z และ Gen Y ที่ยินดีจ่ายเงินเพื่อรับชมคอนเทนต์พรีเมียม (Thailand Media Landscape). Smart TV และ Connected TV เป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมสูงสุดในการรับชมสตรีมมิ่ง (Thailand Media Landscape).
คอนเทนต์ไทยกับการก้าวสู่เวทีโลก: ซีรีส์ไทยกำลังก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญบนเวทีนานาชาติ (dataxet:infoquest). ความสำเร็จของซีรีส์อย่าง "สืบสันดาน" บน Netflix ที่ติดอันดับผู้ชมสูงสุดทั่วโลก แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของคอนเทนต์ไทยในการสื่อสารกับผู้ชมทั่วโลก (dataxet:infoquest, Thailand Media Landscape).
ปัจจัยสู่ความสำเร็จของคอนเทนต์ไทย: การสร้างคอนเทนต์ที่มีแก่นเรื่องสากลแต่ยังคงบริบททางวัฒนธรรมและสังคมไทย การร่วมมือกับแพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง Netflix และการนำเสนอประเด็นที่เป็นข้อเท็จจริงหรือประเด็นที่ถกเถียงกันในเนื้อหา มีส่วนช่วยผลักดันความสำเร็จของซีรีส์ไทย (dataxet:infoquest). นอกจากนี้ การสร้างคอนเทนต์ประเภทหนังสยองขวัญ ละครอิงประวัติศาสตร์ และซีรีส์วาย (Boys' Love) ก็มีความน่าสนใจในตลาดต่างประเทศ (dataxet:infoquest).
"Glocal" Strategy: ผู้สร้างคอนเทนต์ไทยควรเน้นการสร้างคอนเทนต์ "Glocal" ซึ่งมีแก่นความเป็นไทยแต่มีประเด็นที่สามารถดึงดูดผู้ชมทั่วโลกได้ (dataxet:infoquest).
การสนับสนุนจากภาครัฐ: ผู้ผลิตคอนเทนต์เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสนับสนุนจากภาครัฐ เช่น การส่งเสริมการลงทุนใน IP ระดับโลก การนำระบบ cash rebate มาใช้ และการเสนอการยกเว้นภาษี เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันระดับโลกของอุตสาหกรรม (dataxet:infoquest).
กลยุทธ์ Localization: แพลตฟอร์มสตรีมมิ่งบางรายใช้กลยุทธ์ Localization หรือการปรับคอนเทนต์ให้เข้ากับบริบทท้องถิ่น เช่น การพากย์คอนเทนต์ภาษาต่างประเทศเป็นภาษาไทยถิ่น ซึ่งพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพในการเข้าถึงผู้ชม (Thailand Media Landscape).
การปรับตัวของผู้ผลิตคอนเทนต์: ผู้ผลิตคอนเทนต์ในไทยหันมาให้ความสนใจกับการทำคอนเทนต์ลงบนแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งมากขึ้น เพื่อตอบรับกับพฤติกรรมผู้ชมที่เปลี่ยนไปและตลาดที่มีการแข่งขันสูง (Thailand Media Landscape).
ความสำคัญของบทและตัวละคร: ในการสร้างคอนเทนต์ให้ประสบความสำเร็จ โดยเฉพาะซีรีส์ Boy Love/Girl Love ควรให้ความสำคัญกับบทและการพัฒนาตัวละคร เพื่อดึงดูดผู้ชม (Thailand Media Landscape).
คำศัพท์ธุรกิจสตาร์ตอัพในซีรีส์: ซีรีส์ "สงคราม ส่งด่วน" ได้นำเสนอคำศัพท์ทางธุรกิจที่น่าสนใจ เช่น "Keyman" (บุคคลที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในบริษัทและมักถือหุ้นส่วนใหญ่) และ "Series E" (หนึ่งในรอบการระดมทุนของสตาร์ตอัพ) ซึ่งช่วยให้ผู้ชมได้เรียนรู้เกี่ยวกับโลกของสตาร์ตอัพ (Longtungirl).
Quote สำคัญ:

"ในยุคที่ซีรีส์เอเชียกำลังเป็นที่นิยมทั่วโลก ซีรีส์ไทยก็กำลังก้าวขึ้นมามีบทบาทสำคัญบนเวทีนานาชาติ" (dataxet:infoquest)
"การร่วมมือกับแพลตฟอร์มระดับโลกอย่าง Netflix สามารถเพิ่มการเข้าถึงของซีรีส์ได้อย่างมีนัยสำคัญ" (คุณปิยะรัฐ กัลย์จาฤก, กันตนา กรุ๊ป - dataxet:infoquest)
"มุ่งเน้นการสร้างคอนเทนต์ "Glocal" – มีแก่นความเป็นไทยแต่มีประเด็นที่สามารถดึงดูดผู้ชมทั่วโลกได้ ทำให้ผู้ชมที่ไม่ได้อยู่ในไทยเข้าใจเนื้อหาได้" (คุณเอกชัย เอื้อครองธรรม - dataxet:infoquest)
"เราได้เห็นความต้องการคอนเทนต์ท้องถิ่นที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนกลายเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ดึงดูดผู้ชมให้มาใช้ Netflix" (คุณยงยุทธ ทองกองทุน, Netflix - Thailand Media Landscape)
"คอนเทนต์ Boy Love / Girl Love ได้กลายเป็น Soft Power ของบ้านเราไปเรียบร้อยแล้ว" (คุณอคิรากร อิกิติสิริ, Viu ประเทศไทย - Thailand Media Landscape)
โดยสรุปแล้ว "สงคราม ส่งด่วน (Mad Unicorn)" เป็นซีรีส์ไทยที่น่าสนใจและประสบความสำเร็จอย่างสูง ซึ่งไม่เพียงแต่มอบความบันเทิงและเรื่องราวที่สร้างแรงบันดาลใจ แต่ยังสะท้อนถึงสถานการณ์และแนวโน้มที่สำคัญในอุตสาหกรรมบันเทิงและธุรกิจสตรีมมิ่งในประเทศไทย การเติบโตของคอนเทนต์ไทยบนเวทีโลก การแข่งขันของแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง และความสำคัญของการปรับตัวและสร้างสรรค์คอนเทนต์ที่มีคุณภาพ ล้วนเป็นประเด็นที่น่าจับตาในอนาคต.

NotebookLM อาจแสดงข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นโปรดตรวจสอบคำตอบอีกครั้ง
(https://attachments.xonly8.com/images/dd50439608a55e4f8737ca8f2fdb87e2f5977008.jpg)
(https://attachments.xonly8.com/images/09348c7ed08501336e49b2d0e3641ff94045e479.jpg)
(https://attachments.xonly8.com/images/3582dc396735a0017508e6ae23b3d1fdcb31bfac.jpg)
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ มิถุนายน 03, 2025, 07:15:25 ก่อนเที่ยง
ประโยชน์ของท่านอนขาพาดกำแพง
 1. ช่วยไหลเวียนเลือดกลับหัวใจ โดยเฉพาะเลือดจากขา ลดอาการขาบวม เหมาะมากหลังยืนหรือนั่งนานๆ
 2. ผ่อนคลายระบบประสาท ลดความเครียด วิตกกังวล และช่วยให้นอนหลับดีขึ้น
 3. ลดความตึงของกล้ามเนื้อหลังล่าง และแฮมสตริง
 4. ส่งเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหาร และลดความดันโลหิต
 5. ฟื้นฟูพลังงาน เหมาะมากสำหรับการฝึกหลังจากวันที่เหนื่อยล้า

✅ คำแนะนำเพิ่มเติม
 • ถ้าวางสะโพกบนหมอนหรือผ้าห่มพับ จะช่วยให้สบายขึ้นและกระตุ้นการไหลเวียนดีขึ้น
 • ควรอยู่ในท่านี้ประมาณ 5–15 นาที แล้วค่อยๆ พลิกตัวออกช้าๆ
 • ถ้ามีปัญหาเกี่ยวกับตาหรือความดันในหัว ควรปรึกษาครูก่อนฝึก


(https://attachments.xonly8.com/images/80963096073458b695ae67ee19378a7f5b3f0400.jpg)

https://www.facebook.com/share/p/1DR4A1PiSj/
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ มิถุนายน 03, 2025, 08:02:07 หลังเที่ยง
1. "เวลาชีวิตลดลง" เลิกเสียดายอดีตที่แก้ไขไม่ได้ และทำข้างหน้าให้ดีที่สุด
2. "ความสุข" ไม่ได้วัดจากการมีมากหรือน้อย แต่อยู่ที่เราพอใจในจุดไหนและเมื่อไหร่
3. "พบ พราก จาก ลา" มันคือเรื่องธรรมดา และวันหนึ่งมันก็จะวนมาเพราะมันคือ วัฏจักร ต้องทำตัวให้ชินเสมอ
4. "สิ่งที่ควบคุมไม่ได้" เราก็ควรปล่อยวาง ไม่ใช่ดันทุรังทำมัน
5. "พอใจในสิ่งที่เรามี" อย่าอิจฉาคนขี้อวด นอกจากเขาจะไม่หยุดและเขาก็ยังทำต่อไปไม่สิ้นสุด
6. "ไม่มีใครเก่งทุกเรื่อง" และไม่มีใครไม่เก่งเลย ต่างคนต่างมีข้อดีและข้อเสียของตัวเอง
7. "อย่าคิดเยอะ" ทำวันนี้ให้ได้ดีสุด เรื่องของวันพรุ่งนี้ปล่อยให้เป็นของวันพรุ่งนี้ แค่นี้ก็สุขใจ
8. "ช่างมัน ช่างแม่ง ไม่เป็นไร" หัดใช้มันบ้างในบางเรื่อง บางเวลา บางสิ่งอาจจะพอดีในความไม่สมบูรณ์
9. "เสียใจ" ใครๆก็เป็น แต่อย่าเสียดาย อย่างน้อยมันคือประสบการณ์ชีวิต
10. "ชัดเจน" กับตัวเองทั้งร่างกายและจิตใจ มันดีกว่าปล่อยให้ดำเนินไปอย่างครึ่งๆกลางๆ
11. "คาดหวัง" = "ผิดหวัง"
ควรมีเท่าๆกัน แล้วจะเจ็บน้อยลง
12. อะไรไม่ใช่ของๆเรา พยายามแค่ไหนมันก็ไม่ใช่ ถ้ามันใช่มันจะเข้ามาในช่วงเวลาที่ถูกที่ควร
13. "เลิกยึดติด" ทุกสิ่งเปลี่ยนไปตามวันและเวลา รวมถึงจิตใจคน
14. "อย่าเก็บความรู้สึกแย่ๆ" ไว้คนเดียว ควรปล่อยมันออกมาบ้าง และเลือกวิธีที่ทำแล้วไม่ให้ใครเดือดร้อน
15. "อย่าดูถูกผู้อื่น" ในวันที่เราทำได้ดี บางครั้งมันอาจจะเกิดขึ้นกับเราในวันที่เราล้ม
16. "ความผิดหวัง" มองให้เป็นประสบการณ์ เพื่อนำไปแก้ไขและพัฒนาให้ดีขึ้น
17. "อดีต" เป็นตัวกำหนดปัจจุบัน ทำปัจจุบันให้เป็นตัวกำหนดอนาคตดีกว่า จงอย่ารื้อฟื้นอดีตถ้ามันไม่สวยงาม เก็บไว้เป็นเพียงความทรงจำ
18. "คนที่เรารัก" ควรนึกถึงเขาบ้างในวันที่เขาสามารถโต้ตอบเราได้ ไม่ใช่ในวันลา
19. "บั้นปลายชีวิต" ไม่รู้จะเป็นยังไงหรือมันอาจจะไม่มีจริง จงอยู่กับปัจจุบัน บางครั้งปลายทางชีวิตมันอาจจะสั้นกว่าที่เราคิด
20. การมีชีวิตและลมหายใจในตอนนี้เป็นสิ่งดี ดังนั้นก็ควรทำสิ่งดีๆ นอกจากจะดีกับตัวเองและยังดีกับผู้อื่น ให้โลกคิดถึงเราในความดีตอนไม่มีชีวิตและลมหายใจ
จากหนังสือ "จงเป็นเธอในเวอร์ชั่นที่ดีที่สุด"
#คนเฝ้าเกาะ

ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ มิถุนายน 03, 2025, 08:20:05 หลังเที่ยง
  พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ

พบกับหนังสือขายดีต่อเนื่องนานกว่า 10 ปีในญี่ปุ่น
ซึ่งจะมอบ 27 คำถามที่ช่วยให้เราได้ฉุกคิด
แล้วเปลี่ยนมาใช้ชีวิตแบบที่ไม่เสียใจในภายหลัง

เพราะพรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ

▪️วันนี้ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศและทางออนไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใต้โพสต์

ผู้เขียน ฮิซุย โคทาโร่
ผู้แปล ธนภัส สนธิรักษ์
จำนวนหน้า 264 หน้า
ราคา 260 บาท

▪️สั่งซื้อทางออนไลน์พร้อมรับส่วนลดได้ที่

🛒 www.welearnbook.com
🛒 shopee : https://shope.ee/9pGwmLkiXD
🛒 Lazada : https://s.lazada.co.th/s.7A6BI


(https://attachments.xonly8.com/images/3ec84c02849d95b1f4d81f849ff7cca752e3563a.jpg)
(https://attachments.xonly8.com/images/f9908e8b653f4769396345838f3028dd2f79ea19.jpg)
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ มิถุนายน 03, 2025, 08:52:40 หลังเที่ยง
เผชิญความตาย ใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย
(คำตอบที่บันทึกไว้จะเป็นแบบดูอย่างเดียว)
เอกสารสรุปประเด็นสำคัญ: การเผชิญความไม่แน่นอนและความตาย
เอกสารนี้สรุปประเด็นสำคัญ แนวคิด และข้อเท็จจริงที่น่าสนใจจากแหล่งข้อมูลที่ได้รับมา ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการมองเห็นความไม่แน่นอนของชีวิต การเผชิญหน้ากับความตาย และการใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย

แหล่งข้อมูล:

5 ข้อคิด ฝึกเห็นความไม่แน่นอนของชีวิต #บทเรียนชีวิต
17° เตรียมพร้อม เข้าใจ เป็นมิตรกับความตาย - มูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง
EP 2496 Book Review พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ (นพดล Story)
ถ้าพรุ่งนี้ตาย เราจะยังใช้ชีวิตแบบวันนี้อยู่ไหม? - Lemon8 (โพสต์โดย อ่านไปเรื่อยๆ และโพสต์ที่เกี่ยวข้อง)
สบตาความตาย เรียนรู้ความหมายของชีวิต | Shortcut ปรัชญา EP.15 (The Standard podcast)
สรุปหนังสือ "พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ" [รีวิวเล่มที่ 63/2025] | krapalm หนังสือซื้อแล้วอ่านด้วย
เผชิญความตายอย่างสงบ - มูลนิธิเครือข่ายพุทธิกา
ประเด็นหลัก:

แหล่งข้อมูลทั้งหมดมีแก่นร่วมกันในการชวนให้ผู้อ่าน/ผู้ฟังตระหนักถึงความไม่แน่นอนของชีวิต โดยเฉพาะอย่างยิ่ง "ความตาย" ซึ่งเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องเผชิญ และใช้การตระหนักรู้นี้เป็นแรงผลักดันให้ใช้ชีวิตในปัจจุบันอย่างมีคุณค่าและไม่เสียใจภายหลัง การเผชิญหน้ากับความตายอย่างสงบไม่ได้หมายถึงการยอมแพ้หรือหดหู่ แต่เป็นการทำความเข้าใจธรรมชาติของชีวิตและเตรียมพร้อมทั้งภายนอกและภายใน

แนวคิดและข้อเท็จจริงที่สำคัญ:

ชีวิตคือความไม่แน่นอนและไม่มีสิ่งใดคงอยู่ตลอดไป:
แนวคิดพื้นฐานที่ปรากฏในหลายแหล่ง คือชีวิตเปรียบเสมือนดอกไม้ที่บานและร่วงโรย ("ชีวิต เหมือน ดอก ไม้ บาน และ ร่วง โรย ไม่ มี สิ่ง ใด คง อยู่ ตลอด ไป" - 5 ข้อคิด ฝึกเห็นความไม่แน่นอนของชีวิต) การยอมรับความไม่แน่นอนนี้ช่วยลดความทุกข์
ความแน่นอนเพียงอย่างเดียวในชีวิตคือความไม่แน่นอนนั้นเอง ("ความ แน่ นอน คือ ความ ไม่ แน่ นอน" - 5 ข้อคิด ฝึกเห็นความไม่แน่นอนของชีวิต)
"เราทุกคนมี 'วันสุดท้าย' ที่ไม่มีใครบอกล่วงหน้า" (ถ้าพรุ่งนี้ตาย เราจะยังใช้ชีวิตแบบวันนี้อยู่ไหม? - Lemon8)
การยอมรับความไม่แน่นอนและความตายช่วยลดความทุกข์:
เมื่อเข้าใจว่าอะไรก็ไม่แน่นอน ความทุกข์จะลดน้อยลง ("เมื่อ เรา เข้าใจ ว่า อะไร ก็ ไม่ แน่ นอน เรา ก็ จะ ทุกข์ ลด น้อย ลง" - 5 ข้อคิด ฝึกเห็นความไม่แน่นอนของชีวิต)
ความทุกข์เกิดจากการยึดติด ความสุขเกิดจากการปล่อยวาง ("ความ ทุกข์ เกิด จาก การ ยึด ติด ความ สุข เกิด จาก การ ปล่อย วาง" - 5 ข้อคิด ฝึกเห็นความไม่แน่นอนของชีวิต)
"การไม่มองดูความตายคือ 'การไม่มองดูความเป็นจริง'" (สรุปหนังสือ "พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ" - krapalm) การปฏิเสธความตายคือการปฏิเสธการมีอยู่ที่เป็นจริงแท้ (Shortcut ปรัชญา EP.15)
การควบคุมทุกอย่างทำให้ยิ่งทุกข์:
ความพยายามที่จะควบคุมทุกสิ่งในชีวิตยิ่งนำมาซึ่งความทุกข์ เพราะไม่มีอะไรให้ควบคุมได้อย่างแท้จริง ("เรา ยิ่ง พยายาม ควบ คุม ทุก อย่าง ก็ ยิ่ง เป็น ทุกข์ เพราะ ไม่ มี อะไร ให้ ควบ คุม ได้ จริง" - 5 ข้อคิด ฝึกเห็นความไม่แน่นอนของชีวิต)
การตระหนักถึงความตายเป็นเครื่องเตือนใจให้ใช้ชีวิตอย่างมีความหมาย:
การคิดคำนึงถึงความตายไม่ได้เป็นเรื่องไม่มงคลเสมอไป แต่มีประโยชน์มหาศาล (Shortcut ปรัชญา EP.15)
"ความตายคือ switch ชั้นยอดที่ผมให้เราทุ่มเทกับชีวิตอย่างเต็มที่" (สรุปหนังสือ "พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ" - krapalm)
การถามตัวเองว่า "ถ้าพรุ่งนี้ตาย เราจะยังใช้ชีวิตแบบวันนี้อยู่ไหม?" เป็นคำถามที่กระตุ้นให้เห็นคุณค่าของชีวิตและเวลา (ถ้าพรุ่งนี้ตาย เราจะยังใช้ชีวิตแบบวันนี้อยู่ไหม? - Lemon8)
"พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ" ไม่ใช่แค่คำเปรียบเปรย แต่เป็นสัจธรรมที่ทำให้เรามีสติในการใช้ชีวิต (The Bookmarks Story - YouTube)
การเตรียมพร้อมสำหรับความตายไม่ใช่เรื่องน่ากลัว แต่เป็นเรื่องธรรมชาติและจำเป็น:
ความตายเป็นธรรมชาติเช่นเดียวกับการเกิด การมองเช่นนี้ช่วยลดความกลัวและความกังวล (17° เตรียมพร้อม เข้าใจ เป็นมิตรกับความตาย - มูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง)
เราไม่อาจรู้ได้ว่าวันตายจะมาถึงเมื่อไหร่ การเรียนรู้เพื่อเตรียมพร้อมจึงเป็นสิ่งที่ดีเสมอ (17° เตรียมพร้อม เข้าใจ เป็นมิตรกับความตาย - มูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง)
ความกลัวความตายมักเกิดจากความไม่รู้ ความเจ็บปวด หรือความเสียดายสิ่งที่ยังไม่ได้ทำ (Shortcut ปรัชญา EP.15)
"ตายดี" หมายถึงการเตรียมพร้อมทั้งทางจิตใจและสัมพันธภาพ:
ตายดีเชิงจิตใจ: การเข้าใจความตาย วางใจ และตายด้วยใจที่สงบ ทำได้โดยการดูแลสุขภาพจิต ฝึกสติ ทำความเข้าใจจิตใจ และฝึกวางใจเบาๆ กับสิ่งรอบตัว (17° เตรียมพร้อม เข้าใจ เป็นมิตรกับความตาย - มูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง)
ตายดีเชิงสัมพันธภาพ: การมีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง ไม่มีสิ่งค้างคาใจ ไม่ทิ้งภาระให้คนข้างหลัง ทำได้โดยการสะสางสิ่งที่ค้างคา ปล่อยวาง ให้อภัย เห็นอกเห็นใจผู้อื่น สื่อสารอย่างเหมาะสม และวางแผนจัดการเรื่องทรัพย์สิน (17° เตรียมพร้อม เข้าใจ เป็นมิตรกับความตาย - มูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง)
คุณค่าของการใช้ชีวิตอยู่ในปัจจุบันและสิ่งที่เรามอบให้ผู้อื่น:
"วันที่เหมาะที่สุดต่อการเปลี่ยนแปลงตัวเองให้เป็นคนใหม่คือวันนี้" (EP 2496 Book Review พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ - นพดล Story) อย่าผัดวันประกันพรุ่ง (""สักวัน" คือคำโกหกที่เราเล่าให้ตัวเองฟังบ่อยที่สุด" - ถ้าพรุ่งนี้ตาย เราจะยังใช้ชีวิตแบบวันนี้อยู่ไหม? - Lemon8)
ความสุขมักอยู่ในสิ่งเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตประจำวัน ซึ่งเราอาจมองข้ามไป ("ความสุขไม่ใช่สิ่งที่จะมีในอนาคต แต่เป็นสิ่งที่มีอยู่แล้วในตอนนี้" - สรุปหนังสือ "พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ" - krapalm, "วันธรรมดาๆ แต่ละวันที่ผ่านไปอย่างเรียบง่ายนี่แหละคือแก่นแท้ของความสุข" - EP 2496 Book Review พรพุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ - นพดล Story) จงสังเกตความสุขนี้ก่อนที่มันจะหายไป
"เมื่อเราตายไป เนี่ย สิ่ง ที่ เหลือ อยู่ จะ ไม่ใช่ สิ่ง ที่ เรา สะสม แต่ เป็น สิ่ง ที่ เรา มอบ ให้ คน อื่น ครับ" (EP 2496 Book Review พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ - นพดล Story) การช่วยเหลือผู้อื่นทำให้โลกจดจำเรา
การใช้ชีวิตอย่างมีคุณค่าคือการได้ทำสิ่งที่รักและให้ความสำคัญกับความฝัน (ถ้าพรุ่งนี้ตาย เราจะยังใช้ชีวิตแบบวันนี้อยู่ไหม? - Lemon8)
ความสัมพันธ์กับคนที่รักเป็นแหล่งความสุขที่ยิ่งใหญ่:
การมีคนที่เรารักยังมีชีวิตอยู่ถือเป็นความสุขอย่างยิ่งแล้ว (EP 2496 Book Review พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ - นพดล Story) จงให้ความสำคัญกับการบอกความรู้สึกดีๆ กับพวกเขาในวันนี้
การเอาชนะความยากลำบากต้องเริ่มที่การลงมือทำ:
"ไม่ใช่เพราะเรามีแรงเราจึงฮึดสู้ได้ แต่เป็นเพราะเราฮึดสู้เราถึงมีแรง" (EP 2496 Book Review พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ - นพดล Story) พลังมักเกิดขึ้นเมื่อเราเริ่มลงมือทำ ไม่ใช่รอให้มีแรงก่อน
ไม่มีอะไรยากลำบากเท่าตอนเกิด ทุกคนได้ผ่านความยากลำบากที่สุดมาแล้ว (EP 2496 Book Review พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ - นพดล Story)
ชีวิตนี้ไม่มีรอบที่สอง:
ชีวิตนี้คือชีวิตนี้ ไม่ว่าจะเชื่อเรื่องชาติหน้าหรือไม่ ชีวิตนี้มีครั้งเดียว จงใช้มันให้ดีที่สุด (EP 2496 Book Review พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ - นพดล Story)
ความกลัวความตายในมุมมองทางปรัชญา:
บางแนวคิดทางปรัชญา เช่น Epicurus มองว่าความตายไม่น่ากลัว เพราะ "เมื่อ เรา มี ตัว ตน ความ ตาย ไม่ อยู่ เมื่อ ความ ตาย มา อยู่ เรา หาย ไป แล้ว" (Shortcut ปรัชญา EP.15) เรากลัวสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อเรายังมีตัวตนอยู่ แต่ความตายเกิดขึ้นเมื่อเราไม่มีอยู่แล้ว
ความกลัวความตายอาจทำให้เราพลาดการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ในปัจจุบัน
การยอมรับความตายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตช่วยให้เราใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณค่าและไม่เสียดาย (Shortcut ปรัชญา EP.15)
ความตายในมุมมองทางสังคมและปัจจัยแวดล้อม:
แม้ความตายจะเป็นเรื่องส่วนตัวอย่างถึงที่สุด แต่ก็ไม่สามารถแยกออกจากปัจจัยทางสังคม เศรษฐกิจ และการเมืองได้ กระบวนการของการตายและความสามารถในการ "ตายดี" อาจไม่เท่าเทียมกันสำหรับทุกคน (Shortcut ปรัชญา EP.15)
การตระหนักถึงความไม่เท่าเทียมกันในกระบวนการของการตายช่วยให้เรามองชีวิตและความตายในมุมที่สัมพันธ์กับผู้อื่นในสังคมมากขึ้น (Shortcut ปรัชญา EP.15)
คำถามชวนคิดที่ปรากฏซ้ำๆ:

ถ้าพรุ่งนี้ตาย เราจะยังใช้ชีวิตแบบวันนี้อยู่ไหม?
ในวันสุดท้ายของชีวิต อะไรคือเรื่องที่เสียใจที่สุด?
เราอยากให้คนจดจำเราในเรื่องใดหลังจากที่เราจากไป?
ข้อเสนอแนะจากการอ่าน:

หนังสือ "พรุ่งนี้อาจตายก็ได้นะ" และแนวคิดที่คล้ายกันในแหล่งข้อมูลอื่นๆ เป็นเครื่องมือที่มีประสิทธิภาพในการทำ Self Reflection เพื่อสำรวจตัวเองและค้นหาคุณค่าของการใช้ชีวิต การอ่านหรือฟังเนื้อหาเหล่านี้ควรใช้เวลาในการไตร่ตรองและตอบคำถามที่เกิดขึ้น เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในมุมมองและการใช้ชีวิตอย่างแท้จริง

สรุป:

แหล่งข้อมูลเหล่านี้เน้นย้ำว่าการตระหนักถึงความไม่แน่นอนของชีวิตและความจริงที่ว่าทุกคนต้องตาย ไม่ได้เป็นเรื่องน่าหดหู่ แต่เป็นจุดเริ่มต้นของการใช้ชีวิตอย่างมีสติ เต็มที่ และมีความหมาย การเตรียมพร้อมเผชิญหน้ากับความตายทั้งทางจิตใจและสัมพันธภาพ การให้คุณค่ากับปัจจุบันและคนที่รัก รวมถึงการทำสิ่งดีๆ เพื่อผู้อื่น ล้วนเป็นหนทางสู่ชีวิตที่เต็มไปด้วยคุณค่าและไร้ความเสียดายในท้ายที่สุด แม้ว่าความตายจะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่ปัจจัยทางสังคมก็ส่งผลต่อการเผชิญหน้ากับความตายอย่างมีศักดิ์ศรี การทำความเข้าใจในมิติต่างๆ นี้จะช่วยให้เราไม่เพียงแต่ใช้ชีวิตของเราเองให้ดี แต่ยังเห็นความสำคัญของการมีส่วนร่วมในสังคมเพื่อสร้างโลกที่เอื้อต่อการมีชีวิตและการตายที่ดีสำหรับทุกคน.

NotebookLM อาจแสดงข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นโปรดตรวจสอบคำตอบอีกครั้ง
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ มิถุนายน 03, 2025, 11:38:15 หลังเที่ยง
🍌 แจกทิปการใช้งาน NotebookLM สุดยอดเครื่องมือสำหรับการเรียนรู้ที่ดีที่สุดในโลก ณ เวลานี้ ของดีจาก Google ใช้แล้วเก่งปุบปับ ยั๊งงง 555+
.
วันนี้แอดนั่งอ่านคู่มือเตรียมสอบ Business Marketing Strategist เซอร์ตัวใหม่ของ Meta เป็นไฟล์ PDF 100+ หน้า เลยลองโยนเข้า NotebookLM (NbLM) เหยยย อะเมซิ่ง 555+
.
แอดว่าชั่วโมงนี้ไม่มีเครื่องมือตัวไหนช่วยเราเรียนได้เหมือน NbLM อีกแล้นนน แค่ฟีเจอร์ Audio Overview กับ Mind Map ชนะขาดทุกตัว ขนลู๊กกก
.
✅ 3 เหตุผลที่ทำให้ NbLM ต่างจาก AI ตัวอื่นๆ
.
[1] เบื้องหลังของ NBLM คือโมเดล AI ชื่อ "LearnLM" ที่ Google สร้างขึ้นมาช่วยเราเรียนโดยเฉพาะ โมเดลที่มีความขี้สงสัย กระตุ้นความอยากรู้ ฯลฯ
.
อัปเดต งาน I/O 2025 ที่ผ่านมา Google ฝัง LearnLM เข้าไปใน Gemini 2.5 เยย โหดมาก
.
[2] NbLM ใช้คอนเซปต์ "Grounding" คือ AI จะเรียนรู้จากไฟล์ (หรือ Sources ต่างๆ) ที่เราส่งให้มันเท่านั้น รู้บอกรู้ ไม่รู้ก็บอกไม่รู้ ทุกคำตอบที่ส่งกลับมามี Reference เสมอ แฮร่
.
[3] Google เปิด NbLM ให้ใช้งานฟรี จัดเต็ม ไม่มีกั๊กใดๆ บ้าบอออ 555+ แอดใช้แบบ Pro (รวมอยู่ใน Gemini Plan) จะได้ Limit การใช้งานมากขึ้นหน่อย
.
✅ 6 ฟีเจอร์สำคัญของ NbLM ปลดล็อคพลังการเรียนรู้ไม่สิ้นสุด ไฟมาแล้ววว
.
[1] Sources เพิ่มไฟล์รูปแบบต่างๆให้ NbLM ศึกษา ได้ตั้งแต่ PDF, Web, YouTube, Docs, Slides และ Plain Text
.
[2] Chat พูดคุย ถามตอบกับ AI เรียนรู้ได้ดียิ่งขึ้น อันนี้ใช้คอนเซ็ปต์ Learning Assist i.e. Agent ที่ช่วยเราเรียนรู้เรื่องใหม่ๆ
.
[3] Notes อันนี้อย่างเด็ด ให้ AI เขียนสรุป ไม่ต้องเขียนเองให้เมื่อยมือ 555+ ตัวอย่างเช่น Brief Note, Summary, Quiz, FAQ มาเต็ม
.
แต่ถ้าจะเขียนโน้ตเองก็ได้เช่นกันคร้าบบบ Manual Mode
.
[4] Audio Overview กดปุ่มเดียวสร้าง Podcast เล่าเรื่องนั้นๆให้เราฟังได้เลย แบบสั้น 20-30 นาที (Free) แบบยาว 50-60 นาที (Pro) ได้ทั้งภาษาอังกฤษและไทย กราบบบ
.
Google เพิ่งเพิ่มฟีเจอร์ "Interactive Mode" ให้เราพูดคุยกับ AI ใน Podcast ได้เลย คือเปิดไมค์คุยกับ AI แรกๆจะเขิลๆหน่อย หลังๆคุยสนุก เหมือนเป็นเพื่อนคลายเหงา เดี๋ยวๆ 555+
.
[5] Mind Map สร้างมายด์แมปให้เราเห็นเนื้อหาต่างๆใน Sources ได้ดียิ่งขึ้น เวลากดที่แผนที่ มันจะโหลด Chat ใหม่ขึ้นมาด้วย เหมือนถามตอบตามหัวข้อนั้นๆได้
.
[6] Share กดคลิกเดียวแชร์ Learning ของเราให้เพื่อนๆได้อ่านโน้ต ศึกษาไปพร้อมๆกันได้ด้วย (ต้อง Sign-In) ทำงานกลุ่มต่อไปสบายแว้ว
.
อ่านมาขนาดนี้แล้ว ต้องลุยแล้วไหม ทุกคนนนน 555+
.
🦖 สมัครใช้งาน NotebookLM ฟรีที่
https://notebooklm.google.com/
.
📝 อ่านคู่มือการใช้งาน NotebookLM ได้ที่
https://support.google.com/notebooklm/
.
ตอนนี้ขาดฟีเจอร์เดียว ช่วยทำการบ้านหน่อย ยั๊งงง 555+
.
ใครลองใช้แล้วเป็นยังไงบ้าง มาแชร์กันได้นะคร้าบ แอดรัก Google แอดรัก NotebookLM เก่งปุบปับบบ
.
#NotebookLM #GoogleAI


https://www.facebook.com/share/19GVjggdvN/
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ มิถุนายน 04, 2025, 05:30:34 ก่อนเที่ยง
สาเหตุที่ผู้มีอำนาจเลี่ยงที่จะเผชิญหน้ากับกัมพูชา ไม่กล้าปิดด่าน และยอมเสียเปรียบ กระทั่งปรามคนไทยด้วยกันเองให้เพลาๆ การด่ากัมพูชา

ก็เพราะชนชั้นนำกลัวจะเสีย "ตลาดกัมพูชา"

ผลประโยชน์ที่ทุนไทยและนักการเมืองไทยได้จากกัมพูชานั้นมหาศาล จะยอมให้เกิดสงครามหรือการตัดเยื่อใยไม่ได้

ผู้มีอำนาจในไทยทั้งฝ่ายการเมืองและเศรษฐกิจจึงต้องพินอบพิเทาตระกูลฮุนและเครือข่ายอำนาจเขมร

ถึงขั้นเรียกพี่เรียกน้อง และเอาใจใส่กันปานเครือญาติก็เพราะเหตุนี้

ยอมกระทั่งให้พวก "ฮุนคอนเนกชั่น" หากินกับชาตินิยมที่มีไทยเป็นผู้ร้าย เพื่อที่พวกฮุนจะอยู่ในอำนาจชั่วกัลปาวสาน เพราะประชาชนเขมรจะลืมว่าศัตรูตัวจริงคือพวกในทำเนียบ แล้วหันมาจะฆ่าจะแกงกับศัตรูตัวปลอม คือไทย

นานวันเข้า ชาตินิยมเขมรก็เป็นพิษ อาการหนักจนอยากได้แผ่นดินไทย เพราะถูกล้างสมองว่าไทยชิงดินแดนกัมพูชาไป เช่นเดียวกับวัฒนธรรมไทยที่เขมรอ้างเป็นเจ้าของอย่างไร้ยางอาย

พวกมีอำนาจในไทยก็รู้เพราะคนไทยร้องเรียนไม่เว้นแต่ละวัน

แต่เพราะต้องรักษาแหล่งกอบโกยให้ทุนไทยและนักการเมืองไทย

ดังนั้นพอคนไทยเรียกร้องให้ทำอะไรบ้างเถอะกับพวก "กรรมพูชา"

นอกจากจะหลอกคนไทยว่า "ไม่มีอะไรน่า" แล้ว บางคนยังบันดาลโทสะด่าคนไทยที่รักชาติว่า "คลั่งชาติ"

คนที่ปากพล่อยคนนี้เป็นถึงเสนาบดีกลาโหม

เรื่องนี้ทำให้ผมนึกถึงความอัปยศตอนหนึ่งในประวัติศาสตร์จีน คือ "สนธิสัญญาเส้าซิง" ระหว่างอาณาจักรซ่งใต้ และอาณาจักจิน

ก่อนหน้านี้ พวกจินตีซ่งเหนือแตก จับจักรพรรดิฮุยจง ชินจง และพระบรมวงศ์ทั้งหลายไว้

ยังเหลือเกาจงหนีลงใต้ข้ามแม่น้ำแยงซีเกียงมาได้แล้วตั้งอาณาจักรใหม่ คือ ซ่งใต้

ความจริงซ่งใต้มีขุนศึกที่เก่งกาจ สามารถจะแย่งชิงดินแดนซ่งเหนือคืนมาได้ คือ ขุนศึกงักฮุย

พวกจินนั้นกลัวงักฮุยมาก และงักฮุยก็รักบ้านเมืองยิ่งชีพ

จักรพรรดิเกาจงควรจะปลาบปลื้มที่มีคนรักขาติปานนี้

แต่เกาจงกลับกลัวว่าถ้างักฮุยเอาชนะพวกจินได้ แล้วจักรพรรดิองค์เดิมกลับมา ตนจะสิ้นอำนาจวาสนา

พอพวกจินขอทำสนธิสัญญา แทนที่ซ่งใต้จะเป็นฝ่ายได้เปรียบ เกาจงกลับยอมทำตามคำขอของพวกจิน คือ หาเรื่องประหารงักฮุยเสีย

ดังนั้นโอกาสที่จะทวงแผ่นดินคืนจึงหมดไป แล้วเตะถ่วงการกลับมาของจักรรดิเดิมของซ่งเหนือจนสวรรคตไป

ซ่งใต้ยังต้องเสียบรรณาการให้พวกจินหลายแสนต่อปี เสียดินแดนที่ตีได้มา และยอมลดสถานะเป็นเมืองประเทศราชของจิน

ยอมเขาหมดเพียงเพื่อจะไม่ต้องเสียอำนาจ และเสพสุขในแดนใต้ อันเป็นตลาดที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก และมั่งคั่งที่สุด

แทนที่จะชุบเลี้ยงคนรักชาติและใช้พลังทางเศรษฐกิจบดขยี้พวกจิน

กลับศิโราบเขาเพื่อที่ตัวเองจะมีอำนาจและกอยโกยความมั่งคั่งเข้าตัวเอง

ประชาชนชาวซ่งใต้ได้แต่มองดูด้วยความเจ็บแค้น

แค้นที่ต่างชาติที่ด้อยกว่ามาย่ำยีจนมันดูถูกเป็นขี้ข้า

แค้นที่ผู้ทีอำนาจ "ขายตัว" เพื่อความอยู่รอดของตน

ผมดูคนใหญ่คนโตในเมืองไทยแล้วไม่ต่างจากเกาจงและพวกซ่งใต้ขายตัวในยุคสนธิสัญญาเส้าซิง

และชั้นของความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ไม่ได้มีแค่ความขัดแย้งเรื่องดินแดน แต่ยังมีแง่มุมทางเศรษฐกิจด้วย

เกาจงขายศักดิ์ศรีให้พวกจินเพื่อแลกกับดินแดนอันมั่งคั่งทางตอนใต้แยงซีเกียงฉันใด

ผู้มีอำนาจในไทยก็ยอมขายศักดิ์ศรีเพื่อแลกกับตลาดกัมพูชาฉันนั้น


ฮุน เซน กับกัมพูเชี่ยนทั้งปวงมักจะหาเรื่องขึ้นศาลโลกเพราะรู้ว่าสู้ด้วยกำลังไม่ได้

และศาลโลกนั้นก็ไม่ได้ยุติธรรมกับไทย เพราะมีอำนาจมืดคอยช่วยกัมพูชาเอาไว้โดยแลกกับผลประโยชน์

ส่วนไทยนั้นเป็นเด็กว่านอนสอนง่าย เพราะเชื่อว่าทำตามกติกาโลกแล้ว "นานาอารยะประเทศ" จะยอมรับ

แต่ไอ้พวกอารยะประเทศจอมปลอมพวกนั้นแหละที่ชิ่งจากกติกาโลกก่อนใคร

ยิ่งในตอนนี้ "ระเบียบโลก" กำลังพังทลาย ประเทศใหญ่น้อยละเมิดกติกากันเป็นว่าเล่น

การทูตหมดความหมายแล้ว

ความขัดแย้งระหว่างไทยกับกัมพูชาเลยขอบเขตทางการทูต แต่เข้าสู่ขอบเขตการสู้ด้วยกำลัง โดยอีกฝ่ายนั้นเรียกร้องเอง ด้วยการล้ำเส้นครั้งแล้วครั้งเล่า และปล่อยให้ประชาชนของตนปลุกปั่นลัทธิต้องการดินแดนของไทย

มันไม่ได้ต้องการแค่เส้นทับซ้อน แต่คลั่งอยากได้ไทยเกินครึ่งประเทศ

บ้มบอขนาดนี้ พ่อลูกตระกูลฮุนเสือกบอกว่า "ไทยคลั่งชาติ" และทุกความขัดแย้งเกิดเพราะชาตินิยมไทยเป็นตัวการ

โดยหาได้สำเหนียกตัวเองว่าสร้างประชากรที่อยากได้ดินแดนคนอื่น วัฒนธรรมคนอื่นจนตัวสั่น อีกทั้งยังทำ "สงครามแย่งชิงอัตลักษณ์ไทย" อย่างเป็นขบวนการ

มันขยันท้าทายไทยกันปานนี้ แต่รัฐบาลไทยยังจะพินอบพิเทาให้มันอีก

คนใหญ่ตนโตบางคนในไทยมีนิสัยติดหนี้ใครแล้วต้องตอบแทน แต่ถามว่าถ้าติดหนี้กับอริของประเทศแล้ว ต้องเอาประเทศตัวเองไปชดใช้ด้วยไหม?

ตอนแรกผมว่าจะไม่เขียนทัศนะเกี่ยวกับกรณีนี้ เพราะคิดว่าอาจจะมีเส้นสนกลในอะไรบางอย่าง จึงขอดูท่าทีก่อน

พอ "เสด็จพ่อ" ของกัมพูเชี่ยนออกลายอ้างสิทธิ์ดินแดนเรา และโยนความผิดมาที่ "ชาตินิยมไทย" ผมคิดว่ามันต้องตอบโต้แล้ว

มันเป็นมนุษย์ประเภทที่คนไทยผู้รักชาติจะให้อภัยในสิ่งที่ทำไม่ได้จริงๆ

รวมถึงคนไทยที่รักใคร่คนผู้นี้เป็นดั่งพี่น้องด้วย

ผมไม่ติดขัดที่จะเรียกพี่เรียกน้องกัน

แต่ถ้าพี่น้องคนนี้เหยียบตีนคนไทยทั้งชาติ คุณยังจะกุมมือแล้วบอกรักมันลงอีกหรือ?

ประเทศอ่อนลง ว่านอนสอนง่าย อ่อนไหวกับความรู้สึกคนอื่น เสียจนประเทศและผู้นำพรรค์นี้มันหยามเราได้ แสดงว่าเรามาถูกทางแล้วครับ

ทางตกต่ำลงเรื่อยๆ


https://www.facebook.com/share/p/1Biawr8BXe/

https://www.facebook.com/share/p/1BhaApPevU/
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ มิถุนายน 06, 2025, 08:11:42 หลังเที่ยง
มิตรภาพ ความทรงจำ และการตลาดคิดถึงอดีต
(คำตอบที่บันทึกไว้จะเป็นแบบดูอย่างเดียว)
การบรรยายสรุป: มิตรภาพ ความทรงจำ และอิทธิพลของสื่อ
เอกสารนี้เป็นการบรรยายสรุปโดยละเอียดเกี่ยวกับประเด็นหลักและแนวคิดที่สำคัญที่สุดที่พบในแหล่งข้อมูลที่ได้รับ โดยเน้นการอ้างอิงข้อความจากแหล่งที่มาดั้งเดิมเมื่อเหมาะสม ประเด็นหลักที่ปรากฏขึ้นจากการวิเคราะห์แหล่งข้อมูลคือ: ลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปของมิตรภาพในยุคดิจิทัล, อิทธิพลของความทรงจำในอดีต (โดยเฉพาะ Reminiscence bump) ต่อความรู้สึกในปัจจุบัน, และการใช้ประโยชน์จาก Nostalgia Marketing ในอุตสาหกรรมบันเทิงและการสื่อสาร

ประเด็นหลักที่ 1: ลักษณะที่เปลี่ยนแปลงไปของมิตรภาพในยุคดิจิทัลและความสำคัญของการมีความสัมพันธ์ที่ดี
แหล่งข้อมูลหลายฉบับเน้นย้ำถึงความสำคัญของการมีมิตรภาพที่ดีต่อความสุขและสุขภาพจิต การมีเพื่อนที่ดีได้รับการกล่าวถึงว่าเป็นปัจจัยสำคัญในชีวิต ALTV ระบุว่า "การมีเพื่อนดีมีชัยไปกว่าครึ่ง คงเป็นประโยคที่ไม่เกินจริงนัก งานวิจัยหลายชิ้นต่างยืนยันแล้วว่า มิตรภาพที่ดี มีส่วนสำคัญในการสร้างความสุขและส่งเสริมสุขภาพจิตให้ดีขึ้นได้"

อย่างไรก็ตาม แหล่งข้อมูลยังชี้ให้เห็นถึงความท้าทายในการสร้างและรักษามิตรภาพแท้ในยุคดิจิทัลที่ทุกอย่างรวดเร็ว Pantip ตั้งคำถามที่สะท้อนถึงความรู้สึกนี้ในหัวข้อ "วัยทำงาน คุณมีหรือเหลือเพื่อนสนิท เพื่อนแท้ กี่คนในชีวิตกันคะ?" ซึ่งแสดงให้เห็นถึงแนวโน้มที่จำนวนเพื่อนสนิทลดลงเมื่อคนเราเติบโตขึ้นและมีความรับผิดชอบมากขึ้น โดยผู้เขียนกระทู้กล่าวว่า "พอโตขึ้นจะรู้เลยว่า เราไม่จำเป็น ต้องพยายามรักษา ความสัมพันธ์ที่เราไม่ได้โอเคไว้เลย" และยอมรับว่าตัวเองมีเพื่อนสนิทจริงๆ เพียง 2 คนเท่านั้น

รายงานสุขภาพคนไทยยืนยันแนวโน้มนี้ในกลุ่มวัยรุ่น โดยระบุว่า "วัยรุ่นไทยมีเพื่อนสนิทน้อยลง ครอบครัวจึงยิ่งสำคัญ" และอ้างอิงจากการสำรวจที่พบว่าสัดส่วนของนักเรียนมัธยมที่ไม่มีเพื่อนสนิทเพิ่มขึ้นจากร้อยละ 3.5 ในปี 2551 เป็นร้อยละ 6.6 ในปี 2558 รายงานนี้เชื่อมโยงแนวโน้มนี้กับการเพิ่มขึ้นของความเป็นปัจเจกในสังคม และบทบาทของเทคโนโลยี "ส่วนหนึ่งอาจเกี่ยวข้องกับการเข้ามามีบทบาทของเทคโนโลยี โดยเฉพาะสื่อสังคมออนไลน์ และสมาร์ทโฟน ที่เข้ามาแทนการมีปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้ในระดับหนึ่ง ทำให้ความสัมพันธ์กับเพื่อนของวัยรุ่นและเยาวชนไทยมีความห่างเหินกันมากขึ้น" ในบริบทนี้ ครอบครัวจึงมีบทบาทที่สำคัญยิ่งขึ้นในการเป็นเสาหลักทางจิตใจ

"ทฤษฎีเพื่อน 7 แบบ" (7 Friends Theory) ที่กล่าวถึงใน ALTV นำเสนอแนวคิดที่ให้มุมมองเกี่ยวกับความหลากหลายของมิตรภาพและบทบาทที่เพื่อนแต่ละประเภทมีในชีวิต แม้จะขาดการสนับสนุนทางวิทยาศาสตร์อย่างเป็นทางการ นักจิตบำบัดหลายคนมองว่าทฤษฎีนี้เน้นย้ำความสำคัญของการมีมิตรภาพที่ดีและช่วยให้เข้าใจว่าเพื่อนแต่ละคนเติมเต็มด้านที่แตกต่างกันในชีวิต "ทฤษฎีดังกล่าวยังช่วยให้เข้าใจว่าเพื่อนแต่ละคนล้วนมีหน้าที่และบทบาทแตกต่างกันในชีวิตของเรา และแต่ละบทบาทก็มีความสำคัญในแบบของมันเอง" ประเภทของเพื่อนที่กล่าวถึงได้แก่ เพื่อนในวัยเด็ก, เพื่อนที่สร้างเสียงหัวเราะ, เพื่อนที่ห่างกันไปแต่ไม่เคยลืม, เพื่อนที่สามารถบอกความลับได้, เพื่อนที่สนิทราวกับคนในครอบครัว, เพื่อนที่ปล่อยให้เราเป็นตัวเองได้, และเพื่อนที่ขาดไม่ได้ ทฤษฎีนี้ไม่ได้เน้นปริมาณ แต่เน้นคุณภาพของมิตรภาพ โดยระบุว่า "การมีเพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนที่เข้าใจเรา และคอยให้กำลังใจเราเสมอ ก็อาจเพียงพอที่จะทำให้เรารู้สึกมีความสุขได้เช่นเดียวกัน"

ประเด็นหลักที่ 2: อิทธิพลของความทรงจำในอดีตและความรู้สึกคิดถึง (Reminiscence bump & Nostalgia)
แหล่งข้อมูล Thai PBS NOW อธิบายถึงปรากฏการณ์ "Reminiscence bump" ซึ่งคือ "การปะทุขึ้นของความทรงจำในอดีต" โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวัยรุ่นถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น (ประมาณ 10-30 ปี) สมองในช่วงนี้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุดในการเรียนรู้ จัดเก็บ และเชื่อมโยงข้อมูล นอกจากนี้ สมองส่วนที่เกี่ยวข้องกับอารมณ์ (Limbic System) เพิ่งเติบโตเต็มที่ในช่วงวัยรุ่น ทำให้เหตุการณ์ที่สำคัญทางอารมณ์ในช่วงนี้ถูกจดจำได้เป็นพิเศษ "เหตุการณ์ที่สำคัญทางอารมณ์ เช่น การสำเร็จการศึกษา, การทำงาน, ความรัก, การแต่งงาน ประสบการณ์ต่าง ๆ ในชีวิต เมื่อทำงานร่วมกับสมองส่วนความจำ ยิ่งทำให้ความทรงจำในช่วงเวลานี้ ถูกจดจำและจัดเก็บไว้เป็นเป็นพิเศษ" ปรากฏการณ์นี้อธิบายได้ว่าเหตุใด "รักครั้งเก่า เรื่องราวความสัมพันธ์ที่ทำให้เกิดอารมณ์ในอดีต ความคิดถึงอันยาวนาน ไม่เคยลืมไปจากใจ หรือจากสมองของมนุษย์เรา"

ความรู้สึกคิดถึงอดีตนี้ หรือ "Nostalgia" เป็นธรรมชาติอย่างหนึ่งของมนุษย์ที่สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้

ประเด็นหลักที่ 3: การใช้ Nostalgia Marketing ในอุตสาหกรรมบันเทิงและสื่อ
แหล่งข้อมูลหลายฉบับเน้นการใช้ประโยชน์จาก Nostalgia Marketing โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวงการบันเทิง Spring News อธิบายว่า Nostalgia Marketing คือกลยุทธ์ที่ "ใช้ความรู้สึกคิดถึงอดีต" เป็นจุดขาย และเชื่อมโยงกับการกลับมาของตัวละคร "ดากานดา" และ "ไข่ย้อย" จากภาพยนตร์เรื่อง "เพื่อนสนิท" ในมิวสิกวิดีโอเพลง "I'm ok // not ok (feat. Billkin)" ของ BOYdPOD workpointTODAY เรียก "เพื่อนสนิท" ว่าเป็น "หนังรักในตำนาน" ที่ยังคงอยู่ในความทรงจำ และการกลับมาของตัวละครใน MV นี้ทำให้เกิดกระแส "คิดถึง" อย่างล้นหลาม "น้ำตาซึมกันทั้งโซเชียล เมื่อ MV เพลง "I'm ok // not ok" ซิงเกิ้ลล่าสุดจากอัลบั้ม BOYdPOD (feat. Billkin) พาคุณไปหวนคิดถึงความทรงจำเมื่อ 20 ปีที่แล้วกับตัวละครในความทรงจำ "ดากานดา - ไข่ย้อย" จากภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง "เพื่อนสนิท""

MV นี้ถูกมองว่าเป็นตัวอย่างที่ชัดเจนของการผสมผสาน "อารมณ์ + เวลา + ความทรงจำ" ตามที่ Spring News ระบุ การนำเรื่องราวเก่ามาเล่าต่อ (Legacy Sequel) โดยมีตัวละครหลักจากยุคก่อน พร้อมเพิ่มตัวละครใหม่ ทำให้ผู้คนทั้งรุ่นเก่าและรุ่นใหม่สามารถเข้าถึงได้ Thai PBS NOW อธิบายว่า Nostalgia Marketing "ถูกนำมาใช้เพื่อกระตุ้นการเกิด Reminiscence bump ที่ทำให้ผู้คนรู้สึกบางอย่างในอดีตมากกว่าเรื่องราวสดใหม่ในปัจจุบันผ่านกลยุทธ์ทางการตลาดที่มีชื่อเรียกกันว่า "Nostalgia maketing"" นักการตลาดใช้ประโยชน์จากองค์ประกอบต่างๆ เพื่อกระตุ้นความทรงจำในอดีต เช่น การนำสิ่งเก่ามาขายซ้ำ การสื่อสารที่เน้นสร้างความรู้สึกร่วม และการเชื่อมโยงกับวัฒนธรรมในอดีต

ดนตรีมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการกระตุ้นความรู้สึกคิดถึงอดีตนี้ ตามที่ Music Entrance ระบุ ดนตรีเป็น "องค์ประกอบสำคัญในภาพยนตร์ และสื่อบันเทิง ที่มีอิทธิพลอย่างมากต่อความรู้สึก และการรับรู้ของผู้ชม" ดนตรีสามารถ "สร้างบรรยากาศและอารมณ์", "เชื่อมต่อทางอารมณ์" กับตัวละคร, และ "การเพิ่มความโดดเด่นให้กับภาพยนตร์และสื่อ (Branding and Recognition)" เพลงประกอบภาพยนตร์ที่ประสบความสำเร็จสามารถสร้างความทรงจำที่ดีและทำให้ผลงานนั้นเป็นที่จดจำได้ยาวนาน การที่ MV "I'm ok // not ok" ใช้เพลงที่เศร้าซึ้งประกอบกับการกลับมาของตัวละคร "เพื่อนสนิท" ยิ่งเสริมสร้างอารมณ์ Nostalgia นี้ ดังที่ Pantip กล่าวถึง MV นี้ว่า "เหมือนได้เปิดกล่องกล่องความทรงจำช่วงวัยรุ่นของตัวเอง" และผู้ฟังรู้สึก "อินเข้าไปถึงข้างในใจ" กับความรู้สึกของตัวละคร

โดยสรุป แหล่งข้อมูลชี้ให้เห็นว่าแม้สังคมในปัจจุบันจะมีความเป็นปัจเจกมากขึ้นและวัยรุ่นมีเพื่อนสนิทน้อยลง ความสำคัญของมิตรภาพที่ดีก็ยังคงอยู่ "ทฤษฎีเพื่อน 7 แบบ" เสนอแนวทางในการทำความเข้าใจความหลากหลายของมิตรภาพ ในขณะเดียวกัน ปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาอย่าง Reminiscence bump ที่ทำให้ความทรงจำในอดีต โดยเฉพาะช่วงวัยรุ่นถึงวัยผู้ใหญ่ตอนต้น ยังคงมีอิทธิพลต่อความรู้สึกในปัจจุบัน อุตสาหกรรมบันเทิงและสื่อต่างๆ ได้ใช้ประโยชน์จากความรู้สึกคิดถึงอดีตนี้ผ่าน Nostalgia Marketing โดยเฉพาะอย่างยิ่งการนำตัวละครและเรื่องราวที่เป็นที่รักในอดีตกลับมานำเสนอใหม่ โดยมีดนตรีเป็นเครื่องมือสำคัญในการกระตุ้นอารมณ์และความทรงจำ ทำให้เกิดปรากฏการณ์ทางสังคมและวัฒนธรรมที่น่าสนใจ.

NotebookLM อาจแสดงข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นโปรดตรวจสอบคำตอบอีกครั้ง
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ มิถุนายน 08, 2025, 07:06:48 หลังเที่ยง
จิตวิทยาต่อรอง
Never Split the Difference
(Classic Collection)

จะต้องพูดและทำอะไรในการต่อรองที่แพ้ไม่ได้

หนังสือเล่มนี้จะมอบเทคนิคทางจิตวิทยาที่ใช้กันใน FBI
พร้อมตัวอย่างจากประสบการณ์จริง
ที่จะช่วยให้คุณอ่านความคิดของคู่สนทนา
เดินเกมนำหน้าความคิดของอีกฝ่าย
และจบการต่อรองด้วยผลลัพธ์ที่น่าพอใจได้ทุกครั้ง
ไม่ว่าคุณจะอยู่ในสถานการณ์ที่เป็นรองแค่ไหนก็ตาม

▪️วันนี้ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศและทางออนไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใต้โพสต์


ผู้เขียน Chris Voss, Tahl Raz
ผู้แปล นิติ ชนภัณฑารักษ์
จำนวนหน้า 336 หน้า
ราคา 325 บาท

▪️สั่งซื้อพร้อมรับส่วนลดได้ที่

🛒 www.welearnbook.com
🛒 shopee : https://shope.ee/9pGwmLkiXD
🛒 Lazada : https://s.lazada.co.th/s.7A6BI(https://attachments.xonly8.com/images/f57ae1b78112782428504a4f7b98e6c14f334812.jpg)
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ มิถุนายน 08, 2025, 07:14:50 หลังเที่ยง
  สรุป Never Split The Difference: การเจรจาเชิงจิตวิทยา
(คำตอบที่บันทึกไว้จะเป็นแบบดูอย่างเดียว)
เอกสารสรุปการบรรยาย: Never Split The Difference
เอกสารสรุปนี้ได้รวบรวมประเด็นหลัก แนวคิดสำคัญ และข้อเท็จจริงที่โดดเด่นจากแหล่งข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับหนังสือ "Never Split The Difference: Negotiating As If Your Life Depended on It" โดย Chris Voss และ Tahl Raz ผู้เขียน ซึ่งเป็นอดีตนักเจรจาต่อรองตัวประกันของ FBI

ภาพรวม:

หนังสือ "Never Split The Difference" เป็นคัมภีร์ด้านการเจรจาต่อรองที่กลั่นกรองจากประสบการณ์เกือบ 30 ปีของ Chris Voss ในสถานการณ์ที่มีความตึงเครียดสูง เช่น การเจรจากับอาชญากรและผู้ก่อการร้าย สิ่งที่ทำให้หนังสือเล่มนี้โดดเด่นคือการประยุกต์ใช้หลักจิตวิทยาและความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) เข้ากับการเจรจา แทนที่จะยึดติดกับทฤษฎีหรือสคริปต์แบบเดิมๆ ที่เน้นเหตุผลเพียงอย่างเดียว หลักการและเทคนิคที่นำเสนอในหนังสือสามารถนำไปปรับใช้ได้จริงในหลากหลายสถานการณ์ ทั้งในโลกธุรกิจ ชีวิตประจำวัน และแม้แต่ในความสัมพันธ์ส่วนตัว

แก่นสำคัญและแนวคิดหลัก:

การเจรจาคือการจัดการอารมณ์ มากกว่าเหตุผล: แหล่งข้อมูลหลายแห่งเน้นย้ำว่ามนุษย์มักตัดสินใจโดยมีอารมณ์เป็นฐาน ไม่ใช่เพียงแค่เหตุผล การต่อรองที่มีประสิทธิภาพจึงต้องมุ่งเน้นไปที่การทำความเข้าใจและจัดการกับอารมณ์ของอีกฝ่าย
จากแหล่งที่มา: "จริง ๆ แล้ว เทคนิคการต่อรองนั้นมีมาแต่ไหนแต่ไร แต่ก่อนหน้านี้เทคนิคเหล่านั้นจะเน้นไปที่ทฤษฎีและขั้นตอนที่เป็นระเบียบ อาศัยเพียงการท่องจำสคริปต์เท่านั้น ทว่าแนวคิดนี้ก็ต้องเปลี่ยนไปเมื่อเหล่าเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการค้นพบว่าการต่อรองจริง ๆ นั้นเป็นเรื่องคาดการณ์ไม่ได้ ขึ้นอยู่กับอารมณ์มากกว่าเหตุผล เห็นได้ชัดจากจุดมุ่งหมายของการต่อรองคือการ "เอาในสิ่งที่ต้องการ" (I Want) ดังนั้น การต่อรองจะต้องมุ่งเน้นไปที่การจัดการกับอารมณ์ของอีกฝ่ายแทนที่จะยกเหตุผลมาคุยกัน แบบโต้งๆ เหมือนหุ่นยนต์ไร้ความรู้สึก"
ความสำคัญของการฟังอย่างตั้งใจ (Active Listening): การเป็นผู้ฟังที่ดีเป็นหัวใจสำคัญของการเจรจา การฟังอย่างลึกซึ้งช่วยให้เราเข้าใจความต้องการที่แท้จริงของอีกฝ่าย และเป็นฝ่ายที่รู้ข้อมูลมากกว่า ซึ่งนำไปสู่การมีอำนาจในการควบคุมการสนทนา
จากแหล่งที่มา: "ผู้พูดมักจะคิดว่าตัวเองมีอำนาจควบคุม แต่จริงๆแล้วไม่ใช่ ผู้ฟังคือคนที่มีอำนาจ เพราะระหว่างการเจรจากัน ฝ่ายที่รู้ข้อมูลมากกว่าคือฝ่ายที่มีอำนาจแท้จริง"
จากแหล่งที่มา: "การฟังอย่างถูกต้องทําให้ผู้อื่นเปิดใจกับเราง่ายขึ้นอย่าพึ่งรีบโต้แย้ง'อย่าพึ่งรีบมีปฏิกิริยาตอบโต้ อย่าพึ่งสร้างศัตรูโดยไม่จําเป็น"
เทคนิคสำคัญทางจิตวิทยาในการเจรจา:
Mirroring (การสะท้อนคำพูด): การพูดทวนคำ 1-3 คำสุดท้ายที่อีกฝ่ายเพิ่งพูดจบไป เป็นเทคนิคทางจิตวิทยาที่ทำให้พวกเขารู้สึกว่าเรากำลังฟังและเข้าใจ โดยบางครั้งพวกเขาอาจไม่รู้ตัว
จากแหล่งที่มา: "หัวใจหลักของกลยุทธ์นี้คือการทวนคำของอีกฝ่าย... ฟังดูง่าย ๆ แค่นั้นเลย"
จากแหล่งที่มา: "การ " ทำตัวเป็นกระจกสะท้อนที่คอยสะท้อนทวนคำพูด " ของฝ่ายตรงข้ามกลับไปหาพวกเขาอีกครั้งเพื่อกระตุ้นให้เกิดการคิดไตร่ตรองและเปิดเผยข้อมูลมากยิ่งขึ้น"
Labelling (การแปะป้ายอารมณ์): การระบุและเรียกชื่ออารมณ์ความรู้สึกของอีกฝ่ายออกมา เช่น "ดูเหมือนว่าคุณกำลังกังวลเกี่ยวกับเรื่อง..." หรือ "ผมสัมผัสได้ว่าคุณอาจจะรู้สึกไม่ค่อยสบายใจกับประเด็นนี้" สิ่งนี้ช่วยปลดปล่อยแรงกดดันทางอารมณ์ (โดยเฉพาะอารมณ์ด้านลบ) และเสริมสร้างอารมณ์บวก นอกจากนี้ยังแสดงให้เห็นว่าเราพยายามทำความเข้าใจ แม้ว่าจะเดาผิดก็ยังนำไปสู่บทสนทนาต่อได้
จากแหล่งที่มา: "การหยิบเอาความเข้าใจนั้นออกมาพูด (labeling) เพื่อแสดงให้คู่เจรจาฝ่ายตรงข้ามเห็นว่าเราเข้าใจความต้องการและความเจ็บปวดของพวกเขาจริงๆ"
จากแหล่งที่มา: "กลยุทธ์ Labelling คือตัวช่วยที่เราจะทำให้อีกฝ่ายเข้าใจความรู้สึกตัวเองมากขึ้น อีกทั้งยังทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเราเข้าใจเขาดี"
Calibrated Questions (คำถามชี้นำอย่างมีชั้นเชิง): การใช้คำถามปลายเปิดที่ขึ้นต้นด้วย "อย่างไร (how)" หรือ "อะไร (what)" แทนที่จะเป็นคำถามปลายปิดที่ตอบได้แค่ ใช่/ไม่ใช่ คำถามเหล่านี้ทำให้ฝ่ายตรงข้ามรู้สึกว่าตนเองเป็นผู้ควบคุม แต่จริงๆ แล้วเป็นการชวนให้พวกเขามาช่วยคิดหาทางแก้ปัญหาของเราเอง
จากแหล่งที่มา: "ให้ลืมคำถามที่ตอบได้แค่ใช่หรือไม่ใช่ไปก่อนเลยแล้วหันมาใช้คำถามปลายเปิดที่ส่วนใหญ่มักจะขึ้นต้นด้วยคำว่าอย่างไร how หรืออะไร what"
จากแหล่งที่มา: "คำถามพวกนี้เนี่ยมันจะทำให้อีกฝ่ายรู้สึกว่าเขาเป็นคนคุมเกมนะ แต่จริงๆแล้วเรากำลังชวนให้เขามาช่วยคิดหาทางแก้ปัญหาของเราอยู่ครับ"
พลังของคำว่า "ไม่": ตรงข้ามกับความเชื่อทั่วไปที่พยายามให้คู่เจรจาตอบ Yes ตลอดเวลา หนังสือเล่มนี้สอนให้ "ระวังคำตอบว่า Yes และแสวงหาคำตอบว่า No" การที่อีกฝ่ายพูดคำว่า No ได้อย่างสบายใจเป็นการสร้างความรู้สึกปลอดภัยและรู้สึกว่าตนเองควบคุมสถานการณ์ได้ ซึ่งจะนำไปสู่การเปิดใจรับฟังและพิจารณาทางเลือกอื่นๆ ที่ดีกว่า
จากแหล่งที่มา: "จริงๆ แล้วการเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายพูดคำว่าไ่ได้อย่างสบายใจเนี่ยมันคือการสร้างความรู้สึกปลอดภัยให้เขารู้สึกว่าเขาควบคุมสถานการณ์ได้"
จากแหล่งที่มา: "สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่คำตอบ "ใช่" หรือ "ไม่" แต่คือความกำกวม ความ "ไม่แน่ใจ" หรือการเมินเฉยไปเลย"
การไม่ประนีประนอมแบบ "แบ่งครึ่ง" (Never Split The Difference): การพบกันครึ่งทางมักนำไปสู่ผลลัพธ์ที่ไม่มีฝ่ายใดได้ประโยชน์อย่างเต็มที่ และอาจเป็นผลลัพธ์ที่แย่ที่สุดสำหรับทั้งสองฝ่าย
จากแหล่งที่มา: "ผู้เขียนแนะนำว่า อย่าพยายามประนีประนอมมากเกินไป เพราะผลลัพธ์ที่อาจจะได้ทั้งสองฝ่ายอาจจะออกมาครึ่งๆกลางๆ หรือไม่ดีเลยก็ได้"
จากแหล่งที่มา: "การไม่สามารถตกลงกันได้นั้นดีกว่าการได้ด้วยดีลที่แย่ เสมอ"
การค้นหา "หงส์ดำ" (Black Swans): หงส์ดำคือข้อมูลสำคัญที่เราไม่รู้ว่าเราไม่รู้ แต่เมื่อค้นพบแล้วจะสามารถพลิกสถานการณ์การเจรจาได้อย่างสิ้นเชิง การค้นหาหงส์ดำเกี่ยวข้องกับการทำความเข้าใจแรงกดดันส่วนตัว เป้าหมายที่ซ่อนเร้น หรือข้อจำกัดของอีกฝ่ายที่ไม่ถูกเปิดเผยออกมาอย่างชัดเจน
จากแหล่งที่มา: "การหาหงส์ดำให้เจอนี่แหละขึ้นแหล่งพลังต่อรองที่แท้จริงเลยครับไม่ใช่แค่เรื่องใครตำแหน่งใหญ่กว่าหรือใครเสียงดังกว่า"
การใช้ประโยชน์จากหลักการทางจิตวิทยาอื่นๆ:
ความกลัวต่อการสูญเสีย (Loss Aversion): มนุษย์กลัวการสูญเสียมากกว่าการได้รับ สามารถใช้ประโยชน์ได้โดยการโฟกัสบทสนทนาไปที่สิ่งที่อีกฝ่ายจะเสียไปหากดีลไม่สำเร็จ
การผูกสมอเรือทางความคิด (Anchoring): การกำหนดตัวเลขเริ่มต้นที่สูง (ในการเสนอราคา) หรือต่ำ (ในการขอราคา) เพื่อให้ฝ่ายตรงข้ามใช้เป็นจุดอ้างอิงในการเจรจา ตัวเลขคี่มักทำให้ดูเหมือนผ่านการคิดมาอย่างดีแล้ว
เงื่อนไขที่ไม่ใช่เรื่องเงิน (Nonmonetary Term): การนำเงื่อนไขอื่นที่ไม่ใช่เงินมาเจรจา เพื่อเพิ่มทางเลือกและสร้างคุณค่าให้กับทั้งสองฝ่าย
การรับรองว่าข้อตกลงจะถูกนำไปปฏิบัติ (Guarantee Execution): การที่อีกฝ่ายตอบ Yes ไม่ได้หมายความว่าพวกเขาจะปฏิบัติตามข้อตกลงจริง นักเจรจาที่ดีต้องแน่ใจว่าอีกฝ่าย "เชื่อ" ในข้อตกลงและมี "วิธีการ" ที่จะนำไปปฏิบัติจริง สามารถทำได้โดยการถามคำถามปลายเปิดอย่างต่อเนื่องเพื่อตรวจสอบความเข้าใจและแผนการ รวมถึงการสังเกตความไม่สอดคล้องกันระหว่างคำพูด น้ำเสียง และท่าทาง (กฎ 7-38-55) และการยืนยันซ้ำอย่างน้อย 3 ครั้ง
การเตรียมตัวก่อนการเจรจา: ควรเตรียมพร้อมสำหรับสถานการณ์ที่ดีที่สุดและเลวร้ายที่สุด (Best case – Worst case) และเตรียมหาวิธีรับมือล่วงหน้า การเตรียมตัวควรเป็นการเขียนภาพรวมและประโยคที่ต้องการใช้ ไม่ใช่สคริปต์ที่ตายตัว นอกจากนี้ยังควรลิสต์รายการข้อโต้แย้งเชิงลบที่อาจเกิดขึ้นและเตรียมการตอบสนอง
ทำความเข้าใจบุคลิกภาพของคู่เจรจา: การจำแนกคู่เจรจาตามลักษณะบุคลิกภาพ เช่น นักวิเคราะห์ (Analyst), ผู้ไกล่เกลี่ย (Accommodator), และผู้แน่วแน่ (Assertive) ช่วยให้เราปรับกลยุทธ์การสื่อสารให้เหมาะสมกับแต่ละบุคคล
อย่าปล่อยให้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล: การควบคุมอารมณ์ของตนเองเป็นสิ่งสำคัญ การใจเย็นและใช้สติในการเจรจาจะช่วยให้สามารถใช้กลยุทธ์ต่างๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ความสำคัญของคนเบื้องหลัง: ในการเจรจาบางครั้ง ผู้มีอำนาจตัดสินใจที่แท้จริงอาจไม่ใช่คนที่อยู่ตรงหน้า แต่เป็นคนที่อยู่เบื้องหลัง การสอบถามถึงมุมมองและความต้องการของคนกลุ่มนี้ก็มีความสำคัญ
ข้อความและคำพูดที่โดดเด่น:

"ถ้าบางคนมาคุยกับเรา นั่นหมายความว่าเรามีบางอย่างที่เขาคนนั้นต้องการ"
"การไม่สามารถตกลงกันได้นั้นดีกว่าการได้ด้วยดีลที่แย่"
"แล้วเราจะทำแบบนั้นได้อย่างไร" (ตัวอย่างคำถามชี้นำ)
"คุณจะไม่ทำงานนี้แล้วเหรอ" (ตัวอย่างคำถามกระตุ้นให้ตอบ No)
"นั่นละถูกต้อง" (That's right) - เป็น Yes ที่บ่งบอกถึงความเข้าใจและการยอมรับที่แท้จริง
โดยสรุป "Never Split The Difference" ไม่ใช่แค่หนังสือเกี่ยวกับการต่อรองราคา แต่เป็นคู่มือการใช้จิตวิทยาในการสื่อสารและการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่น เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่เราต้องการโดยที่อีกฝ่ายไม่รู้สึกว่าถูกเอาเปรียบ แต่กลับรู้สึกดีกับการเจรจานั้นด้วยซ้ำ

NotebookLM อาจแสดงข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นโปรดตรวจสอบคำตอบอีกครั้ง   
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ มิถุนายน 09, 2025, 02:18:44 หลังเที่ยง
โชคดีคือการแบ่งปัน
(คำตอบที่บันทึกไว้จะเป็นแบบดูอย่างเดียว)
สรุปการบรรยาย: มุมมองเกี่ยวกับ "โชคดี" จาก "มองหาโชคดีในชีวิต"
แหล่งที่มา: Excerpts from "มองหาโชคดีในชีวิต" โดย #นิ้วกลมบันทึก

ประเด็นหลัก: บทสรุปนี้สำรวจแนวคิดเรื่อง "โชคดี" ตามที่นำเสนอในแหล่งที่มา โดยเน้นย้ำถึงความสำคัญของการตระหนักรู้ แบ่งปัน และวงจรของการให้และรับ

หัวข้อสำคัญและข้อคิดหลัก:

นิยามของ "โชคดี" ที่แท้จริง: แหล่งที่มานำเสนอแนวคิดที่ว่าการเป็นคน "โชคดี" ไม่ใช่เพียงแค่การมีสิ่งดีๆ เกิดขึ้นกับตัวเอง แต่คือการ "คนที่รู้ว่าตัวเองเกิดมา 'โชคดี' ในแง่ไหนบ้าง มองเห็น 'โชคดี' นั้น แล้วใช้มันไปสร้างความสุขและประโยชน์ให้คนอื่นจะกลายเป็นคนที่ 'โชคดี' มากขึ้นไปอีก" ตรงกันข้าม การมุ่งเน้นไปที่ "โชคร้าย" และใช้มันสร้างความทุกข์หรือทำให้ผู้อื่นเสียประโยชน์ มีความเสี่ยงที่จะนำไปสู่ "โชคร้าย" มากขึ้น
ความสำคัญของการตระหนักรู้ถึง "โชคดี": การมองเห็น "โชคดี" ที่ตัวเองมีเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง แหล่งที่มาระบุว่า "การตระหนักถึง 'โชคดี' ที่ได้รับมาจึงเป็นสิ่งที่เปลี่ยนเราจากคนที่ 'ต้องการ' จากคนอื่น เป็นคนที่สามารถ 'ให้' คนอื่นได้มากขึ้น--แทนที่จะรู้สึก 'ขาด' กลายเป็นรู้สึก 'มี'" การตระหนักรู้นี้ช่วยให้เราเปลี่ยนมุมมองจากความรู้สึกพร่องไปสู่ความรู้สึกที่เต็มเปี่ยมและสามารถแบ่งปันได้
"โชคดี" มีไว้เพื่อแบ่งปัน: แนวคิดหลักที่นำเสนอคือ "โชคดี" ที่เราได้รับมานั้นไม่ได้มีไว้เพื่อตัวเราเองเท่านั้น แต่มีจุดประสงค์เพื่อ "ถูกมอบมาให้เราส่งต่อไปยังคนอื่น... ที่ไม่ได้โชคดีเท่าเรา ในเรื่องนี้" และในทางกลับกัน เราก็จะได้รับสิ่งดีๆ จากผู้ที่โชคดีกว่าเราในเรื่องอื่น เพราะ "ไม่มีใคร 'โชคดี' ไปเสียทุกเรื่อง" เราอยู่ร่วมกันบนโลกนี้เพื่อ "แบ่งปัน 'โชคดี' ให้กันและกัน"
วงจรของการให้และรับ: แหล่งที่มาอธิบายถึงวงจรที่สำคัญว่า "เมื่อให้ จะได้รับคืนกลับมา" การแบ่งปัน "โชคดี" ที่เรามีนำไปสู่การได้รับกลับมาในที่สุด แต่สิ่งสำคัญคือต้องตระหนักว่าเรากำลังมุ่งเน้นไปที่สิ่งใด "สำคัญคือ เรามองแต่ 'โชคร้าย' จนรู้สึกพร่องมากไปหรือเปล่า จนลืมมอง 'โชคดี' ที่มีอยู่และสามารถเผื่อแผ่ไปยังคนอื่นได้ แล้วจึงได้รับกลับมา"
ผลลัพธ์ของการอยู่ในวงจรแห่งการแบ่งปัน: เมื่อวงจรของการมองเห็น แบ่งปัน และรับกลับเกิดขึ้น "เราจะพบว่าเราเป็นคน 'โชคดี'"
สรุปโดยรวม: ข้อความจาก "มองหาโชคดีในชีวิต" นำเสนอแนวคิดที่ท้าทายมุมมองทั่วไปเกี่ยวกับ "โชคดี" โดยเน้นย้ำว่าโชคดีที่แท้จริงคือการตระหนักถึงสิ่งดีๆ ที่เรามี และใช้สิ่งเหล่านั้นเพื่อสร้างประโยชน์และความสุขให้กับผู้อื่น การกระทำเช่นนี้จะนำไปสู่วงจรของการให้และรับ ทำให้เราเป็นคน "โชคดี" อย่างแท้จริง

NotebookLM อาจแสดงข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นโปรดตรวจสอบคำตอบอีกครั้ง
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ มิถุนายน 09, 2025, 06:18:58 หลังเที่ยง
เลิกเป็นมนุษย์คิดเยอะ!

50 คำแนะนำดี ๆ ที่ช่วยจัดการกับความฟุ้งซ่าน
แล้วคุณจะเริ่มมองโลกได้ชัดขึ้น คลายความกังวลใจ
และมีชีวิตที่เบาสบายอย่างไม่น่าเชื่อ

- มีตัวเลือกมากมาย แต่ตัดสินใจไม่ได้สักที
- มัวแต่กังวลกับสิ่งที่ยังไม่เกิด
- กลัวว่าจะทำได้ไม่ดี
- ชอบเอาตัวเองไปเปรียบเทียบกับคนอื่น
- เอาแต่นึกถึงเรื่องที่ผ่านไปแล้ว
- ชอบเก็บเอาคำพูดของคนอื่นมาคิด

เพราะชีวิตมันไม่จำเป็นต้องยากขนาดนั้น

▪️วันนี้ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศและทางออนไลน์

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมใต้โพสต์


ผู้เขียน บาบะ เคสุเกะ
ผู้แปล ปุณฑริกา นภธราดล
จำนวนหน้า 192 หน้า
ราคา 180 บาท

▪️สั่งซื้อพร้อมรับส่วนลดได้ที่

🛒 www.welearnbook.com
🛒 shopee : https://shope.ee/9pGwmLkiXD
🛒 Lazada : https://s.lazada.co.th/s.7A6BI

(https://attachments.xonly8.com/images/c7c4e1852957ef74803da4684b7fcd014f4a9572.jpg)
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ มิถุนายน 09, 2025, 06:26:37 หลังเที่ยง
   ชีวิตไม่คิดเยอะ: แนวคิดจัดการความคิดฟุ้งซ่าน
(คำตอบที่บันทึกไว้จะเป็นแบบดูอย่างเดียว)
แน่นอน นี่คือบทสรุปรายละเอียดของแหล่งข้อมูลที่ให้มา โดยเน้นประเด็นหลัก แนวคิดที่สำคัญ และข้อเท็จจริง พร้อมกับการยกคำพูดจากแหล่งข้อมูลต้นฉบับ:

การบรรยายสรุป: แนวคิดหลักจากแหล่งข้อมูลว่าด้วยการจัดการกับความคิดมากและการพัฒนาตนเอง

เอกสารนี้รวบรวมแนวคิดหลักและคำแนะนำจากแหล่งข้อมูลภาษาไทยหลายแหล่งที่มุ่งเน้นการจัดการกับความคิดที่ฟุ้งซ่าน การลดความกังวล และการพัฒนาตนเองเพื่อการใช้ชีวิตที่มีความสุขและเบาสบายยิ่งขึ้น แหล่งข้อมูลหลักได้แก่ "20 วิธีฝึกลดความฟุ้งซ่าน (แบบง่ายๆ) - Department of Mental Health", บทสรุปและรีวิวจากหนังสือ "เลิกเป็นมนุษย์คิดเยอะ" และบทความที่เกี่ยวข้องจากแพลตฟอร์มออนไลน์ต่างๆ

ธีมหลักที่เกิดขึ้นซ้ำๆ:

การอยู่กับปัจจุบัน: แหล่งข้อมูลจำนวนมากเน้นย้ำถึงความสำคัญของการจดจ่อกับ "ตอนนี้" แทนที่จะจมอยู่กับอดีตหรือกังวลกับอนาคต "การโฟกัสปัจจุบันช่วยให้คุณเห็นคุณค่าในสิ่งที่มี" และ "ให้ความสำคัญกับปัจจุบัน" เป็นคำแนะนำที่ปรากฏบ่อยครั้ง
การยอมรับตนเองและไม่เปรียบเทียบกับผู้อื่น: การยอมรับข้อบกพร่องและความไม่สมบูรณ์แบบของตนเองถือเป็นสิ่งสำคัญ แหล่งข้อมูลชี้ให้เห็นว่า "ความสมบูรณ์แบบไม่มีอยู่จริง" และ "เลิกเปรียบเทียบตัวเองกับคนอื่น" เนื่องจากทุกคนมีเส้นทางและจังหวะชีวิตที่แตกต่างกัน
การจัดการความคิดและอารมณ์: การรับรู้และทำความเข้าใจความคิดที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะความคิดที่ฟุ้งซ่านและเชิงลบ เป็นขั้นตอนแรกสู่การเปลี่ยนแปลง ควร "ยอมรับ" ความคิดที่ฟุ้งซ่านว่าเป็นเพียง "ปรากฏการณ์ธรรมดาๆที่มาๆ ไปๆ" แทนที่จะพยายาม "กดข่มและอย่าผลักไส"
ความสัมพันธ์และความเชื่อมโยงกับผู้อื่น: การมีปฏิสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นและการเห็นคุณค่าในตนเองผ่านการช่วยเหลือผู้อื่นถูกเน้นว่าเป็นส่วนสำคัญของการมีชีวิตที่มีความหมาย "ตัวเรามีคุณค่าหรือเปล่า...รับรู้คุณค่าของตัวเองจาก การมีปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่น"
การลงมือทำและการเรียนรู้จากความผิดพลาด: แทนที่จะจมอยู่กับความกังวลหรือความกลัวความล้มเหลว ควร "ลงมือทำอย่างเต็มที่" และมองความผิดพลาดเป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ "ความผิดพลาดไม่ใช้สิ่งที่เราต้องกลัว แต่สิ่งที่จะต้องเรียนรู้เพื่อนำมาเป็นปีกให้กับตัวเอง"
การปรับมุมมอง: หลายแหล่งข้อมูลเน้นว่า "ทุกสิ่งอยู่ที มุมมองเท่านั้น" และเราสามารถ "เปลี่ยนมุมมองของตัวเองได้" ต่อสถานการณ์ต่างๆ รวมถึงอดีตและอนาคต
แนวคิดและข้อเท็จจริงที่สำคัญ:

ความฟุ้งซ่านเป็นเรื่องปกติและชั่วคราว: แหล่งข้อมูลจากกรมสุขภาพจิตระบุว่าความฟุ้งซ่านเป็นปรากฏการณ์ธรรมชาติที่เกิดขึ้นแล้วก็ดับไป เราควร "มองความฟุ้งซ่านเป็นปรากฏการณ์ธรรมดาๆที่มาๆ ไปๆ ไม่ได้มีตัวตนจับต้องเป็นรูปธรรม เกิดได้ก็ดับได้วนเวียนไปเรื่อยๆ เพียงใจเฝ้ามองหัดมองให้เป็น เป็นผู้เห็น ผู้สังเกต อย่าเข้าไปเป็นผู้เล่นหรือผู้แสดง"
ความหวังเป็นพลังภายใน: "มีความหวังอยู่เสมอ ความหวังเป็นความสึกที่เย็นมาจากข้างใน เอาจิตใจไปเพ่งอยู่ที่ความรู้สึกนั้น ใจจะมีพลัง ความฟุ้งซ่านจะไม่ค่อยเกิด"
แยกความคิดและความรู้สึก: การรู้จักแยกแยะความคิดและความรู้สึกออกจากกันเป็นทักษะที่สำคัญ
ลดความซับซ้อนในชีวิต: การกำจัดสิ่งที่ไม่จำเป็นในชีวิตช่วยประหยัดพลังงานและช่วยให้เรามุ่งเน้นไปที่เป้าหมายที่สำคัญได้
ความสุขมาจากภายใน: "ความสุขเริ่มต้นจากใจ ไม่ต้องรอให้ใครมอบความสุขให้ เพราะความสุขอยู่ที่มุมมองและการยอมรับตัวเอง" และ "ความสุขไม่ใช้สิ่งทีต้องตามหา แต่เป็นหัวใจทีสามารถซาบซึ้งต่อสิ่งดีๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตได้ ต่างหาก"
คำวิจารณ์เป็นของคนอื่น: เราสามารถรับฟังเพื่อปรับปรุงได้ แต่ไม่จำเป็นต้องเก็บมาใส่ใจจนบั่นทอนกำลังใจ
ยอมรับความไม่แน่นอน: ชีวิตมีความไม่แน่นอนและเราควรใช้มันเป็นโอกาสในการเติบโต
การเติบโตคือการเข้าใจตนเอง: "การเติบโต...คือ การเข้าใ จตัว เอง ครับ ให้รู้ นะ ครับ ว่าตัว เรา เนี่ย มี จุด อ่อน จุด แข็ง ยัง ไง บ้าง ยอม รับ ตัว เอง ให้ ได้ ทั้ง 2 ด้าน ตรง นี"
อย่าอิจฉาผู้อื่น: การอิจฉาทำร้ายทั้งตัวเราเองและความสัมพันธ์กับผู้อื่น
คุณค่าตนเองมาจากปฏิสัมพันธ์: "การทีเราจะ มี ความหมาย ใน ชีวิต ของ เรา นะ ครับ รู้สึก ว่า ถึง คุณค่า เนี่ย จริง ๆ แล้ว เรา ต้อง เกิด มา เพื่อ ทํา ประโยชน์ อะไร สัก อย่าง กับ ใคร บาง คน"
ความกังวลเป็นสิ่งที่เราสร้างขึ้น: ความกลัวว่าจะทำได้ไม่ดีมักมาจากจินตนาการของเราเอง
การอยู่บนความพอดี: ไม่จำเป็นต้องเข้มแข็งตลอดเวลา การยอมรับความอ่อนแอในบางแง่มุมเป็นเรื่องปกติ "ให้ เรา เนี่ย อยู่ บน ความ พอ ดี ครับ การ อยู่ บน ความ พอ ดี เนี่ย มัน คือ การ ให้ เรา อยู่ Balance ระหว่าง ซ้าย และ ขวา ให้ อยู่ ตรง กลาง เอา ไว้"
การหยุดเปรียบเทียบกับผู้อื่น: วิธีแก้ปัญหาการเปรียบเทียบคือการหยุดทำ โดยตระหนักว่าแต่ละคนมีพื้นฐานและต้นทุนที่แตกต่างกัน
ฝึกการมีอารมณ์ดี: การมองหาแง่มุมที่ดีในสถานการณ์ต่างๆ และการฝึกเขียนขอบคุณช่วยส่งเสริมอารมณ์ดี
ทำความรู้จักตนเองให้มากขึ้น: หากต้องการรู้จักตนเองมากขึ้น ต้องหันกลับมาดูว่าจริงๆ แล้วตนเองต้องการอะไร โดยไม่ปล่อยให้คำพูดหรือทัศนคติของผู้อื่นครอบงำ
ชีวิตในแบบของตนเองคือการอยู่กับปัจจุบัน: การให้ความสำคัญกับเป้าหมายและแผนงานในปัจจุบันคือการใช้ชีวิตในแบบของตนเอง
สร้างเอกลักษณ์ของตนเอง: การเข้าใจตนเองช่วยให้เราสามารถสร้างความแตกต่างในแบบที่เป็นตัวของตัวเองได้
ยอมรับความแตกต่าง: คนที่มีจิตใจแข็งแกร่งคือคนที่ยอมรับความแตกต่างได้
ความมั่นใจในตนเองต่ำมาจากการเปรียบเทียบและโทษผู้อื่น/สภาพแวดล้อม: และการขอโทษหรือหาข้ออ้างยิ่งทำให้ความมั่นใจลดลง
การมีความสัมพันธ์เป็นสิ่งจำเป็น: "คน เรา จํา เป็น ต้อง ใช้ ชีวิต โดย ที มี "ความ สัมพันธ์" กับ ใคร สัก คน"
ทุกคนปรารถนาที่จะเป็นคนพิเศษ: "ทุก คน ปรารถนา ที จะ เป็น "คน พิเศษ" สําหรับ ใคร อยู่ เสมอ"
ความโลภอาจเป็นแรงกระตุ้น: บางครั้งความโลภก็สามารถผลักดันให้เราเติบโตได้ หากอยู่ในระดับที่พอดี
มองปัญหาไม่ให้เป็นปัญหา: มุมมองของเราสามารถเปลี่ยนปัญหาให้กลายเป็นความท้าทายหรือโอกาสในการเรียนรู้ได้
เลือกเส้นทางอย่างระมัดระวัง: การตัดสินใจควรพิจารณาจากความเป็นไปได้ ความจริง และเหตุผล นอกเหนือจากอารมณ์
เปลี่ยนอดีตไม่ได้ แต่เปลี่ยนมุมมองต่ออดีตได้: "ให้ เรา คิด นะ ครับ ว่า เรา เปลี่ยน อดีต ดีต ไม่ ได้ แต่ เปลี่ยน มุม มอง ใน อดีต ได้ ครับ"
เข้าใจความไม่มั่นคงของผู้อื่น: การแสดงความเห็นอกเห็นใจต่อความรู้สึกไม่มั่นคงของผู้อื่นช่วยสร้างความสนิทสนมได้ง่ายขึ้น
การเป็นผู้ใหญ่คือการมีทักษะสื่อสารกับตนเอง: คือการมีวุฒิภาวะในการจัดการอารมณ์และใช้เหตุผล
สิ่งสำคัญที่สุดในการทำความฝันให้เป็นจริงคือการลงมือทำอย่างสม่ำเสมอ: ความสำเร็จระยะยาวมาจากการกระทำที่ต่อเนื่อง
สร้างแรงจูงใจจากภายใน: แรงจูงใจที่ยั่งยืนและทรงพลังมาจากตัวเราเอง
ความสำเร็จในงานมาจากการสร้างสายสัมพันธ์ที่ดี: การเข้ากับเพื่อนร่วมงานและหัวหน้าเป็นสิ่งสำคัญ
เรื่องแรกที่ควรเรียนรู้ในการทำงานคือการสื่อสารโดยนึกถึงใจอีกฝ่าย: การพิจารณาความพร้อมและมุมมองของผู้อื่นก่อนสื่อสารเป็นสิ่งสำคัญ
ความสามารถที่ผู้ใหม่ควรมีคือการตัดสินว่าสิ่งใดถูกต้อง: การยึดหลักความยุติธรรมและความถูกต้องเป็นสิ่งสำคัญสำหรับผู้นำ
สนุกกับงานด้วยการตั้งความท้าทายเล็กๆ: หากไม่สามารถเปลี่ยนงานได้ ให้ปรับมุมมองและสร้างเป้าหมายเล็กๆ ในงานเพื่อเพิ่มความสนุก
ไม่ด่วนตัดสินผู้อื่น: การตัดสินผู้อื่นเร็วเกินไปอาจทำให้มองข้ามแง่มุมอื่นๆ และสร้างอคติได้
การสร้างและรักษาชื่อเสียง: การรักษาชื่อเสียงที่สร้างมานั้นยากกว่าการสร้าง และต้องดูแลผู้คนที่สนับสนุนเรา
วิธีเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพที่สุดคือการเรียนรู้พร้อมคิดตาม: การตั้งคำถาม วิเคราะห์ และเชื่อมโยงข้อมูลช่วยให้การเรียนรู้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
ผู้ดีแตกต่างจากการให้โดยไม่หวังผลตอบแทน: ผู้ที่สนับสนุนผู้อื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนคือผู้ที่ดีอย่างแท้จริง
การเปลี่ยนตัวเองมาจากการเรียนรู้จากความผิดพลาด: การยอมรับและเรียนรู้จากความผิดพลาดช่วยให้เราพัฒนาตนเองได้
ทำให้อารมณ์ดีในทุกๆ วัน: การรักษาอารมณ์เชิงบวกช่วยให้มองเห็นโอกาสและจัดการกับความกังวลได้ดีขึ้น
มองหาคนที่เคยเป็นกำลังใจหรือสนับสนุนเมื่อหมดหวัง: เราไม่สามารถทำทุกอย่างได้คนเดียว การขอความช่วยเหลือจากผู้อื่นเป็นสิ่งสำคัญ
คุณค่าของคนไม่ได้วัดกันที่รายได้: คุณค่าของตนเองมาจากปัจจัยอื่นที่ไม่ใช่รายได้
ความอ่อนน้อมถ่อมตนและความซื่อสัตย์ต่อตนเองเป็นสิ่งสำคัญในการพัฒนาตนเอง: โดยเฉพาะเมื่อเราเริ่มประสบความสำเร็จ
คำแนะนำเชิงปฏิบัติที่พบบ่อย:

ฝึกการมีสติ (Mindfulness) และอยู่กับลมหายใจ
สำรวจและรับรู้ร่างกายของตนเอง
เขียนบันทึกความคิดและความรู้สึก
เปลี่ยนกิจกรรมหรือสภาพแวดล้อมเมื่อรู้สึกคิดมาก
พูดคุยหรือระบายความรู้สึกกับเพื่อนหรือคนใกล้ชิด
ตั้งเป้าหมายเล็กๆ ที่ทำได้จริง
ให้รางวัลตัวเองเมื่อทำสำเร็จ
ลดการใช้โซเชียลมีเดีย
มองหามุมมองเชิงบวกในสถานการณ์ต่างๆ
ให้ความสำคัญกับการฟังมากกว่าการพูดในการสื่อสาร
เลือกคบหากับผู้ที่มีเป้าหมายเดียวกันหรือสนับสนุนซึ่งกันและกัน
โดยสรุป แหล่งข้อมูลเหล่านี้ให้คำแนะนำที่เรียบง่ายแต่ทรงพลังสำหรับการจัดการกับความคิดมากและความกังวล โดยเน้นไปที่การยอมรับตนเอง การอยู่กับปัจจุบัน การจัดการความคิดและอารมณ์ และการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับผู้อื่นและตนเอง การเปลี่ยนแปลงเริ่มต้นจากการปรับมุมมองและการลงมือทำทีละเล็กละน้อยเพื่อสร้างชีวิตที่เบาสบายและมีความสุขมากขึ้น.

NotebookLM อาจแสดงข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นโปรดตรวจสอบคำตอบอีกครั้ง 
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ มิถุนายน 09, 2025, 08:36:24 หลังเที่ยง
หลวงปู่ทิม อิสริโก และผงพรายกุมาร
(คำตอบที่บันทึกไว้จะเป็นแบบดูอย่างเดียว)
เอกสารสรุปข้อมูล: หลวงปู่ทิม อิสริโก และผงพรายกุมาร
แหล่งข้อมูล:

"ตำนานผงพรายกุมาร มวลสารจากศพเด็ก หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ เทพเจ้าแห่งเจ้าตะวันออก เที่ยวได้ไม่ลบหลู่" (วิดีโอ)
"ประวัติ พระเถราจารย์ผู้สร้างตำนาน ขุนแผนพรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่ | คมชัดลึก" (บทความออนไลน์)
"ประสบการณ์พรายกุมาร หลวงปู่ทิม วัดละหารไร่" (เว็บบอร์ด Pantip)
"รวมประสบการณ์ผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม ของผมเองครับ" (เว็บบอร์ด Pantip)
"ลับ ลวง แท้ : ขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม อิสริโก (ปกแข็ง) - SE-ED" (ข้อมูลหนังสือ)
"ลับ ลวง แท้ ขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม อิสริโก "จริงทุกตัวอักษร!" (ปกแข็ง) - Kledthai.com" (ข้อมูลหนังสือ)
"ลับ ลวง แท้ ขุนแผนผงรายกุมาร หลวงปู่ทิม อิสริโก Books | ร้านหนังสือนายอินทร์" (ข้อมูลหนังสือ)
ประเด็นหลัก:

เอกสารนี้รวบรวมข้อมูลจากหลายแหล่งเกี่ยวกับ หลวงปู่ทิม อิสริโก วัดละหารไร่ จังหวัดระยอง และวัตถุมงคลที่มีชื่อเสียงของท่าน โดยเฉพาะ "ผงพรายกุมาร" และพระเครื่อง "พระขุนแผนผงพรายกุมาร" เอกสารนี้จะกล่าวถึงประวัติของหลวงปู่ทิม ตำนานและขั้นตอนการสร้างผงพรายกุมาร ประสบการณ์ของผู้ที่บูชาวัตถุมงคล และความซับซ้อนของรุ่นต่างๆ ของพระขุนแผนผงพรายกุมาร

ข้อมูลสำคัญและแนวคิดหลัก:

หลวงปู่ทิม อิสริโก: เทพเจ้าแห่งภาคตะวันออก
หลวงปู่ทิม (พระครูภาวนาภิรัต) เป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดละหารไร่ จังหวัดระยอง ได้รับการยกย่องเป็น "เทพเจ้าแห่งภาคตะวันออก" และเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีพลังจิตแก่กล้า เป็นที่เคารพศรัทธาอย่างกว้างขวางทั่วประเทศไทย
ท่านเป็นพระที่ถือสันโดษ ถือสมถะ ไม่ยึดติดทรัพย์สินใดๆ
หลวงปู่ทิมฉันอาหารเพียงมื้อเดียวและไม่ฉันเนื้อสัตว์ โดยฉันอาหารที่เป็นผัก ถั่ว หรือเส้นแกงร้อน น้ำพริกกับเกลือป่น
ประวัติของท่านระบุว่าท่านเกิดเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2422 ที่บ้านหัวทุ่งตาบุตร ตำบลละหาร อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง และเป็นหลานของหลวงปู่สังข์ ผู้ก่อตั้งวัดละหารไร่และเป็นผู้มีวิทยาอาคมสูง
หลวงปู่ทิมได้อุปสมบทเมื่อวันที่ 7 มิถุนายน พ.ศ. 2449 และได้รับฉายา "อิสริโก"
ท่านศึกษาตำราและวิทยาการต่างๆ ที่หลวงปู่สังข์ทิ้งไว้ รวมถึงออกธุดงค์เป็นเวลา 3 ปี
หลวงปู่ทิมมีบทบาทสำคัญในการพัฒนาวัดละหารไร่ ทั้งการก่อสร้างเสนาสนะ โบสถ์ หอฉัน ศาลาการเปรียญ และเปิดโรงเรียน
ท่านได้รับสมณศักดิ์เป็น "พระครูภาวนาภิรัติ" ในปี พ.ศ. 2507 แม้ตอนแรกจะไม่ประสงค์รับยศตำแหน่ง
หลวงปู่ทิมมรณภาพด้วยโรคชราเมื่อวันที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2518 ณ หน้าหอสวดมนต์ วัดละหารไร่ รวมอายุได้ 96 ปี 69 พรรษา
ผงพรายกุมาร: ตำนานและขั้นตอนการสร้าง
ผงพรายกุมารเป็นมวลสารสำคัญที่ขึ้นชื่อที่สุดของหลวงปู่ทิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในการสร้างพระขุนแผน
ตำนานและเรื่องเล่าเกี่ยวกับผงพรายกุมารระบุว่า มวลสารนี้มาจากชิ้นส่วนกะโหลกของทารกที่เสียชีวิตในครรภ์ (ผีตายท้องกลม)
ขั้นตอนการสร้าง: ตามประวัติ หมอหลาบ หรือสัปเหร่อในยุคนั้น (เช่น โยมสาย ศิษย์ของหลวงปู่ทิม) ได้รับมอบหมายให้นำศพเด็กออกมาจากป่าช้า
การย่างศพ: "คือเอามาย่าง... แล้วก็เก็บส่วนกะโหลกมันดํา อันนั้นอ่ะ มันจะเป็นหัวเชื้อ" (แหล่งที่มา: ตำนานผงพรายกุมารฯ)
หลวงปู่ทิมจะสื่อจิตกับดวงวิญญาณแม่และลูก ขอให้มาร่วมบุญด้วยความเต็มใจ ไม่ได้บังคับ
หลังการเผาศพ บางครั้งผีนางพรายให้น้ำมันพราย ซึ่งสัปเหร่อจะใช้ภาชนะรองรับ และนำกระดูกทั้งแม่และลูกมารวมกันเพื่อผสมในการกดพระเครื่อง
มวลสารอื่นๆ ที่ผสมกับผงพรายกุมาร ได้แก่ ผงดินดอกทอง, อิทธิเจ, และผงพุทธคุณต่างๆ
มีเรื่องเล่าถึงความอัศจรรย์ เช่น การตำผงพรายกุมารผสมในครกจนเกิดไฟลุกขึ้น และหลวงปู่ทิมต้องมาดับไฟ
วัตถุประสงค์ในการนำผงพรายกุมารมาสร้างพระ ตามที่เล่าขานและอธิบายโดยหลวงปู่ดู่ วัดสะแก คือ หลวงปู่ทิมไม่ได้นำ "ตัวผู้รู้" หรือวิญญาณมาใช้โดยตรง แต่ใช้ "ธาตุที่ยึดติดด้วยธาตุทั้ง 4 ดิน น้ำ ลม ไฟ" มาปลุกเสกด้วยวิชาอาคม ทำให้เกิดอิทธิฤทธิ์
หลวงปู่ทิมได้กล่าวถึงการนำผงพรายกุมารมาทำพระเครื่องว่า "จะว่าบาปมันก็บาป จะว่าไม่บาปมันก็ไม่บาป... นี่บวชให้หมดแล้ว" (แหล่งที่มา: ปริศนาบล็อกแม่พิมพ์ฯ) ซึ่งหมายถึงท่านได้ทำบุญบวชให้วิญญาณเหล่านั้นแล้ว
พระขุนแผนผงพรายกุมาร: รุ่นต่างๆ และความซับซ้อน
พระขุนแผนผงพรายกุมารเป็นวัตถุมงคลที่มีชื่อเสียงและเป็นที่ต้องการอย่างมาก ราคาเช่าบูชาสูง
มีการแบ่งรุ่นของพระขุนแผนตามปีที่สร้างและบล็อกแม่พิมพ์ เช่น "ขุนแผน 15" (พ.ศ. 2515) และ "ขุนแผน 17" (พ.ศ. 2517) ซึ่งการเรียกชื่อนี้ยังมีความสับสนและถกเถียงกันในวงการพระเครื่อง
หนังสือ "ลับ ลวง แท้ ขุนแผนผงพรายกุมาร หลวงปู่ทิม อิสริโก" พยายามไขปริศนาและความลับเกี่ยวกับบล็อกแม่พิมพ์ต่างๆ ของพระขุนแผนผงพรายกุมาร
บล็อกแม่พิมพ์ต่างๆ:บล็อกหินมีดโกน (บล็อกแรก / บล็อกลองพิมพ์): เป็นแม่พิมพ์แรกที่ใช้กดพระขุนแผน มีทั้งพิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก ด้านหลังคำว่า "หลวงปู่ทิม" เป็น "หัวตัน" เนื้อพระชุดนี้บางครั้งผสมน้ำมันอาถรรพ์ทำให้เนื้อออกสีน้ำตาล มีการเซาะแต่งพิมพ์เพิ่มขึ้นก่อนที่บล็อกจะแตกหัก นำไปสู่ "บล็อกกระเทย" หรือ "บล็อก 1/2 หรือ 2/1" ที่คล้ายบล็อกนิยม
บล็อกทองเหลือง (บล็อกนิยม / บล็อกแรกตามการเรียกของเซียนยุคหลัง): สร้างขึ้นหลังจากบล็อกหินมีดโกนแตก ด้านหลังคำว่า "หลวงปู่ทิม" เป็น "หัวทะลุ" เกิดจากการถอดแบบจากบล็อกหินมีดโกนและเซาะแต่งพิมพ์ให้ลึกคมยิ่งขึ้น มีทั้งพิมพ์ใหญ่และพิมพ์เล็ก
บล็อกบัวใหญ่: เป็นบล็อกลองพิมพ์พิมพ์เล็ก (หินมีดโกน) ที่นำมาเซาะแต่งพิมพ์เพิ่มในปี พ.ศ. 2518
การกดพิมพ์พระขุนแผนมีการทำโดยหลายกลุ่มบุคคล เช่น ลุงแมงกด (ใช้บล็อกหินมีดโกนปลายปี 2516 เนื้อผสมน้ำมันอาถรรพ์), คณะทิดฉุยและพระเย็น (ใช้บล็อกหินมีดโกนปลายปี 2516 ถึงต้นปี 2517 ผสมผงตะไบพระพุทธรูปและพลอยเสก ไม่มีน้ำมันอาถรรพ์), และหลวงตารอด (ใช้บล็อกหินมีดโกน เนื้อกระยาสารท)
มีการผลิตบล็อกทองเหลืองพิมพ์เล็กเพิ่มเติมโดยช่าง โดยมีทั้งพิมพ์ตื้นมากและพิมพ์มาตรฐานบล็อกสอง
พุทธคุณและประสบการณ์จากผู้บูชา
ผงพรายกุมารและวัตถุมงคลของหลวงปู่ทิมเชื่อว่ามีพุทธคุณสูงในด้านต่างๆ เช่น เมตตามหานิยม โชคลาภ แคล้วคลาดปลอดภัย และแม้กระทั่งความสามารถในการ "หายตัวได้" (ตามคำบอกเล่าบางส่วน)
ประสบการณ์:มีผู้ที่บูชาวัตถุมงคลที่มีผงพรายกุมารของหลวงปู่ทิมเล่าถึงการพบเห็นวิญญาณเด็ก (พรายกุมาร) หรือได้ยินเสียงเด็กเรียก "พ่อๆๆ"
บางคนมีประสบการณ์ได้รับโชคลาภ ถูกรางวัลลอตเตอรี่ หลังจากบูชาวัตถุมงคล
มีเรื่องเล่าถึงประสบการณ์แคล้วคลาดปลอดภัยจากการถูกทำร้าย โดยผู้ที่บูชาเห็นเหมือนมีพระสงฆ์เต็มรถ
ผู้บูชาบางรายรู้สึกได้ถึงการมีอยู่ของพลังงาน หรือเหมือนมีคนคอยดูแล
ความเชื่อและประสบการณ์เหล่านี้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้วัตถุมงคลของหลวงปู่ทิมเป็นที่นิยมอย่างสูง
มีการกล่าวถึงว่าวัตถุมงคลรุ่นใหม่ๆ ที่ผสมผงพรายกุมาร (จากแหล่งที่เชื่อถือได้) ก็มีพุทธคุณไม่ต่างจากรุ่นที่ทันหลวงปู่ทิมปลุกเสก
วัดละหารไร่และสถานที่สำคัญ
วัดละหารไร่ จังหวัดระยอง เป็นสถานที่สำคัญในการรำลึกถึงหลวงปู่ทิม
มีองค์หลวงปู่ทิมองค์ใหญ่ที่สุดในโลก สร้างจากโลหะปิดทองคำแท้ มีการหล่อหัวใจหลวงปู่ทิมไว้ในองค์พระเพื่อแสดงว่าท่านยังมีชีวิตอยู่
สถานที่สำคัญในวัด ได้แก่ หอฉันอุตตโม (สร้างและบรรจุวัตถุมงคลโดยหลวงปู่ทิม เชื่อว่าช่วยเรื่องเคราะห์ร้าย), กุฏิเก่าของหลวงปู่ทิม (สถานที่ทำวัตร พุทธาภิเษก และละสังขาร)
ปัจจุบันกุฏิเก่าเป็นสถานที่ที่สามารถเข้าไปกราบหุ่นขี้ผึ้งหลวงปู่ทิมได้ (โดยมีข้อกำหนดสำหรับสตรี)
มีศาลาเรือนพระขุนแผน ที่จัดแสดงประวัติและตำนานการสร้างพระขุนแผนผงพรายกุมาร
มีสะพานแดง ซึ่งเป็นจุดให้อาหารปลาและสะพานข้ามแม่น้ำบ้านค่าย
ศิษยานุศิษย์และการครอบครู
หลวงปู่ทิมมีศิษยานุศิษย์จำนวนมากกระจายอยู่ทั่วประเทศไทย
การเรียนวิชากับหลวงปู่ทิมในสมัยก่อนต้องมีการ "ครอบครู" ฝากตัวเป็นศิษย์
ตามประวัติมีผู้ที่เรียนวิชากับหลวงปู่ทิมและได้รับการครอบครูรวม 19 คน ซึ่งเป็นผู้ที่ใกล้ชิด ให้ความร่วมมือ และอยากเรียนรู้วิชาของหลวงปู่
อาจารย์รัฐกิจ ซึ่งเป็นหลานแท้ๆ ของอาจารย์เพียรวิทย์ และเป็นศิษย์ครอบครูคน ที่ 13 ของหลวงปู่ทิม เป็นผู้ให้ข้อมูลในวิดีโอ
ประเด็นที่น่าสังเกต/ข้อถกเถียง:

ความสับสนและการถกเถียงเกี่ยวกับรุ่นและบล็อกแม่พิมพ์ต่างๆ ของพระขุนแผนผงพรายกุมารในวงการพระเครื่อง โดยมีคำเรียกที่แตกต่างกันไป
ความลับเกี่ยวกับผู้ที่ไปนำชิ้นส่วนศพทารกมาใช้ในการสร้างผงพรายกุมาร และจำนวนครั้งที่ดำเนินการ
ความท้าทายในการแยกระหว่างพระแท้และพระเก๊ในตลาดพระเครื่อง โดยเฉพาะรุ่นที่มีมูลค่าสูง
สรุป:

หลวงปู่ทิม อิสริโก เป็นพระเกจิอาจารย์ที่ทรงคุณวิเศษและเป็นที่ศรัทธาอย่างสูง วัตถุมงคลของท่าน โดยเฉพาะผงพรายกุมารและพระขุนแผนผงพรายกุมาร มีตำนานการสร้างที่ซับซ้อนและเต็มไปด้วยเรื่องเล่าอัศจรรย์ เชื่อกันว่ามีพุทธคุณครอบคลุมหลายด้าน ทำให้เป็นที่ต้องการอย่างมากในหมู่นักสะสมและผู้ศรัทธา อย่างไรก็ตาม ความนิยมนี้ก็นำมาซึ่งความซับซ้อนในการแยกแยะรุ่นและบล็อกต่างๆ รวมถึงประเด็นของวัตถุมงคลปลอม การไปเยือนวัดละหารไร่ยังคงเป็นสถานที่สำคัญสำหรับผู้ที่ต้องการกราบสักการะและเรียนรู้ประวัติของหลวงปู่ทิม

NotebookLM อาจแสดงข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นโปรดตรวจสอบคำตอบอีกครั้ง
(https://attachments.xonly8.com/images/74a079237b4c2e7c142bed4fcc141e1fde073e2a.jpg)
(https://attachments.xonly8.com/images/7f50ebc573022eef822710f9ba87f4bd6bc89324.jpg)
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ มิถุนายน 10, 2025, 02:36:32 หลังเที่ยง
นิ้วกลมบันทึก: สัจธรรมวัย 30
(คำตอบที่บันทึกไว้จะเป็นแบบดูอย่างเดียว)
สรุปการบรรยาย: นิ้วกลมบันทึก - สัจธรรมวัย 30
แหล่งที่มา: ข้อเขียนจาก "นิ้วกลมบันทึก: สัจธรรมวัย 30"

ประเด็นหลัก:

บันทึกนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการตระหนักรู้ใน "ความไม่รู้" ของตัวเอง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเกี่ยวกับ "ความจริงของชีวิต" หรือสัจธรรม ก่อนเข้าสู่วัย 30 ปี ผู้เขียนชี้ว่าช่วงวัย 20-30 ปี เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสมอย่างยิ่งในการทำความเข้าใจสัจธรรมเหล่านี้ ซึ่งหาก "เก็ท" หรือเข้าใจอย่างลึกซึ้ง จะช่วยปลดล็อกคำถามและความยึดติดในเรื่องทางโลกต่างๆ เช่น ความสำเร็จ ความร่ำรวย ชื่อเสียง อำนาจ และการยอมรับจากผู้อื่น ทำให้สิ่งเหล่านี้กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยไป

แนวคิดและข้อเท็จจริงที่สำคัญ:

การตระหนักรู้ใน "ความไม่รู้": ผู้เขียนมองว่าการรู้ว่าเรา "ไม่รู้" ใน "ความจริงของชีวิต" คือจุดเริ่มต้นที่สำคัญ "ส่วนตัวแล้วคิดว่ามีเรื่องสำคัญอย่างหนึ่งคือ มองเห็น 'ความไม่รู้' ของตัวเอง ซึ่งหมายถึงความไม่รู้ใน 'ความจริงของชีวิต' เรียกอีกอย่างว่าสัจธรรม" การยอมรับในสิ่งที่เรายังไม่เข้าใจในระดับพื้นฐานของชีวิตเป็นก้าวแรกสู่การค้นหาความเข้าใจที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น
ช่วงวัย 20-30 ปี เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม: ผู้เขียนเชื่อว่าช่วงวัยนี้เป็นโอกาสที่ดีในการศึกษาและทำความเข้าใจสัจธรรม "ช่วง 20-30 ปี เป็นช่วงพอเหมาะในการพยายามทำความเข้าใจเรื่องนี้ ซึ่งถ้า 'เก็ท' จะปลดล็อกคำถามหลายอย่างและหลายโจทย์ได้ แถมยังอาจทำให้เรื่องที่เคยคิดว่าต้องมี ต้องทำ ต้องเป็น กลายเป็นเรื่องเล็กไปเลย"
"ความจริงของชีวิต" คือการเดินทางอีกเส้นทาง: สัจธรรมไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแสวงหาวัตถุภายนอก แต่เป็นการเดินทางภายในเพื่อค้นหาความหมายที่ลึกซึ้งกว่า " 'ความจริงของชีวิต' ที่ว่านั้นคือการเดินทางอีกเส้น ไม่ได้เดินไปบนเส้นทางแสวงหาวัตถุ หาสืบค้นลงลึกไปถึงความหมายในเชิงจิตวิญญาณของการเกิดมา ของการเป็นตัวเอง ไปจนถึง...การไม่เป็นอะไรเลย"
การศึกษา "สัจธรรม" ทำให้หัวใจเบาขึ้น: แม้จะต้องใช้ชีวิตในโลกแห่งวัตถุ การแบ่งเวลาเพื่อศึกษาและทำความเข้าใจสัจธรรมจะช่วยให้ดำเนินชีวิตได้อย่างเบาใจและเป็นสุขขึ้น "ใครที่แบ่งเวลาศึกษาเรียนรู้ 'สัจธรรม' ด้วยย่อมพบว่ามีหัวใจที่เบาขึ้นเรื่อยๆ ในการดำเนินชีวิตบนโลกใบนี้" ผู้เขียนมองเห็นทั้ง "ความไร้สาระในชีวิต พอๆ กับที่เห็นสาระสำคัญของชีวิต" ทำให้สามารถดำเนินชีวิตได้อย่างไม่ยึดติดมากนัก
สัจธรรมที่ควรพิจารณา: ผู้เขียนได้ยกตัวอย่างสัจธรรมมากมายที่เป็นสิ่งที่เราอาจเคยได้ยินมาแล้ว แต่ต้องอาศัยความใส่ใจและการฝึกฝนในการสัมผัสอย่างลึกซึ้งถึงหัวใจ ตัวอย่างสัจธรรมที่ยกมา ได้แก่:
อีกไม่นานเราจะตาย
ชีวิตไม่ได้เป็นไปตามที่เราคาดหวังเสมอไป
สิ่งต่างๆ ล้วนเปลี่ยนแปลง
เราประกอบขึ้นจากเหตุปัจจัยนานาประการ
โลกไม่ได้หมุนไปตามใจเรา
เราไม่ต้องครอบครองทุกอย่าง
และจะไม่มีมีวันได้ทุกสิ่ง
ตัวเราไม่มีอยู่จริง
ชั่วขณะนี้คือชีวิตเดียวที่แท้
ความหมายของเราเกิดเมื่อเชื่อมโยงกับคนอื่น
ความทุกข์เกิดจากการยึด
ทุกข์เกิดแล้วก็ดับลง
สุขเกิดแล้วก็จางไป
ทุกสิ่งอยู่ที่เราให้ความหมาย
นรก-สวรรค์อยู่ที่สภาพจิตใจเราเอง
สัจธรรมคือ "อีกภาษา อีกชุดความรู้ อีกเส้นทาง": ผู้เขียนเปรียบเทียบสัจธรรมว่าเป็นอีกมุมมองหรือมิติหนึ่งของการใช้ชีวิตที่แตกต่างจากการไล่ตามวัตถุ "มันเป็นอีกภาษา มันเป็นอีกชุดความรู้ มันเป็นอีกเส้นทาง ซึ่งบางครั้งก็ตัดสลับเข้ามาอยู่บนเส้นทางระหว่างที่เราไล่คว้าวัตถุอย่างหน้ามืดตามัว"
การเข้าใจสัจธรรมเปลี่ยนแปลงชีวิตไปในทางที่ดีขึ้น: การตระหนักรู้ในสัจธรรมนำไปสู่การดำเนินชีวิตที่แตกต่างออกไปในทิศทางที่เบาลง ผ่อนคลายขึ้น สงบขึ้น ยืดหยุ่นขึ้น และให้อภัยได้มากขึ้น "การรู้ในความจริงเหล่านี้ทำให้เราดำเนินชีวิตต่างจากเดิม มักเป็นไปในทิศทางที่เบาขึ้น ผ่อนคลายขึ้น สงบขึ้น ยืดหยุ่นขึ้น ให้อภัยได้มากขึ้น ทั้งตัวเองและคนอื่น เคร่งเครียดน้อยลง กะเกณฑ์น้อยลง ปล่อยได้ วางเป็น รับรู้ปัจจุบันขณะที่งดงามได้มากกว่าเคย"
สัจธรรมคือ "อริยทรัพย์": ผู้เขียนมองว่าการฝึกฝนทำความเข้าใจสัจธรรมในช่วงวัย 20-30 ปี หรือหลังจากนั้น เป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เป็น "ทรัพย์" ที่มีคุณค่าเหนือวัตถุ ทำให้เราไม่โหยหิวในทรัพย์ทางโลก "ส่วนตัวแล้วผมคิดว่านี่คือสิ่งสำคัญยิ่งที่ควรได้ฝึกฝนในช่วงเวลาที่กำลังบ่มเพาะทรัพยากรในชีวิตช่วงวัย 20-30 ปี หรือถ้าไม่ทันก็หลังจากนั้น มันคือทรัพย์ที่ทำให้เราไม่โหยหิวทรัพย์ เป็นอริยทรัพย์"
ข้อสรุป:

บันทึกนี้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการมองเห็นและทำความเข้าใจสัจธรรมของชีวิตตั้งแต่เนิ่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงวัย 20-30 ปี การตระหนักรู้ในสัจธรรมเหล่านี้ไม่ได้หมายถึงการละทิ้งชีวิตทางโลก แต่เป็นการนำความเข้าใจที่ลึกซึ้งกว่ามาปรับใช้กับการดำเนินชีวิต ทำให้สามารถเผชิญหน้ากับความท้าทายต่างๆ ได้อย่างเบาสบายใจมากขึ้น และค้นพบความสุขที่แท้จริงซึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับสิ่งภายนอก สัจธรรมเหล่านี้ถือเป็น "อริยทรัพย์" ที่มีคุณค่าอย่างยิ่งในการดำเนินชีวิตอย่างมีความหมายและเป็นสุข.

NotebookLM อาจแสดงข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นโปรดตรวจสอบคำตอบอีกครั้ง
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ มิถุนายน 10, 2025, 06:22:58 หลังเที่ยง
ปรัชญาการวิ่งของเรา
(คำตอบที่บันทึกไว้จะเป็นแบบดูอย่างเดียว)
การบรรยายสรุป: "วิ่งของเรา"
เอกสารนี้เป็นการสรุปประเด็นหลัก แนวคิดที่สำคัญที่สุด และข้อเท็จจริงจากแหล่งข้อมูล "วิ่งของเรา" ของ AooRun

ภาพรวมโดยย่อ:

แหล่งข้อมูลนี้เน้นแนวทางการวิ่งที่เป็นไปในลักษณะส่วนตัว เงียบ และสม่ำเสมอ โดยเน้นย้ำความสัมพันธ์ระหว่างผู้วิ่งกับการวิ่ง ซึ่งเปรียบเสมือนความซื่อสัตย์และความจริงใจ นอกจากนี้ยังกล่าวถึงการเอาชนะความกลัว การยอมรับความเป็นจริงของการวิ่ง และการหาวินัยที่เป็นอิสระและมีความสุข

ประเด็นหลักและแนวคิดที่สำคัญที่สุด:

ความเงียบและความมั่นคงในการวิ่ง: ผู้เขียนเน้นการวิ่งในแบบของตนเองอย่างเงียบๆ แต่มีความสม่ำเสมอและมั่นคง
คำกล่าวที่เกี่ยวข้อง: "วิ่งของเราไปเงียบๆ แต่มั่นคง", "อยากไปถึงไหน ก็ค่อยๆ ทำไปทีละน้อย แต่สม่ำเสมอ"
ความสัมพันธ์ระหว่างผู้วิ่งกับการวิ่ง (ความซื่อสัตย์และความจริงใจ): การวิ่งเปรียบเสมือนสิ่งที่ตอบสนองความพยายามและความจริงใจของผู้วิ่ง
คำกล่าวที่เกี่ยวข้อง: "การวิ่งมันไม่เคยทรยศคนทำจริง", "และไม่เคยหักหลังคนซื่อตรงต่อมัน", "การที่เราค่อยๆ วิ่งของเราเงียบๆ ในวิถีทางที่เราเชื่อแล้วว่าจะพาเราไปถึงแน่.. "การวิ่งมันก็รับรู้เหมือนกัน""
การวิ่งไม่ได้ทอดทิ้งผู้วิ่ง: แม้ในยามที่ผู้วิ่งรู้สึกโดดเดี่ยว การวิ่งก็ยังคงอยู่ด้วยในทุกย่างก้าวและทุกขณะจิต
คำกล่าวที่เกี่ยวข้อง: "แต่มันไม่ได้ปล่อยให้เราเปล่าเปลี่ยวเดียวดาย ตรงข้าม.. มันอยู่กับเราเสมอ อยู่ตลอด อยู่ในทุกก้าว แม้แต่ในทุกขณะจิตเลย", "มีแต่เราเองนี่แหละ ที่ชอบเป็นคนทิ้งมันไปเอง.."
การวิ่งเพื่อตัวเองและไม่เปรียบเทียบกับผู้อื่น: คุณค่าของการวิ่งอยู่ที่ผลลัพธ์ที่ได้กับตัวเอง ไม่ใช่การเอาชนะหรือเปรียบเทียบกับผู้อื่น
คำกล่าวที่เกี่ยวข้อง: "อย่าไปกลัววิ่งไม่เก่ง วิ่งไม่ถึง วิ่งสู้คนอื่นไม่ได้ เพราะที่เราวิ่งนี้เราได้กับตัวเราเองเต็มๆ แล้ว ไม่ใช่คนอื่นได้ แล้วจะไปแคร์คนอื่นทำไม?"
การยอมรับความจริงของการวิ่ง (ความเจ็บปวดและช่วงขาลง): การวิ่งและการไม่ได้วิ่ง (รวมถึงช่วงที่เจ็บปวดหรือไม่ท็อปฟอร์ม) เป็นเรื่องธรรมชาติและเป็นของคู่กัน
คำกล่าวที่เกี่ยวข้อง: "เพราะความจริง.. การวิ่งได้กับวิ่งไม่ได้มันของคู่กัน", "มีใครไม่เคยเจ็บ?", "มีใครพีคตลอด?", "มีใครท็อปฟอร์มไม่มีร่วง?"
วินัยที่เป็นอิสระและความสุข: วินัยเป็นสิ่งที่ดี แต่ควรใช้ในลักษณะที่ไม่กดดันตนเอง ควรให้ความยืดหยุ่นบ้างเพื่อให้การวิ่งมีความสุข
คำกล่าวที่เกี่ยวข้อง: "แม้แต่วินัยก็ตาม .. จะขึงตัวเองไว้ตลอดว่าต้องมีวินัย ห้ามขี้เกียจ แบบนั้น คุณวิ่งไม่มีความสุขหรอก", "วินัยเป็นของดีจริง แต่ก็ต้องใช้ให้เป็น ไม่ใช่เอามากดดันทับถมตน", "ปล่อยๆ ให้อะไรเป็นอิสระบ้าง แล้วการวิ่งมันจะยิ้มให้เราเอง"
หลักการของการวิ่ง (สรุป): ผู้เขียนสรุปแนวทางการวิ่งที่สำคัญเป็นข้อๆ
คำกล่าวที่เกี่ยวข้อง: "วิ่งให้เงียบ", "วิ่งให้มั่นคง", "วิ่งอย่างมั่นใจ", "วิ่งให้เป็นอิสระ", "วิ่งให้เป็นตัวเอง", "วิ่งให้เห็นความเป็นจริง"
ข้อเท็จจริงที่สำคัญ:

แหล่งข้อมูลนี้มาจาก AooRun
เนื้อหาเน้นแนวคิดเชิงปรัชญาและทัศนคติเกี่ยวกับการวิ่ง มากกว่าข้อมูลทางเทคนิคหรือวิทยาศาสตร์การกีฬา
ใช้ภาษาที่เรียบง่ายและเข้าถึงได้ง่าย
บทสรุป:

"วิ่งของเรา" นำเสนอแนวคิดการวิ่งที่มุ่งเน้นการเดินทางส่วนบุคคลที่มั่นคง ซื่อสัตย์ และมีความสุข โดยยอมรับความเป็นจริงของการวิ่ง และหลีกเลี่ยงการเปรียบเทียบหรือความกลัวที่ไร้ประโยชน์ เน้นย้ำว่าการวิ่งนั้นอยู่เคียงข้างเราเสมอ และการหาวินัยที่เป็นอิสระจะนำไปสู่ความสุขในการวิ่งอย่างแท้จริง

NotebookLM อาจแสดงข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นโปรดตรวจสอบคำตอบอีกครั้ง
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: kilo เมื่อ มิถุนายน 10, 2025, 07:36:04 หลังเที่ยง
ปล่อยวางความคิดลบ เสริมภูมิคุ้มกันใจ
(คำตอบที่บันทึกไว้จะเป็นแบบดูอย่างเดียว)
สรุปประเด็นสำคัญจาก "เสริมภูมิคุ้มกันทางใจด้วยการปล่อยวางความคิดลบ คุยกับ รศ.ดร.นพ. ชัชวาลย์ ศิลปกิจ | มนุษย์ต่างวัย Talk"
บทสัมภาษณ์นี้เน้นไปที่การทำความเข้าใจและการรับมือกับความคิดและอารมณ์ลบที่มักเกิดขึ้น โดยเฉพาะในผู้ที่เริ่มมีอายุมากขึ้น ซึ่งเผชิญกับความไม่แน่นอนและความกังวลเกี่ยวกับสุขภาพ ความมั่นคงในชีวิต และการตั้งคำถามเกี่ยวกับความสำเร็จของตนเอง

ประเด็นหลักและแนวคิดที่สำคัญ:

ความไม่มั่นคงเป็นสาเหตุของความคิดวนลูป: รศ.ดร.นพ. ชัชวาลย์ ศิลปกิจ ชี้ว่าการที่คนเราคิดวนไปวนมามักเกิดจากภาวะไม่มั่นคงหรือไม่ปลอดภัยในชีวิต "การที่เราคิดวก วน แบบ เนี้ย มัน เป็น ช่วง ที่ เรา ไม่ มั่นคง อื เกิด ความ ไม่ ปลอดภัย อิคล ไม่ มั่นคง ไม่ มั่นคง ด้วย เหตุ ใด ก็ ตาม" ความกังวลเหล่านี้อาจมาจากปัญหาสุขภาพ ความมั่นคงทางการเงิน หรือการเปรียบเทียบตนเองกับผู้อื่น
ความกลัวและความหวั่นไหวขยายปัญหา: เมื่อเกิดความกลัวและความหวั่นไหว ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้ยิ่งคิดไปใหญ่ ทำให้ปัญหาบานปลาย หาคำตอบไม่ได้ และอาจนำไปสู่ปัญหาสุขภาพกาย เช่น นอนไม่หลับ กินไม่ได้ และปัญหาสุขภาพจิต เช่น ซึมเศร้า วิตกกังวล
การพึ่งพาตนเองเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก: ในวัยที่เริ่มสูงอายุ การดูแลสุขภาพกายและใจเพื่อพึ่งพาตนเองให้ได้มากที่สุดเป็นสิ่งจำเป็น "อันดับ แรก สิ่ง ที่ ต้อง คิด ก็ คือ เรา ต้อง พึ่ง ตัว เอง ให้ ได้ ก่อน วิธี ที่ พึ่ง ตัว เอง ก็ คือ เรา ดู แล สุขภาพ นี่ คือ เหตุ ผล ที่ ผม ดู แล สุขภาพ อื สุขภาพ กาย สุขภาพ ใจ เรา ดู แล เต็ม ที่ เท่า ที่ เรา จะ ทำ ได้"
ยอมรับความไม่แน่นอนและความตาย: เราไม่สามารถควบคุมทุกอย่างในชีวิตได้ แม้จะพยายามทำทุกวิถีทางให้ชีวิตมั่นคงและปลอดภัย แต่ความตายและการพลัดพรากเป็นสิ่งที่แน่นอน "ถึง แม้ เรา จะ ทำ อะไร ให้ ดี ให้ ตาม มัน ก็ ไม่ ได้ ปลอดภัย นะ อื ถ้า ถึง วัน นั้น ยอมรับ เรา ไม่ ได้ มี มี การ ยอมรับ แล้ว มี แต่ ปก ป้อง" การเรียนรู้ที่จะยอมรับความไม่แน่นอนเป็นส่วนหนึ่งของการทำความเข้าใจชีวิต
ความผิดหวัง เสียใจ และความเหงาเป็นเรื่องธรรมชาติ: ความรู้สึกเหล่านี้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตที่ธรรมชาติออกแบบมาเพื่อการเรียนรู้ ไม่ใช่เพื่อการหลีกหนี "อก หัก ผิด หวัง เสียใจ เป็น เรื่อง ธรรมชาติ ครับ อยู่ กับ มัน บ้าง อื มัน เป็น มัน ธรรมชาติ ออก แบบ มา ให้ มี ความ คิด ความ รู้สึก มี ความ แบบ นี้ เพื่อ ให้ เกิด การ เรียน รู้ ไม่ ได้ เพื่อ ให้ หนี ครับ แต่ แต่ นี้ เรา หนี เนอะ"
การอยู่กับความเหงาและความเบื่อเป็นทักษะที่สำคัญ: ในยุคที่เทคโนโลยีทำให้เราสามารถหาอะไรทำเพื่อหลีกหนีความรู้สึกเหงาเบื่อได้ง่าย การฝึกที่จะอยู่เฉยๆ กับความรู้สึกเหล่านี้เป็นสิ่งจำเป็น "ทักษะ ที่ สำคัญ ใน ศาสตวรรษ ที่ 21 อ่ะ ทักษะ ใน การ อยู่ เฉยๆ บ้าง นะ อื อยู่ เฉยๆ แล้ว ไม่ ต้อง ทำ อะไร ครับ จะ เหงา จะ เบื่อ ก็ เป็น เรื่อง ของ เรียก ว่า เป็น เรื่อง ของ สิ่ง แวด ล้อม ทาง ใจ" ความเหงาและความเบื่อเป็นเหมือนสภาพอากาศทางใจที่ต้องมีบ้าง
ความคิดมาเมื่อมีเวลาว่าง: สมองจะผลิตความคิดเมื่อเรามีเวลาว่าง เป็นกลไกธรรมชาติ "เรา จะ ฟุ้งซ่าน เรา จะ มี ปัญหา เรา จะ วิตก กังวล เวลา ที่ ไม่ มี งาน ทำ" เราไม่จำเป็นต้องบังคับให้สมองหยุดคิด แต่เรียนรู้ที่จะปฏิสัมพันธ์กับความคิดเหล่านั้นอย่างไร
การสังเกตการณ์ความคิด: แทนที่จะพยายามควบคุมหรือกำจัดความคิด ให้เรียนรู้ที่จะเป็นผู้สังเกตการณ์ความคิดที่เกิดขึ้น เหมือนกับการสังเกตการณ์ลมหายใจ "นี่ เป็น ผู้ สังเกต อ่า ครับ แล้ว ทำ อะไร ได้ ก็ ดู ลม หายใจ ไป หา งาน ให้ มัน ทำ หน่อย เฝ้า ลม หายใจ ไป สบายๆ หลับ ก็ หลับ ไม่ หลับ เรื่อง ของ มัน"
ยอมรับภาวะนอนไม่หลับ: หากนอนไม่หลับ ให้ลองยอมรับภาวะนั้นแทนที่จะพยายามบังคับตัวเองให้นอนให้หลับ "นอน ไม่ หลับ อย่าง มี ความ สุข ให้ ได้ ก่อน อื ไม่ หลับ ก็ ไม่ เป็น ไร ครับ" การยอมรับจะช่วยลดความกังวลที่เกิดจากการนอนไม่หลับ
โดยสรุป บทสัมภาษณ์นี้เน้นย้ำถึงการทำความเข้าใจธรรมชาติของความคิดและอารมณ์ การยอมรับความไม่แน่นอนในชีวิต การพึ่งพาตนเอง การอยู่กับความรู้สึกที่ไม่สบายใจ และการสังเกตการณ์ความคิด โดยไม่พยายามควบคุมหรือกำจัดมัน เพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันทางใจและรับมือกับความท้าทายของชีวิตในทุกช่วงวัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

https://youtu.be/TbbyVLttfRk?si=hCUfCd0hnMXr-g1F

NotebookLM อาจแสดงข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้นโปรดตรวจสอบคำตอบอีกครั้ง
ชื่อ: ต่อ: รวมสูตรอาหารและความรู้ที่ผมสนใจ
โดย: qimlee451 เมื่อ มิถุนายน 10, 2025, 08:53:20 หลังเที่ยง
เป็นข้อมูลที่ดีมาก ขอบคุณครับ