การคมนาคมทางอากาศในทวีปยุโรป ได้รับผลกระทบอย่างหนัก และสนามบินหลายแห่งต้องปิดทำการ เนื่องจากภูเขาไฟในไอซ์แลนด์ปะทุและพ่นเถ้าถ่านควันไฟออกมาปกคลุมน่านฟ้าเหนือยุโรปเป็นบริเวณกว้าง ตั้งแต่กลางสัปดาห์ที่ผ่านมา แต่จนถึงขณะนี้นักวิทยาศาสตร์ก็ยังบอกไม่ได้ว่า เมื่อใดที่เขม่าควันเหล่านี้จะสลายหมดไป
บีบีซีนิวส์รายงานว่า ขณะนี้การปะทุของภูเขาไฟเอยาฟจาลาโยคูลล์ (Eyjafjallajokull) ในไอซ์แลนด์ กำลังทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น หรือว่ากำลังจะบรรเทาลง ก็ยังเป็นเรื่องที่ไม่ชัดเจน ซึ่งนักวิทยาศาสตร์เองก้กำลังพยายามทำงานอย่างหนักเพื่อให้ได้ข้อมูลว่าภูเขาไฟลูกนี้จะปะทุต่อเนื่องไปอีกหลายวัน หลายสัปดาห์ หรือว่าหลายเดือนหรือไม่
ทว่า ศ.โจน เดวิดสัน (Professor Jon Davidson) นักวิทยาศาสตร์โลกจากมหาวิทยาลัยเดอรัม (University of Durham) ในสหราชอาณาจักร บอกต่อบีบีซีนิวส์ว่า การปะทุของภูเขาไฟไม่ใช่ต้นเหตุของปัญหา แต่สิ่งที่ทำให้เกิดปัญหาคือกระแสลมที่มีอยู่ทั่วไปต่างหากที่เป็นตัวพัดเถ้าถ่านที่พวยพุ่งออกมาจากปากปล่องภูเขาไฟให้แพร่กระจายปกคลุมไปทั่วสหราชอาณาจักร
ทั้งนี้ เมื่อเช้าวันที่ 16 เม.ย. ที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์ในไอซ์แลนด์ได้รายงานว่ายังคงมีเถ้าถ่านปะทุออกมาจากภูเขาไฟลูกดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง ยิ่งทำให้เกิดหมอกควันลอยสูงขึ้นไปในชั้นบรรยากาศเพิ่มขึ้นจากเดิมที่มีอยู่แล้ว และแผ่ขยายออกไปอย่างต่อเนื่อง ซึ่งนักวิจัยระบุว่าน่าจะเป็นเช่นนี้ต่อไปอีกหลายวัน
ด้าน ดร.เดวิด โรเธอรี (Dr David Rothery) นักภูเขาไฟวิทยาจากมหาวิทยาลัยโอเพน (Open University) ในสหราชอาณาจักร มีความเห็นสอดคล้องกับรายงานดังกล่าว พร้อมกล่าวว่า มันเป็นเรื่องปกติที่ภูเขาไฟระเบิดแล้วเกิดมีหมอกควันแผ่กระจายปกคลุมไปทั่วบริเวณใกล้เคียง และเมื่อถึงจุดที่หมอกควันหนาแน่นมากที่สุด มันก็จะค่อยๆ จางหายไปที่ละน้อยๆ จนหมด
อย่างไรก็ดี ขณะนี้นักวิทยาศาสตร์กำลังพยายามสืบหาว่า ภูเขาไปจะยังคงปะทุต่อเนื่องไม่หยุดหรือไม่ ซึ่งหากเป็นเช่นั้นมันระเบิดเถ้าถ่านพุ่งออกมาเป็นแนวสูงก็จะมีเกิดหมอกควันไปรวมกับกลุ่มหมอกควันชุดเดิมที่ล่องลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศอย่างต่อเนื่อง และถูกพัดพากระจายไปปกคลุมน่านฟ้าอังกฤษและยุโรปขยายเป็นวงกว้างออกไปมากขึ้นเรื่อยๆ
ล่าสุดจากสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของสหราชอาณาจักรและสำนักงานอุตุนิยมวิทยาของไอซ์แลนด์ รายงานว่าขณะนี้เถ้าถ่านภูเขาไฟพวยพุ่งออกมาเป็นจังหวะแทนที่จะออกมาอย่างต่อเนื่อง
ศ.เดวิดสัน กล่าวต่อว่า ไม่มีทางที่จะทำนายได้เลยว่าภูเขาไฟเอยาฟจาลาโยคูลล์จะปะทุขึ้นเมื่อไร ซึ่งภูเขาไฟลูกนี้เริ่มต้นปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 20 มี.ค. ที่ผ่านมา ฉะนั้นตามหลักแล้วแสดงว่ามันปะทุต่อเนื่องมาแล้วเกือบหนึ่งเดือน
"เรามักจะเฝ้าระวังอะไรที่เกี่ยวข้องกับการเกิดแผ่นดินไหว เนื่องจากเราสามารถคาดการณ์การเปลี่ยนแปลงของพฤติกรรมของภูเขาไฟที่เป็นผลจากแผ่นดินไว ซึ่งบอกให้รู้ได้ว่ามันจะมีความเคลื่อนไหวมากขึ้นหรือลดลง และในเวลานั้นมีแผ่นดินไหวเกิดขึ้นในไอซ์แลนน้อยกว่ามากๆ ในวันก่อนๆ ที่ภูเขาไฟจะปะทุขึ้นเมื่อวันที่ 14 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งนี่อาจหมายถึงเลวร้ายที่สุดมากยิ่งกว่า" ศ.เดวิดสัน อธิบาย
ขณะที่ ดร.ไมค์ เบอร์ตัน (Dr Mike Burton) นักวิจัยผู้เชี่ยวชาญด้านภูเขาไฟ จากสถาบันธรณีฟิสิกส์และภูเขาไฟวิทยาแห่งชาติอิตาลี (Italian National Institute for Geophysics and Volcanology) ซึ่งได้วิเคราะห์ตัวอย่างของเถ้าถ่านกลุ่มแรกๆ จากภูเขาไฟเอยาฟจาลาโยคูลล์ พบว่าแมกมาจากภูเขาไฟเอยาฟจาลาโยคูลล์เต็มไปด้วยซิลิกอนมากกว่าหินภูเขาไฟที่ปะทุขึ้นก่อนหน้านั้นในระยะเริ่มต้น ซึ่งบ่งบอกได้ 2 นัยสำคัญ
ประการแรก เถ้าถ่านที่ออกมามีความละเอียดมากกว่า ด้วยขนาดอนุภาคที่เล็กกว่าเมื่อเทียบกับหินภูเขาไฟ ซึ่งเถ้าถ่านที่ละเอียดนี้จะลอยขึ้นสูงได้ง่ายและมากกว่า ประการที่สอง ภูเขาไฟอาจจะระเบิดได้มากขึ้น เนื่องจากแมกมาที่มีความหนืดมากกว่า ซึ่งแมกมาที่เหนียวหนืดมากกว่านี้ทำให้ก๊าซไหลผ่านได้ยากกว่า เพราะเหตุนี้มันจึงมีความดันเกิดขึ้นได้ง่ายกว่า
ทั้งนี้ ตลอดทั้งวันที่ 15-16 เม.ย. ที่ผ่านมา ภูเขาไฟเอยาฟจาลาโยคูลล์ยังคงพ่นเขม่าควันออกมาอย่างต่อเนื่องเป็นปริมาณมาก ซึ่งเขม่าควันส่วนใหญ่ถูกพัดไปทางตะวันออกอย่างช้าๆ และลอยสูงขึ้นไปถึง 30,000 ฟุต ซึ่งฝุ่นควันเหล่านี้สามารถเข้าไปอุดตันและทำให้เครื่องยนต์ของอากาศยานขัดข้องได้ จึงให้สายการบินต่างๆ ยกเลิกเที่ยวบินที่ต้องบินผ่านเข้าไปในกลุ่มเขย่าควันจากภูเขาไฟ
ด้านจิม เฮย์วูด (Jim Haywood) นักวิจัยของสำนักงานอุตุนิยมวิทยา ยืนยันว่าเขาและทีมงานจะสามารถตรวจจับอนุภาคเถ้าถ่านจากภูเขาไฟเอยาฟจาลาโยคูลล์ที่ลอยอยู่เหนือท้องฟ้าสหราชอาณาจักรได้
"มันมีเป็นหย่อมๆ แต่มีอยู่แน่นอนแม้ว่าคุณจะมองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เรากำลังคิดหาวิธีการคาดการณ์ว่าเถ้าถ่านเหล่านี้จะอยู่ได้นานเท่าไร แต่นั่นมันจะต้องขึ้นอยู่กับการปะทุของภูเขาไฟด้วย ซึ่งเราก็กำลังทำงานอย่างใกล้ชิดกับนักวิทยาศาสตร์ในไอซ์แลนด์เพื่อให้ได้ข้อมูลที่ทันสมัยที่สุดของการปะทุของภูเขาไฟดังกล่าว" เฮย์วูด เผย
เครดิต เวปเพื่อนบ้าน