🧡 XONLY 🧡

FICTION ZONE => เรื่องเล่าประสบกามเสียว => เรื่องเสียวซีรีย์ => หัวข้อที่ตั้งโดย: mimza12348 เมื่อ กรกฎาคม 05, 2015, 12:12:48 หลังเที่ยง

ชื่อ: ศึกสองนางพญา 21-25
โดย: mimza12348 เมื่อ กรกฎาคม 05, 2015, 12:12:48 หลังเที่ยง
 ศึกสองนางพญา ตอนที่ 21 รสสวาทแม่ชีเทพยดา 1
เหมียวคำราม

กลางดึกคืนนั้นเอี้ยชงนอนไม่หลับ คิดถึงการกระทำของนักพรตผอมซูบแล้วแค้นใจ ขณะนั้นรู้สึกปวดท้อง จึงผลักประตูออกมาตั้งใจจะเข้าห้องน้ำ พลันเห็นชายชุดดำคลุมหน้ากำลังก้มหน้าก้มตาอยู่ที่หน้าห้องเช็งเซียนจื้อ ก็ร้องว่า
"เจ้าทำอะไร"
ชายชุดดำพอเห็นว่าเป็นเอี้ยชงก็อุทานรีบวิ่งหนีกระโดดออกไปทางหน้าต่างอย่างรวดเร็ว เอี้ยชงกำลังจะไล่ตามพลันฉุกคิดห่วงใยอาจารย์ ยามนั้นเห็นโลหะสีเงินเป็นรูปกะเรียนตกอยู่ที่หน้าห้อง จึงหยิบขึ้นมาดู เห็นที่ปากกะเรียนมีควันจางๆพุ่งออกจากรูเล็กๆ กลิ่นหอมอย่างแปลกประหลาดโชยเข้าจมูกถึงกับสมองหมุนเวียนก็ตกใจ รีบกลั้นลมหายใจ เคาะประตูเรียก
"อาจารย์"
ไม่มีเสียงตอบภายใน ซ้ำยังมีเสียงร้องครางเบาๆ เอี้ยชงร้อนใจรีบผลักประตูเข้าไปทันที
เห็นภายในห้อง เช็งเซียนจื้อบิดกายร้องครวญคราง หน้าแดงฉานอยู่บนเตียงก็ใจหายวูบ รีบปิดประตูวิ่งเข้าไปหา
"อาจารย์ เกิดอะไรขึ้น"

เช็งเซียนจื้อไม่ตอบคำ เปลือกตาที่หลับพริ้มสั่นระริก หอบหายใจแรง ส่งเสียงครวญครางดังออกจากปากจิ้มลิ้ม ร่างงดงามบิดไปมาทำให้ปกจีวรหลุดลุ่ยแบะออก เห็นเนินอกขาวใสละเอียดราวกับหยกขาว ชายกระโปรงก็เลิกสูงจนเห็นช่วงขาเพรียวงาม ผิวเนื้อขาวละเอียดเรียบลื่นต้องแสงไฟจนละลานตา เอี้ยชงเป็นบุรุษหนุ่มอายุเยาว์เห็นอาจารย์รูปงามของตนโป๊ ถึงกับเกิดอารมณ์จนลำควยลุกแข็งปั๋งตั้งชันขึ้นมาอย่างไม่รู้ตัว

"อาจารย์ ท่านเป็นอะไร..."

เอี้ยชงไม่รู้ว่า ที่เช็งเซียนจื้อนอนดีดดิ้นครวญครางเพราะถูกผงกะเรียนพร่าสวาทของชายลึกลับชุดดำ ผงนี้เป็นยาปลุกอารมณ์ที่เหล่ามิจฉาชีพใช้กับสตรี มันออกฤทธิ์อย่างรวดเร็วทำให้สตรีเกิดอารมณ์ทางเพศอย่างรุนแรง อันที่จริงพลังฝีมือของเช็งเซียนจื้อนั้นสูงล้ำสามารถต่อต้านยาพิษได้ทั้งปวง แต่ผงกะเรียนไม่ใช่ยาพิษทั่วไปที่ทำร้ายร่างกาย มันเพียงแต่กระตุ้นให้สตรีร่านสวาท ลมปราณบริสุทธิ์ของ เช็งเซียนจื้อจึงไม่สามารถต่อต้านได้ เมื่อฤทธิ์ยาแผ่ซ่านก็บังเกิดความเคลิบเคลิ้ม สติกระเจิดกระเจิง เมื่อได้ยินเสียงบุรุษ ยิ่งเกิดอาการร้อนรุ่ม ในความเคลิบเคลิ้มไม่รู้ด้วยซ้ำว่า นี่เป็นเสียงของเอี้ยชงศิษย์รักของตน

เอี้ยชงตอนหยิบกะเรียนเงินมาดูก็ได้กลิ่นของผงกะเรียนไปบ้างทำให้เกิดความร้อนรุ่มอยู่แล้ว ครั้นได้ยินเสียงหอบคราง ทั้งเห็นภาพที่ยั่วยวนกวนสวาท ก็ทำให้ลำควยแข็งปั๋งจนไม่สามารถยับยั้งใจได้ ต้องก้มลงไปประกบจูบปากจิ้มลิ้มของเช็งเซียนจื้ออย่างลืมตัว

"อืม...อือออ..."

เช็งเซียนจื้อครวญครางอยู่ในลำคอ กลิ่นกายอันหอมกรุ่นโชยเข้าจมูก เอี้ยชงเกิดความกระสันจนเต็มที่ เคลื่อนตัวขึ้นไปนอนทาบบนร่างงามที่นอนหงายอยู่บนเตียง ปากยังคงประกบดูดไซร้พัวพันกับลิ้นของเช็งเซียนจื้อ มือเปะปะลูบคลำเอาที่ทรวงอกอวบอูมอยู่ไปมาอย่างหื่นกระหาย รู้สึกถึงความเต่งตึงของปทุมถันของเช็งเซียนจื้อต้องตะโบมขยำอย่างมันส์มือ

"อูยยย  นมแข็งดีเหลือเกิน อืมมมม"

เอี้ยชงพึมพำโอบกอดร่างอาจารย์สาวไว้แน่น มือลูบไล้ไปมาตามสัดส่วนที่งดงาม เช็งเซียนจื้อถูกผู้ชายลูบคลำไปตามเนื้อตัวเป็นครั้งแรกในชีวิต ก็ยิ่งบังเกิดความเสียวซ่านครวญคราง แลกลิ้นกับศิษย์รักอย่างไม่รู้ตัว มือที่โอบกอดร่างของเอี้ยชงลูบไล้ไปมาอยู่ที่เอวของเขา เอี้ยชงดื่มด่ำดูดความหอมหวานจากปากของเช็งเซียนจื้อ ท่อนควยของถูไถไปมากลับหน้าขาของอาจารย์ จนทำให้นางต้องขมิบหีหลั่งน้ำเงี่ยนออกมาอย่างไม่รู้ตัว

เอี้ยชงระดมจูบไปตามหน้าตา แล้วไซร้ไปที่ใบหูกระซิบ
"อูยยย อาจารย์ ตัวหอมเหลือเกิน อูยยยยย"

เช็งเซียนจื้อถูกเอี้ยชงจับหีจับนมจนเงี่ยน ต้องแหงนหน้าครวญคราง เอี้ยชงเลื่อนตัวลงใช้สองมือขยำทรวงอกอันอวบอูมของนางอย่างเมามัน แล้วกระชากจีวรออกจนเห็นปทุมถันอวบอูมขาวผ่อง ยอดถันเป็นสีชมพูเม็ดเล็กๆตั้งชันบอกความเงี่ยนของเจ้าของ วงป้านเป็นสีระเรื่อจางๆขนาดกำลังงดงาม เอี้ยชงใช้สองมือขยำเต้านมทั้งสองข้างอย่างรุนแรงสร้างความเสียวซ่านให้เช็งเซียนจื้อต้องบิดหน้าครวญคราง เอี้ยชงยิ่งย่ามใจก้มลงตวัดลิ้นเลียไปที่หัวนม ปลายลิ้นฉกตวัดตามสัญชาตญาณของผู้ชาย เช็งเซียนจื้อถึงกับบิดกายเร่าๆสูดปากครวญคราง ไม่หยุด มือเริ่มเคลื่อนเปะปะเอี้ยชงต้องจับมือนางชูขึ้นไปวางแนบกับข้างหูไม่ให้เลื่อนออกมากีดขวางการดูดเลีย แล้วก้มลงขบเม้มบดขยี้ที่ยอดปทุมถัน ฉกลิ้นถี่ยิบ แล้วอ้าปากอมดูดอย่างแรงราวกับทารกดูดนมมารดา

"อา.......ซี๊ด..โอ...เสียว.."

ลิ้นของเอี้ยชงตวัดไปที่ปลายยอดอย่างเมามันสลับกับการขบเม้ม จากนั้นก็เลื่อนตัวขึ้นกลับไปประกบปากจูบต่อ ท่อนควยของเขาเสียดสีถูไถกับโคกสวาทของเช็งเซียนจื้ออีกอครั้ง จากสัมผัสทำให้เช็งเซียนจื้อรับรู้ถึงความแข็งแกร่งของท่อนลำสองขาถ่างอ้าออกรัดต้นขาของเอี้ยชง โอบกอดเขาไว้ ปากก็แลกลิ้นอย่างเร่าร้อน เอี้ยชงยันตัวลุกขึ้นมา ร่างของเช็งเซียนจื้อที่กอดรัดเขาแน่นก็ตามเขาขึ้นมาด้วย สองขาเรียวงามรัดพลันกวัดรัดเอวเอี้ยชงไว้แน่น พร้อมกับส่ายหน้าท้องบดเบียดกับลำควยของเขาอย่างเสียวซ่าน

"อูยยย...ชงยี้....เสียว..อูยยยย"

เช็งเซียนจื้อร้องครางส่ายตูดบดโคกหีให้เบียดกับลำควยที่แข็งปั๋งนั้น
เอี้ยชงใช้สองมือยึดศีรษะของนางไว้ ปากยังคงประกบดูดดื่มความหอมหวาน มือข้างหนึ่งโอบกอดนางไว้  อีกข้างลูบไล้ต่ำลงไปตามแผ่นหลังเนียนแล้วสอดเข้าไปในขอบกางเกงลูบคลำขยำแก้มก้นอวบงอน เช็งเซียนจื้อหมอเรี่ยวหมดแรง ตัวสั่นระริกต้องเอนร่างลงเอาสองมือยันพื้นไว้ แต่ขายังรัดอยู่รอบเอวของเอี้ยชงส่ายสะโพกบดโคกหีไปมาด้วยความเงี่ยน

"อา...อา...อูยยย"

เอี้ยชงจำเดิมเป็นเด็กเรียบร้อยเคารพเช็งเซียนจื้อมาตลอด แต่ยามนี้ถูกฤทธิ์ยากะเรียนทำให้ไม่สนใจอะไรทั้งสิ้น ใช้มือข้างหนึ่งขยำแล้วบี้หัวนมอาจารย์รูปงามของตัวเองอย่างรุนแรงไม่ปราณี แล้วก้มลงประปากขบเม้ม ดูดดุนและใช้ฟันงับดึงหัวนมของนางขึ้นมา เช็งเซียนจื้อตัวสั่นระริก เสียวซ่านสุดขีด โดนทั้งมือทั้งปากของเอี้ยชงจู่โจมไปที่ปทุมถันทั้งสองข้างอย่างหิวกระหาย
ได้ยินเสียงดูดหัวนมดังจ๊วบๆ ยิ่งเสียวซ่านขาที่รัดรอบเอวของเอี้ยชงสั่นระริกเหยียดเกร็ง เอี้ยชงเอนหลังลงล้มตัวลงนอนบนเตียง ดึงร่างอาจารย์สาวขึ้นมาให้เป็นฝ่ายคล่อมทับร่างของตน เช็งเซียนจื้อเงี่ยนจนไม่สนใจแล้วว่านี่เป็นศิษย์ของตนเอง โน้มตัวลงไปตามประกบจูบ กดตูดอวบใหญ่เบียดโคกหีกับลำควยของศิษย์รัก ปทุมถันอวบอูมถูไถกับแผงอกของเขา

"อูยยย...อูยยยยย...เสียว...ซี๊ดดดด....อาจารย์ส่ายหีอย่างนี้มันส์ควยดีเหลือเกิน...ซี๊ดดด"

เอี้ยชงสูดปากชมเชยอาจารย์ของตัวเอง แล้วสอดมือเข้าไปในกางเกง บีบคลำขยำแก้มก้นอย่างเมามันทำเอาเช็งเซียนจื้อเงี่ยนถึงกับผละปากออก สูดร้องครวญคราง

เอี้ยชงที่นอนอยู่ข้างใต้นาง ดันให้นางยกตัวขึ้นอยู่ในท่าคลานสี่เท้า แล้วรูดกางเกงของนางลงไปที่ขาอ่อน สอดมือเข้าไปในกางเกงใน ลูบคลำกับก้นที่เปล่าเปลือยของนาง บีบแก้มก้น รูดนิ้วไปที่ง่ามตูด แล้วคลานออกมาจากใต้ร่างของนาง ทำให้เช็งเซียนจื้ออยู่ในสภาพคลานสี่เท้าอยุ่บนเตียงคนเดียว เอี้ยชงอ้อมมาด้านหลังรูดกางเกงนางลงไปจนถึงเข่า

"ยกขาซิอาจารย์ ชงยี้จะช่วยถอดกางเกงให้"

เช็งเซียนจื้อหน้าแดงฉานด้วยความเงี่ยน ช่วยยกขาให้เขาถอดกางเกงออกไปทางปลายเท้า เอี้ยชงเห็นสะโพกอวบขาวของอาจารย์ ตาวาวโรจน์ควยตั้งแข็งปั๋ง มือรวบกางเกงในนางรูดแนบติดกับร่องก้น ใช้นิ้วลูบไล้ไปบนเป้ากางเกงใน แล้วก้มลงเลียไปบนแผ่นหลัง เช็งเซียนจื้อโก่งตูดส่ายขมิบหีหลั่งน้ำเงี่ยนออกมาจนชุ่มกางเกงใน ใบหน้างามถูไถไปมาบนเตียงสูดปากครวญครางไม่หยุด

เอี้ยชงยังคงสนุกอยู่กับการขยำตูดผสมกับการลูบคลำร่องหีของนางไปมา จากนั้นเขาก็ลุกขึ้น รูดกางเกงในของนางลงไปที่ขาอ่อน แล้วใช้สองมือแบะแก้มก้นของนางออก ดูรูตูดของอาจารย์ เห็นขนตูดขึ้นบนผิวเนื้อที่ขาวละเอียดอ่อนอยู่หรอมแหรม

ภาพที่เห็นตรงหน้าทำให้หัวใจของเอี้ยชงเต้นถี่เร็ว ตาแทบจะถลนออกจากเบ้า เพราะไม่เคยเห็นรูดตูดของผู้หญิงที่ไหนมาก่อน คิดไม่ถึงว่ารูตูดที่เห็นครั้งแรกในชีวิตจะเป็นรูตูดของอาจารย์ที่สวยสง่าของตัวเอง

เอี้ยชงขยำแก้มตูดจับนางเอนพิงกับอกเขา แล้วยื่นหน้าประกบจูบปากอาจารย์อีกครั้ง จากนั้นก็จับนางถ่างขา แลบลิ้นไล่พัวพันดูดความหอมหวาน นิ้วก็เขี่ยไปมาที่ปากถ้ำสวาทของนาง

"อูยยย อูยยยย เสียวเหลือเกิน เสียวหีจะตายแล้ว อูยย ซี๊ดดดดด"

เช็งเซียนจื้อหลับตาร้องครวญคราง ขาแบะอ้าให้เอี้ยชงสอดนิ้วเข้าไปเขี่ยรูหีได้อย่างสะดวก เอี้ยชงจับนางนอนหงายลงบนเตียง แล้วเลื่อนตัวไปอยู่ที่หว่างขา ถ่างขาเพรียวงามทั้งสองข้างออก แล้วก้มลงดูโคกหี เห็นมันอวบอูมนูนเป็นโหนกสามเหลี่ยม มีขนหมอยดกดำขึ้นรกครึ้มเต็มหน้าขา ร่องหีปิดสนิทเพราะครองพรหมจรรย์ไม่เคยให้ลำควยของบุรุษใดผ่านเข้าไปก่อน

เอี้ยชงแหวกกลีบหีของนางแล้วก้มลงใช้ลิ้นเลียไปที่กลีบหอมหวานแล้วฉกลิ้นเข้าไปข้างใน
เช็งเซียนจื้อเจอลิ้นของศิษย์รักไชรูหีถึงกับร้องครวญคราง สะบัดหน้าไปมา เงี่ยนจนต้องจับขาของตัวเองให้แบะออกกว้างๆเพื่อให้ศิษยร์รักใช้ลิ้นไซร้จุดสำคัญในรูหีได้อย่างเต็มที่

"ชงยี้ ชงยี้ อูยยยย"

............................................................. .

ศึกสองนางพญา ตอนที่ 22 มารหื่นมากันเป็นฝูง
เหมียวคำราม

เอี้ยชงฉกลิ้นไซร้หีของนางอย่างต่อเนื่อง เช็งเซียนจื้อหอบหายใจแรงจนหน้าท้องแบนเรียบกระเพื่อมเป็นลูกคลื่น อดไม่ได้ต้องเด้งตูดแอ่นโคกหีบดเข้าหาปากของเอี้ยชงพร้อมกับกดศีรษะให้เบียดเข้ามามากขึ้น เอี้ยชงยื่นลิ้นจู่โจมไปที่เม็ดแตด ตวัดเลียถี่ยิบ เช็งเซียนจื้อสะบัดหน้าไปมา เสียวสยิวแทบขาดใจ

"ชง..ชง..ชงยี้ อา จารย์ เสียววว...ซี๊ดดดดด"

เอี้ยชงถอนปากออก เอาสองนิ้วสอดเข้าไปในรูหีนาง แล้วชักเข้าออก น้ำเงี่ยนจากรูหีถูกขมิบออกมาจนเปียกชุ่มมือ ขาเรียวงามสั่นระริกก่อนจะหุบเข้ามาอย่างลืมตัว เอี้ยชงต้องจับขาของนางให้ถ่างออก นิ้วยังคงชักเข้าออกเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว

"อูยยย อูยย เสียวเหลือเกินชงยี้ เสียว ซี๊ดดดดดด จะขาดใจตายอยู่แล้ว"

เอี้ยชงชักนิ้วออก ก้มลงเลียไปตามร่องหีจนถึงร่องตูด ดูดน้ำหวานของแม่ชีเทพยดาดังซี๊ดซ๊าด เช็งเซียนจื้อมือเท้าหงิกงอ หมดเรี่ยวหมดแรง ถูกเขาใช้นิ้วดุนดันรูหีจนกระถดกายถอยหนีอย่าลืมตัว ศีรษะตกห้อยไปที่ขอบเตียง ปากจิ้มลิ้มสูดครวญครางด้วยความเงี่ยน แถมใช้นิ้วแบะกลีบหีของตัวเองให้เอี้ยชงใช้นิ้วชักเข้าออกอย่างสะดวก เสียงชักนิ้วดังเฉาะแฉะ น้ำเงี่ยนจากรูหีแตกกระเซ็นจนเลอะเต็มเตียง


"ซี๊ดดด...อา....ชงยี้...ดี...อย่างนั้น........แรงขึ้น..อา...แรงอีกแรงขึ้นอีก..ซี๊ดด....อาซ์...โอยยย.."

มือของเช็งเซียนจื้อเริ่มเปะปะอย่างไม่รู้จะวางไว้ที่ไหน เอี้ยชงเปลี่ยนเป็นล้มตัวนอน แล้วดึงอาจารย์ของตัวเองขึ้น ให้เช็งเซียนจื้อคล่อมตัวไว้ เช็งเซียนจื้อก้มหน้าใช้ลิ้นสีชมพูโลมเลียไปตามผิวเนื้อของเขาอย่างรู้ ดูดเม้มหัวนม แล้วไซร้ไปที่สะดือ จากนั้นก็ดึงกางเกงศิษย์รักออก นั่งคุกเข่าเลียไปตามลำควยที่แข็งตัวจนลุกโด่ เอี้ยชงยังอายุน้อยลำควยมีขนาดไม่ใหญ่นัก และหัวก็ยังไม่บาน เช็งเซียนจื้อใช้ลิ้นเลียลำควยไปมา แล้วก็อ้าปาก อมท่อนควยของเขาจนแก้มตุ่ย

"อูยยย อาจารย ดีจังเลย เสียววว อูยยยย ดูดแรงๆ ซี๊ดดดด"

เช็งเซียนจื้อดูดควยจนน้ำเงี่ยนเอี้ยชงแทบแตก ต้องรีบดันนางออก แล้วลุกขึ้นจับนางแยกขาห้อยที่ขอบเตียง จ่อลำควยเข้าที่รูหี ตาแดงก่ำมองหน้างามสะคราญของเช็งเซียนจื้อ หอบหายใจแรง
เอี้ยชงตั้งใจจะเย็ดอาจารย์ของตนเองแน่แล้ว

"ชงยี้...ดัน...ดัน...เข้ามาเลย..." เช็งเซียนจื้อกำลังเงี่ยนสุดขีด พูดเสียงสั่นสะท้าน แขนขาขาวผ่องกางอ้าออกเป็นการเชิญชวน

เอี้ยชงทำท่าจะกดลำควยเข้าไป พลันก็มีเสียงกระแทกประตูดังโครม ยังไม่ทันที่จะรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ก็รู้สึกร่างถูกเหวี่ยงโครมเข้าใส่ผนัง ศีรษะถูกกระแทกจนมึนงงทรุดลงมานั่งกองอยู่ที่พื้น จากนั้นก็รู้สึกว่ามีนิ้วยื่นเข้ามาสกัดจุดตามร่างกายจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ จากนั้นก็ได้ยินเสียงหัวเราะฮาฮาดังขึ้น  เมื่อหายมึนงงจึงเห็นเป็นนักพรตโฉดเจ็ดคนยืนอยู่ในห้อง ตนรู้จักสองในเจ็ดนั้น หนึ่งคือนักพรตจมูกแบนยืนอยู่ที่หน้าเตียง ส่วนนักพรตผอมซูบอีกคนยืนอยู่ที่เบื้องหน้าคาดว่าเป็นคนสกัดจุดตนแน่แล้ว

"เจ้าเด็กบัดซบ! บิดาอุตส่าห์เสี่ยงตายใช้ผงกะเรียนมอมนังชีน้อย เด็กน้อยเจ้ากลับจะชุบมือเปิบ ช่างชั่วร้ายถึงขีดสุด"

เอี้ยชงถูกสกัดจุดไม่สามารถเอ่ยปากได้ แรงกระแทกทำให้ได้สติกลับคืนมา พอได้ยินที่มันกล่าวก็เข้าใจในสถานการณ์กระจ่างทั้งหมด รู้สึกเดือดดาลปนอัปยศ ถลึงจ้องมองหน้ามัน ดวงตาแดงฉานคลั่งแค้น ราวกับจะมีเปลวไฟพุ่งออกมา

นักพรตผอมซูบหัวเราะฮาฮากล่าวเยาะเย้ยต่อว่า
"เจ้าลูกเต่า ถลึงจ้องมองอันใด คงแค้นที่บิดามาขัดขวางความสุข วางใจเถอะรอบิดาเจ้าเย็ดนังชีน้อยให้ครบทุกคนก่อน แล้วจะปล่อยให้เจ้าหาความสำราญต่อ ฮา ฮา"

นักพรตจมูกใหญ่ก็กล่าวบ้าง
"เด็กน้อยเจ้าไร้ประสพการณ์ ลองศึกษาลีลาของบิดา เชื่อว่าจะได้ประโยชน์มากมาย"

นักพรตผอมซูบไม่สนใจเอี้ยชงอีก เห็นเช็งเซียนจื้อนอนเปลือยเปล่าล่อนจ้อนถ่างขาอยู่บนเตียง บนใบหน้างามสะคราญแดงฉานเปี่ยมด้วยความเคลิบเคลิ้มเลอะเลือน ตาหลับพริ้ม ใช้สองนิ้วล้วงรูหีตัวเองอย่างเมามันส์ ท่าทียียวนกวนราคะสุดขีด มารร้ายต้องกลืนน้ำลาย กล่าวเสียงแหบแห้งกับนักพรตจมูกใหญ่ว่า

"ป้กเฮี้ยงซือเฮืย นางชีน้อยเป็นศิษย์ของแม่ชีเทพยดาเช็งเซียนจื้อแน่หรือ"
"ไม่ผิดพลาดไปได้ เราเพียงเห็นแส้ปัดของนาง มีสัญญลักษ์ดอกบัวสีแดงหนึ่งตูมสองบานงอกออกจากกิ่งเดียวกัน ล้วนเป็นดังที่อาจารย์บอกไว้ทั้งสิ้น"

ยามนั้นนักพรตคิ้วขาว ท่าทางมีอาวุโสสูงสุดพยักหน้า กล่าวเสริมว่า
"ถูกต้อง แส้ปัดนั้นเป็นของแม่ชีเทพยดาเช็งเซียนจื้อจริงๆ"

ที่แท้นักพรตโฉดทั้งสองถูกแม่ชีเทพยดาขู่จนเตลิดหนี ก็แค้นใจนำความไปปรึกษากับนักพรตคิ้วขาวทีเป็นซือเจ็ก เหล่านักพรตโฉดจึงพากันมาหวังจะใช้ผงกะเรียนสยบนางแล้วข่มขืนเป็นการแก้แค้น มิคาดว่าจะถูกเอี้ยชงพบเห็น ทั้งหมดไม่แน่ใจว่าผงกะเรียนออกฤทธิ์กับเช็งเซียนจื้อหรือยัง จึงรอจนแจ่ใจแล้วจึงเข้ามาลอบทำร้าย

บรรดานักพรตชั่วร้ายเหล่านี้ได้ยินชื่อเสียงของเช็งเซียนจื้อโดยไม่เคยเห็นตัวจริง ครั้นเห็นแม่ชีตรงหน้ามีใบหน้าอ่อนเยาว์ ผิวเนื้อผุดผ่องสดใส จึงเข้าใจผิดคิดว่านางเป็นศิษย์ของเช็งเซียนจื้อ

นักพรตผอมซูบนามป้กติ้งไถ่ถามต่ออย่างกังวลว่า
"ซือเจ็ก ถ้าหากนางชีโสโครก เอาเรื่องนี้ไปฟ้องกับเช็งเซียนจื้อ เราจะไม่เดือดร้อนกันใหญ่หรือ"
นักพรตคิ้วขาวแสยะยิ้มกล่าวว่า
"นังชีน้อย ลักลอบได้เสียกับเจ้าเด็กหน้าขาว พฤติกรรมอุบาทว์บัดซบอย่างนี้ ยังจะมีหน้าไปบอกใครได้"
ป้กเฮี้ยงพยักหน้ากล่าวเสริม
"ซือตี๋เจ้าไม่ต้องกลัวให้มากไป รีบเปิดบริสุทธิ์นางก่อน เป็นการแก้แค้นที่นางหักข้อมือเจ้า"

บรรดานักพรตโฉดคนอื่นๆพากันสนับสนุนเซ็งแซ่ นักพรตผอมซูบค่อยแย้มยิ้มออกมา สีหน้ากลับกลายเป็นลำพองจนไม่มีความหวาดหวั่นหลงเหลืออยู่ ร้องขอบคุณซือเจ๊กซือเฮีย จากนั้นปลดกางเกงตัวเองออก เห็นลำควยใหญ่อวบอูม เดินควยโด่เด่ ปลายหัวบานชี้ไปที่เช็งเซียนจื้อซึ่งนอนถ่างขาจ้องมองอย่างหิวกระหาย

"นังชีโสโครก ดูลำควยของเต้าเอี้ย เป็นไง"
เช็งเซียนจื้อกำลังเงี่ยนสุดขีด ครั้นลืมตาเห็นท่อนควยของป้กติ้งกระดกหัวหงึกหงัก เส้นเลือดเป็นสีม่วงคล้ำนูนเป็นเส้นหงิกงอ มีขนาดใหญ่กว่าของเอี้ยชงอย่างเทียบไม่ติด ต้องเสียวจนขมิบหีปล่อยน้ำเงี่ยนออกมาจนชุ่มโชกโพรงสวาทของตัวเอง ร่ำร้องว่า
"ท่าน...เอา...เข้ามาในรูหีเราเถอะ"
พูดแล้วลุกขึ้นจะจับลำควยของป้กติ้ง แต่พรตโฉดผลักนางล้มลงแล้วหันไปทางป้กเฮี้ยง
"ซือเจ็ก อย่างนี้ไม่ดีแน่"
"ทำไม" นักพรตคิ้วขาวขมวดคิ้วถามด้วยความสงสัย
"หากให้นังชีโสโครกลิ้มรสควยของเรา กลับจะเป็นการให้ความสุขแก่นางแพศยาไป ไม่สมกับความแค้นที่ทำไว้"
ป้กเฮี้ยงกล่าวว่า
"อย่างนั้นก็ให้ซือเจ็ก สกัดจุดทำลายพลังฝีมือนาง แล้วให้นางกินยาขจัดพิษ รับรู้ความอัปยศที่ถูกพวกเราข่มขืน"
ป้กติ้งมีสีหน้าลิงโลด โน้มตัวคารวะนักพรตคิ้วขาวกล่าวว่า
"รบกวนซือเจ็กแล้ว"

นักพรตคิ้วขาวยิ้มอย่างชั่วร้าย กระโดดขึ้นไปคล่อมร่างของเช็งเซียนจื้อ
"ท่าน ถอดกางเกงออกเถอะ"
เช็งเซียนจื้อร้อง ยื่นมือไปหมายช่วยปลดกางเกงของนักพรตคิ้วขาวด้วยความเงี่ยน แต่นักพรตโฉดแสยะยิ้มตวาด
"นังชีแพศยานอนลง"
มือยกขึ้นจี้ไปที่ทรวงอกอวบอูม และท้องน้อย เช็งเซียนจื้อรู้สึกตัวอ่อนระทวยหมดเรี่ยวแรง นอนหงายผึ่งลงบนเตียง ตากลมโตมองหน้านักพรตคิ้วขาวอย่างเลอะเลือนไม่เข้าใจ

นักพรตคิ้วขาวล้วงมือเอาห่อผ้าออกจากอกเสื้อตนเอง แล้วคลี่ออกหยิบยาสีเขียวมาหนึ่งเม็ดยัดเข้าปากของเช็งเซียนจื้อ แล้วบีบกรามบังคับให้นางกลืนลงไป จากนั้นกระโดดลงจากเตียง ตวาดสั่ง
"ป้กติ้ง เย็ดนางให้สะใจเลย"

............................................................. .

ศึกสองนางพญา ตอนที่ 23 งัดข้อกับเจาเหยินกงจู้
เหมียวคำราม

ยังไม่ทันที่ปุกติ้งจะขยับตัว ยาขจัดพิษก็ออกฤทธิ์อย่างรวดเร็ว เช็งเซียนจื้อพลันรู้สึกตัวขึ้น ดวงตาเปลี่ยนจากเคลิบเคลิ้มเลอะเลือนเป็นสดใสปานน้ำค้างกลางหาว แต่พอเห็นบรรดานักพรตโฉดชั่วยืนกันเต็มห้อง บางคนเปลือยท่อนล่างเห็นลำควยขนาดต่างๆกัน สภาพของตัวเองก็เปลือยเปล่าทั้งตัว !
เช็งเซียนจื้อกรีดร้อง กระโดดลุกขึ้นยืนด้วยความตื่นเต้นตกใจ รีบเกร็งพลังกลับรู้สึกว่าไม่สามารถรวบรวมลมปราณได้ ใจหายวาบ แต่ด้วยสัญชาตญาณทำให้พยายามวิ่งหนีออกจากห้อง....

............................................................. .

ฉางผงกงจู้ในชุดขาว ปกเสื้อปักรูปหงส์คู่สีฟ้า นั่งดูหนังสืออยู่ข้างโต๊ะกลางห้องนอนของพระขนิษฐา
นางกำนัลเฟยจินเอ๋อยืนปรนนิบัติอยุ่ด้านข้าง สีหน้าอดปรากฏแววร้อนรุ่มกระวนกระวายมิได้
พลันเห็นม่านมุกเลิกวูบ เจาเหยินกงจู้เดินเข้ามาโดยมีแนเสี่ยวเชี่ยนตามติดอยู่ด้านหลัง
เฟยจินเอ๋อรีบสะอึกเข้าหา คิดกล่าวกระไร เจาเหยินกงจู้ชิงบอกใบ้ห้ามปรามไว้ เดินถึงเบื้องหน้าฉางผิงกงจู้ กล่าวอย่างยิ้มแย้ม
"พี่ท่าน ไฉนมาเยือนอย่างกะทันหัน"
ฉางผิงกงจู้เงยหน้าจากหนังสือ กล่าวว่า
"เนื่องเพราะปฎิบัติการของเจ้าวันก่อน เป็นที่ห่วงใยกังวลของเรา"
"ผู้น้องเพียงคิดช่วยหยั่งตื้นลึกหนาบางของเฉาฮั่วฉุนให้กับท่าน"
ฉางผิงกงจู้ยีดกายขึ้นช้าๆ กล่าวเสียงราบเรียบ
"อย่างนั้นเรายังต้องขอบใจเจ้าแล้ว"
"นั่นกลับไม่ต้อง เพียงแต่ภายหน้าพวกท่านควรอนุญาตผู้น้องเข้าร่วมปฏิบัติการด้วย"
"น้องเรา เราที่ไม่บอกเจ้าเพราะไม่ต้องการให้เจ้าเสี่ยงอันตราย"
เจาเหยินกงจู้กระแทกนั่งลงบนเก้าอี้ กล่าวอย่างดื้อดึง
"เพียงจัดการกับเฉาฮั่วฉุน มีอันใดเสี่ยงอันตราย"
"เจ้ายังกล่าวอีก ครั้งนี้เจ้าชิงลงมือ ก่อกวนทำลายแผนการของเรา ทั้งแทบถูกเฉาฮั่วฉุนคร่ากุมไป เจ้าหากเป็นอะไรไป เรากับพระบิดาจะทำอย่างไร"
เจาเหยินกงจู้รีบกุมมืออ่อนนุ่มของผู้เป็ยเจ้เจ๊ไว้ กล่าวว่า
"พี่ท่าน ผู้น้องจะไม่หุนหันพลันแล่นอีก"
"น้องเรา ตอนที่พวกเจ้าอยู่ในห้วงคับขัน ใช่ปรากฏยอดฝีมือเข้าช่วยเหลือหรือไม่"
"ถูกแล้ว หนึ่งคือกระบี่ดอกท้อเหวียนยั่วเฟยอีกผู้หนึ่งคือแม่ชีเทพยดาเช็งเซียนจื้อ"
ฉางผิงกงจู้ซักถามว่า
"ตอนนี้อยู่ที่ใด"
เจาเหยินกงจู้หน้าแดงซ่านกล่าวเบาๆว่า
"เหวียนยั่วเฟยอยู่ที่ตึกหอมหวน ส่วนแม่ชีเทพยดาผู้น้องไม่ทราบ"
ฉางผิงกงจู้ผงกศีรษะช้าๆ ดวงตาทอประกายวูบ

............................................................. .

ภายในหอห้องเขตตึกหอมหวน อบอวลด้วยบรรยากาศชวนวาบหวาม เหวียนยั่วเฟยร่ำสุราชมดูระบำรำฟ้อนคลอเคลียกับเอี๋ยนอู๋ซวง และเหล่านางคณิกา ที่ห่างไปยังนั่งด้วยนักดนตรีตาบอดผู้หนึ่ง

ตึกหอมหวนเป็นซ่องคณิกาชั้นสูง สตรีทุกนวลนางมีรูปโฉมงดงาม จัดเจนวิชาระบำรำฟ้อน เพียงขายเสียงไม่ขายตัว

เหวียนยั่วเฟยกับเอี๋ยนอู๋ซวงคลอเคลียกันอยู่หลังโต๊ะเตี้ย ยกจอกดื่มสุราโบกพัดจับด้วยท่าทีงามสง่า มองดูนางระบำห้านางกรีดกรายรำอยู่ตรงหน้า

นางระบำทั้งห้า หนึ่งโบกพัดขนนกสีชมพู หมุนตัวร่ายรำอย่างอ่อนช้อยงดงาม อีกสี่นางถือถาดดอกไม้ประดิษฐ์ กรีดกรายวนเวียนอยู่รอบข้าง จนผู้คนตาละลานพร่าพราย

เหวียนยั่วเฟยชมดูจนปรบมือ ร้องชมเชยว่า
"วิเศษแท้ นับเป็นการเริงรำอันอ่อนช้อย ชั่วชีวิตยากที่จะพบพาน"

นางรำบำที่โบกพัดขนนกสีชมพูพอฟังย่อกายคารวะอย่างชดช้อย กล่าวว่า
"กงจื้อชมเชยเกินไป"

เหวียนยั่วเฟยไม่ทันกล่าว พลันได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือ แม่เล้าตึกหอมหวนมือขวากุมต้นแขนซ้าย วิ่งกระหืดหระหอบเข้ามา กล่าวว่า
"เหวียนกงจู้ เบื้องนอกมีโกวเนี้ยดุร้ายรุดมาสองนอง บอกว่าต้องการพบท่าน แต่กงจื้อสั่งว่าไม่รับแขก เราจึงออกปากปฎิเสธ มิคาดพวกนางกลับทุบตีแขนของเราข้างนี้แทบหักไป"
เหวียนยั่วเฟยเลิกคิ้วอันเรียวงามกล่าวว่า
"เป็นผู้ใดดุร้ายปานนี้"
"เป็นพวกเรา"

สุ้มเสียงสดใสสองเสียงดังพร้อมเพรียง หน้าประตูเพิ่มดรุณีสาวสองนาง กลับเป็นแนเสี่ยวเชี่ยนและเฟยจินเอ๋อ
เหวียนยั่วเฟยจดจำออกว่า พวกนางเป็นนางกำนัลคนสนิทของเจาเหยินกงจู้ ดังนั้นยิ้มออกมากล่าวว่า
"ที่แท้เป็นโกวเนี้ยทั้งสอง เราเข้าใจว่าติดค้างหนี้รักของผู้ใดเสียอีก"
เฟยจินเอ๋อกล่าวอย่างขุ่นเคือง
"ท่านอย่าได้กล่าวเหลวไหล องค์หญิงพวกเราทั้งสองขอเชิญท่านเข้าวังไปหารือเรื่องราว"
"ขออภัย เราไม่มีเวลา"
"ไม่ได้ องค์หญิงเมื่อสั่งมา ท่านต้องไปให้จงได้"
เหวียนยั่วเฟยกล่าวอย่างยิ้มแย้ม
"องค์หญิงพวกท่านทั้งสองดุร้ายปานนี้?"
"อย่าได้พร่ำไร้สาระ ท่านที่แท้จะไปหรือไม่?"
เหวียนยั่วเฟยส่ายหน้าช้าๆ กล่าวว่า
"ไม่ไป"
แนเสี่ยวเชียนร้องว่า
"อย่างนั้นอย่าได้โทษว่าพวกเราเสียมารยาทแล้ว
เสียงดังร่างถึง สะอึกถึงเบื้องหน้าเหวียนยั่วเฟยยื่นมือตะปบใส่หัวไหล่อีกฝ่ายหนึ่ง
เหวียนยั่วเฟยยังนั่งแน่วนิ่ง เพียงยกพัดจีบในมือจี้วูบ ก็จี้ใส่จุดชาของนาง แนเสียวเชียนหมุนขวับไปตามแรงจึ้ จากนั้นยืนแข็งทื่อกับที่

เฟยจินเอ๋อชมดูจนหน้าแปรเปลี่ยนไป สะอึกเข้ามาสมทบ ฟาดฝ่ามือใส่เหวียนยั่วเฟยอย่างหักโหม
เหวียนยั่วเฟยตวัดพัดจีบปิดสกัดสภาวะฝ่ามือของนาง จากนั้นจี้พัดออก ก็จี้สกัดจุดชาของเฟยจินเอ๋อ เฟยจินเอ๋อก็หมุนกลับไป ยืนแข็งทื่ออีกผู้หนึ่ง

เหวียนยั่วเฟยยีดกายขึ้นช้าๆ พอดีอยู่หว่างกลางของแนเสี่ยวเชี่ยนทั้งสอง กล่าวกับแม่เล้าตึกหอมหวนว่า
"โกวเนี้ยทั้งสองทำร้ายแขนท่าน จะลงโทษนางอย่างไรดี"
แม่เล้าไม่ทันตอบ คณิการ่างอ้อนแอ้นผู้หนึ่งพลันยิ้มอย่างซุกซนพูดว่า
"โกวเนี้ยทั้งสองงดงามน่ารัก มิสู้ถอดกางเกงพวกนางออกมาชมดูว่าถ้ำหยกของพวกนางจะสวยงามแค่ไหน"
เหล่านางคณิการับคำกันเซ็งแซ่ เหวี่ยนยั่วเฟยยังไม่ทันตอบคำ พวกนางก็ฮือกันเข้าหา มือกระตุกสายรัดเอววูบ ทำให้กางเกงของทั้งคู่ร่วงลงไปกองกับเท้า เหวียนยั่วเฟยรีบหันหลังให้ จำเดิมตั้งใจจะขัดขวางแต่นึกถึงนางถือดีในอำนาจทำร้ายคนอย่างไม่มีเหตุผลสมควรได้รับการสั่งสอนแล้ว

เหล่าคณิกาแค้นใจแทนแม่เล้า จึงพากันลูบคลำโคกหีของทั้งคู่ แล้วแกล้งกล่าวลวนลามกันอย่างสนุกสนาน
"โอ้โฮ ถ้ำหยกของโกวเนี้ยทั้งคู่ช่างงดงามเหลือเกิน"
"พี่โบตั๋น ท่านว่าของคนไหนสวยกว่ากัน"
"ยากจะบอก แต่ของโกวเนี้ยท่านนี้ดกดำอวบอูมดีแท้"
"เจ้าว่าพวกนางเคยผ่านมือชายมาก่อนหรือไม่"
"ให้เราลองสำรวจดูก็รู้"

เสียงหัวเราะคิกคักดังลั่นห้อง คณิกาบ้างก็ลูบคลำเนินเนื้ออวบอูม บ้างก็ยัดนิ้วเข้าไป  แนเสี่ยวเชี่ยนทั้งสองเพียงถูกจี้สกัดจุดชา ไม่สามารถขยับเคลื่อนไหว แต่ยังมีสติแจ่มใส รับรู้เหตุการณ์ทั้งมวล ล้วนร้อนรุ่มขุ่นแค้นแทบสิ้นสติไป

เอี๋ยนอู๋ซวงพลันกล่าวกับนักดนตรีตาบอดว่า
"เรานึกออกแล้ว ให้นักดนตรีร้องเพลงสิบแปดลูบคลำเถอะ"
นักดนตรีตาบอดงงงันวูบใหญ่ ที่แท้สิบแปดลูบคลำเป็นเพลงลามก บรรยายถึงการลูบไล้ทุกส่วนสัดสรีระ ดังนั้นทักท้วงว่า
"สิบแปดลูบคลำเป็นเพลง..."
เหวียนยั่วเฟยตัดบทว่า
"นางให้ท่านร้อง ท่านก็ร้องอย่างเต็มที่"
พลางกล่าวกับแนเสี่ยวเชียนทั้งสองอย่างยิ้มแย้ม
"พวกท่านทั้งสองคอยฟังให้ดี"

ทั้งสองนางกำนัลถูกเหล่าคณิกาลูบคลำวิพากษ์วิจารณ์โคกหีก็ทั้งโกรธทั้งอับอายจนหน้าแดงฉานอยู่แล้ว พอฟังเหวียนยั่วเฟยพูดยิ่งแค้นใจจนน้ำตาหลั่งไหล ได้ยินเสียงนักดนตรีตาบอดร้องว่า
"น้องเอยน้องรัก เราคิดลูบไล้ท่านสักครา ลูบคลำแก้มเปล่งปลั่งของท่าน ลูบคลำ..."

............................................................. .

ศึกสองนางพญา ตอนที่ 24 จับตัวสาวงาม
เหมียวคำราม

แนเสี่ยวเชี่ยนทั้งสองพอได้รับการปลดปล่อยเป็นอิสระ ล้วนพกพาความคับแค้นแน่นอก กลับเข้าสู่อุทยานอบเชยของเจาเหยินกงจู้
เจาเหยินกงจู้นั่งอยู่หน้ากระจกทองเหลืองของโต๊ะเครื่องแป้ง พอพบเห็นพวกนางจึงถามว่า
"เหวียนยั่วเฟยเล่า"
เฟยจินเอ๋อขยี้เท้ากล่าวอย่างขุ่นเคือง
"มันผู้นี้ช่างน่าชิงชังนัก"
แนเสี่ยวเชี่ยนกล่าวเสริมขึ้น
"มันให้พวกนางคณิการุมถอดกางเกงเราสองคน ซ้ำยังบังคับให้ฟังเพลงสิบแปดลูบคลำ"
เจาเหยินกงจู้บันดาลโทสะ แต่นางอยู่ในหอห้องลึกล้ำ มีความรู้จำกัด อดกล่าวด้วยความสงสัยใจมิได้
"สิบแปดลูบคลำอันใด?"
เฟยจินเอ๋อกล่าวว่า
"ทั้งลูบคลำแก้ม ทั้งลูบคลำศีรษะ ยังลูบ..."
แนเสี่ยวเชี่ยนรีบกระตุกแขนเสื้อนาง มิให้กล่าวต่อ ใบหน้าแดงฉานด้วยความอายและโกรธ กล่าวว่า
"องค์หญิง มันยังยึดกางเกงพวกเราไว้บังคับให้พวกเราวิ่งเปลือยกายกลับมาช่างต่ำทรามนัก"
เฟยจินเอ๋อกล่าวต่อ
"มันยังนำท่านไปเปรียบเปรยกับนางคณิกาผู้หนึ่ง"

เจาเหยินกงจู้ตบโต๊ะอย่างขุ่นเคือง ร้องว่า
"เหวียนยั่วเฟย ท่านบังอาจนัก เราเรียกตัวท่านเข้าวัง นับเป็นการให้เกียรติท่าน ท่านไม่ยอมมา ทั้งยังหยามล่วงเกินคนของเรา เราต้องคิดบัญชีท่าน"
พลางหมุนตัวหมายจากไป แนเสี่ยวเชี่ยนทั้งสองรีบทัดทานไว้ เฟยจินเอ๋อกล่าวว่า
"องค์หญิง ด้วยศักดิ์ศรีของท่าน ไหนเลยเหยียบย่างไปยังสถานที่เช่นนั้นได้"
เจาเหยินกงจู้กล่าวว่า
"หาไม่จะทำอย่างไร"
แนเสี่ยวเชี่ยนขบคิดแล้วนึกได้วิธีหนึ่ง กล่าวว่า
"เหวียนยั่วเฟยดีต่อนางคณิกาเอี๋ยนอู๋ซวง พวกเราหากจับตัวเอี๋ยนอู๋ซวงมา เหวียนยั่วเฟยย่อมติดตามมาเอง"

แท้จริงเอี๋ยนอู๋ซวงเป็นนักดนตรีแต่เนื่องจากกลัวเฉาฮั่วฉุนแก้แค้นที่โดนหลอก จึงไปหลบภัยในตึกหอมหวน บิดาของนางเป็นคนของแม่ทัพเหวียนซึ่งเป็นบิดาของเหวียนยั่วเฟย แนเสี่ยวเชี่ยนไม่รู้ความกลับเข้าใจว่าเอี๋ยนอู๋ซวงเป็นคณิกาผู้หนึ่ง

เจาเหยินกงจู้กล่าวว่า
"อุบายที่ดี แต่เราเมื่อไม่สะดวกกับการรุดไป จะให้ผู้ใดลงมือ"
"ให้อู๋ซันกุ้ยลงมือ มันมิใช่บอกว่าจะหาโอกาสตอบแทนบุญคุณองค์หญิงหรอกหรือ"
"ตกลง ไปเสาะหาอู๋ซันกุ้ย"

ครั้นแล้ว เจาเหยินกงจู้ทั้งสามรุดไปเสาะหาอู๋ซันกุ้ย สั่งให้คร่ากุมเอี๋ยนอู๋ซวง อู๋ซันกุ้ยตอนแรกไม่ยินยอม เจาเหยินกงจู้บอกว่า จะไม่ทำร้ายเอี๋ยนอู๋ซวง เพียงต้องการให้เหวี่ยนยั่วเฟยมาพบนางภายในวัง จากนั้นจะปลดปล่อยเอี๋ยนอู๋ซวงในบัดดล อู๋ซันกุ้ยค่อยรับปากลงมือ

เช้าวันรุ่งขึ้น อู๋ซันกุ้ยคุมตัวเอี๋ยนอู๋ซวงเข้าสู่อุทยานอบเชย เห็นเจาเหยินกงจู้นั่งอยู่บนโต๊ะหินกลางลานหญ้า ดังนั้นเรียกหาว่า
"องค์หญิงรอง"
แนเสี่ยวเชี่ยน และเฟยจินเอ๋อที่ยืนปรนนิบัติอยู่ด้านหลังเจาเหยินกงจู้เหลียวมองไปตามเสียง พอเห็นเช่นนั้นกล่าวว่า
"องค์หญิง มาแล้ว"
เจาเหยินกงจู้ยืดกายขึ้น เหลียวมองไปยังเอี๋ยนอู๋ซวง ปราดแรกที่พบพาน รู้สึกเป็นที่ขัดตา ดังนั้นสั่งว่า
"มัดนางให้เรา"
แนเสี่ยวเชี่ยนทั้งสองพากันลงมือ ใช้สายรัดผ้าเส้นหนึ่ง มัดสองมือเอี๋ยนอู๋ซวงไพล่หลัง สร้างความตระหนกแก่เอี๋ยนอู๋ซวงจนร้องว่า
"องค์หญิงโปรดละเว้นชีวิต"
เจาเหยินกงจู้เชิดปากน้อยๆกล่าวว่า
"สุ้มเสียงเจ้าพื้นเพธรรมดายิ่ง เหวียนยั่วเฟยไฉนชมชอบเพลงของเจ้า"
"องค์หญิง ข้าพเจ้าไม่ทราบมีความผิดอันใด"
"เจ้าไม่มีความผิดใด เพียงแต่เราพอเห็นรูปโฉมเจ้าก็ขุ่นข้องใจ..เสี่ยวเชี่ยน จินเอ๋อ ตบตีนางให้เรา"
สองนางกำนัลรับคำ เฟยจินเอ๋อตวัดมือผุดผ่องตบใส่
แนเสี่ยวเชี่ยนกล่าวว่า
"จินเอ๋อ นางคณิกาผ่านผู้ชายมามากมาย ไม่ทราบถ้ำหยกของนางจะมีสภาพใด"
เฟยจินเอ๋อ หัวเราะคิกกล่าวว่า
"ถ้างั้นถอดกระโปรงนางมาชมดู"

ที่แท้ทั้งสองนางกำนัลแค้นใจที่ถูกถอดกางเกง จึงต้องการล้างแค้น เจาเหยินกงจู้ยังไม่ทันกล่าวทัดทาน ทั้งสองนางกำนัลก็ปลดสายรัดเอวรูดกระโปรงลงมา เห็นเรียวขาขาวเรียวงาม เนียนละเอียดเรียบรื่นจนละลานตา โคกสวาทอวบอูมเส้นขนสีดำดูอ่อนนุ่มราวกับแพรไหม

เอี๋ยนอู๋ซวงถูกตบหน้าก็รู้สึกเจ็บปวด ครั้นถูกจับถอดกระโปรงยิ่งอับอายถึงกับร้องไห้ออกมา สองนางกำนัลพากันแย้มยิ้มกล่าวเหน็บแนมอย่างสนุกสนาน

อู๋ซันกุ้ยเห็นถ้ำหยกอันงดงามอุมสมบูรณ์ของเอี๋ยนอู๋ซวง ถึงกับงงงันวูบ ท่อนควยลุกแข็งขันอย่างลืมตัว ครั้นตั้งสติได้รีบทัดทาน กล่าวว่า
"องค์หญิงรอง ท่านบอกแล้วว่าจะไม่ทำร้ายนาง"
เจาเหยินกงจู้ชม้ายตามองอู๋ซันกุ้ย กล่าวว่า
"ท่านพลอยรู้สึกเจ็บปวดใจ ท่านใช่ชมชอบนางหรือไม่?"
อู๋ซันกุ้ยรีบกล่าวว่า
"เราไหนเลยชมชอบนาง?"
"เราดูออก เราชมชอบส่งเสริมผู้คน ขอยกนางให้กับท่าน"
เอ่ยถึงตอนนี้ ได้ยินสุ้มเสียงสดใสเสียงหนึ่งสอดขึ้น
"น้องเรา"
เจาเหยินกงจู้เหลียวขวับไปตามเสียง เห็นฉางผิงกงจู้สาวเท้าเข้าสู่อุทยาน โดยมีนางกำนัลฟางเอ๋อติดตามหลัง รีบเรียกหาว่า
"พี่ท่าน"
แนเสี่ยวเชี่ยนและพวกก็ย่อกายคารวะ เรียกหา "องค์หญิงใหญ่" โดยพร้อมเพียง ฉางผิงกงจู้เห็นเอี๋ยนอู๋ซวงถูกจับมัดร้องไห้ ท่อนล่างเปลือยเปล่าจนเห็นโคกหีชัดตา ต้องฉุดดึงเจาเหยินกงจู้มายังด้านข้าง ตำหนิว่า
"น้องเรา เจ้าแม้มีศักดิ์เป็นองค์หญิง แต่ไหนเลยข่มเหงหญิงสามัญนางหนึ่งได้"
"ผู้น้องเพียงคิดสั่งสอนเหวียนยั่วเฟยสักครา"
"มาตรว่าเหวียนยั่วเฟยปล่อยตัวไม่สำรวม จะอย่างไรเป็นชนชั้นจอมยุทธ พวกเราหากสูญเสียมันจะเป็นผลกระทบกระเทือนต่อพวกเราอย่างใหญ่หลวง"

เอ่ยถึงตอนนี้ นางกำนัลผู้หนึ่งสาวเท้าก้าวปราดมา น้อมกายรายงานว่า
"เรียนองค์หญิงทั้งสอง เหวียนยั่วเฟยเดินทางมาถึง น้อมรอที่อุทยานด้านหน้า"
เจาเหยินกงจู้ตาเป็นประกาย กล่าวว่า
"พี่ท่าน ลองดูข้าพเจ้าจะจัดการกับมันอย่างไร"
พลางสั่งอู๋ซันกุ้ยเฝ้าดูแลเอี๋ยนอู๋ซวง ค่อยชักชวนแนเสี่ยวเชี่ยนทั้งสองหันกายไป

ฉางผิงกงจู้มองจนเงาหลังเจาเหยินกงจู้ทั้งสามลับตาไปค่อยกล่าวกับเอี๋ยนอู๋ซวงว่า
"โกวเนี้ย ต้องขออภัยต่อท่านยิ่ง"
จากนั้นสั่งต่อฟางเอ๋อว่า
"รีบแก้มัด ช่วยนางสวมกระโปรง"
ฟางเอ๋อทำตามคำสั่ง เอี๋ยนอู๋ซวงย่อกายคารวะต่อฉางผิงกงจู้กล่าวว่า
"ขอบคุณองค์หญิงใหญ่"

............................................................. .

เจาเหยินกงจู้เข้าหอห้องหยิบฉวยกระบี่ ค่อยชักชวนแนเสี่ยวเชี่ยนทั้งสองรุดสู่อุทยานด้านหน้า สายตายามกวาดมองเห็นบุรุษชุดขาวโบกพัดจีบ เพียงดูจากเงาหลังก็จดจำออกว่าเป็นเหวียนยั่วเฟย จึงส่งเสียงร้องแต่ไกลว่า
"เหวียนยั่วเฟย ท่านยอมมาแล้ว"
เหวียนยั่วเฟยหมุนตัวมาตามเสียง ยิ้มพลางกล่าวว่า
"องค์หญิงเจาเหยิน เราเพิ่งแต่งกลอนในที่นี้บทหนึ่ง ท่านต้องการฟังหรือไม่"
ไม่รอให้อีกฝ่ายหนึ่งตอบคำ ก็เอื้อนเอ่ยว่า
"โฉมนงคราญอยู่เกลื่อนกล่น ทุ่มพันตำลึงทองเพื่อยิ้มเดียว เมื่อเป็นสุรางคนางในเวียงวัง ไยต้องเฝ้าประชันชันแข่ง"
เจาเหยินกงจู้รับฟังจนหน้าแปรเปลี่ยนไป กระชากเสียงว่า
"ท่านกลับนำเราไปเปรียบเทียบกับนางคณิกา ตกลง ท่านหากต้องการนำพาเอี๋ยนอู๋ซวงไป ให้ถามกระบี่ของเราก่อน"
เหวียนยั่วเฟยหุบพัดจีบลง กล่าวว่า
"ก็ได้ เราหากเป็นฝ่ายแพ้ ก็ปล่อยให้ท่านจัดการกับเอี๋ยนโกวเนี้ยอย่างเต็มที่"
เพิ่งขาดคำ เจาเหยินกงจู้ตวัดกระบี่พร้อมฝักขึ้น จู่โจมถึงเบื้องหน้าเหวียนยั่วเฟย
เหวียนยั่วเฟยหงายหน้าหลบเลี่ยง เจาเหยินกงจู้ก็พลิกแพลงเปลี่ยนกระบวนท่า ลดข้อมือวูบ กวาดกระบี่เข้าใส่ทรวงอีกอีกฝ่ายหนึ่ง
เหวียนยั่วเฟยคลี่พัดจีบออก สะกดกระบี่นี้ไว้ เจาเหยินกงจู้พลันหมุนตัวคราหนึ่ง ตวัดกระบี่กลับหลัง เหวียนยั่วเฟยต้องพลิกตัววูบ หลบหลีกจากกระบี่นี้

เจาเหยินกงจู้สืบเท้าปราด พลิกข้อมือควงกระบี่ใช้พู่กระบี่สีแดงสดโหมจู่โจมใหม่ เพลงกระบี่ของนางลึกล้ำ พลิกแพลงปราดเปรียว ซ้ำยังว่องไว แต่พัดจีบของเหวียนยั่วเฟยเดี๋ยวหุบเดี๋ยวกาง กลับปิดป้องเพลงกระบี่ของนางได้ทั้งหมด เจาเหยินต่อสู้เป็นเวลานานกลับไม่อาจสยบเขาลงได้ต้องบันดาลโทสะ เพลงกระบี่เปลี่ยนเป็นเกรี้ยวกราด ยกมือซ้ายปัดพัดจีบเบนเบือน แล้วกรีดกระบี่พุ่งวาบเข้าใส่อย่างรวดเร็ว

เหวียนยั่วเฟยย่อกายวูบ กลับมุดลอดใต้คมกระบี่ของนาง อ้อมปราดไปด้านหลังเจาเหยินกงจู้ จากนั้นถอยปราดไปยืนในระยะห่าง ชูมือซ้ายชึ้นอย่างยิ้มแย้ม ในมือเพิ่มดอกไม่มุกล้ำค่าดอกหนึ่ง

เจาเหยินกงจู้ยกมือแตะมุ่นมวยผมอย่างลืมตัว ยืนตะลึงลานกับที่
ดอกไม้มุกนั้นความจริงประดับบนมวยผมนาง กลับถูกเหวียนยั่วเฟยปลดไป
เหวียนยั่วเฟยยิ้มพลางกล่าวว่า
"องค์หญิงเจาเหยิน เราชนะแล้ว"

ได้ยินสุ้มเสียงสดใสเสียงหนึ่งสอดขึ้น
"เป็นกระบวนท่าอันยอดเยี่ยมจริงๆ แต่หากมิใช่น้องเรามีจิตใจดีงาม ไม่อาจหักใจทำร้ายท่าน ท่านไหนเลยพิชิตนางได้?"

............................................................. .

ศึกสองนางพญา ตอนที่ 25 ความสัมพันธ์พิสดาร
เหมียวคำราม

คนกล่าววาจาคือฉางผิงกงจู้ ที่แท้นางกับเอี๋ยนอู๋ซวงติดตามมาถึง เห็นการประลองยุทธระหว่างเหวียนยั่วเฟยกับเจาเหยินกงจู้โดยชัดตา
เหวียนยั่วเฟยเหลียวหน้าไปตามเสียง เห็นเป็นนางพญาในชุดขาวปักลายหงส์คู่นางหนึ่ง ต้องโพล่งว่า
"ท่านนี้คือ..."
เจาเหยินกงจู้กล่าวเสริมขึ้น
"นางเป็นเจ้เจ๊เราองค์หญิงฉางผิง"
เหวียนยั่วเฟยตะลึงลานวูบจึงกล่าว
"ที่แท้เป็นองค์หญิงใหญ่ ขอถามน้องท่านมีจิตใจดีงามอย่างไร?"
ฉางผิงกงจู้กล่าวว่า
"เมื่อครู่น้องเราพอลงมือ ก็ใช้ออกด้วยท่าหงสาสามผงกหัว"
"เราใช้ท่าลมฝนแปดทิศเข้าคลี่คลาย"
"น้องเราหากลงมือ ก็ใช้ออกด้วยท่าห้าเหมยเบ่งบาน แยกย้ายแทงใส่จุดเทียนตี้ ฮุ้นมึ้ง ฮั่วก่าย เชียะซิบและเห็งมึ้งของท่านห้าแห่ง ท่านจะรับมืออย่างไร"
"เราจะใช้ท่าลมคลุมทั่วทั้งเหลาเข้าทำลาย"
"แต่หากเป็นเช่นนั้น ท่านต้องถอยร่นไปห้าก้าว"
เหวียนยั่วเฟยรับคำ ฉางผิงกงจู้จึงกล่าวว่า
"ท่านลองดูว่าที่นี่มีพื้นที่กว้างขวางเท่าใด?"
"ยังเพียงพอให้เราสำแดงฝีมืออย่างเต็มที่"
"หากแม้นน้องเราสามนายบ่าวใช้ท่าสิบสองกับดัก ผนึกกำลังต้านรับท่าลมคลุมทั่วทั้งเหลาของท่าน ท่านจะรับมืออย่างไร?"
"เราจะใช้ท่าลำแสงพุ่งฟ้าเข้าต่อกร"
"หากท่านใช้กระบวนท่านี้ กระบี่ของน้องเราทั้งสามจะแทงใส่จุดย่งจั้วที่ส้นเท้าของท่าน ท่านจะหลบเลี่ยงได้สักกี่กระบี่?"
เหวียนยั่วเฟยอึ้งไปวูบจึงกล่าว
"องค์หญิงสูงส่งยอดเยี่ยมจริง แต่นี่เป็นเพียงการเคลื่อนทัพบนแผ่นกระดาษ เราคิดขอรับทราบกระบวนท่าขององค์หญิงด้วยตนเอง"

ฉางผิงกงจู้เบือนหน้าไปอีกทางหนึ่ง หาตอบรับไม่ เจาเหยินกงจู้ต้องกล่าวว่า
"พี่เราร่างกายอ่อนแอตั้งแต่เล็ก ไม่เคยฝึกวิชาบู๊มาก่อน ไหนเลยประกระบวนท่ากับท่านได้?"
ฉางผิงกงจู้กล่าวเสริมขึ้น
"กระบวนท่าของเรา ล้วนเล่าเรียนจากคัมภีร์วิชาฝีมือทั้งสิ้น"
เหวียนยั่วเฟยมีท่าทีระทดท้อแท้ กล่าวว่า
"เราแม้ประลองยุทธเอาชัยองค์หญิงเจาเหยิน แต่ภูมิรอบรู้เชิงวิทยายุทธ ยังสู้คนไม่รู้จักฝีมือผู้หนึ่งไม่ได้ ไหนเลยอวดตนเป็นผู้ชนะได้ เราขอยอมรับการพ่ายแพ้"
พลางเหลียวหน้าไปยังเอี๋ยนอู๋ซวงอย่างเสียใจแวบหนึ่ง

ฉางผิงกงจู้กล่าวว่า
"เหวียนกงจื้อ ซึ่งความจริงผลแพ้ชนะได้เสียไม่ควรยึดถือเกินไป ท่านสามารถนำโกวเนี้ยนางนี้กลับไปได้"
เจาเหยินกงจู้เรียก "พี่ท่าน" ฉางผิงกงจู้ชิงกล่าวว่า
"เรื่องนี้น้องเราเป็นฝ่ายผิดตั้งแต่ต้น เราต้องขออภัยแทนน้องเรา ณ ที่นี้"
เหวียนยั่วเฟยประสานมือกล่าวว่า
"องค์หญิงใหญ่เคารพเหตุผลเทิดทูลคุณธรรม ผู้แซ่เหวียนนับถือเลื่อมใสยิ่ง"
กล่าวจบ นำพาเอี๋ยนอู๋ซวงออกจากวัง กลับไปยังห้องพักในตึกหอมหวน


............................................................. .

วิกาลผ่านมาได้ค่อนคืน ใกล้เวลาจะรุ่งสางแล้ว เช็งเซียนจื้อนอนซุกหน้าอยู่ในอ้อมอกของเอี้ยชงบนเตียง สองอาจารย์ศิษย์หยอกเย้ากันอย่างหวานชื่น

ยามนั้นเอี้ยชงกล่าวว่า
"เช็งยี้ เจ้าช่างยอดเยี่ยมยิ่งนัก"
"ซือเฮีย ข้ามีความสุขเหลือเกิน"
"เช็งยี้ เจ้าว่าลีลาของข้าเป็นยังไง"
เช็งเซียนจื้ออุทานดังอา พลิกหันหลังให้ กล่าวด้วยสีหน้าแดงซ่านว่า
"เรื่องแบบนี้ไหนเลยกล่าวได้ ช่างน่าอายนัก"
เอี้ยชงสวมกอดนางไว้ จูบไปที่แก้มของนาง แล้วกระซิบที่ข้างหูว่า
"บอกมา ลีลาของข้าเป็นยังไง มิเช่นนั้นจะถูกลงโทษ"
ปากว่าสอดมือเข้าไปคลึงที่ปทุมถันอวบอิ่มของนาง
เช็งเซียนจื้อถูกจับนม ก็วาบหวิว สั่นสะท้าน กล่าวว่า
"ซือเฮีย ท่าน...ลีลา...ดียิ่ง..." พูดถึงเพียงนี้ก็อับอายหน้าแดงฉานไป

เอี้ยชงไม่เห็นใบหน้านาง แต่ได้ยินถ้อยคำก็ได้ใจ ขยับกายแนบไปกับร่างนาง ท่อนควยเต้นกระดุบๆทาบอยู่ที่ร้องก้น มือก็เลื่อนลูบไล้ไปตามส่วนสัดที่งดงามเย้ายวน ลงไปเกาะกุมอยู่ที่โคกหี ลูบคลำขนหมอยอ่อนนุ่มของนางเล่น พร้อมกับขยับตัวให้ลำควยเสียดสีกับร่องก้น สร้างความเสียวซ่านให้เช็งเซียนจื้อยิ่งนัก ถึงกับร้องครางออกมาเบาๆ
"ซือเฮีย พอก่อนเถอะ ข้าจะไม่ไหวแล้ว"
เอี้ยชงหัวเราะเสียงหื่น สอดนิ้วเข้าไปในร่องหีที่เปียกแฉะกล่าวว่า
"เช็งยี้ หีเจ้าโดนรุมกระหน่ำจากนักพรตโฉดมาไม่รู้กี่อันยังปิดสนิทแน่น ช่างน่าอัศจรรย์นัก"
"ซือเฮีย อย่าพูดแล้ว"
"อับอายไปไย.... เช็งยี้ เจ้าสอนวิทยายุทธให้ข้า แต่ข้าสอนเพลงสวาทให้เจ้า อันที่จริงเจ้าควรเรียกข้าว่าอาจารย์บ้างจะได้ไม่เสียเปรียบกัน"

เช็งเซียนจื้อได้ฟังก็วาบหวามหัวใจ ร่ำร้องว่า
"ไหนเลยมีเรื่องน่าอายเช่นนั้น ชงยี้ แค่เรียกเจ้าว่าเซือเฮียก็ยากจะกล่าวออกจากปากแล้ว เจ้านี่ช่าง.."
เอี้ยชงพลันพลิกร่างนางกลับมา สวมกอดไว้ จูบเบาๆที่แก้ม แล้วกล่าว
"เช็งยี้ เจ้าหน้าอ่อนเยาว์อย่างนี้จะต้องอับอายไปไย ...หากบอกเป็นน้องสาวข้า ใครจะกล้าไม่เชื่อ"
พูดพลางมือเปะปะลูบไล้ไปทั่วร่างของนาง
"อืมมม... เช็งยี้ตัวเจ้าช่างนุ่มมือยิ่งนัก มาเย็ดกันอีกรอบเถอะ"
"อย่า ไม่เอา..ซือเฮีย...พอแล้ว"
"อูยยย ไม่เอาได้ไง อือ เช็งยี้ หีเจ้าแฉะไปหมดแล้ว มาเถอะ..."
เช็งเซียนจื้อหัวเราะคิก ดิ้นรนจากอ้อมกอด ลุกขึ้นจากเตียงแล้วกล่าวว่า
"ใกล้จะสางแล้ว ซือเฮีย ข้าไปอาบน้ำก่อนดีกว่า"
เอี้ยชงหัวเราะกล่าวหยอกล้อว่า
"จริงด้วย เช็งยี้ ตัวเจ้าเปียกน้ำกามของพวกจมูกโคเต็มไปหมด อาบน้ำให้หอมๆแล้วค่อยมาเย็ดกันต่อ"
เช็งเซียนจื้อหัวเราะชอบใจ พลันกล่าวว่า
"เอ๊ะ.. ว่าข้าเหม็นงั้นให้ดมเลย"
พูดแล้วกระโดดกลับขึ้นไปบนเตียง จ่อโคกหีเข้ากับจมูก เอี้ยชงรีบยึดสะโพกนางไว้แล้วแลบลิ้นสอดเข้าไปในร่องหีทันที เช็งเซียนจื้อหัวร่อคิกแล้วรีบกระโดดออก สวมเสื้อคลุมแล้วเดินออกจากห้องด้วยความวาบหวามดื่มด่ำ

............................................................. .