เรื่องผีๆวิญาณ อาถรรพ์นั้น เป็นเรื่องที่อยู่คู่กับโลกเรามานาน ไม่ว่าโลกจะพัฒนาไปแค่ไหนแล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่มีวิทยาศาสตร์แขนงไหนที่พิสูจน์ได้สักกะที
แม้กระทั่งในสหรัฐอเมริกาที่เป็นประเทศที่ไฮเทคที่สุดในโลกก็ไม่เว้น ยังมีเรื่องผีๆไปกับเขาด้วย
เรื่องที่ผมกำลังเสนอนี้เป็นเรื่องของบ้านร้างหลังหนึ่งในมหานครนิวยอร์ก ที่ได้รับการขนานนามว่าเป็นบ้านผีสิงที่เฮี้ยนที่สุดในสหรัฐครับ
บ้านสไตล์ดัตซ์ สูงสามชั้นหลังนี้มีชื่อว่า "อมิตี้วิลล์" สร้างขึ้นเมื่อปี ค.ศ. 1927 (พ.ศ. 2470) บนเนื้อที่ 0.28 เอเคอร์ (0.7 ไร่) เดิมตั้งอยู่เลขที่ 112 โอเชี่ยนอเวนิว มีพื้นที่ใช้สอย 3,600 ตารางฟุต ภายในมีทั้งหมด 11 ห้อง แบ่งเป็น 5 ห้องนอน 3.5 ห้องน้ำ พร้อมห้องนั่งเล่น ห้องครัว ห้องรับประทานอาหาร แฟมิลี่รูม ชั้นใต้ดิน อู่จอดเรือ และที่จอดรถ
ตอนที่สร้างบ้านหลังนี้เสร็จใหม่ ชาวอินเดียนแดงเผ่าชินเนคอล์ก(เผ่าอินเดียนแดงพื้นเมืองเดิมของนิวยอร์ก)ได้ทักเลยว่าที่นี่เต็มไปด้วยสิ่งชั่วร้าย
คดีโรนัล ดัลโฟร์
หลังคดีโรนัล ดัลโฟร์ บ้านหลังนี้ก็ถูกประกาศขายแต่ขายไม่ออก จึงถูกปล่อยทิ้งร้างนานถึง 1 ปี จนกระทั่งคู่สามีภรรยา จอร์ชและเคที่ ลุทซ์ ได้ซื้อต่อบ้านหลังนี้พร้อมเฟอร์นิเจอร์ในราคาถูก(80000 ดอลล่าร์)
แต่สุดท้ายพวกเขาก็ต้องเผ่นหนีออกจากบ้านหลังนี้อย่างเสียขวัญทั้งๆที่เข้าไปอยู่ได้ไม่ถึงเดือนโดยไม่ทันได้เอาอะไรติดตัวไปเลย
อะไรคือสาเหตุให้พวกเขาต้องทำเช่นนั้น ผมจะเล่าเป็นลำดับแล้วกันนะครับ
-วันแรกที่เข้าไปอยู่ จอร์ชได้เชิญบาทหลวงมาทำพิธีปัดเป่าสิ่งชั่วร้าย ซึ่งบาทหลวงก็ทำพิธีไปเรื่อยๆโดยไม่มีอะไรผิดปกติ แต่พอขึ้นไปทำพิธีที่ห้องใต้หลังคาเท่านั้นแหละ บาทหลวงก็รีบวิ่งหน้าตาตื่นออกจากบ้านไปทั้งๆที่ยังทำพิธีไม่เสร็จเลย
-คืนแรกที่เข้าไปอยู่ เคที่ได้ทำความสะอาดห้องน้ำ ห้องครัว จนสะอาด แต่คืนวันต่อมาห้องน้ำและห้องครัวกลับมาสกปรกเหมือนเดิมโดยไม่ทราบสาเหตุ
-เย็นวันหนึ่งคณะที่เคที่ล้างจานอยู่ในครัว เธอก็รู้สึกว่ามีใครบางคนมาจับหลังเธอ แต่พอหันไปดูกลับไม่พบใคร
-คืนหนึ่ง ขณะที่จอร์ชและเคที่กำลังหลับสนิทอยู่บนห้องนอนบนชั้น 2 พวกเขาก็ได้ยินเสียงวงดุริยางค์กำลังบรรเลงเพลงอยู่ชั้นล่าง มีครบเซตทั้งกลอง แตร ฯลฯ แต่พอลงมาดูที่ชั้นล่างก็ไม่พบสิ่งผิดปกติอะไร
-มีอยู่วันหนึ่งจอร์ชได้ซื้อรูปปั้นสิงโตมาจากเทกซัส เขานำมันมาตั้งไว้ที่ห้องรับแขก แล้วเย็นวันนั้นเขาก็มานั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ข้างๆรูปปั้นสิงโตตัวนั้น แล้วอยู่ดีๆรูปปั้นสิงโตตัวนั้นก็กระโดดเข้างับแขนเขาเฉยเลย พอเขาร้องเรียกให้คนมาช่วย รูปปั้นสิงโตตัวนั้นก็กลับไปยืนสงบนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
-มีอยู่คืนหนึ่ง ขณะที่จอร์ชและเคที่กำลังนั่งผิงไฟอยู่ที่เตาผิง พวกเขาก็ได้สังเกตเห็นควันไฟก่อตัวเป็นรูปคน สักพังมันก็กลายเป็นคนขึ้นมาจริงๆ และทำท่าว่าจะกระโจนเข้าทำร้ายพวกเขา พวกเขาจึงได้วิ่งหนีขึ้นไปบนบ้าน พอลงมาดูอีกทีปรากฎว่าปีศาจตนนั้นได้หายไปแล้ว แต่บริเวณเตาผิงได้มีรอยไหม้ที่มีรูปร่างเหมือนคนอยู่
-มีอยู่คืนหนึ่ง จอร์ชได้ออกมากวาดหิมะที่นอกชาน แล้วเขาก็พบว่ามีหมูป่าตัวใหญ่ นัยตาสีแดงอยู่บนห้องนอนของลูกชายที่ใต้หลังคา เขาจึงรีบวิ่งขึ้นไปช่วยลูกชายทันที แต่พอขึ้นไปก็พบว่าลูกชายทำยังกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วหมูตัวนั้นก็ออกไปลอยอยู่นอกหน้าต่างแล้ว พอรุ่งเช้าจอร์ชก็พบว่ามีรอยกีบเท้าสัตว์ขนาดใหญ่อยู่บนพื้นหิมะหน้าบ้าน
-มีอยู่คืนหนึ่ง ขณะที่จอร์ชและเคที่กำลังหลับสนิท จอร์ชก็รู้สึกตัวตื่นขึ้นมากลางดึก แล้วพบว่าร่างของเคที่ลอยขึ้นเหนือเตียงเกือบเมตร สักพักร่างของเธอก็หล่นตุบลงมานอนตะแคงข้างๆตัวเขา พอเขาผลิกตัวเธอขึ้นมาดูก็ปรากฎว่าหน้าของเธอกลายเป็นใบหน้าเละๆของปีศาจไปเสียแล้ว เขาเลยร้องจ๊ากรีบกระโจนไปหลบอยู่ข้างเตียง พอตั้งสติได้ก็ขึ้นไปพลิกตัวภรรยาขึ้นมาดูอีกครั้ง ปรากฎว่าเธอกลับมาเป็นเคที่คนเดิมแล้ว
-และครั้งสุดท้ายที่ทำให้พวกเขาต้องเผ่นหนีออกจากบ้านหลังนั้น ก็คือมีอยู่วันหนึ่งที่พวกเขากับลูกอีก 3 คนนั่งรับประทานอาหารเย็นกันในห้องรับแขก แล้วอยู่ดีก็มีเลือดไหลออกจากพนังบ้านจนย้อมบ้านทั้งหลังจนแดงฉาน เจอแบบนี้แล้วใครจะอยู่ได้ล่ะ พวกเขารีบเผ่นหนีออกจากบ้านหลังนั้นโดยไม่ทันได้หยิบข้าวของอะไรติดมือออกมาเลย
กลายเป็นหนัง ชื่อเสียงก้องโลก ไม่นานจากนั้น เรื่องราวสยองขวัญภายในบ้านหลังดังกล่าวก็ถูกนำมาถ่ายทอดเป็นนวนิยายชื่อ "The Amityville Horror: A True Story" ผลปรากฏว่าขายดีเป็นเทน้ำเทท่า และถูกนำมาสร้างเป็นภาพยนตร์ครั้งแรกเมื่อปี ค.ศ. 1979 (พ.ศ. 2522) นำแสดงโดย เจมส์ โบรลิน และมาร์กอท คิดเดอร์ หลังจากนั้นก็มีการสร้างภาคต่อของภาพยนตร์เรื่องนี้ขึ้นมาอีก 7 ครั้ง และรีเมคขึ้นใหม่อีกครั้งในปี ค.ศ 2005 (พ.ศ. 2548) โดยใช้ชื่อภาษาไทยว่า "ผีทวงบ้าน" นั่นเอง