ซุ่มเขียนเรื่องใหม่นี้มาอยู่พักนึงครับ ถ้าเขียนได้ยาวพอก็จะลงเว็บและทำ Ebook ด้วย
สาเหตุจากอยากเขียน Series 7Sins ต่อ แต่ด้วยความที่โตขึ้น ก็อยากจะ Rewrite โครงเรื่องใหม่อีกแล้ว
ไปๆ มาๆ ก็เลยเขียนใหม่ไปเลยดีกว่า จะเรียกว่าเป็นเรื่อง Remake จาก 7Sins:Lust ก็ว่าได้
ผมพยายามปรับปรุงตามที่หลายๆ ท่านแนะนำ หลักๆ ก็คือเรื่องความยาวต่อตอน ยังไงก็อยากให้ลองอ่านและคอมเม้นท์กันดูครับ
ลงให้อ่านที่นี่ที่แรก ซึ่งจะไม่เหมือนกับที่ลงตามเว็บแบบเก็บเงินตรงการใช้ภาษาที่หยาบคายดิบเถื่อนกว่านิดหน่อยครับ **ซ่อนตรงSex Scence นะครับ ไม่มีผลต่อเนื้อหาตอน คอมเม้นได้ตามสะดวก**
อ่านตอนก่อนหน้า หรือผลงานเรื่องอื่นๆ ได้ที่ (ห้องสมุด) (https://xonly8.com/index.php?topic=164679.0) ของผมครับ
และสามารถสนับสนุนให้กำลังใจในการเขียนงาน และอ่านตอนใหม่ ๆ ล่วงหน้าได้ตามช่องทางดังนี้ครับ
( (https://fictionlog.co/u/godersoul)Fictionlog (https://fictionlog.co/u/godersoul))
(ธัญวลัย) (http://www.tunwalai.com/profile/1400787/godersoul?page=1)
(readAwrite) (https://www.readawrite.com/?action=search_article&tab=all&page_no=1&key=godersoul&end=0&chap=0)
(Hongsamut) (https://bit.ly/2Wsuzpo)EBOOK ผู้คุมจิตเล่ม1 (https://shorturl.at/CylRg)
เล่ม2 (https://shorturl.at/zJB3N)เล่ม3 (https://shorturl.at/D7xvb)เล่ม4 (https://shorturl.at/NcrSg)เล่ม5 (https://shorturl.at/9JdMp)***ท่านใดติดขัด ไม่สะดวกในการอ่านผ่านเว็บอื่นๆ หรือทำไม่เป็น สามารถเข้ากลุ่ม Line OPENCHAT มาสอบถามหรือพูดคุยเรื่องอื่นๆ ได้ครับ (ไม่ระบุตัวตน)***กดเข้ากลุ่มที่ Link นี้ >>> OPENCHAT (https://xonly8.com/You've%20been%20invited%20to%20join%20%5C"Godersoul%5C".%20Visit%20the%20link%20below%20to%20join%20the%20OpenChat.)
อย่าลืมเข้าไปพูดคุยกันได้ที่เพจนะครับ
(FACEBOOK PAGE) (https://www.facebook.com/GodersouI)
ปัจจุบัน...ในความเงียบงันอันเป็นเอกสิทธิ์ของผู้มีอำนาจ... มีเพียงเสียงครวญของแซกโซโฟนจากเพลง "Kind of Blue" ที่ลอยอ้อยอิ่งอยู่ในม่านอากาศเย็นฉ่ำ...
เจือด้วยกลิ่นอายของหนังอิตาลี, ไม้จันทน์, และควันซิการ์ที่บอกเล่าเรื่องราวแห่งความสำเร็จ
"เฮียเอก" ในวัยสี่สิบปลาย ยืนพิงผนังกระจกนิรภัยสูงจากพื้นจรดเพดานของเพนท์เฮาส์ส่วนตัว
ในมือของเขาคือแก้วคริสตัลที่บรรจุวิสกี้ The Macallan Sherry Oak อายุ 30 ปี สีอำพันของมันส่องประกายวับวามภายใต้แสงไฟสลัว
เขามองลงไปยังพรมแห่งดวงดาวของกรุงเทพมหานครที่ทอดตัวอยู่เบื้องล่าง...
เมืองที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นเหมือนอสูรกายที่พร้อมจะขย้ำเขาให้แหลกสลาย...
บัดนี้มันกลับนอนหมอบราบคาบแก้วอยู่แทบเท้าของเขา
เขาคือเจ้าของมัน...
ทุกตารางนิ้ว...
ทุกตรอกซอกซอย...
ทุกความปรารถนาที่คุกรุ่นอยู่ในเมืองนี้ ล้วนไหลมารวมกันเป็นสายธารแห่งความมั่งคั่งเพื่อหล่อเลี้ยงอาณาจักรของเขาทั้งสิ้น
เขาจิบวิสกี้...รสชาติที่นุ่มลึกและซับซ้อนของมันไม่ได้ทำให้เขารู้สึกอะไรเป็นพิเศษอีกต่อไปแล้ว
มันเป็นเพียงความเคยชิน...เหมือนกับการหายใจ
ทันใดนั้น...รสสัมผัสของแอลกอฮอล์ราคาแพงกลับไปกระตุ้นความทรงจำที่เขาพยายามฝังกลบ...
ภาพของเหล้าขาวราคาถูกที่บาดคอในวงเหล้าหลังร้านข้าวต้ม...
กลิ่นเหม็นเปรี้ยวของขยะในตรอกมืดๆ...
ความรู้สึกอัปยศอดสูเมื่อถูกเจ้าของร้านตบหน้าเพราะทำจานแตก...
เอกขมวดคิ้วเล็กน้อย...ก่อนจะสลัดความทรงจำอันน่ารังเกียจนั้นทิ้งไป
เขากระดกวิสกี้ที่เหลือในแก้วลงคอในอึกเดียว...ความร้อนของมันแผ่ซ่านลบล้างความขมขื่นในอดีตจนหมดสิ้น
อดีต...มันตายไปแล้ว...เด็กหนุ่มผอมโซคนนั้นได้ตายไปแล้ว
เหลือเพียง "เฮียเอก" ในปัจจุบัน...ราชันย์ผู้ว่างเปล่า
ก๊อก... ก๊อก...เสียงเคาะประตูที่คำนวณจังหวะมาอย่างดีดังขึ้นสองครั้ง
'ตี๋' มือขวาคนสนิทในชุดสูท Brioni ไร้รอยยับ ก้าวเข้ามา...เหมือนเครื่องจักรที่ถูกตั้งโปรแกรมไว้
เขายืนสงบนิ่งอยู่ห่างๆ เป็นระยะที่แสดงความเคารพสูงสุด ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาจนกว่าจะได้รับอนุญาต
เอกหันกลับมาจากผนังกระจก เดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ Eames Lounge Chair ตัวโปรด ก่อนจะพยักหน้าเป็นสัญญาณ
"รายงานสรุปประจำเดือนครับเฮีย" ตี๋ก้าวเข้ามาอย่างนอบน้อม วางไอแพดรุ่นล่าสุดลงบนโต๊ะไม้สักขัดเงา
"ยอดรวมทุกสาขาของ 'บุหลัน บาซาร์' เดือนนี้อยู่ที่ 87.4 ล้านบาทครับ ทะลุเป้าไป 15% โดยเฉพาะสาขาทองหล่อที่เพิ่งเปิด ทำกำไรสุทธิไปเกือบ 12 ล้าน... มีเคสลูกค้า VVIP ก่อเรื่องเล็กน้อย แต่ทีมของเฮียตงเข้าไป 'จัดการ' เรียบร้อยแล้วครับ ลูกค้าพึงพอใจมากและเปิดเมมเบอร์ระดับสูงสุดเพิ่ม"
"ส่วน 'ทิพยาลัย โมเดลลิ่ง' ก็เพิ่งเซ็นสัญญากับน้อง 'คะนิ้ง' เน็ตไอดอลยอดติดตามสิบล้านคนเข้าสังกัดเรียบร้อย ตามคำสั่งของเฮีย...คุณแพรได้เริ่ม 'ฝึกสอน' หลักสูตรพิเศษให้แล้ว คาดว่าอีกไม่เกินสองสัปดาห์จะพร้อมให้บริการแขกระดับ VVIP ของเราได้ ตอนนี้คิวจองที่ต้องการ 'ทานมื้อค่ำส่วนตัว' กับน้องยาวไปถึงสิ้นปีแล้วครับ ยอดจองมัดจำล่วงหน้าเข้ามาแล้วกว่าสามสิบล้าน"
เอกเหลือบมองตัวเลขบนจอ...มันเป็นเพียงตัวเลข...ไร้ความรู้สึก
"แล้วเรื่องที่ดินผืนข้างๆ 'คริสตัล บาธ' ล่ะ?"
"เรียบร้อยครับเฮีย ทีมของเฮียตงเข้าไป 'เจรจา' พร้อมกับ 'ของขวัญ' เล็กๆ น้อยๆ รอบล่าสุด เจ้าของเดิมก็ยอมเซ็นขายให้เราแต่โดยดี ตอนนี้เอกสารพร้อมโอนแล้วครับ รอแค่เฮียเซ็นอนุมัติโปรเจกต์ 'The Empress' ก็สามารถเริ่มก่อสร้างได้ทันที"
"ดี" เอกตอบสั้นๆ "เรื่องไอ้เฮียหม่าด้วย"
ตี๋ยิ้มมุมปากอย่างเย็นชา
"อดีตไปแล้วครับเฮีย...หลังจากสารวัตรดาวใช้ช่องโหว่ของกฎหมายฟอกเงินเข้า 'ตรวจสอบพิเศษ' อายัดบัญชีทั้งหมดของมันไปสองรอบติด แถมกรมสรรพากรก็ 'บังเอิญ' ไปเจอหลักฐานการเลี่ยงภาษีย้อนหลังไปเจ็ดปี ตอนนี้กิจการของมันทั้งหมดล้มละลาย ทรัพย์สินถูกยึด ข่าววงในบอกว่ามันกลายเป็นบุคคลล้มละลายที่สิ้นเนื้อประดาตัว กำลังหลบๆ ซ่อนๆ อยู่แถวสลัมคลองเตยครับ"
"ปล่อยมันไป...อย่าให้มันตาย" เอกพูดเสียงเรียบ...เย็นชา "ทำให้มันรู้ว่านรกที่ไม่มีเงินมันเป็นยังไง...ไปได้แล้ว"
"รับทราบครับเฮีย" ตี๋โค้งรับคำสั่ง แต่ยังไม่ทันจะหมุนตัวกลับ เอกก็เอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
"เดี๋ยวก่อน...มีอีกเรื่อง"
ตี๋หยุดนิ่งรอรับคำสั่ง
"ท่าน ส.ส. สมเกียรติ โทรมาหาฉันหรือยัง?"
"ยังเลยครับเฮีย แต่เมื่อตอนบ่าย เลขาของท่านโทรมาถามไถ่เรื่อง 'งบประมาณสนับสนุน' สำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้าครับ"
เอกหัวเราะในลำคอเบาๆ
"บอกมันไปว่าฉันจะเพิ่มให้สามเท่า แล้วก็ส่งเด็กระดับ S-Class ที่เพิ่งเข้ามาใหม่ไปดูแลท่านที่เซฟเฮาส์ทุกคืนวันศุกร์จนกว่าจะเลือกตั้งเสร็จ...และเตือนความจำท่านด้วยว่าถ้าไม่มี 'งบ' ของฉันในครั้งที่แล้ว ป้ายหาเสียงของท่านคงได้ติดอยู่แค่ตามเสาไฟฟ้า...แล้วก็อย่าลืมเตือนเรื่องค่าเทอมลูกสาวที่เรียนอยู่สวิตเซอร์แลนด์ด้วยล่ะ"
"สุดยอดเลยครับเฮีย"
ตี๋กล่าวอย่างชื่นชม ก่อนจะถอยออกจากห้องไปอย่างเงียบกริบ ปล่อยให้ห้องทั้งห้องกลับสู่ความเงียบงันอีกครั้ง
เอกเอนหลังพิงพนักเก้าอี้...ความรู้สึกของการควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างได้ในปลายนิ้วมันช่างน่าเบื่อ...และน่าเสพติดในเวลาเดียวกัน
เขารินวิสกี้แก้วใหม่...แต่ความว่างเปล่าในใจกลับไม่ได้ถูกเติมเต็ม
เขาต้องการ...บางสิ่งบางอย่าง...
บางสิ่งที่พอจะทำให้หัวใจของเขากลับมาเต้นแรงได้อีกครั้ง...
ถึงเวลา...สำหรับความบันเทิงแล้ว
เอกวางแก้ววิสกี้ลงบนโต๊ะข้างกาย...
เสียงคริสตัลกระทบกับผิวไม้เนื้อแข็งดัง "กริ๊ก" เป็นเสียงเดียวที่ทำลายความเงียบงัน
เขาโบกมือเล็กน้อย...เป็นสัญญาณที่พวกเธอรอคอย
ประตูห้องนอนบานใหญ่เลื่อนเปิดออกอย่างเงียบกริบ...
กลิ่นน้ำหอมของ Jo Malone กลิ่น Peony & Blush Suede อันเป็นเอกลักษณ์ของ "ทิพยาลัย" ลอยฟุ้งออกมาก่อนที่ร่างอรชรของหญิงสาวสองคนจะปรากฏตัวขึ้น
พวกเธออยู่ในชุดคลุมผ้าไหมสีดำสนิทที่ยาวระพื้น...ไม่ได้ปกปิด...แต่เพื่อรอการเปิดเปลื้อง
พวกเธอคือ "เอมมี่" นางแบบสาวลูกครึ่งผมบลอนด์เจ้าของเรือนร่างทรงนาฬิกาทราย
อกเป็นอก เอวเป็นเอว สะโพกดินระเบิด ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของเธอฉายแววยั่วยวนอย่างเปิดเผย
และ "ลีน่า" สาวหมวยหน้าตาน่ารัก แต่มีสรีระที่ขัดกับใบหน้าอย่างสิ้นเชิง
ผิวขาวราวหยวกกล้วย หน้าอกหน้าใจที่ใหญ่เกินตัว และบั้นท้ายที่กลมกลึงงอนงาม
ทั้งสองคือเพชรเม็ดงามระดับท็อปที่ถูก "แพร" คัดเลือกและฝึกฝนมาเพื่อปรนนิบัติเขาโดยเฉพาะในค่ำคืนนี้
พวกเธอไม่ได้เดิน แต่เป็นการเคลื่อนกายที่สง่างามราวกับกำลังร่ายรำ
ทุกย่างก้าวถูกคำนวณมาอย่างดีเพื่อไม่ให้เกิดเสียงรบกวนพระราชากำลังพักผ่อน
จนกระทั่งมาหยุดอยู่เบื้องหน้าเขา แล้วคุกเข่าลงบนพรมขนสัตว์อย่างพร้อมเพรียง
ท่วงท่าสง่างามราวภาพวาด ศีรษะก้มต่ำลงเล็กน้อยแสดงความเคารพ
"พวกเราพร้อมแล้วค่ะ...เฮียเอก"
เอมมี่กระซิบเสียงหวาน ดวงตาของเธอช้อนมองเขาอย่างบูชา
เอกไม่ตอบ...เขาเพียงแค่จ้องมองพวกเธอด้วยสายตาที่ว่างเปล่า
เหมือนจิตรกรที่กำลังพิจารณาผืนผ้าใบว่างๆ หรือเหมือนพยัคฆ์ที่กำลังมองเหยื่อสองตัวที่เดินเข้ามาในกรงของมันเอง
เขากระดิกนิ้วเป็นสัญญาณ...
สองสาวเข้าใจในทันที พวกเธอค่อยๆ ปลดสายคาดเอวของชุดคลุมออกอย่างช้าๆ...พร้อมกัน...
ผ้าไหมสีดำลื่นไหลลงจากบ่าขาวเนียนของพวกเธอ กองลงไปบนพื้นราวกับกลีบดอกไม้สีนิลที่ร่วงโรย
เผยให้เห็นเรือนกายอันงดงามที่สวรรค์สรรค์สร้าง และถูกมนุษย์ที่ชื่อ "แพร" ขัดเกลาจนสมบูรณ์แบบ
เอกลุกขึ้นจากเก้าอี้ ความสูงสง่าและมัดกล้ามที่คมชัดของเขาทำให้สองสาวถึงกับลอบกลืนน้ำลาย
เขาก้าวเข้ามาหาพวกเธอช้าๆ เหมือนราชสีห์ที่กำลังเดินสำรวจอาณาเขต
เขาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเอมมี่ ใช้นิ้วชี้ไล้ไปตามแนวไหปลาร้าของเธออย่างแผ่วเบา ก่อนจะเลื่อนลงมาหยุดที่ยอดถันสีชมพูที่แข็งขืนขึ้นมารอรับสัมผัส
"คุณแพรสอนพวกเธอมาดี..." เอกเอ่ยขึ้นครั้งแรก เสียงของเขาทุ้มและกังวาน "ผิวพรรณดี...ไม่มีที่ติ"
เขาบีบเคล้นทรวงอกที่นุ่มหยุ่นของเธอเบาๆ...แล้วตวัดสายตาไปมองลีน่า
"หันหลัง"
ลีน่าสะดุ้งเล็กน้อย...แต่ก็ทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย
เธอหมุนตัวหันหลังให้เขา เผยให้เห็นแผ่นหลังที่ขาวเนียนและบั้นท้ายกลมกลึงที่สั่นระริกน้อยๆ ด้วยความตื่นเต้น
เอกเดินไปด้านหลังเธอ...วางฝ่ามือใหญ่ลงบนสะโพกทั้งสองข้าง สัมผัสได้ถึงความแน่นกระชับของกล้ามเนื้อ
เขาก้มลงไปกระซิบข้างหูเธอ...ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาทำให้ขนทั่วร่างของลีน่าลุกชัน
"แต่ของเธอ...ดูเหมือนจะแน่นกว่า...ฉันชอบแบบนี้"
"ลีน่า...ลีน่าจะทำให้เฮียพอใจที่สุดค่ะ" เธอตอบเสียงสั่น
"ดี..." เอกพูดก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่โซฟาหนังตัวยาว "ถ้าอย่างนั้น...ก็ถึงเวลาทดสอบ"
เขานั่งลงในท่าที่สบายที่สุด ขาข้างหนึ่งพาดอยู่บนที่วางแขน
เผยให้เห็นความเป็นชายของเขาที่ยังคงหลับใหลอยู่ภายใต้ผ้าไหมเนื้อดี แต่ก็พร้อมที่จะตื่นขึ้นมาทุกเมื่อ
"เข้ามาหาฉัน...ทั้งสองคน"
เอมมี่และลีน่าคลานเข่าเข้ามาหาเขาเหมือนลูกแมวเชื่องๆ
พวกเธอหยุดอยู่ตรงหว่างขาของเขา...รอคอยคำสั่งต่อไป
"ฉันเบื่อแล้ว..." เอกพูดเสียงเรียบ "ทำให้ฉันสนุกหน่อยสิ...แข่งกัน...ว่าใครจะทำให้ควยของฉัน ตื่นขึ้นมาได้ก่อนกัน... และใคร...ที่จะทำให้ฉันพอใจได้มากกว่า"
สิ้นคำประกาศิต...
การแข่งขันอันเร่าร้อนก็เริ่มต้นขึ้น
เริ่มซ่อนตรงนี้ครับ 
...
ความเงียบกลับเข้ามาเยือนอีกครั้ง...
มันเป็นความเงียบที่หนักอึ้ง แตกต่างจากความเงียบสงบในตอนแรก
ตอนนี้มันอบอวลไปด้วยกลิ่นคาวของเซ็กส์และเหงื่อ ผสมกับกลิ่นน้ำหอมราคาแพง เป็นกลิ่นของความเสื่อมโทรมที่หรูหราที่สุด
เอกถอนแก่นกายที่เริ่มอ่อนตัวลงเล็กน้อยออกจากร่างของลีน่า
ของเหลวสีขาวขุ่นไหลทะลักย้อนออกมา เปรอะเปื้อนไปทั่วโซฟาหนังราคาหลายล้านบาท
เขามองดู "ผลงาน" ของตัวเอง สองนางแบบระดับท็อปนอนกองสลบไสลอยู่บนพื้นพรมและโซฟาในสภาพที่น่าสมเพชและน่าเย้ายวนใจในเวลาเดียวกัน
ร่างกายเปลือยเปล่าของพวกเธอเต็มไปด้วยร่องรอยสีกุหลาบจากการบีบเคล้นและขบเม้มของเขา
ใบหน้าที่เคยสวยงามไร้ที่ติตอนนี้กลับเปรอะเปื้อนไปด้วยคราบน้ำตาและน้ำลาย
พวกเธอไม่ได้แค่หลับ แต่เหมือนคนที่ถูก "ทำลาย" จนไม่เหลือซาก ถูกดูดกลืนพลังชีวิตไปจนหมดสิ้น
เอกลุกขึ้นยืน ร่างกายของเขาไม่รู้สึกเหนื่อยล้าเลยแม้แต่น้อย
เขากลับรู้สึก "เต็ม" ยิ่งกว่าเดิม...
เขาเดินผ่านร่างของพวกเธอไปอย่างไม่ไยดี
เหมือนเดินผ่านเฟอร์นิเจอร์ชิ้นหนึ่ง ก่อนจะไปรินวิสกี้แก้วใหม่ให้ตัวเอง...
เขากลับไปยืนที่เดิม ริมผนังกระจกบานใหญ่
จิบของเหลวสีอำพัน แล้วทอดสายตามองอาณาจักรของเขาที่อยู่เบื้องล่าง
ชัยชนะในค่ำคืนนี้ ก็เหมือนชัยชนะในทุกๆ คืน
มันให้ความพึงพอใจ...
แต่เป็นความพึงพอใจที่จืดชืด... ว่างเปล่า...
เขายกมือข้างที่ถือแก้วขึ้นมา มองดูฝ่ามือของตัวเอง
มือที่ตอนนี้สามารถเซ็นเช็คเพียงใบเดียวเพื่อซื้อชีวิตคนได้...
มือที่สามารถลูบไล้ร่างกายของผู้หญิงที่สวยที่สุดได้ตามใจชอบ...
แล้วภาพในอดีตก็ซ้อนทับขึ้นมา...
...ภาพของมือเดียวกันนี้...แต่เล็กกว่า...หยาบกร้านกว่า...
กำลังถูกเจ้าของร้านข้าวต้มอ้วนฉุตบเข้าอย่างแรงจนหน้าสะบัด โทษฐานที่ทำจานบะหมี่ตกแตก...
เสียงหัวเราะเยาะเย้ยของลูกค้าในร้านยังคงก้องอยู่ในหู...
ความร้อนผ่าวที่ใบหน้า...และความอัปยศที่กัดกินหัวใจ...
เอกสบัดศีรษะไล่ภาพนั้นทิ้ง เขาหันกลับมามองเงาสะท้อนของตัวเองบนกระจกอีกครั้ง
ภาพของ "เฮียเอก" ราชันย์แห่งนครราตรีผู้ยิ่งใหญ่
กับภาพของ "ไอ้เอก" เด็กหนุ่มล้างจานผู้ไร้ค่า
กำลังยืนจ้องหน้ากันผ่านแผ่นกระจกที่กั้นระหว่างปัจจุบันกับอดีต
เขาคือราชาบนบัลลังก์ที่ยิ่งใหญ่ หรือเป็นแค่นักโทษในกรงทองที่เขาสร้างขึ้นเอง?
คำถามนี้ไม่มีคำตอบ... และเขาอาจจะไม่อยากรู้มันอีกต่อไปแล้ว
แต่กว่าจะมาถึงวันนี้ได้...
เรื่องราวทั้งหมดของ "เฮียเอก"...
มันเริ่มต้นจากศูนย์...
ไม่สิ...
...จากติดลบต่างหาก
เนื้อหาถูกซ่อนเอาไว้ คุณต้องตอบกระทู้นี้ก่อน
เฮียเอก คนที่มีปมในอดีต เลยต้องทำทุกวิถีทางเพื่อฝังกลบอดีตให้มิด และใช้เงินที่ได้มาสนองความต้องการที่ไม่เคยมี // ปูเรื่องได้น่าตืดตามมากๆครับ ทำให้สนใจว่ากว่าจะถึงจุดนี้ได้ เอกต้องผ่าน-ผจญกับอะไรมาบ้าง
ชีวิตเช่นราชาแต่ก็มีน่าเบื่อหน่าย อะไรที่ได้มาง่ายมันย่อมไม่ตื่นเต้นเช่นนั้นหรือ
อดีตติดลบแล้วสู้ยังไงจนมาได้เป็นเฮียเอกอย่างทุกวันนี้ น่าติดตามอ่านนะครับ