ผมชอบที่ทุกท่านคอมเมนต์นะครับ อ่านแล้วรู้สึกยังไง คาดเดาเนื้อเรื่องว่าจะเป็นยังไง
ขอคอมเมนต์แบบนี้อีกเยอะๆ นะครับ มันเป็นยาชูกำลังให้นักเขียนเป็นอย่างมากครับ
ตอนนี้ไม่รู้จะซ่อนอะไร แต่ผมคิดว่าทุกคนที่อ่านตอนนี้จะอยากอ่านตอน 7 ไวๆ กันอย่างแน่นอนครับ 555
คอมเมนต์ดีๆ จะทำให้ผมปั่นงานไวเสมอ
ลงให้อ่านที่นี่ที่แรก ซึ่งจะไม่เหมือนกับที่ลงตามเว็บแบบเก็บเงินตรงการใช้ภาษาที่หยาบคายดิบเถื่อนกว่านิดหน่อยครับ
ฝากหนังสือใหม่ด้วยนะครับ กดที่ชื่อได้เลย ปรารถนาลับนักล่าแฟน(คนอื่น) (https://shorturl.at/4gkzm)
เรื่องเดิมคือ ความสุขของผมคือการแย่งแฟนคนอื่น แต่ทำใหม่เป็น E-Book ไปเลย และไม่แปลงชื่อหรือสถานที่แล้ว
**** รบกวนท่านใดพอมีเวลาในการอ่าน e-book สักเล่มประมาณ 200 หน้า รบกวนทักข้อความหรือเข้า OPENCHAT (https://shorturl.at/WkgsM) มาหน่อยนะครับ
เป็นการอ่านเพื่อรีวิวก่อนขายจริงครับ ไม่มีค่าตอบแทนใดๆ ครับ ขอประมาณ 8-10 ท่านก็พอครับ ****
อ่านตอนก่อนหน้า หรือผลงานเรื่องอื่นๆ ได้ที่ (ห้องสมุด) (https://xonly8.com/index.php?topic=164679.0) ของผมครับ
และสามารถสนับสนุนให้กำลังใจในการเขียนงาน และอ่านตอนใหม่ ๆ ล่วงหน้าได้ตามช่องทางดังนี้ครับ
(Fictionlog (https://fictionlog.co/u/godersoul))
(ธัญวลัย) (http://www.tunwalai.com/profile/1400787/godersoul?page=1)
(readAwrite) (https://www.readawrite.com/?action=search_article&tab=all&page_no=1&key=godersoul&end=0&chap=0)
(Hongsamut) (https://bit.ly/2Wsuzpo)
EBOOK ผู้คุมจิต
เล่ม1 (https://shorturl.at/CylRg)
เล่ม2 (https://shorturl.at/zJB3N)
เล่ม3 (https://shorturl.at/D7xvb)
เล่ม4 (https://shorturl.at/NcrSg)
เล่ม5 (https://shorturl.at/9JdMp)
เล่ม6 (https://shorturl.at/yb7Cc)
***ท่านใดติดขัด ไม่สะดวกในการอ่านผ่านเว็บอื่นๆ หรือทำไม่เป็น สามารถเข้ากลุ่ม Line OPENCHAT มาสอบถามหรือพูดคุยเรื่องอื่นๆ ได้ครับ (ไม่ระบุตัวตน)***
กดเข้ากลุ่มที่ Link นี้ >>> OPENCHAT (https://shorturl.at/WkgsM)
อย่าลืมเข้าไปพูดคุยกันได้ที่เพจนะครับ
(FACEBOOK PAGE) (https://www.facebook.com/GodersouI)
ณ ห้องเพรสซิเดนเชียลสวีทของโรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล
กาลเวลาดูเหมือนจะเคลื่อนตัวช้าลง
เอกและแพรนั่งรออย่างสงบอยู่บนโซฟาหลุยส์ตัวใหญ่ เบื้องหน้าของพวกเขาคือโต๊ะกาแฟกระจกที่สะท้อนภาพโคมไฟแชนเดอเลียร์คริสตัลระยิบระยับ
และไกลออกไป คือผนังกระจกบานใหญ่ที่เผยให้เห็นทิวทัศน์อันงดงามของโค้งน้ำเจ้าพระยาในยามบ่าย
ทุกอย่างในห้องนี้ กรีดร้องคำว่า "อำนาจ" และ "ความมั่งคั่ง" ที่คนธรรมดาไม่อาจเอื้อมถึง
มันคือสมรภูมิที่พวกเขาเป็นผู้เลือก เป็นเวทีที่พวกเขาเป็นผู้กำกับ และเหยื่อผู้โชคร้าย กำลังจะเดินเข้ามา
เอกยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นมาจิบ เขาไม่ได้ประหม่า แต่กลับรู้สึกถึงความตื่นเต้นที่เย็นเยียบแล่นไปตามสันหลัง
เขามองแพรที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอดูสง่างามและเยือกเย็นในบทบาท "คุณเอเวลีน ชาน" ผู้บริหารจากฮ่องกง
ไม่มีใครดูออกเลยว่าภายใต้ใบหน้าที่เรียบเฉยนั้น คือจิตใจของนางพญาที่กำลังจะเพลิดเพลินกับการขย้ำเหยื่อ
'เกม กำลังจะเริ่มแล้ว' เอกคิดในใจ รอยยิ้มที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าปรากฏขึ้นในความคิดของเขา
ก๊อก... ก๊อก
เสียงเคาะประตูที่นุ่มนวลดังขึ้น
แพรพยักหน้าให้เอกเล็กน้อย เป็นสัญญาณว่า "การแสดง" ได้เริ่มขึ้นแล้ว
พนักงานของโรงแรมในชุดเครื่องแบบที่เนี้ยบกริบ เปิดประตูเข้ามา พร้อมกับผายมือเชิญแขกสองคนให้ก้าวเข้ามาในห้อง
"แขกของคุณชานมาถึงแล้วครับ"
"พี่อาร์ต" หรือ อาทิตย์ และ "มิ้นท์" หรือ มินตรา ก้าวเข้ามาในห้องสวีท
วินาทีแรกที่เท้าของพวกเขาสัมผัสกับพรมขนสัตว์ที่หนานุ่ม ทั้งสองคนก็ถึงกับชะงักไปชั่วขณะ
ดวงตาของพวกเขาเบิกกว้าง มองไปรอบๆ ห้องที่ใหญ่โตและโอ่อ่าราวกับพระราชวังด้วยความตื่นตะลึง
พวกเขาเคยมาประชุมกับลูกค้ารายใหญ่ในโรงแรมหรูมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่มีครั้งไหน ที่จะหรูหราและข่มขวัญได้เท่ากับครั้งนี้
แอร์ในห้องที่เย็นฉ่ำ กลับทำให้แผ่นหลังของอาร์ตชื้นไปด้วยเหงื่อ
เขากลืนน้ำลาย พยายามรวบรวมความมั่นใจที่กระจัดกระจายของตัวเองกลับคืนมา
พวกเขาต้องเดินเป็นระยะทางเกือบสิบเมตร ผ่านห้องรับแขก ผ่านโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ กว่าจะมาถึงส่วนห้องนั่งเล่นที่เอกและแพรนั่งรออยู่
ทุกย่างก้าว เหมือนกำลังเดินเข้าไปในถ้ำเสือที่มองไม่เห็นปลายทาง
และแล้ว เมื่อพวกเขามาถึง สายตาของพวกเขาก็ได้สบกับ "เจ้าของโปรเจกต์ร้อยล้าน" เป็นครั้งแรก
พี่อาร์ตขมวดคิ้ว หัวใจของเขากระตุกวูบ ผู้ชายที่นั่งอยู่ตรงหน้า ในชุดสูทสั่งตัดที่ดูแพงระยับ
บนข้อมือมีนาฬิกา Patek Philippe ส่องประกาย ทำไมใบหน้าของเขาถึงได้ดูคุ้นๆ อย่างน่าประหลาด
แต่รัศมีที่แผ่ออกมา มันคือรัศมีของอำนาจที่เขาไม่เคยสัมผัสมาก่อน มันเป็นไปไม่ได้
แต่สำหรับมิ้นท์ ปฏิกิริยาของเธอนั้นรุนแรงกว่า
ทันทีที่เธอเห็นใบหน้าของชายคนนั้นชัดๆ โลกทั้งใบของเธอก็เหมือนจะหยุดหมุน
ลมหายใจของเธอติดขัด หัวใจหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม
'เป็นไปไม่ได้!' เสียงในหัวของเธอกรีดร้อง 'ไอ้เอก ไอ้เศษฝุ่นนั่น มันมานั่งอยู่ตรงนี้ได้ยังไง!'
สมองของเธอกำลังปฏิเสธภาพที่เห็น เธอพยายามจะบอกตัวเองว่าเธอตาฝาด ว่านี่คือคนที่หน้าเหมือน
แต่ไม่ว่าเธอจะขยี้ตามองกี่ครั้ง ภาพตรงหน้าก็ยังคงไม่เปลี่ยนแปลง
ชายที่นั่งไขว่ห้างอย่างสง่างามบนโซฟา มองมาที่เธอด้วยสายตาที่เรียบเฉย
สายตาของคนที่เหนือกว่า คือ "ไอ้เอก" คนเดียวกับที่เธอเคยใช้ให้ไปซื้อกาแฟ
คนที่เธอไม่เคยแม้แต่จะชายตามอง คนที่เธอเพิ่งจะนินทาเขาในห้องน้ำเมื่อไม่กี่วันก่อน
'นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันวะ!'
เอกและแพรยังคงนั่งนิ่ง ไม่ลุกขึ้นยืน ปล่อยให้ความเงียบและความอึดอัดกัดกินความมั่นใจของแขกผู้มาเยือน
จนกระทั่งพี่อาร์ตทนไม่ไหว ต้องเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน
"สะ สวัสดีครับ คุณ เอเวลีน" เขาเอ่ยทักแพรอย่างตะกุกตะกัก พลางเหลือบมองเอกด้วยความสงสัย
แพรยิ้มอย่างเป็นทางการ เป็นรอยยิ้มที่ไม่ได้ส่งมาถึงดวงตา
"สวัสดีค่ะ คุณอาทิตย์ คุณมินตรา เชิญนั่งก่อนค่ะ"
เธอผายมือไปยังโซฟาฝั่งตรงข้าม ซึ่งถูกจัดวางให้ดูต่ำกว่าโซฟาที่พวกเขานั่งอยู่อย่างจงใจ
อาร์ตและมิ้นท์นั่งลง รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นนักเรียนที่กำลังจะถูกครูใหญ่สอบสวน
"ดิฉันเอเวลีน ชาน ผู้อำนวยการระดับภูมิภาคของ Orion Capital" แพรแนะนำตัวเองอย่างเป็นทางการ
"และนี่คือ คุณเอกพล ที่ปรึกษาพิเศษของเราที่บินตรงมาจากสำนักงานใหญ่เพื่อดูแลโปรเจกต์นี้โดยเฉพาะ"
ชื่อ "เอกพล" มันตอกย้ำความจริงที่น่าสะพรึงกลัวลงไปในใจของมิ้นท์ นี่ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ นี่ไม่ใช่คนหน้าเหมือน
นี่คือเขาจริงๆ
พี่อาร์ตที่ยังคงไม่รู้เรื่อง ได้แต่พยักหน้ารับอย่างนอบน้อม แต่ในใจก็ยังคงสับสน 'เอกพล ทำไมชื่อมันคุ้นๆ'
"เชิญดื่มอะไรก่อนไหมคะ น้ำเปล่า กาแฟ หรือแชมเปญ" แพรเอ่ยถามตามมารยาท
"มะ ไม่เป็นไรครับ/ค่ะ" ทั้งสองคนตอบออกมาแทบจะพร้อมกัน
"ถ้าอย่างนั้น" แพรเอนหลังพิงพนักโซฟา กอดอก แล้วมองไปที่อาร์ตด้วยสายตาที่กดดัน
"เรามาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ Orion Capital มีเวลาไม่มากนัก"
คำพูดของเธอคือการประกาศอย่างชัดเจนว่า ในเกมนี้ ใครคือผู้คุมกฎ
พี่อาร์ตสะดุ้ง เขารีบหยิบไอแพดของตัวเองขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทา
ในขณะที่มิ้นท์ ยังคงไม่สามารถละสายตาไปจากผู้ชายที่ชื่อ "เอกพล" ได้เลย
สมองของเธอกำลังพยายามหาคำตอบให้กับเรื่องราวที่เป็นไปไม่ได้ที่เกิดขึ้นตรงหน้า
'นี่ไม่ใช่ นี่ต้องไม่ใช่ไอ้เอกคนนั้นแน่ๆ'
หลังจากที่อาร์ตและมิ้นท์นั่งลง ความเงียบที่หนักอึ้งก็เข้าครอบงำห้องสวีท
มันเป็นความเงียบที่แพรและเอกจงใจสร้างขึ้น เพื่อกดดันและทำลายขวัญกำลังใจของฝ่ายตรงข้ามก่อนที่สงครามจะเริ่มขึ้นด้วยซ้ำ
พี่อาร์ตพยายามรวบรวมสติ เหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดขึ้นที่ขมับ
เขาพยายามจะไม่เหลือบมองไปที่เอก แต่สมองของเขาก็ยังคงทำงานอย่างสับสน
'เป็นไปไม่ได้ มันจะเป็นไอ้เอกไปได้ยังไง กูต้องตาฝาดไปแน่ๆ'
ในที่สุด เขาก็เป็นฝ่ายทนความเงียบไม่ไหว
"เอ่อ งั้น เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมขออนุญาตเริ่มการนำเสนอเลยนะครับ" เขาพูดพลางหยิบไอแพดของตัวเองขึ้นมาด้วยมือที่สั่นเทาเล็กน้อย
แพรในบท "คุณเอเวลีน" พยักหน้าอนุญาตอย่างสง่างาม โดยไม่ได้เอ่ยอะไร
พี่อาร์ตสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วเริ่มการนำเสนอ
"สวัสดีครับคุณเอเวลีน คุณเอกพล ผมอาทิตย์ และนี่คุณมินตรา เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่ Orion Capital ให้ความสนใจในทีมของเรา"
เขาพยายามพูดด้วยน้ำเสียงที่มั่นใจ ใช้ศัพท์แสงทางการตลาดที่หรูหรา เปิดสไลด์ที่เต็มไปด้วยกราฟและตัวเลข
แต่ทุกอย่างกลับดูเป็นการแสดงที่ฝืนธรรมชาติ เหมือนเด็กนักเรียนที่กำลังท่องจำบทพูดหน้าชั้นเรียน
เพราะในใจของเขานั้น กำลังว้าวุ่นอยู่กับคำถามเดียว
'ไอ้ผู้ชายที่นั่งไขว่ห้างใส่ Patek Philippe เรือนละหลายล้านนั่น มันคือไอ้เอกจริงๆ เหรอวะ'
ขณะที่อาร์ตกำลังพูดพล่ามไปเรื่อยๆ เอกกลับไม่ได้ให้ความสนใจในสิ่งที่เขาพูดเลยแม้แต่น้อย
เขาเอนหลังพิงพนักโซฟาอย่างสบายๆ ยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบ สายตาของเขาทอดมองออกไปยังวิวแม่น้ำเจ้าพระยาเบื้องนอก
เหมือนกับว่าทิวทัศน์ของเรือที่แล่นผ่านไปมานั้นน่าสนใจกว่าโปรเจกต์ร้อยล้านที่อยู่ตรงหน้าเสียอีก
บางครั้ง เขาก็ยกข้อมือซ้ายขึ้นมา มองดูนาฬิกาเรือนงามของเขา
ไม่ได้มองเพื่อดูเวลา แต่เป็นภาษากายที่ส่งไปถึงอาร์ตอย่างชัดเจนว่า
'เวลาของฉันมีค่า และแกกำลังทำให้มันน่าเบื่อ'
การกระทำที่ดูเหมือนไม่ใส่ใจของเอก กลับเป็นอาวุธทางจิตวิทยาที่ทรงพลังที่สุด
มันค่อยๆ กัดกินความมั่นใจของอาร์ตไปทีละน้อย ทำให้เขาเริ่มพูดติดๆ ขัดๆ เหงื่อไหลซึมออกมามากขึ้น
มิ้นท์ที่นั่งอยู่ข้างๆ สัมผัสได้ถึงความผิดปกติ เธอเองก็ไม่สามารถจดจ่อกับสิ่งที่พี่อาร์ตพูดได้ สมองของเธอยังคงพยายามประมวลผลภาพตรงหน้า
เอก ในชุดสูทราคาแพง นั่งอยู่ตรงนั้น ในฐานะลูกค้าคนสำคัญ มันคือเรื่องเหนือจริงที่บ้าบอที่สุด
แพรปล่อยให้อาร์ตพูดไปได้สักพัก จนกระทั่งเขาเริ่มพูดถึงตัวเลขคาดการณ์
เธอจึงตัดสินใจ "แทง" เข้าไปที่จุดอ่อนแรก
"คุณอาทิตย์คะ" เธอพูดแทรกขึ้นมาอย่างสุภาพ แต่คมกริบ
"ดิฉันมีคำถามเกี่ยวกับกลยุทธ์ที่คุณพูดถึง มันดูไม่สอดคล้องกับพฤติกรรมผู้บริโภคในกลุ่ม Ultra-Luxury เลยนะคะ คุณมีข้อมูลอะไรมาสนับสนุนส่วนนี้ไหม"
พี่อาร์ตชะงัก เหมือนถูกต่อยเข้าที่ท้อง
"เอ่อ คือ ทางเราประเมินจาก จากเทรนด์โดยรวมครับ ว่ากลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ จะ จะตอบสนองต่อ..."
"ต่อ 'ความคาดหวัง' ของคุณ อย่างนั้นเหรอคะ" แพรยิงคำถามสวนกลับไปทันที ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ตั้งตัว
"เพราะถ้าการลงทุนระดับร้อยล้านของเราต้องตั้งอยู่บน 'ความคาดหวัง' ของคุณ ดิฉันคิดว่าเราคงต้องทบทวนกันใหม่ บริษัทของเรา ไม่ทำธุรกิจบนความรู้สึกค่ะ เราทำธุรกิจบน 'ข้อมูล' เท่านั้น"
คำพูดของเธอทำให้พี่อาร์ตหน้าซีด เขาพูดไม่ออก ได้แต่อ้ำๆ อึ้งๆ
และในจังหวะที่เขาเปราะบางที่สุดนั้นเอง เอก ที่นิ่งเงียบมานาน ก็ตัดสินใจที่จะลงมือ
เขาหันมามองพี่อาร์ต เป็นครั้งแรกที่เขามองตรงๆ แต่เป็นสายตาที่เต็มไปด้วยความเบื่อหน่ายและผิดหวัง
"คุณอาทิตย์ ผมไม่ได้สนใจตัวเลขในอดีตของคุณ"
เอกกล่าว พลางโบกมือไปทางจอภาพอย่างไม่ใส่ใจ
"และผมก็ไม่ได้สนใจกลยุทธ์ที่คุณท่องจำมาจากตำราเล่มไหน ผมอยากฟัง 'วิสัยทัศน์' ของคุณมากกว่า"
เขาเอนตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย สร้างแรงกดดันที่มองไม่เห็น
"คุณมองตลาดอสังหาฯ ของไทยในอีก 5 ปีข้างหน้าว่าเป็นยังไง"
มันเป็นคำถามระดับผู้บริหาร คำถามที่คนที่เป็นแค่ "เซลส์แมน" ที่เก่งแต่พรีเซนต์งานอย่างอาร์ต ไม่มีทางจะตอบได้อย่างลึกซึ้ง
"เอ่อ..." อาร์ตอึกอัก สมองของเขาว่างเปล่า เขาพยายามเค้นคำตอบที่ดีที่สุดออกมา
"ก็ ก็คงจะเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่องครับ เพราะ เพราะมีนักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจเยอะ โดยเฉพาะชาวจีน"
มันคือคำตอบที่ตื้นเขิน และไร้วิสัยทัศน์โดยสิ้นเชิง
เอกไม่พูดอะไรต่อ เขาเพียงแค่ส่ายหน้าช้าๆ อย่างผิดหวัง
ก่อนจะหันเหสายตาไปจากพี่อาร์ต ราวกับว่าผู้ชายคนนี้ไม่มีค่าพอให้เขาสนใจอีกต่อไป
'หมดเวลาของแกแล้ว ไอ้สารเลว'
เอกคิดในใจ ก่อนที่สายตาของเขาจะเคลื่อนไปจับจ้องที่เป้าหมายต่อไป
ความเงียบที่เกิดจากการเมินเฉยของเอก มันหนักอึ้งและโหดร้ายยิ่งกว่าคำด่าทอใดๆ
พี่อาร์ตยืนค้างอยู่กลางห้อง เหมือนตัวตลกที่เล่นมุกแป้ก
มันคือการประกาศว่า ในสายตาของเขา พี่อาร์ต "สอบตก" โดยสิ้นเชิง
ไม่มีใครหัวเราะ ไม่มีใครสนใจ เขากลายเป็นอากาศธาตุในห้องประชุมที่ควรจะเป็นเวทีของเขา
ในที่สุด สายตาของเอกก็เคลื่อนจากความว่างเปล่านอกหน้าต่าง มาจับจ้องที่ "มิ้นท์"
เป็นครั้งแรก ที่เอกหันมาให้ความสนใจกับเธออย่างเต็มที่
อากาศในห้องเปลี่ยนไปทันที มิ้นท์ที่นั่งตัวลีบอยู่นาน รู้สึกเหมือนถูกสปอตไลท์ดวงใหญ่สาดส่องมาที่เธอ
สายตาของเอกที่มองมา มันไม่ใช่สายตาของ "ไอ้เอก" คนเดิม มันไม่ใช่สายตาของคนที่แอบมองเธอด้วยความชื่นชมอีกต่อไป
แต่มันคือสายตาของ "นักสะสม" สายตาที่เย็นชา พินิจพิเคราะห์ และประเมินค่า
เหมือนเขากำลังมองดูภาพวาดชิ้นงาม แล้วตัดสินใจว่าควรจะซื้อมันไปเก็บไว้ในคอลเลคชั่นส่วนตัวของเขาดีหรือไม่
สายตาแบบนั้น มันทำให้เธอรู้สึกเหมือนถูกเปลื้องผ้า แต่ในขณะเดียวกัน มันก็ทำให้หัวใจของเธอเต้นผิดจังหวะ
"แล้วคุณมินท์ล่ะครับ"
เอกเอ่ยถาม น้ำเสียงของเขานุ่มนวลลงเล็กน้อยเมื่อพูดกับเธอ สร้างความแตกต่างอย่างชัดเจนกับน้ำเสียงเย็นชาที่เขาใช้กับพี่อาร์ต
"ในฐานะคนรุ่นใหม่ที่ใกล้ชิดกับตลาดผู้บริโภคโดยตรง คุณคิดว่าเทรนด์การสื่อสารแบบไหนที่จะเข้าถึงกลุ่มลูกค้าระดับบนของเราได้ดีที่สุด นอกเหนือจากสิ่งที่อยู่ในสไลด์"
คำถามนั้น เป็นการตบหน้าอาร์ตอย่างฉาดใหญ่ และในขณะเดียวกัน ก็เป็นการโยนความรับผิดชอบทั้งหมดมาที่มิ้นท์
'ฉิบหายแล้ว' มิ้นท์คิดในใจ 'ทำไมมาถามฉันล่ะ!'
เธอรู้สึกถึงสายตาของพี่อาร์ตที่จ้องมาที่เธออย่างกดดัน สายตาที่บอกว่า 'มึงต้องตอบให้ได้นะ อนาคตกูอยู่ในมือมึง'
แต่มองกลับไปที่เอก สายตาของเขากลับดูเหมือนจะ "ให้กำลังใจ" มันเป็นสายตาที่บอกว่า 'ผมอยากฟังความคิดของคุณ จริงๆ'
มิ้นท์สับสนไปหมด สมองของเธอกำลังปั่นป่วน แต่แล้ว สัญชาตญาณแห่งการเอาตัวรอดและความทะเยอทะยานก็เข้าควบคุม
นี่คือโอกาส โอกาสเดียวที่จะแสดงให้ผู้ชายคนนี้เห็น ว่าเธอมีค่ามากกว่าแค่ลูกน้องของไอ้โง่ที่นั่งอยู่ข้างๆ
เธอสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามเค้นทุกความรู้ที่เคยเรียนมา ทุกประสบการณ์ที่เคยผ่านมา
เพื่อหาคำตอบที่จะทำให้ชายคนนี้ ชายคนที่เปลี่ยนไปจนน่าเหลือเชื่อ ประทับใจในตัวเธอ
"เอ่อ ดิฉันคิดว่า" เธอเริ่มพูด เสียงของเธอสั่นเทาเล็กน้อยในตอนแรก แต่ก็ค่อยๆ มั่นคงขึ้น
"การใช้ เอ่อ 'Micro-influencer Marketing' (ใช้อินฟลูเอนเซอร์ผู้ติดตามน้อยทำการตลาด) ที่เน้นไลฟ์สไตล์เฉพาะกลุ่ม อาจจะเข้าถึงได้ตรงกว่าการใช้สื่อแบบ Mass นะคะ เพราะลูกค้ากลุ่ม Ultra-Luxury เขาไม่ได้เชื่อใน 'การโฆษณา' แต่เขาเชื่อใน 'รสนิยม' ของคนที่เขาติดตาม"
เธอเห็นเอกพยักหน้าช้าๆ เป็นการส่งเสริมให้เธอพูดต่อ
"เราต้องสร้าง 'Exclusivity' (ความพิเศษ) ให้กับโปรเจกต์ สร้าง 'Inner Circle' (วงใน) ขึ้นมา ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าเขาคือคนกลุ่มแรก กลุ่มเดียว ที่ได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าของ ไม่ใช่การหว่านแหเหมือนสินค้าทั่วไปค่ะ มันคือการสร้าง 'คุณค่า' ทางความรู้สึก ไม่ใช่แค่การขายห้อง"
เมื่อพูดจบ เธอก็กลั้นหายใจ รอคอยคำพิพากษา
เอกนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่รอยยิ้มบางๆ จะปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขา เป็นรอยยิ้มที่แสดงความพึงพอใจอย่างแท้จริง
"ยอดเยี่ยม" เขาเอ่ยชม น้ำเสียงของเขานุ่มนวลแต่ทรงพลัง
"นั่นคือวิสัยทัศน์ที่ผมอยากได้ยิน ไม่ใช่แค่ตัวเลขในสไลด์ แต่เป็นความเข้าใจใน 'จิตวิทยา' ของลูกค้า"
"การสร้าง 'Inner Circle' เป็นแนวคิดที่เฉียบแหลมมาก คุณมิ้นท์"
คำชมเชยของเอกที่มีต่อมิ้นท์ มันคือยาพิษที่เคลือบด้วยน้ำผึ้ง หวานหอมสำหรับผู้ที่ได้รับ แต่กลับแผดเผาผู้ที่ได้แต่มองดูอยู่ข้างๆ
พี่อาร์ตกำหมัดแน่นจนข้อนิ้วขาวซีด ความรู้สึกเหมือนถูกหักหน้าและถูกลดทอนคุณค่ามันรุนแรงเสียจนเขาอยากจะลุกขึ้นอาละวาด แต่เขาก็ทำได้เพียงส่งยิ้มที่แห้งเหือดไปให้ทุกคน
'ไอ้เอก ไอ้เวร มึงกำลังจะขโมยทุกอย่างไปจากกู' เขาคิดในใจ ความโกรธแค้นสุมอยู่ในอก
แต่ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไร แพร ในบทบาทคุณเอเวลีนผู้เฉียบคม ก็ได้เปิดฉากโจมตีระลอกต่อไป เป้าหมายคือตัวเขาโดยตรง
"น่าสนใจมากค่ะคุณมิ้นท์" เธอกล่าวชมเชยมิ้นท์ก่อน แล้วจึงตวัดสายตาที่เย็นเยียบมาทางพี่อาร์ต
"แต่ดิฉันยังติดใจเรื่องตัวเลขคาดการณ์ผลตอบแทนที่คุณอาทิตย์นำเสนออยู่ดี มันดูไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย"
เธอแตะไปที่ไอแพดของเธอเบาๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมา ดวงตาของเธอคมกริบเหมือนมีดผ่าตัด
"จากข้อมูลที่ดิฉันมี ตัวเลขที่คุณอาทิตย์นำเสนอมา มันดูจะสูงเกินจริงไปเกือบ 30% คุณแน่ใจเหรอคะว่าใช้ข้อมูลล่าสุดในการคำนวณ"
พี่อาร์ตหน้าซีดเผือด เขาไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะทำการบ้านมาดีขนาดนี้
ตัวเลขที่เขาใส่ลงไป มันคือตัวเลขที่ "เมค" ขึ้นมาเพื่อทำให้โปรเจกต์ดูสวยหรูและน่าลงทุน
"เอ่อ คือ มันเป็นตัวเลขที่เราประเมินจาก จากเทรนด์โดยรวมครับ ว่ากลุ่มลูกค้ากลุ่มนี้ จะ จะตอบสนองต่อ..."
"ต่อ 'ความคาดหวัง' ของคุณ อย่างนั้นเหรอคะ" แพรยิงคำถามสวนกลับไปทันที ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ตั้งตัว
"เพราะถ้าการลงทุนระดับร้อยล้านของเราต้องตั้งอยู่บน 'ความคาดหวัง' ของคุณ ดิฉันคิดว่าเราคงต้องทบทวนกันใหม่ บริษัทของเรา ไม่ทำธุรกิจบนความรู้สึกค่ะ เราทำธุรกิจบน 'ข้อมูล' เท่านั้น"
คำพูดของเธอสุภาพ แต่คมกริบเหมือนมีดที่กรีดลงบนความน่าเชื่อถือของอาร์ตจนขาดวิ่น
เขาอ้ำๆ อึ้งๆ หาคำตอบที่สมเหตุสมผลมาอธิบายไม่ได้ ได้แต่เหงื่อแตกพลั่ก ดูน่าสมเพชอย่างที่สุด
ขณะที่แพรกำลัง "ชำแหละ" พี่อาร์ตด้วยตรรกะและข้อมูล เอกก็หันกลับมาให้ความสนใจกับมิ้นท์อีกครั้ง
เขาแสร้งทำเป็นไม่สนใจการสนทนาที่น่าเบื่อนั้น แล้วเอนตัวเข้าไปใกล้มิ้นท์เล็กน้อย ลดระดับเสียงลง จนเหมือนเป็นการกระซิบที่ได้ยินกันเพียงสองคน
"คนที่มีศักยภาพ แต่กลับต้องมาจมอยู่กับคนที่ดึงให้ต่ำลง น่าเสียดายนะครับ"
คำพูดนั้น ตรงเข้ากลางใจของมิ้นท์อย่างจัง เธอสะดุ้งเล็กน้อย แล้วเหลือบไปมองพี่อาร์ตที่กำลังหน้าเสีย ก่อนจะหันกลับมามองเอก
"คุณเคยคิดไหมว่า ถ้าคุณได้โบยบินอย่างอิสระ คุณจะไปได้สูงแค่ไหน"
เอกพูดต่อ สายตาของเขาจ้องลึกเข้ามาในตาเธอ มันไม่ได้เป็นแค่คำถาม แต่มันคือการ "เชื้อเชิญ"
มิ้นท์รู้สึกเหมือนหัวใจจะวาย ผู้ชายคนนี้ เขากำลัง "จีบ" เธอ กำลังโปรยเสน่ห์ กำลังเสนอโลกใบใหม่ให้เธอ ต่อหน้าหัวหน้าและคนรักของเธอ
มันเป็นการกระทำที่หยิ่งยโส และน่าตื่นเต้นจนทำให้ร่างกายของเธอร้อนวูบวาบ
'เขา เขามองเห็นฉัน' ความคิดนี้ดังขึ้นในหัว 'เขารู้ว่าฉันต้องการอะไร'
เธอไม่รู้ตัวเลยว่า แก้มของเธอเริ่มแดงระเรื่อ
เธอเผลอยกมือขึ้นทัดผมที่ปรกลงมา เป็นภาษากายของผู้หญิงที่กำลังเริ่มสนใจฝ่ายตรงข้าม
เอกสังเกตเห็นทุกอย่าง เขายิ้มในใจ
พี่อาร์ตที่กำลังจนมุมกับคำถามของแพร เหลือบมาเห็นสายตาที่เอกใช้มองมิ้นท์ เห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของมิ้นท์
ความโกรธและความหึงหวงพุ่งขึ้นมาจนหน้าดำหน้าแดง เขากำลังถูกหยาม ถูกเหยียบย่ำศักดิ์ศรี
ทั้งในฐานะหัวหน้า และในฐานะ "ผัว" แต่เขาทำอะไรไม่ได้ ได้แต่อดทน
บรรยากาศในห้องเต็มไปด้วยความตึงเครียดที่มองไม่เห็น
สงครามจิตวิทยา สงครามแห่งตัณหา และสงครามแห่งอำนาจ ดำเนินไปพร้อมๆ กันอย่างเงียบเชียบ แต่ดุเดือด
ในที่สุด แพรก็จบการ "สอบสวน" ของเธอ เมื่อเห็นว่าพี่อาร์ตไม่เหลือชิ้นดีแล้ว
"ขอบคุณสำหรับคำอธิบายค่ะ ดิฉัน 'เข้าใจ' ทุกอย่างแล้ว"
เธอกล่าว น้ำเสียงของเธอตอกย้ำว่าสิ่งที่เธอ "เข้าใจ" ก็คือความไร้ความสามารถของเขานั่นเอง
ห้องทั้งห้องตกสู่ความเงียบอีกครั้ง เป็นความเงียบที่น่าอึดอัด
พี่อาร์ตเหมือนคนที่เพิ่งผ่านพายุมา ส่วนมิ้นท์ ก็เหมือนคนที่กำลังจะเจอกับพายุลูกใหม่ที่น่าตื่นเต้นกว่าเดิม
เอกมองไปที่มิ้นท์ ด้วยรอยยิ้มที่เธออ่านไม่ออก รอยยิ้มที่เหมือนจะบอกว่า เกมของจริง มันยังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำ
ความเงียบที่น่าอึดอัดเข้าครอบงำห้องสวีทอีกครั้ง พี่อาร์ตยืนนิ่งเหมือนถูกสาป สมองของเขาไม่สามารถหาคำมาอธิบายตัวเลขที่ถูกแพรชำแหละได้
ส่วนมิ้นท์ ก็ยังคงจมอยู่ในภวังค์จากคำชมเชยและสายตาที่ทรงพลังของเอก
ในที่สุด แพรก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบ เป็นการปิดฉากการแสดงละครที่ยาวนานนี้
"ขอบคุณมากค่ะสำหรับข้อมูลในวันนี้" เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงที่เป็นทางการและสง่างาม
"น่าสนใจมากทีเดียว ทางเราจะนำข้อมูลทั้งหมดนี้กลับไปให้บอร์ดบริหารที่ฮ่องกงพิจารณา แล้วจะติดต่อกลับไปอีกครั้ง"
มันเป็นประโยคปิดการประชุมที่สุภาพ แต่ก็ไม่ได้ให้ความหวังที่ชัดเจน
เป็นการปล่อยให้เหยื่อต้องรอคอยอย่างกระวนกระวาย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของเกม
พี่อาร์ตพยายามจะฝืนยิ้ม เขาลุกขึ้นยืน เตรียมจะกล่าวคำอำลาและยื่นมือไปจับเพื่อแสดงความเป็นมืออาชีพเป็นครั้งสุดท้าย
แต่แล้ว... เอกที่นั่งนิ่งมาตลอด ก็เป็นฝ่ายลุกขึ้นยืนบ้าง
เขาไม่ได้เดินไปหาพี่อาร์ต แต่กลับเดินผ่านหน้าราชานักขายผู้พ่ายแพ้ไปอย่างไม่ไยดี แล้วไปหยุดอยู่ตรงหน้ามิ้นท์ ผู้ซึ่งกำลังลุกขึ้นยืนตาม
ระยะห่างของพวกเขาทั้งสองใกล้กันมาก ใกล้จนมิ้นท์ได้กลิ่นน้ำหอม Royal Oud จากตัวเขาอีกครั้ง กลิ่นที่ทำให้หัวใจของเธอสั่นไหว
"ผมประทับใจในวิสัยทัศน์ของคุณมากนะ คุณมิ้นท์" เอกเอ่ยขึ้น น้ำเสียงของเขาต่ำและนุ่มนวล เป็นน้ำเสียงที่เขาใช้กับเธอเพียงคนเดียวในการประชุมครั้งนี้
มิ้นท์ใจเต้นแรง เธอได้แต่พยักหน้า ไม่กล้าพูดอะไร
"แต่โปรเจกต์นี้มีรายละเอียดเชิงลึกบางอย่างที่ค่อนข้างอ่อนไหว"
เขาพูดต่อ สายตาของเขจ้องลึกเข้าไปในดวงตาของเธอ "ผมคงคุยในที่ประชุมใหญ่ไม่ได้"
เขาเว้นจังหวะ ปล่อยให้คำพูดของเขาสร้างความคาดหวังและความตึงเครียดให้ถึงขีดสุด
"ผมอาจจะต้องขอรบกวน นัดคุณคุยเป็นการส่วนตัวอีกครั้ง เพื่อความชัดเจนในทุกมิติ"
มันคือระเบิดลูกสุดท้าย ที่ถูกหย่อนลงมาอย่างนุ่มนวล แต่กลับมีอานุภาพทำลายล้างสูงสุด
พี่อาร์ตที่ได้ยินทุกอย่างชัดเจน หน้าซีดเผือดราวกับกระดาษ
เลือดในกายของเขาเหมือนจะเย็นเฉียบ เขาเข้าใจความหมายของคำว่า "คุยเป็นการส่วนตัว" ดี
มันคือคำประกาศิต คำสั่งเรียกให้แฟนของเขาไป "ขึ้นเตียง" แต่เขา ผู้ซึ่งเป็นแฟน กลับไม่มีปัญญาจะทำอะไรได้เลย
เพราะอนาคตทางการเงินทั้งหมดของเขา ขึ้นอยู่กับคำตอบของผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้า
มิ้นท์ยืนนิ่ง เธอรู้สึกถึงสายตาที่ลุกเป็นไฟของพี่อาร์ตที่จ้องมาจากด้านหลัง
แต่เธอไม่ได้สนใจ เธอสนใจเพียงสายตาของผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า สายตาที่เต็มไปด้วยอำนาจ และคำเชื้อเชิญที่อันตราย
นี่คือทางแยก ทางที่เธอต้องเลือก ระหว่างความภักดีต่อคนรักที่กำลังจะหมดอนาคต กับความทะเยอทะยานที่จะโบยบินไปกับราชันย์องค์ใหม่
เธอไม่จำเป็นต้องใช้เวลาคิดนาน
เธอพยักหน้าช้าๆ เป็นการตอบรับโดยไม่ต้องเอื้อนเอ่ยคำใด
รอยยิ้มพึงพอใจปรากฏขึ้นที่มุมปากของเอก เขายื่นมือออกไป มิ้นท์ยื่นมือที่สั่นเทาของเธอไปสัมผัส
เขาจับมือเธอไว้ นานกว่าปกติเล็กน้อย ใช้นิ้วหัวแม่มือลูบไล้ที่หลังมือของเธอเบาๆ เป็นการกระทำเล็กๆ แต่กลับส่งกระแสความเสียวซ่านไปทั่วร่างของมิ้นท์
"หวังว่าจะได้พบคุณอีกเร็วๆ นี้นะครับ"
ทันทีที่ประตูลิฟต์ส่วนตัวของโรงแรมปิดลง ความเยือกเย็นที่พี่อาร์ตพยายามรักษาไว้ต่อหน้าลูกค้าก็มลายหายไปสิ้น
เขากระชากแขนของมิ้นท์อย่างแรงจนเธอเซไปปะทะกับผนังลิฟต์
"มันเกิดบ้าอะไรขึ้นวะมิ้นท์!"
เขาตะคอกใส่หน้าเธอ น้ำลายฟุ้งกระจาย ดวงตาของเขาแดงก่ำด้วยความโกรธและความอัปยศ
"ทำไมมันถึงเป็นไอ้เอก! ไอ้กระจอกนั่นมันไปรวยมาจากไหน! แล้วที่มันขอนัดมึงคุยส่วนตัว มันหมายความว่ายังไง!"
มิ้นท์สะบัดแขนออกอย่างแรง แววตาของเธอมองเขากลับอย่างเย็นชาและรังเกียจ
ภาพของพี่อาร์ตที่เคยดูดีและเป็นผู้นำ ตอนนี้กลับดูน่าสมเพชในสายตาเธอ
"แล้วจะให้มิ้นท์ทำยังไงล่ะคะ" เธอตอบกลับเสียงเรียบ
"ในเมื่อลูกค้าเขาเป็นคนขอ พี่อาร์ตจะให้มิ้นท์ปฏิเสธโปรเจกต์ร้อยล้านเหรอคะ"
"แต่มึงก็เห็นสายตาที่มันมองมึง!" พี่อาร์ตขึ้นเสียง "มันจะเย็ดมึง! มึงไม่รู้หรือไง!"
"แล้วไงคะ" มิ้นท์สวนกลับ คำพูดของเธอเย็นเยียบเหมือนน้ำแข็ง
"ถ้าการ 'คุยส่วนตัว' มันจะทำให้เราได้งานนี้ ทำให้พี่อาร์ตมีเงินไปใช้หนี้ แล้วทำไมมิ้นท์จะทำไม่ได้ หรือพี่อาร์ตอยากจะกลับไปให้เจ้าหนี้ตามกระทืบเหมือนเดิมล่ะคะ"
คำพูดของเธอแทงใจดำของพี่อาร์ตอย่างจัง เขาอ้าปากค้าง พูดไม่ออก
เขาต้องการเงิน เขาต้องการดีลนี้มากกว่าชีวิตของเขาเสียอีก เขาไม่มีทางเลือก และมิ้นท์ก็รู้ดี
"พี่ไม่สนว่ามันคือใคร!" ในที่สุดเขาก็ตะโกนออกมาอย่างคนสิ้นหวัง "แต่มิ้นท์ต้องไป! ทำทุกอย่างให้เราได้งานนี้มา เข้าใจไหม!"
มิ้นท์มองหน้าเขาด้วยสายตาที่ว่างเปล่า ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ
"เข้าใจค่ะ พี่อาร์ต มิ้นท์จะ 'ทำทุกอย่าง' เพื่อ 'เรา'"
แต่ในใจของเธอ คำว่า "เรา" ไม่ได้มีพี่อาร์ตรวมอยู่ในนั้นอีกต่อไปแล้ว
...กลับมาในห้องสวีท
ทันทีที่ประตูบานใหญ่ปิดลง หน้ากากที่เป็นทางการของเอกและแพรก็ถูกถอดออก
"ฮ่าๆๆๆ!" แพรระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างที่ไม่เคยทำมาก่อน
"สุดยอด คุณทำได้ยอดเยี่ยมมากค่ะ คุณเอกพล คุณเห็นหน้าไอ้ผู้ชายคนนั้นไหม อย่างกับหมาโดนน้ำร้อนลวก!"
เอกยิ้มออกมาอย่างพึงพอใจ เขารู้สึกถึงอะดรีนาลีนที่พลุ่งพล่านไปทั่วร่าง
ความรู้สึกนี้ มันดีกว่าการมีเซ็กส์เสียอีก
มันคือความสุขจากการได้ควบคุมชะตาชีวิตของคนอื่น จากการได้เหยียบย่ำคนที่เคยอยู่สูงกว่าให้จมดิน
"ปลา งับเหยื่อแล้ว" เอกพูดเสียงเรียบ แต่แววตากลับลุกโชน
"งับเต็มๆ เลยล่ะค่ะ" แพรเห็นด้วย "เธอจะตอบรับนัดแน่นอน ผู้หญิงอย่างมิ้นท์ ไม่มีทางปล่อยโอกาสแบบนี้ไป"
เอกเดินไปที่หน้าต่าง มองดูเมืองที่ไม่เคยหลับใหล ชัยชนะครั้งนี้มันหอมหวาน แต่มันก็เป็นเพียงก้าวแรก
การประชุมจบแล้ว แต่เกมของจริง เพิ่งจะเริ่มขึ้นเท่านั้น
นับว่าเป็นการสอดประสานที่ลงตัว คนหนึ่งลุกไล่ อีกคนคอยให้ความหวัง
แพรนี่แหละเจ้าแม่ตัวจริงร้ายมาก
::Thankyou:: ทำงานแรกก็เข้าขากันได้อย่างดี อย่างนี้หลังแก้แค้น ต้องมีงานต่อไปแน่นอน ::Falling::
มา ๆ เอกพลคนใหม่จะเป็นยังงัย
สมกับเป็นเจ้าแม่จริงๆทำงานเข้าขากันมาก อยากเห็นลุคใหม่ของเอกพลตอนอยู่กับมิ้นท์
ร้ายสุดๆเลย
เหยื่อของคุณแพรกับเอกคือมิ้นท์ที่เคยดูถูกเอกไว้อย่างโหดร้าย งานนี้เอกต้องเอาคืนให้หนำใจแน่
เนื้อหามีความน่าสนใจครับดูมีความซับซ้อนในเชิงอารมณ์ของตัวละคร แต่งออกมาได้ดีมากเลยครับ
เขียนบทได้ดีและคุณเอกพลกับคุณแพรทำได้ดีมากครับ ชวนให้ลุ้นว่าเมื่อปลาเริ่มงับเบ็ดแล้ว จะเดินเกมยังไงต่อไป
ชอบตอนนี้มากเลยครับ
ตัวละคร 4 ตัว มีบทบาททางอารมณ์หลายด้านเลย
และคุณแพรนี่ ยิ่งสนใจปมของตัวละครนี้มากๆเลย
เก่งมาก รวยมาก และยังต้องคิดต่อด้วยว่า แล้วเพื่อนๆเขา ที่ร่วมเล่นเกมโปรเจคนี้กัน ตอนนี้เป็นไงบ้าง
เนื้อเรื่องดีมากครับการวางแผนล่อเหยื่อเป็นระบบจนเหยื่อไม่มีทางออกเลย
ผู้เขียนอาจตั้งใจมากจนทำให้พี่อาร์ตลุกนั่งซิตอัพตลอดการสนทนา ส่วนการใช้ภาษาคือการคุมโทนได้อย่างดีเยี่ยมอ่านแล้วอดรีนาลีนหลั่งตาม
ยกยออีกคนเพื่อเหยียบย่ำอีกคนเหมือนกระทืบใจให้แหลกสลาย
วางเค้าโครงใด้ดีมาก
แพรเหมาะเป็นเจ้าแม่